🎯 รู้ทัน “โรคไตวายเรื้อรัง” ก่อนที่ไตจะพัง!
📌 โรคเรื้อรังที่ค่อย ๆ ทำลายการทำงานของไต
จนถึงขั้นต้องฟอกไตหรือปลูกถ่าย
ถ้ารู้ทัน รักษาไว ชะลอไตเสื่อม
✅ความหมายของโรค
- ภาวะไตวายเรื้อรัง (Chronic Kidney Disease) คือ ภาวะที่ไตค่อย ๆ สูญเสียความสามารถในการกรองของเสียออกจากเลือดอย่างช้า ๆ และต่อเนื่อง
✅พยาธิสภาพ
- ไตเสื่อมจากเนื้อไตอักเสบ → กรองของเสียไม่ได้ → ของเสียคั่งในร่างกาย
- มี 5 ระยะ → ระยะสุดท้าย (ไตวายระยะ 5) ต้องฟอกไต
✅ช่วงอายุที่พบบ่อย
- ส่วนใหญ่พบในผู้ที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไป
- โดยเฉพาะผู้ที่มีโรคเรื้อรังร่วม เช่น เบาหวาน ความดัน
✅ปัจจัยเสี่ยง
- เบาหวาน
- ความดันโลหิตสูง
- กินเค็มจัด
- กินยาแก้ปวดบ่อย (NSAIDs)
- พันธุกรรม
✅อาการเตือน
- 😓 เหนื่อยง่าย
- 😐 เบื่ออาหาร คลื่นไส้
- 😵 หน้าบวม ขาบวม ปัสสาวะน้อย
- 😴 นอนหลับไม่สนิท คันตามตัว
✅การรักษา
- 💊 ควบคุมโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน/ความดัน
- 🧂 ลดเค็ม ลดโปรตีน
- 💉 ฟอกไต หรือปลูกถ่ายไตในระยะสุดท้าย
✅การพยาบาล
- 🩺 ติดตามการทำงานของไตและอิเล็กโทรไลต์
- 📋 แนะนำการควบคุมอาหารและยา
- 💬 ให้คำปรึกษาเรื่องการฟอกไตและดูแลตนเอง
✅การดูแลตัวเองสำหรับบุคคลทั่วไป
- 🥗 กินอาหารลดเค็ม ลดโปรตีน
- 💧 ดื่มน้ำพอเหมาะ (ไม่มาก/น้อยเกินไป)
- 🩺 ตรวจไตปีละครั้ง โดยเฉพาะถ้าเป็นเบาหวาน/ความดัน
- 🚫 หลีกเลี่ยงยาแก้ปวดหรือสมุนไพรที่ทำร้ายไต
…………………………………………….
วินิจฉัยการพยาบาลสำหรับผู้ป่วยโรคภาวะไตวายเรื้อรัง
: N18
- N18F1 มีภาวะเกลือแร่และของเสียคั่งในร่างกาย (Electrolyte imbalance and waste accumulation)
- N18F2 มีความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนจากของเหลวเกิน เช่น บวม หายใจลำบาก (Risk for fluid overload complications e.g., edema, dyspnea)
- N18F3 มีภาวะซีดจากภาวะไตวายเรื้อรัง (Anemia related to chronic kidney disease)
- N18F4 มีความผิดปกติด้านโภชนาการ (Imbalanced nutrition)
- N18F5 มีความวิตกกังวลเกี่ยวกับการฟอกไตหรือการรักษาต่อเนื่อง (Anxiety related to dialysis and long-term treatment)
- N18F6 ขาดความรู้เรื่องการดูแลตนเองเมื่ออยู่ที่บ้าน (Deficient knowledge related to self-care at home)
- N18F7 มีแนวโน้มไม่ปฏิบัติตามแผนการรักษา (Non-adherence to treatment plan)
- N18F8 เตรียมพร้อมจำหน่ายและติดตามการดูแลต่อเนื่อง (Readiness for discharge and continued care)
………………………………………………………………….
✅ Assessment (การประเมิน)
S:
- “รู้สึกเพลีย ปวดเมื่อยตามตัว”
- “เบื่ออาหาร คลื่นไส้ ไม่อยากกินข้าว”
- “หายใจไม่ค่อยสะดวก เหมือนแน่นหน้าอก”
O:
- ตรวจพบ BUN, Creatinine สูงกว่าค่าปกติ
- ระดับโพแทสเซียม ≥ 5.5 mEq/L
- น้ำหนักขึ้นเกิน 1 กิโลกรัมใน 1 วัน
- ตรวจพบมีอาการบวมที่เท้าและรอบตา
- หายใจเร็ว หรือมีเสียงครืดคราดในปอด
✅ Goals (เป้าหมาย)
- ผู้ป่วยไม่มีอาการแสดงของภาวะอิเล็กโทรไลต์ผิดปกติหรือของเสียคั่ง
- ค่าปริมาณอิเล็กโทรไลต์และของเสียในเลือดกลับสู่ระดับใกล้เคียงปกติ
- ผู้ป่วยรับประทานอาหารและน้ำได้ตามคำแนะนำ
✅ Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมินผล)
- BUN, Creatinine, K⁺ ลดลงสู่ค่าที่แพทย์กำหนด
- อาการบวมลดลง น้ำหนักตัวลดลง
- ไม่มีอาการหายใจลำบาก แน่นหน้าอก หรือหัวใจเต้นผิดจังหวะ
- ผู้ป่วยรับประทานอาหารได้ดี ไม่มีคลื่นไส้
✅ Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)
- N18F1I-1: ตรวจติดตามค่า BUN, Creatinine, โพแทสเซียม และโซเดียมตามแผนการรักษา
- N18F1I-2: ประเมินน้ำหนักตัวทุกเช้าในเวลาเดียวกัน เพื่อตรวจหาการคั่งของน้ำ
- N18F1I-3: สังเกตอาการผิดปกติ เช่น ใจสั่น อ่อนเพลีย หายใจลำบาก แน่นหน้าอก
- N18F1I-4: จัดท่านอนศีรษะสูง (High Fowler’s position) เพื่อให้หายใจสะดวก
- N18F1I-5: จำกัดน้ำตามที่แพทย์สั่ง และติดตามปริมาณปัสสาวะในแต่ละวัน
- N18F1I-6: แนะนำผู้ป่วยหลีกเลี่ยงอาหารที่มีโพแทสเซียมและฟอสฟอรัสสูง เช่น กล้วย นม น้ำเต้าหู้
- N18F1I-7: ให้การดูแลด้านจิตใจ พูดคุยให้กำลังใจ เพราะภาวะของเสียคั่งอาจมีผลต่ออารมณ์และสมาธิ
- N18F1I-8: ประสานงานกับทีมแพทย์เพื่อพิจารณาการฟอกไต (Hemodialysis) หากค่าเกินระดับอันตราย
✅ Response (การตอบสนองของผู้ป่วย)
- N18F1R-1: ค่าโพแทสเซียมและ BUN/Creatinine ลดลงตามเป้าหมาย
- N18F1R-2: ผู้ป่วยไม่มีอาการใจสั่น หายใจลำบาก หรือแน่นหน้าอก
- N18F1R-3: น้ำหนักตัวลดลง ≤ 1 กิโลกรัม/วัน
- N18F1R-4: ผู้ป่วยรับประทานอาหารได้มากขึ้น ไม่มีคลื่นไส้
- N18F1R-5: ผู้ป่วยมีทัศนคติดีขึ้นและร่วมมือในการจำกัดอาหาร/น้ำ
……………………………………………………………
N18F2 มีความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนจากของเหลวเกิน
เช่น บวม หายใจลำบาก (Risk for fluid overload complications e.g., edema,
dyspnea)
✅ Assessment (การประเมิน)
S:
- “รู้สึกแน่นหน้าอก หายใจไม่อิ่ม โดยเฉพาะตอนนอนราบ”
- “ช่วงนี้ตัวบวมขึ้น ใส่รองเท้าไม่ค่อยเข้า”
O:
- น้ำหนักขึ้นมากกว่า 1 กิโลกรัมภายใน 24 ชม.
- ขาบวม รอบตาบวม
- เสียงหายใจมีเสียงครืดคราด (crackles)
- ปัสสาวะน้อย
- ตรวจพบ BP สูง และ SpO₂ ต่ำกว่า 95%
✅ Goals (เป้าหมาย)
- ผู้ป่วยไม่มีอาการแสดงของภาวะน้ำเกิน เช่น บวม แน่นหน้าอก หรือหายใจลำบาก
- น้ำหนักตัวคงที่หรือลดลง
- ค่า SpO₂ อยู่ในเกณฑ์ปกติ
- รับรู้และปฏิบัติตามคำแนะนำเรื่องการจำกัดน้ำ
✅ Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมินผล)
- ผู้ป่วยไม่มีบวมใหม่ น้ำหนักลด ≤ 1 กก./วัน
- หายใจได้ดีขึ้น ไม่มีเสียงครืดคราด
- ปริมาณปัสสาวะใกล้เคียงปกติ
- ค่า SpO₂ ≥ 95%
- ผู้ป่วยเข้าใจเรื่องการจำกัดน้ำและปฏิบัติได้
✅ Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)
- N18F2I-1: ชั่งน้ำหนักผู้ป่วยทุกเช้า เวลาเดียวกัน และเปรียบเทียบกับวันก่อนหน้า
- N18F2I-2: ประเมินอาการบวมรอบตา เท้า และหน้าท้องทุกเวร
- N18F2I-3: ฟังเสียงหายใจทุกเวร เพื่อตรวจหาสัญญาณน้ำท่วมปอด
- N18F2I-4: ตรวจวัดชีพจร ความดัน และ SpO₂ สม่ำเสมอ
- N18F2I-5: จำกัดปริมาณน้ำตามแผนการรักษา และบันทึกปริมาณน้ำเข้า-ออก
- N18F2I-6: จัดท่านอนศีรษะสูงเพื่อลดภาวะหายใจลำบาก
- N18F2I-7: แนะนำให้ผู้ป่วยจดบันทึกปริมาณน้ำดื่มเอง
- N18F2I-8: ให้ข้อมูลอาหารที่มีน้ำแฝง เช่น น้ำซุป น้ำแข็ง ผลไม้ฉ่ำน้ำ
- N18F2I-9: แจ้งแพทย์หากพบอาการรุนแรง เช่น หายใจเร็วมาก หรือ SpO₂ ต่ำผิดปกติ
- N18F2I-10: ส่งเสริมให้ครอบครัวมีส่วนร่วมในการจำกัดน้ำและสังเกตอาการผิดปกติ
✅ Response (การตอบสนองของผู้ป่วย)
- N18F2R-1: น้ำหนักลดลง ≤ 1 กก./วัน
- N18F2R-2: ไม่มีอาการแน่นหน้าอก หรือหายใจลำบาก
- N18F2R-3: ไม่มีอาการบวมเพิ่มเติม บวมที่เท้าหรือใบหน้าลดลง
- N18F2R-4: ค่า SpO₂ ≥ 95% และชีพจรอยู่ในเกณฑ์ปกติ
- N18F2R-5: ผู้ป่วยสามารถจำกัดน้ำดื่มได้เองตามแผนที่กำหนด
……………………………………………………………….
N18F3 มีภาวะซีดจากภาวะไตวายเรื้อรัง
(Anemia related to chronic kidney disease)
✅ Assessment (การประเมิน)
S:
- “รู้สึกเหนื่อยง่าย ไม่มีแรง แม้นั่งเฉย ๆ”
- “เวียนหัว หน้ามืดตอนลุกขึ้น”
- “เบื่ออาหาร ไม่อยากทำอะไรเลย”
O:
- ผิวซีด เยื่อบุตาซีด
- หัวใจเต้นเร็ว (≥100 bpm)
- ความดันโลหิตต่ำ
- ตรวจเลือดพบ Hemoglobin < 10 g/dL
- เหนื่อยหอบแม้ไม่ออกแรง
✅ Goals (เป้าหมาย)
- ผู้ป่วยไม่มีอาการเหนื่อยล้า อ่อนเพลียจากภาวะซีด
- ระดับ Hemoglobin เพิ่มขึ้นตามเป้าหมายของแพทย์
- ผู้ป่วยมีความรู้และปฏิบัติตนได้ในการดูแลภาวะซีด
✅ Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมินผล)
- Hemoglobin ≥ 10 g/dL
- ผู้ป่วยไม่เวียนศีรษะ ไม่หน้ามืด
- หัวใจเต้นช้าลงสู่เกณฑ์ปกติ
- ผู้ป่วยมีแรงมากขึ้น และรับประทานอาหารได้ดี
✅ Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)
- N18F3I-1: ประเมินอาการซีด เช่น ผิวซีด เหนื่อยง่าย หน้ามืด และตรวจชีพจรทุกเวร
- N18F3I-2: ตรวจติดตามค่า Hemoglobin และ Hematocrit ตามแผนการรักษา
- N18F3I-3: ให้ยากระตุ้นการสร้างเม็ดเลือดแดง (Erythropoietin) ตามแผนการรักษา
- N18F3I-4: สังเกตผลข้างเคียงจากยา เช่น ความดันโลหิตสูงหลังให้ EPO
- N18F3I-5: ประเมินความสามารถในการทำกิจกรรม เช่น เดิน พูด กิน
- N18F3I-6: ส่งเสริมให้รับประทานอาหารที่มีธาตุเหล็กสูง เช่น ตับ เลือดหมู ผักใบเขียว
- N18F3I-7: แนะนำหลีกเลี่ยงชาหรือกาแฟร่วมกับมื้ออาหาร เพราะลดการดูดซึมธาตุเหล็ก
- N18F3I-8: ให้การพยาบาลเชิงจิตสังคม หากผู้ป่วยท้อแท้หรือซึมเศร้าจากอาการซีดเรื้อรัง
✅ Response (การตอบสนองของผู้ป่วย)
- N18F3R-1: ค่า Hemoglobin เพิ่มขึ้น ≥ 10 g/dL
- N18F3R-2: ผู้ป่วยไม่มีอาการเหนื่อยง่ายหรือเวียนศีรษะ
- N18F3R-3: ผู้ป่วยทำกิจกรรมประจำวันได้ดีขึ้นโดยไม่เหนื่อยมาก
- N18F3R-4: ผู้ป่วยรับประทานอาหารได้ดีขึ้น และเข้าใจการดูแลตนเอง
- N18F3R-5: ไม่มีภาวะแทรกซ้อนจากการใช้ยา Erythropoietin
……………………………………………………..
N18F4 มีความผิดปกติด้านโภชนาการ
(Imbalanced nutrition)
✅ Assessment (การประเมิน)
S:
- “กินข้าวได้น้อย เหม็นอาหาร”
- “รู้สึกคลื่นไส้ เบื่ออาหารทุกวัน”
- “กินแล้วแน่นท้อง ไม่สบายท้อง”
O:
- น้ำหนักลดลงต่อเนื่อง > 1 กก./สัปดาห์
- รับประทานอาหารน้อยกว่าร้อยละ 60 ของปริมาณที่แนะนำ
- ค่าอัลบูมิน (Albumin) < 3.5 g/dL
- ซูบผอม เห็นกระดูกชัด กล้ามเนื้ออ่อนแรง
- ตรวจพบภาวะซีดร่วมด้วย
✅ Goals (เป้าหมาย)
- ผู้ป่วยได้รับสารอาหารเพียงพอตามที่ร่างกายต้องการ
- น้ำหนักตัวคงที่หรือลดลงไม่เกินเกณฑ์
- อาการเบื่ออาหารลดลง รับประทานอาหารได้มากขึ้น
- ค่าอัลบูมินและสารอาหารในเลือดดีขึ้น
✅ Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมินผล)
- ผู้ป่วยรับประทานอาหารได้ ≥ 75% ของปริมาณที่แนะนำ
- น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นหรือนิ่ง ไม่ลดลงเกิน 0.5 กก./สัปดาห์
- ค่าอัลบูมิน ≥ 3.5 g/dL
- ไม่มีอาการคลื่นไส้ เหม็นอาหาร
✅ Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)
- N18F4I-1: ประเมินพฤติกรรมการกินและสาเหตุของการกินได้น้อย เช่น เบื่ออาหาร คลื่นไส้
- N18F4I-2: ชั่งน้ำหนักทุกสัปดาห์ และบันทึกการเปลี่ยนแปลงของน้ำหนัก
- N18F4I-3: ส่งปรึกษานักโภชนาการ เพื่อจัดอาหารเฉพาะสำหรับผู้ป่วยไตวาย
- N18F4I-4: แนะนำให้กินอาหารพลังงานสูงในปริมาณน้อย แต่บ่อยครั้ง
- N18F4I-5: หลีกเลี่ยงอาหารที่ทำให้คลื่นไส้ เช่น อาหารมัน ของทอด
- N18F4I-6: ส่งเสริมให้รับประทานอาหารที่ย่อยง่าย และแต่งกลิ่นหรือรสให้น่ากินมากขึ้น
- N18F4I-7: ให้ข้อมูลเรื่องอาหารที่ควรหลีกเลี่ยง เช่น อาหารโปรตีนสูง ฟอสฟอรัสสูง
- N18F4I-8: ประเมินสภาพจิตใจ หากเบื่ออาหารจากภาวะซึมเศร้าหรือความเครียด
- N18F4I-9: เฝ้าระวังภาวะขาดน้ำร่วมด้วย หากดื่มน้ำได้น้อยจากการจำกัดน้ำ
✅ Response (การตอบสนองของผู้ป่วย)
- N18F4R-1: ผู้ป่วยรับประทานอาหารได้มากขึ้น ≥ 75% ของอาหารที่จัดให้
- N18F4R-2: น้ำหนักคงที่หรือน้ำหนักเพิ่มขึ้นตามเป้าหมาย
- N18F4R-3: ค่าอัลบูมิน ≥ 3.5 g/dL
- N18F4R-4: ผู้ป่วยแจ้งว่าอาการเบื่ออาหารและคลื่นไส้ลดลง
- N18F4R-5: ผู้ป่วยเข้าใจหลักการเลือกอาหารสำหรับโรคไตและปฏิบัติได้ถูกต้อง
…………………………………………………………….
N18F5 มีความวิตกกังวลเกี่ยวกับการฟอกไตหรือการรักษาต่อเนื่อง
(Anxiety related to dialysis and long-term treatment)
✅ Assessment (การประเมิน)
S:
- ผู้ป่วยกล่าวว่า “กลัวการฟอกไต”
- “ไม่แน่ใจว่าจะรักษาไปอีกนานแค่ไหน”
- “รู้สึกเครียด คิดอะไรไม่ออก”
O:
- ผู้ป่วยมีสีหน้าเคร่งเครียด พูดน้อย
- มือสั่น หายใจเร็ว
- ซึมเศร้า หลีกเลี่ยงการพูดคุยเรื่องการรักษา
- คะแนนประเมินความวิตกกังวล (Anxiety scale) สูงกว่าปกติ
✅ Goals (เป้าหมาย)
- ผู้ป่วยลดความวิตกกังวลเกี่ยวกับการฟอกไตและการรักษาระยะยาว มีพฤติกรรมและทัศนคติที่เหมาะสมในการเผชิญโรค
✅ Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)
- ผู้ป่วยสามารถอธิบายขั้นตอนการฟอกไตและแนวทางรักษาได้
- ผู้ป่วยแสดงสีหน้า พฤติกรรม และการสื่อสารลดความเครียด
- คะแนนประเมินความวิตกกังวลลดลง
- ผู้ป่วยเข้าร่วมกระบวนการฟอกไตโดยสมัครใจ
✅ Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)
- N18F5I1: สร้างสัมพันธภาพที่ดี พูดคุยให้กำลังใจด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวล
- N18F5I2: ประเมินระดับความวิตกกังวลโดยใช้แบบประเมินมาตรฐาน
- N18F5I3: อธิบายขั้นตอนการฟอกไตและแผนการรักษาให้เข้าใจง่าย ลดความกลัวจากความไม่รู้
- N18F5I4: ส่งเสริมให้ผู้ป่วยซักถามข้อสงสัย เปิดโอกาสให้ระบายความรู้สึก
- N18F5I5: ชวนครอบครัวเข้ามามีส่วนร่วมในการดูแล สนับสนุนทางอารมณ์
- N18F5I6: สอนเทคนิคผ่อนคลาย เช่น หายใจลึก-ช้า หรือฟังเพลงผ่อนคลาย
- N18F5I7: ประสานทีมสหวิชาชีพ เช่น จิตแพทย์/นักจิตวิทยา หากพบภาวะซึมเศร้าหรือวิตกกังวลเรื้อรัง
- N18F5I8: ติดตามความต่อเนื่องของอาการหลังได้รับข้อมูลหรือคำแนะนำแล้ว
✅ Response (การตอบสนอง)
- N18F5R1: ผู้ป่วยผ่อนคลายขึ้น สีหน้าดีขึ้น พูดคุยมากขึ้น
- N18F5R2: ผู้ป่วยร่วมมือในการฟอกไตโดยไม่ปฏิเสธ
- N18F5R3: ผู้ป่วยสามารถอธิบายขั้นตอนการฟอกไตและเหตุผลของการรักษาได้
- N18F5R4: ระดับคะแนนประเมินความวิตกกังวลลดลงอย่างชัดเจน
- N18F5R5: ครอบครัวมีท่าทีสนับสนุน ช่วยให้ผู้ป่วยรู้สึกมั่นใจมากขึ้น
……………………………………………………………..
N18F6 ขาดความรู้เรื่องการดูแลตนเองเมื่ออยู่ที่บ้าน
(Deficient knowledge related to self-care at home)
✅Assessment (การประเมิน)
S:
- ผู้ป่วยกล่าวว่า “ไม่รู้ว่ากลับบ้านต้องกินยาอย่างไร”
- “กลัวว่าจะดูแลตัวเองผิด”
O:
- ผู้ป่วยมีท่าทีสับสนเมื่อนำเสนอวิธีดูแลตัวเอง
- มีญาติหรือผู้ดูแลใกล้ชิดที่สามารถสื่อสารและช่วยเหลือได้
- ไม่มีแผนการปฏิบัติตัวที่บ้านอย่างชัดเจน
✅Goals (เป้าหมาย)
- ผู้ป่วยและ/หรือญาติมีความรู้เพียงพอในการดูแลสุขภาพหลังจำหน่าย
- ผู้ป่วยสามารถอธิบายแนวทางการดูแลตนเองเบื้องต้นได้
- ลดความเสี่ยงของการเกิดภาวะแทรกซ้อนหลังกลับบ้าน
✅ Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)
- ผู้ป่วยสามารถสาธิตการดูแลตนเองตามแผนได้ถูกต้องอย่างน้อย 80%
- ผู้ป่วยหรือผู้ดูแลตอบคำถามถูกต้องเกี่ยวกับการรับประทานยา/อาหาร/การสังเกตอาการผิดปกติ
- ผู้ป่วยมีความมั่นใจในการดูแลตนเองเมื่ออยู่ที่บ้าน
🩺 Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)
- N18F6I1: ประเมินพื้นฐานความรู้และความเข้าใจของผู้ป่วยและญาติก่อนจำหน่าย
- N18F6I2: อธิบายโรคภาวะไตวายเรื้อรังให้เข้าใจอย่างง่าย ทั้งสาเหตุ การรักษา และการป้องกัน
- N18F6I3: สอนวิธีรับประทานยาอย่างถูกต้อง พร้อมแจกตารางการกินยา
- N18F6I4: ให้คำแนะนำเรื่องโภชนาการที่เหมาะสมกับภาวะไตวาย
- N18F6I5: อธิบายวิธีการดูแลแผล หรืออุปกรณ์ต่าง ๆ เช่น Fistula, Tenckhoff (ถ้ามี)
- N18F6I6: สอนวิธีสังเกตอาการผิดปกติ เช่น บวม เหนื่อยผิดปกติ ปัสสาวะเปลี่ยน
- N18F6I7: จัดทำแผ่นพับ หรือคู่มือดูแลตนเองให้ผู้ป่วยนำกลับไปบ้าน
- N18F6I8: วางแผนการติดตามอาการ เช่น นัดพบแพทย์, นัดพยาบาลเยี่ยมบ้าน
- N18F6I9: ให้เบอร์โทรติดต่อกลับหากมีข้อสงสัยหรือภาวะฉุกเฉิน
- N18F6I10: ประสานงานกับทีมสหวิชาชีพ เช่น นักโภชนาการ หรือสังคมสงเคราะห์ตามความจำเป็น
✅Response (การตอบสนอง)
- N18F6R1: ผู้ป่วยสามารถอธิบายแนวทางดูแลตนเองที่บ้านได้ถูกต้อง
- N18F6R2: ญาติหรือผู้ดูแลเข้าใจวิธีช่วยเหลือผู้ป่วยและมีส่วนร่วมในการดูแล
- N18F6R3: ผู้ป่วยมีความมั่นใจและแสดงท่าทีพร้อมในการกลับไปดูแลตนเองที่บ้าน
- N18F6R4: ผู้ป่วยสามารถจัดการยา อาหาร และติดตามอาการตนเองได้อย่างเหมาะสม
- N18F6R5: ไม่มีภาวะแทรกซ้อนเกิดขึ้นหลังจำหน่ายในระยะติดตามผลเบื้องต้น
……………………………………………………………
N18F7 มีแนวโน้มไม่ปฏิบัติตามแผนการรักษา
(Non-adherence to treatment plan)
✅Assessment (การประเมิน)
S:
- “ไม่อยากฟอกไต มันทรมาน”
- “กินยาตามสะดวก ไม่ได้กินทุกวัน”
O:
- ไม่มาตามนัดฟอกไต/พบแพทย์
- ผลเลือดแสดงค่าความผิดปกติของไตเพิ่มขึ้น
- ยาเหลือจำนวนมากเกินกว่าที่ควรใช้หมด
- สังเกตพฤติกรรมหลีกเลี่ยงการพูดคุยเรื่องการรักษา
✅Goals (เป้าหมาย)
- ผู้ป่วยเข้าใจและยอมรับแผนการรักษาที่แพทย์และทีมพยาบาลแนะนำ
- ผู้ป่วยมีความร่วมมือในการรักษาและปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างต่อเนื่อง
✅ Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)
- ผู้ป่วยเข้ารับการรักษาอย่างต่อเนื่อง
- ผู้ป่วยรับประทานยาและมาตามนัดสม่ำเสมอ
- ผู้ป่วยสามารถอธิบายแผนการรักษาได้
- ผู้ป่วยมีภาวะสุขภาพดีขึ้นหรือคงที่ตามเกณฑ์ทางการแพทย์
✅Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)
- N18F7I1 ประเมินความเข้าใจของผู้ป่วยเกี่ยวกับโรคและแผนการรักษา
- N18F7I2 ซักถามเหตุผลหรือความเชื่อที่ทำให้ผู้ป่วยไม่ปฏิบัติตามแผนการรักษา
- N18F7I3 ให้ข้อมูลเรื่องผลกระทบของการไม่รักษาอย่างต่อเนื่อง
- N18F7I4 ส่งเสริมให้ผู้ป่วยตั้งเป้าหมายสุขภาพร่วมกับทีมรักษา
- N18F7I5 ช่วยจัดตารางการรักษาและยาให้เหมาะกับวิถีชีวิตของผู้ป่วย
- N18F7I6 สนับสนุนให้ครอบครัวหรือผู้ดูแลมีส่วนร่วมในการดูแล
- N18F7I7 ประเมินอุปสรรคทางเศรษฐกิจและส่งต่อสวัสดิการที่เกี่ยวข้อง
- N18F7I8 ให้กำลังใจและชื่นชมเมื่อผู้ป่วยมีพฤติกรรมเชิงบวก
- N18F7I9 นัดติดตามผลอย่างใกล้ชิดและสม่ำเสมอ
- N18F7I10 ประเมินความพร้อมของผู้ป่วยในการเปลี่ยนพฤติกรรม (Readiness for change)
✅Response (การตอบสนอง)
- N18F7R1 ผู้ป่วยรับรู้ถึงความสำคัญของการรักษาอย่างต่อเนื่อง
- N18F7R2 ผู้ป่วยให้ความร่วมมือในการฟอกไตและพบแพทย์ตามนัด
- N18F7R3 ผู้ป่วยรับประทานยาตามแผนที่กำหนด
- N18F7R4 ผู้ป่วยและครอบครัวมีบทบาทในการดูแลสุขภาพร่วมกัน
- N18F7R5 ภาวะไตของผู้ป่วยคงที่ตามเกณฑ์ที่แพทย์กำหนด
……………………………………………………………………….
N18F8 เตรียมพร้อมจำหน่ายและติดตามการดูแลต่อเนื่อง
(Readiness for discharge and continued care)
✅Assessment (การประเมิน)
S:
- ผู้ป่วย/ญาติกล่าวว่า “ยังไม่มั่นใจในการดูแลตนเองที่บ้าน”
- “กลัวลืมกินยา หรือไม่รู้วิธีปฏิบัติตัวหลังออกจากโรงพยาบาล”
O:
- ผู้ป่วยสามารถตอบคำถามเกี่ยวกับโรคและการรักษาได้บางส่วน
- การปฏิบัติตามคำแนะนำก่อนหน้านี้ยังไม่ครบถ้วน
- มีเอกสารหรือคู่มือดูแลตนเองที่บ้านหรือไม่
- มีญาติหรือผู้ดูแลพร้อมช่วยเหลือหรือไม่
✅Goals (เป้าหมาย)
- ผู้ป่วยและญาติมั่นใจและพร้อมดูแลตนเองได้หลังจำหน่าย
- ผู้ป่วยปฏิบัติตามแผนการรักษาและนัดติดตามอย่างสม่ำเสมอ
- ลดความเสี่ยงการกลับเข้าโรงพยาบาลซ้ำ
✅ Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)
- ผู้ป่วยและญาติเข้าใจและสามารถอธิบายการดูแลตนเองที่บ้านได้ถูกต้อง
- ผู้ป่วยมีแผนการนัดหมายติดตามผลกับโรงพยาบาลหรือคลินิก
- ผู้ป่วยและครอบครัวสามารถจัดการยาและอาหารตามคำแนะนำ
- ไม่มีภาวะแทรกซ้อนซ้ำในช่วงเวลาติดตามผลเบื้องต้น
✅Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)
- N18F8I1: ประเมินความเข้าใจและความพร้อมของผู้ป่วย/ญาติในการดูแลตนเอง
- N18F8I2: ให้ข้อมูลและสอนการดูแลตนเองอย่างละเอียด รวมทั้งการรับประทานยาและอาหาร
- N18F8I3: จัดทำคู่มือหรือเอกสารแนะนำการดูแลตนเองที่บ้านให้ผู้ป่วยและญาติ
- N18F8I4: วางแผนการนัดหมายติดตามผลและแจ้งช่องทางติดต่อกรณีฉุกเฉิน
- N18F8I5: ประสานงานกับทีมสหวิชาชีพ เช่น นักโภชนาการ นักกายภาพบำบัด หรือจิตแพทย์
- N18F8I6: ฝึกซ้อมสถานการณ์จำลองการดูแลตนเอง เช่น การเตรียมยา หรือการตรวจอาการเบื้องต้น
- N18F8I7: ประเมินความช่วยเหลือจากครอบครัวและสนับสนุนให้มีส่วนร่วมในการดูแล
- N18F8I8: เฝ้าระวังภาวะแทรกซ้อนหรืออาการผิดปกติที่อาจเกิดขึ้นหลังจำหน่าย
- N18F8I9: ติดตามและประเมินผลผ่านการเยี่ยมบ้านหรือโทรศัพท์เพื่อลดการกลับเข้าโรงพยาบาลซ้ำ
✅Response (การตอบสนอง)
- N18F8R1: ผู้ป่วยและญาติสามารถอธิบายวิธีดูแลตนเองที่บ้านได้ถูกต้อง
- N18F8R2: ผู้ป่วยมีความมั่นใจในการจัดการยารักษาและอาหารที่เหมาะสม
- N18F8R3: ผู้ป่วยมาตามนัดติดตามและรับการรักษาอย่างสม่ำเสมอ
- N18F8R4: ไม่มีภาวะแทรกซ้อนหรืออาการผิดปกติหลังจำหน่ายในช่วงติดตามเบื้องต้น
- N18F8R5: ครอบครัวมีส่วนร่วมในการสนับสนุนและช่วยดูแลผู้ป่วยที่บ้านได้ดี
……………………………………………………………….
เอกสารอ้างอิงภาษาไทย
- กระทรวงสาธารณสุข. (2563). แนวทางเวชปฏิบัติสำหรับโรคไตวายเรื้อรัง. สำนักการแพทย์แผนปัจจุบันและสหวิชาชีพ. URL: http://thaikidney.org/guideline-ckd
- สมาคมโรคไตแห่งประเทศไทย. (2564). คู่มือการดูแลผู้ป่วยโรคไตวายเรื้อรัง. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์มหาวิทยาลัยมหิดล.
- KDIGO. (2013). KDIGO 2012 Clinical Practice Guideline for the Evaluation and Management of Chronic Kidney Disease. Kidney International Supplements, 3(1), 1–150. https://kdigo.org/guidelines/ckd-evaluation-and-management/
- National Kidney Foundation. (2020). KDOQI Clinical Practice Guideline for Chronic Kidney Disease: 2020 Update. American Journal of Kidney Diseases, 75(5), S1-S151.https://www.kidney.org/professionals/guidelines