เกี่ยวกับฉัน

รูปภาพของฉัน
เมือง, พิษณุโลก, Thailand

วันพฤหัสบดีที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2568

EP. 30👉👉ตัวอย่าง : การพยาบาลผู้ป่วยมะเร็งปอด (Lung Cancer) C34 - Malignant neoplasm of bronchus and lung


พยาธิสภาพของโรคมะเร็งปอด – มะเร็งปอดเกิดจากเซลล์ในปอดเจริญเติบโตผิดปกติและควบคุมไม่ได้ จนกลายเป็นก้อนเนื้อร้าย อาจแพร่กระจายไปยังอวัยวะอื่น ส่งผลต่อการทำงานของปอดและระบบทางเดินหายใจ

🫁 เมื่อปอดเปลี่ยนไป... สัญญาณอันตรายของมะเร็งปอด

🔹 เซลล์ปอดเจริญเติบโตผิดปกติ ➡️ ก้อนเนื้อร้าย
🔹 อาจแพร่กระจายไปอวัยวะอื่น
🔹 ส่งผลให้หายใจลำบาก ไอเรื้อรัง เหนื่อยง่าย

💡 อย่ามองข้ามอาการผิดปกติ! ตรวจเช็กสุขภาพปอดของคุณก่อนสายไป

....................................

แนวทางการรักษา – การรักษามะเร็งปอดขึ้นอยู่กับระยะของโรคและสุขภาพของผู้ป่วย ซึ่งอาจใช้วิธีผ่าตัด เคมีบำบัด การฉายรังสี หรือการรักษาแบบมุ่งเป้า (Targeted Therapy) เพื่อกำจัดเซลล์มะเร็งหรือชะลอการลุกลาม

🏥 มะเร็งปอดรักษาได้... ถ้ารู้เร็ว!

🩺 วิธีการรักษาที่แพทย์ใช้
✅ ผ่าตัด – กำจัดก้อนมะเร็ง
✅ เคมีบำบัด – ทำลายเซลล์มะเร็ง
✅ ฉายรังสี – ลดขนาดก้อนมะเร็ง
✅ รักษาแบบมุ่งเป้า – ควบคุมการเติบโตของเซลล์มะเร็ง

💡 ยิ่งรักษาเร็ว โอกาสรอดยิ่งสูง!

.........................................
การดูแลผู้ป่วย – การดูแลผู้ป่วยมะเร็งปอดเน้นการบรรเทาอาการ เช่น ช่วยให้หายใจสะดวก ลดอาการเจ็บปวด ให้คำแนะนำเรื่องอาหารและการใช้ยา รวมถึงดูแลด้านจิตใจเพื่อให้ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

❤️‍🩹 ดูแลอย่างไร? ให้ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตที่ดี

💨 ช่วยให้หายใจสะดวก – ใช้เครื่องพ่นยา & ออกซิเจน
💊 บรรเทาความเจ็บปวด – ให้ยาและดูแลใกล้ชิด
🥗 อาหารที่เหมาะสม – เพิ่มโปรตีน ลดของมัน
🫂 ดูแลจิตใจ – ให้กำลังใจและสร้างบรรยากาศที่ดี

📌 ติดตามตอนต่อไป! รู้ลึกทุกมิติของมะเร็งปอด เพื่อการดูแลที่ดีที่สุด!

...........................................................

วินิจฉัยการพยาบาลผู้ป่วยมะเร็งปอด (Lung Cancer)  

  1. C34F1: เสี่ยงต่อการพร่องออกซิเจน เนื่องจากก้อนมะเร็งทำให้ทางเดินหายใจอุดกั้นหรือรบกวนการแลกเปลี่ยนก๊าซในปอด (Risk for impaired oxygenation due to airway obstruction or abnormal gas exchange caused by lung cancer)
  2. C34F2: เสี่ยงต่ออาการปวดเฉียบพลันหรือเรื้อรัง เนื่องจากก้อนมะเร็งกดทับอวัยวะหรือผลจากการรักษา (Risk for acute or chronic pain due to tumor compression or effects of treatment)
  3. C34F3: เสี่ยงต่อภาวะโภชนาการบกพร่อง เพราะอาการคลื่นไส้ เบื่ออาหาร หรือผลข้างเคียงจากเคมีบำบัด (Risk for imbalanced nutrition: less than body requirements due to nausea, loss of appetite, or chemotherapy side effects)
  4. C34F4: เสี่ยงต่อภาวะซึมเศร้าหรือวิตกกังวล เพราะผลกระทบทางอารมณ์จากการวินิจฉัยโรคและการรักษา (Risk for depression or anxiety due to emotional impact from diagnosis and treatment)
  5. C34F5: เสี่ยงต่อการติดเชื้อ เพราะภูมิคุ้มกันลดลงจากเคมีบำบัดหรือการทำงานของปอดที่ลดลง (Risk for infection due to weakened immune system from chemotherapy or reduced lung function)
  6. C34F6: ขาดความรู้เกี่ยวกับโรคมะเร็งปอดและวิธีดูแลตนเอง (Deficient knowledge regarding lung cancer and self-care)
  7. C34F7: เสี่ยงต่อการไม่มาติดตามการรักษาหลังออกจากโรงพยาบาล (Risk for ineffective health maintenance post-discharge)
  8. C34F8: มีอาการปวดหลังการผ่าตัดรักษามะเร็งปอด (Acute pain post-surgery for lung cancer)
  9. C34F9: เสี่ยงต่อผลข้างเคียงจากการรักษาด้วยยามุ่งเป้าหรือภูมิคุ้มกันบำบัด (Risk for side effects from targeted therapy or immunotherapy)
  10. C34F10: เสี่ยงต่อการบาดเจ็บจากการฉายรังสีรักษามะเร็งปอด (Risk for radiation injury from lung cancer treatment)

(ตัวเลข F1, I-1, R-1 เป็นเพียงตัวเลขที่กำหนดขึ้นเพื่อให้การจัดลำดับวินิจฉัยการพยาบาลเป็นไปอย่างมีระบบ อาจปรับเปลี่ยนได้ตามความเหมาะสม)

.............................................

C34F1: เสี่ยงต่อการพร่องออกซิเจน (Risk for impaired oxygenation)

Assessment

S:

  • ผู้ป่วยรายงานว่าหายใจลำบาก โดยเฉพาะขณะออกแรงหรือทำกิจกรรม
  • มีอาการเหนื่อยง่ายและอ่อนเพลีย

O:

  • ตรวจพบ SpO2 ต่ำกว่า 92%
  • ผู้ป่วยมีอัตราการหายใจเร็ว (tachypnea) และหายใจเสียง wheezing หรือ crackles
  • ผลเอกซเรย์ทรวงอกพบก้อนมะเร็งในปอดที่ทำให้เกิดการอุดกั้น

Goals:

  • ระดับ SpO2 ของผู้ป่วยคงที่94%
  • ผู้ป่วยไม่มีอาการหายใจลำบาก
  • ผู้ป่วยสามารถทำกิจกรรมขั้นพื้นฐานได้โดยไม่มีภาวะเหนื่อยล้า

Evaluate Criteria:

  • ระดับ SpO2 ของผู้ป่วย94% ตลอด 24 ชั่วโมง
  • ผู้ป่วยรายงานว่าหายใจสะดวกขึ้น
  • อัตราการหายใจกลับเข้าสู่ปกติ 12-20 ครั้ง/นาที

Intervention:

  • C34F1I-1: ประเมินระดับ SpO2 ด้วยเครื่อง pulse oximeter ทุก 2-4 ชั่วโมง หรือเมื่อมีอาการหายใจลำบาก
  • C34F1I-2: จัดท่านอนศีรษะสูง (High Fowler’s position) เพื่อเพิ่มการแลกเปลี่ยนก๊าซ
  • C34F1I-3: ให้การพยาบาลโดยใช้ออกซิเจนเสริมตามคำสั่งแพทย์ เช่น Nasal cannula หรือ Non-rebreather mask
  • C34F1I-4: เฝ้าระวังการเปลี่ยนแปลงของอาการ เช่น การเปลี่ยนแปลงในลักษณะการหายใจหรือสีผิว
  • C34F1I-5: ให้การสนับสนุนจิตใจและแนะนำการฝึกหายใจลึก (Deep Breathing Exercises) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการหายใจ
  • C34F1I-6: ประสานงานแพทย์เพื่อพิจารณาให้ยาขยายหลอดลมหรือสเตียรอยด์ หากมีอาการหายใจลำบากมากขึ้น

Response :

  • C34F1R-1: ระดับ SpO2 ของผู้ป่วย94% ภายใน 24 ชั่วโมง
  • C34F1R-2: ผู้ป่วยสามารถทำกิจกรรมพื้นฐานได้โดยไม่มีภาวะเหนื่อยล้า
  • C34F1R-3: ไม่มีอาการหายใจลำบากใหม่ และอาการหายใจลำบากที่มีอยู่เดิมลดลง
  • C34F1R-4: ผู้ป่วยมีสีผิวปกติ และอัตราการหายใจ 12-20 ครั้ง/นาที

................................................................

C34F2: เสี่ยงต่อภาวะความเจ็บปวดเฉียบพลันหรือเรื้อรัง (Risk for acute or chronic pain)

Assessment

S:

  • ผู้ป่วยรายงานว่ารู้สึกเจ็บบริเวณทรวงอก หรือบริเวณที่เนื้องอกลุกลาม
  • ระบุว่าความเจ็บปวดรบกวนการนอนหลับหรือการทำกิจกรรมในชีวิตประจำวัน

O:

  • ผู้ป่วยแสดงสีหน้าท่าทางไม่สุขสบาย เช่น การขมวดคิ้วหรือมีการเคลื่อนไหวร่างกายลดลง
  • คะแนนความเจ็บปวด (Pain Score) สูงกว่า 5 จาก 10
  • ผู้ป่วยมีการใช้กล้ามเนื้อในการหายใจมากขึ้น

Goals:

  • ระดับความเจ็บปวดของผู้ป่วยลดลง3 คะแนนใน Pain Score ภายใน 24 ชั่วโมง
  • ผู้ป่วยสามารถทำกิจกรรมขั้นพื้นฐานได้โดยไม่เจ็บปวดจนเกินไป
  • ผู้ป่วยสามารถพักผ่อนได้อย่างเพียงพอ

Evaluate Criteria:

  • คะแนน Pain Score ลดลง3 ภายใน 24 ชั่วโมง
  • ผู้ป่วยรายงานว่ามีความเจ็บปวดลดลง และสามารถทำกิจกรรมในชีวิตประจำวันได้
  • ผู้ป่วยมีการนอนหลับที่ต่อเนื่อง6 ชั่วโมง

Intervention:

  • C34F2I-1: ประเมินระดับความเจ็บปวดด้วย Pain Score ทุก 4 ชั่วโมง หรือตามความจำเป็น
  • C34F2I-2: ให้ยาบรรเทาปวดตามคำสั่งแพทย์ เช่น ยากลุ่ม NSAIDs, opioids และติดตามผลข้างเคียงของยา
  • C34F2I-3: ส่งเสริมการใช้เทคนิคการจัดการความเจ็บปวดแบบไม่ใช้ยา เช่น การผ่อนคลายกล้ามเนื้อ การประคบร้อนหรือเย็น และการทำสมาธิ
  • C34F2I-4: ให้คำแนะนำเกี่ยวกับการจัดท่านอนที่ลดความเจ็บปวด เช่น ท่าตะแคงหรือท่าที่ศีรษะสูง
  • C34F2I-5: สนับสนุนการพูดคุยระบายความรู้สึกเกี่ยวกับความเจ็บปวด เพื่อช่วยลดความวิตกกังวลที่อาจเพิ่มความเจ็บปวด
  • C34F2I-6: ประสานงานกับทีมสุขภาพ เช่น แพทย์วิสัญญีสำหรับการทำ nerve block หรือการใช้วิธีบรรเทาปวดขั้นสูง

Response:

  • C34F2R-1: ระดับความเจ็บปวดลดลง3 ใน Pain Score ภายใน 24 ชั่วโมง
  • C34F2R-2: ผู้ป่วยสามารถทำกิจกรรมขั้นพื้นฐานได้โดยไม่มีอาการเจ็บปวดรบกวน
  • C34F2R-3: ผู้ป่วยสามารถพักผ่อนได้6 ชั่วโมงต่อคืน
  • C34F2R-4: ผู้ป่วยแสดงความพึงพอใจต่อวิธีการบรรเทาปวดและแสดงออกถึงการควบคุมความเจ็บปวดได้ดี

....................................................................

C34F3: เสี่ยงต่อภาวะโภชนาการบกพร่อง (Risk for imbalanced nutrition: less than body requirements)

Assessment

S:

  • ผู้ป่วยรายงานว่ารู้สึกเบื่ออาหาร รับประทานอาหารได้น้อยลง
  • มีอาการคลื่นไส้หลังรับประทานอาหาร

O:

  • น้ำหนักตัวลดลง > 2% ภายใน 1 สัปดาห์
  • ผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการพบ albumin ต่ำกว่าเกณฑ์ปกติ (<3.5 g/dL)
  • ผู้ป่วยดูอ่อนเพลียและมีกล้ามเนื้อฝ่อลีบ

Goals:

  • น้ำหนักตัวของผู้ป่วยคงที่หรือเพิ่มขึ้น0.5 กิโลกรัม/สัปดาห์
  • ผู้ป่วยสามารถรับประทานอาหารได้75% ของอาหารที่จัดให้ในแต่ละมื้อ
  • ผู้ป่วยมีค่า albumin และ protein ในเลือดกลับเข้าสู่ระดับปกติ

Evaluate Criteria:

  • น้ำหนักตัวของผู้ป่วยเพิ่มขึ้น0.5 กิโลกรัม/สัปดาห์
  • ผู้ป่วยรับประทานอาหารได้75% ของมื้ออาหารต่อวัน
  • ค่า albumin ≥ 3.5 g/dL ภายใน 1 เดือน

Intervention:

  • C34F3I-1: ประเมินน้ำหนักตัวผู้ป่วยทุกเช้าในเวลาเดียวกันเพื่อเฝ้าระวังการเปลี่ยนแปลงของน้ำหนัก
  • C34F3I-2: สอบถามและบันทึกอาการคลื่นไส้ เบื่ออาหาร หรือความเปลี่ยนแปลงในรสชาติอาหาร
  • C34F3I-3: จัดอาหารที่มีพลังงานและโปรตีนสูงในปริมาณที่เหมาะสม และแนะนำให้แบ่งอาหารเป็นมื้อเล็ก 5-6 มื้อต่อวัน
  • C34F3I-4: ให้คำแนะนำเกี่ยวกับการบริโภคอาหารที่ลดอาการคลื่นไส้ เช่น อาหารที่ไม่มีกลิ่นแรง หรืออาหารเย็น
  • C34F3I-5: ส่งเสริมการรับประทานอาหารเสริมทางการแพทย์ เช่น oral nutrition supplements ตามคำสั่งแพทย์
  • C34F3I-6: ประสานงานแพทย์เพื่อพิจารณายาต้านอาการคลื่นไส้ (antiemetics) หากผู้ป่วยมีอาการคลื่นไส้รุนแรง
  • C34F3I-7: เฝ้าระวังผลข้างเคียงจากเคมีบำบัดที่อาจส่งผลต่อการรับประทานอาหาร เช่น mucositis หรือ dysphagia

Response:

  • C34F3R-1: น้ำหนักตัวผู้ป่วยเพิ่มขึ้น0.5 กิโลกรัม/สัปดาห์
  • C34F3R-2: ผู้ป่วยรับประทานอาหารได้75% ของอาหารที่จัดให้ในแต่ละมื้อ
  • C34F3R-3: ค่า albumin ≥ 3.5 g/dL ภายใน 1 เดือน
  • C34F3R-4: ผู้ป่วยไม่มีอาการคลื่นไส้และเบื่ออาหารรุนแรง

..............................................................................

C34F4: เสี่ยงต่อภาวะซึมเศร้าหรือวิตกกังวล (Risk for depression or anxiety)

Assessment

S:

  • ผู้ป่วยรายงานว่ารู้สึกกังวลเกี่ยวกับการรักษาและอนาคตของตนเอง
  • ผู้ป่วยแสดงความรู้สึกเศร้าหรือหมดกำลังใจ

O:

  • ผู้ป่วยมีสีหน้าเศร้าหมอง พูดช้า หรือร้องไห้ระหว่างการสนทนา
  • คะแนนประเมินภาวะวิตกกังวล (GAD-7) ≥ 10 หรือคะแนนประเมินภาวะซึมเศร้า (PHQ-9) ≥ 10
  • ผู้ป่วยหลีกเลี่ยงการสนทนาเกี่ยวกับการวินิจฉัยหรือแผนการรักษา

Goals:

  • ผู้ป่วยสามารถแสดงความรู้สึกของตนเองได้อย่างเปิดเผยและรู้สึกได้รับการสนับสนุนทางอารมณ์
  • คะแนนประเมิน GAD-7 และ PHQ-9 ลดลง5 ภายใน 2 สัปดาห์
  • ผู้ป่วยมีส่วนร่วมในกิจกรรมที่ช่วยเสริมสร้างกำลังใจและลดความกังวล

Evaluate Criteria:

  • คะแนน GAD-7 และ PHQ-9 ลดลง5 ภายใน 2 สัปดาห์
  • ผู้ป่วยสามารถพูดคุยเกี่ยวกับความรู้สึกหรือความกังวลของตนเองได้
  • ผู้ป่วยเข้าร่วมกิจกรรมที่เสริมสร้างกำลังใจอย่างน้อย 1 ครั้งต่อสัปดาห์

Intervention:

  • C34F4I-1: ประเมินระดับความวิตกกังวลและภาวะซึมเศร้าด้วยเครื่องมือมาตรฐาน เช่น GAD-7 และ PHQ-9
  • C34F4I-2: สร้างความสัมพันธ์เชิงบำบัดกับผู้ป่วยโดยให้ความสำคัญกับการฟังอย่างตั้งใจและไม่ตัดสิน
  • C34F4I-3: ให้ข้อมูลที่ถูกต้องเกี่ยวกับโรคและกระบวนการรักษาเพื่อลดความกังวลและความไม่แน่นอน
  • C34F4I-4: ส่งเสริมให้ผู้ป่วยแสดงความรู้สึกของตนเองผ่านการพูดคุยกับพยาบาลหรือสมาชิกในครอบครัว
  • C34F4I-5: ชวนผู้ป่วยเข้าร่วมกิจกรรมที่ช่วยลดความเครียด เช่น การทำสมาธิ การฟังเพลง หรือการวาดภาพ
  • C34F4I-6: ประสานงานกับทีมสุขภาพจิตเพื่อพิจารณาการให้คำปรึกษาเชิงจิตวิทยาหรือการบำบัดกลุ่ม
  • C34F4I-7: หากผู้ป่วยมีภาวะซึมเศร้าหรือวิตกกังวลรุนแรง ประสานงานแพทย์เพื่อพิจารณาการใช้ยาลดความวิตกกังวลหรือยาต้านซึมเศร้า

Response:

  • C34F4R-1: คะแนน GAD-7 และ PHQ-9 ลดลง5 ภายใน 2 สัปดาห์
  • C34F4R-2: ผู้ป่วยแสดงความรู้สึกของตนเองได้อย่างเปิดเผยและรู้สึกสบายใจ
  • C34F4R-3: ผู้ป่วยเข้าร่วมกิจกรรมที่ช่วยลดความวิตกกังวลหรือเสริมสร้างกำลังใจอย่างน้อย 1 ครั้งต่อสัปดาห์
  • C34F4R-4: ผู้ป่วยรายงานว่ารู้สึกมีกำลังใจและมีความหวังมากขึ้น

........................................................................

C34F5: เสี่ยงต่อการติดเชื้อ (Risk for infection) เนื่องจากภูมิคุ้มกันลดลงจากการรักษาด้วยเคมีบำบัดหรือการทำงานของปอดลดลง

Assessment

S:

  • ผู้ป่วยรายงานอาการเหนื่อยหอบ หรือหายใจไม่สะดวกมากขึ้นหลังการทำเคมีบำบัด
  • ผู้ป่วยบ่นว่ามีอาการเจ็บปวดบริเวณหน้าอกหรือมีการไอมากขึ้น

O:

  • อุณหภูมิร่างกายสูงกว่า 38°C
  • ผลการตรวจเลือดพบค่าจำนวนเม็ดเลือดขาวต่ำ (Leukopenia)
  • การวัดปริมาณออกซิเจนในเลือด (SpO2) ต่ำกว่า 90%
  • ผลการตรวจกระบวนการหายใจไม่สมบูรณ์ (การหายใจตื้น)

Goals:

  • ผู้ป่วยจะไม่มีการติดเชื้อในระยะเวลา 3 วันหลังการให้การพยาบาล
  • ผู้ป่วยจะมีค่าความอิ่มตัวของออกซิเจนในเลือด (SpO2) ≥ 92%
  • ผู้ป่วยจะไม่แสดงอาการอุณหภูมิร่างกายสูงกว่า 37.5°C
  • ผู้ป่วยจะมีการหายใจที่มีประสิทธิภาพดีขึ้น (SpO2 ≥ 92%, หายใจลึกขึ้น)

Evaluate Criteria:

  • ไม่มีสัญญาณของการติดเชื้อหรือการบวมบริเวณแผลหรือทางเดินหายใจ
  • ความอิ่มตัวของออกซิเจน (SpO2) เพิ่มขึ้นเป็น92%
  • อุณหภูมิร่างกายไม่เกิน 37.5°C
  • อาการเหนื่อยหอบหรือหายใจไม่สะดวกลดลง

Intervention:

  • C34F5I-1: ประเมินอาการติดเชื้อทุกวัน เช่น อุณหภูมิร่างกาย ค่า SpO2 และการตรวจสอบอาการของทางเดินหายใจ
  • C34F5I-2: จัดท่านอนในท่าศีรษะสูง (High Fowler’s position) เพื่อปรับปรุงการหายใจและลดการคั่งของน้ำในปอด
  • C34F5I-3: ให้ยาปฏิชีวนะตามคำสั่งแพทย์หรือให้สารน้ำทางหลอดเลือดเพื่อช่วยในการปรับสมดุลของร่างกาย
  • C34F5I-4: สอนผู้ป่วยและครอบครัวเกี่ยวกับการป้องกันการติดเชื้อ เช่น การล้างมือและการสวมหน้ากากอนามัย
  • C34F5I-5: ส่งเสริมการหายใจลึกๆ และการออกกำลังกายเพื่อเพิ่มการแลกเปลี่ยนออกซิเจนในปอด

Response:

  • C34F5R-1: อุณหภูมิร่างกายลดลงเหลือ37.5°C ภายใน 24 ชั่วโมง
  • C34F5R-2: ผู้ป่วยไม่มีสัญญาณของการติดเชื้อใหม่ เช่น ไม่มีการไอมีเสมหะหรือมีอาการปอดบวม
  • C34F5R-3: ความอิ่มตัวของออกซิเจน (SpO2) เพิ่มขึ้นเป็น92%
  • C34F5R-4: ผู้ป่วยมีการหายใจที่ลึกและสม่ำเสมอขึ้น

........................................................................

C34F6: ขาดความรู้เกี่ยวกับโรคและการดูแลตนเอง (Deficient knowledge regarding disease and self-care)

Assessment

S:

  • ผู้ป่วยกล่าวว่าไม่เข้าใจเกี่ยวกับมะเร็งปอดหรือวิธีการดูแลสุขภาพของตนเองในระหว่างการรักษา
  • ผู้ป่วยมีความวิตกกังวลเกี่ยวกับผลข้างเคียงของการรักษาและไม่ทราบวิธีจัดการกับอาการของโรคที่เกิดขึ้น

O:

  • ผู้ป่วยไม่มีความรู้เกี่ยวกับการใช้อุปกรณ์ช่วยหายใจ (ถ้ามี) และไม่สามารถบอกได้ว่าเกิดอาการอะไรบ้างจากการรักษา
  • ผู้ป่วยไม่ทราบวิธีการดูแลตัวเองในกรณีเกิดอาการแทรกซ้อน เช่น การควบคุมอาหารและการป้องกันการติดเชื้อ

Goals:

  • ผู้ป่วยจะมีความรู้ที่เพียงพอเกี่ยวกับโรคมะเร็งปอดและวิธีการดูแลตนเองภายใน 2 วันหลังการพยาบาล
  • ผู้ป่วยจะสามารถระบุอาการของการติดเชื้อและขั้นตอนการดูแลสุขภาพที่เหมาะสมภายใน 3 วัน
  • ผู้ป่วยจะสามารถใช้อุปกรณ์การหายใจ (ถ้ามี) อย่างถูกต้องและเข้าใจวิธีการจัดการกับผลข้างเคียงจากการรักษา
  • ผู้ป่วยจะสามารถปฏิบัติตามคำแนะนำเกี่ยวกับการควบคุมอาหารและการป้องกันการติดเชื้อได้อย่างถูกต้อง

Evaluate Criteria:

  • ผู้ป่วยสามารถให้ข้อมูลที่ถูกต้องเกี่ยวกับโรคมะเร็งปอด เช่น สาเหตุ อาการ และการรักษา
  • ผู้ป่วยสามารถบอกวิธีการดูแลตัวเองได้ เช่น การป้องกันการติดเชื้อ การควบคุมอาหาร และการใช้อุปกรณ์ช่วยหายใจ
  • ผู้ป่วยสามารถอธิบายการดูแลสุขภาพเมื่อเกิดอาการแทรกซ้อน เช่น การติดเชื้อหรือการหายใจลำบาก
  • ผู้ป่วยปฏิบัติตามคำแนะนำได้อย่างถูกต้องและมีความมั่นใจในการดูแลตนเอง

Intervention:

  • C34F6I-1: ประเมินระดับความรู้ของผู้ป่วยเกี่ยวกับโรคมะเร็งปอดและการดูแลตนเอง เช่น การจัดการกับอาการและผลข้างเคียงจากการรักษา
  • C34F6I-2: ให้คำแนะนำเกี่ยวกับโรคมะเร็งปอด และการดูแลสุขภาพ เช่น การควบคุมอาหารและการป้องกันการติดเชื้อ
  • C34F6I-3: สอนผู้ป่วยและครอบครัวเกี่ยวกับวิธีการใช้อุปกรณ์ช่วยหายใจ (ถ้ามี) และการจัดการกับผลข้างเคียงจากการรักษา เช่น การจัดการกับการอาเจียนหรือการอ่อนเพลีย
  • C34F6I-4: จัดทำเอกสารให้กับผู้ป่วยเกี่ยวกับการดูแลตนเองที่บ้าน และคำแนะนำในการติดต่อแพทย์เมื่อมีปัญหาหรืออาการแทรกซ้อน
  • C34F6I-5: ใช้สื่อการเรียนรู้ เช่น วิดีโอหรือแผ่นพับในการให้ข้อมูลเพื่อช่วยเพิ่มความเข้าใจของผู้ป่วย

Response:

  • C34F6R-1: ผู้ป่วยสามารถให้คำอธิบายที่ถูกต้องเกี่ยวกับโรคมะเร็งปอดและการดูแลตนเอง
  • C34F6R-2: ผู้ป่วยสามารถบอกวิธีการจัดการกับอาการแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้น เช่น การติดเชื้อหรือการหายใจลำบาก
  • C34F6R-3: ผู้ป่วยสามารถใช้อุปกรณ์ช่วยหายใจ (ถ้ามี) อย่างถูกต้องและมีความมั่นใจในการใช้งาน
  • C34F6R-4: ผู้ป่วยปฏิบัติตามคำแนะนำในการควบคุมอาหารและการป้องกันการติดเชื้อได้อย่างถูกต้อง

................................................................

C34F7: เสี่ยงต่อการขาดการติดตามการรักษาหลังจำหน่าย (Risk for ineffective health maintenance post-discharge)

Assessment

S:

  • ผู้ป่วยหรือครอบครัวแสดงความกังวลเกี่ยวกับการดูแลหลังจากออกจากโรงพยาบาล เช่น การรับประทานยาอย่างต่อเนื่องหรือการเข้ารับการติดตามรักษา
  • ผู้ป่วยมีประสบการณ์กับความไม่สะดวกในการเข้ารับการรักษาหรือการเดินทางไปโรงพยาบาลในแต่ละครั้ง
  • ผู้ป่วยอาจมีข้อจำกัดทางการเงินหรือความยากลำบากในการหาผู้ดูแลเพื่อการติดตามรักษาหลังจำหน่าย

O:

  • ผู้ป่วยไม่สามารถรับรู้หรือจำเวลาการนัดหมายการติดตามรักษาหลังการจำหน่ายได้
  • ผลการสอบถามเกี่ยวกับการเข้าใจวิธีการใช้ยาหรือการติดตามผลการรักษาหลังการจำหน่ายไม่ครบถ้วน
  • ผู้ป่วยมีการขาดข้อมูลเกี่ยวกับการบำบัดหรือการดูแลหลังการรักษา เช่น ไม่มีเอกสารติดตามการรักษาหลังจำหน่าย

Goals:

  • ผู้ป่วยจะสามารถเข้ารับการติดตามรักษาหลังจำหน่ายได้ตามที่กำหนดในเวลา 2 สัปดาห์หลังจากออกจากโรงพยาบาล
  • ผู้ป่วยและครอบครัวจะสามารถรับรู้ถึงข้อมูลที่จำเป็นในการดูแลสุขภาพหลังจำหน่าย เช่น การใช้ยา การเข้ารับการติดตามผล และวิธีการจัดการกับผลข้างเคียง
  • ผู้ป่วยจะมีความเข้าใจในการติดตามรักษาหลังจำหน่ายและสามารถให้ข้อมูลที่ถูกต้องเกี่ยวกับการติดตามการรักษาได้ภายใน 1 สัปดาห์หลังการจำหน่าย

Evaluate Criteria:

  • ผู้ป่วยสามารถเข้าใจและสามารถบอกวันและเวลานัดหมายการติดตามการรักษา
  • ผู้ป่วยสามารถบอกได้ว่าควรปฏิบัติตัวอย่างไรหลังจากออกจากโรงพยาบาล เช่น วิธีการรับประทานยาและการดูแลอาการข้างเคียง
  • ผู้ป่วยไม่พลาดการติดตามการรักษาหลังจำหน่าย และสามารถเข้ารับการรักษาในเวลาเหมาะสม
  • ผู้ป่วยมีเอกสารหรือแผนการดูแลที่ชัดเจนในการติดตามการรักษาหลังจำหน่าย

Intervention:

  • C34F7I-1: ประเมินความเข้าใจของผู้ป่วยและครอบครัวเกี่ยวกับการดูแลหลังการจำหน่าย เช่น การใช้ยาและการนัดหมายติดตาม
  • C34F7I-2: ให้ข้อมูลเกี่ยวกับการติดตามรักษาหลังจำหน่าย เช่น การกำหนดนัดหมายการติดตามผล และการปรับเปลี่ยนการใช้ยา
  • C34F7I-3: จัดเตรียมเอกสารหรือบัตรติดตามการรักษาให้กับผู้ป่วย รวมทั้งรายละเอียดเกี่ยวกับการติดตามผลหลังการจำหน่าย
  • C34F7I-4: สอนวิธีการจัดการกับอาการข้างเคียงจากการรักษา เช่น การควบคุมอาการเหนื่อยหอบ หรือการป้องกันการติดเชื้อ
  • C34F7I-5: ตรวจสอบให้มั่นใจว่าผู้ป่วยมีแผนการขนส่งหรือผู้ดูแลเพื่อช่วยในการเข้ารับการรักษาหลังจำหน่าย
  • C34F7I-6: ติดต่อผู้ป่วยเพื่อยืนยันการนัดหมายและให้คำแนะนำเกี่ยวกับขั้นตอนที่ต้องปฏิบัติหลังการจำหน่าย

Response:

  • C34F7R-1: ผู้ป่วยสามารถบอกวันและเวลานัดหมายการติดตามผลได้อย่างถูกต้อง
  • C34F7R-2: ผู้ป่วยมีความเข้าใจเกี่ยวกับการใช้ยาและการปฏิบัติตัวในช่วงหลังการจำหน่าย
  • C34F7R-3: ผู้ป่วยสามารถปฏิบัติตามคำแนะนำเกี่ยวกับการดูแลหลังการจำหน่ายได้อย่างถูกต้อง
  • C34F7R-4: ผู้ป่วยเข้ารับการติดตามรักษาหลังจำหน่ายอย่างต่อเนื่องโดยไม่มีการพลาดนัด

..............................................................................

C34F8: มีอาการปวดหลังการผ่าตัดรักษามะเร็งปอด (Acute pain post-surgery for lung cancer)

Assessment

S:

  • ผู้ป่วยร้องเรียนถึงอาการปวดที่แผลผ่าตัดและความรู้สึกไม่สบายหลังการผ่าตัด

O:

  • ผู้ป่วยแสดงอาการปวดหรือความเครียด เช่น กุมแผลหรือแสดงท่าทางที่บ่งชี้ถึงความเจ็บปวด เช่น การหายใจเร็วหรือการเคลื่อนไหวอย่างระมัดระวัง

Goals:

  • ผู้ป่วยจะรายงานอาการปวดลดลงเหลือระดับที่สามารถทนได้ภายใน 24 ชั่วโมงหลังการผ่าตัด
  • ผู้ป่วยจะสามารถทำกิจกรรมประจำวันได้โดยไม่รู้สึกเจ็บปวดรุนแรงภายใน 48 ชั่วโมงหลังการผ่าตัด

Intervention:

  • C34F8I-1: ประเมินระดับความเจ็บปวดของผู้ป่วยตามมาตรฐาน เช่น การใช้สเกลการวัดความเจ็บปวด (0-10 scale)
  • C348FI-2: ให้การรักษาและบรรเทาอาการปวดด้วยการใช้ยาแก้ปวดตามที่แพทย์สั่ง เช่น NSAIDs หรือ opioid
  • C34F8I-3: ให้คำแนะนำในการหาท่านอนที่ช่วยบรรเทาความเจ็บปวด เช่น การนอนในท่าที่ไม่ทำให้แผลผ่าตัดกดทับ

Response:

  • C34F8R-1: ผู้ป่วยรายงานว่าความเจ็บปวดลดลงเป็นระดับที่สามารถทนได้
  • C34F8R-2: ผู้ป่วยสามารถทำกิจกรรมที่ไม่รบกวนแผลผ่าตัดได้โดยไม่รู้สึกเจ็บปวดรุนแรง

…………………………….

C34F9: เสี่ยงต่อผลข้างเคียงจากการรักษาด้วยยามุ่งเป้าหรือภูมิคุ้มกันบำบัด (Risk for side effects from targeted therapy or immunotherapy)

Assessment

S:

  • ผู้ป่วยรู้สึกวิตกกังวลเกี่ยวกับผลข้างเคียงจากการรักษา เช่น อาการอ่อนเพลีย หรือผื่นผิวหนัง
  • ผู้ป่วยอาจมีประสบการณ์จากการรักษาครั้งก่อนที่มีอาการข้างเคียงรุนแรง

O:

  • ผู้ป่วยมีอาการข้างเคียงจากการรักษาด้วย targeted therapy หรือ immunotherapy เช่น อาการปวดศีรษะ, ผื่นผิวหนัง, ไข้ หรืออาการปวดข้อ

Goals:

  • ผู้ป่วยจะสามารถรับรู้และจัดการกับผลข้างเคียงที่เกิดขึ้นจากการรักษาอย่างมีประสิทธิภาพภายใน 1 สัปดาห์
  • ผู้ป่วยจะสามารถบอกอาการที่เกิดจากการรักษาและรายงานให้แพทย์ทราบภายใน 24 ชั่วโมงเมื่อเกิดอาการข้างเคียงที่สำคัญ

Intervention:

  • C34F9I-1: สอนผู้ป่วยเกี่ยวกับผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นจากการรักษา เช่น ผื่นผิวหนัง, อ่อนเพลีย, หรืออาการปวด
  • C34F9I-2: สอนวิธีการรับมือกับผลข้างเคียงเบื้องต้น เช่น การดูแลผิวหนังหรือการจัดการกับอาการปวด
  • C34F9I-3: ให้คำแนะนำในการดูแลตนเองที่บ้าน เช่น การดื่มน้ำมากขึ้น หรือการพักผ่อนให้เพียงพอ
  • C34F9I-4: จัดตารางการติดตามอาการของผู้ป่วยและรายงานอาการข้างเคียงที่รุนแรงให้แพทย์ทันที

Response:

  • C34F9R-1: ผู้ป่วยสามารถรับมือกับผลข้างเคียงเบื้องต้นได้ เช่น ลดอาการปวดหรืออาการผื่นผิวหนัง
  • C34F9R-2: ผู้ป่วยสามารถรายงานอาการข้างเคียงที่เกิดขึ้นให้ทีมแพทย์ทราบทันทีเมื่อจำเป็น
  • C34F9R-3: ผู้ป่วยรู้สึกมั่นใจในการดูแลตนเองเมื่อเกิดผลข้างเคียงจากการรักษา

……………………………….

C34F10: เสี่ยงต่อการบาดเจ็บจากการฉายรังสีรักษามะเร็งปอด (Risk for radiation injury from lung cancer treatment)

Assessment

S:

  • ผู้ป่วยร้องเรียนถึงอาการเจ็บหรือแสบที่ผิวหนังบริเวณที่ได้รับการรักษาด้วยรังสี และรู้สึกวิตกกังวลเกี่ยวกับผลข้างเคียงจากการรักษา

O:

  • มีอาการแดงหรือรอยแผลพุพองบริเวณที่ได้รับการฉายรังสี
  • ผิวหนังอาจมีอาการแห้ง หรือหลุดลอกในบางจุด

Goals:

  • ผู้ป่วยจะไม่เกิดการบาดเจ็บหรือแผลพุพองจากรังสีภายในระยะเวลา 4 สัปดาห์
  • ผู้ป่วยจะได้รับการดูแลผิวหนังที่มีประสิทธิภาพเพื่อป้องกันการบาดเจ็บจากการฉายรังสี

Intervention:

  • C34F10I-1: ประเมินผิวหนังบริเวณที่ได้รับรังสีทุกวันเพื่อดูการเปลี่ยนแปลง เช่น การแดง, บวม, หรือแผลพุพอง
  • C34F10I-2: สอนผู้ป่วยเกี่ยวกับการดูแลผิวหนัง เช่น หลีกเลี่ยงการสัมผัสกับความร้อนและแสงแดดในช่วงที่ได้รับการรักษา
  • C34F10I-3: ใช้ครีมหรือโลชั่นที่เหมาะสมเพื่อช่วยบรรเทาอาการแห้งและระคายเคืองที่ผิวหนัง
  • C34F10I-4: แนะนำให้ผู้ป่วยหลีกเลี่ยงการขูดหรือเกาผิวหนังในบริเวณที่ได้รับการฉายรังสี

Response:

  • C34F10R-1: ผู้ป่วยไม่มีการบาดเจ็บจากรังสีหรือแผลพุพองในระยะเวลาการรักษา
  • C34F10R-2: ผิวหนังบริเวณที่ได้รับการฉายรังสีไม่มีการระคายเคืองหรือความเสียหายที่รุนแรง

....................................................................