เกี่ยวกับฉัน

รูปภาพของฉัน
เมือง, พิษณุโลก, Thailand

วันพฤหัสบดีที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2568

EP. 29👉👉ตัวอย่าง : การพยาบาลผู้ป่วยมะเร็งเต้านม (Breast Cancer) C50.9 - Malignant neoplasm of breast, unspecified

 

พยาธิสภาพของผู้ป่วยมะเร็งเต้านม

🚨 รู้ทัน! มะเร็งเต้านม C50.9 🚨

มะเร็งเต้านมเกิดจากการเจริญเติบโตผิดปกติของเซลล์ในท่อน้ำนมหรือถุงผลิตน้ำนม อาจลุกลามสู่เนื้อเยื่อข้างเคียง หรือแพร่กระจายไปยังอวัยวะสำคัญ เช่น กระดูก ปอด ตับ ปัจจัยเสี่ยงหลักมาจาก พันธุกรรม ฮอร์โมน และไลฟ์สไตล์ ทำให้เซลล์สูญเสียการควบคุม แบ่งตัวไม่หยุด และกลายเป็นมะเร็ง

📌 อาการที่ควรระวัง: คลำพบก้อน แข็ง เจ็บผิดปกติ ผิวหนังบุ๋ม มีของเหลวผิดปกติจากหัวนม

...............................................................

⚕️ แนวทางการรักษา
การรักษามะเร็งเต้านมขึ้นอยู่กับระยะของโรค เช่น
🔹 ผ่าตัด: ตัดเฉพาะก้อนหรือทั้งเต้านม
🔹 ฉายแสง: กำจัดเซลล์มะเร็งที่เหลือ
🔹 เคมีบำบัด & ฮอร์โมนบำบัด: ควบคุมการแพร่กระจาย

📌 เป้าหมาย: ลดการลุกลาม ยืดอายุ และเพิ่มคุณภาพชีวิต

................................................................

👩‍⚕️ การพยาบาลผู้ป่วยมะเร็งเต้านม
ดูแลทั้งร่างกายและจิตใจ
ช่วยลดผลข้างเคียงจากการรักษา เช่น อาการปวด คลื่นไส้ ภูมิคุ้มกันต่ำ
ให้คำแนะนำเรื่องการฟื้นฟู และการดูแลตนเองหลังผ่าตัด
สนับสนุนด้านจิตใจ ให้กำลังใจและเชื่อมโยงกับกลุ่มช่วยเหลือ

.......................................................................

วินิจฉัยการพยาบาลผู้ป่วยมะเร็งเต้านม

  1. C50.9F1: เสี่ยงต่อการหายใจไม่เพียงพอ เนื่องจากผลข้างเคียงจากการให้ยาสลบ
  2. C50.9F2: เสี่ยงต่อการเสียเลือดมาก เนื่องจากการผ่าตัดที่มีการตัดเนื้อเยื่อและเส้นเลือด
  3. C50.9F3: เสี่ยงต่อการติดเชื้อ เนื่องจากการผ่าตัดและการเปิดแผล
  4. C50.9F4: การพร่องของปริมาณน้ำในร่างกาย เนื่องจากการสูญเสียน้ำจากเลือดและการให้สารน้ำไม่เพียงพอ
  5. C50.9F5: เสี่ยงต่อการเกิดภาวะลิ่มเลือดอุดตัน เนื่องจากการลดการเคลื่อนไหวในระหว่างและหลังผ่าตัด
  6. C50.9F6: มีความเจ็บปวดเฉียบพลันหรือเรื้อรังบริเวณเต้านมหรือบริเวณที่ผ่าตัด
  7. C50.9F7: การตอบสนองต่อการให้ยาสลบหรือยาแก้ปวดลดลง เนื่องจากปฏิกิริยาทางกายภาพและอาการแพ้ที่อาจเกิดขึ้น
  8. C50.9F8: เสี่ยงต่อการติดเชื้อ เนื่องจากภูมิคุ้มกันบกพร่องจากการรักษาด้วยยาเคมีบำบัด
  9. C50.9F9: ความวิตกกังวลสูง เนื่องจากการวินิจฉัยโรคมะเร็งและการรักษา
  10. C50.9F10: ภาพลักษณ์ตนเองบกพร่อง เนื่องจากผลกระทบจากการผ่าตัดเต้านม
  11. C50.9F11: การจัดการตนเองบกพร่อง เนื่องจากผลข้างเคียงของยาเคมีบำบัด เช่น คลื่นไส้ อ่อนเพลีย หรือผมร่วง
  12. C50.9F12: การรับประทานอาหารลดลง เนื่องจากอาการเบื่ออาหารหรือคลื่นไส้จากการรักษา
  13. C50.9F13: เสี่ยงต่อการเกิดภาวะซึมเศร้า เนื่องจากผลกระทบทางจิตใจจากโรคและการรักษา
  14. C50.9F14: ขาดความพร้อมในการดูแลตนเองที่บ้าน เนื่องจากขาดความรู้เกี่ยวกับการดูแลแผลผ่าตัดและการฟื้นฟูร่างกาย
  15. C50.9F15: เสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อน เช่น การติดเชื้อที่แผลหรือการเกิดลิ่มเลือด เนื่องจากการฟื้นฟูร่างกายไม่สมบูรณ์
  16. C50.9F16: ขาดความต่อเนื่องในการรับบริการสุขภาพ เนื่องจากขาดการติดตามผลหลังจำหน่าย
  17. C50.9F17: เสี่ยงต่อการกลับมาเป็นซ้ำหรือการแพร่กระจายของมะเร็ง เนื่องจากไม่ได้รับคำแนะนำเกี่ยวกับการตรวจติดตามระยะยาว

...................................................................

C50.9F1: เสี่ยงต่อการหายใจไม่เพียงพอ เนื่องจากผลข้างเคียงจากการให้ยาสลบ

1. Assessment

S:

  • ผู้ป่วยแสดงความกังวลเกี่ยวกับการฟื้นตัวหลังจากได้รับยาสลบ
  • รายงานว่ามีอาการหายใจไม่สะดวกขณะฟื้นตัวจากการผ่าตัด

O:

  • การหายใจตื้น: อัตราการหายใจ 22 ครั้ง/นาที
  • ระดับออกซิเจนในเลือด (SpO₂) ลดลงเป็น 92%
  • ผู้ป่วยดูซีดและเหนื่อยง่าย
  • ฟังเสียงปอดพบเสียงลดลงที่ฐานปอด

2. Goals

  • ผู้ป่วยมีอัตราการหายใจปกติ (12-20 ครั้ง/นาที) และ SpO₂ ≥ 95% ภายใน 4 ชั่วโมงหลังการพยาบาล
  • ไม่มีภาวะแทรกซ้อน เช่น ภาวะขาดออกซิเจนหรือการหายใจล้มเหลว
  • ผู้ป่วยรู้วิธีการหายใจลึกและการจัดท่าเพื่อช่วยเพิ่มปริมาตรปอด

3. Evaluate Criteria

  • อัตราการหายใจอยู่ในช่วงปกติ และ SpO₂ ≥ 95% ภายในเวลาที่กำหนด
  • ไม่มีเสียงผิดปกติในปอด หรืออาการบ่งชี้ภาวะแทรกซ้อน เช่น ซีดมากขึ้นหรือเหนื่อยล้า
  • ผู้ป่วยสามารถทำการหายใจลึกได้อย่างถูกวิธี

4. Intervention

  • C50.9F1I-1: ประเมินสัญญาณชีพทุก 1-2 ชั่วโมง โดยเฉพาะอัตราการหายใจและ SpO₂
  • C50.9F1I-2: กระตุ้นให้ผู้ป่วยทำการหายใจลึก (Deep Breathing Exercises) และใช้เครื่อง Incentive Spirometer ทุก 1-2 ชั่วโมง
  • C50.9F1I-3: จัดท่านอนศีรษะสูง 30-45 องศาเพื่อเพิ่มการขยายตัวของปอด
  • C50.9F1I-4: ให้การพยาบาลด้วยออกซิเจนเสริมตามความจำเป็น (เช่น Nasal Cannula 2-4 L/min)
  • C50.9F1I-5: สอนผู้ป่วยให้สังเกตอาการผิดปกติ เช่น หายใจเหนื่อยมากขึ้นหรือวิงเวียน
  • C50.9F1I-6: รายงานแพทย์ทันทีหากพบสัญญาณบ่งชี้ของภาวะขาดออกซิเจน (Hypoxia)

5. Response

  • C50.9F1R-1: ผู้ป่วยมีอัตราการหายใจลดลงในช่วงปกติ (16 ครั้ง/นาที)
  • C50.9F1R-2: SpO₂ เพิ่มขึ้นเป็น 96% และคงที่
  • C50.9F1R-3: ผู้ป่วยรายงานว่าหายใจได้สะดวกขึ้นและไม่มีอาการเหนื่อยล้า
  • C50.9F1R-4: เสียงปอดกลับมาชัดเจน ไม่มีเสียงผิดปกติ
  • C50.9F1R-5: ผู้ป่วยสามารถใช้เครื่อง Incentive Spirometer และทำการหายใจลึกได้อย่างถูกต้อง

…………………………………………

C50.9F2: เสี่ยงต่อการเสียเลือดมาก เนื่องจากการผ่าตัดที่มีการตัดเนื้อเยื่อและเส้นเลือด

1. Assessment

S:

  • ผู้ป่วยรายงานความกังวลเกี่ยวกับการเสียเลือดและการฟื้นตัวหลังผ่าตัด
  • ผู้ป่วยแจ้งว่ามีประวัติเลือดออกง่ายหรือเลือดหยุดยาก

O:

  • สัญญาณชีพผิดปกติ: ชีพจรเร็ว (110 ครั้ง/นาที), BP ต่ำ (90/60 mmHg)
  • ผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการ: Hb ต่ำกว่า 10 g/dL, Hct ต่ำกว่า 30%
  • พบเลือดซึมบริเวณแผลผ่าตัด

2. Goals

  • ผู้ป่วยไม่มีเลือดออกมากเกินไปจากแผลผ่าตัด
  • สัญญาณชีพคงที่ (ชีพจร100 ครั้ง/นาที, BP ≥ 100/70 mmHg)
  • Hb และ Hct กลับสู่ค่าปกติภายใน 48 ชั่วโมงหลังการผ่าตัด
  • ผู้ป่วยและครอบครัวสามารถระบุสัญญาณอันตรายของการเสียเลือดและดูแลแผลได้อย่างถูกต้อง

3. Evaluate Criteria

  • ไม่มีเลือดซึมจากแผลผ่าตัดในช่วง 24 ชั่วโมง
  • ค่า Hb ≥ 12 g/dL และ Hct ≥ 36% ภายใน 48 ชั่วโมง
  • ผู้ป่วยไม่มีอาการช็อกหรือภาวะโลหิตจางรุนแรง
  • ผู้ป่วยและครอบครัวสามารถอธิบายและปฏิบัติตามแนวทางการดูแลแผลได้

4. Intervention

  • C50.9F2I-1: ประเมินสัญญาณชีพทุก 15 นาทีใน 2 ชั่วโมงแรก และทุก 1 ชั่วโมงใน 24 ชั่วโมงแรกหลังผ่าตัด
  • C50.9F2I-2: ตรวจสอบบริเวณแผลผ่าตัดและการซึมของเลือดทุก 2 ชั่วโมง
  • C50.9F2I-3: ส่งตรวจ Hb และ Hct ทุก 6 ชั่วโมง เพื่อเฝ้าระวังการเปลี่ยนแปลงของระดับเลือด
  • C50.9F2I-4: ให้สารน้ำทางหลอดเลือดดำตามแผนการรักษา และพิจารณาการให้เลือดหาก Hb ต่ำกว่า 8 g/dL
  • C50.9F2I-5: จัดตำแหน่งผู้ป่วยให้อยู่ในท่าศีรษะสูง (Semi-Fowler’s position) เพื่อลดการกดดันหลอดเลือดบริเวณแผลผ่าตัด
  • C50.9F2I-6: สอนผู้ป่วยและครอบครัวเกี่ยวกับการเฝ้าระวังสัญญาณอันตราย เช่น หน้ามืด ซีด หรือหัวใจเต้นเร็ว
  • C50.9F2I-7: ใช้เทคนิคปลอดเชื้อในการดูแลแผลและเปลี่ยนผ้าพันแผล เพื่อป้องกันการติดเชื้อที่อาจทำให้เลือดออกเพิ่ม
  • C50.9F2I-8: แจ้งแพทย์ทันทีหากพบเลือดออกมากเกินไป

5. Response

  • C50.9F2R-1: ผู้ป่วยไม่มีภาวะเลือดออกผิดปกติจากแผลผ่าตัด
  • C50.9F2R-2: สัญญาณชีพของผู้ป่วยคงที่ในช่วง 24 ชั่วโมงแรก (ชีพจร100 ครั้ง/นาที, BP ≥ 100/70 mmHg)
  • C50.9F2R-3: ค่า Hb และ Hct อยู่ในช่วงปกติภายใน 48 ชั่วโมง
  • C50.9F2R-4: ผู้ป่วยและครอบครัวสามารถอธิบายวิธีการดูแลแผลและระบุสัญญาณอันตรายได้อย่างถูกต้อง
  • C50.9F2R-5: ไม่มีภาวะแทรกซ้อน เช่น ภาวะช็อกหรือการติดเชื้อ

……………………………………

C50.9F3: เสี่ยงต่อการติดเชื้อ เนื่องจากการผ่าตัดและการเปิดแผล

1. Assessment

S:

  • ผู้ป่วยมีความกังวลเกี่ยวกับการติดเชื้อบริเวณแผลผ่าตัด
  • ผู้ป่วยรายงานอาการเจ็บบริเวณแผล

O:

  • แผลผ่าตัดยังคงมีการปิดแผลด้วยผ้าพันแผล
  • ผลตรวจห้องปฏิบัติการ: WBC > 12,000/mm³ หรือ < 4,000/mm³ (ในกรณีที่ติดเชื้อ)
  • มีไข้ต่ำ (T > 37.5°C) หรือไม่มีไข้ในช่วงประเมิน

2. Goals

  • ผู้ป่วยไม่มีการติดเชื้อบริเวณแผลผ่าตัดตลอดระยะเวลาการรักษา
  • สัญญาณชีพของผู้ป่วยคงที่: T ≤ 37.5°C, HR ≤ 100 ครั้ง/นาที
  • ผู้ป่วยและครอบครัวสามารถปฏิบัติตามคำแนะนำในการป้องกันการติดเชื้อได้อย่างถูกต้อง
  • แผลผ่าตัดไม่มีอาการบวม แดง หรือมีหนอง

3. Evaluate Criteria

  • ไม่มีอาการติดเชื้อ เช่น บวม แดง ร้อน หรือมีหนองบริเวณแผล
  • ค่า WBC อยู่ในเกณฑ์ปกติ (4,000-10,000/mm³)
  • อุณหภูมิร่างกาย37.5°C ภายใน 24 ชั่วโมงหลังการประเมิน
  • ผู้ป่วยและครอบครัวสามารถอธิบายและปฏิบัติตามมาตรการป้องกันการติดเชื้อได้

4. Intervention

  • C50.9F3I-1: ประเมินสัญญาณชีพทุก 4 ชั่วโมง รวมถึงการตรวจวัดอุณหภูมิร่างกาย
  • C50.9F3I-2: ตรวจแผลผ่าตัดทุกวันเพื่อหาสัญญาณของการติดเชื้อ เช่น บวม แดง หรือมีหนอง
  • C50.9F3I-3: ใช้เทคนิคปลอดเชื้อในการเปลี่ยนผ้าพันแผลทุกครั้ง
  • C50.9F3I-4: ให้ยาปฏิชีวนะตามแผนการรักษาเพื่อป้องกันหรือรักษาการติดเชื้อ
  • C50.9F3I-5: แนะนำให้ผู้ป่วยล้างมืออย่างถูกวิธีทุกครั้งก่อนสัมผัสแผล
  • C50.9F3I-6: ให้คำแนะนำเกี่ยวกับการดูแลแผลที่บ้าน รวมถึงวิธีสังเกตอาการผิดปกติ
  • C50.9F3I-7: กระตุ้นให้ผู้ป่วยเคลื่อนไหวร่างกายอย่างเหมาะสม เพื่อลดโอกาสเกิดภาวะเลือดคั่งที่อาจกระตุ้นการติดเชื้อ
  • C50.9F3I-8: ส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการเพิ่มเติม เช่น CBC หากพบอาการผิดปกติ

5. Response

  • C50.9F3R-1: ไม่มีอาการติดเชื้อบริเวณแผล (ไม่มีบวม แดง ร้อน หรือหนอง)
  • C50.9F3R-2: ค่า WBC กลับมาอยู่ในเกณฑ์ปกติภายใน 48 ชั่วโมง
  • C50.9F3R-3: อุณหภูมิร่างกายของผู้ป่วย37.5°C ภายใน 24 ชั่วโมง
  • C50.9F3R-4: ผู้ป่วยและครอบครัวสามารถดูแลแผลและปฏิบัติตามมาตรการป้องกันการติดเชื้อได้อย่างถูกต้อง
  • C50.9F3R-5: ไม่มีภาวะแทรกซ้อนที่เกี่ยวข้องกับการติดเชื้อ เช่น การติดเชื้อในกระแสเลือด

………………………………….

C50.9F4: การพร่องของปริมาณน้ำในร่างกาย เนื่องจากการสูญเสียน้ำจากเลือดและการให้สารน้ำไม่เพียงพอ

1. Assessment

S:

  • ผู้ป่วยรายงานความกระหายน้ำมากขึ้น
  • ผู้ป่วยรู้สึกเวียนศีรษะและอ่อนเพลีย

O:

  • ผิวหนังแห้งและมีการสูญเสียความยืดหยุ่น
  • อัตราการเต้นของหัวใจเร็ว (HR > 100 bpm) และความดันโลหิตต่ำ (SBP < 90 mmHg)
  • ปัสสาวะมีสีเข้มและปริมาณลดลง (< 30 mL/ชั่วโมง)
  • ผลตรวจห้องปฏิบัติการ: BUN/Cr ratio สูงขึ้น, Sodium > 145 mEq/L

2. Goals

  • ปริมาณน้ำในร่างกายกลับสู่ระดับปกติภายใน 24-48 ชั่วโมง
  • อาการแสดงของการขาดน้ำ เช่น ผิวแห้ง ความดันโลหิตต่ำ หรือหัวใจเต้นเร็ว ลดลงหรือหายไป
  • ผู้ป่วยมีปริมาณปัสสาวะ30 mL/ชั่วโมง
  • ค่าอิเล็กโทรไลต์ในเลือดกลับสู่ระดับปกติ

3. Evaluate Criteria

  • ผู้ป่วยมีปริมาณปัสสาวะ30 mL/ชั่วโมงตลอด 24 ชั่วโมง
  • สัญญาณชีพของผู้ป่วยกลับสู่เกณฑ์ปกติ: HR ≤ 100 bpm, BP ≥ 90/60 mmHg
  • ผิวหนังกลับมามีความยืดหยุ่นและไม่มีอาการแห้ง
  • ค่าอิเล็กโทรไลต์และ BUN/Cr ratio อยู่ในช่วงปกติ

4. Intervention

  • C50.9F4I-1: ประเมินสัญญาณชีพและระดับความรู้สึกตัวของผู้ป่วยทุก 1-2 ชั่วโมง เพื่อเฝ้าระวังอาการขาดน้ำ
  • C50.9F4I-2: บันทึกปริมาณน้ำเข้า-ออกในร่างกาย (I&O) ทุก 4 ชั่วโมง เพื่อประเมินความสมดุลของสารน้ำ
  • C50.9F4I-3: ให้สารน้ำทางหลอดเลือดดำตามแผนการรักษา เช่น 0.9% Normal Saline หรือ Lactated Ringer’s Solution
  • C50.9F4I-4: ตรวจปริมาณปัสสาวะและส่งตรวจ UA (Urinalysis) เพื่อประเมินสมดุลของน้ำและการทำงานของไต
  • C50.9F4I-5: แนะนำให้ผู้ป่วยดื่มน้ำตามความเหมาะสม หากสามารถดื่มได้ โดยตั้งเป้าหมาย1,500 mL/วัน
  • C50.9F4I-6: ประเมินค่าอิเล็กโทรไลต์และ BUN/Cr ratio ทุกวัน เพื่อปรับแผนการให้สารน้ำตามความจำเป็น
  • C50.9F4I-7: ติดตามอาการแสดงของภาวะช็อกจากการพร่องปริมาณน้ำ เช่น ความดันโลหิตลดลง อัตราการเต้นหัวใจเร็ว หรือการลดลงของระดับความรู้สึกตัว
  • C50.9F4I-8: ให้คำแนะนำผู้ป่วยและครอบครัวเกี่ยวกับอาการที่ต้องเฝ้าระวัง เช่น ปัสสาวะลดลงหรือความกระหายน้ำผิดปกติ

5. Response

  • C50.9F4R-1: ผู้ป่วยมีปริมาณปัสสาวะ30 mL/ชั่วโมงอย่างต่อเนื่อง
  • C50.9F4R-2: สัญญาณชีพกลับมาปกติ: HR ≤ 100 bpm, BP ≥ 90/60 mmHg
  • C50.9F4R-3: ผิวหนังของผู้ป่วยชุ่มชื้นและมีความยืดหยุ่นปกติ
  • C50.9F4R-4: ค่าอิเล็กโทรไลต์และ BUN/Cr ratio กลับสู่เกณฑ์ปกติภายใน 48 ชั่วโมง
  • C50.9F4R-5: ผู้ป่วยและครอบครัวเข้าใจและสามารถดูแลป้องกันการพร่องน้ำในอนาคตได้

………………………………………

C50.9F5: เสี่ยงต่อการเกิดภาวะลิ่มเลือดอุดตัน เนื่องจากการลดการเคลื่อนไหวในระหว่างและหลังผ่าตัด

1. Assessment

S:

  • ผู้ป่วยรายงานว่ารู้สึกขาแข็งและปวดเมื่อยหลังการผ่าตัด
  • ผู้ป่วยกังวลเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวที่ลำบาก

O:

  • ผู้ป่วยเคลื่อนไหวน้อยและนอนพักบนเตียงมากกว่า 24 ชั่วโมง
  • ขาบวมเล็กน้อยและกดแล้วบุ๋ม
  • มีอัตราการเต้นของหัวใจเพิ่มขึ้นเล็กน้อย (HR > 90 bpm)

2. Goals

  • ลดความเสี่ยงในการเกิดภาวะลิ่มเลือดอุดตันภายใน 48 ชั่วโมงหลังผ่าตัด
  • ส่งเสริมการไหลเวียนของเลือดในร่างกายให้ดีขึ้น
  • ผู้ป่วยสามารถเคลื่อนไหวอย่างเหมาะสมโดยไม่มีอาการแทรกซ้อน เช่น ขาบวม เจ็บ หรือแดง

3. Evaluate Criteria

  • ผู้ป่วยไม่มีอาการบ่งชี้ของภาวะลิ่มเลือดอุดตัน เช่น ขาบวม เจ็บ หรือมีอาการแดง
  • การประเมิน D-dimer อยู่ในเกณฑ์ปกติ
  • ผู้ป่วยสามารถลุกนั่งหรือเดินบนเตียงได้โดยไม่มีข้อจำกัดภายใน 24 ชั่วโมง

4. Intervention

  • C50.9F5I-1: ประเมินอาการบวม แดง และเจ็บบริเวณขาทุก 4-6 ชั่วโมง เพื่อตรวจสอบภาวะลิ่มเลือดอุดตัน
  • C50.9F5I-2: กระตุ้นให้ผู้ป่วยขยับเท้าและข้อเท้า (Ankle pump exercise) ทุกชั่วโมงเพื่อเพิ่มการไหลเวียนเลือด
  • C50.9F5I-3: จัดให้ผู้ป่วยสวมถุงน่องป้องกันภาวะลิ่มเลือดอุดตัน (Graduated Compression Stockings) ตามแผนการรักษา
  • C50.9F5I-4: ประเมินการไหลเวียนเลือดส่วนปลาย เช่น การตรวจค่า Capillary refill และชีพจรบริเวณเท้า
  • C50.9F5I-5: ให้คำแนะนำเรื่องการลุกนั่งและเคลื่อนไหวตัวช้า เพื่อป้องกันการเกิดอาการวิงเวียน
  • C50.9F5I-6: กระตุ้นให้ผู้ป่วยลุกนั่งบนเตียงหรือเคลื่อนย้ายตำแหน่งทุก 2 ชั่วโมง (Bed mobility exercise)
  • C50.9F5I-7: หากได้รับคำสั่งจากแพทย์ ให้ยาต้านการแข็งตัวของเลือด เช่น Heparin หรือ Enoxaparin ตามแผนการรักษา
  • C50.9F5I-8: สอนผู้ป่วยและครอบครัวเกี่ยวกับอาการที่ต้องเฝ้าระวัง เช่น ขาบวม เจ็บ หรือแดง

5. Response

  • C50.9F5R-1: ผู้ป่วยไม่มีอาการขาบวม เจ็บ หรือแดง
  • C50.9F5R-2: ผู้ป่วยสามารถขยับเท้าหรือข้อเท้าได้ทุกชั่วโมงโดยไม่เจ็บปวด
  • C50.9F5R-3: ผู้ป่วยสามารถลุกนั่งหรือเคลื่อนไหวบนเตียงได้ภายใน 24 ชั่วโมงหลังการผ่าตัด
  • C50.9F5R-4: ค่า D-dimer ของผู้ป่วยอยู่ในเกณฑ์ปกติ
  • C50.9F5R-5: ผู้ป่วยและครอบครัวเข้าใจและสามารถปฏิบัติตามคำแนะนำเพื่อป้องกันภาวะลิ่มเลือดอุดตัน

……………………………………………………

C50.9F6: มีความเจ็บปวดเฉียบพลันหรือเรื้อรังบริเวณเต้านมหรือบริเวณที่ผ่าตัด

1. Assessment

S:

  • ผู้ป่วยรายงานว่ามีอาการเจ็บปวดรุนแรงบริเวณเต้านมหรือแผลผ่าตัด
  • ผู้ป่วยระบุว่าอาการเจ็บปวดทำให้ไม่สามารถนอนหลับพักผ่อนได้เต็มที่

O:

  • สีหน้าผู้ป่วยแสดงความเจ็บปวด (Pain facial expression)
  • ผู้ป่วยให้คะแนนความเจ็บปวดที่ระดับ 7/10 (Visual Analog Scale: VAS)
  • การเคลื่อนไหวลดลงเนื่องจากความเจ็บปวด

2. Goals

  • ลดระดับความเจ็บปวดของผู้ป่วยให้อยู่ในระดับ3/10 ภายใน 24 ชั่วโมง
  • ผู้ป่วยสามารถนอนหลับพักผ่อนได้อย่างเพียงพอ6 ชั่วโมงต่อคืน
  • ผู้ป่วยสามารถเคลื่อนไหวได้โดยมีอาการเจ็บปวดน้อยลง

3. Evaluate Criteria

  • คะแนนความเจ็บปวดลดลง3/10 เมื่อประเมินด้วย VAS
  • ผู้ป่วยรายงานว่าสามารถนอนหลับได้6 ชั่วโมง/คืน
  • ผู้ป่วยสามารถเคลื่อนไหวหรือทำกิจกรรมเบา ได้โดยไม่เพิ่มความเจ็บปวด

4. Intervention

  • C50.9F6I-1: ประเมินระดับความเจ็บปวดของผู้ป่วยทุก 2-4 ชั่วโมง โดยใช้เครื่องมือประเมิน เช่น VAS
  • C50.9F6I-2: ให้ยาบรรเทาปวดตามแผนการรักษา เช่น Paracetamol, NSAIDs หรือ Opiates ตามระดับความเจ็บปวด
  • C50.9F6I-3: จัดท่านอนที่เหมาะสม เช่น ท่านอนหงายศีรษะสูงเล็กน้อย (Semi-Fowler’s Position) เพื่อช่วยลดแรงกดบริเวณแผลผ่าตัด
  • C50.9F6I-4: ใช้เทคนิคการประคบเย็นบริเวณแผล (Cold Compress) เป็นเวลา 15-20 นาที ทุก 4 ชั่วโมง เพื่อลดการอักเสบและความเจ็บปวด
  • C50.9F6I-5: ให้ผู้ป่วยฟังดนตรีผ่อนคลายหรือทำกิจกรรมที่ช่วยลดความวิตกกังวล เช่น การฝึกหายใจลึก (Deep Breathing Exercise)
  • C50.9F6I-6: ให้ข้อมูลเกี่ยวกับการดูแลแผลและการจัดการความเจ็บปวด เช่น การเปลี่ยนแผลที่สะอาดและลดการสัมผัสแผลโดยไม่จำเป็น
  • C50.9F6I-7: ประเมินผลข้างเคียงของยาบรรเทาปวด เช่น คลื่นไส้หรือง่วงซึม และปรับการรักษาตามความเหมาะสม
  • C50.9F6I-8: สอนให้ผู้ป่วยใช้เทคนิคเบี่ยงเบนความสนใจจากความเจ็บปวด เช่น การนับเลข หรือการจดจ่อกับการทำกิจกรรม

5. Response

  • C50.9F6R-1: ผู้ป่วยรายงานความเจ็บปวดลดลง3/10 ภายใน 24 ชั่วโมง
  • C50.9F6R-2: ผู้ป่วยสามารถนอนหลับพักผ่อนได้6 ชั่วโมงต่อคืนโดยไม่มีอาการเจ็บปวดเพิ่ม
  • C50.9F6R-3: ผู้ป่วยสามารถเคลื่อนไหวร่างกายเบา ได้โดยไม่มีความเจ็บปวดมากขึ้น
  • C50.9F6R-4: ไม่มีอาการข้างเคียงจากยาบรรเทาปวด เช่น คลื่นไส้หรือง่วงซึมเกินไป
  • C50.9F6R-5: ผู้ป่วยและครอบครัวเข้าใจวิธีการจัดการความเจ็บปวดและสามารถปฏิบัติตามคำแนะนำได้

………………………………………………………………

C50.9F7: การตอบสนองต่อการให้ยาสลบหรือยาแก้ปวดลดลง เนื่องจากปฏิกิริยาทางกายภาพและอาการแพ้ที่อาจเกิดขึ้น

1. Assessment

S:

  • ผู้ป่วยรายงานว่ามีอาการคลื่นไส้และเวียนศีรษะหลังได้รับยาสลบหรือยาแก้ปวด
  • ผู้ป่วยรู้สึกว่าการบรรเทาอาการปวดไม่เพียงพอหลังจากได้รับยา

O:

  • ผู้ป่วยมีอาการผื่นแดง คัน หรือบวมบริเวณผิวหนัง
  • มีอาการความดันโลหิตต่ำ (Hypotension) หรืออัตราการเต้นของหัวใจผิดปกติหลังได้รับยา
  • คะแนนความเจ็บปวดอยู่ที่6/10 (ประเมินด้วย Visual Analog Scale)

2. Goals

  • ผู้ป่วยไม่มีอาการแพ้หรือปฏิกิริยาทางกายภาพที่รุนแรงหลังได้รับยา
  • คะแนนความเจ็บปวดลดลง3/10 ภายใน 24 ชั่วโมง
  • ผู้ป่วยสามารถทนต่อการรักษาและไม่มีภาวะแทรกซ้อนที่เกี่ยวข้องกับการให้ยา

3. Evaluate Criteria

  • ไม่มีอาการแพ้ เช่น ผื่นแดงหรืออาการบวม หลังได้รับยา
  • คะแนนความเจ็บปวดลดลง3/10 เมื่อประเมินด้วย VAS
  • สัญญาณชีพของผู้ป่วยอยู่ในเกณฑ์ปกติ (BP, HR, RR) หลังการให้ยา
  • ผู้ป่วยสามารถนอนหลับพักผ่อนได้6 ชั่วโมงต่อคืนโดยไม่มีความเจ็บปวดรบกวน

4. Intervention

  • C50.9F7I-1: ประเมินประวัติการแพ้ยาและปฏิกิริยาที่เคยเกิดขึ้นกับยาสลบหรือยาแก้ปวดที่ผู้ป่วยได้รับในอดีต
  • C50.9F7I-2: ติดตามอาการของผู้ป่วยหลังได้รับยาแก้ปวดหรือยาสลบทุก 15-30 นาทีในช่วง 2 ชั่วโมงแรก
  • C50.9F7I-3: ให้ยาแก้แพ้ (Antihistamines) หรือยาแก้อาการคลื่นไส้ (Antiemetics) ตามแผนการรักษาเมื่อมีอาการแพ้หรือไม่สบาย
  • C50.9F7I-4: ใช้ยาแก้ปวดแบบที่เหมาะสมกับระดับความเจ็บปวด เช่น ยากลุ่ม NSAIDs หรือ Opiates โดยปรับขนาดยาตามการตอบสนองของผู้ป่วย
  • C50.9F7I-5: ตรวจสอบสัญญาณชีพของผู้ป่วยอย่างใกล้ชิด เช่น BP, HR, RR และ SpO2 เพื่อระวังภาวะแทรกซ้อน
  • C50.9F7I-6: สอนผู้ป่วยและครอบครัวเกี่ยวกับอาการแพ้และสัญญาณที่ต้องแจ้งพยาบาล เช่น ผื่นแดง หายใจลำบาก หรือใจสั่น
  • C50.9F7I-7: หากมีปฏิกิริยารุนแรง เช่น Anaphylaxis ให้ดำเนินการฉุกเฉิน เช่น ให้ Epinephrine ตามแผนการรักษา
  • C50.9F7I-8: ให้ผู้ป่วยอยู่ในสภาพแวดล้อมที่สงบและปลอดภัย เพื่อช่วยลดความวิตกกังวลที่อาจเพิ่มอาการ

5. Response

  • C50.9F7R-1: ผู้ป่วยไม่มีอาการแพ้ เช่น ผื่นแดงหรือหายใจลำบากหลังได้รับยา
  • C50.9F7R-2: คะแนนความเจ็บปวดของผู้ป่วยลดลง3/10 ภายใน 24 ชั่วโมง
  • C50.9F7R-3: สัญญาณชีพของผู้ป่วยอยู่ในเกณฑ์ปกติ (BP, HR, RR) หลังได้รับยา
  • C50.9F7R-4: ผู้ป่วยสามารถนอนหลับพักผ่อนได้6 ชั่วโมงโดยไม่มีความเจ็บปวด
  • C50.9F7R-5: ผู้ป่วยและครอบครัวเข้าใจและสามารถสังเกตสัญญาณการแพ้หรืออาการผิดปกติ และรายงานได้ทันที

………………………………………..

C50.9F8: เสี่ยงต่อการติดเชื้อ เนื่องจากภูมิคุ้มกันบกพร่องจากการรักษาด้วยยาเคมีบำบัด

1. Assessment

S:

  • ผู้ป่วยรายงานอาการเหนื่อยง่ายและอ่อนเพลีย
  • ผู้ป่วยมีประวัติการติดเชื้อบ่อยในช่วงที่ผ่านมา

O:

  • ผลตรวจ CBC พบค่า WBC < 4,000 cells/mm³ หรือ Absolute Neutrophil Count (ANC) < 1,000 cells/mm³
  • มีไข้38°C หรือไม่มีไข้แต่มีอาการบ่งชี้การติดเชื้อ เช่น แผลติดเชื้อหรือผิวหนังแดงบวม
  • สัญญาณชีพผิดปกติ เช่น HR ≥ 100 bpm, RR ≥ 20 ครั้ง/นาที

2. Goals

  • ผู้ป่วยไม่มีอาการหรือสัญญาณบ่งชี้ของการติดเชื้อระหว่างและหลังการรักษา
  • ค่า WBC และ ANC อยู่ในระดับที่เหมาะสม1,000 cells/mm³
  • ผู้ป่วยและครอบครัวสามารถปฏิบัติตามคำแนะนำในการป้องกันการติดเชื้อได้

3. Evaluate Criteria

  • ไม่มีไข้38°C หรืออาการบ่งชี้การติดเชื้อ เช่น แผลบวมแดง
  • ค่า WBC ≥ 4,000 cells/mm³ หรือ ANC ≥ 1,500 cells/mm³
  • ผู้ป่วยรายงานการปฏิบัติตามคำแนะนำในการป้องกันการติดเชื้อ เช่น การล้างมือ

4. Intervention

  • C50.9F8I-1: ประเมินค่า WBC, ANC และสัญญาณชีพของผู้ป่วยอย่างสม่ำเสมอ เพื่อเฝ้าระวังการติดเชื้อ
  • C50.9F8I-2: ให้การศึกษาแก่ผู้ป่วยและครอบครัวเกี่ยวกับความสำคัญของการล้างมืออย่างถูกวิธี
  • C50.9F8I-3: สนับสนุนให้ผู้ป่วยหลีกเลี่ยงสถานที่แออัดหรือบุคคลที่มีอาการเจ็บป่วย
  • C50.9F8I-4: ดูแลให้ผู้ป่วยได้รับวัคซีนที่เหมาะสม เช่น Influenza และ Pneumococcal Vaccine ตามคำแนะนำของแพทย์
  • C50.9F8I-5: ให้ยาปฏิชีวนะเชิงป้องกัน (Prophylactic Antibiotics) ตามแผนการรักษา
  • C50.9F8I-6: ดูแลความสะอาดในห้องพักและของใช้ส่วนตัวของผู้ป่วย เช่น เปลี่ยนผ้าปูที่นอนและทำความสะอาดอุปกรณ์ที่ใช้ร่วมกัน
  • C50.9F8I-7: ตรวจสอบแผลและหลีกเลี่ยงการใช้เข็มฉีดยาหรือการเจาะเลือดที่ไม่จำเป็น
  • C50.9F8I-8: ให้คำแนะนำเกี่ยวกับการบริโภคอาหารที่ปลอดภัย เช่น หลีกเลี่ยงอาหารดิบหรือกึ่งสุก

5. Response

  • C50.9F8R-1: ผู้ป่วยไม่มีอาการไข้หรือสัญญาณบ่งชี้การติดเชื้อ
  • C50.9F8R-2: ค่า WBC และ ANC อยู่ในระดับ1,500 cells/mm³
  • C50.9F8R-3: ผู้ป่วยและครอบครัวรายงานการปฏิบัติตามคำแนะนำ เช่น การล้างมือหรือหลีกเลี่ยงอาหารเสี่ยง
  • C50.9F8R-4: ผู้ป่วยไม่มีภาวะแทรกซ้อนจากการติดเชื้อระหว่างการรักษาด้วยยาเคมีบำบัด

……………………………………

C50.9F9: ความวิตกกังวลสูง เนื่องจากการวินิจฉัยโรคมะเร็งและการรักษา

1. Assessment

S:

  • ผู้ป่วยรายงานความรู้สึกกังวลเกี่ยวกับผลการรักษาและการเปลี่ยนแปลงของร่างกาย
  • ผู้ป่วยกล่าวว่า "ฉันกลัวว่าการรักษาจะไม่ได้ผล"

O:

  • ผู้ป่วยมีพฤติกรรมบ่งชี้ความวิตกกังวล เช่น การกัดเล็บหรือกระสับกระส่าย
  • อัตราการเต้นของหัวใจ (HR) ≥ 100 bpm และความดันโลหิตสูงเล็กน้อย
  • ผู้ป่วยหลีกเลี่ยงการพูดคุยเกี่ยวกับการรักษาหรือการวินิจฉัย

2. Goals

  • ลดระดับความวิตกกังวลของผู้ป่วยให้อยู่ในระดับที่ยอมรับได้
  • ผู้ป่วยสามารถแสดงความเข้าใจเกี่ยวกับการรักษาและผลกระทบต่อร่างกายได้อย่างชัดเจน
  • ผู้ป่วยแสดงพฤติกรรมที่เหมาะสมในการจัดการกับความวิตกกังวล

3. Evaluate Criteria

  • คะแนนความวิตกกังวล (Anxiety Scale) ลดลง50% จากการประเมินเบื้องต้น
  • ผู้ป่วยสามารถพูดคุยเกี่ยวกับแผนการรักษาและแสดงความเข้าใจได้อย่างมั่นใจ
  • ไม่มีพฤติกรรมที่แสดงถึงความวิตกกังวลอย่างรุนแรง เช่น การกระสับกระส่ายหรือร้องไห้

4. Intervention

  • C50.9F9I-1: ประเมินระดับความวิตกกังวลโดยใช้แบบประเมินมาตรฐาน เช่น Hamilton Anxiety Rating Scale (HAM-A)
  • C50.9F9I-2: สร้างความไว้วางใจกับผู้ป่วยโดยการฟังและแสดงความเข้าใจต่อความรู้สึกของเขา
  • C50.9F9I-3: ให้ข้อมูลเกี่ยวกับแผนการรักษาและผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นอย่างชัดเจน
  • C50.9F9I-4: สนับสนุนการใช้เทคนิคการผ่อนคลาย เช่น การหายใจลึก (Deep Breathing) และการฝึกสมาธิ (Meditation)
  • C50.9F9I-5: แนะนำให้ผู้ป่วยเข้าร่วมกลุ่มสนับสนุน (Support Groups) ที่เกี่ยวข้องกับมะเร็งเต้านม
  • C50.9F9I-6: ให้คำแนะนำเกี่ยวกับกิจกรรมที่ช่วยลดความวิตกกังวล เช่น การออกกำลังกายเบาๆ หรือการฟังเพลง
  • C50.9F9I-7: ร่วมมือกับจิตแพทย์หรือนักจิตวิทยาในการจัดการความวิตกกังวลที่มีความรุนแรง
  • C50.9F9I-8: ประเมินความจำเป็นในการใช้ยาคลายกังวล (Anxiolytics) ตามคำแนะนำของแพทย์

5. Response

  • C50.9F9R-1: คะแนนความวิตกกังวลลดลง50% จากการประเมินครั้งแรก
  • C50.9F9R-2: ผู้ป่วยสามารถแสดงความเข้าใจเกี่ยวกับแผนการรักษาและผลกระทบได้อย่างมั่นใจ
  • C50.9F9R-3: ผู้ป่วยแสดงพฤติกรรมที่เหมาะสม เช่น การมีสมาธิหรือการพูดคุยกับครอบครัวอย่างเปิดเผย
  • C50.9F9R-4: ผู้ป่วยรายงานว่ามีความสามารถในการจัดการกับความวิตกกังวลด้วยตนเอง เช่น การใช้เทคนิคการผ่อนคลาย

…………………………………….

C50.9F10: ภาพลักษณ์ตนเองบกพร่อง เนื่องจากผลกระทบจากการผ่าตัดเต้านม

1. Assessment

S:

  • ผู้ป่วยกล่าวว่ามีความรู้สึกไม่มั่นใจในตัวเองหลังการผ่าตัดเต้านม โดยรู้สึกอับอายและขาดความเชื่อมั่นในรูปลักษณ์ของตัวเอง

O:

  • ผู้ป่วยแสดงอาการวิตกกังวล ความเครียด และมีท่าทางปกปิดส่วนที่ผ่าตัดจากการมองเห็นผิวหนังที่มีรอยแผลเป็น

2. Goals

  • ผู้ป่วยสามารถยอมรับรูปลักษณ์ของตัวเองและสร้างความมั่นใจในตัวเองเพิ่มขึ้น
  • ลดความวิตกกังวลเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงทางร่างกายจากการผ่าตัด
  • เพิ่มพูนการสนับสนุนทางจิตใจจากครอบครัวและบุคลากรทางการแพทย์

3. Evaluate Criteria

  • ความสามารถของผู้ป่วยในการยอมรับร่างกายของตัวเองและเพิ่มความมั่นใจ (การประเมินอารมณ์และท่าทาง)
  • การรายงานการลดลงของความวิตกกังวลและการยอมรับในตนเองที่เพิ่มขึ้น (การใช้เครื่องมือประเมินความวิตกกังวล เช่น HADS)

4. Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)

  • C50.9F10I-1: ประเมินภาพลักษณ์ของผู้ป่วยและอารมณ์โดยการพูดคุยกับผู้ป่วยเกี่ยวกับการผ่าตัดและผลกระทบที่เกิดขึ้น
  • C50.9F10I-2: ส่งเสริมการพูดคุยเกี่ยวกับการยอมรับตัวเองและการให้คำปรึกษาจิตใจจากนักจิตวิทยาหรือผู้เชี่ยวชาญ
  • C50.9F10I-3: ส่งเสริมให้ผู้ป่วยเข้าร่วมกลุ่มสนับสนุนสำหรับผู้ที่ผ่านการผ่าตัดมะเร็งเต้านม เพื่อการแบ่งปันประสบการณ์และให้การสนับสนุนทางอารมณ์
  • C50.9F10I-4: จัดให้มีการฝึกทักษะการปรับตัวเพื่อช่วยเพิ่มความมั่นใจ เช่น การแต่งกายเพื่อปกปิดแผลเป็นอย่างเหมาะสม

5. Response

  • C50.9F10R-1: ผู้ป่วยสามารถยอมรับรูปลักษณ์ของตัวเองได้ดีขึ้น และเริ่มแสดงออกถึงความมั่นใจในตัวเอง
  • C50.9F10R-2: ผู้ป่วยมีการลดลงของความวิตกกังวลเกี่ยวกับรูปลักษณ์ตัวเอง และสามารถเข้าร่วมกิจกรรมกลุ่มสนับสนุนได้
  • C50.9F10R-3: ผู้ป่วยสามารถใช้ทักษะการปรับตัวในชีวิตประจำวันและยอมรับผลกระทบจากการผ่าตัดได้ดีขึ้น

……………………………………………

C50.9F11: การจัดการตนเองบกพร่อง เนื่องจากผลข้างเคียงของยาเคมีบำบัด เช่น คลื่นไส้ อ่อนเพลีย หรือผมร่ว

1. Assessment

S:

  • ผู้ป่วยรายงานว่ามีอาการคลื่นไส้ อ่อนเพลีย และมีการหลุดร่วงของเส้นผมอย่างเห็นได้ชัดหลังจากเริ่มรับการรักษาด้วยยาเคมีบำบัด

O:

  • ผู้ป่วยมีอาการอ่อนแรงจากการขาดพลังงาน ไม่มีความอยากอาหาร และมีการเปลี่ยนแปลงของลักษณะเส้นผมจากการหลุดร่วงในบางส่วนของหนังศีรษะ

2. Goals

  • ผู้ป่วยสามารถจัดการกับอาการคลื่นไส้และอ่อนเพลียจากผลข้างเคียงของยาเคมีบำบัดได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • ลดอาการผมร่วงและส่งเสริมให้ผู้ป่วยสามารถปรับตัวได้ดีในช่วงที่มีการรักษา
  • ส่งเสริมการรับรู้และการจัดการกับอาการข้างเคียง เพื่อให้ผู้ป่วยสามารถรักษาคุณภาพชีวิตได้อย่างต่อเนื่อง

3. Evaluate Criteria

  • การลดลงของอาการคลื่นไส้และอ่อนเพลียในระดับที่สามารถทนได้ (การประเมินอาการโดยการถามผู้ป่วยและการสังเกต)
  • การควบคุมอาการผมร่วงและการปรับตัวในการดูแลเส้นผม เช่น การใช้ผ้าคลุมศีรษะหรือการใช้ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยให้การหลุดร่วงของผมมีความเป็นธรรมชาติ
  • การรายงานความสามารถในการดำเนินชีวิตประจำวัน (การใช้เครื่องมือประเมินคุณภาพชีวิต เช่น FACT-B)

4. Intervention

  • C50.9F11I-1: ประเมินอาการคลื่นไส้และอ่อนเพลียทุกวันเพื่อปรับการรักษาให้เหมาะสมกับสถานการณ์ของผู้ป่วย เช่น การให้ยาแก้คลื่นไส้
  • C50.9F11I-2: แนะนำวิธีการบริโภคอาหารที่ช่วยลดคลื่นไส้ เช่น การรับประทานอาหารมื้อเล็ก หรือการหลีกเลี่ยงอาหารที่มีกลิ่นแรง
  • C50.9F11I-3: ส่งเสริมการพักผ่อนและการนอนหลับที่เพียงพอเพื่อช่วยลดอาการอ่อนเพลีย
  • C50.9F11I-4: ให้คำแนะนำเกี่ยวกับการดูแลเส้นผม เช่น การใช้ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยป้องกันผมร่วงและการใช้หมวกหรือผ้าคลุมศีรษะ
  • C50.9F11I-5: ติดตามผลการใช้ยาที่ช่วยบรรเทาอาการเคมีบำบัด เช่น ยาต้านคลื่นไส้ และปรับยาให้เหมาะสมตามอาการของผู้ป่วย

5. Response

  • C50.9F11R-1: ผู้ป่วยรายงานว่าอาการคลื่นไส้และอ่อนเพลียลดลงและสามารถรับประทานอาหารได้มากขึ้น
  • C50.9F11R-2: ผู้ป่วยสามารถปรับตัวกับการหลุดร่วงของผมได้ดีขึ้น และเริ่มใช้ผ้าคลุมศีรษะหรือผลิตภัณฑ์ช่วยให้ผมดูธรรมชาติ
  • C50.9F11R-3: ผู้ป่วยสามารถปฏิบัติกิจวัตรประจำวันได้โดยไม่รู้สึกอ่อนเพลียหรือคลื่นไส้รบกวน

……………………………………………………..

C50.9F12: การรับประทานอาหารลดลง เนื่องจากอาการเบื่ออาหารหรือคลื่นไส้จากการรักษา

1. Assessment

S:

  • ผู้ป่วยรายงานว่าไม่รู้สึกอยากรับประทานอาหารและมักมีอาการคลื่นไส้หลังการรับยาเคมีบำบัด ทำให้การรับประทานอาหารลดลง

O:

  • ผู้ป่วยมีการลดลงของน้ำหนักตัวหรือไม่สามารถรับประทานอาหารได้ตามปกติ และสังเกตเห็นอาการคลื่นไส้หรืออาเจียนหลังการรับประทานอาหาร

2. Goals

  • ผู้ป่วยสามารถรับประทานอาหารได้ตามปกติหรืออย่างน้อยรับปริมาณอาหารที่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย
  • ลดอาการคลื่นไส้และเบื่ออาหารให้สามารถรับประทานอาหารได้มากขึ้น
  • ส่งเสริมให้ผู้ป่วยรู้สึกมีพลังและสามารถดำเนินกิจกรรมประจำวันได้โดยไม่มีอาการคลื่นไส้หรือเบื่ออาหาร

3. Evaluate Criteria

  • การเพิ่มขึ้นของน้ำหนักตัวหรือการรักษาน้ำหนักตัวให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ (การประเมินน้ำหนักตัว)
  • การเพิ่มขึ้นของปริมาณอาหารที่ผู้ป่วยสามารถรับประทานได้ในแต่ละมื้อ
  • การลดลงของอาการคลื่นไส้และเบื่ออาหาร (การประเมินอาการทางคลินิก)

4. Intervention

  • C50.9F12I-1: ประเมินน้ำหนักตัวผู้ป่วยทุกวันเพื่อเฝ้าระวังการเปลี่ยนแปลงของน้ำหนักและการได้รับสารอาหาร
  • C50.9F12I-2: แนะนำให้ผู้ป่วยรับประทานอาหารมื้อเล็ก หลายมื้อเพื่อลดการคลื่นไส้และเพิ่มความสะดวกในการรับประทานอาหาร
  • C50.9F12I-3: ให้ยาต้านคลื่นไส้หรือยาที่ช่วยบรรเทาอาการคลื่นไส้ตามคำแนะนำของแพทย์
  • C50.9F12I-4: ส่งเสริมการดื่มน้ำมากขึ้นเพื่อป้องกันการขาดน้ำ และแนะนำให้ดื่มน้ำที่มีรสชาติหรือดื่มน้ำเย็นเพื่อลดความรู้สึกคลื่นไส้
  • C50.9F12I-5: แนะนำให้ผู้ป่วยเลือกรับประทานอาหารที่มีรสชาติกลมกล่อม ไม่มีกลิ่นแรง หรืออาหารที่มีประโยชน์ในขณะที่สามารถรับประทานได้

5. Response

  • C50.9F12R-1: น้ำหนักตัวของผู้ป่วยเพิ่มขึ้นหรือคงที่ในเกณฑ์ปกติและไม่ลดลง
  • C50.9F12R-2: ผู้ป่วยสามารถรับประทานอาหารได้มากขึ้น โดยไม่มีอาการคลื่นไส้หรืออาเจียนหลังการรับประทานอาหาร
  • C50.9F12R-3: ผู้ป่วยรายงานว่ามีความรู้สึกดีขึ้นและสามารถทำกิจกรรมประจำวันได้ตามปกติ โดยไม่มีอาการอ่อนเพลียจากการรับประทานอาหารลดลง

…………………………………………………….

C50.9F13: เสี่ยงต่อการเกิดภาวะซึมเศร้า เนื่องจากผลกระทบทางจิตใจจากโรคและการรักษา

1. Assessment

S:

  • ผู้ป่วยรายงานความรู้สึกวิตกกังวลเกี่ยวกับอนาคตหลังจากการวินิจฉัยมะเร็งเต้านม และมีอาการรู้สึกเศร้าหมองและหมดหวังจากผลกระทบของการรักษา
  • การขาดความอยากทำกิจกรรมที่เคยสนใจ และการรู้สึกเบื่อหน่ายในการรักษา

O:

  • ผู้ป่วยมีพฤติกรรมที่สะท้อนถึงความเครียดหรือภาวะซึมเศร้า เช่น การถอนตัวจากกิจกรรมที่เคยทำ, การหลีกเลี่ยงการพบปะกับผู้อื่น หรือการมีการร้องไห้บ่อยครั้ง

2. Goals

  • ลดความเครียดและความวิตกกังวลจากการวินิจฉัยและการรักษามะเร็งเต้านม
  • ส่งเสริมให้ผู้ป่วยสามารถปรับตัวและรับมือกับอารมณ์ที่เกิดขึ้นหลังการรักษา
  • กระตุ้นให้ผู้ป่วยมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางสังคมและการดูแลตนเองให้ดีขึ้น
  • ป้องกันการเกิดภาวะซึมเศร้าโดยการสนับสนุนด้านจิตใจและจิตวิทยา

3. Evaluate Criteria

  • การรายงานหรือการปรับตัวที่ดีขึ้นในแง่ของอารมณ์และพฤติกรรม (การประเมินจากการสัมภาษณ์และสังเกต)
  • การเข้าร่วมกิจกรรมทางสังคมหรือกิจกรรมที่ช่วยให้ผู้ป่วยรู้สึกดีขึ้น เช่น การมีการพูดคุยกับครอบครัว หรือการเข้าร่วมกลุ่มสนับสนุน
  • การลดลงของอาการเศร้าหมองหรือความวิตกกังวล (การใช้เครื่องมือประเมินภาวะซึมเศร้า เช่น PHQ-9)

4. Intervention

  • C50.9F13I-1: ประเมินอารมณ์และความรู้สึกของผู้ป่วยในแต่ละวันเพื่อประเมินภาวะซึมเศร้าหรือความเครียด
  • C50.9F13I-2: ส่งเสริมการรับการสนับสนุนทางจิตใจจากนักจิตวิทยาหรือกลุ่มสนับสนุนผู้ป่วยมะเร็งเพื่อช่วยผู้ป่วยในการรับมือกับความเครียด
  • C50.9F13I-3: จัดกิจกรรมทางสังคมและส่งเสริมให้ผู้ป่วยมีส่วนร่วมในกิจกรรมที่กระตุ้นให้เกิดความรู้สึกดีขึ้น เช่น การพูดคุยกับครอบครัวหรือการทำกิจกรรมที่ชอบ
  • C50.9F13I-4: แนะนำการฝึกทักษะการผ่อนคลาย เช่น การหายใจลึก หรือการทำสมาธิเพื่อบรรเทาความเครียด
  • C50.9F13I-5: สนับสนุนการใช้ยาต้านซึมเศร้าตามคำแนะนำของแพทย์ในกรณีที่มีอาการซึมเศร้าที่รุนแรง

5. Response

  • C50.9F13R-1: ผู้ป่วยรายงานว่ารู้สึกดีขึ้น มีการปรับอารมณ์และลดความเครียดลง
  • C50.9F13R-2: ผู้ป่วยมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางสังคมมากขึ้น และเริ่มพูดคุยกับครอบครัวหรือเข้าร่วมกลุ่มสนับสนุน
  • C50.9F13R-3: ผู้ป่วยไม่แสดงอาการเศร้าหมองหรือการถอนตัวจากสังคม และสามารถปรับตัวต่อการรักษาได้ดียิ่งขึ้น

……………………………………………………….

C50.9F14: ขาดความพร้อมในการดูแลตนเองที่บ้าน เนื่องจากขาดความรู้เกี่ยวกับการดูแลแผลผ่าตัดและการฟื้นฟูร่างกาย

1. Assessment

S:

  • ผู้ป่วยรายงานว่าไม่มีความรู้เกี่ยวกับวิธีการดูแลแผลผ่าตัดหลังการผ่าตัดเต้านมและการฟื้นฟูร่างกายหลังการผ่าตัด
  • ผู้ป่วยมีความวิตกกังวลเกี่ยวกับการดูแลตนเองที่บ้าน และมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการฟื้นฟูร่างกาย

O:

  • แผลผ่าตัดอาจมีรอยแดงหรือการติดเชื้อที่แสดงให้เห็นว่าผู้ป่วยไม่สามารถดูแลแผลได้ถูกวิธี หรือแผลยังไม่หายสนิทตามระยะเวลา

2. Goals

  • ผู้ป่วยสามารถดูแลแผลผ่าตัดและฟื้นฟูร่างกายได้อย่างถูกต้องและมีประสิทธิภาพที่บ้าน
  • ผู้ป่วยมีความเข้าใจเกี่ยวกับวิธีการดูแลแผลผ่าตัดและการฟื้นฟูร่างกายหลังการรักษา
  • ผู้ป่วยสามารถระบุวิธีการดูแลตัวเองในขั้นตอนต่างๆ เช่น การทำความสะอาดแผล การป้องกันการติดเชื้อ และการฟื้นฟูร่างกายอย่างมีประสิทธิภาพ
  • ผู้ป่วยรู้สึกมั่นใจในการดูแลแผลและการฟื้นฟูร่างกายที่บ้าน

3. Evaluate Criteria

  • ผู้ป่วยสามารถสาธิตการดูแลแผลผ่าตัดได้อย่างถูกต้องตามคำแนะนำ
  • ผู้ป่วยสามารถระบุขั้นตอนในการฟื้นฟูร่างกายที่เหมาะสม เช่น การออกกำลังกายเบาๆ หลังการผ่าตัด
  • แผลผ่าตัดแห้งและไม่มีอาการบวมแดงหรือติดเชื้อ
  • ผู้ป่วยมีความมั่นใจในการดูแลแผลและการฟื้นฟูร่างกายได้ที่บ้าน

4. Intervention

  • C50.9F14I-1: ให้คำแนะนำเกี่ยวกับวิธีการดูแลแผลผ่าตัด เช่น การทำความสะอาดแผล การทายา และการสังเกตอาการที่บ่งชี้การติดเชื้อ
  • C50.9F14I-2: อธิบายขั้นตอนการฟื้นฟูร่างกายหลังผ่าตัด เช่น การออกกำลังกายเบาๆ และการหลีกเลี่ยงกิจกรรมที่หนักหน่วงในระยะแรกหลังการผ่าตัด
  • C50.9F14I-3: ฝึกการดูแลแผลผ่าตัดกับผู้ป่วยโดยการสาธิตวิธีการเปลี่ยนผ้าพันแผลและการใช้เครื่องมือสำหรับการดูแลแผล
  • C50.9F14I-4: จัดเตรียมเอกสารคำแนะนำเกี่ยวกับการดูแลแผลและการฟื้นฟูร่างกายให้กับผู้ป่วยเพื่อนำกลับไปใช้ที่บ้าน
  • C50.9F14I-5: ติดตามผลการดูแลแผลและการฟื้นฟูร่างกายของผู้ป่วยผ่านการติดต่อทางโทรศัพท์หรือการนัดหมายตามระยะเวลาที่กำหนด

5. Response

  • C50.9F14R-1: ผู้ป่วยสามารถดูแลแผลผ่าตัดได้อย่างถูกต้องและแผลหายดีโดยไม่มีอาการติดเชื้อหรืออาการแทรกซ้อน
  • C50.9F14R-2: ผู้ป่วยสามารถทำกิจกรรมฟื้นฟูร่างกายเบาๆ ได้ตามคำแนะนำ โดยไม่มีอาการบาดเจ็บหรือภาวะแทรกซ้อนจากการออกกำลังกาย
  • C50.9F14R-3: ผู้ป่วยรายงานว่าไม่รู้สึกวิตกกังวลเกี่ยวกับการดูแลแผลหรือการฟื้นฟูร่างกายอีกต่อไป
  • C50.9F14R-4: ผู้ป่วยมีความมั่นใจในการดูแลแผลผ่าตัดและฟื้นฟูร่างกายที่บ้านได้อย่างเหมาะสม

…………………………………………………………

C50.9F15: เสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อน เช่น การติดเชื้อที่แผลหรือการเกิดลิ่มเลือด เนื่องจากการฟื้นฟูร่างกายไม่สมบูรณ์

1. Assessment

S:

  • ผู้ป่วยรายงานว่ามีอาการอ่อนเพลียหลังการผ่าตัด และไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ตามปกติ
  • ผู้ป่วยบ่นถึงความรู้สึกไม่สบายบริเวณแผลผ่าตัดหรือมีอาการปวดที่แผลผ่าตัด
  • ผู้ป่วยรู้สึกวิตกกังวลเกี่ยวกับการเกิดภาวะแทรกซ้อนจากแผลหรือการเกิดลิ่มเลือด

O:

  • แผลผ่าตัดมีอาการบวม แดง หรือมีสารคัดหลั่ง ซึ่งอาจบ่งชี้ถึงการติดเชื้อ
  • พบการลดลงของการเคลื่อนไหวของแขนขาหรือขา
  • มีอาการบวมที่ขาหรือแขนข้างที่ได้รับการผ่าตัด
  • อัตราการหายใจเร็วขึ้น อาจบ่งชี้ถึงความเสี่ยงจากการเกิดลิ่มเลือด

2. Goals

  • ผู้ป่วยจะสามารถฟื้นฟูร่างกายได้อย่างสมบูรณ์โดยไม่มีการติดเชื้อหรือภาวะแทรกซ้อนจากการฟื้นฟู
  • แผลผ่าตัดจะไม่มีอาการบวมแดงหรือติดเชื้อ
  • ผู้ป่วยสามารถทำกิจกรรมประจำวันได้โดยไม่มีอาการบวมหรือการจำกัดการเคลื่อนไหว
  • ผู้ป่วยจะได้รับคำแนะนำในการป้องกันการเกิดภาวะแทรกซ้อนจากการฟื้นฟูร่างกาย

3. Evaluate Criteria

  • แผลผ่าตัดหายดี ไม่มีอาการบวม แดง หรือมีการติดเชื้อ
  • ผู้ป่วยไม่มีอาการบวมที่ขาหรือแขนข้างที่ได้รับการผ่าตัด
  • ผู้ป่วยสามารถทำกิจกรรมเบาๆ ได้โดยไม่มีอาการอ่อนเพลียหรือความผิดปกติจากการเคลื่อนไหว
  • ผู้ป่วยสามารถแจ้งอาการที่อาจบ่งชี้ถึงภาวะแทรกซ้อนได้ เช่น การปวดที่แผลผ่าตัดหรือการบวมที่ผิดปกติ

4. Intervention

  • C50.9F15I-1: ตรวจแผลผ่าตัดทุกวันเพื่อประเมินอาการบวม แดง หรือสารคัดหลั่งที่บ่งชี้ถึงการติดเชื้อ
  • C50.9F15I-2: สอนผู้ป่วยการทำความสะอาดแผลอย่างถูกวิธี เพื่อลดโอกาสการติดเชื้อ
  • C50.9F15I-3: ให้คำแนะนำเกี่ยวกับการเพิ่มการเคลื่อนไหว เช่น การทำกายภาพบำบัดเบาๆ เพื่อป้องกันการเกิดลิ่มเลือด
  • C50.9F15I-4: ให้การนอนในท่าที่เหมาะสม เช่น การนอนยกขาขึ้น (elevation) เพื่อลดบวมและการไหลเวียนของเลือด
  • C50.9F15I-5: ตรวจสอบการใช้ยาป้องกันการเกิดลิ่มเลือด เช่น การใช้ยาต้านการแข็งตัวของเลือดหรือการใช้เครื่องมือช่วยลดการบวม

5. Response

  • C50.9F15R-1: แผลผ่าตัดหายดีและไม่มีการติดเชื้อหรือการบวมที่ผิดปกติ
  • C50.9F15R-2: ผู้ป่วยไม่มีอาการบวมที่ผิดปกติหรืออาการขัดขวางการเคลื่อนไหวจากการฟื้นฟูร่างกาย
  • C50.9F15R-3: ผู้ป่วยสามารถทำกิจกรรมประจำวันได้ตามปกติและไม่มีอาการของภาวะแทรกซ้อน เช่น การติดเชื้อหรือการเกิดลิ่มเลือด
  • C50.9F15R-4: ผู้ป่วยสามารถระบุอาการที่อาจบ่งชี้ถึงภาวะแทรกซ้อน และสามารถติดต่อทีมการดูแลได้ทันที

…………………………………………………..

C50.9F16: ขาดความต่อเนื่องในการรับบริการสุขภาพ เนื่องจากขาดการติดตามผลหลังจำหน่าย

1. Assessment

S:

  • ผู้ป่วยรายงานว่าไม่สามารถกลับมารับการตรวจติดตามหลังการรักษา เนื่องจากปัญหาด้านเวลา การเดินทาง หรือปัญหาทางการเงิน
  • ผู้ป่วยรู้สึกวิตกกังวลเกี่ยวกับผลการรักษาและการกลับมาป่วยซ้ำ
  • ผู้ป่วยไม่ทราบถึงการจำเป็นของการตรวจติดตามที่สำคัญในการรักษาโรคมะเร็งเต้านมระยะยาว

O:

  • ไม่มีการนัดหมายสำหรับการติดตามผลในช่วงระยะเวลาหลังจำหน่าย
  • ไม่มีการบันทึกการตรวจสุขภาพหรือการตรวจเลือดหลังจากการรักษาครั้งสุดท้าย
  • ผู้ป่วยไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับการประเมินระยะเวลาการฟื้นฟูหรือการตรวจสุขภาพที่จำเป็นหลังการรักษา

2. Goals

  • ผู้ป่วยจะได้รับการติดตามผลหลังการรักษาอย่างต่อเนื่องตามคำแนะนำจากทีมแพทย์
  • ผู้ป่วยจะได้รับข้อมูลที่ครบถ้วนเกี่ยวกับการติดตามผลหลังการรักษามะเร็งเต้านม
  • ผู้ป่วยสามารถเข้ารับการตรวจสุขภาพหลังจำหน่ายตามกำหนดเวลา
  • ลดความวิตกกังวลเกี่ยวกับการกลับมาป่วยซ้ำจากการขาดการติดตามผล

3. Evaluate Criteria

  • ผู้ป่วยได้รับการนัดหมายการตรวจติดตามผลอย่างน้อยทุก 3 เดือน
  • ผู้ป่วยสามารถเข้ารับการตรวจสุขภาพตามเวลาที่กำหนด
  • ผู้ป่วยได้รับข้อมูลที่ชัดเจนเกี่ยวกับความสำคัญของการตรวจติดตามผลหลังการรักษา
  • ความวิตกกังวลของผู้ป่วยเกี่ยวกับการกลับมาป่วยซ้ำลดลง

4. Intervention

  • C50.9F16I-1: ให้คำแนะนำเกี่ยวกับความสำคัญของการติดตามผลหลังการรักษาและกระตุ้นให้ผู้ป่วยรับรู้ถึงประโยชน์ในการตรวจสุขภาพที่ต่อเนื่อง
  • C50.9F16I-2: จัดทำตารางการนัดหมายการติดตามผลหลังการรักษาและช่วยผู้ป่วยในการติดต่อเพื่อนัดหมาย
  • C50.9F16I-3: ให้คำแนะนำเกี่ยวกับวิธีการดูแลสุขภาพในระยะยาวหลังการรักษามะเร็งเต้านม เช่น การตรวจคัดกรองมะเร็งอื่น หรือการประเมินสุขภาพในภาพรวม
  • C50.9F16I-4: ส่งเสริมการใช้เทคโนโลยี เช่น การนัดหมายออนไลน์ หรือการรับคำปรึกษาผ่านทางโทรศัพท์ เพื่อให้การติดตามผลสะดวกยิ่งขึ้น

5. Response

  • C50.9F16R-1: ผู้ป่วยสามารถเข้ารับการตรวจติดตามผลตามกำหนดเวลา
  • C50.9F16R-2: ผู้ป่วยได้รับข้อมูลครบถ้วนเกี่ยวกับการติดตามผลและมีความเข้าใจในความสำคัญของการตรวจสุขภาพที่ต่อเนื่อง
  • C50.9F16R-3: ความวิตกกังวลของผู้ป่วยลดลงและผู้ป่วยสามารถติดตามผลการรักษาได้อย่างมั่นใจ
  • C50.9F16R-4: ผู้ป่วยสามารถติดต่อทีมการดูแลสุขภาพได้หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการติดตามผลหรือการรักษา

.............................................................................

C50.9F17: เสี่ยงต่อการกลับมาเป็นซ้ำหรือการแพร่กระจายของมะเร็ง เนื่องจากไม่ได้รับคำแนะนำเกี่ยวกับการตรวจติดตามระยะยาว

1. Assessment

S:

  • ผู้ป่วยรายงานว่าไม่ได้รับข้อมูลหรือคำแนะนำเกี่ยวกับการตรวจติดตามผลระยะยาวหลังการรักษามะเร็งเต้านม
  • ผู้ป่วยมีความกังวลเกี่ยวกับการกลับมาเป็นซ้ำของมะเร็ง แต่ไม่ทราบถึงการตรวจหรือการตรวจคัดกรองที่จำเป็นในอนาคต
  • ผู้ป่วยไม่สามารถตัดสินใจเกี่ยวกับขั้นตอนการตรวจหรือการติดตามผลที่เหมาะสมหลังจากการรักษา

O:

  • ไม่มีการบันทึกการนัดหมายการติดตามผลระยะยาว
  • ไม่มีเอกสารหรือแผนการติดตามผลหลังการรักษาที่ชัดเจน
  • ไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับการตรวจคัดกรองมะเร็งในระยะยาวหรือการตรวจสุขภาพประจำปี

2. Goals

  • ผู้ป่วยจะได้รับข้อมูลและคำแนะนำที่ชัดเจนเกี่ยวกับการตรวจติดตามระยะยาวหลังการรักษามะเร็งเต้านม
  • ผู้ป่วยจะได้รับการตรวจติดตามผลระยะยาวเพื่อเฝ้าระวังการกลับมาเป็นซ้ำหรือการแพร่กระจายของมะเร็ง
  • ผู้ป่วยสามารถเข้ารับการตรวจคัดกรองหรือการประเมินสุขภาพตามกำหนดเวลา
  • ลดความวิตกกังวลของผู้ป่วยเกี่ยวกับการกลับมาเป็นซ้ำของมะเร็ง

3. Evaluate Criteria

  • ผู้ป่วยได้รับคำแนะนำเกี่ยวกับการตรวจติดตามระยะยาวอย่างครบถ้วน
  • ผู้ป่วยได้รับการนัดหมายหรือได้รับการติดตามผลตามคำแนะนำจากทีมแพทย์
  • ผู้ป่วยสามารถเข้ารับการตรวจคัดกรองตามเวลาที่กำหนด
  • ผู้ป่วยมีความรู้เกี่ยวกับวิธีการตรวจสุขภาพและการป้องกันการกลับมาเป็นซ้ำของมะเร็ง

4. Intervention

  • C50.9F17I-1: ให้ข้อมูลและคำแนะนำเกี่ยวกับการตรวจติดตามผลระยะยาวหลังการรักษามะเร็งเต้านม เช่น การตรวจมะเร็งเต้านม การตรวจคัดกรองมะเร็งชนิดอื่นๆ หรือการประเมินสุขภาพทั่วไป
  • C50.9F17I-2: ส่งเสริมให้ผู้ป่วยเข้าใจถึงความสำคัญของการตรวจคัดกรองและการตรวจติดตามในระยะยาวเพื่อป้องกันการกลับมาเป็นซ้ำของมะเร็ง
  • C50.9F17I-3: จัดตารางนัดหมายการติดตามผลและช่วยผู้ป่วยในการจัดการเรื่องการติดตามผล
  • C50.9F17I-4: สนับสนุนการเข้ารับการตรวจติดตามผลในระยะยาว เช่น การตรวจโดยใช้เทคโนโลยีการสื่อสารทางไกล หรือการให้คำปรึกษาทางโทรศัพท์เกี่ยวกับขั้นตอนการตรวจและการดูแล

5. Response

  • C50.9F17R-1: ผู้ป่วยได้รับข้อมูลที่จำเป็นเกี่ยวกับการตรวจติดตามระยะยาว
  • C50.9F17R-2: ผู้ป่วยสามารถเข้ารับการตรวจติดตามผลได้ตามกำหนดเวลา
  • C50.9F17R-3: ผู้ป่วยมีความเข้าใจในความสำคัญของการตรวจติดตามระยะยาวและสามารถดูแลสุขภาพในระยะยาวได้
  • C50.9F17R-4: ความวิตกกังวลของผู้ป่วยเกี่ยวกับการกลับมาเป็นซ้ำลดลง และผู้ป่วยรู้สึกมั่นใจในขั้นตอนการดูแลสุขภาพและการตรวจติดตาม

………………………………………..

อำภัย  อินดี