พยาธิสภาพของโรควัณโรคปอด
วัณโรคปอดเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย Mycobacterium tuberculosis ซึ่งเข้าสู่ร่างกายทางการหายใจ เมื่อเชื้อเข้าสู่ปอด ระบบภูมิคุ้มกันจะตอบสนองโดยการสร้างปฏิกิริยาอักเสบ ส่งผลให้เกิดก้อนเนื้อ (granuloma) ที่ช่วยจำกัดการแพร่กระจายของเชื้อ อย่างไรก็ตาม หากภูมิคุ้มกันของร่างกายอ่อนแอ เชื้ออาจเพิ่มจำนวน แพร่กระจายไปยังเนื้อเยื่อปอด และทำลายโครงสร้างของปอด ส่งผลให้เกิดอาการไอเรื้อรัง ไอมีเสมหะปนเลือด เหนื่อยง่าย น้ำหนักลด และมีไข้ต่ำในช่วงบ่ายหรือกลางคืน
การรักษาโรควัณโรคปอด
การรักษาวัณโรคปอดใช้ยาต้านวัณโรคตามแนวทางมาตรฐาน เช่น isoniazid, rifampin, pyrazinamide และ ethambutol โดยต้องรับประทานยาอย่างต่อเนื่องและครบถ้วนตามแพทย์สั่งเพื่อป้องกันเชื้อดื้อยา การรักษาอาจใช้เวลานาน 6-9 เดือนขึ้นอยู่กับความรุนแรงของโรคและการตอบสนองต่อยา นอกจากนี้ การติดตามอาการข้างเคียงจากยา เช่น พิษต่อตับ หรือปัญหาทางสายตา เป็นสิ่งสำคัญ
บทบาทของพยาบาลในการดูแลผู้ป่วยวัณโรคปอด ได้แก่
- การติดตามการรับประทานยา: เน้นให้ผู้ป่วยรับประทานยาตามแผนการรักษาอย่างเคร่งครัด เพื่อลดความเสี่ยงต่อการเกิดเชื้อดื้อยา
- การเฝ้าระวังอาการข้างเคียง: ประเมินผลข้างเคียงของยา เช่น อาการคลื่นไส้ ตัวเหลือง ตาเหลือง หรือการเปลี่ยนแปลงในการมองเห็น
- การป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อ: แนะนำให้ผู้ป่วยปิดปากและจมูกเมื่อไอหรือจาม สวมหน้ากากอนามัย และอยู่ในพื้นที่ที่มีการระบายอากาศดี
- การสนับสนุนด้านจิตใจและสังคม: ให้ความรู้เกี่ยวกับโรค ลดความวิตกกังวล และเสริมสร้างทัศนคติที่ดีต่อการรักษา โดยส่งเสริมให้ครอบครัวและชุมชนมีส่วนร่วมในการดูแลผู้ป่วย
วินิจฉัยการพยาบาล- A15.0F1: บกพร่องในการแลกเปลี่ยนก๊าซ (Impaired Gas Exchange)
- A15.0F2: เสี่ยงต่อการแพร่กระจายเชื้อวัณโรค (Risk for Infection Transmission)
- A15.0F3: ไม่ให้ความร่วมมือในการรักษา (Nonadherence to Treatment)
- A15.0F4: เสี่ยงต่อการกลับเป็นซ้ำของโรค (Risk for Disease Recurrence)
- A15.0F5: ภาวะโภชนาการไม่เพียงพอ (Imbalanced Nutrition: Less than Body Requirements)
- A15.0F6: วิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะโรคที่เป็นอยู่ (Anxiety Related to Current Illness)
- A15.0F7: เสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนของโรค (Risk for Complications)
- A15.0F8: ความบกพร่องในการดูแลสุขภาพตนเอง (Ineffective Self-Care Management)
- A15.0F9: ความไม่เพียงพอในการจัดการสุขภาพ (Ineffective Health Management)
- A15.0F10: ความบกพร่องในการฟื้นตัว (Delayed Recovery)
- A15.0F11: ความบกพร่องในการสนับสนุนทางสังคม (Impaired Social Support)
(ตัวเลข F1, I-1, R-1 เป็นเพียงตัวเลขที่กำหนดขึ้นเพื่อให้การจัดลำดับวินิจฉัยการพยาบาลเป็นไปอย่างมีระบบ อาจปรับเปลี่ยนได้ตามความเหมาะสม)..........................................................................
- A15.0F1: บกพร่องในการแลกเปลี่ยนก๊าซ (Impaired Gas Exchange)
- A15.0F2: เสี่ยงต่อการแพร่กระจายเชื้อวัณโรค (Risk for Infection Transmission)
- A15.0F3: ไม่ให้ความร่วมมือในการรักษา (Nonadherence to Treatment)
- A15.0F4: เสี่ยงต่อการกลับเป็นซ้ำของโรค (Risk for Disease Recurrence)
- A15.0F5: ภาวะโภชนาการไม่เพียงพอ (Imbalanced Nutrition: Less than Body Requirements)
- A15.0F6: วิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะโรคที่เป็นอยู่ (Anxiety Related to Current Illness)
- A15.0F7: เสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนของโรค (Risk for Complications)
- A15.0F8: ความบกพร่องในการดูแลสุขภาพตนเอง (Ineffective Self-Care Management)
- A15.0F9: ความไม่เพียงพอในการจัดการสุขภาพ (Ineffective Health Management)
- A15.0F10: ความบกพร่องในการฟื้นตัว (Delayed Recovery)
- A15.0F11: ความบกพร่องในการสนับสนุนทางสังคม (Impaired Social Support)
A15.0F1:
บกพร่องในการแลกเปลี่ยนก๊าซ (Impaired Gas Exchange)
Assessment
S:
- ผู้ป่วยรายงานว่าหายใจลำบากและแน่นหน้าอก
- มีอาการเหนื่อยง่ายขณะทำกิจกรรม
- ระบุอาการไอเรื้อรังและมีเสมหะ
O:
- SpO₂
ต่ำกว่า 90%
- อัตราการหายใจเร็ว
(>
20 ครั้ง/นาที)
- มีอาการเขียวบริเวณริมฝีปากหรือปลายเล็บ
- ฟังเสียงปอดพบเสียง
crackles
หรือ rhonchi
- การวิเคราะห์แก๊สในเลือด
(ABG)
พบ PaO₂ ต่ำและ
PaCO₂ สูง
Goals
- ผู้ป่วยมีระดับ
SpO₂
≥ 92% ภายใน 24 ชั่วโมง
- ลดความเหนื่อยล้าขณะหายใจ
- การทำงานของระบบหายใจกลับมาใกล้เคียงปกติ
- ผู้ป่วยสามารถทำกิจกรรมประจำวันได้โดยไม่เหนื่อยล้า
- ไม่มีภาวะแทรกซ้อนที่เกี่ยวข้องกับระบบทางเดินหายใจ
Evaluate
Criteria
- SpO₂
≥ 92% อย่างต่อเนื่อง
- ผู้ป่วยรายงานว่าหายใจโล่งขึ้นและไม่มีอาการเหนื่อยล้า
- การฟังเสียงปอดไม่มีเสียงผิดปกติ
- ผลการตรวจ
ABG
แสดงค่าที่กลับมาในเกณฑ์ปกติ
- A15.0F1I-1:
ติดตามค่า SpO₂ อย่างต่อเนื่อง
เพื่อประเมินสถานะการแลกเปลี่ยนก๊าซ
- A15.0F1I-2:
ให้ O₂ therapy ตามคำสั่งแพทย์ เช่น nasal cannula หรือ mask
- A15.0F1I-3:
จัดท่าศีรษะสูง (High Fowler's Position) เพื่อเพิ่มการขยายตัวของปอด
- A15.0F1I-4:
ฟังเสียงปอดทุก 4 ชั่วโมง เพื่อตรวจสอบการเปลี่ยนแปลง
- A15.0F1I-5:
ให้ยาขยายหลอดลม (Bronchodilators) ตามคำสั่งแพทย์
- A15.0F1I-6:
ให้ยาลดการอักเสบ (Corticosteroids) เพื่อลดการอักเสบของปอด
- A15.0F1I-7:
ให้ยาลดเสมหะ (Mucolytics) เพื่อช่วยลดการอุดตันในทางเดินหายใจ
- A15.0F1I-8:
สอนผู้ป่วยการไออย่างมีประสิทธิภาพ (Effective Coughing
Techniques)
- A15.0F1I-9:
ให้ความรู้เกี่ยวกับการใช้อุปกรณ์ช่วยหายใจ เช่น incentive
spirometer
- A15.0F1I-10:
บันทึกอัตราการหายใจ SpO₂ และผล
ABG อย่างต่อเนื่อง
Response
- A15.0F1R-1:
SpO₂ เพิ่มขึ้นถึงเป้าหมาย ≥ 92%
- A15.0F1R-2:
ผู้ป่วยรายงานว่าหายใจโล่งขึ้น
- A15.0F1R-3:
เสียงปอดดีขึ้น ไม่มีเสียงผิดปกติ
- A15.0F1R-4:
ผู้ป่วยสามารถทำกิจกรรมประจำวันได้โดยไม่เหนื่อยล้า
- A15.0F1R-5:
ผลการตรวจ ABG กลับมาอยู่ในเกณฑ์ปกติ
..........................................................................
A15.0F2: เสี่ยงต่อการแพร่กระจายเชื้อวัณโรคปอด (Risk for
Infection Transmission)
Assessment
S:
- ผู้ป่วยระบุว่ามีอาการไอเรื้อรังและเสมหะเหนียว
- ขาดความเข้าใจเกี่ยวกับการใช้หน้ากากอนามัยและสุขอนามัยส่วนบุคคล
O:
- ผู้ป่วยมีการไอที่มีเสมหะบ่อยครั้ง
- ไม่มีการใช้หน้ากากอนามัยระหว่างการไอ
- ผลการตรวจเสมหะพบเชื้อวัณโรค
Goals
- ผู้ป่วยเข้าใจและสามารถปฏิบัติตามคำแนะนำในการป้องกันการแพร่กระจายเชื้อภายใน
24
ชั่วโมง
- ลดความเสี่ยงต่อการแพร่กระจายเชื้อให้คนรอบข้าง
- ผู้ป่วยปฏิบัติตามมาตรการป้องกันการแพร่กระจายเชื้ออย่างต่อเนื่อง
- ไม่มีการติดเชื้อวัณโรคในบุคคลใกล้ชิด
Evaluate
Criteria
- ผู้ป่วยสามารถอธิบายขั้นตอนการป้องกันการแพร่กระจายเชื้อได้อย่างถูกต้อง
- ผู้ป่วยใช้หน้ากากอนามัยและปฏิบัติตามสุขอนามัยอย่างเคร่งครัด
- ลดจำนวนผู้ที่สัมผัสใกล้ชิดผู้ป่วยที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อ
- A15.0F2I-1:
สอนผู้ป่วยใช้หน้ากากอนามัยขณะไอหรือจามเพื่อป้องกันการแพร่กระจายเชื้อ
- A15.0F2I-2:
จัดเตรียมห้องแยกที่มีระบบระบายอากาศเพื่อลดการปนเปื้อนในอากาศ
- A15.0F2I-3:
ให้คำแนะนำเกี่ยวกับการกำจัดเสมหะอย่างถูกวิธี เช่น ทิ้งในภาชนะที่ปิดสนิท
- A15.0F2I-4:
ให้ความรู้เกี่ยวกับการแพร่กระจายเชื้อวัณโรคและวิธีลดความเสี่ยง
- A15.0F2I-5:
สนับสนุนให้ผู้ป่วยทำความสะอาดมือเป็นประจำ โดยเฉพาะหลังไอหรือจาม
- A15.0F2I-6:
แจ้งญาติและผู้ดูแลเกี่ยวกับมาตรการป้องกันและลดความเสี่ยงของการติดเชื้อ
- A15.0F2I-7:
ติดตามการปฏิบัติตามมาตรการสุขอนามัยของผู้ป่วยอย่างต่อเนื่อง
- A15.0F2I-8:
บันทึกพฤติกรรมการไอและการจัดการเสมหะของผู้ป่วย
Response
- A15.0F2R-1:
ผู้ป่วยปฏิบัติตามมาตรการป้องกันการแพร่กระจายเชื้ออย่างถูกต้อง
- A15.0F2R-2:
ผู้ป่วยใช้หน้ากากอนามัยทุกครั้งเมื่อมีการไอหรือจาม
- A15.0F2R-3:
ผู้ป่วยรายงานว่าเข้าใจและสามารถอธิบายวิธีลดความเสี่ยงได้
- A15.0F2R-4:
ไม่มีรายงานการติดเชื้อวัณโรคในบุคคลใกล้ชิด
..........................................................................
A15.0F3:
ไม่ให้ความร่วมมือในการรักษา (Noncompliance)
Assessment
S:
- ผู้ป่วยรายงานว่าไม่อยากรับประทานยาต้านวัณโรคเนื่องจากอาการข้างเคียง
เช่น คลื่นไส้ และปวดท้อง
- ผู้ป่วยไม่เข้าใจถึงความสำคัญของการรับประทานยาตามแผนการรักษาอย่างครบถ้วน
O:
- ข้อมูลจากการตรวจพบว่าไม่พบการรับประทานยาตามกำหนด
- ไม่มีการบันทึกการใช้ยาในบัตรประวัติผู้ป่วยที่สอดคล้องกับการรักษาที่กำหนด
Goals
- ผู้ป่วยสามารถระบุและอธิบายความสำคัญของการรับประทานยาต้านวัณโรคได้ภายใน
24
ชั่วโมง
- ผู้ป่วยรับประทานยาตามแผนการรักษาได้อย่างถูกต้องและครบถ้วน
- ผู้ป่วยรับประทานยาต้านวัณโรคอย่างสม่ำเสมอตลอดระยะเวลาในการรักษา
- ผู้ป่วยสามารถปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์และไม่เกิดภาวะแทรกซ้อนจากการรักษา
Evaluate
Criteria
- ผู้ป่วยรับประทานยาต้านวัณโรคตามคำแนะนำโดยไม่มีการข้ามข้ามข้ามยา
- ผู้ป่วยสามารถอธิบายความสำคัญและวิธีการใช้ยาต้านวัณโรคได้ถูกต้อง
- ไม่มีรายงานผลข้างเคียงจากการใช้ยาที่ทำให้ผู้ป่วยไม่สามารถรับประทานยาได้
Intervention
- A15.0F3I-1:
อธิบายความสำคัญของการรับประทานยาต้านวัณโรคตามคำแนะนำของแพทย์ให้ผู้ป่วยเข้าใจ
- A15.0F3I-2:
แจ้งให้ผู้ป่วยทราบถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นหากหยุดการใช้ยาหรือไม่รับประทานยาตามแผน
- A15.0F3I-3:
ตรวจสอบและให้คำแนะนำเกี่ยวกับวิธีการจัดการกับอาการข้างเคียงของยา เช่น
การรับประทานยาอาหารเสริมเพื่อลดอาการคลื่นไส้
- A15.0F3I-4:
จัดให้มีการสนทนากับผู้ป่วยเกี่ยวกับแผนการรักษาและการใช้ยาอย่างต่อเนื่อง
- A15.0F3I-5:
สนับสนุนให้ผู้ป่วยพัฒนาแนวทางการบันทึกเวลาในการใช้ยาอย่างสม่ำเสมอ
- A15.0F3I-6:
ติดตามผลการรับประทานยาของผู้ป่วยอย่างสม่ำเสมอ โดยบันทึกการใช้ยาในบัตรประวัติ
- A15.0F3I-7:
ตรวจสอบอาการข้างเคียงจากการใช้ยาและรายงานหากมีการขัดขวางการรับประทานยา
Response
- A15.0F3R-1:
ผู้ป่วยสามารถอธิบายความสำคัญของการรับประทานยาต้านวัณโรคและวิธีการรับประทานยาได้ถูกต้อง
- A15.0F3R-2:
ผู้ป่วยรับประทานยาตามแผนการรักษาโดยไม่มีการข้ามข้ามข้ามยา
- A15.0F3R-3:
ผู้ป่วยรายงานว่าอาการข้างเคียงจากยาได้รับการบรรเทาและไม่รบกวนการรับประทานยา
- A15.0F3R-4:
ผู้ป่วยติดตามแผนการรักษาและมีการบันทึกการใช้ยาอย่างสม่ำเสมอ
..........................................................................
A15.0F4:
เสี่ยงต่อการกำเริบของโรค (Risk for Recurrence)
Assessment
S:
- ผู้ป่วยรายงานว่าเคยหยุดรับประทานยาต้านวัณโรคบางช่วงเนื่องจากรู้สึกดีขึ้น
- ผู้ป่วยรู้สึกวิตกกังวลเกี่ยวกับการใช้ยาติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน
O:
- ผลตรวจ
X-ray
พบความผิดปกติของปอดที่อาจแสดงถึงการติดเชื้อที่ไม่หายขาด
- ผลการตรวจสารพันธุกรรมหรือแบคทีเรียวัณโรคยังคงเป็นบวกในบางกรณี
Goals
- ผู้ป่วยสามารถอธิบายความเสี่ยงจากการหยุดการรักษาและยอมรับการรักษาต่อเนื่องภายใน
24
ชั่วโมง
- ผู้ป่วยรับประทานยาตามแผนการรักษาต่อเนื่องโดยไม่มีการหยุดยา
- ผู้ป่วยสามารถปฏิบัติตามแผนการรักษาตามคำแนะนำจากแพทย์และไม่หยุดการรักษาโดยไม่ได้รับคำแนะนำ
- ไม่มีการกำเริบของโรคหรือการติดเชื้อซ้ำหลังจากการรักษาครบถ้วน
Evaluate
Criteria
- ผู้ป่วยรับประทานยาต้านวัณโรคอย่างต่อเนื่องและไม่หยุดยาจนกว่าแพทย์จะสั่งให้หยุด
- ผู้ป่วยเข้าใจถึงความสำคัญของการรักษาต่อเนื่องและสามารถอธิบายถึงการป้องกันการกำเริบของโรคได้
- ผลการตรวจวินิจฉัย
(เช่น X-ray,
การตรวจเชื้อ) แสดงให้เห็นว่าไม่มีการติดเชื้อซ้ำ
Intervention
- A15.0F4I-1:
อธิบายให้ผู้ป่วยเข้าใจถึงความเสี่ยงจากการหยุดยาหรือไม่ทำการรักษาต่อเนื่องโดยไม่ได้รับคำแนะนำจากแพทย์
- A15.0F4I-2:
แจ้งผู้ป่วยเกี่ยวกับอันตรายจากการติดเชื้อซ้ำหรือการกำเริบของโรคหากหยุดการรักษาโดยไม่ได้รับคำแนะนำจากแพทย์
- A15.0F4I-3:
ตรวจสอบให้แน่ใจว่าผู้ป่วยได้รับการให้คำแนะนำเกี่ยวกับการรับประทานยาต่อเนื่องโดยไม่มีการข้ามข้ามยา
- A15.0F4I-4:
สนับสนุนให้ผู้ป่วยสร้างกิจวัตรในการรับประทานยาต่อเนื่องตามคำแนะนำจากแพทย์
- A15.0F4I-5:
ให้คำแนะนำในการติดตามผลการรักษาอย่างสม่ำเสมอ รวมถึงการทำการตรวจสุขภาพที่เกี่ยวข้องกับวัณโรค
- A15.0F4I-6:
ติดตามผลการรักษาและการรับประทานยาของผู้ป่วยอย่างต่อเนื่องโดยการบันทึกข้อมูลการใช้ยาในบัตรประวัติ
- A15.0F4I-7:
ตรวจสอบผลการตรวจ X-ray และการตรวจแบคทีเรียวัณโรคเพื่อประเมินการรักษา
Response
- A15.0F4R-1:
ผู้ป่วยสามารถอธิบายถึงความเสี่ยงจากการหยุดการรักษาและยอมรับการรักษาต่อเนื่องอย่างเต็มที่
- A15.0F4R-2:
ผู้ป่วยรับประทานยาตามแผนการรักษาโดยไม่หยุดยา และไม่มีการข้ามข้ามข้ามยา
- A15.0F4R-3:
ผู้ป่วยเข้าใจถึงความสำคัญของการติดตามผลการรักษาและสามารถอธิบายการป้องกันการกำเริบของโรคได้
- A15.0F4R-4:
ผลการตรวจ X-ray และการตรวจเชื้อวัณโรคแสดงให้เห็นว่าผู้ป่วยไม่มีการกำเริบของโรคหรือการติดเชื้อซ้ำ
..........................................................................
A15.0F5: ภาวะโภชนาการไม่เพียงพอ (Imbalanced Nutrition: Less than Body Requirements)
Assessment
S:
- ผู้ป่วยรายงานว่าไม่รู้สึกหิวและมีความยากลำบากในการรับประทานอาหาร
- ผู้ป่วยรู้สึกเหนื่อยและอ่อนเพลียมากกว่าปกติ
O:
- น้ำหนักตัวลดลงจากปกติ
- ผลการตรวจเลือดพบระดับโปรตีนและสารอาหารอื่นๆ
ต่ำกว่าปกติ
- ผู้ป่วยมีภาวะขาดน้ำและขาดแร่ธาตุบางชนิด
- การตรวจร่างกายพบว่าผิวหนังแห้งและมีการเปลี่ยนแปลงในลักษณะการหายใจ
Goals
- ผู้ป่วยรับประทานอาหารได้มากขึ้นและมีการปรับปรุงพฤติกรรมการรับประทานภายใน
48
ชั่วโมง
- ผู้ป่วยสามารถบอกข้อมูลเกี่ยวกับความสำคัญของการรับประทานอาหารในระหว่างการรักษา
- น้ำหนักตัวของผู้ป่วยเพิ่มขึ้นและค่าระดับสารอาหารในเลือดกลับสู่ระดับปกติ
- ผู้ป่วยมีพลังงานที่เพียงพอในการดำเนินกิจกรรมประจำวันและลดอาการเหนื่อยล้า
Evaluate
Criteria
- ผู้ป่วยสามารถรับประทานอาหารได้มากขึ้นและไม่ปฏิเสธอาหาร
- ผลการตรวจเลือดแสดงระดับโปรตีนและสารอาหารอื่นๆ
กลับคืนสู่ระดับปกติ
- น้ำหนักตัวของผู้ป่วยเพิ่มขึ้นตามเป้าหมาย
- ผู้ป่วยมีอาการเหนื่อยล้าลดลงและสามารถทำกิจกรรมประจำวันได้ดีขึ้น
Intervention
- A15.0F05I-1:
ตรวจสอบและประเมินอาหารที่ผู้ป่วยรับประทาน โดยการปรับเปลี่ยนให้มีคุณค่าทางโภชนาการสูง
เช่น อาหารที่มีโปรตีนสูงและวิตามินที่จำเป็น
- A15.0F5I-2:
ให้คำแนะนำเกี่ยวกับการรับประทานอาหารที่ช่วยเพิ่มพลังงานและโปรตีน เช่น
อาหารที่มีไขมันดีและคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน
- A15.0F5I-3:
สอนผู้ป่วยและครอบครัวเกี่ยวกับการแบ่งมื้ออาหารเพื่อให้สามารถรับประทานได้ง่ายขึ้นและไม่รู้สึกอิ่มเกินไปในมื้อเดียว
- A15.0F5I-4:
เสนอการใช้ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารหรือสารอาหารทางหลอดเลือดถ้าจำเป็นเพื่อลดภาวะขาดสารอาหาร
- A15.0F5I-5:
จัดเตรียมอาหารที่มีรสชาติอร่อยและเหมาะสมกับความต้องการของผู้ป่วย เช่น
อาหารอุ่นหรือขนมที่เหมาะสม
- A15.0F5I-6:
ตรวจสอบและบันทึกการรับประทานอาหารของผู้ป่วยทุกวัน รวมถึงการสังเกตอาการเบื่ออาหาร
- A15.0F5I-7:
ตรวจสอบผลการตรวจเลือดที่เกี่ยวข้องกับสารอาหารทุกสัปดาห์เพื่อประเมินการปรับปรุงภาวะโภชนาการ
- A15.0F5I-8:
ติดตามการเปลี่ยนแปลงน้ำหนักตัวของผู้ป่วยทุกวัน
Response
- A15.0F5R-1:
ผู้ป่วยรับประทานอาหารมากขึ้นและมีการเพิ่มการบริโภคโปรตีนและพลังงานในแต่ละวัน
- A15.0F5R-2:
ผู้ป่วยมีการตอบสนองที่ดีต่อคำแนะนำเกี่ยวกับการรับประทานอาหารและสามารถเลือกอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการได้ดีขึ้น
- A15.0F5R-3:
ผลการตรวจเลือดแสดงให้เห็นระดับโปรตีนและสารอาหารในเลือดดีขึ้นจนถึงระดับปกติ
- A15.0F5R-4:
น้ำหนักตัวของผู้ป่วยเพิ่มขึ้นและมีอาการเหนื่อยล้าลดลง
- A15.0F5R-5:
ผู้ป่วยสามารถทำกิจกรรมประจำวันได้ดีขึ้นและมีพลังงานเพียงพอตลอดวัน
..........................................................................
A15.0F6:
วิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะโรคที่เป็นอยู่ (Anxiety related to
current illness)
Assessment
S:
- ผู้ป่วยรายงานรู้สึกกังวลเกี่ยวกับการรักษาและผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากวัณโรค
- ผู้ป่วยแสดงอาการซึมเศร้าและรู้สึกวิตกกังวลเกี่ยวกับการฟื้นตัวและการกลับมาเจ็บป่วยซ้ำ
O:
- การหายใจเร็วหรือเหนื่อยล้า
- การพูดหรือแสดงออกทางร่างกายที่แสดงถึงความเครียด
เช่น การกระตุกของกล้ามเนื้อหรือการหายใจถี่
- การตอบสนองที่เฉื่อยชาเมื่อถามเกี่ยวกับการรักษาหรือการดูแลสุขภาพ
- อัตราการเต้นของหัวใจเร็วขึ้นหรือไม่ปกติ
Goals
- ผู้ป่วยสามารถระบุความรู้สึกวิตกกังวลและแสดงทักษะในการรับมือกับความวิตกกังวลภายใน
24
ชั่วโมง
- ผู้ป่วยสามารถเข้าใจเกี่ยวกับโรควัณโรคและกระบวนการรักษาได้อย่างชัดเจนและมั่นใจขึ้น
- ผู้ป่วยสามารถควบคุมความวิตกกังวลได้ดีขึ้นและแสดงพฤติกรรมที่สงบในสถานการณ์ที่มีความเครียด
- ผู้ป่วยสามารถระบุสัญญาณของความวิตกกังวลและใช้กลยุทธ์ในการรับมือเพื่อเพิ่มความรู้สึกปลอดภัยและควบคุมสถานการณ์ได้
Evaluate
Criteria
- ผู้ป่วยสามารถสื่อสารและแสดงออกเกี่ยวกับความวิตกกังวลได้ดีขึ้น
- ผู้ป่วยมีการใช้กลยุทธ์ในการผ่อนคลายหรือบรรเทาความวิตกกังวลได้สำเร็จ
- ผู้ป่วยมีการปรับพฤติกรรมเพื่อรับมือกับความวิตกกังวลที่ลดลง
- ผู้ป่วยสามารถรับข้อมูลเกี่ยวกับโรคและกระบวนการรักษาได้ดีขึ้น
- อัตราการเต้นของหัวใจและการหายใจกลับสู่ภาวะปกติ
Intervention
- A15.0F6I-1:
สื่อสารกับผู้ป่วยเกี่ยวกับโรควัณโรคและการรักษาโดยให้ข้อมูลที่ชัดเจนและเข้าใจง่าย
- A15.0F6I-2:
ใช้เทคนิคการผ่อนคลายเช่น การฝึกหายใจลึกๆ หรือการสอนเทคนิคการนั่งสมาธิเพื่อบรรเทาความวิตกกังวล
- A15.0F6I-3:
จัดเตรียมสิ่งแวดล้อมที่สงบและสะดวกสบายสำหรับผู้ป่วย เช่น สถานที่เงียบสงบและมีแสงสว่างเหมาะสม
- A15.0F6I-4:
สังเกตอาการวิตกกังวลและใช้วิธีการปฏิบัติตามที่เหมาะสม เช่น การพยาบาลที่ใช้เสียงอ่อนโยนและท่าทางที่ให้ความรู้สึกปลอดภัย
- A15.0F6I-5:
ใช้การสื่อสารแบบเปิดและไม่ตัดสินเพื่อให้ผู้ป่วยสามารถพูดคุยเกี่ยวกับความวิตกกังวลและความกังวลที่มี
- A15.0F6I-6:
สร้างความไว้วางใจระหว่างผู้ป่วยและเจ้าหน้าที่พยาบาลโดยการให้ความสนใจและให้การสนับสนุนในด้านอารมณ์
- A15.0F6I-7:
ให้คำแนะนำเกี่ยวกับการรับมือกับความวิตกกังวล เช่น การใช้เทคนิคการหายใจลึกๆ
หรือการพูดคุยกับบุคคลที่สนับสนุน
- A15.0F6I-8:
สอนผู้ป่วยเกี่ยวกับกระบวนการรักษาวัณโรคเพื่อช่วยให้ผู้ป่วยรู้สึกมั่นใจในการรับการรักษา
Response
- A15.0F6R-1:
ผู้ป่วยสามารถระบุและแสดงความรู้สึกวิตกกังวลเกี่ยวกับโรคและผลกระทบต่อสุขภาพได้อย่างชัดเจน
- A15.0F6R-2:
ผู้ป่วยแสดงความพยายามในการใช้กลยุทธ์ในการผ่อนคลาย เช่น การหายใจลึกๆ
และการใช้ท่าทางสงบเพื่อบรรเทาความวิตกกังวล
- A15.0F6R-3:
ผู้ป่วยรับรู้ข้อมูลเกี่ยวกับโรควัณโรคและกระบวนการรักษาอย่างชัดเจนและสามารถตอบคำถามเกี่ยวกับการรักษาได้ดี
- A15.0F6R-4:
อาการวิตกกังวลของผู้ป่วยลดลงและแสดงพฤติกรรมที่สงบและมั่นใจมากขึ้น
- A15.0F6R-5:
อัตราการเต้นของหัวใจและการหายใจกลับสู่ภาวะปกติและไม่มีอาการเครียดเพิ่มขึ้น
..........................................................................
A15.0F7:
เสี่ยงต่อความซับซ้อนของโรค (Risk for Complications)
Assessment
S:
- ผู้ป่วยรายงานอาการคลื่นไส้และเวียนศีรษะหลังจากการใช้ยาต้านวัณโรค
- ผู้ป่วยอาจรายงานอาการเบื่ออาหาร
หรือรู้สึกเหนื่อยง่าย
- ผู้ป่วยอาจมีความวิตกกังวลเกี่ยวกับผลข้างเคียงของยา
O:
- การตรวจพบระดับเอนไซม์ตับ
(ALT,
AST) ที่สูงขึ้น
- การตรวจเลือดพบการเปลี่ยนแปลงในค่าของกรดยูริคหรือสัญญาณของการเสื่อมของระบบประสาท
เช่น ความรู้สึกชา
- อาการเหนื่อยง่ายและการขาดสมรรถภาพทางกาย
- อาการผิดปกติในการรับรสหรือการมองเห็น
(ผลข้างเคียงจากยาบางชนิด)
Goals
- ผู้ป่วยสามารถแสดงความรู้สึกเกี่ยวกับผลข้างเคียงของยาได้ในระหว่างการดูแล
- ผู้ป่วยสามารถรายงานอาการที่เกิดขึ้นจากการใช้ยาต้านวัณโรคได้ตรงเวลา
- ระดับเอนไซม์ตับ
(ALT,
AST) ในการตรวจเลือดจะกลับสู่ระดับปกติภายใน 3-5 วันหลังจากการหยุดยา
- ผู้ป่วยสามารถทนต่อการใช้ยาต้านวัณโรคได้โดยไม่เกิดผลข้างเคียงร้ายแรง
- ผู้ป่วยสามารถดำเนินการรักษาต่อเนื่องโดยไม่มีอาการของการเสื่อมสภาพจากการใช้ยา
- ผู้ป่วยมีความเข้าใจและปฏิบัติตามคำแนะนำเกี่ยวกับการใช้ยาอย่างถูกต้อง
Evaluate
Criteria
- การตรวจพบการเปลี่ยนแปลงในระดับเอนไซม์ตับ
(ALT,
AST) หรือค่าการตรวจเลือดที่กลับสู่ภาวะปกติ
- ผู้ป่วยสามารถอธิบายเกี่ยวกับการใช้ยาและผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้
- อาการผิดปกติจากยาหายไปภายในระยะเวลา
3-5
วัน
- การไม่มีอาการของภาวะแทรกซ้อนร้ายแรงจากการใช้ยาต้านวัณโรค
Intervention
- A15.0F7I-1:
ตรวจสอบค่าการทำงานของตับ เช่น ALT, AST และระดับกรดยูริคในเลือดเป็นประจำ
เพื่อประเมินผลกระทบจากยาต้านวัณโรค
- A15.0F7I-2:
สอนผู้ป่วยเกี่ยวกับผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นจากยาต้านวัณโรค และวิธีการสังเกตอาการผิดปกติ
- A15.0F7I-3:
ให้คำแนะนำในการติดตามอาการและแจ้งผลข้างเคียงที่เกิดขึ้น เช่น อาการเบื่ออาหาร
หรืออาการซึมเศร้า
- A15.0F7I-4:
จัดให้มีการติดตามอาการทางร่างกายและการตรวจสอบระดับยาในเลือดเพื่อประเมินผลข้างเคียง
- A15.0F7I-5:
สังเกตผู้ป่วยอย่างใกล้ชิดเพื่อตรวจสอบอาการผิดปกติของระบบประสาท เช่น
ความรู้สึกชา หรือการเห็นภาพเบลอ
- A15.0F7I-6:
สอนผู้ป่วยวิธีการรับประทานยาอย่างถูกต้อง และแนะนำการรับประทานอาหารที่เหมาะสมเพื่อหลีกเลี่ยงผลข้างเคียงจากยา
- A15.0F7I-7:
ให้คำแนะนำแก่ผู้ป่วยเกี่ยวกับการปฏิบัติตัวเมื่อมีผลข้างเคียงจากยา
และกระตุ้นให้ผู้ป่วยติดต่อแพทย์ทันทีหากเกิดอาการที่ผิดปกติ
Response
- A15.0F7R-1:
ผู้ป่วยสามารถรายงานผลข้างเคียงจากยาได้อย่างชัดเจนและทันเวลา เช่น การเปลี่ยนแปลงในอาการท้องไส้หรืออาการเหนื่อยง่าย
- A15.0F7R-2:
ระดับเอนไซม์ตับ (ALT, AST) ลดลงหรือกลับสู่ภาวะปกติหลังจากการปรับการรักษา
- A15.0F7R-3:
ผู้ป่วยสามารถรับประทานยาต้านวัณโรคได้ตามคำแนะนำ โดยไม่มีอาการข้างเคียงที่รุนแรงหรือทำให้เกิดปัญหาสุขภาพ
- A15.0F7R-4:
อาการจากผลข้างเคียง เช่น อาการคลื่นไส้ หรือเวียนศีรษะลดลงหลังจากการให้การดูแลตามที่แนะนำ
- A15.0F7R-5:
ผู้ป่วยสามารถปฏิบัติตามแผนการรักษาอย่างต่อเนื่องโดยไม่มีอาการซับซ้อนจากยา
..........................................................................
A15.0F8:
ความบกพร่องในการดูแลสุขภาพตนเอง (Ineffective Self-Health
Management)
Assessment
S:
- ผู้ป่วยรายงานไม่เข้าใจวิธีการดูแลตัวเองและปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ไม่ครบถ้วน
- ผู้ป่วยอาจบ่นเกี่ยวกับความยากลำบากในการจำวิธีการใช้ยาและการรักษาที่บ้าน
- ผู้ป่วยอาจไม่มีความเข้าใจที่เพียงพอในการป้องกันการแพร่กระจายเชื้อวัณโรค
O:
- ผู้ป่วยไม่สามารถแสดงการรับประทานยาตามแผนการรักษา
เช่น การรับประทานยาต้านวัณโรคตามเวลาที่กำหนด
- การสังเกตจากการสัมภาษณ์พบว่า
ผู้ป่วยไม่ได้ใช้หน้ากากอนามัยหรือการป้องกันตัวอื่นๆ ในการลดความเสี่ยงของการแพร่กระจายเชื้อ
- ผู้ป่วยขาดการติดตามอาการหรือการปฏิบัติตามแผนการรักษาที่บ้าน
Goals
- ผู้ป่วยสามารถทบทวนและอธิบายวิธีการรับประทานยาอย่างถูกต้องภายใน
24
ชั่วโมง
- ผู้ป่วยสามารถระบุวิธีการป้องกันการแพร่กระจายเชื้อวัณโรค
เช่น การใส่หน้ากากอนามัยและการระมัดระวังในการไอหรือจาม
- ผู้ป่วยสามารถตั้งคำถามหรือขอคำแนะนำเกี่ยวกับวิธีการดูแลตัวเองได้
- ผู้ป่วยสามารถดูแลตัวเองได้ตามแผนการรักษาโดยไม่เกิดปัญหาด้านการรับประทานยา
- ผู้ป่วยสามารถป้องกันการแพร่กระจายเชื้อวัณโรคได้ตามแนวทางที่ได้เรียนรู้
- ผู้ป่วยมีการติดตามผลการรักษาและสามารถปรับปรุงพฤติกรรมในการดูแลสุขภาพตนเองได้ตามคำแนะนำ
Evaluate
Criteria
- ผู้ป่วยสามารถอธิบายการรับประทานยาอย่างถูกต้อง
- ผู้ป่วยมีความเข้าใจในการป้องกันการแพร่กระจายเชื้อวัณโรค
- ผู้ป่วยปฏิบัติตามคำแนะนำในการดูแลสุขภาพตนเอง
เช่น การใช้ยาอย่างถูกต้องและการป้องกันการแพร่กระจายเชื้อ
- ผู้ป่วยมีการติดตามผลการรักษาเป็นประจำและไม่พบปัญหาด้านการดูแลสุขภาพตนเอง
Intervention
- A15.0F8I-1:
ให้ข้อมูลเกี่ยวกับการรับประทานยาตามแผนการรักษาอย่างถูกต้อง เช่น เวลาและวิธีการรับประทานยาต้านวัณโรค
- A15.0F8I-2:
อธิบายวิธีการป้องกันการแพร่กระจายเชื้อวัณโรค เช่น การใส่หน้ากากอนามัยเมื่อมีอาการไอ
หรือการไอใส่ทิชชูและล้างมือบ่อยๆ
- A15.0F8I-3:
แนะนำผู้ป่วยเกี่ยวกับการจัดสภาพแวดล้อมในบ้านเพื่อป้องกันการแพร่เชื้อ
และการรักษาความสะอาดในที่พักอาศัย
- A15.0F8I-4:
ติดตามการรับประทานยาของผู้ป่วยทุกครั้งในการพบแพทย์ และส่งเสริมให้ผู้ป่วยบันทึกการรับประทานยาในแต่ละวัน
- A15.0F8I-5:
ตรวจสอบให้ผู้ป่วยมีการใช้หน้ากากอนามัยหรือมาตรการอื่นๆ ในการป้องกันการแพร่เชื้อในระหว่างการเยี่ยมบ้านหรือการสัมผัสกับผู้อื่น
- A15.0F8I-6:
ให้คำแนะนำแก่ผู้ป่วยเกี่ยวกับการอ่านและเข้าใจใบแนะนำการรักษา รวมทั้งการปฏิบัติตามข้อกำหนดที่แพทย์ให้มา
- A15.0F8I-7:
จัดให้มีการสัมมนา/การให้ข้อมูลทางสุขภาพแก่ผู้ป่วยเพื่อเพิ่มความรู้เกี่ยวกับการดูแลตัวเองและการป้องกันการแพร่เชื้อ
Response
- A15.0F8R-1:
ผู้ป่วยสามารถอธิบายการรับประทานยาและวิธีการป้องกันการแพร่กระจายเชื้อได้ถูกต้อง
- A15.0F8R-2:
ผู้ป่วยสามารถบันทึกการรับประทานยาตามคำแนะนำได้อย่างต่อเนื่อง
- A15.0F8R-3:
ผู้ป่วยสามารถปฏิบัติตามมาตรการในการป้องกันการแพร่กระจายเชื้อ เช่น
การใช้หน้ากากอนามัยและการรักษาความสะอาด
- A15.0F8R-4:
ผู้ป่วยสามารถจัดการดูแลสุขภาพตนเองได้โดยไม่พบปัญหาหรือภาวะแทรกซ้อนจากการรักษา
- A15.0F8R-5:
ผู้ป่วยมีความรู้เกี่ยวกับการดูแลสุขภาพตนเองและสามารถทำตามคำแนะนำในการป้องกันการแพร่กระจายเชื้อวัณโรค
...................................................................
A15.0F9:
ความไม่เพียงพอในการจัดการสุขภาพ (Ineffective Health
Management)
Assessment
S:
- ผู้ป่วยรายงานว่าไม่มีความรู้เกี่ยวกับการดูแลตัวเองหลังออกจากโรงพยาบาล
- ผู้ป่วยกล่าวว่ามีความกังวลเกี่ยวกับการรักษาตัวเองที่บ้านและขาดทรัพยากรในการดูแล
- ผู้ป่วยไม่แน่ใจว่าจะติดต่อใครเมื่อมีปัญหาหรือเกิดภาวะแทรกซ้อนหลังจากออกจากโรงพยาบาล
O:
- ผู้ป่วยไม่มีแผนการรักษาหรือคู่มือการดูแลที่ชัดเจนหลังจากออกจากโรงพยาบาล
- การสัมภาษณ์พบว่าผู้ป่วยขาดข้อมูลเกี่ยวกับแหล่งทรัพยากรภายนอกที่สามารถให้การช่วยเหลือในกรณีที่ต้องการการดูแลต่อเนื่อง
- ผู้ป่วยไม่มีการจัดเตรียมยาหรืออุปกรณ์ในการดูแลตัวเองอย่างเหมาะสม
Goals
- ผู้ป่วยสามารถแสดงความเข้าใจเกี่ยวกับการดูแลตัวเองหลังออกจากโรงพยาบาลภายใน
24
ชั่วโมง
- ผู้ป่วยสามารถอธิบายแผนการรักษาและการดูแลที่บ้านตามคำแนะนำของทีมแพทย์
- ผู้ป่วยสามารถบอกแหล่งทรัพยากรที่พร้อมให้ความช่วยเหลือหลังออกจากโรงพยาบาล
- ผู้ป่วยสามารถดูแลสุขภาพตนเองได้อย่างต่อเนื่องและไม่พบปัญหาในการรักษา
- ผู้ป่วยสามารถเข้าถึงทรัพยากรที่จำเป็นสำหรับการดูแลต่อเนื่องได้อย่างเหมาะสม
- ผู้ป่วยสามารถใช้ข้อมูลและทรัพยากรในการป้องกันและจัดการกับปัญหาสุขภาพหลังออกจากโรงพยาบาล
Evaluate
Criteria
- ผู้ป่วยสามารถอธิบายแผนการรักษาหลังออกจากโรงพยาบาลได้ครบถ้วน
- ผู้ป่วยสามารถบอกแหล่งทรัพยากรในการดูแลสุขภาพหลังออกจากโรงพยาบาล
- ผู้ป่วยมีการจัดการกับการดูแลตัวเองหลังออกจากโรงพยาบาลได้อย่างต่อเนื่องและไม่พบปัญหาด้านการดูแลสุขภาพ
- ผู้ป่วยสามารถขอความช่วยเหลือได้หากมีภาวะแทรกซ้อนหลังการรักษา
Intervention
- A15.0F9I-1: อธิบายแผนการรักษาหลังออกจากโรงพยาบาลให้ผู้ป่วยเข้าใจ
รวมถึงการใช้ยาและการปฏิบัติตัวตามคำแนะนำของแพทย์
- A15.0F9I-2: ให้ข้อมูลเกี่ยวกับทรัพยากรที่สามารถใช้ในการดูแลสุขภาพต่อเนื่อง
เช่น การติดต่อแพทย์ในกรณีฉุกเฉินหรือการหาคลินิกหรือบริการที่ใกล้เคียง
- A15.0F9I-3: ให้คำแนะนำในการจัดการกับการรับประทานยาและการดูแลตัวเองที่บ้าน
เช่น การเตรียมยาตามแผนการรักษา
- A15.0F9I-4: ติดตามการปฏิบัติตามแผนการรักษาของผู้ป่วยผ่านการเยี่ยมบ้านหรือการติดตามการใช้ยาและการดูแลสุขภาพที่บ้าน
- A15.0F9I-5: จัดการให้ผู้ป่วยสามารถติดต่อแหล่งทรัพยากรหรือผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ได้เมื่อจำเป็น
- A15.0F9I-6: สอนผู้ป่วยเกี่ยวกับการใช้บริการสุขภาพในชุมชนและทรัพยากรที่สามารถเข้าถึงได้เมื่อมีความต้องการ
- A15.0F9I-7: ให้ข้อมูลเกี่ยวกับการติดต่อแพทย์หรือพยาบาลในกรณีที่ผู้ป่วยมีปัญหาสุขภาพหลังออกจากโรงพยาบาล
Response
- A15.0F9R-1: ผู้ป่วยสามารถอธิบายแผนการรักษาหลังออกจากโรงพยาบาลได้อย่างถูกต้อง
- A15.0F9R-2: ผู้ป่วยสามารถบอกแหล่งทรัพยากรที่สามารถให้ความช่วยเหลือในการดูแลต่อเนื่อง
- A15.0F9R-3: ผู้ป่วยสามารถปฏิบัติตามแผนการดูแลตัวเองได้อย่างต่อเนื่อง
- A15.0F9R-4: ผู้ป่วยสามารถเข้าถึงบริการทางการแพทย์หรือการช่วยเหลือจากทรัพยากรที่จัดเตรียมไว้ได้
- A15.0F9R-5: ผู้ป่วยมีความเข้าใจในการติดต่อกับแพทย์หากมีภาวะแทรกซ้อนหรืออาการที่เปลี่ยนแปลงหลังออกจากโรงพยาบาล
..........................................................................
A15.0F10:
ความบกพร่องในการฟื้นฟูสุขภาพ (Delayed Recovery)
Assessment
S:
- ผู้ป่วยรายงานว่าไม่สามารถรับประทานยาได้ตามแผนเนื่องจากอาการข้างเคียงจากยา
- ผู้ป่วยกล่าวว่าไม่มีเวลาหรือไม่สะดวกในการติดตามผลการรักษา
- ผู้ป่วยรู้สึกไม่มั่นใจเกี่ยวกับผลการรักษาหลังจากหยุดยาหรือไม่ติดตามผล
O:
- การติดตามผลการรักษาผู้ป่วยไม่สม่ำเสมอ
- ผู้ป่วยไม่สามารถบอกได้ว่าได้รับยาหรือไม่
- บันทึกการเยี่ยมติดตามผลพบว่าผู้ป่วยไม่เข้าเยี่ยมแพทย์ตามกำหนดหรือไม่ได้รับการประเมินผลจากทีมสุขภาพ
Goals
- ผู้ป่วยสามารถรับประทานยาได้ตามแผนที่กำหนดและไม่ขาดยา
- ผู้ป่วยสามารถเข้าเยี่ยมแพทย์ตามกำหนดหรือประเมินผลการรักษาได้ภายใน
2 สัปดาห์
- ผู้ป่วยสามารถรับประทานยาอย่างสม่ำเสมอและติดตามผลการรักษาตามแผนการรักษา
- ผู้ป่วยสามารถแสดงการฟื้นฟูสุขภาพที่ดีขึ้นจากการติดตามและการรับประทานยาอย่างสม่ำเสมอ
Evaluate
Criteria
- ผู้ป่วยสามารถรับประทานยาตามแผนการรักษาทุกครั้ง
- ผู้ป่วยสามารถเข้าเยี่ยมแพทย์หรือประเมินผลการรักษาตามกำหนด
- ผู้ป่วยสามารถบอกได้ว่าได้รับการติดตามผลการรักษาหรือรับคำแนะนำจากแพทย์อย่างต่อเนื่อง
- ผู้ป่วยมีการฟื้นฟูสุขภาพดีขึ้นและไม่มีอาการแทรกซ้อนจากการรักษา
Intervention
- A15.0F10I-1:
สอนผู้ป่วยเกี่ยวกับความสำคัญของการรับประทานยาอย่างสม่ำเสมอและตามแผนการรักษา
- A15.0F10I-2:
ให้ข้อมูลเกี่ยวกับการจัดการผลข้างเคียงจากยาและวิธีการลดความไม่สะดวกในการรับประทานยา
- A15.0F10I-3:
อธิบายให้ผู้ป่วยเข้าใจว่าการติดตามผลการรักษามีความสำคัญต่อการฟื้นฟูสุขภาพที่ดีขึ้นและการลดความเสี่ยงของการเกิดภาวะแทรกซ้อน
- A15.0F10I-4:
ตรวจสอบความสม่ำเสมอในการรับประทานยาและการติดตามผลการรักษาผ่านการเยี่ยมบ้านหรือการติดต่อกับผู้ป่วย
- A15.0F10I-5:
จัดทำแผนการเยี่ยมผู้ป่วยหรือการติดตามผลการรักษาเพื่อให้ผู้ป่วยได้รับการประเมินอย่างต่อเนื่อง
- A15.0F10I-6:
ให้ผู้ป่วยทราบถึงวิธีการเตรียมยาหรือใช้เครื่องมือในการรับประทานยาอย่างถูกต้องและสะดวก
- A15.0F10I-7:
ให้คำแนะนำแก่ผู้ป่วยเกี่ยวกับการเข้ารับการตรวจผลหลังการรักษาและวิธีการติดต่อแพทย์หากมีปัญหาสุขภาพ
Response
- A15.0F10R-1:
ผู้ป่วยสามารถรับประทานยาอย่างสม่ำเสมอและตามแผนการรักษา
- A15.0F10R-2:
ผู้ป่วยสามารถเข้าเยี่ยมแพทย์หรือประเมินผลการรักษาตามกำหนด
- A15.0F10R-3:
ผู้ป่วยสามารถบอกได้ว่าได้รับการติดตามผลการรักษาหรือได้รับคำแนะนำจากแพทย์
- A15.0F10R-4:
ผู้ป่วยมีการฟื้นฟูสุขภาพที่ดีขึ้นจากการรับประทานยาและการติดตามผลการรักษาอย่างต่อเนื่อง
- A15.0F10R-5:
ผู้ป่วยรู้สึกมั่นใจในการรับประทานยาและการติดตามผลเพื่อฟื้นฟูสุขภาพ
..........................................................................
A15.0F11:
ความบกพร่องในการสนับสนุนทางสังคม (Impaired Social
Interaction)
Assessment
S:
- ผู้ป่วยแสดงความกังวลเกี่ยวกับการถูกตีตราเนื่องจากการติดเชื้อวัณโรค
- ผู้ป่วยรายงานว่ารู้สึกอายหรือไม่กล้าพบปะผู้คนหลังจากได้รับการวินิจฉัย
- ผู้ป่วยกล่าวถึงการห่างเหินจากครอบครัวและเพื่อนฝูงเนื่องจากกลัวการแพร่เชื้อหรือการตัดสินจากสังคม
O:
- การแยกตัวจากสังคมที่เห็นได้ชัด
เช่น ไม่เข้าร่วมกิจกรรมทางสังคมหรือการพบปะผู้คน
- ปฏิสัมพันธ์ทางสังคมลดลง
หรือผู้ป่วยมีท่าทางเงียบขรึมหรือไม่สนทนาเมื่อพบปะคนอื่น
- ผู้ป่วยไม่ค่อยมีการติดต่อกับครอบครัวหรือเพื่อนฝูง
Goals
- ผู้ป่วยสามารถแสดงความรู้สึกเกี่ยวกับการตีตราและผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการติดเชื้อวัณโรคในระยะเวลา
1 สัปดาห์
- ผู้ป่วยสามารถกลับมามีการสนทนาและติดต่อกับครอบครัวหรือเพื่อนฝูงอย่างน้อยหนึ่งครั้งภายใน
2 สัปดาห์
- ผู้ป่วยสามารถปรับตัวเข้ากับสังคมและมีความมั่นใจในการสื่อสารกับคนรอบข้างโดยไม่รู้สึกกลัวหรือกังวลเกี่ยวกับการตีตราทางสังคม
- ผู้ป่วยสามารถบำรุงรักษาความสัมพันธ์กับครอบครัวและเพื่อนฝูงได้อย่างยั่งยืน
Evaluate
Criteria
- ผู้ป่วยสามารถแสดงการพูดคุยเกี่ยวกับความรู้สึกของตนเองในด้านการตีตราและความสัมพันธ์ทางสังคม
- ผู้ป่วยสามารถติดต่อหรือพบปะครอบครัวหรือเพื่อนฝูงอย่างสม่ำเสมอ
- การมีปฏิสัมพันธ์ทางสังคมของผู้ป่วยดีขึ้น
ไม่มีการหลีกเลี่ยงหรือแยกตัวจากกิจกรรมทางสังคม
Intervention
- A15.0F11I-1:
สอนผู้ป่วยเกี่ยวกับการยอมรับและเข้าใจถึงการตีตราทางสังคมที่เกี่ยวกับวัณโรค
- A15.0F11I-2:
สร้างความมั่นใจให้ผู้ป่วยเกี่ยวกับการดูแลสุขอนามัยและการป้องกันการแพร่กระจายเชื้อในชีวิตประจำวันเพื่อช่วยลดความกลัว
- A15.0F11I-3:
สนับสนุนให้ผู้ป่วยพูดคุยเกี่ยวกับความรู้สึกของตนเองและยอมรับความรู้สึกเหล่านั้น
- A15.0F11I-4:
ติดตามการเปลี่ยนแปลงในการติดต่อสื่อสารกับครอบครัวหรือเพื่อนฝูง
- A15.0F11I-5:
สังเกตการมีปฏิสัมพันธ์ทางสังคมในกิจกรรมต่างๆ เพื่อช่วยในการปรับตัวเข้ากับสถานการณ์ได้อย่างเหมาะสม
- A15.0F11I-6:
ให้คำแนะนำแก่ผู้ป่วยในการขอคำปรึกษาหรือเข้าร่วมกลุ่มสนับสนุนที่มีความเข้าใจเกี่ยวกับวัณโรค
- A15.0F11I-7:
สอนผู้ป่วยเกี่ยวกับการป้องกันการแพร่กระจายเชื้อและวิธีการสื่อสารกับคนรอบข้างอย่างเปิดเผยและมั่นใจ
Response
- A15.0F11R-1:
ผู้ป่วยสามารถแสดงความรู้สึกเกี่ยวกับการตีตราและการปรับตัวเข้ากับสังคม
- A15.0F11R-2:
ผู้ป่วยสามารถกลับมามีการติดต่อหรือสนทนากับครอบครัวหรือเพื่อนฝูง
- A15.0F11R-3:
ผู้ป่วยไม่หลีกเลี่ยงการมีปฏิสัมพันธ์ทางสังคมและเข้าร่วมกิจกรรมที่เหมาะสม
- A15.0F11R-4:
ผู้ป่วยมีความมั่นใจในการพูดคุยเกี่ยวกับการรักษาและสถานะสุขภาพของตนเอง
- A15.0F11R-5:
ผู้ป่วยสามารถปรับตัวเข้ากับสังคมและไม่รู้สึกกลัวหรือกังวลเกี่ยวกับการตีตราทางสังคมอีกต่อไป
..........................................................................
A15.0F1:
บกพร่องในการแลกเปลี่ยนก๊าซ (Impaired Gas Exchange)
Assessment
S:
- ผู้ป่วยรายงานว่าหายใจลำบากและแน่นหน้าอก
- มีอาการเหนื่อยง่ายขณะทำกิจกรรม
- ระบุอาการไอเรื้อรังและมีเสมหะ
O:
- SpO₂ ต่ำกว่า 90%
- อัตราการหายใจเร็ว (> 20 ครั้ง/นาที)
- มีอาการเขียวบริเวณริมฝีปากหรือปลายเล็บ
- ฟังเสียงปอดพบเสียง crackles หรือ rhonchi
- การวิเคราะห์แก๊สในเลือด (ABG) พบ PaO₂ ต่ำและ PaCO₂ สูง
Goals
- ผู้ป่วยมีระดับ SpO₂ ≥ 92% ภายใน 24 ชั่วโมง
- ลดความเหนื่อยล้าขณะหายใจ
- การทำงานของระบบหายใจกลับมาใกล้เคียงปกติ
- ผู้ป่วยสามารถทำกิจกรรมประจำวันได้โดยไม่เหนื่อยล้า
- ไม่มีภาวะแทรกซ้อนที่เกี่ยวข้องกับระบบทางเดินหายใจ
Evaluate
Criteria
- SpO₂ ≥ 92% อย่างต่อเนื่อง
- ผู้ป่วยรายงานว่าหายใจโล่งขึ้นและไม่มีอาการเหนื่อยล้า
- การฟังเสียงปอดไม่มีเสียงผิดปกติ
- ผลการตรวจ ABG แสดงค่าที่กลับมาในเกณฑ์ปกติ
- A15.0F1I-1: ติดตามค่า SpO₂ อย่างต่อเนื่อง เพื่อประเมินสถานะการแลกเปลี่ยนก๊าซ
- A15.0F1I-2: ให้ O₂ therapy ตามคำสั่งแพทย์ เช่น nasal cannula หรือ mask
- A15.0F1I-3: จัดท่าศีรษะสูง (High Fowler's Position) เพื่อเพิ่มการขยายตัวของปอด
- A15.0F1I-4: ฟังเสียงปอดทุก 4 ชั่วโมง เพื่อตรวจสอบการเปลี่ยนแปลง
- A15.0F1I-5: ให้ยาขยายหลอดลม (Bronchodilators) ตามคำสั่งแพทย์
- A15.0F1I-6: ให้ยาลดการอักเสบ (Corticosteroids) เพื่อลดการอักเสบของปอด
- A15.0F1I-7: ให้ยาลดเสมหะ (Mucolytics) เพื่อช่วยลดการอุดตันในทางเดินหายใจ
- A15.0F1I-8: สอนผู้ป่วยการไออย่างมีประสิทธิภาพ (Effective Coughing Techniques)
- A15.0F1I-9: ให้ความรู้เกี่ยวกับการใช้อุปกรณ์ช่วยหายใจ เช่น incentive spirometer
- A15.0F1I-10: บันทึกอัตราการหายใจ SpO₂ และผล ABG อย่างต่อเนื่อง
Response
- A15.0F1R-1: SpO₂ เพิ่มขึ้นถึงเป้าหมาย ≥ 92%
- A15.0F1R-2: ผู้ป่วยรายงานว่าหายใจโล่งขึ้น
- A15.0F1R-3: เสียงปอดดีขึ้น ไม่มีเสียงผิดปกติ
- A15.0F1R-4: ผู้ป่วยสามารถทำกิจกรรมประจำวันได้โดยไม่เหนื่อยล้า
- A15.0F1R-5: ผลการตรวจ ABG กลับมาอยู่ในเกณฑ์ปกติ
..........................................................................
A15.0F2: เสี่ยงต่อการแพร่กระจายเชื้อวัณโรคปอด (Risk for
Infection Transmission)
Assessment
S:
- ผู้ป่วยระบุว่ามีอาการไอเรื้อรังและเสมหะเหนียว
- ขาดความเข้าใจเกี่ยวกับการใช้หน้ากากอนามัยและสุขอนามัยส่วนบุคคล
O:
- ผู้ป่วยมีการไอที่มีเสมหะบ่อยครั้ง
- ไม่มีการใช้หน้ากากอนามัยระหว่างการไอ
- ผลการตรวจเสมหะพบเชื้อวัณโรค
Goals
- ผู้ป่วยเข้าใจและสามารถปฏิบัติตามคำแนะนำในการป้องกันการแพร่กระจายเชื้อภายใน 24 ชั่วโมง
- ลดความเสี่ยงต่อการแพร่กระจายเชื้อให้คนรอบข้าง
- ผู้ป่วยปฏิบัติตามมาตรการป้องกันการแพร่กระจายเชื้ออย่างต่อเนื่อง
- ไม่มีการติดเชื้อวัณโรคในบุคคลใกล้ชิด
Evaluate
Criteria
- ผู้ป่วยสามารถอธิบายขั้นตอนการป้องกันการแพร่กระจายเชื้อได้อย่างถูกต้อง
- ผู้ป่วยใช้หน้ากากอนามัยและปฏิบัติตามสุขอนามัยอย่างเคร่งครัด
- ลดจำนวนผู้ที่สัมผัสใกล้ชิดผู้ป่วยที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อ
- A15.0F2I-1: สอนผู้ป่วยใช้หน้ากากอนามัยขณะไอหรือจามเพื่อป้องกันการแพร่กระจายเชื้อ
- A15.0F2I-2: จัดเตรียมห้องแยกที่มีระบบระบายอากาศเพื่อลดการปนเปื้อนในอากาศ
- A15.0F2I-3: ให้คำแนะนำเกี่ยวกับการกำจัดเสมหะอย่างถูกวิธี เช่น ทิ้งในภาชนะที่ปิดสนิท
- A15.0F2I-4: ให้ความรู้เกี่ยวกับการแพร่กระจายเชื้อวัณโรคและวิธีลดความเสี่ยง
- A15.0F2I-5: สนับสนุนให้ผู้ป่วยทำความสะอาดมือเป็นประจำ โดยเฉพาะหลังไอหรือจาม
- A15.0F2I-6: แจ้งญาติและผู้ดูแลเกี่ยวกับมาตรการป้องกันและลดความเสี่ยงของการติดเชื้อ
- A15.0F2I-7: ติดตามการปฏิบัติตามมาตรการสุขอนามัยของผู้ป่วยอย่างต่อเนื่อง
- A15.0F2I-8:
บันทึกพฤติกรรมการไอและการจัดการเสมหะของผู้ป่วย
Response
- A15.0F2R-1: ผู้ป่วยปฏิบัติตามมาตรการป้องกันการแพร่กระจายเชื้ออย่างถูกต้อง
- A15.0F2R-2: ผู้ป่วยใช้หน้ากากอนามัยทุกครั้งเมื่อมีการไอหรือจาม
- A15.0F2R-3: ผู้ป่วยรายงานว่าเข้าใจและสามารถอธิบายวิธีลดความเสี่ยงได้
- A15.0F2R-4: ไม่มีรายงานการติดเชื้อวัณโรคในบุคคลใกล้ชิด
..........................................................................
A15.0F3:
ไม่ให้ความร่วมมือในการรักษา (Noncompliance)
Assessment
S:
- ผู้ป่วยรายงานว่าไม่อยากรับประทานยาต้านวัณโรคเนื่องจากอาการข้างเคียง เช่น คลื่นไส้ และปวดท้อง
- ผู้ป่วยไม่เข้าใจถึงความสำคัญของการรับประทานยาตามแผนการรักษาอย่างครบถ้วน
O:
- ข้อมูลจากการตรวจพบว่าไม่พบการรับประทานยาตามกำหนด
- ไม่มีการบันทึกการใช้ยาในบัตรประวัติผู้ป่วยที่สอดคล้องกับการรักษาที่กำหนด
Goals
- ผู้ป่วยสามารถระบุและอธิบายความสำคัญของการรับประทานยาต้านวัณโรคได้ภายใน 24 ชั่วโมง
- ผู้ป่วยรับประทานยาตามแผนการรักษาได้อย่างถูกต้องและครบถ้วน
- ผู้ป่วยรับประทานยาต้านวัณโรคอย่างสม่ำเสมอตลอดระยะเวลาในการรักษา
- ผู้ป่วยสามารถปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์และไม่เกิดภาวะแทรกซ้อนจากการรักษา
Evaluate
Criteria
- ผู้ป่วยรับประทานยาต้านวัณโรคตามคำแนะนำโดยไม่มีการข้ามข้ามข้ามยา
- ผู้ป่วยสามารถอธิบายความสำคัญและวิธีการใช้ยาต้านวัณโรคได้ถูกต้อง
- ไม่มีรายงานผลข้างเคียงจากการใช้ยาที่ทำให้ผู้ป่วยไม่สามารถรับประทานยาได้
Intervention
- A15.0F3I-1: อธิบายความสำคัญของการรับประทานยาต้านวัณโรคตามคำแนะนำของแพทย์ให้ผู้ป่วยเข้าใจ
- A15.0F3I-2: แจ้งให้ผู้ป่วยทราบถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นหากหยุดการใช้ยาหรือไม่รับประทานยาตามแผน
- A15.0F3I-3: ตรวจสอบและให้คำแนะนำเกี่ยวกับวิธีการจัดการกับอาการข้างเคียงของยา เช่น การรับประทานยาอาหารเสริมเพื่อลดอาการคลื่นไส้
- A15.0F3I-4: จัดให้มีการสนทนากับผู้ป่วยเกี่ยวกับแผนการรักษาและการใช้ยาอย่างต่อเนื่อง
- A15.0F3I-5: สนับสนุนให้ผู้ป่วยพัฒนาแนวทางการบันทึกเวลาในการใช้ยาอย่างสม่ำเสมอ
- A15.0F3I-6: ติดตามผลการรับประทานยาของผู้ป่วยอย่างสม่ำเสมอ โดยบันทึกการใช้ยาในบัตรประวัติ
- A15.0F3I-7: ตรวจสอบอาการข้างเคียงจากการใช้ยาและรายงานหากมีการขัดขวางการรับประทานยา
Response
- A15.0F3R-1: ผู้ป่วยสามารถอธิบายความสำคัญของการรับประทานยาต้านวัณโรคและวิธีการรับประทานยาได้ถูกต้อง
- A15.0F3R-2: ผู้ป่วยรับประทานยาตามแผนการรักษาโดยไม่มีการข้ามข้ามข้ามยา
- A15.0F3R-3: ผู้ป่วยรายงานว่าอาการข้างเคียงจากยาได้รับการบรรเทาและไม่รบกวนการรับประทานยา
- A15.0F3R-4: ผู้ป่วยติดตามแผนการรักษาและมีการบันทึกการใช้ยาอย่างสม่ำเสมอ
..........................................................................
A15.0F4:
เสี่ยงต่อการกำเริบของโรค (Risk for Recurrence)
Assessment
S:
- ผู้ป่วยรายงานว่าเคยหยุดรับประทานยาต้านวัณโรคบางช่วงเนื่องจากรู้สึกดีขึ้น
- ผู้ป่วยรู้สึกวิตกกังวลเกี่ยวกับการใช้ยาติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน
O:
- ผลตรวจ X-ray พบความผิดปกติของปอดที่อาจแสดงถึงการติดเชื้อที่ไม่หายขาด
- ผลการตรวจสารพันธุกรรมหรือแบคทีเรียวัณโรคยังคงเป็นบวกในบางกรณี
Goals
- ผู้ป่วยสามารถอธิบายความเสี่ยงจากการหยุดการรักษาและยอมรับการรักษาต่อเนื่องภายใน 24 ชั่วโมง
- ผู้ป่วยรับประทานยาตามแผนการรักษาต่อเนื่องโดยไม่มีการหยุดยา
- ผู้ป่วยสามารถปฏิบัติตามแผนการรักษาตามคำแนะนำจากแพทย์และไม่หยุดการรักษาโดยไม่ได้รับคำแนะนำ
- ไม่มีการกำเริบของโรคหรือการติดเชื้อซ้ำหลังจากการรักษาครบถ้วน
Evaluate
Criteria
- ผู้ป่วยรับประทานยาต้านวัณโรคอย่างต่อเนื่องและไม่หยุดยาจนกว่าแพทย์จะสั่งให้หยุด
- ผู้ป่วยเข้าใจถึงความสำคัญของการรักษาต่อเนื่องและสามารถอธิบายถึงการป้องกันการกำเริบของโรคได้
- ผลการตรวจวินิจฉัย (เช่น X-ray, การตรวจเชื้อ) แสดงให้เห็นว่าไม่มีการติดเชื้อซ้ำ
Intervention
- A15.0F4I-1: อธิบายให้ผู้ป่วยเข้าใจถึงความเสี่ยงจากการหยุดยาหรือไม่ทำการรักษาต่อเนื่องโดยไม่ได้รับคำแนะนำจากแพทย์
- A15.0F4I-2: แจ้งผู้ป่วยเกี่ยวกับอันตรายจากการติดเชื้อซ้ำหรือการกำเริบของโรคหากหยุดการรักษาโดยไม่ได้รับคำแนะนำจากแพทย์
- A15.0F4I-3: ตรวจสอบให้แน่ใจว่าผู้ป่วยได้รับการให้คำแนะนำเกี่ยวกับการรับประทานยาต่อเนื่องโดยไม่มีการข้ามข้ามยา
- A15.0F4I-4: สนับสนุนให้ผู้ป่วยสร้างกิจวัตรในการรับประทานยาต่อเนื่องตามคำแนะนำจากแพทย์
- A15.0F4I-5: ให้คำแนะนำในการติดตามผลการรักษาอย่างสม่ำเสมอ รวมถึงการทำการตรวจสุขภาพที่เกี่ยวข้องกับวัณโรค
- A15.0F4I-6: ติดตามผลการรักษาและการรับประทานยาของผู้ป่วยอย่างต่อเนื่องโดยการบันทึกข้อมูลการใช้ยาในบัตรประวัติ
- A15.0F4I-7: ตรวจสอบผลการตรวจ X-ray และการตรวจแบคทีเรียวัณโรคเพื่อประเมินการรักษา
Response
- A15.0F4R-1: ผู้ป่วยสามารถอธิบายถึงความเสี่ยงจากการหยุดการรักษาและยอมรับการรักษาต่อเนื่องอย่างเต็มที่
- A15.0F4R-2: ผู้ป่วยรับประทานยาตามแผนการรักษาโดยไม่หยุดยา และไม่มีการข้ามข้ามข้ามยา
- A15.0F4R-3: ผู้ป่วยเข้าใจถึงความสำคัญของการติดตามผลการรักษาและสามารถอธิบายการป้องกันการกำเริบของโรคได้
- A15.0F4R-4: ผลการตรวจ X-ray และการตรวจเชื้อวัณโรคแสดงให้เห็นว่าผู้ป่วยไม่มีการกำเริบของโรคหรือการติดเชื้อซ้ำ
..........................................................................
A15.0F5: ภาวะโภชนาการไม่เพียงพอ (Imbalanced Nutrition: Less than Body Requirements)
Assessment
S:
- ผู้ป่วยรายงานว่าไม่รู้สึกหิวและมีความยากลำบากในการรับประทานอาหาร
- ผู้ป่วยรู้สึกเหนื่อยและอ่อนเพลียมากกว่าปกติ
O:
- น้ำหนักตัวลดลงจากปกติ
- ผลการตรวจเลือดพบระดับโปรตีนและสารอาหารอื่นๆ ต่ำกว่าปกติ
- ผู้ป่วยมีภาวะขาดน้ำและขาดแร่ธาตุบางชนิด
- การตรวจร่างกายพบว่าผิวหนังแห้งและมีการเปลี่ยนแปลงในลักษณะการหายใจ
Goals
- ผู้ป่วยรับประทานอาหารได้มากขึ้นและมีการปรับปรุงพฤติกรรมการรับประทานภายใน 48 ชั่วโมง
- ผู้ป่วยสามารถบอกข้อมูลเกี่ยวกับความสำคัญของการรับประทานอาหารในระหว่างการรักษา
- น้ำหนักตัวของผู้ป่วยเพิ่มขึ้นและค่าระดับสารอาหารในเลือดกลับสู่ระดับปกติ
- ผู้ป่วยมีพลังงานที่เพียงพอในการดำเนินกิจกรรมประจำวันและลดอาการเหนื่อยล้า
Evaluate
Criteria
- ผู้ป่วยสามารถรับประทานอาหารได้มากขึ้นและไม่ปฏิเสธอาหาร
- ผลการตรวจเลือดแสดงระดับโปรตีนและสารอาหารอื่นๆ กลับคืนสู่ระดับปกติ
- น้ำหนักตัวของผู้ป่วยเพิ่มขึ้นตามเป้าหมาย
- ผู้ป่วยมีอาการเหนื่อยล้าลดลงและสามารถทำกิจกรรมประจำวันได้ดีขึ้น
Intervention
- A15.0F05I-1: ตรวจสอบและประเมินอาหารที่ผู้ป่วยรับประทาน โดยการปรับเปลี่ยนให้มีคุณค่าทางโภชนาการสูง เช่น อาหารที่มีโปรตีนสูงและวิตามินที่จำเป็น
- A15.0F5I-2: ให้คำแนะนำเกี่ยวกับการรับประทานอาหารที่ช่วยเพิ่มพลังงานและโปรตีน เช่น อาหารที่มีไขมันดีและคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน
- A15.0F5I-3: สอนผู้ป่วยและครอบครัวเกี่ยวกับการแบ่งมื้ออาหารเพื่อให้สามารถรับประทานได้ง่ายขึ้นและไม่รู้สึกอิ่มเกินไปในมื้อเดียว
- A15.0F5I-4: เสนอการใช้ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารหรือสารอาหารทางหลอดเลือดถ้าจำเป็นเพื่อลดภาวะขาดสารอาหาร
- A15.0F5I-5: จัดเตรียมอาหารที่มีรสชาติอร่อยและเหมาะสมกับความต้องการของผู้ป่วย เช่น อาหารอุ่นหรือขนมที่เหมาะสม
- A15.0F5I-6: ตรวจสอบและบันทึกการรับประทานอาหารของผู้ป่วยทุกวัน รวมถึงการสังเกตอาการเบื่ออาหาร
- A15.0F5I-7: ตรวจสอบผลการตรวจเลือดที่เกี่ยวข้องกับสารอาหารทุกสัปดาห์เพื่อประเมินการปรับปรุงภาวะโภชนาการ
- A15.0F5I-8: ติดตามการเปลี่ยนแปลงน้ำหนักตัวของผู้ป่วยทุกวัน
Response
- A15.0F5R-1: ผู้ป่วยรับประทานอาหารมากขึ้นและมีการเพิ่มการบริโภคโปรตีนและพลังงานในแต่ละวัน
- A15.0F5R-2: ผู้ป่วยมีการตอบสนองที่ดีต่อคำแนะนำเกี่ยวกับการรับประทานอาหารและสามารถเลือกอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการได้ดีขึ้น
- A15.0F5R-3: ผลการตรวจเลือดแสดงให้เห็นระดับโปรตีนและสารอาหารในเลือดดีขึ้นจนถึงระดับปกติ
- A15.0F5R-4: น้ำหนักตัวของผู้ป่วยเพิ่มขึ้นและมีอาการเหนื่อยล้าลดลง
- A15.0F5R-5: ผู้ป่วยสามารถทำกิจกรรมประจำวันได้ดีขึ้นและมีพลังงานเพียงพอตลอดวัน
..........................................................................
A15.0F6:
วิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะโรคที่เป็นอยู่ (Anxiety related to
current illness)
Assessment
S:
- ผู้ป่วยรายงานรู้สึกกังวลเกี่ยวกับการรักษาและผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากวัณโรค
- ผู้ป่วยแสดงอาการซึมเศร้าและรู้สึกวิตกกังวลเกี่ยวกับการฟื้นตัวและการกลับมาเจ็บป่วยซ้ำ
O:
- การหายใจเร็วหรือเหนื่อยล้า
- การพูดหรือแสดงออกทางร่างกายที่แสดงถึงความเครียด เช่น การกระตุกของกล้ามเนื้อหรือการหายใจถี่
- การตอบสนองที่เฉื่อยชาเมื่อถามเกี่ยวกับการรักษาหรือการดูแลสุขภาพ
- อัตราการเต้นของหัวใจเร็วขึ้นหรือไม่ปกติ
Goals
- ผู้ป่วยสามารถระบุความรู้สึกวิตกกังวลและแสดงทักษะในการรับมือกับความวิตกกังวลภายใน 24 ชั่วโมง
- ผู้ป่วยสามารถเข้าใจเกี่ยวกับโรควัณโรคและกระบวนการรักษาได้อย่างชัดเจนและมั่นใจขึ้น
- ผู้ป่วยสามารถควบคุมความวิตกกังวลได้ดีขึ้นและแสดงพฤติกรรมที่สงบในสถานการณ์ที่มีความเครียด
- ผู้ป่วยสามารถระบุสัญญาณของความวิตกกังวลและใช้กลยุทธ์ในการรับมือเพื่อเพิ่มความรู้สึกปลอดภัยและควบคุมสถานการณ์ได้
Evaluate
Criteria
- ผู้ป่วยสามารถสื่อสารและแสดงออกเกี่ยวกับความวิตกกังวลได้ดีขึ้น
- ผู้ป่วยมีการใช้กลยุทธ์ในการผ่อนคลายหรือบรรเทาความวิตกกังวลได้สำเร็จ
- ผู้ป่วยมีการปรับพฤติกรรมเพื่อรับมือกับความวิตกกังวลที่ลดลง
- ผู้ป่วยสามารถรับข้อมูลเกี่ยวกับโรคและกระบวนการรักษาได้ดีขึ้น
- อัตราการเต้นของหัวใจและการหายใจกลับสู่ภาวะปกติ
Intervention
- A15.0F6I-1: สื่อสารกับผู้ป่วยเกี่ยวกับโรควัณโรคและการรักษาโดยให้ข้อมูลที่ชัดเจนและเข้าใจง่าย
- A15.0F6I-2: ใช้เทคนิคการผ่อนคลายเช่น การฝึกหายใจลึกๆ หรือการสอนเทคนิคการนั่งสมาธิเพื่อบรรเทาความวิตกกังวล
- A15.0F6I-3: จัดเตรียมสิ่งแวดล้อมที่สงบและสะดวกสบายสำหรับผู้ป่วย เช่น สถานที่เงียบสงบและมีแสงสว่างเหมาะสม
- A15.0F6I-4: สังเกตอาการวิตกกังวลและใช้วิธีการปฏิบัติตามที่เหมาะสม เช่น การพยาบาลที่ใช้เสียงอ่อนโยนและท่าทางที่ให้ความรู้สึกปลอดภัย
- A15.0F6I-5: ใช้การสื่อสารแบบเปิดและไม่ตัดสินเพื่อให้ผู้ป่วยสามารถพูดคุยเกี่ยวกับความวิตกกังวลและความกังวลที่มี
- A15.0F6I-6: สร้างความไว้วางใจระหว่างผู้ป่วยและเจ้าหน้าที่พยาบาลโดยการให้ความสนใจและให้การสนับสนุนในด้านอารมณ์
- A15.0F6I-7: ให้คำแนะนำเกี่ยวกับการรับมือกับความวิตกกังวล เช่น การใช้เทคนิคการหายใจลึกๆ หรือการพูดคุยกับบุคคลที่สนับสนุน
- A15.0F6I-8: สอนผู้ป่วยเกี่ยวกับกระบวนการรักษาวัณโรคเพื่อช่วยให้ผู้ป่วยรู้สึกมั่นใจในการรับการรักษา
Response
- A15.0F6R-1: ผู้ป่วยสามารถระบุและแสดงความรู้สึกวิตกกังวลเกี่ยวกับโรคและผลกระทบต่อสุขภาพได้อย่างชัดเจน
- A15.0F6R-2: ผู้ป่วยแสดงความพยายามในการใช้กลยุทธ์ในการผ่อนคลาย เช่น การหายใจลึกๆ และการใช้ท่าทางสงบเพื่อบรรเทาความวิตกกังวล
- A15.0F6R-3: ผู้ป่วยรับรู้ข้อมูลเกี่ยวกับโรควัณโรคและกระบวนการรักษาอย่างชัดเจนและสามารถตอบคำถามเกี่ยวกับการรักษาได้ดี
- A15.0F6R-4: อาการวิตกกังวลของผู้ป่วยลดลงและแสดงพฤติกรรมที่สงบและมั่นใจมากขึ้น
- A15.0F6R-5: อัตราการเต้นของหัวใจและการหายใจกลับสู่ภาวะปกติและไม่มีอาการเครียดเพิ่มขึ้น
..........................................................................
A15.0F7:
เสี่ยงต่อความซับซ้อนของโรค (Risk for Complications)
Assessment
S:
- ผู้ป่วยรายงานอาการคลื่นไส้และเวียนศีรษะหลังจากการใช้ยาต้านวัณโรค
- ผู้ป่วยอาจรายงานอาการเบื่ออาหาร หรือรู้สึกเหนื่อยง่าย
- ผู้ป่วยอาจมีความวิตกกังวลเกี่ยวกับผลข้างเคียงของยา
O:
- การตรวจพบระดับเอนไซม์ตับ (ALT, AST) ที่สูงขึ้น
- การตรวจเลือดพบการเปลี่ยนแปลงในค่าของกรดยูริคหรือสัญญาณของการเสื่อมของระบบประสาท เช่น ความรู้สึกชา
- อาการเหนื่อยง่ายและการขาดสมรรถภาพทางกาย
- อาการผิดปกติในการรับรสหรือการมองเห็น (ผลข้างเคียงจากยาบางชนิด)
Goals
- ผู้ป่วยสามารถแสดงความรู้สึกเกี่ยวกับผลข้างเคียงของยาได้ในระหว่างการดูแล
- ผู้ป่วยสามารถรายงานอาการที่เกิดขึ้นจากการใช้ยาต้านวัณโรคได้ตรงเวลา
- ระดับเอนไซม์ตับ (ALT, AST) ในการตรวจเลือดจะกลับสู่ระดับปกติภายใน 3-5 วันหลังจากการหยุดยา
- ผู้ป่วยสามารถทนต่อการใช้ยาต้านวัณโรคได้โดยไม่เกิดผลข้างเคียงร้ายแรง
- ผู้ป่วยสามารถดำเนินการรักษาต่อเนื่องโดยไม่มีอาการของการเสื่อมสภาพจากการใช้ยา
- ผู้ป่วยมีความเข้าใจและปฏิบัติตามคำแนะนำเกี่ยวกับการใช้ยาอย่างถูกต้อง
Evaluate
Criteria
- การตรวจพบการเปลี่ยนแปลงในระดับเอนไซม์ตับ (ALT, AST) หรือค่าการตรวจเลือดที่กลับสู่ภาวะปกติ
- ผู้ป่วยสามารถอธิบายเกี่ยวกับการใช้ยาและผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้
- อาการผิดปกติจากยาหายไปภายในระยะเวลา 3-5 วัน
- การไม่มีอาการของภาวะแทรกซ้อนร้ายแรงจากการใช้ยาต้านวัณโรค
Intervention
- A15.0F7I-1: ตรวจสอบค่าการทำงานของตับ เช่น ALT, AST และระดับกรดยูริคในเลือดเป็นประจำ เพื่อประเมินผลกระทบจากยาต้านวัณโรค
- A15.0F7I-2: สอนผู้ป่วยเกี่ยวกับผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นจากยาต้านวัณโรค และวิธีการสังเกตอาการผิดปกติ
- A15.0F7I-3: ให้คำแนะนำในการติดตามอาการและแจ้งผลข้างเคียงที่เกิดขึ้น เช่น อาการเบื่ออาหาร หรืออาการซึมเศร้า
- A15.0F7I-4: จัดให้มีการติดตามอาการทางร่างกายและการตรวจสอบระดับยาในเลือดเพื่อประเมินผลข้างเคียง
- A15.0F7I-5: สังเกตผู้ป่วยอย่างใกล้ชิดเพื่อตรวจสอบอาการผิดปกติของระบบประสาท เช่น ความรู้สึกชา หรือการเห็นภาพเบลอ
- A15.0F7I-6: สอนผู้ป่วยวิธีการรับประทานยาอย่างถูกต้อง และแนะนำการรับประทานอาหารที่เหมาะสมเพื่อหลีกเลี่ยงผลข้างเคียงจากยา
- A15.0F7I-7: ให้คำแนะนำแก่ผู้ป่วยเกี่ยวกับการปฏิบัติตัวเมื่อมีผลข้างเคียงจากยา และกระตุ้นให้ผู้ป่วยติดต่อแพทย์ทันทีหากเกิดอาการที่ผิดปกติ
Response
- A15.0F7R-1: ผู้ป่วยสามารถรายงานผลข้างเคียงจากยาได้อย่างชัดเจนและทันเวลา เช่น การเปลี่ยนแปลงในอาการท้องไส้หรืออาการเหนื่อยง่าย
- A15.0F7R-2: ระดับเอนไซม์ตับ (ALT, AST) ลดลงหรือกลับสู่ภาวะปกติหลังจากการปรับการรักษา
- A15.0F7R-3: ผู้ป่วยสามารถรับประทานยาต้านวัณโรคได้ตามคำแนะนำ โดยไม่มีอาการข้างเคียงที่รุนแรงหรือทำให้เกิดปัญหาสุขภาพ
- A15.0F7R-4: อาการจากผลข้างเคียง เช่น อาการคลื่นไส้ หรือเวียนศีรษะลดลงหลังจากการให้การดูแลตามที่แนะนำ
- A15.0F7R-5: ผู้ป่วยสามารถปฏิบัติตามแผนการรักษาอย่างต่อเนื่องโดยไม่มีอาการซับซ้อนจากยา
..........................................................................
A15.0F8:
ความบกพร่องในการดูแลสุขภาพตนเอง (Ineffective Self-Health
Management)
Assessment
S:
- ผู้ป่วยรายงานไม่เข้าใจวิธีการดูแลตัวเองและปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ไม่ครบถ้วน
- ผู้ป่วยอาจบ่นเกี่ยวกับความยากลำบากในการจำวิธีการใช้ยาและการรักษาที่บ้าน
- ผู้ป่วยอาจไม่มีความเข้าใจที่เพียงพอในการป้องกันการแพร่กระจายเชื้อวัณโรค
O:
- ผู้ป่วยไม่สามารถแสดงการรับประทานยาตามแผนการรักษา เช่น การรับประทานยาต้านวัณโรคตามเวลาที่กำหนด
- การสังเกตจากการสัมภาษณ์พบว่า ผู้ป่วยไม่ได้ใช้หน้ากากอนามัยหรือการป้องกันตัวอื่นๆ ในการลดความเสี่ยงของการแพร่กระจายเชื้อ
- ผู้ป่วยขาดการติดตามอาการหรือการปฏิบัติตามแผนการรักษาที่บ้าน
Goals
- ผู้ป่วยสามารถทบทวนและอธิบายวิธีการรับประทานยาอย่างถูกต้องภายใน 24 ชั่วโมง
- ผู้ป่วยสามารถระบุวิธีการป้องกันการแพร่กระจายเชื้อวัณโรค เช่น การใส่หน้ากากอนามัยและการระมัดระวังในการไอหรือจาม
- ผู้ป่วยสามารถตั้งคำถามหรือขอคำแนะนำเกี่ยวกับวิธีการดูแลตัวเองได้
- ผู้ป่วยสามารถดูแลตัวเองได้ตามแผนการรักษาโดยไม่เกิดปัญหาด้านการรับประทานยา
- ผู้ป่วยสามารถป้องกันการแพร่กระจายเชื้อวัณโรคได้ตามแนวทางที่ได้เรียนรู้
- ผู้ป่วยมีการติดตามผลการรักษาและสามารถปรับปรุงพฤติกรรมในการดูแลสุขภาพตนเองได้ตามคำแนะนำ
Evaluate
Criteria
- ผู้ป่วยสามารถอธิบายการรับประทานยาอย่างถูกต้อง
- ผู้ป่วยมีความเข้าใจในการป้องกันการแพร่กระจายเชื้อวัณโรค
- ผู้ป่วยปฏิบัติตามคำแนะนำในการดูแลสุขภาพตนเอง เช่น การใช้ยาอย่างถูกต้องและการป้องกันการแพร่กระจายเชื้อ
- ผู้ป่วยมีการติดตามผลการรักษาเป็นประจำและไม่พบปัญหาด้านการดูแลสุขภาพตนเอง
Intervention
- A15.0F8I-1: ให้ข้อมูลเกี่ยวกับการรับประทานยาตามแผนการรักษาอย่างถูกต้อง เช่น เวลาและวิธีการรับประทานยาต้านวัณโรค
- A15.0F8I-2: อธิบายวิธีการป้องกันการแพร่กระจายเชื้อวัณโรค เช่น การใส่หน้ากากอนามัยเมื่อมีอาการไอ หรือการไอใส่ทิชชูและล้างมือบ่อยๆ
- A15.0F8I-3: แนะนำผู้ป่วยเกี่ยวกับการจัดสภาพแวดล้อมในบ้านเพื่อป้องกันการแพร่เชื้อ และการรักษาความสะอาดในที่พักอาศัย
- A15.0F8I-4: ติดตามการรับประทานยาของผู้ป่วยทุกครั้งในการพบแพทย์ และส่งเสริมให้ผู้ป่วยบันทึกการรับประทานยาในแต่ละวัน
- A15.0F8I-5: ตรวจสอบให้ผู้ป่วยมีการใช้หน้ากากอนามัยหรือมาตรการอื่นๆ ในการป้องกันการแพร่เชื้อในระหว่างการเยี่ยมบ้านหรือการสัมผัสกับผู้อื่น
- A15.0F8I-6: ให้คำแนะนำแก่ผู้ป่วยเกี่ยวกับการอ่านและเข้าใจใบแนะนำการรักษา รวมทั้งการปฏิบัติตามข้อกำหนดที่แพทย์ให้มา
- A15.0F8I-7: จัดให้มีการสัมมนา/การให้ข้อมูลทางสุขภาพแก่ผู้ป่วยเพื่อเพิ่มความรู้เกี่ยวกับการดูแลตัวเองและการป้องกันการแพร่เชื้อ
Response
- A15.0F8R-1: ผู้ป่วยสามารถอธิบายการรับประทานยาและวิธีการป้องกันการแพร่กระจายเชื้อได้ถูกต้อง
- A15.0F8R-2: ผู้ป่วยสามารถบันทึกการรับประทานยาตามคำแนะนำได้อย่างต่อเนื่อง
- A15.0F8R-3: ผู้ป่วยสามารถปฏิบัติตามมาตรการในการป้องกันการแพร่กระจายเชื้อ เช่น การใช้หน้ากากอนามัยและการรักษาความสะอาด
- A15.0F8R-4: ผู้ป่วยสามารถจัดการดูแลสุขภาพตนเองได้โดยไม่พบปัญหาหรือภาวะแทรกซ้อนจากการรักษา
- A15.0F8R-5: ผู้ป่วยมีความรู้เกี่ยวกับการดูแลสุขภาพตนเองและสามารถทำตามคำแนะนำในการป้องกันการแพร่กระจายเชื้อวัณโรค
...................................................................
A15.0F9:
ความไม่เพียงพอในการจัดการสุขภาพ (Ineffective Health
Management)
Assessment
S:
- ผู้ป่วยรายงานว่าไม่มีความรู้เกี่ยวกับการดูแลตัวเองหลังออกจากโรงพยาบาล
- ผู้ป่วยกล่าวว่ามีความกังวลเกี่ยวกับการรักษาตัวเองที่บ้านและขาดทรัพยากรในการดูแล
- ผู้ป่วยไม่แน่ใจว่าจะติดต่อใครเมื่อมีปัญหาหรือเกิดภาวะแทรกซ้อนหลังจากออกจากโรงพยาบาล
O:
- ผู้ป่วยไม่มีแผนการรักษาหรือคู่มือการดูแลที่ชัดเจนหลังจากออกจากโรงพยาบาล
- การสัมภาษณ์พบว่าผู้ป่วยขาดข้อมูลเกี่ยวกับแหล่งทรัพยากรภายนอกที่สามารถให้การช่วยเหลือในกรณีที่ต้องการการดูแลต่อเนื่อง
- ผู้ป่วยไม่มีการจัดเตรียมยาหรืออุปกรณ์ในการดูแลตัวเองอย่างเหมาะสม
Goals
- ผู้ป่วยสามารถแสดงความเข้าใจเกี่ยวกับการดูแลตัวเองหลังออกจากโรงพยาบาลภายใน 24 ชั่วโมง
- ผู้ป่วยสามารถอธิบายแผนการรักษาและการดูแลที่บ้านตามคำแนะนำของทีมแพทย์
- ผู้ป่วยสามารถบอกแหล่งทรัพยากรที่พร้อมให้ความช่วยเหลือหลังออกจากโรงพยาบาล
- ผู้ป่วยสามารถดูแลสุขภาพตนเองได้อย่างต่อเนื่องและไม่พบปัญหาในการรักษา
- ผู้ป่วยสามารถเข้าถึงทรัพยากรที่จำเป็นสำหรับการดูแลต่อเนื่องได้อย่างเหมาะสม
- ผู้ป่วยสามารถใช้ข้อมูลและทรัพยากรในการป้องกันและจัดการกับปัญหาสุขภาพหลังออกจากโรงพยาบาล
Evaluate
Criteria
- ผู้ป่วยสามารถอธิบายแผนการรักษาหลังออกจากโรงพยาบาลได้ครบถ้วน
- ผู้ป่วยสามารถบอกแหล่งทรัพยากรในการดูแลสุขภาพหลังออกจากโรงพยาบาล
- ผู้ป่วยมีการจัดการกับการดูแลตัวเองหลังออกจากโรงพยาบาลได้อย่างต่อเนื่องและไม่พบปัญหาด้านการดูแลสุขภาพ
- ผู้ป่วยสามารถขอความช่วยเหลือได้หากมีภาวะแทรกซ้อนหลังการรักษา
Intervention
- A15.0F9I-1: อธิบายแผนการรักษาหลังออกจากโรงพยาบาลให้ผู้ป่วยเข้าใจ รวมถึงการใช้ยาและการปฏิบัติตัวตามคำแนะนำของแพทย์
- A15.0F9I-2: ให้ข้อมูลเกี่ยวกับทรัพยากรที่สามารถใช้ในการดูแลสุขภาพต่อเนื่อง เช่น การติดต่อแพทย์ในกรณีฉุกเฉินหรือการหาคลินิกหรือบริการที่ใกล้เคียง
- A15.0F9I-3: ให้คำแนะนำในการจัดการกับการรับประทานยาและการดูแลตัวเองที่บ้าน เช่น การเตรียมยาตามแผนการรักษา
- A15.0F9I-4: ติดตามการปฏิบัติตามแผนการรักษาของผู้ป่วยผ่านการเยี่ยมบ้านหรือการติดตามการใช้ยาและการดูแลสุขภาพที่บ้าน
- A15.0F9I-5: จัดการให้ผู้ป่วยสามารถติดต่อแหล่งทรัพยากรหรือผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ได้เมื่อจำเป็น
- A15.0F9I-6: สอนผู้ป่วยเกี่ยวกับการใช้บริการสุขภาพในชุมชนและทรัพยากรที่สามารถเข้าถึงได้เมื่อมีความต้องการ
- A15.0F9I-7: ให้ข้อมูลเกี่ยวกับการติดต่อแพทย์หรือพยาบาลในกรณีที่ผู้ป่วยมีปัญหาสุขภาพหลังออกจากโรงพยาบาล
Response
- A15.0F9R-1: ผู้ป่วยสามารถอธิบายแผนการรักษาหลังออกจากโรงพยาบาลได้อย่างถูกต้อง
- A15.0F9R-2: ผู้ป่วยสามารถบอกแหล่งทรัพยากรที่สามารถให้ความช่วยเหลือในการดูแลต่อเนื่อง
- A15.0F9R-3: ผู้ป่วยสามารถปฏิบัติตามแผนการดูแลตัวเองได้อย่างต่อเนื่อง
- A15.0F9R-4: ผู้ป่วยสามารถเข้าถึงบริการทางการแพทย์หรือการช่วยเหลือจากทรัพยากรที่จัดเตรียมไว้ได้
- A15.0F9R-5: ผู้ป่วยมีความเข้าใจในการติดต่อกับแพทย์หากมีภาวะแทรกซ้อนหรืออาการที่เปลี่ยนแปลงหลังออกจากโรงพยาบาล
..........................................................................
A15.0F10:
ความบกพร่องในการฟื้นฟูสุขภาพ (Delayed Recovery)
Assessment
S:
- ผู้ป่วยรายงานว่าไม่สามารถรับประทานยาได้ตามแผนเนื่องจากอาการข้างเคียงจากยา
- ผู้ป่วยกล่าวว่าไม่มีเวลาหรือไม่สะดวกในการติดตามผลการรักษา
- ผู้ป่วยรู้สึกไม่มั่นใจเกี่ยวกับผลการรักษาหลังจากหยุดยาหรือไม่ติดตามผล
O:
- การติดตามผลการรักษาผู้ป่วยไม่สม่ำเสมอ
- ผู้ป่วยไม่สามารถบอกได้ว่าได้รับยาหรือไม่
- บันทึกการเยี่ยมติดตามผลพบว่าผู้ป่วยไม่เข้าเยี่ยมแพทย์ตามกำหนดหรือไม่ได้รับการประเมินผลจากทีมสุขภาพ
Goals
- ผู้ป่วยสามารถรับประทานยาได้ตามแผนที่กำหนดและไม่ขาดยา
- ผู้ป่วยสามารถเข้าเยี่ยมแพทย์ตามกำหนดหรือประเมินผลการรักษาได้ภายใน 2 สัปดาห์
- ผู้ป่วยสามารถรับประทานยาอย่างสม่ำเสมอและติดตามผลการรักษาตามแผนการรักษา
- ผู้ป่วยสามารถแสดงการฟื้นฟูสุขภาพที่ดีขึ้นจากการติดตามและการรับประทานยาอย่างสม่ำเสมอ
Evaluate
Criteria
- ผู้ป่วยสามารถรับประทานยาตามแผนการรักษาทุกครั้ง
- ผู้ป่วยสามารถเข้าเยี่ยมแพทย์หรือประเมินผลการรักษาตามกำหนด
- ผู้ป่วยสามารถบอกได้ว่าได้รับการติดตามผลการรักษาหรือรับคำแนะนำจากแพทย์อย่างต่อเนื่อง
- ผู้ป่วยมีการฟื้นฟูสุขภาพดีขึ้นและไม่มีอาการแทรกซ้อนจากการรักษา
Intervention
- A15.0F10I-1: สอนผู้ป่วยเกี่ยวกับความสำคัญของการรับประทานยาอย่างสม่ำเสมอและตามแผนการรักษา
- A15.0F10I-2: ให้ข้อมูลเกี่ยวกับการจัดการผลข้างเคียงจากยาและวิธีการลดความไม่สะดวกในการรับประทานยา
- A15.0F10I-3: อธิบายให้ผู้ป่วยเข้าใจว่าการติดตามผลการรักษามีความสำคัญต่อการฟื้นฟูสุขภาพที่ดีขึ้นและการลดความเสี่ยงของการเกิดภาวะแทรกซ้อน
- A15.0F10I-4: ตรวจสอบความสม่ำเสมอในการรับประทานยาและการติดตามผลการรักษาผ่านการเยี่ยมบ้านหรือการติดต่อกับผู้ป่วย
- A15.0F10I-5: จัดทำแผนการเยี่ยมผู้ป่วยหรือการติดตามผลการรักษาเพื่อให้ผู้ป่วยได้รับการประเมินอย่างต่อเนื่อง
- A15.0F10I-6: ให้ผู้ป่วยทราบถึงวิธีการเตรียมยาหรือใช้เครื่องมือในการรับประทานยาอย่างถูกต้องและสะดวก
- A15.0F10I-7: ให้คำแนะนำแก่ผู้ป่วยเกี่ยวกับการเข้ารับการตรวจผลหลังการรักษาและวิธีการติดต่อแพทย์หากมีปัญหาสุขภาพ
Response
- A15.0F10R-1: ผู้ป่วยสามารถรับประทานยาอย่างสม่ำเสมอและตามแผนการรักษา
- A15.0F10R-2: ผู้ป่วยสามารถเข้าเยี่ยมแพทย์หรือประเมินผลการรักษาตามกำหนด
- A15.0F10R-3: ผู้ป่วยสามารถบอกได้ว่าได้รับการติดตามผลการรักษาหรือได้รับคำแนะนำจากแพทย์
- A15.0F10R-4: ผู้ป่วยมีการฟื้นฟูสุขภาพที่ดีขึ้นจากการรับประทานยาและการติดตามผลการรักษาอย่างต่อเนื่อง
- A15.0F10R-5: ผู้ป่วยรู้สึกมั่นใจในการรับประทานยาและการติดตามผลเพื่อฟื้นฟูสุขภาพ
..........................................................................
A15.0F11:
ความบกพร่องในการสนับสนุนทางสังคม (Impaired Social
Interaction)
Assessment
S:
- ผู้ป่วยแสดงความกังวลเกี่ยวกับการถูกตีตราเนื่องจากการติดเชื้อวัณโรค
- ผู้ป่วยรายงานว่ารู้สึกอายหรือไม่กล้าพบปะผู้คนหลังจากได้รับการวินิจฉัย
- ผู้ป่วยกล่าวถึงการห่างเหินจากครอบครัวและเพื่อนฝูงเนื่องจากกลัวการแพร่เชื้อหรือการตัดสินจากสังคม
O:
- การแยกตัวจากสังคมที่เห็นได้ชัด เช่น ไม่เข้าร่วมกิจกรรมทางสังคมหรือการพบปะผู้คน
- ปฏิสัมพันธ์ทางสังคมลดลง หรือผู้ป่วยมีท่าทางเงียบขรึมหรือไม่สนทนาเมื่อพบปะคนอื่น
- ผู้ป่วยไม่ค่อยมีการติดต่อกับครอบครัวหรือเพื่อนฝูง
Goals
- ผู้ป่วยสามารถแสดงความรู้สึกเกี่ยวกับการตีตราและผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการติดเชื้อวัณโรคในระยะเวลา 1 สัปดาห์
- ผู้ป่วยสามารถกลับมามีการสนทนาและติดต่อกับครอบครัวหรือเพื่อนฝูงอย่างน้อยหนึ่งครั้งภายใน 2 สัปดาห์
- ผู้ป่วยสามารถปรับตัวเข้ากับสังคมและมีความมั่นใจในการสื่อสารกับคนรอบข้างโดยไม่รู้สึกกลัวหรือกังวลเกี่ยวกับการตีตราทางสังคม
- ผู้ป่วยสามารถบำรุงรักษาความสัมพันธ์กับครอบครัวและเพื่อนฝูงได้อย่างยั่งยืน
Evaluate
Criteria
- ผู้ป่วยสามารถแสดงการพูดคุยเกี่ยวกับความรู้สึกของตนเองในด้านการตีตราและความสัมพันธ์ทางสังคม
- ผู้ป่วยสามารถติดต่อหรือพบปะครอบครัวหรือเพื่อนฝูงอย่างสม่ำเสมอ
- การมีปฏิสัมพันธ์ทางสังคมของผู้ป่วยดีขึ้น ไม่มีการหลีกเลี่ยงหรือแยกตัวจากกิจกรรมทางสังคม
Intervention
- A15.0F11I-1: สอนผู้ป่วยเกี่ยวกับการยอมรับและเข้าใจถึงการตีตราทางสังคมที่เกี่ยวกับวัณโรค
- A15.0F11I-2: สร้างความมั่นใจให้ผู้ป่วยเกี่ยวกับการดูแลสุขอนามัยและการป้องกันการแพร่กระจายเชื้อในชีวิตประจำวันเพื่อช่วยลดความกลัว
- A15.0F11I-3: สนับสนุนให้ผู้ป่วยพูดคุยเกี่ยวกับความรู้สึกของตนเองและยอมรับความรู้สึกเหล่านั้น
- A15.0F11I-4: ติดตามการเปลี่ยนแปลงในการติดต่อสื่อสารกับครอบครัวหรือเพื่อนฝูง
- A15.0F11I-5: สังเกตการมีปฏิสัมพันธ์ทางสังคมในกิจกรรมต่างๆ เพื่อช่วยในการปรับตัวเข้ากับสถานการณ์ได้อย่างเหมาะสม
- A15.0F11I-6: ให้คำแนะนำแก่ผู้ป่วยในการขอคำปรึกษาหรือเข้าร่วมกลุ่มสนับสนุนที่มีความเข้าใจเกี่ยวกับวัณโรค
- A15.0F11I-7: สอนผู้ป่วยเกี่ยวกับการป้องกันการแพร่กระจายเชื้อและวิธีการสื่อสารกับคนรอบข้างอย่างเปิดเผยและมั่นใจ
Response
- A15.0F11R-1: ผู้ป่วยสามารถแสดงความรู้สึกเกี่ยวกับการตีตราและการปรับตัวเข้ากับสังคม
- A15.0F11R-2: ผู้ป่วยสามารถกลับมามีการติดต่อหรือสนทนากับครอบครัวหรือเพื่อนฝูง
- A15.0F11R-3: ผู้ป่วยไม่หลีกเลี่ยงการมีปฏิสัมพันธ์ทางสังคมและเข้าร่วมกิจกรรมที่เหมาะสม
- A15.0F11R-4: ผู้ป่วยมีความมั่นใจในการพูดคุยเกี่ยวกับการรักษาและสถานะสุขภาพของตนเอง
- A15.0F11R-5: ผู้ป่วยสามารถปรับตัวเข้ากับสังคมและไม่รู้สึกกลัวหรือกังวลเกี่ยวกับการตีตราทางสังคมอีกต่อไป
..........................................................................