เกี่ยวกับฉัน

รูปภาพของฉัน
เมือง, พิษณุโลก, Thailand

วันอังคารที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2568

EP.75 จิตเวชหัวข้อ 35 : โรคกลัวการเข้าสังคม (Social Phobia) F40.1


 Psych. Topic 35 : Social Phobia : F40.1

🎭 กลัวคน? กลัวสังคม? ระวัง "โรคกลัวการเข้าสังคม (F40.1)"

🧠 พยาธิสภาพ / ช่วงอายุที่พบบ่อย

  • โรคนี้คือความวิตกกังวลรุนแรงเมื่อต้องเผชิญหน้าหรืออยู่ในสังคม
  • มักเริ่มในวัยรุ่น – วัยทำงานตอนต้น (อายุ 13–25 ปี)

😰 อาการเด่น

  • เขินอายมากผิดปกติเมื่ออยู่ต่อหน้าคนอื่น
  • ใจสั่น เหงื่อออก มือสั่น หลีกเลี่ยงการพูดต่อหน้าคน
  • กลัวถูกวิจารณ์หรือมองไม่ดีในที่สาธารณะ

⚠️ปัจจัยที่กระตุ้นให้เกิดโรค

  • ถูกล้อเลียนหรือวิจารณ์แรงๆ ในวัยเด็ก
  • พื้นฐานนิสัยขี้อายเกินไป
  • พันธุกรรมหรือเคมีสมองแปรปรวน

💊การรักษา

  • ยาต้านวิตกกังวล / ยากลุ่ม SSRI
  • จิตบำบัด (CBT) เพื่อปรับความคิดและพฤติกรรม
  • ฝึกเผชิญหน้าในสถานการณ์ที่กลัวทีละน้อย

👩‍⚕️การพยาบาล

  • สร้างความไว้วางใจ ให้คนไข้รู้สึกปลอดภัย
  • กระตุ้นให้กล้าเผชิญหน้าสังคมทีละน้อย
  • ให้คำแนะนำการหายใจผ่อนคลาย ลดอาการกังวล

🏡 การดูแลตนเองสำหรับบุคคลทั่วไป

  • หัดพูดกับคนใกล้ชิดก่อน
  • ฝึกหายใจลึกๆ ก่อนเจอสถานการณ์ที่กังวล
  • อย่าหลีกเลี่ยงสังคมตลอดเวลา — ค่อยๆ ฝึกเผชิญหน้า
  • หากอาการรุนแรง ควรพบจิตแพทย์

.................................................................

📌 อย่าปล่อยให้ความกลัวขัดขวางชีวิตดีๆ ของคุณ
การรักษาเริ่มได้ตั้งแต่วันนี้ 💬

🎭 “ไม่ใช่แค่ขี้อาย...แต่คือความกลัวที่ขังใจ”
อย่าปล่อยให้ความกลัวสังคม ขโมยความสุขและโอกาสในชีวิตคุณ
เข้าใจ Social Phobia ให้ทันก่อนที่โลกจะเล็กลงโดยไม่รู้ตัว 💬

#กลัวการเข้าสังคม #SocialPhobia #สุขภาพจิต #เข้าใจโรคจิตเวช #ไม่ใช่แค่ขี้อาย #สุขภาพใจสำคัญ #พยาบาลต้องรู้ #คนทั่วไปต้องเข้าใจ #MentalHealthAwareness #โรคซึมเศร้าไม่ใช่เรื่องเล่น

……………………………………….

🧠 วินิจฉัยการพยาบาลโรคกลัวการเข้าสังคม (Social Phobia) F40.1

  1. F40.1F1 มีความวิตกกังวลรุนแรงเมื่ออยู่ในสถานการณ์สังคม (Severe anxiety in social situations)ผู้ป่วยรู้สึกเครียด ตื่นตระหนก กลัวการประเมินหรือถูกจับจ้องจากผู้อื่นแม้เป็นสถานการณ์ทั่วไป
  2. F40.1F2 เสี่ยงต่อการแยกตัวทางสังคมและความสัมพันธ์ลดลง (Risk for social isolation and impaired relationships)หลีกเลี่ยงการมีปฏิสัมพันธ์ ทำให้เกิดการแยกตัวจากครอบครัว เพื่อน และชุมชน
  3. F40.1F3 มีความนับถือตนเองต่ำ (Low self-esteem)รู้สึกไม่มั่นใจในตัวเอง คิดว่าตนไม่ดีพอ หรือกลัวความล้มเหลวเมื่ออยู่ต่อหน้าผู้อื่น
  4. F40.1F4 มีรูปแบบการเผชิญปัญหาที่ไม่เหมาะสม (Ineffective coping)หลีกเลี่ยงสถานการณ์แทนการเผชิญ กลายเป็นพฤติกรรมถอยหนี เช่น ลาป่วย ไม่เข้าสังคม
  5. F40.1F5 เสี่ยงต่อการเกิดภาวะซึมเศร้าร่วม (Risk for comorbid depression)หากปล่อยไว้นาน อาจเกิดภาวะซึมเศร้า มีอารมณ์เศร้า สิ้นหวัง หรืออยากทำร้ายตนเอง
  6. F40.1F6 ขาดความรู้ในการดูแลตนเองเมื่อมีอาการ (Deficient knowledge regarding self-care management)ไม่รู้วิธีจัดการกับอาการ เช่น การหายใจผ่อนคลาย หรือฝึกการเผชิญหน้าอย่างเป็นขั้นตอน
  7. F40.1F7 มีปัญหาในการปฏิบัติกิจวัตรประจำวัน (Impaired ability to perform daily activities)หลีกเลี่ยงการไปเรียน ทำงาน หรือเข้าสังคม ทำให้การใช้ชีวิตประจำวันเสียสมดุล
  8. F40.1F8 ขาดแรงสนับสนุนจากครอบครัวหรือสังคม (Lack of family or social support)ขาดความเข้าใจจากคนรอบข้าง ส่งผลต่อแรงจูงใจในการรักษาและการฟื้นฟู
  9. F40.1F9 ขาดความพร้อมในการจำหน่ายและดูแลต่อเนื่อง (Readiness for discharge with continuing care needs)ยังต้องการการดูแลต่อเนื่องที่บ้าน เช่น ยา นัดพบจิตแพทย์ และการฟื้นฟูจิตใจ
  10. F40.1F10 มีศักยภาพในการฟื้นตัวและปรับตัวในระยะยาว (Potential for long-term adaptation and recovery)สามารถกลับมาใช้ชีวิตในสังคมได้ หากได้รับการรักษาและสนับสนุนที่เหมาะสมอย่างต่อเนื่อง

..........................................................................

F40.1F1: มีความวิตกกังวลรุนแรงเมื่ออยู่ในสถานการณ์สังคม (Severe anxiety in social situations)

✅ Assessment (การประเมิน)

S:

  • ผู้ป่วยบอกว่า "รู้สึกเครียด เหมือนจะหายใจไม่ออกเวลาอยู่กับคนเยอะๆ"
  • กลัวถูกวิจารณ์ ถูกจับจ้องจากคนอื่น

O:

  • สังเกตเห็นผู้ป่วยหลีกเลี่ยงการพูดคุยกับผู้อื่น
  • แสดงอาการกระสับกระส่าย มือสั่น เหงื่อออก ใจสั่นเมื่ออยู่ในที่สาธารณะ
  • หลีกเลี่ยงกิจกรรมกลุ่ม หรือการเข้าสังคมที่จำเป็น
  • มีการนั่ง/ยืนอยู่ห่างจากผู้อื่น หรืออยู่คนเดียวบ่อยครั้ง

🎯 Goals (เป้าหมาย)

  • ลดระดับความวิตกกังวลในสถานการณ์สังคม
  • ผู้ป่วยสามารถเผชิญหน้าสถานการณ์สังคมได้ดีขึ้น
  • มีความมั่นใจในการพูดคุยหรืออยู่ร่วมกับผู้อื่นเพิ่มขึ้น

📏 Evaluation Criteria (เกณฑ์การประเมิน)

  • ผู้ป่วยรายงานว่ารู้สึกวิตกกังวลลดลง
  • เข้าร่วมกิจกรรมกลุ่มหรือสถานการณ์สังคมได้อย่างน้อย 1 ครั้งต่อวัน
  • แสดงสีหน้า/ท่าทางสงบมากขึ้นเมื่ออยู่ในสถานการณ์เดิม

🛠️ Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)

  • F40.1F1I-1: ประเมินระดับความวิตกกังวลอย่างสม่ำเสมอ เช่น ใช้สเกล 0–10 เพื่อวัดความรุนแรงของความกลัว
  • F40.1F1I-2: สร้างสัมพันธภาพที่ไว้วางใจ ให้ผู้ป่วยรู้สึกปลอดภัย ไม่ถูกตัดสิน
  • F40.1F1I-3: สอนเทคนิคการหายใจลึก ๆ และฝึกการผ่อนคลายกล้ามเนื้อเพื่อลดอาการวิตกกังวล
  • F40.1F1I-4: วางแผนร่วมกับผู้ป่วยให้เผชิญสถานการณ์ที่กลัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป (Gradual Exposure)
  • F40.1F1I-5: แนะนำให้ผู้ป่วยจดบันทึกความรู้สึกเมื่อเผชิญสถานการณ์สังคม เพื่อติดตามความก้าวหน้า
  • F40.1F1I-6: สนับสนุนการมีส่วนร่วมในกิจกรรมกลุ่มขนาดเล็กในระยะแรก
  • F40.1F1I-7: สื่อสารกับครอบครัวให้เข้าใจโรคและวิธีสนับสนุนผู้ป่วยอย่างเหมาะสม
  • F40.1F1I-8: ประสานทีมสุขภาพจิต เช่น จิตแพทย์หรือนักจิตวิทยา หากผู้ป่วยมีอาการรุนแรงต่อเนื่อง

✅ Response (การตอบสนอง)

  • F40.1F1R-1: ผู้ป่วยรายงานว่าความวิตกกังวลลดลงจาก 9 เหลือ 4 ในสเกล 0–10
  • F40.1F1R-2: ผู้ป่วยสามารถเข้าร่วมกิจกรรมกลุ่มเล็กโดยไม่มีอาการตื่นตระหนก
  • F40.1F1R-3: ผู้ป่วยใช้เทคนิคการหายใจผ่อนคลายได้ด้วยตนเองเมื่อต้องเผชิญสถานการณ์
  • F40.1F1R-4: ครอบครัวมีส่วนร่วมและให้การสนับสนุนอย่างเข้าใจ
  • F40.1F1R-5: ผู้ป่วยเริ่มกลับมาทำกิจวัตรประจำวันที่เคยหลีกเลี่ยง เช่น ไปทำงานหรือพบปะเพื่อน

.........................................................................

F40.1F2: เสี่ยงต่อการแยกตัวทางสังคมและความสัมพันธ์ลดลง (Risk for social isolation and impaired relationships)

✅ Assessment (การประเมิน)

S:

  • ผู้ป่วยกล่าวว่า “ไม่อยากเจอใคร รู้สึกไม่สบายใจเวลาอยู่กับคนอื่น”
  • บอกว่า “อยู่คนเดียวสบายใจกว่า”

O:

  • ผู้ป่วยแยกตัว ไม่พูดคุยกับผู้อื่น
  • ไม่เข้าร่วมกิจกรรมกลุ่มหรือไม่ออกจากห้องพัก
  • ไม่มีผู้มาเยี่ยมหรือสื่อสารกับครอบครัว/เพื่อน
  • มีท่าทีเฉยชาเมื่อพูดถึงสังคมหรือความสัมพันธ์กับผู้อื่น

🎯 Goals (เป้าหมาย)

  • ลดความรู้สึกแยกตัวและเพิ่มการมีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น
  • ผู้ป่วยสามารถสื่อสารและเริ่มสร้างความสัมพันธ์ที่ดีขึ้นได้
  • ฟื้นฟูความผูกพันกับครอบครัวและชุมชน

📏 Evaluation Criteria (เกณฑ์การประเมิน)

  • ผู้ป่วยเริ่มพูดคุยกับบุคคลใกล้ชิดอย่างน้อย 1 คนต่อวัน
  • เข้าร่วมกิจกรรมกลุ่มอย่างน้อย 3 ครั้งต่อสัปดาห์
  • รายงานว่ารู้สึกสบายใจมากขึ้นเมื่อติดต่อกับผู้อื่น

🛠️ Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)

  • F40.1F2I-1: สังเกตพฤติกรรมการแยกตัวและบันทึกความถี่ของการเข้าสังคมในแต่ละวัน
  • F40.1F2I-2: เปิดโอกาสให้ผู้ป่วยพูดคุยเกี่ยวกับความรู้สึกที่มีต่อการเข้าสังคมโดยไม่ตัดสิน
  • F40.1F2I-3: ส่งเสริมการมีส่วนร่วมในกิจกรรมกลุ่มเล็กที่ปลอดภัย เช่น เล่นเกมกลุ่ม ฟังเพลง
  • F40.1F2I-4: สนับสนุนให้เริ่มสื่อสารกับครอบครัว เช่น การโทรหรือวิดีโอคอล
  • F40.1F2I-5: แนะนำให้เขียนไดอารี่หรือบันทึกความรู้สึกเมื่อพูดคุยกับผู้อื่น
  • F40.1F2I-6: ให้คำแนะนำครอบครัวเรื่องการสื่อสารเชิงบวกและไม่กดดันผู้ป่วย
  • F40.1F2I-7: ประเมินสิ่งแวดล้อมที่ผู้ป่วยอยู่ ว่ามีสิ่งใดเป็นอุปสรรคต่อการเข้าสังคมหรือไม่
  • F40.1F2I-8: ร่วมวางแผนการฟื้นฟูทางสังคมร่วมกับนักจิตวิทยาหรือนักกิจกรรมบำบัด

✅ Response (การตอบสนอง)

  • F40.1F2R-1: ผู้ป่วยเข้าร่วมกิจกรรมกลุ่มสั้น ๆ อย่างน้อย 1 ครั้งต่อวันโดยสมัครใจ
  • F40.1F2R-2: มีการพูดคุยกับเจ้าหน้าที่หรือเพื่อนผู้ป่วยมากขึ้น
  • F40.1F2R-3: ผู้ป่วยสื่อสารกับครอบครัวหรือเพื่อนอย่างน้อย 1 ครั้งต่อวัน
  • F40.1F2R-4: แสดงสีหน้าผ่อนคลายและมีปฏิสัมพันธ์เชิงบวกเมื่ออยู่กับผู้อื่น
  • F40.1F2R-5: รายงานว่ารู้สึกเชื่อมโยงกับผู้อื่นมากขึ้นและมีความมั่นใจที่จะอยู่ในสังคม

................................................................

F40.1F3 – มีความนับถือตนเองต่ำ (Low self-esteem)

✅ Assessment (การประเมิน)

S:

  • ผู้ป่วยกล่าวว่า “รู้สึกว่าตัวเองไม่เก่งพอ”
  • กลัวคนจะมองว่าแย่” หรือ “ทำอะไรก็ล้มเหลวตลอด”

O:

  • ผู้ป่วยหลีกเลี่ยงการแสดงออกหรือเสนอความคิดเห็น
  • มีท่าทางลังเล ไม่กล้าตัดสินใจด้วยตนเอง
  • มักพูดตำหนิตนเอง เช่น “ฉันไม่ดีพอ” หรือ “ฉันทำไม่ได้”

🎯 Goals (เป้าหมาย)

  • เพิ่มความมั่นใจในตนเอง
  • ส่งเสริมให้ผู้ป่วยเห็นคุณค่าในตนเอง
  • สามารถตัดสินใจเรื่องง่าย ๆ ด้วยตนเอง
  • ลดความคิดลบต่อตนเอง

📏 Evaluation Criteria (เกณฑ์การประเมิน)

  • ผู้ป่วยพูดถึงข้อดีของตนเองอย่างน้อย 1–2 ข้อ
  • กล้าแสดงความคิดเห็นในกลุ่มหรือระหว่างการสนทนา
  • แสดงพฤติกรรมเชิงบวกและเชื่อมั่นในตนเองเพิ่มขึ้น
  • ลดการพูดตำหนิตนเอง

🛠️ Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)

  • F40.1F3I-1: รับฟังผู้ป่วยอย่างไม่ตัดสิน เพื่อสร้างความไว้วางใจ
  • F40.1F3I-2: ชี้ให้เห็นจุดแข็งหรือความสำเร็จเล็กๆ ที่ผู้ป่วยทำได้
  • F40.1F3I-3: ส่งเสริมให้เขียนหรือพูดถึง “สิ่งที่ฉันทำได้ดีวันนี้” วันละ 1 ข้อ
  • F40.1F3I-4: สนับสนุนให้ผู้ป่วยมีบทบาทเล็กๆ ในกิจกรรมกลุ่ม เช่น แจกของ พูดสั้นๆ
  • F40.1F3I-5: ให้ข้อมูลย้อนกลับเชิงบวกทันทีเมื่อผู้ป่วยกล้าแสดงออก
  • F40.1F3I-6: หลีกเลี่ยงการเปรียบเทียบกับผู้อื่น แต่เน้นการเติบโตของผู้ป่วยเอง
  • F40.1F3I-7: แนะนำกิจกรรมเสริมความมั่นใจ เช่น เขียนข้อความให้กำลังใจตัวเอง
  • F40.1F3I-8: ร่วมกับนักจิตวิทยาในการจัดทำแผนเสริมสร้างความมั่นใจรายบุคคล

✅ Response (การตอบสนอง)

  • F40.1F3R-1: ผู้ป่วยสามารถระบุสิ่งที่ตนเองทำได้ดีอย่างน้อย 1 อย่างต่อวัน
  • F40.1F3R-2: กล้าตัดสินใจเรื่องเล็กน้อยด้วยตนเอง เช่น เลือกกิจกรรมหรือเมนูอาหาร
  • F40.1F3R-3: แสดงพฤติกรรมที่มั่นใจมากขึ้น เช่น พูดต่อหน้าคนได้
  • F40.1F3R-4: ลดการพูดตำหนิตนเองลง
  • F40.1F3R-5: ยิ้มและแสดงอารมณ์เชิงบวกเพิ่มขึ้นเมื่อพูดถึงตนเอง

..................................................................

F40.1F4: มีรูปแบบการเผชิญปัญหาที่ไม่เหมาะสม (Ineffective coping)

✅ Assessment (การประเมิน)

S:

  • ผู้ป่วยกล่าวว่า “ไม่อยากเจอใครเลย” หรือ “ถ้าเลี่ยงได้ก็จะเลี่ยง”
  • บ่นว่างานหรือสถานการณ์บางอย่างทำให้เครียดแต่ไม่พยายามจัดการ

O:

  • ผู้ป่วยมักลาป่วยหรือเลี่ยงเข้าร่วมกิจกรรมทางสังคม
  • มีพฤติกรรมถอยหนี เช่น แยกตัว ไม่พูดคุย ไม่มองหน้า
  • แสดงความวิตกเมื่อพูดถึงสถานการณ์สังคม

🎯 Goals (เป้าหมาย)

  • ผู้ป่วยสามารถรับรู้และเข้าใจรูปแบบการเผชิญปัญหาของตน
  • ใช้กลยุทธ์การเผชิญปัญหาอย่างเหมาะสมมากขึ้น
  • ลดพฤติกรรมหลีกเลี่ยงหรือถอยหนี
  • กล้าเผชิญสถานการณ์ทางสังคทีอย่างค่อยเป็นค่อยไป

📏 Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)

  • ผู้ป่วยสามารถพูดถึงวิธีการจัดการปัญหาอย่างน้อย 1 วิธี
  • กล้าเข้าร่วมกิจกรรมทางสังคมมากขึ้น
  • พฤติกรรมหลีกเลี่ยงลดลง
  • แสดงออกถึงความพยายามในการเผชิญสถานการณ์แทนการหนี

🛠️ Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)

  • F40.1F4I-1: ประเมินรูปแบบการเผชิญปัญหาที่ผู้ป่วยใช้อยู่ในปัจจุบัน
  • F40.1F4I-2: สร้างความเข้าใจว่าการหลีกเลี่ยงเป็นเพียงการลดอาการชั่วคราว แต่ไม่ช่วยแก้ปัญหาระยะยาว
  • F40.1F4I-3: สนับสนุนการใช้วิธีเผชิญปัญหาเชิงสร้างสรรค์ เช่น พูดคุย ขอคำแนะนำ ไม่หนีปัญหา
  • F40.1F4I-4: แนะนำการเขียนบันทึกความรู้สึกและวิธีรับมือในแต่ละวัน
  • F40.1F4I-5: ฝึกการใช้ทักษะผ่อนคลาย เช่น หายใจลึก ๆ เมื่อเผชิญสถานการณ์กดดัน
  • F40.1F4I-6: ให้กำลังใจและชมเชยทันทีเมื่อผู้ป่วยแสดงความพยายามเผชิญสถานการณ์
  • F40.1F4I-7: ใช้ role-play (จำลองสถานการณ์) เพื่อให้ผู้ป่วยฝึกการตอบสนองต่อสถานการณ์สังคม
  • F40.1F4I-8: ส่งต่อผู้เชี่ยวชาญ เช่น นักจิตวิทยา เพื่อทำกิจกรรมปรับพฤติกรรม (CBT)

✅ Response (การตอบสนอง)

  • F40.1F4R-1: ผู้ป่วยเริ่มพูดถึงความรู้สึกและวิธีการจัดการกับปัญหาได้
  • F40.1F4R-2: พฤติกรรมถอยหนี เช่น การลาป่วยโดยไม่มีเหตุผล ลดลง
  • F40.1F4R-3: ผู้ป่วยเข้าร่วมกิจกรรมกลุ่มเล็ก ๆ ได้โดยไม่หลีกเลี่ยง
  • F40.1F4R-4: ผู้ป่วยกล่าวถึงความมั่นใจเพิ่มขึ้นเมื่อเผชิญสถานการณ์สังคม
  • F40.1F4R-5: มีการบันทึกวิธีรับมือเชิงบวกอย่างต่อเนื่อง

.....................................................................

F40.1F5 เสี่ยงต่อการเกิดภาวะซึมเศร้าร่วม (Risk for comorbid depression)

✅ Assessment (การประเมิน)

S:

  • ผู้ป่วยบอกว่า “รู้สึกเบื่อ ไม่มีความสุขเลย”
  • พูดถึงความสิ้นหวัง หรือรู้สึกว่าชีวิตไม่มีความหมาย

O:

  • สีหน้าเศร้า พูดน้อย ไม่มีแรงจูงใจทำกิจกรรม
  • นอนหลับยากหรือหลับมากผิดปกติ
  • รับประทานอาหารลดลง น้ำหนักลด
  • หลีกเลี่ยงกิจกรรมที่เคยสนุกสนาน
  • มีประวัติพฤติกรรมหรือคำพูดที่สื่อถึงการทำร้ายตนเอง

🎯 Goals (เป้าหมาย)

  • ผู้ป่วยสามารถแสดงความรู้สึกได้อย่างปลอดภัย
  • ลดความเสี่ยงต่อภาวะซึมเศร้าร่วมและพฤติกรรมอันตรายต่อตนเอง
  • มีพฤติกรรมการดูแลตนเองเพิ่มขึ้น
  • กลับมาทำกิจกรรมประจำวันได้ตามปกติ

📏 Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)

  • ผู้ป่วยแสดงออกถึงอารมณ์ดีขึ้น
  • ไม่มีความคิดหรือพฤติกรรมทำร้ายตนเอง
  • น้ำหนักตัวคงที่ และนอนหลับพักผ่อนได้ดี
  • เข้าร่วมกิจกรรมมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง

🛠️ Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)

  • F40.1F5I-1: ประเมินสภาวะอารมณ์ ความคิด และพฤติกรรมผู้ป่วยทุกวัน
  • F40.1F5I-2: สอบถามเรื่องการนอน การรับประทานอาหาร และกิจวัตรประจำวัน
  • F40.1F5I-3: เฝ้าระวังสัญญาณของการทำร้ายตนเอง หรือการคิดฆ่าตัวตายอย่างใกล้ชิด
  • F40.1F5I-4: เปิดโอกาสให้ผู้ป่วยระบายความรู้สึกโดยไม่ตัดสิน
  • F40.1F5I-5: สนับสนุนการมีส่วนร่วมในกิจกรรมที่สร้างความสุข เช่น ดนตรี ศิลปะ
  • F40.1F5I-6: ส่งเสริมการพูดคุยกับครอบครัวหรือผู้ดูแลอย่างสม่ำเสมอ
  • F40.1F5I-7: ให้ความรู้เรื่องภาวะซึมเศร้าและแนวทางดูแลตนเองเบื้องต้น
  • F40.1F5I-8: ประสานแพทย์เพื่อพิจารณาการรักษาด้วยยา หรือส่งต่อจิตแพทย์หากมีอาการรุนแรง
  • F40.1F5I-9: บันทึกข้อมูลอย่างต่อเนื่องเพื่อติดตามพฤติกรรมและอารมณ์ของผู้ป่วย
  • F40.1F5I-10: จัดสิ่งแวดล้อมให้ปลอดภัย ป้องกันอุบัติเหตุหรืออันตรายที่อาจเกิดขึ้น

✅ Response (การตอบสนอง)

  • F40.1F5R-1: ผู้ป่วยแสดงอารมณ์ดีขึ้น พูดคุยสื่อสารได้มากขึ้น
  • F40.1F5R-2: ไม่มีความคิดหรือพฤติกรรมเกี่ยวกับการทำร้ายตนเอง
  • F40.1F5R-3: รับประทานอาหารและนอนหลับได้ดีขึ้น
  • F40.1F5R-4: เข้าร่วมกิจกรรมกลุ่มหรือกิจกรรมสร้างสรรค์ได้โดยไม่หลีกเลี่ยง
  • F40.1F5R-5: ผู้ป่วยมีท่าทีร่วมมือในการรักษาและดูแลตนเองมากขึ้น

...............................................................

F40.1F6: ขาดความรู้ในการดูแลตนเองเมื่อมีอาการ (Deficient knowledge regarding self-care management)

✅ Assessment (การประเมิน)

S:

  • ผู้ป่วยบอกว่า “ไม่รู้จะทำยังไงเวลารู้สึกกลัว”
  • ผู้ป่วยไม่รู้จักวิธีควบคุมอาการตื่นตระหนกในสถานการณ์สังคม

O:

  • ผู้ป่วยไม่สามารถอธิบายวิธีจัดการอาการกลัวหรือวิตกกังวลได้
  • หลีกเลี่ยงกิจกรรมที่กระตุ้นอาการโดยไม่มีวิธีรับมือ
  • ไม่มีประวัติได้รับความรู้หรือคำแนะนำเกี่ยวกับการดูแลตนเอง

🎯 Goals (เป้าหมาย)

  • ผู้ป่วยมีความเข้าใจเกี่ยวกับโรคและการดูแลตนเอง
  • สามารถปฏิบัติตามเทคนิคพื้นฐานเพื่อควบคุมอาการได้
  • มีความมั่นใจในการจัดการอาการเบื้องต้นเมื่อต้องเข้าสังคม

📏 Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)

  • ผู้ป่วยสามารถอธิบายสาเหตุของอาการและวิธีบรรเทาอาการได้
  • ผู้ป่วยฝึกทักษะผ่อนคลายหรือเผชิญสถานการณ์ได้อย่างเหมาะสม
  • ผู้ป่วยลดพฤติกรรมหลีกเลี่ยง และมีพฤติกรรมดูแลตนเองเพิ่มขึ้น

🛠️ Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)

  • F40.1F6I-1: ประเมินระดับความรู้ของผู้ป่วยเกี่ยวกับโรคและอาการของตนเอง
  • F40.1F6I-2: ให้ข้อมูลเกี่ยวกับธรรมชาติของโรคกลัวการเข้าสังคมและผลกระทบ
  • F40.1F6I-3: สอนเทคนิคการหายใจลึก ๆ เพื่อควบคุมอาการวิตกกังวลเฉียบพลัน
  • F40.1F6I-4: ฝึกเทคนิคการผ่อนคลายกล้ามเนื้อร่วมกับการหายใจ
  • F40.1F6I-5: แนะนำการเผชิญสถานการณ์ที่กลัวทีละขั้น (gradual exposure)
  • F40.1F6I-6: ให้คู่มือหรือสื่อภาพประกอบสำหรับฝึกด้วยตนเองที่บ้าน
  • F40.1F6I-7: กระตุ้นให้ผู้ป่วยบันทึกประสบการณ์ที่ตนจัดการอาการได้สำเร็จ
  • F40.1F6I-8: ประเมินความเข้าใจหลังสอน และตอบคำถามอย่างชัดเจน
  • F40.1F6I-9: สนับสนุนให้ฝึกซ้ำ ๆ กับบุคลากรหรือในสถานการณ์จำลอง
  • F40.1F6I-10: เชื่อมโยงผู้ป่วยกับกลุ่มช่วยเหลือหรือโปรแกรมฝึกทักษะในชุมชน

✅ Response (การตอบสนอง)

  • F40.1F6R-1: ผู้ป่วยสามารถอธิบายอาการของตนและวิธีควบคุมเบื้องต้นได้
  • F40.1F6R-2: ผู้ป่วยฝึกเทคนิคผ่อนคลายได้ด้วยตนเองเมื่อมีอาการ
  • F40.1F6R-3: ผู้ป่วยเริ่มเผชิญสถานการณ์ที่เคยหลีกเลี่ยงอย่างมีแบบแผน
  • F40.1F6R-4: ผู้ป่วยมีความมั่นใจมากขึ้นในการดูแลตนเอง
  • F40.1F6R-5: ผู้ป่วยมีแนวโน้มปฏิบัติตนอย่างต่อเนื่องตามคำแนะนำที่ได้รับ

.............................................................................

F40.1F7: มีปัญหาในการปฏิบัติกิจวัตรประจำวัน (Impaired ability to perform daily activities)

✅ Assessment (การประเมิน)

S:

  • ผู้ป่วยบอกว่า “ไม่อยากไปทำงาน/เรียน เพราะรู้สึกกังวลเวลาต้องเจอคน”
  • ผู้ป่วยรู้สึกอ่อนล้าและไม่มีแรงจูงใจในการทำกิจวัตรประจำวัน

O:

  • ขาดเรียน/ลางานบ่อย
  • ไม่สามารถจัดการงานส่วนตัว เช่น การออกไปซื้อของ ติดต่อหน่วยงาน
  • อยู่บ้านตลอดเวลา หลีกเลี่ยงกิจกรรมสาธารณะ
  • ไม่รักษาตารางเวลาหรือกิจวัตรในชีวิตประจำวัน

🎯 Goals (เป้าหมาย)

  • ผู้ป่วยสามารถทำกิจวัตรประจำวันได้อย่างเหมาะสม
  • มีความสามารถจัดการงานส่วนตัวและเข้าสังคมบางส่วนได้
  • เพิ่มระดับความมั่นใจและความสามารถในการดำเนินชีวิต

📏 Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)

  • ผู้ป่วยกลับไปทำกิจวัตร เช่น ไปเรียนหรือทำงานได้อย่างน้อยบางส่วน
  • สามารถวางแผนกิจวัตรรายวันร่วมกับบุคลากรได้
  • มีพฤติกรรมที่แสดงถึงการปรับตัว เช่น ออกไปข้างนอก พูดคุยกับผู้อื่น

🛠️ Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)

  • F40.1F7I-1: ประเมินผลกระทบของโรคต่อการดำเนินชีวิตและหน้าที่ประจำวัน
  • F40.1F7I-2: พูดคุยกับผู้ป่วยเพื่อระบุปัจจัยที่ขัดขวางกิจวัตร เช่น ความกลัวหรือการเลี่ยง
  • F40.1F7I-3: สอนการตั้งเป้าหมายรายวันเล็ก ๆ ที่ทำได้ง่าย เช่น ลุกจากเตียงตรงเวลา
  • F40.1F7I-4: ช่วยวางแผนกิจวัตรที่เหมาะสมกับความสามารถของผู้ป่วยในแต่ละวัน
  • F40.1F7I-5: ให้กำลังใจและชมเชยเมื่อผู้ป่วยสามารถทำภารกิจง่าย ๆ ได้
  • F40.1F7I-6: ฝึกผู้ป่วยในการเผชิญสถานการณ์ที่เกี่ยวข้องกับกิจวัตร เช่น เดินไปหน้าบ้าน
  • F40.1F7I-7: แนะนำให้ใช้เทคนิคผ่อนคลายก่อนเริ่มทำกิจกรรมที่กังวล
  • F40.1F7I-8: ส่งเสริมการมีส่วนร่วมกับกิจกรรมกลุ่มหรือครอบครัวทีละน้อย
  • F40.1F7I-9: ประเมินและติดตามความก้าวหน้าในการทำกิจวัตรรายวัน
  • F40.1F7I-10: ประสานกับครอบครัวในการสนับสนุนกิจวัตรผู้ป่วยแบบไม่กดดัน

✅ Response (การตอบสนอง)

  • F40.1F7R-1: ผู้ป่วยสามารถทำกิจกรรมในชีวิตประจำวันบางอย่างได้ด้วยตนเอง
  • F40.1F7R-2: ผู้ป่วยมีตารางกิจวัตรที่สม่ำเสมอมากขึ้น
  • F40.1F7R-3: ผู้ป่วยลดการหลีกเลี่ยงกิจกรรมที่จำเป็น เช่น ไม่ขาดเรียนหรือลางาน
  • F40.1F7R-4: ผู้ป่วยมีพฤติกรรมที่แสดงถึงความตั้งใจจะเข้าสังคมมากขึ้น
  • F40.1F7R-5: ผู้ป่วยแสดงความมั่นใจเมื่อพูดถึงการจัดการตนเองในชีวิตประจำวัน

..........................................................................

F40.1F8 ขาดแรงสนับสนุนจากครอบครัวหรือสังคม (Lack of family or social support)

✅ Assessment (การประเมิน)

S:

  • ผู้ป่วยรู้สึกโดดเดี่ยวและไม่มีใครเข้าใจ
  • บอกว่าไม่มีใครช่วยหรือสนับสนุนเรื่องอาการ
  • รู้สึกท้อแท้ในการรักษาและฟื้นฟู

O:

  • ไม่มีผู้มาเยี่ยมหรือร่วมกิจกรรมกลุ่ม
  • ขาดการติดต่อกับครอบครัวหรือเพื่อน
  • ผู้ป่วยไม่เข้าร่วมกิจกรรมสังคมที่จัดขึ้น

🎯 Goals (เป้าหมาย)

  • ผู้ป่วยมีเครือข่ายสนับสนุนจากครอบครัวหรือชุมชนเพิ่มขึ้น
  • ผู้ป่วยรู้สึกได้รับการเข้าใจและได้รับกำลังใจ
  • ผู้ป่วยมีแรงจูงใจในการรักษาและฟื้นฟู

📏 Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)

  • ผู้ป่วยมีคนใกล้ชิดให้คำปรึกษาหรือช่วยเหลืออย่างน้อย 1 คน
  • ผู้ป่วยแสดงพฤติกรรมเข้าร่วมกิจกรรมสังคมหรือกลุ่มสนับสนุน
  • ผู้ป่วยรายงานความรู้สึกได้รับการสนับสนุนดีขึ้น

🛠️ Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)

  • F40.1F8I-1: ประเมินระบบสนับสนุนปัจจุบันจากครอบครัวและชุมชน
  • F40.1F8I-2: ให้ข้อมูลและให้คำปรึกษาครอบครัวเกี่ยวกับโรคและความสำคัญของการสนับสนุน
  • F40.1F8I-3: ช่วยผู้ป่วยติดต่อและเชื่อมโยงกับกลุ่มสนับสนุนหรือกิจกรรมในชุมชน
  • F40.1F8I-4: สอนครอบครัวและผู้ใกล้ชิดวิธีให้กำลังใจและรับฟังอย่างเข้าใจ
  • F40.1F8I-5: จัดกิจกรรมกลุ่มเพื่อสร้างความรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งและลดความเหงา
  • F40.1F8I-6: เฝ้าติดตามและสนับสนุนผู้ป่วยให้เข้าร่วมกิจกรรมสังคมอย่างค่อยเป็นค่อยไป
  • F40.1F8I-7: ให้กำลังใจผู้ป่วยและครอบครัวอย่างสม่ำเสมอ
  • F40.1F8I-8: ประสานงานกับผู้เชี่ยวชาญจิตเวชและทีมสุขภาพจิตเพื่อส่งเสริมการฟื้นฟู

Response (การตอบสนอง)

  • F40.1F8R-1: ผู้ป่วยรายงานรู้สึกมีคนคอยสนับสนุนและเข้าใจมากขึ้น
  • F40.1F8R-2: ผู้ป่วยเริ่มเข้าร่วมกิจกรรมกลุ่มหรือชุมชนได้บ้าง
  • F40.1F8R-3: ครอบครัวแสดงพฤติกรรมสนับสนุน เช่น การฟังและให้กำลังใจ
  • F40.1F8R-4: ผู้ป่วยมีแรงจูงใจในการรักษาและฟื้นฟูมากขึ้น
  • F40.1F8R-5: ความเหงาและความโดดเดี่ยวลดลง

...........................................................................
F40.1F9: ขาดความพร้อมในการจำหน่ายและดูแลต่อเนื่อง (Readiness for discharge with continuing care needs)

✅ Assessment (การประเมิน)

S:

  • ผู้ป่วยกังวลเกี่ยวกับการดูแลหลังจำหน่าย
  • บอกว่าไม่แน่ใจในการจัดการยาหรือการนัดพบแพทย์
  • กลัวการกลับไปอยู่ในสถานการณ์เดิมที่ทำให้เกิดความเครียด

O:

  • ผู้ป่วยขาดความรู้เรื่องการใช้ยาและการติดตามผล
  • ไม่มีแผนดูแลต่อเนื่องที่ชัดเจน
  • ครอบครัวยังไม่พร้อมช่วยดูแล

🎯 Goals (เป้าหมาย)

  • ผู้ป่วยและครอบครัวมีความรู้และความพร้อมในการดูแลที่บ้าน
  • มีแผนการติดตามผลและนัดหมายกับทีมสุขภาพจิต
  • ลดความวิตกกังวลเกี่ยวกับการจำหน่าย

📏 Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)

  • ผู้ป่วยสามารถอธิบายวิธีใช้ยาและการนัดหมายได้ถูกต้อง
  • ครอบครัวมีความเข้าใจและพร้อมช่วยดูแล
  • ผู้ป่วยแสดงความมั่นใจในการจัดการตนเองหลังจำหน่าย

🛠️ Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)

  • F40.1F9I-1: สอนและให้ข้อมูลเกี่ยวกับการใช้ยาอย่างถูกต้องและผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น
  • F40.1F9I-2: จัดทำแผนการนัดหมายกับจิตแพทย์และทีมสุขภาพจิตอย่างชัดเจน
  • F40.1F9I-3: ประเมินความพร้อมของผู้ป่วยและครอบครัวในการดูแลต่อเนื่องที่บ้าน
  • F40.1F9I-4: ให้คำแนะนำการจัดการความเครียดและอาการซ้ำที่อาจเกิดขึ้น
  • F40.1F9I-5: ส่งเสริมการสื่อสารระหว่างผู้ป่วย ครอบครัว และทีมดูแลสุขภาพ
  • F40.1F9I-6: ประสานงานกับเจ้าหน้าที่บ้านพักหรือชุมชนเพื่อสนับสนุนการฟื้นฟู
  • F40.1F9I-7: ติดตามและประเมินผลการปฏิบัติตามแผนหลังจำหน่าย
  • F40.1F9I-8: สนับสนุนให้ผู้ป่วยเข้าร่วมกลุ่มสนับสนุนหรือนัดพบผู้เชี่ยวชาญตามแผน

Response (การตอบสนอง)

  • F40.1F9R-1: ผู้ป่วยและครอบครัวสามารถอธิบายวิธีใช้ยาและนัดหมายได้ถูกต้อง
  • F40.1F9R-2: มีการนัดหมายและเข้าร่วมการรักษาตามแผนอย่างสม่ำเสมอ
  • F40.1F9R-3: ผู้ป่วยรายงานความมั่นใจในการจัดการตนเองหลังจำหน่าย
  • F40.1F9R-4: ลดการกลับมารับการรักษาฉุกเฉินจากอาการซ้ำ
  • F40.1F9R-5: ผู้ป่วยได้รับการสนับสนุนทางสังคมและจิตใจอย่างต่อเนื่อง

......................................................................................
F40.1F10: มีศักยภาพในการฟื้นตัวและปรับตัวในระยะยาว (Potential for long-term adaptation and recovery)

✅ Assessment (การประเมิน)

S:

  • ผู้ป่วยแสดงความตั้งใจในการฟื้นฟูและปรับตัว
  • ต้องการกลับไปใช้ชีวิตในสังคมได้ตามปกติ
  • ยอมรับการรักษาและสนับสนุนอย่างต่อเนื่อง

O:

  • มีการตอบสนองต่อการรักษาเบื้องต้นดีขึ้น
  • มีการเข้าร่วมกิจกรรมกลุ่มหรือบำบัดที่เกี่ยวข้อง
  • ไม่มีอาการถดถอยรุนแรง

🎯 Goals (เป้าหมาย)

  • ผู้ป่วยมีทักษะและกำลังใจในการปรับตัวในสังคม
  • ฟื้นฟูความสามารถในการเข้าสังคมอย่างยั่งยืน
  • ลดอาการวิตกกังวลและหลีกเลี่ยงสังคมน้อยลง

📏 Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)

  • ผู้ป่วยสามารถเข้าสังคมและปฏิสัมพันธ์ได้ดีขึ้น
  • รายงานความรู้สึกมั่นใจและควบคุมอารมณ์ได้ดีขึ้น
  • ลดการหลีกเลี่ยงสถานการณ์ทางสังคมอย่างมีนัยสำคัญ

🛠️ Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)

  • F40.1F10I-1: สนับสนุนให้ผู้ป่วยเข้าร่วมกิจกรรมบำบัดกลุ่มและกิจกรรมทางสังคมอย่างสม่ำเสมอ
  • F40.1F10I-2: สอนเทคนิคการจัดการความวิตกกังวล เช่น การหายใจผ่อนคลายและการทำสมาธิ
  • F40.1F10I-3: ประเมินและส่งเสริมการตั้งเป้าหมายที่เหมาะสมและก้าวหน้าสำหรับการฟื้นตัว
  • F40.1F10I-4: ให้คำปรึกษาและสร้างแรงจูงใจอย่างต่อเนื่องในการรักษา
  • F40.1F10I-5: ส่งเสริมการมีส่วนร่วมของครอบครัวและเครือข่ายสังคมในการสนับสนุนผู้ป่วย
  • F40.1F10I-6: ติดตามอาการและประเมินผลการรักษาอย่างต่อเนื่อง
  • F40.1F10I-7: ประสานงานกับทีมสุขภาพจิตเพื่อปรับแผนการรักษาเมื่อจำเป็น

Response (การตอบสนอง)

  • F40.1F10R-1: ผู้ป่วยแสดงความมั่นใจและความสามารถในการเข้าสังคมมากขึ้น
  • F40.1F10R-2: รายงานลดความวิตกกังวลและการหลีกเลี่ยงสถานการณ์ทางสังคมน้อยลง
  • F40.1F10R-3: เข้าร่วมกิจกรรมบำบัดและกิจกรรมทางสังคมอย่างต่อเนื่อง
  • F40.1F10R-4: ผู้ป่วยและครอบครัวมีความพึงพอใจต่อการฟื้นฟูและการสนับสนุน
  • F40.1F10R-5: ผลการรักษาและการฟื้นฟูแสดงแนวโน้มที่ดีและยั่งยืน

......................................................................

เอกสารอ้างอิง (References)

  • สมาคมจิตเวชแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์. (2563). คู่มือการวินิจฉัยและรักษาโรคทางจิตเวชฉบับปรับปรุงใหม่. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์.
  • กองสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข. (2562). แนวทางการดูแลผู้ป่วยจิตเวชในชุมชน. กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์กรมสุขภาพจิต.
  • American Psychiatric Association. (2013). Diagnostic and Statistical Manual of Mental Disorders (DSM-5) (5th ed.). Arlington, VA: American Psychiatric Publishing.
  • National Institute for Health and Care Excellence (NICE). (2013). Social anxiety disorder: Recognition, assessment and treatment (Clinical guideline CG159). Retrieved from https://www.nice.org.uk/guidance/cg159

.....................................................................