🎭 กลัวคน? กลัวสังคม?
ระวัง "โรคกลัวการเข้าสังคม (F40.1)"
🧠 พยาธิสภาพ / ช่วงอายุที่พบบ่อย
- โรคนี้คือความวิตกกังวลรุนแรงเมื่อต้องเผชิญหน้าหรืออยู่ในสังคม
- มักเริ่มในวัยรุ่น – วัยทำงานตอนต้น (อายุ 13–25 ปี)
😰 อาการเด่น
- เขินอายมากผิดปกติเมื่ออยู่ต่อหน้าคนอื่น
- ใจสั่น เหงื่อออก มือสั่น หลีกเลี่ยงการพูดต่อหน้าคน
- กลัวถูกวิจารณ์หรือมองไม่ดีในที่สาธารณะ
⚠️ปัจจัยที่กระตุ้นให้เกิดโรค
- ถูกล้อเลียนหรือวิจารณ์แรงๆ ในวัยเด็ก
- พื้นฐานนิสัยขี้อายเกินไป
- พันธุกรรมหรือเคมีสมองแปรปรวน
💊การรักษา
- ยาต้านวิตกกังวล / ยากลุ่ม SSRI
- จิตบำบัด (CBT) เพื่อปรับความคิดและพฤติกรรม
- ฝึกเผชิญหน้าในสถานการณ์ที่กลัวทีละน้อย
👩⚕️การพยาบาล
- สร้างความไว้วางใจ ให้คนไข้รู้สึกปลอดภัย
- กระตุ้นให้กล้าเผชิญหน้าสังคมทีละน้อย
- ให้คำแนะนำการหายใจผ่อนคลาย ลดอาการกังวล
🏡 การดูแลตนเองสำหรับบุคคลทั่วไป
- ✅ หัดพูดกับคนใกล้ชิดก่อน
- ✅ ฝึกหายใจลึกๆ ก่อนเจอสถานการณ์ที่กังวล
- ✅ อย่าหลีกเลี่ยงสังคมตลอดเวลา — ค่อยๆ ฝึกเผชิญหน้า
- ✅ หากอาการรุนแรง ควรพบจิตแพทย์
.................................................................
📌 อย่าปล่อยให้ความกลัวขัดขวางชีวิตดีๆ ของคุณ
การรักษาเริ่มได้ตั้งแต่วันนี้ 💬
🎭 “ไม่ใช่แค่ขี้อาย...แต่คือความกลัวที่ขังใจ”
อย่าปล่อยให้ความกลัวสังคม ขโมยความสุขและโอกาสในชีวิตคุณ
เข้าใจ Social Phobia ให้ทันก่อนที่โลกจะเล็กลงโดยไม่รู้ตัว
💬
#กลัวการเข้าสังคม #SocialPhobia
#สุขภาพจิต #เข้าใจโรคจิตเวช #ไม่ใช่แค่ขี้อาย #สุขภาพใจสำคัญ #พยาบาลต้องรู้ #คนทั่วไปต้องเข้าใจ #MentalHealthAwareness
#โรคซึมเศร้าไม่ใช่เรื่องเล่น
……………………………………….
🧠 วินิจฉัยการพยาบาลโรคกลัวการเข้าสังคม (Social
Phobia) F40.1
- F40.1F1 มีความวิตกกังวลรุนแรงเมื่ออยู่ในสถานการณ์สังคม (Severe anxiety in social situations)ผู้ป่วยรู้สึกเครียด ตื่นตระหนก กลัวการประเมินหรือถูกจับจ้องจากผู้อื่นแม้เป็นสถานการณ์ทั่วไป
- F40.1F2 เสี่ยงต่อการแยกตัวทางสังคมและความสัมพันธ์ลดลง (Risk for social isolation and impaired relationships)หลีกเลี่ยงการมีปฏิสัมพันธ์ ทำให้เกิดการแยกตัวจากครอบครัว เพื่อน และชุมชน
- F40.1F3 มีความนับถือตนเองต่ำ (Low self-esteem)รู้สึกไม่มั่นใจในตัวเอง คิดว่าตนไม่ดีพอ หรือกลัวความล้มเหลวเมื่ออยู่ต่อหน้าผู้อื่น
- F40.1F4 มีรูปแบบการเผชิญปัญหาที่ไม่เหมาะสม (Ineffective coping)หลีกเลี่ยงสถานการณ์แทนการเผชิญ กลายเป็นพฤติกรรมถอยหนี เช่น ลาป่วย ไม่เข้าสังคม
- F40.1F5 เสี่ยงต่อการเกิดภาวะซึมเศร้าร่วม (Risk for comorbid depression)หากปล่อยไว้นาน อาจเกิดภาวะซึมเศร้า มีอารมณ์เศร้า สิ้นหวัง หรืออยากทำร้ายตนเอง
- F40.1F6 ขาดความรู้ในการดูแลตนเองเมื่อมีอาการ (Deficient knowledge regarding self-care management)ไม่รู้วิธีจัดการกับอาการ เช่น การหายใจผ่อนคลาย หรือฝึกการเผชิญหน้าอย่างเป็นขั้นตอน
- F40.1F7 มีปัญหาในการปฏิบัติกิจวัตรประจำวัน (Impaired ability to perform daily activities)หลีกเลี่ยงการไปเรียน ทำงาน หรือเข้าสังคม ทำให้การใช้ชีวิตประจำวันเสียสมดุล
- F40.1F8 ขาดแรงสนับสนุนจากครอบครัวหรือสังคม (Lack of family or social support)ขาดความเข้าใจจากคนรอบข้าง ส่งผลต่อแรงจูงใจในการรักษาและการฟื้นฟู
- F40.1F9 ขาดความพร้อมในการจำหน่ายและดูแลต่อเนื่อง (Readiness for discharge with continuing care needs)ยังต้องการการดูแลต่อเนื่องที่บ้าน เช่น ยา นัดพบจิตแพทย์ และการฟื้นฟูจิตใจ
- F40.1F10 มีศักยภาพในการฟื้นตัวและปรับตัวในระยะยาว (Potential for long-term adaptation and recovery)สามารถกลับมาใช้ชีวิตในสังคมได้ หากได้รับการรักษาและสนับสนุนที่เหมาะสมอย่างต่อเนื่อง
..........................................................................
F40.1F1: มีความวิตกกังวลรุนแรงเมื่ออยู่ในสถานการณ์สังคม
(Severe anxiety in social situations)
✅ Assessment (การประเมิน)
S:
- ผู้ป่วยบอกว่า "รู้สึกเครียด เหมือนจะหายใจไม่ออกเวลาอยู่กับคนเยอะๆ"
- กลัวถูกวิจารณ์ ถูกจับจ้องจากคนอื่น
O:
- สังเกตเห็นผู้ป่วยหลีกเลี่ยงการพูดคุยกับผู้อื่น
- แสดงอาการกระสับกระส่าย มือสั่น เหงื่อออก ใจสั่นเมื่ออยู่ในที่สาธารณะ
- หลีกเลี่ยงกิจกรรมกลุ่ม หรือการเข้าสังคมที่จำเป็น
- มีการนั่ง/ยืนอยู่ห่างจากผู้อื่น หรืออยู่คนเดียวบ่อยครั้ง
🎯 Goals (เป้าหมาย)
- ลดระดับความวิตกกังวลในสถานการณ์สังคม
- ผู้ป่วยสามารถเผชิญหน้าสถานการณ์สังคมได้ดีขึ้น
- มีความมั่นใจในการพูดคุยหรืออยู่ร่วมกับผู้อื่นเพิ่มขึ้น
📏 Evaluation Criteria (เกณฑ์การประเมิน)
- ผู้ป่วยรายงานว่ารู้สึกวิตกกังวลลดลง
- เข้าร่วมกิจกรรมกลุ่มหรือสถานการณ์สังคมได้อย่างน้อย 1 ครั้งต่อวัน
- แสดงสีหน้า/ท่าทางสงบมากขึ้นเมื่ออยู่ในสถานการณ์เดิม
🛠️ Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)
- F40.1F1I-1: ประเมินระดับความวิตกกังวลอย่างสม่ำเสมอ เช่น ใช้สเกล 0–10 เพื่อวัดความรุนแรงของความกลัว
- F40.1F1I-2: สร้างสัมพันธภาพที่ไว้วางใจ ให้ผู้ป่วยรู้สึกปลอดภัย ไม่ถูกตัดสิน
- F40.1F1I-3: สอนเทคนิคการหายใจลึก ๆ และฝึกการผ่อนคลายกล้ามเนื้อเพื่อลดอาการวิตกกังวล
- F40.1F1I-4: วางแผนร่วมกับผู้ป่วยให้เผชิญสถานการณ์ที่กลัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป (Gradual Exposure)
- F40.1F1I-5: แนะนำให้ผู้ป่วยจดบันทึกความรู้สึกเมื่อเผชิญสถานการณ์สังคม เพื่อติดตามความก้าวหน้า
- F40.1F1I-6: สนับสนุนการมีส่วนร่วมในกิจกรรมกลุ่มขนาดเล็กในระยะแรก
- F40.1F1I-7: สื่อสารกับครอบครัวให้เข้าใจโรคและวิธีสนับสนุนผู้ป่วยอย่างเหมาะสม
- F40.1F1I-8: ประสานทีมสุขภาพจิต เช่น จิตแพทย์หรือนักจิตวิทยา หากผู้ป่วยมีอาการรุนแรงต่อเนื่อง
✅ Response (การตอบสนอง)
- F40.1F1R-1: ผู้ป่วยรายงานว่าความวิตกกังวลลดลงจาก 9 เหลือ 4 ในสเกล 0–10
- F40.1F1R-2: ผู้ป่วยสามารถเข้าร่วมกิจกรรมกลุ่มเล็กโดยไม่มีอาการตื่นตระหนก
- F40.1F1R-3: ผู้ป่วยใช้เทคนิคการหายใจผ่อนคลายได้ด้วยตนเองเมื่อต้องเผชิญสถานการณ์
- F40.1F1R-4: ครอบครัวมีส่วนร่วมและให้การสนับสนุนอย่างเข้าใจ
- F40.1F1R-5: ผู้ป่วยเริ่มกลับมาทำกิจวัตรประจำวันที่เคยหลีกเลี่ยง เช่น ไปทำงานหรือพบปะเพื่อน
.........................................................................
F40.1F2: เสี่ยงต่อการแยกตัวทางสังคมและความสัมพันธ์ลดลง
(Risk for social isolation and impaired relationships)
✅ Assessment (การประเมิน)
S:
- ผู้ป่วยกล่าวว่า “ไม่อยากเจอใคร รู้สึกไม่สบายใจเวลาอยู่กับคนอื่น”
- บอกว่า “อยู่คนเดียวสบายใจกว่า”
O:
- ผู้ป่วยแยกตัว ไม่พูดคุยกับผู้อื่น
- ไม่เข้าร่วมกิจกรรมกลุ่มหรือไม่ออกจากห้องพัก
- ไม่มีผู้มาเยี่ยมหรือสื่อสารกับครอบครัว/เพื่อน
- มีท่าทีเฉยชาเมื่อพูดถึงสังคมหรือความสัมพันธ์กับผู้อื่น
🎯 Goals (เป้าหมาย)
- ลดความรู้สึกแยกตัวและเพิ่มการมีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น
- ผู้ป่วยสามารถสื่อสารและเริ่มสร้างความสัมพันธ์ที่ดีขึ้นได้
- ฟื้นฟูความผูกพันกับครอบครัวและชุมชน
📏 Evaluation Criteria (เกณฑ์การประเมิน)
- ผู้ป่วยเริ่มพูดคุยกับบุคคลใกล้ชิดอย่างน้อย 1 คนต่อวัน
- เข้าร่วมกิจกรรมกลุ่มอย่างน้อย 3 ครั้งต่อสัปดาห์
- รายงานว่ารู้สึกสบายใจมากขึ้นเมื่อติดต่อกับผู้อื่น
🛠️ Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)
- F40.1F2I-1: สังเกตพฤติกรรมการแยกตัวและบันทึกความถี่ของการเข้าสังคมในแต่ละวัน
- F40.1F2I-2: เปิดโอกาสให้ผู้ป่วยพูดคุยเกี่ยวกับความรู้สึกที่มีต่อการเข้าสังคมโดยไม่ตัดสิน
- F40.1F2I-3: ส่งเสริมการมีส่วนร่วมในกิจกรรมกลุ่มเล็กที่ปลอดภัย เช่น เล่นเกมกลุ่ม ฟังเพลง
- F40.1F2I-4: สนับสนุนให้เริ่มสื่อสารกับครอบครัว เช่น การโทรหรือวิดีโอคอล
- F40.1F2I-5: แนะนำให้เขียนไดอารี่หรือบันทึกความรู้สึกเมื่อพูดคุยกับผู้อื่น
- F40.1F2I-6: ให้คำแนะนำครอบครัวเรื่องการสื่อสารเชิงบวกและไม่กดดันผู้ป่วย
- F40.1F2I-7: ประเมินสิ่งแวดล้อมที่ผู้ป่วยอยู่ ว่ามีสิ่งใดเป็นอุปสรรคต่อการเข้าสังคมหรือไม่
- F40.1F2I-8: ร่วมวางแผนการฟื้นฟูทางสังคมร่วมกับนักจิตวิทยาหรือนักกิจกรรมบำบัด
✅ Response (การตอบสนอง)
- F40.1F2R-1: ผู้ป่วยเข้าร่วมกิจกรรมกลุ่มสั้น ๆ อย่างน้อย 1 ครั้งต่อวันโดยสมัครใจ
- F40.1F2R-2: มีการพูดคุยกับเจ้าหน้าที่หรือเพื่อนผู้ป่วยมากขึ้น
- F40.1F2R-3: ผู้ป่วยสื่อสารกับครอบครัวหรือเพื่อนอย่างน้อย 1 ครั้งต่อวัน
- F40.1F2R-4: แสดงสีหน้าผ่อนคลายและมีปฏิสัมพันธ์เชิงบวกเมื่ออยู่กับผู้อื่น
- F40.1F2R-5: รายงานว่ารู้สึกเชื่อมโยงกับผู้อื่นมากขึ้นและมีความมั่นใจที่จะอยู่ในสังคม
................................................................
F40.1F3 – มีความนับถือตนเองต่ำ
(Low self-esteem)
✅ Assessment (การประเมิน)
S:
- ผู้ป่วยกล่าวว่า “รู้สึกว่าตัวเองไม่เก่งพอ”
- “กลัวคนจะมองว่าแย่” หรือ “ทำอะไรก็ล้มเหลวตลอด”
O:
- ผู้ป่วยหลีกเลี่ยงการแสดงออกหรือเสนอความคิดเห็น
- มีท่าทางลังเล ไม่กล้าตัดสินใจด้วยตนเอง
- มักพูดตำหนิตนเอง เช่น “ฉันไม่ดีพอ” หรือ “ฉันทำไม่ได้”
🎯 Goals (เป้าหมาย)
- เพิ่มความมั่นใจในตนเอง
- ส่งเสริมให้ผู้ป่วยเห็นคุณค่าในตนเอง
- สามารถตัดสินใจเรื่องง่าย ๆ ด้วยตนเอง
- ลดความคิดลบต่อตนเอง
📏 Evaluation Criteria (เกณฑ์การประเมิน)
- ผู้ป่วยพูดถึงข้อดีของตนเองอย่างน้อย 1–2 ข้อ
- กล้าแสดงความคิดเห็นในกลุ่มหรือระหว่างการสนทนา
- แสดงพฤติกรรมเชิงบวกและเชื่อมั่นในตนเองเพิ่มขึ้น
- ลดการพูดตำหนิตนเอง
🛠️ Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)
- F40.1F3I-1: รับฟังผู้ป่วยอย่างไม่ตัดสิน เพื่อสร้างความไว้วางใจ
- F40.1F3I-2: ชี้ให้เห็นจุดแข็งหรือความสำเร็จเล็กๆ ที่ผู้ป่วยทำได้
- F40.1F3I-3: ส่งเสริมให้เขียนหรือพูดถึง “สิ่งที่ฉันทำได้ดีวันนี้” วันละ 1 ข้อ
- F40.1F3I-4: สนับสนุนให้ผู้ป่วยมีบทบาทเล็กๆ ในกิจกรรมกลุ่ม เช่น แจกของ พูดสั้นๆ
- F40.1F3I-5: ให้ข้อมูลย้อนกลับเชิงบวกทันทีเมื่อผู้ป่วยกล้าแสดงออก
- F40.1F3I-6: หลีกเลี่ยงการเปรียบเทียบกับผู้อื่น แต่เน้นการเติบโตของผู้ป่วยเอง
- F40.1F3I-7: แนะนำกิจกรรมเสริมความมั่นใจ เช่น เขียนข้อความให้กำลังใจตัวเอง
- F40.1F3I-8: ร่วมกับนักจิตวิทยาในการจัดทำแผนเสริมสร้างความมั่นใจรายบุคคล
✅ Response (การตอบสนอง)
- F40.1F3R-1: ผู้ป่วยสามารถระบุสิ่งที่ตนเองทำได้ดีอย่างน้อย 1 อย่างต่อวัน
- F40.1F3R-2: กล้าตัดสินใจเรื่องเล็กน้อยด้วยตนเอง เช่น เลือกกิจกรรมหรือเมนูอาหาร
- F40.1F3R-3: แสดงพฤติกรรมที่มั่นใจมากขึ้น เช่น พูดต่อหน้าคนได้
- F40.1F3R-4: ลดการพูดตำหนิตนเองลง
- F40.1F3R-5: ยิ้มและแสดงอารมณ์เชิงบวกเพิ่มขึ้นเมื่อพูดถึงตนเอง
..................................................................
F40.1F4: มีรูปแบบการเผชิญปัญหาที่ไม่เหมาะสม
(Ineffective coping)
✅ Assessment (การประเมิน)
S:
- ผู้ป่วยกล่าวว่า “ไม่อยากเจอใครเลย” หรือ “ถ้าเลี่ยงได้ก็จะเลี่ยง”
- บ่นว่างานหรือสถานการณ์บางอย่างทำให้เครียดแต่ไม่พยายามจัดการ
O:
- ผู้ป่วยมักลาป่วยหรือเลี่ยงเข้าร่วมกิจกรรมทางสังคม
- มีพฤติกรรมถอยหนี เช่น แยกตัว ไม่พูดคุย ไม่มองหน้า
- แสดงความวิตกเมื่อพูดถึงสถานการณ์สังคม
🎯 Goals (เป้าหมาย)
- ผู้ป่วยสามารถรับรู้และเข้าใจรูปแบบการเผชิญปัญหาของตน
- ใช้กลยุทธ์การเผชิญปัญหาอย่างเหมาะสมมากขึ้น
- ลดพฤติกรรมหลีกเลี่ยงหรือถอยหนี
- กล้าเผชิญสถานการณ์ทางสังคทีอย่างค่อยเป็นค่อยไป
📏 Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)
- ผู้ป่วยสามารถพูดถึงวิธีการจัดการปัญหาอย่างน้อย 1 วิธี
- กล้าเข้าร่วมกิจกรรมทางสังคมมากขึ้น
- พฤติกรรมหลีกเลี่ยงลดลง
- แสดงออกถึงความพยายามในการเผชิญสถานการณ์แทนการหนี
🛠️ Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)
- F40.1F4I-1: ประเมินรูปแบบการเผชิญปัญหาที่ผู้ป่วยใช้อยู่ในปัจจุบัน
- F40.1F4I-2: สร้างความเข้าใจว่าการหลีกเลี่ยงเป็นเพียงการลดอาการชั่วคราว แต่ไม่ช่วยแก้ปัญหาระยะยาว
- F40.1F4I-3: สนับสนุนการใช้วิธีเผชิญปัญหาเชิงสร้างสรรค์ เช่น พูดคุย ขอคำแนะนำ ไม่หนีปัญหา
- F40.1F4I-4: แนะนำการเขียนบันทึกความรู้สึกและวิธีรับมือในแต่ละวัน
- F40.1F4I-5: ฝึกการใช้ทักษะผ่อนคลาย เช่น หายใจลึก ๆ เมื่อเผชิญสถานการณ์กดดัน
- F40.1F4I-6: ให้กำลังใจและชมเชยทันทีเมื่อผู้ป่วยแสดงความพยายามเผชิญสถานการณ์
- F40.1F4I-7: ใช้ role-play (จำลองสถานการณ์) เพื่อให้ผู้ป่วยฝึกการตอบสนองต่อสถานการณ์สังคม
- F40.1F4I-8: ส่งต่อผู้เชี่ยวชาญ เช่น นักจิตวิทยา เพื่อทำกิจกรรมปรับพฤติกรรม (CBT)
✅ Response (การตอบสนอง)
- F40.1F4R-1: ผู้ป่วยเริ่มพูดถึงความรู้สึกและวิธีการจัดการกับปัญหาได้
- F40.1F4R-2: พฤติกรรมถอยหนี เช่น การลาป่วยโดยไม่มีเหตุผล ลดลง
- F40.1F4R-3: ผู้ป่วยเข้าร่วมกิจกรรมกลุ่มเล็ก ๆ ได้โดยไม่หลีกเลี่ยง
- F40.1F4R-4: ผู้ป่วยกล่าวถึงความมั่นใจเพิ่มขึ้นเมื่อเผชิญสถานการณ์สังคม
- F40.1F4R-5: มีการบันทึกวิธีรับมือเชิงบวกอย่างต่อเนื่อง
.....................................................................
F40.1F5 เสี่ยงต่อการเกิดภาวะซึมเศร้าร่วม
(Risk for comorbid depression)
✅ Assessment (การประเมิน)
S:
- ผู้ป่วยบอกว่า “รู้สึกเบื่อ ไม่มีความสุขเลย”
- พูดถึงความสิ้นหวัง หรือรู้สึกว่าชีวิตไม่มีความหมาย
O:
- สีหน้าเศร้า พูดน้อย ไม่มีแรงจูงใจทำกิจกรรม
- นอนหลับยากหรือหลับมากผิดปกติ
- รับประทานอาหารลดลง น้ำหนักลด
- หลีกเลี่ยงกิจกรรมที่เคยสนุกสนาน
- มีประวัติพฤติกรรมหรือคำพูดที่สื่อถึงการทำร้ายตนเอง
🎯 Goals (เป้าหมาย)
- ผู้ป่วยสามารถแสดงความรู้สึกได้อย่างปลอดภัย
- ลดความเสี่ยงต่อภาวะซึมเศร้าร่วมและพฤติกรรมอันตรายต่อตนเอง
- มีพฤติกรรมการดูแลตนเองเพิ่มขึ้น
- กลับมาทำกิจกรรมประจำวันได้ตามปกติ
📏 Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)
- ผู้ป่วยแสดงออกถึงอารมณ์ดีขึ้น
- ไม่มีความคิดหรือพฤติกรรมทำร้ายตนเอง
- น้ำหนักตัวคงที่ และนอนหลับพักผ่อนได้ดี
- เข้าร่วมกิจกรรมมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง
🛠️ Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)
- F40.1F5I-1: ประเมินสภาวะอารมณ์ ความคิด และพฤติกรรมผู้ป่วยทุกวัน
- F40.1F5I-2: สอบถามเรื่องการนอน การรับประทานอาหาร และกิจวัตรประจำวัน
- F40.1F5I-3: เฝ้าระวังสัญญาณของการทำร้ายตนเอง หรือการคิดฆ่าตัวตายอย่างใกล้ชิด
- F40.1F5I-4: เปิดโอกาสให้ผู้ป่วยระบายความรู้สึกโดยไม่ตัดสิน
- F40.1F5I-5: สนับสนุนการมีส่วนร่วมในกิจกรรมที่สร้างความสุข เช่น ดนตรี ศิลปะ
- F40.1F5I-6: ส่งเสริมการพูดคุยกับครอบครัวหรือผู้ดูแลอย่างสม่ำเสมอ
- F40.1F5I-7: ให้ความรู้เรื่องภาวะซึมเศร้าและแนวทางดูแลตนเองเบื้องต้น
- F40.1F5I-8: ประสานแพทย์เพื่อพิจารณาการรักษาด้วยยา หรือส่งต่อจิตแพทย์หากมีอาการรุนแรง
- F40.1F5I-9: บันทึกข้อมูลอย่างต่อเนื่องเพื่อติดตามพฤติกรรมและอารมณ์ของผู้ป่วย
- F40.1F5I-10: จัดสิ่งแวดล้อมให้ปลอดภัย ป้องกันอุบัติเหตุหรืออันตรายที่อาจเกิดขึ้น
✅ Response (การตอบสนอง)
- F40.1F5R-1: ผู้ป่วยแสดงอารมณ์ดีขึ้น พูดคุยสื่อสารได้มากขึ้น
- F40.1F5R-2: ไม่มีความคิดหรือพฤติกรรมเกี่ยวกับการทำร้ายตนเอง
- F40.1F5R-3: รับประทานอาหารและนอนหลับได้ดีขึ้น
- F40.1F5R-4: เข้าร่วมกิจกรรมกลุ่มหรือกิจกรรมสร้างสรรค์ได้โดยไม่หลีกเลี่ยง
- F40.1F5R-5: ผู้ป่วยมีท่าทีร่วมมือในการรักษาและดูแลตนเองมากขึ้น
...............................................................
F40.1F6: ขาดความรู้ในการดูแลตนเองเมื่อมีอาการ
(Deficient knowledge regarding self-care management)
✅ Assessment (การประเมิน)
S:
- ผู้ป่วยบอกว่า “ไม่รู้จะทำยังไงเวลารู้สึกกลัว”
- ผู้ป่วยไม่รู้จักวิธีควบคุมอาการตื่นตระหนกในสถานการณ์สังคม
O:
- ผู้ป่วยไม่สามารถอธิบายวิธีจัดการอาการกลัวหรือวิตกกังวลได้
- หลีกเลี่ยงกิจกรรมที่กระตุ้นอาการโดยไม่มีวิธีรับมือ
- ไม่มีประวัติได้รับความรู้หรือคำแนะนำเกี่ยวกับการดูแลตนเอง
🎯 Goals (เป้าหมาย)
- ผู้ป่วยมีความเข้าใจเกี่ยวกับโรคและการดูแลตนเอง
- สามารถปฏิบัติตามเทคนิคพื้นฐานเพื่อควบคุมอาการได้
- มีความมั่นใจในการจัดการอาการเบื้องต้นเมื่อต้องเข้าสังคม
📏 Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)
- ผู้ป่วยสามารถอธิบายสาเหตุของอาการและวิธีบรรเทาอาการได้
- ผู้ป่วยฝึกทักษะผ่อนคลายหรือเผชิญสถานการณ์ได้อย่างเหมาะสม
- ผู้ป่วยลดพฤติกรรมหลีกเลี่ยง และมีพฤติกรรมดูแลตนเองเพิ่มขึ้น
🛠️ Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)
- F40.1F6I-1: ประเมินระดับความรู้ของผู้ป่วยเกี่ยวกับโรคและอาการของตนเอง
- F40.1F6I-2: ให้ข้อมูลเกี่ยวกับธรรมชาติของโรคกลัวการเข้าสังคมและผลกระทบ
- F40.1F6I-3: สอนเทคนิคการหายใจลึก ๆ เพื่อควบคุมอาการวิตกกังวลเฉียบพลัน
- F40.1F6I-4: ฝึกเทคนิคการผ่อนคลายกล้ามเนื้อร่วมกับการหายใจ
- F40.1F6I-5: แนะนำการเผชิญสถานการณ์ที่กลัวทีละขั้น (gradual exposure)
- F40.1F6I-6: ให้คู่มือหรือสื่อภาพประกอบสำหรับฝึกด้วยตนเองที่บ้าน
- F40.1F6I-7: กระตุ้นให้ผู้ป่วยบันทึกประสบการณ์ที่ตนจัดการอาการได้สำเร็จ
- F40.1F6I-8: ประเมินความเข้าใจหลังสอน และตอบคำถามอย่างชัดเจน
- F40.1F6I-9: สนับสนุนให้ฝึกซ้ำ ๆ กับบุคลากรหรือในสถานการณ์จำลอง
- F40.1F6I-10: เชื่อมโยงผู้ป่วยกับกลุ่มช่วยเหลือหรือโปรแกรมฝึกทักษะในชุมชน
✅ Response (การตอบสนอง)
- F40.1F6R-1: ผู้ป่วยสามารถอธิบายอาการของตนและวิธีควบคุมเบื้องต้นได้
- F40.1F6R-2: ผู้ป่วยฝึกเทคนิคผ่อนคลายได้ด้วยตนเองเมื่อมีอาการ
- F40.1F6R-3: ผู้ป่วยเริ่มเผชิญสถานการณ์ที่เคยหลีกเลี่ยงอย่างมีแบบแผน
- F40.1F6R-4: ผู้ป่วยมีความมั่นใจมากขึ้นในการดูแลตนเอง
- F40.1F6R-5: ผู้ป่วยมีแนวโน้มปฏิบัติตนอย่างต่อเนื่องตามคำแนะนำที่ได้รับ
.............................................................................
F40.1F7: มีปัญหาในการปฏิบัติกิจวัตรประจำวัน
(Impaired ability to perform daily activities)
✅ Assessment (การประเมิน)
S:
- ผู้ป่วยบอกว่า “ไม่อยากไปทำงาน/เรียน เพราะรู้สึกกังวลเวลาต้องเจอคน”
- ผู้ป่วยรู้สึกอ่อนล้าและไม่มีแรงจูงใจในการทำกิจวัตรประจำวัน
O:
- ขาดเรียน/ลางานบ่อย
- ไม่สามารถจัดการงานส่วนตัว เช่น การออกไปซื้อของ ติดต่อหน่วยงาน
- อยู่บ้านตลอดเวลา หลีกเลี่ยงกิจกรรมสาธารณะ
- ไม่รักษาตารางเวลาหรือกิจวัตรในชีวิตประจำวัน
🎯 Goals (เป้าหมาย)
- ผู้ป่วยสามารถทำกิจวัตรประจำวันได้อย่างเหมาะสม
- มีความสามารถจัดการงานส่วนตัวและเข้าสังคมบางส่วนได้
- เพิ่มระดับความมั่นใจและความสามารถในการดำเนินชีวิต
📏 Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)
- ผู้ป่วยกลับไปทำกิจวัตร เช่น ไปเรียนหรือทำงานได้อย่างน้อยบางส่วน
- สามารถวางแผนกิจวัตรรายวันร่วมกับบุคลากรได้
- มีพฤติกรรมที่แสดงถึงการปรับตัว เช่น ออกไปข้างนอก พูดคุยกับผู้อื่น
🛠️ Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)
- F40.1F7I-1: ประเมินผลกระทบของโรคต่อการดำเนินชีวิตและหน้าที่ประจำวัน
- F40.1F7I-2: พูดคุยกับผู้ป่วยเพื่อระบุปัจจัยที่ขัดขวางกิจวัตร เช่น ความกลัวหรือการเลี่ยง
- F40.1F7I-3: สอนการตั้งเป้าหมายรายวันเล็ก ๆ ที่ทำได้ง่าย เช่น ลุกจากเตียงตรงเวลา
- F40.1F7I-4: ช่วยวางแผนกิจวัตรที่เหมาะสมกับความสามารถของผู้ป่วยในแต่ละวัน
- F40.1F7I-5: ให้กำลังใจและชมเชยเมื่อผู้ป่วยสามารถทำภารกิจง่าย ๆ ได้
- F40.1F7I-6: ฝึกผู้ป่วยในการเผชิญสถานการณ์ที่เกี่ยวข้องกับกิจวัตร เช่น เดินไปหน้าบ้าน
- F40.1F7I-7: แนะนำให้ใช้เทคนิคผ่อนคลายก่อนเริ่มทำกิจกรรมที่กังวล
- F40.1F7I-8: ส่งเสริมการมีส่วนร่วมกับกิจกรรมกลุ่มหรือครอบครัวทีละน้อย
- F40.1F7I-9: ประเมินและติดตามความก้าวหน้าในการทำกิจวัตรรายวัน
- F40.1F7I-10: ประสานกับครอบครัวในการสนับสนุนกิจวัตรผู้ป่วยแบบไม่กดดัน
✅ Response (การตอบสนอง)
- F40.1F7R-1: ผู้ป่วยสามารถทำกิจกรรมในชีวิตประจำวันบางอย่างได้ด้วยตนเอง
- F40.1F7R-2: ผู้ป่วยมีตารางกิจวัตรที่สม่ำเสมอมากขึ้น
- F40.1F7R-3: ผู้ป่วยลดการหลีกเลี่ยงกิจกรรมที่จำเป็น เช่น ไม่ขาดเรียนหรือลางาน
- F40.1F7R-4: ผู้ป่วยมีพฤติกรรมที่แสดงถึงความตั้งใจจะเข้าสังคมมากขึ้น
- F40.1F7R-5: ผู้ป่วยแสดงความมั่นใจเมื่อพูดถึงการจัดการตนเองในชีวิตประจำวัน
..........................................................................
F40.1F8 ขาดแรงสนับสนุนจากครอบครัวหรือสังคม
(Lack of family or social support)
✅ Assessment (การประเมิน)
S:
- ผู้ป่วยรู้สึกโดดเดี่ยวและไม่มีใครเข้าใจ
- บอกว่าไม่มีใครช่วยหรือสนับสนุนเรื่องอาการ
- รู้สึกท้อแท้ในการรักษาและฟื้นฟู
O:
- ไม่มีผู้มาเยี่ยมหรือร่วมกิจกรรมกลุ่ม
- ขาดการติดต่อกับครอบครัวหรือเพื่อน
- ผู้ป่วยไม่เข้าร่วมกิจกรรมสังคมที่จัดขึ้น
🎯 Goals (เป้าหมาย)
- ผู้ป่วยมีเครือข่ายสนับสนุนจากครอบครัวหรือชุมชนเพิ่มขึ้น
- ผู้ป่วยรู้สึกได้รับการเข้าใจและได้รับกำลังใจ
- ผู้ป่วยมีแรงจูงใจในการรักษาและฟื้นฟู
📏 Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)
- ผู้ป่วยมีคนใกล้ชิดให้คำปรึกษาหรือช่วยเหลืออย่างน้อย 1 คน
- ผู้ป่วยแสดงพฤติกรรมเข้าร่วมกิจกรรมสังคมหรือกลุ่มสนับสนุน
- ผู้ป่วยรายงานความรู้สึกได้รับการสนับสนุนดีขึ้น
🛠️ Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)
- F40.1F8I-1: ประเมินระบบสนับสนุนปัจจุบันจากครอบครัวและชุมชน
- F40.1F8I-2: ให้ข้อมูลและให้คำปรึกษาครอบครัวเกี่ยวกับโรคและความสำคัญของการสนับสนุน
- F40.1F8I-3: ช่วยผู้ป่วยติดต่อและเชื่อมโยงกับกลุ่มสนับสนุนหรือกิจกรรมในชุมชน
- F40.1F8I-4: สอนครอบครัวและผู้ใกล้ชิดวิธีให้กำลังใจและรับฟังอย่างเข้าใจ
- F40.1F8I-5: จัดกิจกรรมกลุ่มเพื่อสร้างความรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งและลดความเหงา
- F40.1F8I-6: เฝ้าติดตามและสนับสนุนผู้ป่วยให้เข้าร่วมกิจกรรมสังคมอย่างค่อยเป็นค่อยไป
- F40.1F8I-7: ให้กำลังใจผู้ป่วยและครอบครัวอย่างสม่ำเสมอ
- F40.1F8I-8: ประสานงานกับผู้เชี่ยวชาญจิตเวชและทีมสุขภาพจิตเพื่อส่งเสริมการฟื้นฟู
Response (การตอบสนอง)
- F40.1F8R-1: ผู้ป่วยรายงานรู้สึกมีคนคอยสนับสนุนและเข้าใจมากขึ้น
- F40.1F8R-2: ผู้ป่วยเริ่มเข้าร่วมกิจกรรมกลุ่มหรือชุมชนได้บ้าง
- F40.1F8R-3: ครอบครัวแสดงพฤติกรรมสนับสนุน เช่น การฟังและให้กำลังใจ
- F40.1F8R-4: ผู้ป่วยมีแรงจูงใจในการรักษาและฟื้นฟูมากขึ้น
- F40.1F8R-5: ความเหงาและความโดดเดี่ยวลดลง
...........................................................................
F40.1F9: ขาดความพร้อมในการจำหน่ายและดูแลต่อเนื่อง (Readiness
for discharge with continuing care needs)
✅ Assessment (การประเมิน)
S:
- ผู้ป่วยกังวลเกี่ยวกับการดูแลหลังจำหน่าย
- บอกว่าไม่แน่ใจในการจัดการยาหรือการนัดพบแพทย์
- กลัวการกลับไปอยู่ในสถานการณ์เดิมที่ทำให้เกิดความเครียด
O:
- ผู้ป่วยขาดความรู้เรื่องการใช้ยาและการติดตามผล
- ไม่มีแผนดูแลต่อเนื่องที่ชัดเจน
- ครอบครัวยังไม่พร้อมช่วยดูแล
🎯 Goals (เป้าหมาย)
- ผู้ป่วยและครอบครัวมีความรู้และความพร้อมในการดูแลที่บ้าน
- มีแผนการติดตามผลและนัดหมายกับทีมสุขภาพจิต
- ลดความวิตกกังวลเกี่ยวกับการจำหน่าย
📏 Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)
- ผู้ป่วยสามารถอธิบายวิธีใช้ยาและการนัดหมายได้ถูกต้อง
- ครอบครัวมีความเข้าใจและพร้อมช่วยดูแล
- ผู้ป่วยแสดงความมั่นใจในการจัดการตนเองหลังจำหน่าย
🛠️ Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)
- F40.1F9I-1: สอนและให้ข้อมูลเกี่ยวกับการใช้ยาอย่างถูกต้องและผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น
- F40.1F9I-2: จัดทำแผนการนัดหมายกับจิตแพทย์และทีมสุขภาพจิตอย่างชัดเจน
- F40.1F9I-3: ประเมินความพร้อมของผู้ป่วยและครอบครัวในการดูแลต่อเนื่องที่บ้าน
- F40.1F9I-4: ให้คำแนะนำการจัดการความเครียดและอาการซ้ำที่อาจเกิดขึ้น
- F40.1F9I-5: ส่งเสริมการสื่อสารระหว่างผู้ป่วย ครอบครัว และทีมดูแลสุขภาพ
- F40.1F9I-6: ประสานงานกับเจ้าหน้าที่บ้านพักหรือชุมชนเพื่อสนับสนุนการฟื้นฟู
- F40.1F9I-7: ติดตามและประเมินผลการปฏิบัติตามแผนหลังจำหน่าย
- F40.1F9I-8: สนับสนุนให้ผู้ป่วยเข้าร่วมกลุ่มสนับสนุนหรือนัดพบผู้เชี่ยวชาญตามแผน
Response (การตอบสนอง)
- F40.1F9R-1: ผู้ป่วยและครอบครัวสามารถอธิบายวิธีใช้ยาและนัดหมายได้ถูกต้อง
- F40.1F9R-2: มีการนัดหมายและเข้าร่วมการรักษาตามแผนอย่างสม่ำเสมอ
- F40.1F9R-3: ผู้ป่วยรายงานความมั่นใจในการจัดการตนเองหลังจำหน่าย
- F40.1F9R-4: ลดการกลับมารับการรักษาฉุกเฉินจากอาการซ้ำ
- F40.1F9R-5: ผู้ป่วยได้รับการสนับสนุนทางสังคมและจิตใจอย่างต่อเนื่อง
......................................................................................
F40.1F10: มีศักยภาพในการฟื้นตัวและปรับตัวในระยะยาว (Potential
for long-term adaptation and recovery)
✅ Assessment (การประเมิน)
S:
- ผู้ป่วยแสดงความตั้งใจในการฟื้นฟูและปรับตัว
- ต้องการกลับไปใช้ชีวิตในสังคมได้ตามปกติ
- ยอมรับการรักษาและสนับสนุนอย่างต่อเนื่อง
O:
- มีการตอบสนองต่อการรักษาเบื้องต้นดีขึ้น
- มีการเข้าร่วมกิจกรรมกลุ่มหรือบำบัดที่เกี่ยวข้อง
- ไม่มีอาการถดถอยรุนแรง
🎯 Goals (เป้าหมาย)
- ผู้ป่วยมีทักษะและกำลังใจในการปรับตัวในสังคม
- ฟื้นฟูความสามารถในการเข้าสังคมอย่างยั่งยืน
- ลดอาการวิตกกังวลและหลีกเลี่ยงสังคมน้อยลง
📏 Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)
- ผู้ป่วยสามารถเข้าสังคมและปฏิสัมพันธ์ได้ดีขึ้น
- รายงานความรู้สึกมั่นใจและควบคุมอารมณ์ได้ดีขึ้น
- ลดการหลีกเลี่ยงสถานการณ์ทางสังคมอย่างมีนัยสำคัญ
🛠️ Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)
- F40.1F10I-1: สนับสนุนให้ผู้ป่วยเข้าร่วมกิจกรรมบำบัดกลุ่มและกิจกรรมทางสังคมอย่างสม่ำเสมอ
- F40.1F10I-2: สอนเทคนิคการจัดการความวิตกกังวล เช่น การหายใจผ่อนคลายและการทำสมาธิ
- F40.1F10I-3: ประเมินและส่งเสริมการตั้งเป้าหมายที่เหมาะสมและก้าวหน้าสำหรับการฟื้นตัว
- F40.1F10I-4: ให้คำปรึกษาและสร้างแรงจูงใจอย่างต่อเนื่องในการรักษา
- F40.1F10I-5: ส่งเสริมการมีส่วนร่วมของครอบครัวและเครือข่ายสังคมในการสนับสนุนผู้ป่วย
- F40.1F10I-6: ติดตามอาการและประเมินผลการรักษาอย่างต่อเนื่อง
- F40.1F10I-7: ประสานงานกับทีมสุขภาพจิตเพื่อปรับแผนการรักษาเมื่อจำเป็น
Response (การตอบสนอง)
- F40.1F10R-1: ผู้ป่วยแสดงความมั่นใจและความสามารถในการเข้าสังคมมากขึ้น
- F40.1F10R-2: รายงานลดความวิตกกังวลและการหลีกเลี่ยงสถานการณ์ทางสังคมน้อยลง
- F40.1F10R-3: เข้าร่วมกิจกรรมบำบัดและกิจกรรมทางสังคมอย่างต่อเนื่อง
- F40.1F10R-4: ผู้ป่วยและครอบครัวมีความพึงพอใจต่อการฟื้นฟูและการสนับสนุน
- F40.1F10R-5: ผลการรักษาและการฟื้นฟูแสดงแนวโน้มที่ดีและยั่งยืน
......................................................................
เอกสารอ้างอิง (References)
- สมาคมจิตเวชแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์. (2563). คู่มือการวินิจฉัยและรักษาโรคทางจิตเวชฉบับปรับปรุงใหม่. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์.
- กองสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข. (2562). แนวทางการดูแลผู้ป่วยจิตเวชในชุมชน. กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์กรมสุขภาพจิต.
- American Psychiatric Association. (2013). Diagnostic and Statistical Manual of Mental Disorders (DSM-5) (5th ed.). Arlington, VA: American Psychiatric Publishing.
- National Institute for Health and Care Excellence (NICE). (2013). Social anxiety disorder: Recognition, assessment and treatment (Clinical guideline CG159). Retrieved from https://www.nice.org.uk/guidance/cg159
.....................................................................