เกี่ยวกับฉัน

รูปภาพของฉัน
เมือง, พิษณุโลก, Thailand

วันจันทร์ที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2568

EP.86 Med. Topic 6 โรคหลอดเลือดสมองตีบ/แตก (โรคหลอดเลือดสมอง) : I63 [Cerebral Infarction (Stroke)]

 


🎯 รู้เท่าทัน “โรคหลอดเลือดสมอง” (Stroke) รหัส I63: Cerebral Infarction

สมองขาดเลือดเฉียบพลัน

  •  หลอดเลือดตีบ ตัน หรือแตก ทำให้สมองเสียหายทันที

สมองถูกกด-หยุดสั่งงาน

  • เลือดไปไม่ถึง สมองบางส่วนตา
  • หรือเลือดออก คั่งในสมอง กดทับเนื้อสมอง ทำให้สั่งงานไม่ได้
  • พบมากวัย 50 + คนอายุน้อยก็เสี่ยง หากมีเบาหวาน ความดัน หรือสูบบุหรี่

ปัจจัยเสี่ยง

  • 🌟 ความดันโลหิตสูง   🌟 เบาหวาน
  • 🌟 ไขมันในเลือดสูง    🌟 สูบบุหรี่ ดื่มเหล้า
  • 🌟 ขาดการออกกำลังกาย น้ำหนักเกิน

สัญญาณเตือน (อาการ) จำให้แม่น: FAST

  • 🧠 F – หน้าเบี้ยว            🧠 A - แขนขาอ่อนแรงครึ่งซีก
  • 🧠 S - พูดไม่ชัด/พูดไม่ได้ 🧠 T - รีบพาส่งโรงพยาบาลทันที!

การรักษา

  • 📌ให้ยาละลายลิ่มเลือด (ถ้ามาทันภายใน 4.5 ชั่วโมง)
  • 📌ผ่าตัดกรณีเลือดออก
  • 📌ฟื้นฟูสมรรถภาพด้วยกายภาพบำบัด

บทบาทพยาบาล

  • 📌เฝ้าระวังอาการซ้ำ
  • 📌ช่วยเหลือฟื้นฟูร่างกายและจิตใจ
  • 📌สอนญาติให้ดูแลและป้องกันโรคในอนาคต

วิธีดูแลตัวเองสำหรับบุคคลทั่วไป

  • ❤️ ตรวจสุขภาพประจำปี    ❤️ คุมความดัน เบาหวาน ไขมัน
  • ❤️ เลิกบุหรี่ เหล้า           ❤️ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ
  • ❤️ ถ้าเริ่มมีอาการ FAST → โทร 1669 ทันที!

................................................................

🧠 การวินิจฉัยการพยาบาลผู้ป่วย Stroke (I63) ที่พบบ่อยและสำคัญ

  1. I63F1 เสี่ยงต่อสมองขาดเลือดเพิ่มหรือบวมมากขึ้น (Risk for increased cerebral ischemia or cerebral edema)
  2. I63F2 การหายใจไม่มีประสิทธิภาพจากกล้ามเนื้ออ่อนแรง (Impaired breathing pattern due to muscle weakness)
  3. I63F3 เคลื่อนไหวร่างกายไม่ได้บางส่วน (Impaired physical mobility)
  4. I63F4 พูดหรือสื่อสารไม่ได้ตามปกติ (Impaired verbal communication)
  5. I63F5 เสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อน เช่น ปอดอักเสบจากการสำลักหรือแผลกดทับ (Risk for complications such as aspiration pneumonia or pressure ulcers)
  6. I63F6 มีภาวะซึมเศร้าหรือวิตกกังวลจากความพิการ (Depressed mood or anxiety related to disability)
  7. I63F7 ขาดความรู้ในการดูแลตนเองหลังกลับบ้าน (Deficient knowledge about self-care after discharge)
  8. I63F8 พร้อมกลับบ้านแต่ต้องวางแผนการฟื้นฟูและติดตามต่อเนื่อง (Readiness for enhanced rehabilitation and follow-up)

...........................................................................

I63F1 เสี่ยงต่อสมองขาดเลือดเพิ่มหรือบวมมากขึ้น (Risk for increased cerebral ischemia or cerebral edema)

🔍 Assessment (การประเมิน)

S:

  • ผู้ป่วยบ่นปวดศีรษะมาก อึดอัด พูดช้า ซึมลง

O:

  • ระดับความรู้สึกตัวลดลง (Glasgow Coma Scale)
  • แขนขาซีกใดซีกหนึ่งอ่อนแรงมากขึ้น
  • ความดันโลหิตสูง > 180/110 mmHg
  • อัตราการหายใจเพิ่มขึ้น
  • รูม่านตาไม่เท่ากันหรือไม่ตอบสนองต่อแสง

🎯 Goals (เป้าหมาย)

  • ผู้ป่วยมีการไหลเวียนเลือดไปเลี้ยงสมองเพียงพอ
  • ไม่เกิดสมองบวมเพิ่ม
  • อาการทางระบบประสาทคงที่หรือดีขึ้น
  • ไม่มีภาวะแทรกซ้อนรุนแรง

📊 Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)

  • ระดับรู้สึกตัวดีขึ้นหรือคงที่ (GCS ≥ 12)
  • ไม่มีอาการทางระบบประสาทแย่ลง
  • สัญญาณชีพอยู่ในเกณฑ์ปลอดภัย
  • ไม่มีอาการบวมของสมอง เช่น ซึมลง หายใจลำบากเพิ่มขึ้น

🩺 Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)

  • ✅ I63F1I-1: ประเมินสัญญาณชีพทุก 15–30 นาทีใน 2 ชั่วโมงแรก แล้วทุก 1–2 ชั่วโมงตามแผน เพื่อเฝ้าระวังความดันสูง/ต่ำผิดปกติ
  • ✅ I63F1I-2: ประเมินระดับรู้สึกตัว (GCS) และตรวจการตอบสนองของรูม่านตาเป็นระยะ เพื่อจับสัญญาณสมองบวมแต่เนิ่น ๆ
  • ✅ I63F1I-3: จัดท่านอนศีรษะสูง 30 องศา เพื่อลดแรงดันในกะโหลกศีรษะ
  • ✅ I63F1I-4: เฝ้าระวังอาการทางระบบประสาท เช่น แขนขาอ่อนแรงมากขึ้น พูดไม่ได้หรือซึมลง
  • ✅ I63F1I-5: ให้ยาตามแผนแพทย์อย่างเคร่งครัด เช่น ยาลดความดัน ยาลดบวมสมอง
  • ✅ I63F1I-6: จำกัดของเหลวถ้าจำเป็นตามคำสั่งแพทย์ เพื่อลดภาระในสมอง

👌 Response (การตอบสนอง)

  • ⭐ I63F1R-1: ผู้ป่วยมีระดับรู้สึกตัวคงที่ (GCS ไม่ลดลง)
  • ⭐ I63F1R-2: ไม่มีสัญญาณสมองบวมเพิ่ม (ไม่มีซึมลงหรือหายใจลำบาก)
  • ⭐ I63F1R-3: สัญญาณชีพอยู่ในเกณฑ์ปลอดภัย
  • ⭐ I63F1R-4: ผลตรวจทางระบบประสาทไม่แย่ลง

............................................................

I63F2 การหายใจไม่มีประสิทธิภาพจากกล้ามเนื้ออ่อนแรง (Impaired breathing pattern due to muscle weakness)

🔍 Assessment (การประเมิน)

S:

  • ผู้ป่วยบ่นเหนื่อยหอบ หายใจติดขัด โดยเฉพาะเมื่อเปลี่ยนท่า

O:

  • อัตราการหายใจ > 24 ครั้ง/นาที
  • ใช้กล้ามเนื้อช่วยหายใจ เหนื่อยง่าย
  • ฟังเสียงปอดพบเสมหะคั่งหรือเสียงครืดคราด
  • ค่าออกซิเจนในเลือดต่ำกว่า 92% (SpO₂ < 92%)
  • อกเคลื่อนไหวไม่สมมาตร

🎯 Goals (เป้าหมาย)

  • ผู้ป่วยหายใจได้เองอย่างมีประสิทธิภาพ
  • ระดับออกซิเจนในเลือดอยู่ในเกณฑ์ปกติ
  • ไม่มีภาวะทางเดินหายใจอุดกั้นหรือหายใจล้มเหลว

📊 Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)

  • อัตราการหายใจอยู่ในช่วง 12–20 ครั้ง/นาที
  • SpO₂ ≥ 95% โดยไม่ต้องใช้ออกซิเจนเสริมหรือใช้น้อยลง
  • ไม่มีเสียงเสมหะคั่งในปอด
  • ผู้ป่วยไม่เหนื่อยหอบหรือใช้กล้ามเนื้อช่วยหายใจ

🩺 Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)

  • ✅ I63F2I-1: ประเมินอัตรา ลักษณะ และเสียงหายใจทุก 1–2 ชั่วโมง เพื่อเฝ้าระวังภาวะหายใจล้มเหลว
  • ✅ I63F2I-2: ตรวจค่าออกซิเจนในเลือด (SpO₂) อย่างสม่ำเสมอ เพื่อประเมินประสิทธิภาพการแลกเปลี่ยนก๊าซ
  • ✅ I63F2I-3: จัดท่านอนศีรษะสูง 30–45 องศา เพื่อลดแรงกดของช่องท้องต่อปอดและช่วยให้ปอดขยายตัว
  • ✅ I63F2I-4: ดูดเสมหะเมื่อมีเสมหะคั่ง เพื่อให้ทางเดินหายใจโล่ง
  • ✅ I63F2I-5: ให้การดูแลเรื่องการกลืนอาหารและน้ำอย่างระมัดระวัง เพื่อลดความเสี่ยงสำลัก
  • ✅ I63F2I-6: ให้ออกซิเจนเสริมตามแผนแพทย์ถ้า SpO₂ < 92%
  • ✅ I63F2I-7: กระตุ้นให้หายใจลึกและไอเพื่อระบายเสมหะ ถ้าไม่มีข้อห้าม

👌 Response (การตอบสนอง)

  • ⭐ I63F2R-1: ผู้ป่วยหายใจได้เองอย่างราบรื่น อัตราการหายใจปกติ
  • ⭐ I63F2R-2: SpO₂ ≥ 95% ต่อเนื่อง
  • ⭐ I63F2R-3: ไม่มีเสียงเสมหะคั่งหรือครืดคราดในปอด
  • ⭐ I63F2R-4: ผู้ป่วยไม่เหนื่อยหอบหรือใช้กล้ามเนื้อช่วยหายใจ
  • ⭐ I63F2R-5: ไม่มีภาวะสำลักหรือปอดอักเสบแทรกซ้อน

..............................................................

I63F3 เคลื่อนไหวร่างกายไม่ได้บางส่วน (Impaired physical mobility)

🔍 Assessment (การประเมิน)

S:

  • ผู้ป่วยบอกว่า “ขยับแขนขาซีกนี้ไม่ได้” หรือ “ไม่มีแรง”

O:

  • แขนขาซีกหนึ่งอ่อนแรงหรือขยับไม่ได้
  • กล้ามเนื้อลีบเล็กลง
  • ไม่สามารถลุกเอง เดินเองได้
  • มีรอยแดงหรือกดเจ็บที่ผิวหนังจากแรงกด

🎯 Goals (เป้าหมาย)

  • ผู้ป่วยเคลื่อนไหวร่างกายได้มากขึ้นตามศักยภาพ
  • ไม่มีแผลกดทับหรือข้อติดยึด
  • สามารถทำกิจวัตรประจำวันได้บางส่วนด้วยตนเอง

📊 Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)

  • ผู้ป่วยขยับแขนขาซีกอ่อนแรงได้มากขึ้นหรือมีแรงเพิ่ม
  • ไม่มีรอยแผลกดทับหรือบวมแดงตามจุดรับน้ำหนัก
  • ข้อต่อเคลื่อนไหวได้ตามองศาปกติ

🩺 Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)

  • ✅ I63F3I-1: ประเมินความแข็งแรงของกล้ามเนื้อและการเคลื่อนไหวของแขนขาเป็นระยะ
  • ✅ I63F3I-2: จัดท่านอนที่ถูกต้องและเปลี่ยนท่าทุก 2 ชั่วโมงเพื่อลดแรงกดที่ผิวหนัง
  • ✅ I63F3I-3: ทำกายภาพขยับข้อแบบ Passive ROM (Range of Motion) วันละ 2–3 ครั้งเพื่อป้องกันข้อติด
  • ✅ I63F3I-4: สนับสนุนให้ผู้ป่วยใช้แขนขาที่อ่อนแรงทำกิจกรรมเท่าที่ทำได้
  • ✅ I63F3I-5: ใช้หมอนรองส่วนต่าง ๆ เพื่อจัดแนวกระดูกและลดแรงกด
  • ✅ I63F3I-6: ประเมินสภาพผิวหนัง โดยเฉพาะบริเวณที่รับแรงกด เช่น ส้นเท้า สะโพก
  • ✅ I63F3I-7: แนะนำญาติให้ช่วยประคอง ขยับตัว และดูแลผิวหนังอย่างถูกต้อง

👌 Response (การตอบสนอง)

  • ⭐ I63F3R-1: ผู้ป่วยสามารถขยับแขนขาซีกอ่อนแรงได้มากขึ้น
  • ⭐ I63F3R-2: ไม่มีแผลกดทับหรือรอยแดงตามจุดรับน้ำหนัก
  • ⭐ I63F3R-3: ข้อต่อไม่ติดยึด ขยับได้ตามองศาปกติ
  • ⭐ I63F3R-4: ผู้ป่วยมีส่วนร่วมทำกิจวัตรประจำวันบางส่วนได้เอง

....................................................................

I63F4 พูดหรือสื่อสารไม่ได้ตามปกติ (Impaired verbal communication)

🔍 Assessment (การประเมิน)

S:

  • ผู้ป่วยพยายามพูดแต่ฟังไม่รู้เรื่อง หรือส่ายหัวเมื่อถาม

O:

  • พูดไม่ได้ พูดช้า หรือพูดคำซ้ำ
  • แสดงสีหน้าสับสนเมื่อสื่อสาร
  • ตอบสนองช้า ไม่เข้าใจคำสั่งง่าย ๆ
  • ใช้ท่าทางหรือแววตาแทนคำพูด

🎯 Goals (เป้าหมาย)

  • ผู้ป่วยสามารถสื่อสารความต้องการพื้นฐานได้
  • ลดความสับสนและความเครียดจากการสื่อสารผิดพลาด
  • ญาติและผู้ดูแลเข้าใจวิธีสื่อสารกับผู้ป่วยอย่างเหมาะสม

📊 Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)

  • ผู้ป่วยแสดงความต้องการได้ด้วยวิธีอื่น (เช่น ชี้หรือเขียน)
  • ญาติสามารถเข้าใจสิ่งที่ผู้ป่วยต้องการสื่อสาร
  • ผู้ป่วยแสดงสีหน้าผ่อนคลาย ไม่หงุดหงิดเมื่อสื่อสาร

🩺 Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)

  • ✅ I63F4I-1: ประเมินระดับความเข้าใจและความสามารถด้านภาษา เพื่อเลือกวิธีสื่อสารที่เหมาะสม
  • ✅ I63F4I-2: จัดหากระดานตัวอักษร ภาพสัญลักษณ์ หรือกระดาษดินสอให้ผู้ป่วยใช้สื่อสาร
  • ✅ I63F4I-3: ใช้คำสั้น ช้า ชัดเจน และซ้ำเมื่อต้องการสื่อสารกับผู้ป่วย
  • ✅ I63F4I-4: สอนญาติให้สื่อสารด้วยท่าทาง ภาพ หรือคำถามแบบเลือกตอบ
  • ✅ I63F4I-5: เฝ้าระวังภาวะหงุดหงิดหรือซึมเศร้าเนื่องจากสื่อสารไม่ได้
  • ✅ I63F4I-6: ให้กำลังใจผู้ป่วยทุกครั้งที่สามารถสื่อสารได้สำเร็จ

👌 Response (การตอบสนอง)

  • ⭐ I63F4R-1: ผู้ป่วยสามารถสื่อสารความต้องการพื้นฐานได้ด้วยวิธีอื่น
  • ⭐ I63F4R-2: ญาติสามารถเข้าใจและตอบสนองต่อความต้องการของผู้ป่วยได้ถูกต้อง
  • ⭐ I63F4R-3: ผู้ป่วยแสดงสีหน้าผ่อนคลายและมีส่วนร่วมในการสื่อสาร
  • ⭐ I63F4R-4: ผู้ป่วยไม่หงุดหงิดหรือซึมเศร้าเมื่อสื่อสาร

................................................................

I63F5 เสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อน เช่น ปอดอักเสบจากการสำลักหรือแผลกดทับ (Risk for complications such as aspiration pneumonia or pressure ulcers)

🔍 Assessment (การประเมิน)

S:

  • ผู้ป่วยบ่นเจ็บบริเวณหลังหรือก้นเมื่อพลิกตัว ชอบนอนท่าเดิมนาน ๆ

O:

  • ผิวหนังบริเวณกดทับมีรอยแดงหรือกดไม่ยุบ
  • ไอมาก มีเสมหะ เสียงหายใจครืดคราด
  • ไข้ อุณหภูมิร่างกาย > 37.8°C
  • SpO₂ < 92% หายใจเร็ว

🎯 Goals (เป้าหมาย)

  • ป้องกันการเกิดแผลกดทับและปอดอักเสบจากการสำลัก
  • รักษาความสะอาดของทางเดินหายใจ
  • ผิวหนังแข็งแรง ไม่แตกหรือมีรอยแดงคงอยู่

📊 Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)

  • ผิวหนังเรียบเนียน ไม่มีแผลกดทับ
  • ไม่มีอาการติดเชื้อในปอดหรือไข้สูง
  • การหายใจปกติ SpO₂ ≥ 95%
  • ไม่มีเสมหะคั่งในปอด

🩺 Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)

  • ✅ I63F5I-1: ประเมินผิวหนังทุก 8 ชั่วโมง โดยเฉพาะบริเวณกดทับ เช่น สะโพก หลัง ส้นเท้า
  • ✅ I63F5I-2: พลิกตะแคงตัวเปลี่ยนท่าทุก 2 ชั่วโมงเพื่อลดแรงกด
  • ✅ I63F5I-3: ใช้ที่นอนลม หรือหมอนรองจุดกดทับเพื่อลดแรงเสียดสี
  • ✅ I63F5I-4: ประเมินเสียงหายใจ อัตราการหายใจ และ SpO₂ ทุก 4 ชั่วโมง
  • ✅ I63F5I-5: จัดท่าศีรษะสูง 30–45 องศาระหว่างกินอาหารและหลังอาหารอย่างน้อย 30 นาที
  • ✅ I63F5I-6: ให้ผู้ป่วยกลืนอาหารคำเล็ก ๆ เคี้ยวช้า เพื่อป้องกันการสำลัก
  • ✅ I63F5I-7: ดูดเสมหะเมื่อมีเสมหะคั่งในลำคอหรือหายใจลำบาก
  • ✅ I63F5I-8: สังเกตสัญญาณติดเชื้อ เช่น ไข้ เสมหะข้น หายใจเร็ว

👌 Response (การตอบสนอง)

  • ⭐ I63F5R-1: ผู้ป่วยไม่มีแผลกดทับ ผิวหนังเรียบเนียน
  • ⭐ I63F5R-2: หายใจสะดวก SpO₂ ≥ 95%
  • ⭐ I63F5R-3: ไม่มีอาการสำลักขณะรับประทานอาหาร
  • ⭐ I63F5R-4: ไม่มีไข้หรือติดเชื้อทางเดินหายใจ
  • ⭐ I63F5R-5: ญาติหรือผู้ดูแลสามารถพลิกตัวและช่วยดูแลผิวหนังได้ถูกต้อง

...................................................................

I63F6 มีภาวะซึมเศร้าหรือวิตกกังวลจากความพิการ (Depressed mood or anxiety related to disability)

🔍 Assessment (การประเมิน)

S: 

  • ผู้ป่วยพูดว่า “ไม่อยากอยู่แล้ว” หรือ “คงไม่มีทางดีขึ้น”

O:

  • สีหน้าหมอง ซึม ไม่สบตา
  • นอนเฉย ไม่ให้ความร่วมมือทำกิจกรรม
  • มีอาการร้องไห้ เงียบ ไม่พูดคุย
  • แสดงพฤติกรรมก้าวร้าวหรือวิตกกังวลเมื่อพูดถึงอนาคต

🎯 Goals (เป้าหมาย)

  • ผู้ป่วยมีกำลังใจและยอมรับสภาพความพิการ
  • ลดความรู้สึกสิ้นหวังและวิตกกังวล
  • ญาติมีส่วนร่วมให้กำลังใจและสนับสนุน

📊 Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)

  • ผู้ป่วยแสดงสีหน้าผ่อนคลายมากขึ้น
  • พูดคุย แสดงความคิดเห็นกับทีมดูแล
  • เข้าร่วมกิจกรรมฟื้นฟูอย่างสม่ำเสมอ
  • ญาติแสดงบทบาทสนับสนุนได้ดี

🩺 Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)

  • ✅ I63F6I-1: ประเมินสภาพจิตใจ ความคิด ความรู้สึกของผู้ป่วยทุกวัน
  • ✅ I63F6I-2: พูดคุยอย่างเป็นมิตร ให้ผู้ป่วยระบายความรู้สึกโดยไม่ตำหนิ
  • ✅ I63F6I-3: ให้ข้อมูลเกี่ยวกับอาการ การฟื้นฟู และความเป็นไปได้ในการฟื้นตัว เพื่อสร้างความหวัง
  • ✅ I63F6I-4: สนับสนุนให้ผู้ป่วยทำกิจกรรมง่าย ๆ ด้วยตนเองเท่าที่ทำได้ เพื่อสร้างความมั่นใจ
  • ✅ I63F6I-5: เชิญญาติร่วมให้กำลังใจ อยู่กับผู้ป่วยขณะฝึกกิจกรรมต่าง ๆ
  • ✅ I63F6I-6: ประสานจิตแพทย์หรือทีมสุขภาพจิตหากมีความเสี่ยงฆ่าตัวตายหรือภาวะซึมเศร้ารุนแรง

👌 Response (การตอบสนอง)

  • ⭐ I63F6R-1: ผู้ป่วยยอมรับสภาพและพูดคุยเรื่องอนาคตได้
  • ⭐ I63F6R-2: ผู้ป่วยเข้าร่วมทำกิจกรรมฟื้นฟูอย่างต่อเนื่อง
  • ⭐ I63F6R-3: แสดงสีหน้าและพฤติกรรมที่ผ่อนคลายขึ้น
  • ⭐ I63F6R-4: ญาติให้กำลังใจและอยู่ดูแลอย่างใกล้ชิด
  • ⭐ I63F6R-5: ไม่มีพฤติกรรมเสี่ยงอันตรายต่อตนเอง

.................................................................

I63F7 ขาดความรู้ในการดูแลตนเองหลังกลับบ้าน (Deficient knowledge about self-care after discharge)

🔍 Assessment (การประเมิน)

S: 

  • ผู้ป่วย/ญาติกล่าวว่า “ไม่รู้ต้องทำยังไงต่อหลังกลับบ้าน”

O:

  • ผู้ป่วยไม่สามารถอธิบายวิธีออกกำลังกายฟื้นฟูได้
  • ญาติไม่ทราบชื่อหรือขนาดยาที่ต้องกิน
  • ผู้ป่วย/ญาติไม่รู้จักสัญญาณเตือนของโรคซ้ำ

🎯 Goals (เป้าหมาย)

  • ผู้ป่วยและญาติแสดงความเข้าใจวิธีดูแลตนเองหลังกลับบ้าน
  • ป้องกันการเกิดโรคซ้ำและภาวะแทรกซ้อน
  • สามารถปฏิบัติตามคำแนะนำได้ถูกต้อง

📊 Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)

  • ผู้ป่วย/ญาติอธิบายขั้นตอนดูแลตนเองได้ถูกต้อง
  • สามารถแสดงวิธีออกกำลังกายง่าย ๆ ได้
  • รู้จักสัญญาณอันตรายและแจ้งเมื่อพบอาการผิดปกติ

🩺 Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)

  • ✅ I63F7I-1: ประเมินความรู้เดิมของผู้ป่วยและญาติเกี่ยวกับโรคและการดูแลตนเอง
  • ✅ I63F7I-2: อธิบายวิธีรับประทานยา ขนาดยา เวลา และผลข้างเคียงที่ควรระวัง
  • ✅ I63F7I-3: สอนท่าบริหารร่างกายง่าย ๆ ที่ผู้ป่วยสามารถทำได้เองที่บ้าน
  • ✅ I63F7I-4: แนะนำการควบคุมโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง
  • ✅ I63F7I-5: แจ้งสัญญาณอันตราย เช่น พูดไม่ชัด แขนขาอ่อนแรงใหม่ ให้รีบมาโรงพยาบาลทันที
  • ✅ I63F7I-6: แจกเอกสารแนะนำ หรือเบอร์โทรศัพท์หน่วยงานที่ให้คำปรึกษาหลังกลับบ้าน
  • ✅ I63F7I-7: เปิดโอกาสให้ผู้ป่วย/ญาติซักถามและตอบข้อสงสัย

👌 Response (การตอบสนอง)

  • ⭐ I63F7R-1: ผู้ป่วยและญาติสามารถอธิบายวิธีดูแลตนเองได้ถูกต้อง
  • ⭐ I63F7R-2: ผู้ป่วยรับประทานยาและออกกำลังกายตามแผนได้เอง
  • ⭐ I63F7R-3: ญาติรู้จักสัญญาณอันตรายและแสดงความพร้อมในการช่วยดูแล
  • ⭐ I63F7R-4: ผู้ป่วยมีความมั่นใจและแสดงท่าทีผ่อนคลายมากขึ้น

.......................................................................

I63F8 พร้อมกลับบ้านแต่ต้องวางแผนการฟื้นฟูและติดตามต่อเนื่อง (Readiness for enhanced rehabilitation and follow-up)

🔍 Assessment (การประเมิน)

S:

  • ผู้ป่วย/ญาติกล่าวว่า “อยากกลับบ้านแล้ว” หรือ “จะกลับไปทำกายภาพต่อที่บ้าน”

O:

  • อาการทางกายคงที่ ไม่มีสัญญาณชีพผิดปกติ
  • เคลื่อนไหวหรือช่วยเหลือตัวเองได้ในระดับหนึ่ง
  • ญาติแสดงความพร้อมที่จะดูแลและพาผู้ป่วยมาติดตามนัด

🎯 Goals (เป้าหมาย)

  • ผู้ป่วยกลับบ้านได้อย่างปลอดภัย
  • มีแผนฟื้นฟูร่างกายและติดตามต่อเนื่องที่เหมาะสม
  • สิ่งแวดล้อมในบ้านเอื้อต่อการฟื้นฟูและป้องกันอุบัติเหตุ

📊 Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)

  • ผู้ป่วยและญาติอธิบายแผนฟื้นฟูและนัดติดตามได้ถูกต้อง
  • ปรับบ้านให้เหมาะสมกับผู้ป่วยเรียบร้อย
  • ผู้ป่วยกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างปลอดภัย

🩺 Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)

  • ✅ I63F8I-1: ประเมินสภาพร่างกาย จิตใจ และความพร้อมของผู้ป่วยและญาติในการกลับบ้าน
  • ✅ I63F8I-2: วางแผนกายภาพบำบัดต่อเนื่องหลังกลับบ้าน ร่วมกับทีมฟื้นฟูสมรรถภาพ
  • ✅ I63F8I-3: นัดหมายติดตามอาการตามแผนการรักษา พร้อมแจ้งวัน เวลา และหน่วยงานที่นัด
  • ✅ I63F8I-4: ให้คำแนะนำในการปรับสภาพแวดล้อมบ้าน เช่น ปรับห้องนอนให้เดินสะดวก ติดราวจับ
  • ✅ I63F8I-5: สอนญาติวิธีช่วยเหลือผู้ป่วยในชีวิตประจำวันและสังเกตสัญญาณผิดปกติ
  • ✅ I63F8I-6: แจกเบอร์โทรฉุกเฉินหรือหน่วยงานให้คำปรึกษาในกรณีเร่งด่วน
  • ✅ I63F8I-7: สนับสนุนให้ผู้ป่วยมีส่วนร่วมวางแผนฟื้นฟูและแสดงความต้องการของตนเอง

👌 Response (การตอบสนอง)

  • ⭐ I63F8R-1: ผู้ป่วยและญาติสามารถอธิบายแผนฟื้นฟูและการนัดติดตามได้ถูกต้อง
  • ⭐ I63F8R-2: บ้านปรับสภาพเรียบร้อย เหมาะสมกับความปลอดภัยของผู้ป่วย
  • ⭐ I63F8R-3: ผู้ป่วยกลับบ้านและเริ่มฟื้นฟูร่างกายต่อเนื่องได้ตามแผน
  • ⭐ I63F8R-4: ญาติให้การดูแลผู้ป่วยอย่างเหมาะสมและสังเกตอาการได้

.............................................................................

📚 เอกสารอ้างอิง

  • สมาคมโรคหลอดเลือดสมองแห่งประเทศไทย. (2565). แนวทางเวชปฏิบัติสำหรับโรคหลอดเลือดสมองในประเทศไทย (Thai Stroke Guidelines 2022). กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก.
  • สภาการพยาบาล. (2561). มาตรฐานการพยาบาลและการผดุงครรภ์แห่งชาติ พ.ศ. 2561. กรุงเทพฯ: สภาการพยาบาล.
  • Powers, W. J., Rabinstein, A. A., Ackerson, T., Adeoye, O. M., Bambakidis, N. C., Becker, K., … & Tirschwell, D. L. (2019). 2018 Guidelines for the Early Management of Patients with Acute Ischemic Stroke: A Guideline for Healthcare Professionals From the American Heart Association/American Stroke Association. Stroke, 49(3), e46–e110. https://doi.org/10.1161/STR.0000000000000158
  • World Health Organization. (2017). Stroke: a global response is needed. WHO Bulletin. Retrieved from: https://www.who.int/news/item/29-10-2017-stroke-a-global-response-is-needed