เกี่ยวกับฉัน

รูปภาพของฉัน
เมือง, พิษณุโลก, Thailand

วันศุกร์ที่ 3 มกราคม พ.ศ. 2568

EP. 24👉👉ตัวอย่าง : การพยาบาลผู้ป่วยโรคเบาหวาน (Diabetes Mellitus) - E11.9 - Type 2 diabetes mellitus without complications

 พยาธิสภาพของโรคเบาหวาน

โรคเบาหวาน (Diabetes Mellitus) เกิดจากความผิดปกติในการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด อันเนื่องมาจากการขาดฮอร์โมนอินซูลินหรือการดื้อต่ออินซูลิน ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ช่วยนำน้ำตาลเข้าสู่เซลล์เพื่อเป็นพลังงาน ในผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 1 ร่างกายไม่สามารถผลิตอินซูลินได้เนื่องจากการทำลายเซลล์เบต้าในตับอ่อนจากระบบภูมิคุ้มกัน ส่วนในผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 ร่างกายผลิตอินซูลินได้ไม่เพียงพอหรือเซลล์ตอบสนองต่ออินซูลินลดลง ส่งผลให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงเรื้อรัง ซึ่งอาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น โรคหัวใจ โรคไต และโรคเส้นประสาทส่วนปลาย

การรักษาโรคเบาหวาน

               การรักษาโรคเบาหวานมุ่งเน้นการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ เพื่อลดความเสี่ยงของภาวะแทรกซ้อนระยะยาว วิธีหลักคือการปรับพฤติกรรมสุขภาพ ได้แก่ รับประทานอาหารที่เหมาะสม ลดน้ำตาลและคาร์โบไฮเดรตเชิงเดี่ยว ออกกำลังกายสม่ำเสมอ ควบคุมน้ำหนัก และงดสูบบุหรี่หรือดื่มแอลกอฮอล์ หากยังควบคุมระดับน้ำตาลไม่ได้ อาจต้องใช้ยารับประทานหรือฉีดอินซูลินตามแพทย์แนะนำ ควบคู่กับการตรวจระดับน้ำตาลเป็นประจำและติดตามผลกับแพทย์อย่างต่อเนื่อง

การพยาบาลโรคเบาหวาน

               การพยาบาลโรคเบาหวานมุ่งเน้นการดูแลผู้ป่วยให้สามารถควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้อย่างเหมาะสม เพื่อลดความเสี่ยงของภาวะแทรกซ้อน พยาบาลมีบทบาทสำคัญในการให้ความรู้เกี่ยวกับการรับประทานอาหารที่เหมาะสม การออกกำลังกาย การใช้ยาอย่างถูกต้อง รวมถึงการตรวจระดับน้ำตาลด้วยตนเอง นอกจากนี้ ต้องสังเกตอาการแทรกซ้อน เช่น แผลที่เท้าหายช้า หรืออาการของน้ำตาลสูงหรือต่ำผิดปกติ และให้คำแนะนำในการดูแลตนเอง พร้อมติดตามอาการอย่างต่อเนื่องเพื่อให้ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

การวินิจฉัยการพยาบาล

  1. E11.9F1 เสี่ยงต่อการเกิดอันตรายจากระดับน้ำตาลในเลือดต่ำ (Risk of hypoglycemia – Low Blood Sugar)
  2. E11.9F2 เสี่ยงต่อภาวะ คีโตอะซิโดซิสจากเบาหวาน (Risk of Diabetic Ketoacidosis – DKA)
  3. E11.9F3 เสี่ยงต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อนจากระดับน้ำตาลในเลือดผิดปกติ (Risk of complications due to abnormal blood glucose levels)
  4. E11.9F4 เสี่ยงต่อการเกิดแผลเรื้อรังที่เท้า (Risk of developing a chronic foot ulcer – Diabetic Foot Ulcer)
  5. E11.9F5 การขาดความรู้เกี่ยวกับการจัดการโรคเบาหวาน (Knowledge deficit regarding diabetes management)
  6. E11.9F6 เสี่ยงต่อการเกิดภาวะติดเชื้อ (Risk of infection)
  7. E11.9F7 เสี่ยงต่อการเกิดภาวะทุพโภชนาการ (Risk of malnutrition)
  8. E11.9F8 วิตกกังวลเกี่ยวกับโรคเบาหวานและภาวะแทรกซ้อน (Anxiety related to diabetes and its complications)
  9. E11.9F9 เสี่ยงต่อการไม่ปฏิบัติตามแผนการรักษา (Risk of non-adherence to treatment plan)
  10. E11.9F10 วางแผนจำหน่าย (Discharge planning)

(ตัวเลข F1, I-1, R-1 เป็นเพียงตัวเลขที่กำหนดขึ้นเพื่อให้การจัดลำดับวินิจฉัยการพยาบาลเป็นไปอย่างมีระบบ อาจปรับเปลี่ยนได้ตามความเหมาะสม)

......................................................................................

E11.9F1: เสี่ยงต่อการเกิดอันตรายจากระดับน้ำตาลในเลือดต่ำ (Risk of hypoglycemia – Low Blood Sugar)

Assessment (การประเมิน)

S:

  • ผู้ป่วยรายงานอาการที่สอดคล้องกับภาวะน้ำตาลต่ำ เช่น รู้สึกหิวมาก เวียนศีรษะ ใจสั่น หรืออ่อนแรง
  • มีประวัติภาวะ Hypoglycemia หรือระดับน้ำตาลในเลือดผิดปกติมาก่อน
  • รู้สึกกระหายน้ำและปัสสาวะบ่อย

O:

  • ระดับน้ำตาลในเลือด (BGL) ต่ำกว่า 70 mg/dL
  • สังเกตอาการ เช่น เหงื่อออก ตัวเย็น ใจสั่น ซีด กระสับกระส่าย หรือหมดสติ
  • ระดับความรู้สึกตัวลดลงหรือซึมลง
  • ผลตรวจ Lab: ระดับน้ำตาลในเลือดผิดปกติ
  • การหายใจผิดปกติแบบ Kussmaul (หายใจหอบลึก)
  • การประเมินสัญญาณชีพ: ชีพจรเต้นเร็ว

Goals (เป้าหมายการพยาบาล)

  • ผู้ป่วยจะไม่เกิดภาวะ Hypoglycemia ที่เป็นอันตรายขณะอยู่ในโรงพยาบาล
  • ผู้ป่วยสามารถรับรู้และปฏิบัติตัวเพื่อป้องกันภาวะน้ำตาลต่ำได้อย่างถูกต้อง
  • ระดับน้ำตาลในเลือดอยู่ในช่วง 100-140 mg/dL ขณะพักรักษาตัว

Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมินผล)

  • ไม่มีอาการของ Hypoglycemia (เช่น หมดสติ ชัก หรือเหงื่อออกมาก)
  • ระดับน้ำตาลในเลือดคงที่ในช่วงเป้าหมายที่กำหนด
  • ผู้ป่วยสามารถบอกวิธีจัดการภาวะน้ำตาลต่ำได้อย่างถูกต้อง

Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)

  • E11.9F1I-1 ตรวจระดับน้ำตาลในเลือด (DTX) ทันทีหากสงสัยภาวะ Hypoglycemia
  • E11.9F1I-ให้การดูแลเบื้องต้น เช่น ดื่มน้ำผลไม้หรือกลูโคสเจล หากหมดสติให้ฉีด 50% Dextrose หรือ Glucagon
  • E11.9F1I-3 ประเมินสัญญาณชีพและระดับความรู้สึกตัวทันที
  • E11.9F1I-4 ตรวจ DTX อย่างสม่ำเสมอ (ทุก 4-6 ชั่วโมง หรือตามแผนการรักษา)
  • E11.9F1I-5 เฝ้าระวังอาการ Hypoglycemia และ Hyperglycemia อย่างต่อเนื่อง
  • E11.9F1I-6 เก็บสิ่งส่งตรวจและติดตามผลทางห้องปฏิบัติการ
  • E11.9F1I-7 ให้ Insulin และสารน้ำตามแผนการรักษา พร้อมติดตามผลการตอบสนอง สังเกตอาการข้างเคียงของยาระหว่างการรักษา
  • E11.9F1I-8 สอนผู้ป่วยและญาติเกี่ยวกับการตรวจระดับน้ำตาลปลายนิ้ว และการสังเกตอาการเริ่มต้นของ Hypoglycemia หรือ Hyperglycemia
  • E11.9F1I-9 แนะนำการรับประทานอาหารที่เหมาะสม เช่น การเลือกรับประทานอาหารที่มีคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อนก่อนนอน
  • E11.9F1I-10 การป้องกันภาวะแทรกซ้อนระยะยาวโดยประเมินและสังเกตการตอบสนองของผู้ป่วยต่อแผนการรักษา
  • E11.9F1I-11 บันทึกข้อมูลและวิเคราะห์ผลเพื่อปรับปรุงแผนการรักษา
  • E11.9F1I-12 ส่งเสริมการปฏิบัติตัวเพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อน เช่น การดูแลเท้าและการควบคุมน้ำตาลในระยะยาว

Response (การตอบสนอง)

  • เวลา # .
  • E11.9F1R-1 ผู้ป่วยมีระดับน้ำตาลในเลือดอยู่ในช่วงปลอดภัย (DTX 80-180 mg%).
  • E11.9F1R-2 ไม่มี sign ของ Hypoglycemia หรือ Hyperglycemia.
  • E11.9F1R-3 ไม่มีอาการเหงื่อออก ตัวเย็น ใจสั่น หรืออาการผิดปกติอื่น .
  • E11.9F1R-4 ร่างกายและระดับความรู้สึกตัวปกติ สัญญาณชีพปกติ.
  • E11.9F1R-5 ไม่มีเหตุการณ์ Hypoglycemia ระหว่างพักรักษาตัว.
  • E11.9F1R-6 ผู้ป่วยและญาติสามารถระบุและจัดการภาวะน้ำตาลต่ำได้อย่างเหมาะสม.
  • E11.9F1R-7 ผู้ป่วยมีความมั่นใจและความพร้อมในการดูแลตนเองหลังจำหน่ายกลับบ้าน

.....................................................................................................

E11.9F2: เสี่ยงต่อภาวะคีโตอะซิโดซิสจากเบาหวาน (Risk of Diabetic Ketoacidosis – DKA)

Assessment (การประเมิน)

S:

  • ผู้ป่วยรายงานอาการกระหายน้ำมาก
  • ปัสสาวะบ่อยขึ้น
  • รู้สึกเหนื่อย อ่อนเพลีย
  • มีอาการคลื่นไส้ หรือปวดท้อง

O:

  • ระดับน้ำตาลในเลือด (Blood Glucose Level, BGL) > 250 mg/dL
  • การตรวจปัสสาวะพบคีโตน (Ketone) ในระดับสูง
  • มี Kussmaul Breathing หรือการหายใจหอบลึก
  • สัญญาณชีพ: หายใจเร็ว ชีพจรเต้นเร็ว ความดันโลหิตต่ำ
  • ระดับความรู้สึกตัวลดลง

Goals (เป้าหมายการพยาบาล)

  • ผู้ป่วยไม่มีภาวะ Diabetic Ketoacidosis (DKA) ระหว่างการดูแล
  • ระดับน้ำตาลในเลือดของผู้ป่วยอยู่ในช่วงปลอดภัย (80-180 mg/dL)
  • การเฝ้าระวังอาการและการตอบสนองของผู้ป่วยสามารถป้องกันภาวะแทรกซ้อนได้

Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมินผล)

  • ระดับน้ำตาลในเลือดอยู่ในช่วง 80-180 mg/dL
  • ไม่มีอาการบ่งชี้ภาวะ DKA เช่น คลื่นไส้ ปวดท้อง หรือ Kussmaul Breathing
  • ผู้ป่วยมีสัญญาณชีพปกติ
  • ไม่มีการตรวจพบคีโตนในปัสสาวะ

Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)

  • E11.9F2I-1 ตรวจระดับน้ำตาลในเลือด (DTX) ทุก 1-2 ชั่วโมง หรือบ่อยขึ้นตามแผนการรักษา
  • E11.9F2I-2 ตรวจปัสสาวะเพื่อหา Ketone และติดตามผล
  • E11.9F2I-3 ประเมินสัญญาณชีพและระดับความรู้สึกตัวอย่างสม่ำเสมอ
  • E11.9F2I-4 เฝ้าระวังอาการผิดปกติ เช่น หายใจหอบลึก คลื่นไส้ หรือปวดท้อง
  • E11.9F2I-5 ให้สารน้ำและ Insulin ตามแผนการรักษาของแพทย์ พร้อมติดตามการตอบสนอง
  • E11.9F2I-6 เก็บสิ่งส่งตรวจและติดตามผลทางห้องปฏิบัติการ เช่น ABG, Electrolytes
  • E11.9F2I-7 ให้คำแนะนำแก่ผู้ป่วยและญาติเกี่ยวกับอาการเริ่มต้นของภาวะ DKA และวิธีการดูแลเบื้องต้น
  • E11.9F2I-8 ส่งเสริมการรับประทานอาหารที่เหมาะสม และไม่งดมื้ออาหาร

Response (การตอบสนอง)

  • เวลา # .
  • E11.9F2R-1 ระดับน้ำตาลในเลือดของผู้ป่วยอยู่ในช่วงปลอดภัย (80-180 mg/dL)
  • E11.9F2R-2 ไม่มีอาการของ DKA เช่น Kussmaul Breathing หรือปวดท้อง
  • E11.9F2R-3 ผลการตรวจปัสสาวะไม่พบ Ketone
  • E11.9F2R-4 ผู้ป่วยและญาติสามารถสังเกตอาการเบื้องต้นของภาวะ DKA และแจ้งพยาบาลได้ทันที

.....................................................................................................

E11.9F3: เสี่ยงต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อนจากระดับน้ำตาลในเลือดผิดปกติ (Risk of complications due to abnormal blood glucose levels)

Assessment (การประเมิน)

S:

  • ผู้ป่วยรายงานอาการเหนื่อยล้า อ่อนเพลีย
  • กระหายน้ำมากกว่าปกติ
  • มีปัสสาวะบ่อย โดยเฉพาะในเวลากลางคืน

O:

  • ระดับน้ำตาลในเลือด (Blood Glucose Level, BGL) สูงกว่า 180 mg/dL หรือต่ำกว่า 70 mg/dL
  • มีอาการเหงื่อออก ตัวเย็น ใจสั่น (Hypoglycemia)
  • พบผล Lab ระดับ HbA1c > 7%
  • ผลการตรวจปัสสาวะพบโปรตีน หรือสารบ่งชี้ความผิดปกติ
  • สัญญาณชีพผิดปกติ เช่น ชีพจรเต้นเร็วหรือความดันโลหิตสูง

Goals (เป้าหมายการพยาบาล)

  • ระดับน้ำตาลในเลือดของผู้ป่วยอยู่ในช่วงปลอดภัย (80-180 mg/dL)
  • ป้องกันการเกิดภาวะแทรกซ้อนทั้งระยะสั้น (เช่น Hypoglycemia/Hyperglycemia) และระยะยาว (เช่น โรคไต เบาหวานขึ้นจอประสาทตา)
  • ผู้ป่วยมีความรู้และทักษะในการดูแลตนเองเพื่อควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด

Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมินผล)

  • ระดับน้ำตาลในเลือดอยู่ในช่วง 80-180 mg/dL อย่างต่อเนื่อง
  • ผู้ป่วยไม่มีอาการแสดงของ Hypoglycemia หรือ Hyperglycemia
  • ผล Lab HbA1c ลดลงต่ำกว่า 7%
  • ผู้ป่วยสามารถปฏิบัติตามคำแนะนำการดูแลตนเองได้อย่างเหมาะสม
  • ไม่มีอาการแทรกซ้อน เช่น โปรตีนในปัสสาวะหรือภาวะไตเสื่อม

Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)

  • E11.9F3I-1 ตรวจระดับน้ำตาลในเลือด (DTX) อย่างสม่ำเสมอ ตามแผนการรักษา
  • E11.9F3I-2 เฝ้าระวังอาการผิดปกติที่เกี่ยวข้องกับ Hypoglycemia และ Hyperglycemia เช่น เหงื่อออก ตัวเย็น ใจสั่น หรือกระหายน้ำมาก
  • E11.9F3I-3 เก็บสิ่งส่งตรวจ เช่น HbA1c, Albumin/Creatinine Ratio และติดตามผลทางห้องปฏิบัติการ
  • E11.9F3I-4 ให้สารน้ำ ยา Insulin หรือยาลดระดับน้ำตาลในเลือดตามแผนการรักษา พร้อมสังเกตอาการข้างเคียง
  • E11.9F3I-5 สอนผู้ป่วยและญาติเกี่ยวกับการตรวจระดับน้ำตาลปลายนิ้ว และการสังเกตอาการที่ควรรีบแจ้งแพทย์
  • E11.9F3I-6 ให้คำแนะนำเกี่ยวกับการเลือกรับประทานอาหารที่เหมาะสมและการออกกำลังกาย
  • E11.9F3I-7 ส่งเสริมการดูแลตนเอง เช่น การควบคุมน้ำตาลในเลือดอย่างต่อเนื่อง และการป้องกันภาวะแทรกซ้อนระยะยาว

Response (การตอบสนอง)

  • เวลา # .
  • E11.9F3R-1 ผู้ป่วยมีระดับน้ำตาลในเลือดอยู่ในช่วงปลอดภัย (80-180 mg/dL)
  • E11.9F3R-2 ไม่มีอาการแสดงของ Hypoglycemia หรือ Hyperglycemia
  • E11.9F3R-3 ผลการตรวจ HbA1c ลดลงสู่ระดับที่เหมาะสม (<7%)
  • E11.9F3R-4 ผู้ป่วยและญาติสามารถปฏิบัติตามคำแนะนำและดูแลตนเองได้อย่างเหมาะสม
  • E11.9F3R-5 ไม่มีภาวะแทรกซ้อน เช่น โปรตีนในปัสสาวะ หรือความผิดปกติอื่น

.....................................................................................................

E11.9F4: เสี่ยงต่อการเกิดแผลเรื้อรังที่เท้า (Risk of developing a chronic foot ulcer – Diabetic Foot Ulcer)

Assessment (การประเมิน)

S:

  • ผู้ป่วยรายงานว่ามีอาการชา หรือรู้สึกแสบที่เท้า
  • ผู้ป่วยยอมรับว่าไม่ได้ตรวจสอบหรือดูแลเท้าเป็นประจำ
  • ญาติรายงานว่าผู้ป่วยมีบาดแผลเล็ก ที่เท้า แต่ไม่ได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม

O:

  • การตรวจเท้าพบการอักเสบ บวม หรือแผลเล็ก ที่ไม่ได้รับการดูแล
  • การตรวจพบความผิดปกติของระบบประสาทส่วนปลาย (Peripheral Neuropathy) เช่น การตอบสนองต่อแรงกดและอุณหภูมิลดลง
  • การไหลเวียนเลือดที่เท้าลดลง (Peripheral Artery Disease - PAD)
  • การตรวจพบเลือดไปเลี้ยงเนื้อเยื่อที่เท้าลดลงจากการประเมินด้วย ABI (Ankle-Brachial Index)

Goals (เป้าหมายการพยาบาล)

  • ลดความเสี่ยงต่อการเกิดแผลเรื้อรังที่เท้า
  • ผู้ป่วยสามารถตรวจสอบและดูแลสุขภาพเท้าตนเองได้อย่างเหมาะสม
  • ไม่มีบาดแผลหรือภาวะแทรกซ้อนที่เกี่ยวข้องกับเท้า
  • การไหลเวียนเลือดที่เท้าปกติหรือดีขึ้น

Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมินผล)

  • ไม่มีบาดแผลเรื้อรังหรือการติดเชื้อที่เท้า
  • การไหลเวียนเลือดที่เท้าอยู่ในเกณฑ์ปกติ (ABI > 0.9)
  • ผู้ป่วยสามารถตรวจและดูแลสุขภาพเท้าได้ด้วยตนเอง
  • ผู้ป่วยไม่มีภาวะแทรกซ้อน เช่น การติดเชื้อหรือเนื้อเยื่อตาย (Gangrene)

Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)

  • E11.9F4I-1 ตรวจเท้าผู้ป่วยเป็นประจำ โดยสังเกตบาดแผล บวม อักเสบ หรือการติดเชื้อ
  • E11.9F4I-2 สอนผู้ป่วยและญาติวิธีการตรวจสอบเท้า เช่น ดูสีผิว ความแห้งกร้าน หรือการเปลี่ยนแปลงผิดปกติ
  • E11.9F4I-3 ให้คำแนะนำเรื่องการดูแลเท้า เช่น การล้างเท้าให้สะอาด การเช็ดเท้าให้แห้ง โดยเฉพาะระหว่างนิ้วเท้า
  • E11.9F4I-4 สนับสนุนให้ผู้ป่วยใส่รองเท้าที่เหมาะสม และหลีกเลี่ยงการเดินเท้าเปล่า
  • E11.9F4I-5 ประเมินการไหลเวียนเลือดที่เท้าด้วย ABI หรือ Doppler Ultrasound หากจำเป็น
  • E11.9F4I-6 ให้คำแนะนำเรื่องการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดเพื่อป้องกันความเสียหายต่อหลอดเลือดและเส้นประสาท
  • E11.9F4I-7 ส่งผู้ป่วยที่มีแผลหรือความเสี่ยงสูงไปพบผู้เชี่ยวชาญ เช่น คลินิกแผลเบาหวานหรือแพทย์เฉพาะทาง

Response (การตอบสนอง)

  • เวลา # .
  • E11.9F4R-1 ไม่มีบาดแผลเรื้อรังหรือการติดเชื้อที่เท้า
  • E11.9F4R-2 ผู้ป่วยและญาติสามารถตรวจสอบและดูแลสุขภาพเท้าได้อย่างเหมาะสม
  • E11.9F4R-3 การไหลเวียนเลือดที่เท้าอยู่ในเกณฑ์ปกติ (ABI > 0.9)
  • E11.9F4R-4 ไม่มีภาวะแทรกซ้อน เช่น การติดเชื้อหรือเนื้อเยื่อตาย
  • E11.9F4R-5 ผู้ป่วยรู้สึกมั่นใจและปฏิบัติตามคำแนะนำในการดูแลเท้า

.....................................................................................................

E11.9F5: การขาดความรู้เกี่ยวกับการจัดการโรคเบาหวาน (Knowledge deficit regarding diabetes management)

Assessment (การประเมิน)

S:

  • ผู้ป่วยรายงานว่าไม่เคยได้รับคำแนะนำในการจัดการโรคเบาหวานจากเจ้าหน้าที่สาธารณสุข
  • ผู้ป่วยหรือญาติรู้สึกไม่มั่นใจในการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด
  • ผู้ป่วยรายงานการขาดการติดตามผลอย่างต่อเนื่องเกี่ยวกับการควบคุมโรคเบาหวาน
  • ผู้ป่วยหรือญาติแสดงความกังวลเกี่ยวกับการไม่เข้าใจวิธีการป้องกันภาวะแทรกซ้อนจากโรคเบาหวาน

O:

  • ระดับน้ำตาลในเลือดสูงกว่าเป้าหมายที่แนะนำ (มากกว่า 180 mg/dL)
  • ไม่มีการบันทึกแผนการรักษาหรือคำแนะนำเกี่ยวกับการจัดการโรคเบาหวานในประวัติการรักษา
  • ผู้ป่วยอาจไม่มีการปฏิบัติตามคำแนะนำเกี่ยวกับการควบคุมโรคเบาหวาน เช่น การรับประทานอาหารหรือการตรวจระดับน้ำตาลในเลือด
  • ผลการตรวจสุขภาพทั่วไปไม่ปกติ เช่น มีภาวะน้ำหนักเกินหรืออาการผิดปกติที่เกี่ยวข้องกับโรคเบาหวาน

Goals (เป้าหมายการพยาบาล)

  • ผู้ป่วยได้รับคำแนะนำที่ถูกต้องและเหมาะสมเกี่ยวกับการจัดการโรคเบาหวาน
  • ผู้ป่วยสามารถควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้อยู่ในช่วงที่ปลอดภัย (80-180 mg/dL)
  • ผู้ป่วยเข้าใจและสามารถปฏิบัติตามแผนการรักษาได้อย่างเหมาะสม
  • ผู้ป่วยสามารถดูแลตนเองในการป้องกันภาวะแทรกซ้อนจากโรคเบาหวาน

Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมินผล)

  • ผู้ป่วยสามารถระบุและอธิบายวิธีการจัดการโรคเบาหวานได้อย่างถูกต้อง
  • ระดับน้ำตาลในเลือดอยู่ในช่วง 80-180 mg/dL
  • ผู้ป่วยปฏิบัติตามแผนการรักษา เช่น การตรวจระดับน้ำตาลในเลือดและการรับประทานอาหารที่เหมาะสม
  • ผู้ป่วยแสดงความมั่นใจในการจัดการโรคเบาหวานและการป้องกันภาวะแทรกซ้อน

Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)

  • E11.9F5I-1 ให้คำแนะนำและสอนผู้ป่วยเกี่ยวกับการจัดการโรคเบาหวาน เช่น การควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด การเลือกอาหารที่เหมาะสม และการออกกำลังกาย
  • E11.9F5I-2 สอนการตรวจระดับน้ำตาลในเลือดด้วยตัวเอง (Fingerstick) และการบันทึกผลการตรวจอย่างสม่ำเสมอ
  • E11.9F5I-3 สอนการใช้ยา Insulin หรือยารักษาโรคเบาหวานตามคำแนะนำของแพทย์
  • E11.9F5I-4 วางแผนการติดตามผลการรักษาอย่างสม่ำเสมอ เช่น การนัดพบแพทย์และการตรวจสุขภาพประจำปี
  • E11.9F5I-5 ให้คำแนะนำเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพทั่วไป เช่น การควบคุมน้ำหนัก การหลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ และการลดความเครียด
  • E11.9F5I-6 ส่งเสริมการเข้าร่วมกลุ่มสนับสนุนการจัดการโรคเบาหวาน หรือการให้คำปรึกษาทางจิตใจเพื่อเพิ่มความมั่นใจในการจัดการโรค
  • E11.9F5I-7 บันทึกและติดตามผลการสอนให้ผู้ป่วยสามารถใช้ข้อมูลในการจัดการโรคได้อย่างมีประสิทธิภาพ

Response (การตอบสนอง)

  • เวลา # .
  • E11.9F5R-1 ผู้ป่วยสามารถระบุวิธีการจัดการโรคเบาหวาน เช่น การตรวจระดับน้ำตาลในเลือด การรับประทานอาหารที่เหมาะสม และการออกกำลังกาย
  • E11.9F5R-2 ระดับน้ำตาลในเลือดของผู้ป่วยอยู่ในช่วง 80-180 mg/dL
  • E11.9F5R-3 ผู้ป่วยสามารถปฏิบัติตามแผนการรักษาและดูแลตัวเองได้อย่างถูกต้อง
  • E11.9F5R-4 ผู้ป่วยแสดงความมั่นใจในการจัดการโรคเบาหวาน และสามารถปฏิบัติตามคำแนะนำเพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนได้
  • E11.9F5R-5 ผู้ป่วยเข้าร่วมการติดตามผลการรักษาและการดูแลสุขภาพได้อย่างต่อเนื่อง

.....................................................................................................

E11.9F6: เสี่ยงต่อการเกิดภาวะติดเชื้อ (Risk of infection)

Assessment (การประเมิน)

S:

  • ผู้ป่วยรายงานอาการรู้สึกเหนื่อยง่าย หรือการฟื้นตัวจากบาดแผลช้ากว่าปกติ
  • ผู้ป่วยหรือญาติอาจรายงานการดูแลแผลไม่เหมาะสม เช่น การไม่ทำความสะอาดแผลเป็นประจำ
  • ผู้ป่วยอาจรายงานการขาดความรู้ในการดูแลแผลหรือต้องการคำแนะนำเพิ่มเติม

O:

  • ระดับน้ำตาลในเลือดสูงกว่า 180 mg/dL อย่างต่อเนื่อง
  • การตรวจพบแผลหรือบาดแผลที่ฟื้นตัวช้า
  • การตรวจพบการติดเชื้อที่แผล เช่น แผลบวม แดง หรือมีหนอง
  • สัญญาณชีพผิดปกติ เช่น อุณหภูมิร่างกายสูง (ไข้) หรืออัตราการเต้นของหัวใจสูง
  • ผลการตรวจแผลพบว่ามีการอักเสบหรือการติดเชื้อ

Goals (เป้าหมายการพยาบาล)

  • ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้อยู่ในเกณฑ์ที่ปลอดภัย (80-180 mg/dL)
  • ไม่มีการติดเชื้อที่แผล และแผลสามารถฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว
  • ผู้ป่วยสามารถดูแลแผลและรักษาระดับน้ำตาลในเลือดได้อย่างเหมาะสม
  • ลดการเกิดภาวะแทรกซ้อนจากการติดเชื้อในอนาคต

Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมินผล)

  • ระดับน้ำตาลในเลือดอยู่ในช่วง 80-180 mg/dL
  • ไม่มีการติดเชื้อที่แผลและแผลฟื้นตัวได้อย่างปกติ
  • ผู้ป่วยสามารถดูแลแผลได้เองและมีความเข้าใจในการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด
  • สัญญาณชีพปกติและไม่มีอาการที่บ่งชี้ถึงการติดเชื้อ เช่น ไข้หรือหนองจากแผล

Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)

  • E11.9F6I-1 ตรวจระดับน้ำตาลในเลือดอย่างสม่ำเสมอ (ทุก 4-6 ชั่วโมง) และปรับแผนการรักษาตามผลน้ำตาลในเลือด
  • E11.9F6I-2 ให้คำแนะนำและการสอนผู้ป่วยในการดูแลแผลอย่างถูกต้อง เช่น การทำความสะอาดแผลและการใช้ยาเหน็บแผลที่เหมาะสม
  • E11.9F6I-3 สอนการสังเกตสัญญาณการติดเชื้อในแผล เช่น การบวม แดง หรือหนอง และให้คำแนะนำเกี่ยวกับการไปพบแพทย์หากมีอาการเหล่านี้
  • E11.9F6I-4 ให้ยาตามแผนการรักษา เช่น การให้ Insulin เพื่อควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด
  • E11.9F6I-5 แนะนำการดูแลสุขภาพทั่วไป เช่น การรับประทานอาหารที่มีคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อนเพื่อช่วยในการควบคุมระดับน้ำตาล
  • E11.9F6I-6 ประเมินและติดตามอาการของการติดเชื้อแผลอย่างต่อเนื่อง และส่งต่อไปยังแพทย์หากพบสัญญาณการติดเชื้อ
  • E11.9F6I-7 ส่งเสริมการป้องกันการติดเชื้อในอนาคต เช่น การสวมรองเท้าที่เหมาะสม และการดูแลรักษาเท้าอย่างเหมาะสม

Response (การตอบสนอง)

  • เวลา # .
  • E11.9F6R-1 ระดับน้ำตาลในเลือดอยู่ในเกณฑ์ปลอดภัย (80-180 mg/dL)
  • E11.9F6R-2 แผลไม่มีการติดเชื้อ และแผลฟื้นตัวได้ตามปกติ
  • E11.9F6R-3 ผู้ป่วยสามารถดูแลแผลได้อย่างเหมาะสมและมีความรู้ในการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด
  • E11.9F6R-4 สัญญาณชีพปกติและไม่มีอาการติดเชื้อ เช่น ไข้หรือหนองจากแผล
  • E11.9F6R-5 ผู้ป่วยสามารถปฏิบัติตามคำแนะนำในการดูแลแผลและป้องกันการติดเชื้อในอนาคตได้อย่างถูกต้อง

.....................................................................................................

E11.9F7: เสี่ยงต่อการเกิดภาวะทุพโภชนาการ (Risk of malnutrition)

Assessment (การประเมิน)

S:

  • ผู้ป่วยรายงานไม่สามารถทานอาหารได้เพียงพอหรือมีความรู้สึกไม่อยากอาหาร
  • ผู้ป่วยอาจมีประวัติการรับประทานอาหารที่ไม่เหมาะสม เช่น ขาดอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการ
  • ผู้ป่วยรู้สึกอ่อนเพลีย หรือไม่มีพลังงานเนื่องจากการรับประทานอาหารที่ไม่เพียงพอ
  • ผู้ป่วยอาจรายงานการสูญเสียน้ำหนักโดยไม่ได้ตั้งใจ

O:

  • น้ำหนักตัวลดลงอย่างไม่คาดคิดหรือมีดัชนีมวลกาย (BMI) ต่ำกว่าค่าปกติ
  • ผลการตรวจเลือดที่แสดงถึงการขาดสารอาหาร เช่น การขาดโปรตีนหรือวิตามิน
  • ระดับน้ำตาลในเลือดไม่สามารถควบคุมได้ดี เนื่องจากขาดสารอาหารที่ช่วยในการจัดการโรคเบาหวาน
  • อาการผิดปกติที่เกี่ยวข้องกับการขาดสารอาหาร เช่น ผิวแห้งหรือมีแผลที่หายช้า

Goals (เป้าหมายการพยาบาล)

  • ผู้ป่วยได้รับการจัดการโภชนาการอย่างเหมาะสมเพื่อป้องกันหรือแก้ไขภาวะทุพโภชนาการ
  • ระดับน้ำตาลในเลือดของผู้ป่วยได้รับการควบคุมให้อยู่ในช่วงเป้าหมาย (80-180 mg/dL)
  • ผู้ป่วยสามารถรับประทานอาหารได้เพียงพอและได้รับสารอาหารที่ครบถ้วน
  • ผู้ป่วยมีน้ำหนักตัวอยู่ในช่วงที่เหมาะสมและไม่มีภาวะขาดสารอาหาร
  • ผู้ป่วยแสดงความรู้และเข้าใจในการเลือกอาหารที่เหมาะสมกับโรคเบาหวานและโภชนาการ

Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมินผล)

  • น้ำหนักตัวของผู้ป่วยอยู่ในช่วงที่เหมาะสม (BMI ในช่วงปกติ)
  • ระดับน้ำตาลในเลือดของผู้ป่วยสามารถควบคุมให้อยู่ในช่วง 80-180 mg/dL
  • ผลการตรวจเลือดแสดงสารอาหารที่เพียงพอ เช่น ระดับโปรตีน, วิตามิน, และแร่ธาตุในเกณฑ์ที่เหมาะสม
  • ผู้ป่วยสามารถรับประทานอาหารได้ครบถ้วนและเหมาะสมกับโรคเบาหวาน
  • ไม่มีอาการหรือสัญญาณของการขาดสารอาหาร เช่น ผิวแห้งหรือแผลที่หายช้า

Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)

  • E11.9F7I-1 ประเมินสถานะโภชนาการของผู้ป่วยโดยใช้เครื่องมือวัด เช่น BMI, ผลการตรวจเลือด, และการประเมินการรับประทานอาหาร
  • E11.9F7I-2 ให้คำแนะนำเกี่ยวกับการรับประทานอาหารที่มีคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน, โปรตีน, และไขมันที่ดี เพื่อควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด
  • E11.9F7I-3 จัดทำแผนการรับประทานอาหารเฉพาะบุคคลเพื่อป้องกันหรือแก้ไขภาวะทุพโภชนาการ
  • E11.9F7I-4 เสนอการเสริมสารอาหารเสริม เช่น วิตามิน, แร่ธาตุ, และโปรตีน หากจำเป็นเพื่อเสริมโภชนาการ
  • E11.9F7I-5 สอนผู้ป่วยและญาติวิธีการเลือกอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการสำหรับการควบคุมโรคเบาหวานและป้องกันภาวะทุพโภชนาการ
  • E11.9F7I-6 ติดตามการรับประทานอาหารและการเปลี่ยนแปลงของน้ำหนักตัวอย่างสม่ำเสมอ
  • E11.9F7I-7 บันทึกข้อมูลการประเมินและการแนะนำโภชนาการเพื่อปรับแผนการรักษาตามความจำเป็น

Response (การตอบสนอง)

  • เวลา # .
  • E11.9F7R-1 น้ำหนักตัวของผู้ป่วยอยู่ในช่วงที่เหมาะสมและไม่มีการสูญเสียน้ำหนักอย่างไม่ตั้งใจ
  • E11.9F7R-2 ระดับน้ำตาลในเลือดของผู้ป่วยสามารถควบคุมให้อยู่ในช่วง 80-180 mg/dL
  • E11.9F7R-3 ผลการตรวจเลือดแสดงว่าผู้ป่วยได้รับสารอาหารที่เพียงพอ เช่น โปรตีน, วิตามิน, และแร่ธาตุในระดับที่เหมาะสม
  • E11.9F7R-4 ผู้ป่วยสามารถรับประทานอาหารได้ครบถ้วนและตามแผนการจัดการโภชนาการ
  • E11.9F7R-5 ผู้ป่วยไม่มีอาการหรือสัญญาณของการขาดสารอาหาร เช่น ผิวแห้ง, แผลที่หายช้า, หรืออาการอื่น ที่เกี่ยวข้องกับทุพโภชนาการ

.....................................................................................................

E11.9F8: วิตกกังวลเกี่ยวกับโรคเบาหวานและภาวะแทรกซ้อน (Anxiety related to diabetes and its complications)

Assessment (การประเมิน)

S:

  • ผู้ป่วยรายงานความวิตกกังวลเกี่ยวกับโรคเบาหวานและภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้น
  • ผู้ป่วยแสดงความกลัวหรือไม่มั่นใจในการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด
  • ผู้ป่วยรู้สึกเครียดเกี่ยวกับการต้องมีการรักษาตลอดชีวิตหรือการต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดทางการแพทย์อย่างเข้มงวด
  • ผู้ป่วยอาจแสดงอาการของความวิตกกังวล เช่น อาการกระสับกระส่าย, หงุดหงิด, หรือการนอนไม่หลับ

O:

  • ผู้ป่วยอาจมีความดันโลหิตสูงหรือลักษณะของอาการเครียดอื่น เช่น อัตราการเต้นของหัวใจเร็ว
  • สังเกตเห็นการขาดความร่วมมือในการปฏิบัติตามแผนการรักษา เช่น การไม่สามารถรับประทานยาตามที่กำหนด หรือการไม่ทำตามคำแนะนำทางโภชนาการ
  • การตรวจระดับน้ำตาลในเลือดไม่สามารถควบคุมให้เป็นปกติได้ตามแผนการรักษา
  • อาจพบอาการปวดศีรษะหรือมีความผิดปกติจากการเครียด

Goals (เป้าหมายการพยาบาล)

  • ลดระดับความวิตกกังวลของผู้ป่วยเกี่ยวกับโรคเบาหวานและภาวะแทรกซ้อน
  • ส่งเสริมให้ผู้ป่วยมีความเข้าใจในโรคเบาหวานและวิธีการจัดการกับภาวะแทรกซ้อน
  • ผู้ป่วยสามารถร่วมมือในการรักษาได้ดีขึ้น และปฏิบัติตามแผนการรักษา
  • ผู้ป่วยสามารถระบุและจัดการกับความวิตกกังวลที่เกิดขึ้นได้
  • ส่งเสริมให้ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นจากการจัดการโรคเบาหวาน

Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมินผล)

  • ระดับความวิตกกังวลของผู้ป่วยลดลง เช่น ผู้ป่วยแสดงพฤติกรรมที่สงบลงหรือรายงานความเครียดลดลง
  • ผู้ป่วยสามารถทำตามแผนการรักษาได้ดีขึ้น เช่น การรับประทานยา, การควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด, และการปฏิบัติตามแผนโภชนาการ
  • ผู้ป่วยสามารถพูดถึงแนวทางการจัดการกับความวิตกกังวลได้อย่างเหมาะสม
  • ผู้ป่วยรายงานว่าอาการทางกายภาพที่เกี่ยวข้องกับความวิตกกังวล เช่น ปวดศีรษะ หรืออัตราการเต้นของหัวใจสูง ได้ลดลง
  • ผู้ป่วยมีความพึงพอใจในกระบวนการรักษาและการดูแล

Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)

  • E11.9F8I-1 สอนผู้ป่วยเกี่ยวกับโรคเบาหวานและภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้น รวมทั้งวิธีการจัดการกับโรคอย่างถูกต้อง
  • E11.9F8I-2 ใช้เทคนิคการผ่อนคลาย เช่น การหายใจลึก หรือการฝึกสมาธิเพื่อลดความวิตกกังวล
  • E11.9F8I-3 สนับสนุนให้ผู้ป่วยเข้าร่วมกลุ่มสนับสนุนหรือโปรแกรมการศึกษาสำหรับผู้ป่วยโรคเบาหวาน เพื่อให้ผู้ป่วยรู้สึกว่ามีการสนับสนุนจากคนอื่น
  • E11.9F8I-4 ส่งเสริมการให้คำปรึกษาทางจิตวิทยาหรือการพูดคุยกับนักจิตวิทยาหากผู้ป่วยมีอาการวิตกกังวลอย่างรุนแรง
  • E11.9F8I-5 ให้ข้อมูลเกี่ยวกับการควบคุมโรคเบาหวาน เช่น การตรวจระดับน้ำตาลในเลือด การควบคุมอาหาร และการออกกำลังกาย
  • E11.9F8I-6 กระตุ้นให้ผู้ป่วยร่วมมือในการรักษา โดยให้ข้อมูลที่เข้าใจง่ายและเหมาะสมกับระดับการรับรู้ของผู้ป่วย
  • E11.9F8I-7 ติดตามผลการจัดการความวิตกกังวลอย่างสม่ำเสมอ และประเมินผลการตอบสนองของผู้ป่วยต่อแผนการรักษา

Response (การตอบสนอง)

  • เวลา # .
  • E11.9F8R-1 ระดับความวิตกกังวลของผู้ป่วยลดลง เช่น ผู้ป่วยรายงานความเครียดลดลงหรือแสดงพฤติกรรมที่สงบขึ้น
  • E11.9F8R-2 ผู้ป่วยสามารถทำตามแผนการรักษาได้ดีขึ้น เช่น การรับประทานยา, การควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด, และการปฏิบัติตามแผนโภชนาการ
  • E11.9F8R-3 ผู้ป่วยมีความรู้สึกมั่นใจในการจัดการโรคเบาหวานและภาวะแทรกซ้อน
  • E11.9F8R-4 ผู้ป่วยแสดงพฤติกรรมที่มีความร่วมมือในการรักษามากขึ้น เช่น การตรวจระดับน้ำตาลในเลือดอย่างสม่ำเสมอ
  • E11.9F8R-5 ผู้ป่วยแสดงความพึงพอใจในกระบวนการรักษาและรู้สึกว่าคุณภาพชีวิตดีขึ้นจากการจัดการโรคเบาหวาน

.....................................................................................................

E11.9F9: เสี่ยงต่อการไม่ปฏิบัติตามแผนการรักษา (Risk of non-adherence to treatment plan)

Assessment (การประเมิน)

S:

  • ผู้ป่วยรายงานว่าไม่มีเงินพอสำหรับซื้อยาหรืออุปกรณ์ที่จำเป็น เช่น เครื่องวัดระดับน้ำตาลในเลือด
  • ผู้ป่วยรู้สึกเครียดหรือท้อแท้เกี่ยวกับการต้องรักษาตัวตลอดชีวิต
  • ผู้ป่วยมีความรู้สึกขาดแรงจูงใจในการปฏิบัติตามแผนการรักษา เช่น ไม่เห็นผลเร็วหรือไม่รู้สึกถึงความจำเป็นในการรักษา
  • ผู้ป่วยอาจแสดงอาการของความวิตกกังวล เช่น หงุดหงิดหรือนอนไม่หลับ เนื่องจากข้อจำกัดทางเศรษฐกิจหรือปัญหาส่วนตัว

O:

  • ผู้ป่วยไม่สามารถซื้อยาได้ตามกำหนด หรือไม่สามารถตรวจระดับน้ำตาลในเลือดได้ตามคำแนะนำ
  • ผู้ป่วยไม่ได้เข้ารับการตรวจตามนัดหมาย หรือไม่สามารถติดตามผลการรักษาได้อย่างต่อเนื่อง
  • ความร่วมมือในการปฏิบัติตามแผนการรักษาอาจลดลง เช่น การไม่รับประทานยาตามเวลา
  • อาจพบการมีภาวะน้ำตาลในเลือดผิดปกติเนื่องจากการขาดการควบคุมอย่างต่อเนื่อง

Goals (เป้าหมายการพยาบาล)

  • ผู้ป่วยสามารถปฏิบัติตามแผนการรักษาได้ดีขึ้น
  • ลดปัจจัยที่ขัดขวางการปฏิบัติตามแผนการรักษา เช่น ข้อจำกัดทางเศรษฐกิจและการขาดแรงจูงใจ
  • ส่งเสริมให้ผู้ป่วยมีความเข้าใจในความสำคัญของการรักษาและผลลัพธ์ที่ดีจากการปฏิบัติตามแผนการรักษา
  • ผู้ป่วยสามารถหาแหล่งการสนับสนุนด้านเศรษฐกิจหรือทางเลือกในการจัดการการรักษา
  • ส่งเสริมการมีแรงจูงใจในการรักษาและการดูแลสุขภาพตนเอง

Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมินผล)

  • ผู้ป่วยมีการปฏิบัติตามแผนการรักษาได้ดีขึ้น เช่น การรับประทานยาและการตรวจระดับน้ำตาลในเลือดอย่างสม่ำเสมอ
  • ผู้ป่วยมีการใช้บริการหรือแหล่งสนับสนุนด้านเศรษฐกิจ เช่น การรับยาราคาประหยัดหรือการช่วยเหลือจากโปรแกรมการสนับสนุนด้านสุขภาพ
  • ผู้ป่วยมีความเข้าใจในแผนการรักษาและสามารถระบุถึงผลที่ดีจากการรักษา
  • ผู้ป่วยแสดงความร่วมมือมากขึ้นในกระบวนการรักษา เช่น การมาที่โรงพยาบาลตามนัดหมายและการปฏิบัติตามคำแนะนำจากพยาบาล
  • ผู้ป่วยมีแรงจูงใจในการรักษามากขึ้น เช่น การตั้งเป้าหมายในการรักษาและการควบคุมโรค

Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)

  • E11.9F9I-1 ประเมินสถานการณ์ทางเศรษฐกิจของผู้ป่วยเพื่อหาแนวทางการสนับสนุน เช่น การแนะนำโปรแกรมสนับสนุนหรือยาราคาประหยัด
  • E11.9F9I-2 ให้การศึกษาผู้ป่วยเกี่ยวกับความสำคัญของการปฏิบัติตามแผนการรักษาและผลกระทบจากการไม่รักษา
  • E11.9F9I-3 ส่งเสริมการตั้งเป้าหมายที่เล็กและสามารถทำได้ในชีวิตประจำวันเพื่อเพิ่มแรงจูงใจในการรักษา
  • E11.9F9I-4 เสนอการใช้แหล่งการสนับสนุนทางสังคมหรือการจัดโปรแกรมการศึกษาสำหรับผู้ป่วย เช่น กลุ่มสนับสนุนหรือโปรแกรมการช่วยเหลือทางการเงิน
  • E11.9F9I-5 สร้างความมั่นใจให้กับผู้ป่วยว่าการรักษาและการดูแลตนเองสามารถช่วยลดความเสี่ยงจากภาวะแทรกซ้อนได้
  • E11.9F9I-6 กระตุ้นการติดตามผลการรักษาอย่างสม่ำเสมอ เช่น การนัดหมายเพื่อตรวจวัดระดับน้ำตาลในเลือดหรือการให้คำแนะนำอย่างต่อเนื่อง
  • E11.9F9I-7 ให้คำปรึกษาหรือช่วยหาทางเลือกในการปฏิบัติตามแผนการรักษาที่เหมาะสมกับสถานการณ์ของผู้ป่วย

Response (การตอบสนอง)

  • เวลา # .
  • E11.9F9R-1 ผู้ป่วยมีการปฏิบัติตามแผนการรักษาได้ดีขึ้น เช่น การรับประทานยาอย่างต่อเนื่องหรือการตรวจระดับน้ำตาลตามแผน
  • E11.9F9R-2 ผู้ป่วยสามารถเข้าถึงแหล่งการสนับสนุนทางเศรษฐกิจ เช่น การรับยาราคาประหยัด หรือการได้รับความช่วยเหลือจากโครงการสนับสนุน
  • E11.9F9R-3 ผู้ป่วยแสดงความเข้าใจในแผนการรักษาและสามารถอธิบายความสำคัญของการรักษาได้
  • E11.9F9R-4 ผู้ป่วยแสดงแรงจูงใจในการรักษามากขึ้น เช่น การตั้งเป้าหมายหรือการรับการสนับสนุนจากคนรอบข้าง
  • E11.9F9R-5 ผู้ป่วยมีความร่วมมือในการรักษามากขึ้น เช่น การมารับการรักษาตามนัดหมายและการทำตามคำแนะนำ

.....................................................................................................

E11.9F10: วางแผนจำหน่าย (Discharge planning)

Assessment (การประเมิน)

S:

  • ผู้ป่วยรายงานว่าเตรียมตัวกลับบ้านแล้ว และต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการดูแลตนเองหลังจำหน่าย
  • ผู้ป่วยรู้สึกวิตกกังวลเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพและการปฏิบัติตามแผนการรักษาหลังจากกลับบ้าน
  • ผู้ป่วยหรือญาติแจ้งว่ามีความกังวลเกี่ยวกับการเข้าถึงยาหรือบริการการดูแลต่อเนื่อง
  • ผู้ป่วยต้องการทราบเกี่ยวกับการตรวจติดตามสุขภาพหลังจำหน่ายและการติดต่อกับผู้ให้บริการสุขภาพ

O:

  • ผู้ป่วยมีความรู้เกี่ยวกับการดูแลตนเองที่จำเป็นสำหรับการรักษาผู้ป่วยเบาหวาน (การตรวจน้ำตาลในเลือด, การรับประทานยา)
  • แผนการรักษาและคำแนะนำที่ได้รับจากทีมพยาบาลยังไม่ครบถ้วนหรือไม่ชัดเจนสำหรับการดูแลตนเองหลังจำหน่าย
  • ผู้ป่วยหรือญาติอาจไม่รู้จักแหล่งการสนับสนุนหรือบริการที่สามารถเข้าถึงหลังจำหน่าย
  • ผู้ป่วยยังไม่ได้รับข้อมูลเกี่ยวกับการติดตามผลสุขภาพหลังจำหน่ายอย่างเหมาะสม

Goals (เป้าหมายการพยาบาล)

  • ผู้ป่วยมีความเข้าใจในแผนการดูแลตนเองหลังจำหน่าย เช่น การรับประทานยา การตรวจระดับน้ำตาล และการควบคุมอาหาร
  • ผู้ป่วยหรือญาติสามารถเข้าถึงแหล่งการสนับสนุนที่จำเป็น เช่น การให้คำปรึกษาหรือการติดตามผลทางการแพทย์
  • แผนการรักษาหลังจำหน่ายมีความชัดเจนและสามารถดำเนินการได้ตามคำแนะนำของทีมพยาบาล
  • ผู้ป่วยรู้สึกมั่นใจในการดูแลตนเองและการปฏิบัติตามแผนการรักษาหลังกลับบ้าน
  • ลดภาวะความวิตกกังวลเกี่ยวกับการดูแลตนเองหลังจำหน่าย

Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมินผล)

  • ผู้ป่วยสามารถอธิบายแผนการดูแลตนเองหลังจำหน่ายได้อย่างถูกต้อง เช่น การรับประทานยาและการตรวจระดับน้ำตาล
  • ผู้ป่วยหรือญาติสามารถระบุแหล่งการสนับสนุนหรือบริการที่สามารถเข้าถึงหลังจำหน่าย
  • ผู้ป่วยหรือญาติสามารถบอกขั้นตอนและแผนการติดตามผลการรักษาอย่างชัดเจน
  • ไม่มีปัญหาเกี่ยวกับการเข้าถึงการรักษาหรือการดูแลหลังจากการจำหน่าย
  • ผู้ป่วยมีความมั่นใจในการจัดการการดูแลสุขภาพของตนเองหลังจำหน่าย

Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)

  • E11.9F10I-1 อธิบายแผนการรักษาหลังจำหน่ายและกระบวนการติดตามผลอย่างละเอียดแก่ผู้ป่วยและญาติ
  • E11.9F10I-2 ตรวจสอบให้แน่ใจว่าแผนการรักษาหลังจำหน่ายรวมถึงข้อมูลเกี่ยวกับการใช้ยา, การตรวจระดับน้ำตาล, และการดูแลตนเอง
  • E11.9F10I-3 ให้ข้อมูลเกี่ยวกับแหล่งการสนับสนุน เช่น การติดต่อศูนย์การดูแลสุขภาพหรือโปรแกรมช่วยเหลือ
  • E11.9F10I-4 ส่งเสริมให้ผู้ป่วยหรือญาติเรียนรู้วิธีการดูแลตนเองผ่านการสาธิตและฝึกปฏิบัติ เช่น การตรวจระดับน้ำตาลในเลือด
  • E11.9F10I-5 ช่วยจัดการข้อจำกัดในการเข้าถึงยาหรือบริการสุขภาพที่จำเป็นหลังการจำหน่าย เช่น การแนะนำแหล่งข้อมูลหรือโปรแกรมสนับสนุนที่มี
  • E11.9F10I-6 สร้างแผนการติดตามผลหลังจำหน่ายร่วมกับผู้ป่วย เช่น การนัดหมายเข้าตรวจภายหลังและการปรึกษาทางโทรศัพท์หรือออนไลน์

Response (การตอบสนอง)

  • เวลา # .
  • E11.9F10R-1 ผู้ป่วยและญาติสามารถอธิบายแผนการดูแลตนเองหลังจำหน่ายได้อย่างถูกต้องและมั่นใจ
  • E11.9F10R-2 ผู้ป่วยหรือญาติสามารถระบุแหล่งการสนับสนุนที่สามารถเข้าถึงได้หลังจำหน่าย
  • E11.9F10R-3 ผู้ป่วยแสดงความเข้าใจในขั้นตอนการติดตามผลหลังจำหน่าย เช่น การตรวจติดตามและการติดต่อกับผู้ให้บริการ
  • E11.9F10R-4 ผู้ป่วยไม่มีความวิตกกังวลเกี่ยวกับการดูแลตนเองหลังจำหน่าย และสามารถจัดการกับการดูแลสุขภาพได้อย่างมั่นใจ
  • E11.9F10R-5 ผู้ป่วยได้รับการดูแลตามแผนการรักษาหลังจำหน่ายและไม่มีปัญหาการเข้าถึงการรักษาหรือบริการหลังจำหน่าย

.....................................................................................................