เกี่ยวกับฉัน

รูปภาพของฉัน
เมือง, พิษณุโลก, Thailand

วันเสาร์ที่ 11 มกราคม พ.ศ. 2568

EP. 32👉👉ตัวอย่าง : การพยาบาลผู้ป่วยโรคอุจจาระร่วง (Diarrhea) K52.9 - Noninfective gastroenteritis and colitis, unspecified

❤️ โรคอุจจาระร่วง (Diarrhea) K52.9 - รู้จักก่อน ป้องกันได้!

👉 เคยรู้สึกท้องเสียโดยไม่รู้สาเหตุไหม? อาการถ่ายเหลวบ่อยๆ อาจไม่ได้มาจากการติดเชื้อเสมอไป!

👉 ร่างกายของเราบางครั้งตอบสนองต่อ อาหาร หรือ ยา ที่ทานเข้าไป ลำไส้ระคายเคือง ทำให้ถ่ายเหลวได้

👉 ปัญหาสุขภาพบางอย่าง เช่น โรคลำไส้อักเสบ ดูดซึมสารอาหารได้น้อยลง จนเกิดความเสี่ยงต่อ ภาวะขาดน้ำและเกลือแร่

.............................

❤️การรักษาโรคอุจจาระร่วงอย่างมีประสิทธิภาพ!

👉 การป้องกัน ภาวะขาดน้ำ คือสิ่งสำคัญที่สุด! ดื่ม น้ำเกลือแร่ (ORS)

👉กรณีรุนแรงอาจต้องได้รับน้ำเกลือทางเส้นเลือด และควรเลือกอาหารที่ย่อยง่าย หลีกเลี่ยงอาหารที่กระตุ้นอาการ เพื่อฟื้นฟูร่างกายอย่างรวดเร็ว👉 บางกรณีอาจจำเป็นต้องใช้ ยา เพื่อลดอาการหรือป้องกันการติดเชื้อแทรกซ้อน

🚑 ดูแลตัวเองได้ง่ายๆ เพื่อหลีกเลี่ยงโรคนี้! โดยทำให้ร่างกายของคุณแข็งแรงและพร้อมรับมือกับทุกสถานการณ์!

..................................................

❤️การดูแลพยาบาลผู้ป่วยโรคอุจจาระร่วง

ประเมินอาการขาดน้ำ เช่น ผิวแห้ง หน้ามืด อ่อนเพลีย

สังเกตการเปลี่ยนแปลงของสัญญาณชีพ เช่น หัวใจเต้นเร็ว ความดันโลหิตลดลง

ประเมินจำนวนการขับถ่ายและความรู้สึกตัวของผู้ป่วย

ดูแลให้พักผ่อนอย่างเพียงพอ

แนะนำให้เลือกอาหารที่ย่อยง่าย ไม่ระคายเคืองลำไส้ ดื่มน้ำและเกลือแร่ให้เพียงพอ

อุจจาระร่วงรุนแรงอาจนำไปสู่ภาวะขาดน้ำได้อย่างรวดเร็ว หากมีอาการหนักหรือไม่ดีขึ้นภายใน 1-2 วัน รีบพบแพทย์ทันที! 

 ..........................................................

วินิจฉัยการพยาบาลผู้ป่วยโรคอุจจาระร่วง

  1. K52.9F1 - เสี่ยงต่อภาวะช็อกจากการขาดน้ำ (Risk for Shock due to Dehydration) เนื่องจากการสูญเสียของเหลวและอิเล็กโทรไลต์จากการถ่ายท้องบ่อย อาจทำให้เกิดภาวะช็อกจากการขาดต่อการรักษาอย่างใกล้ชิด
  2. K52.9F2 - การขาดน้ำและอิเล็กโทรไลต์ (Fluid and Electrolyte Imbalance) ผู้ป่วยมีความเสี่ยงต่อภาวะขาดน้ำและอิเล็กโทรไลต์จากการถ่ายท้องบ่อย
  3. K52.9F3 - ภาวะเสี่ยงต่อการเกิดแผลที่ผิวหนัง (Risk for Impaired Skin Integrity) การถ่ายท้องบ่อยอาจทำให้เกิดการระคายเคืองหรือแผลที่ผิวหนัง โดยเฉพาะบริเวณทวารหนัก
  4. K52.9F4 - เสี่ยงต่อการขาดสารอาหาร (Risk for Nutritional Deficit) จากการสูญเสียสารอาหารและการดูดซึมที่ไม่เพียงพอจากการอักเสบในลำไส้
  5. K52.9F5 - การจัดการความเจ็บปวด (Acute Pain Management) ผู้ป่วยอาจมีอาการปวดท้องจากการอักเสบของลำไส้หรือการบีบตัวของกล้ามเนื้อท้อง
  6. K52.9F6 - การจัดการความวิตกกังวล (Anxiety Management) ผู้ป่วยอาจมีความวิตกกังวลเกี่ยวกับอาการของตนและการรักษา
  7. K52.9F7 - การติดเชื้อ (Risk for Infection) การถ่ายท้องบ่อยและการระคายเคืองในลำไส้นำไปสู่การติดเชื้อในระบบทางเดินอาหารหรือทางเดินปัสสาวะ
  8. K52.9F8 - มีไข้ (Fever Management) ผู้ป่วยอาจมีไข้จากการอักเสบในลำไส้หรือภาวะแทรกซ้อนจากโรค
  9. K52.9F9 - การวางแผนจำหน่าย (Discharge Planning) เน้นที่การให้คำแนะนำในการดูแลตัวเองที่บ้าน เช่น การบริโภคสารน้ำและอาหารที่เหมาะสม
  10. K52.9F10 - การติดตามหลังจำหน่าย (Post-Discharge Monitoring) หลังจากการจำหน่ายผู้ป่วยต้องมีการติดตามอาการในระยะยาว โดยอาจมีการนัดหมายเพื่อการประเมินอาการซ้ำและการตรวจสอบสภาพทางโภชนาการ การรับประทานอาหารและการดูแลส่วนบุคคลเพื่อป้องกันการกลับมาเป็นโรคซ้ำ

หมายเหตุ: ตัวเลข F1, F2, F3 เป็นเพียงตัวเลขที่กำหนดขึ้นเพื่อให้การจัดลำดับวินิจฉัยการพยาบาลเป็นไปอย่างมีระบบ อาจปรับเปลี่ยนได้ตามความเหมาะสม

……………………………………

K52.9F1 - เสี่ยงต่อภาวะช็อกจากการขาดน้ำ (Risk for Shock due to Dehydration)

Assessment (การประเมิน)

S:

  • ถ่ายอุจจาระบ่อยครั้ง
  • อุจจาระเหลว/เป็นน้ำ/มีมูกเลือด
  • ปวดท้อง
  • คลื่นไส้/อาเจียน
  • อ่อนเพลีย
  • วิงเวียนศีรษะ
  • กระหายน้ำ

O:

  • ชีพจรเร็ว
  • ความดันโลหิตต่ำ
  • อุณหภูมิเปลี่ยนแปลง (สูง/ต่ำ)
  • ผิวหนังแห้ง/เหี่ยว
  • ช่องปากแห้ง
  • ปัสสาวะน้อย/สีเข้ม
  • ซึมลง
  • น้ำหนักตัวเปลี่ยนแปลง
  • อิเล็กโทรไลต์ผิดปกติ
  • Hematocrit สูง

Goals (เป้าหมาย)

  • ป้องกันภาวะช็อกจากการขาดน้ำ
  • รักษาสมดุลของน้ำและอิเล็กโทรไลต์
  • ลดอาการท้องเสีย
  • ส่งเสริมความสุขสบายของผู้ป่วย

Evaluate criteria (เกณฑ์การประเมิน)

  • สัญญาณชีพคงที่ (ชีพจรปกติ ความดันโลหิตปกติ)
  • ผิวหนังชุ่มชื้น
  • ช่องปากไม่แห้ง
  • ปัสสาวะออกปกติ สีใส
  • ระดับความรู้สึกตัวดี
  • น้ำหนักตัวคงที่หรือเพิ่มขึ้นเล็กน้อย
  • อาการท้องเสียลดลง

Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)

  • K52.9F1I-1: ประเมินสัญญาณชีพ (ชีพจร ความดันโลหิต อุณหภูมิ อัตราการหายใจ) ทุก 1-2 ชั่วโมง หรือบ่อยกว่านั้นในรายที่มีอาการรุนแรง เพื่อเฝ้าระวังภาวะช็อก
  • K52.9F1I-2: ให้สารน้ำทางหลอดเลือดดำ (Intravenous fluid) ตามแผนการรักษาของแพทย์ เพื่อชดเชยการสูญเสียน้ำและอิเล็กโทรไลต์
  • K52.9F1I-3: ประเมินภาวะขาดน้ำ (Dehydration) ทุก 2-4 ชั่วโมง โดยสังเกตอาการ ผิวหนังแห้ง เหี่ยว ช่องปากแห้ง ปัสสาวะออกน้อย สีเข้ม ระดับความรู้สึกตัว เพื่อประเมินความรุนแรงของการขาดน้ำ
  • K52.9F1I-4: ติดตามผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการ เช่น ระดับอิเล็กโทรไลต์ในเลือด ค่าความเข้มข้นของเลือด เพื่อประเมินความสมดุลของอิเล็กโทรไลต์และภาวะขาดน้ำ
  • K52.9F1I-5: ชั่งน้ำหนักตัวผู้ป่วยทุกวันในเวลาเดียวกัน เพื่อติดตามการเปลี่ยนแปลงของน้ำหนักและประเมินภาวะขาดน้ำ
  • K52.9F1I-6: บันทึกปริมาณน้ำเข้า-ออก (Intake and Output) อย่างละเอียด เพื่อติดตามสมดุลของน้ำในร่างกาย
  • K52.9F1I-7: ดูแลให้ผู้ป่วยได้รับสารน้ำทางปาก (Oral rehydration solution: ORS) บ่อยๆ ในรายที่อาการไม่รุนแรง เพื่อชดเชยการสูญเสียน้ำและอิเล็กโทรไลต์
  • K52.9F1I-8: ให้ยาตามแผนการรักษาของแพทย์ เช่น ยาแก้ท้องเสีย ยาแก้อาเจียน เพื่อบรรเทาอาการ
  • K52.9F1I-9: ดูแลความสะอาดของผิวหนังและบริเวณทวารหนัก เพื่อป้องกันการระคายเคืองและการติดเชื้อ
  • K52.9F1I-10: ให้คำแนะนำผู้ป่วยและญาติเกี่ยวกับการดูแลตนเอง เช่น การรับประทานอาหารอ่อน การดื่มน้ำสะอาด การรักษาสุขอนามัย เพื่อป้องกันการกลับเป็นซ้ำ

Response (การตอบสนอง)

  • K52.9F1R-1: สัญญาณชีพคงที่ ชีพจรอยู่ในช่วง 60-100 ครั้ง/นาที ความดันโลหิตอยู่ในช่วง 90/60 – 120/80 mmHg
  • K52.9F1R-2: ผิวหนังชุ่มชื้น ไม่แห้งเหี่ยว
  • K52.9F1R-3: ช่องปากไม่แห้ง
  • K52.9F1R-4: ปัสสาวะออกปกติ ปริมาณ 0.5-1 ml/kg/hr สีใส
  • K52.9F1R-5: ระดับความรู้สึกตัวดี รู้ตัวดี
  • K52.9F1R-6: น้ำหนักตัวคงที่หรือเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ไม่ลดลงมากกว่า 1 กิโลกรัม/วัน
  • K52.9F1R-7: อาการท้องเสียลดลง จำนวนครั้งของการถ่ายอุจจาระลดลง ลักษณะอุจจาระดีขึ้น

…………………………………………..

K52.9F2 - การขาดน้ำและอิเล็กโทรไลต์ (Fluid and Electrolyte Imbalance)

Assessment (การประเมิน)

S:

ถ่ายอุจจาระบ่อยครั้ง

  • อุจจาระเหลว/เป็นน้ำ/มีมูกเลือด
  • ปวดท้อง
  • คลื่นไส้/อาเจียน
  • อ่อนเพลีย
  • วิงเวียนศีรษะ
  • กระหายน้ำ
  • กล้ามเนื้ออ่อนแรง/ตะคริว

O:

  • ชีพจรเร็ว
  • ความดันโลหิตต่ำ
  • อุณหภูมิเปลี่ยนแปลง (สูง/ต่ำ)
  • ผิวหนังแห้ง/เหี่ยว
  • ช่องปากแห้ง
  • ปัสสาวะน้อย/สีเข้ม
  • ซึมลง
  • น้ำหนักตัวเปลี่ยนแปลง
  • อิเล็กโทรไลต์ผิดปกติ
  • Hematocrit สูง
  • ABG ผิดปกติ

Goals (เป้าหมาย)

  • รักษาสมดุลของน้ำและอิเล็กโทรไลต์
  • ป้องกันภาวะแทรกซ้อนจากการขาดน้ำและอิเล็กโทรไลต์
  • ลดอาการท้องเสีย
  • ส่งเสริมความสุขสบายของผู้ป่วย

Evaluate criteria (เกณฑ์การประเมิน)

  • สัญญาณชีพคงที่ (ชีพจรปกติ ความดันโลหิตปกติ)
  • ผิวหนังชุ่มชื้น
  • ช่องปากไม่แห้ง
  • ปัสสาวะออกปกติ สีใส
  • ระดับความรู้สึกตัวดี
  • น้ำหนักตัวคงที่หรือเพิ่มขึ้นเล็กน้อย
  • ระดับอิเล็กโทรไลต์ในเลือดอยู่ในช่วงปกติ
  • อาการท้องเสียลดลง

Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)

  • K52.9F2I-1: ประเมินสัญญาณชีพ (ชีพจร ความดันโลหิต อุณหภูมิ อัตราการหายใจ) ทุก 1-2 ชั่วโมง หรือบ่อยกว่านั้นในรายที่มีอาการรุนแรง เพื่อเฝ้าระวังความผิดปกติ
  • K52.9F2I-2: ให้สารน้ำทางหลอดเลือดดำ (Intravenous fluid) ตามแผนการรักษาของแพทย์ เพื่อชดเชยการสูญเสียน้ำและอิเล็กโทรไลต์ โดยพิจารณาชนิดของสารน้ำและอัตราการให้ตามความเหมาะสมกับภาวะของผู้ป่วย เช่น ในรายที่มีภาวะขาดโซเดียม อาจให้สารละลาย
  • K52.9F2I-3: ติดตามผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการ เช่น ระดับอิเล็กโทรไลต์ในเลือด ค่าความเข้มข้นของเลือด ค่าความเป็นกรด-ด่างของเลือด เพื่อประเมินความสมดุลของอิเล็กโทรไลต์และภาวะขาดน้ำ
  • K52.9F2I-4: ประเมินภาวะขาดน้ำ (Dehydration) ทุก 2-4 ชั่วโมง โดยสังเกตอาการ ผิวหนังแห้ง เหี่ยว ช่องปากแห้ง ปัสสาวะออกน้อย สีเข้ม ระดับความรู้สึกตัว เพื่อประเมินความรุนแรงของการขาดน้ำ
  • K52.9F2I-5: บันทึกปริมาณน้ำเข้า-ออก (Intake and Output) อย่างละเอียด เพื่อติดตามสมดุลของน้ำในร่างกาย
  • K52.9F2I-6: สังเกตอาการและอาการแสดงของการขาดอิเล็กโทรไลต์ เช่น กล้ามเนื้ออ่อนแรง ตะคริว หัวใจเต้นผิดปกติ เพื่อให้การรักษาได้อย่างทันท่วงที
  • K52.9F2I-7: ชั่งน้ำหนักตัวผู้ป่วยทุกวันในเวลาเดียวกัน เพื่อติดตามการเปลี่ยนแปลงของน้ำหนักและประเมินภาวะขาดน้ำ
  • Normal saline ในรายที่มีภาวะขาดโพแทสเซียม อาจให้สารละลายที่มีโพแทสเซียมผสม
  • K52.9F2I-8: ดูแลให้ผู้ป่วยได้รับสารน้ำทางปาก (Oral rehydration solution: ORS) บ่อยๆ ในรายที่อาการไม่รุนแรง เพื่อชดเชยการสูญเสียน้ำและอิเล็กโทรไลต์ แนะนำให้จิบบ่อยๆ ทีละน้อย
  • K52.9F2I-9: ให้ยาตามแผนการรักษาของแพทย์ เช่น ยาแก้ท้องเสีย ยาแก้อาเจียน เพื่อบรรเทาอาการ
  • K52.9F2I-10: ดูแลความสะอาดของผิวหนังและบริเวณทวารหนัก เพื่อป้องกันการระคายเคืองและการติดเชื้อ
  • K52.9F2I-11: ให้คำแนะนำผู้ป่วยและญาติเกี่ยวกับการดูแลตนเอง เช่น การรับประทานอาหารอ่อน การดื่มน้ำสะอาด การรักษาสุขอนามัย การสังเกตอาการผิดปกติ เพื่อป้องกันการกลับเป็นซ้ำ

Response (การตอบสนอง)

  • K52.9F2R-1: สัญญาณชีพคงที่ ชีพจรอยู่ในช่วง 60-100 ครั้ง/นาที ความดันโลหิตอยู่ในช่วง 90/60 – 120/80 mmHg
  • K52.9F2R-2: ผิวหนังชุ่มชื้น ไม่แห้งเหี่ยว
  • K52.9F2R-3: ช่องปากไม่แห้ง
  • K52.9F2R-4: ปัสสาวะออกปกติ ปริมาณ 0.5-1 ml/kg/hr สีใส
  • K52.9F2R-5: ระดับความรู้สึกตัวดี รู้ตัวดี
  • K52.9F2R-6: น้ำหนักตัวคงที่หรือเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ไม่ลดลงมากกว่า 1 กิโลกรัม/วัน
  • K52.9F2R-7: ระดับอิเล็กโทรไลต์ในเลือดอยู่ในช่วงปกติ (เช่น โซเดียม 135-145 mEq/L, โพแทสเซียม 3.5-5.0 mEq/L)
  • K52.9F2R-8: อาการท้องเสียลดลง จำนวนครั้งของการถ่ายอุจจาระลดลง ลักษณะอุจจาระดีขึ้น
  • K52.9F2R-9: ไม่มีอาการและอาการแสดงของการขาดอิเล็กโทรไลต์ เช่น กล้ามเนื้ออ่อนแรง ตะคริว หัวใจเต้นปกติ

……………………………………….

K52.9F3 - ภาวะเสี่ยงต่อการเกิดแผลที่ผิวหนัง (Risk for Impaired Skin Integrity)

Assessment (การประเมิน)

S:

  • แสบ/คัน/เจ็บ บริเวณทวารหนัก
  • ถ่ายอุจจาระบ่อย
  • อุจจาระเหลว/เป็นกรด
  • ประวัติแพ้สารเคมี/ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด

O:

  • รอยแดงบริเวณทวารหนัก
  • ผิวหนังแตก/ถลอก/มีแผล
  • อุจจาระมีความเป็นกรดสูง
  • ถ่ายอุจจาระบ่อย

Goals (เป้าหมาย)

  • ป้องกันการเกิดแผลที่ผิวหนังบริเวณทวารหนักและบริเวณใกล้เคียง
  • ส่งเสริมการหายของแผล (หากมีแผลอยู่แล้ว)
  • ลดความรู้สึกไม่สุขสบายของผู้ป่วย

Evaluate criteria (เกณฑ์การประเมิน)

  • ผิวหนังบริเวณทวารหนักและบริเวณใกล้เคียงไม่มีรอยแดง ผิวหนังไม่แตก ไม่ถลอก และไม่มีแผล
  • หากมีแผลอยู่แล้ว แผลมีขนาดเล็กลง ไม่มีอาการบวมแดง หรือหนอง
  • ผู้ป่วยรู้สึกสุขสบายขึ้น ไม่แสบ คัน หรือเจ็บ บริเวณทวารหนัก

Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)

  • K52.9F3I-1: ประเมินสภาพผิวหนังบริเวณทวารหนักและบริเวณใกล้เคียง ทุก 2-4 ชั่วโมง หรือหลังการถ่ายอุจจาระทุกครั้ง เพื่อเฝ้าระวังการเปลี่ยนแปลงของผิวหนัง
  • K52.9F3I-2: ทำความสะอาดบริเวณทวารหนักหลังการถ่ายอุจจาระทุกครั้ง ด้วยน้ำสะอาดและสบู่อ่อนๆ ที่ไม่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์หรือน้ำหอม หลีกเลี่ยงการใช้กระดาษชำระที่แข็งกระด้าง
  • K52.9F3I-3: ซับผิวหนังบริเวณทวารหนักให้แห้งเบาๆ ด้วยผ้าสะอาดและนุ่ม หลีกเลี่ยงการเช็ดถูแรงๆ
  • K52.9F3I-4: ทาครีมหรือขี้ผึ้งที่มีคุณสมบัติเป็นเกราะป้องกันผิวหนัง (Skin barrier cream) บริเวณทวารหนักหลังทำความสะอาดและซับให้แห้ง เพื่อป้องกันผิวหนังจากการระคายเคืองจากอุจจาระ
  • K52.9F3I-5: เปลี่ยนผ้าอ้อมหรือแผ่นรองซับบ่อยๆ เมื่อเปียกชื้น เพื่อลดความอับชื้นและความเสี่ยงต่อการระคายเคือง
  • K52.9F3I-6: หากพบแผล ให้ดูแลแผลตามหลักการดูแลแผล เช่น ทำความสะอาดแผล ใส่ยาตามแผนการรักษาของแพทย์ และปิดแผลด้วยวัสดุปิดแผลที่เหมาะสม
  • K52.9F3I-7: ส่งเสริมให้ผู้ป่วยดื่มน้ำให้เพียงพอ เพื่อป้องกันภาวะขาดน้ำ ซึ่งอาจทำให้ผิวหนังแห้งและเสี่ยงต่อการเกิดแผล
  • K52.9F3I-8: แนะนำให้ผู้ป่วยหลีกเลี่ยงการเกาบริเวณทวารหนัก เพื่อป้องกันการเกิดแผลและการติดเชื้อ
  • K52.9F3I-9: ให้คำแนะนำผู้ป่วยและญาติเกี่ยวกับการดูแลผิวหนังบริเวณทวารหนัก การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด และการสังเกตอาการผิดปกติ เพื่อป้องกันการเกิดแผลซ้ำ

Response (การตอบสนอง)

  • K52.9F3R-1: ผิวหนังบริเวณทวารหนักและบริเวณใกล้เคียงไม่มีรอยแดง ผิวหนังไม่แตก ไม่ถลอก และไม่มีแผล
  • K52.9F3R-2: หากมีแผลอยู่แล้ว แผลมีขนาดเล็กลง ไม่มีอาการบวมแดง หรือหนอง
  • K52.9F3R-3: ผู้ป่วยรู้สึกสุขสบายขึ้น ไม่แสบ คัน หรือเจ็บ บริเวณทวารหนัก

………………………………………

K52.9F4 - เสี่ยงต่อการขาดสารอาหาร (Risk for Nutritional Deficit)

Assessment (การประเมิน)

S:

  • ปริมาณอาหารที่รับประทาน (ก่อนเกิดอาการ)
  • ความถี่ในการรับประทาน (ก่อนเกิดอาการ)
  • เบื่ออาหาร
  • คลื่นไส้/อาเจียน
  • น้ำหนักลด
  • อ่อนเพลีย/ไม่มีแรง

O:

  • น้ำหนักตัว
  • ส่วนสูง
  • BMI (ดัชนีมวลกาย)
  • ผิวหนังแห้ง
  • ผมร่วง
  • กล้ามเนื้อลีบ
  • อัลบูมินในเลือดต่ำ
  • โปรตีนรวมในเลือดต่ำ
  • อิเล็กโทรไลต์ผิดปกติ
  • วิตามิน/แร่ธาตุผิดปกติ

Goals (เป้าหมาย)

  • ป้องกันภาวะขาดสารอาหาร
  • รักษาสมดุลของสารอาหารในร่างกาย
  • ส่งเสริมการฟื้นตัวของลำไส้
  • ลดอาการไม่สุขสบายของผู้ป่วย

Evaluate criteria (เกณฑ์การประเมิน)

  • น้ำหนักตัวคงที่หรือเพิ่มขึ้น
  • ค่าดัชนีมวลกาย (BMI) อยู่ในเกณฑ์ปกติ
  • ผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการอยู่ในเกณฑ์ปกติ เช่น ระดับอัลบูมิน โปรตีนรวม อิเล็กโทรไลต์ วิตามินและแร่ธาตุ
  • ผู้ป่วยรับประทานอาหารได้มากขึ้น
  • อาการอ่อนเพลียลดลง

Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)

  • K52.9F4I-1: ประเมินภาวะโภชนาการของผู้ป่วยอย่างละเอียด โดยการซักประวัติการรับประทานอาหาร ตรวจร่างกาย และตรวจทางห้องปฏิบัติการ เพื่อประเมินความเสี่ยงต่อการขาดสารอาหาร
  • K52.9F4I-2: หากผู้ป่วยไม่สามารถรับประทานอาหารทางปากได้เพียงพอ พิจารณาให้สารอาหารทางหลอดเลือดดำ (Parenteral nutrition) หรือทางสายให้อาหาร (Enteral nutrition) ตามแผนการรักษาของแพทย์
  • K52.9F4I-3: ติดตามผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการ เช่น ระดับอัลบูมิน โปรตีนรวม อิเล็กโทรไลต์ วิตามินและแร่ธาตุ เพื่อประเมินความสมดุลของสารอาหาร
  • K52.9F4I-4: ชั่งน้ำหนักผู้ป่วยทุกวันในเวลาเดียวกัน เพื่อติดตามการเปลี่ยนแปลงของน้ำหนัก
  • K52.9F4I-5: บันทึกปริมาณอาหารที่ผู้ป่วยรับประทานในแต่ละวัน (Food record) เพื่อประเมินปริมาณแคลอรี่และสารอาหารที่ได้รับ
  • K52.9F4I-6: จัดอาหารอ่อน ย่อยง่าย รสไม่จัด และมีสารอาหารครบถ้วน ให้ผู้ป่วยรับประทานบ่อยๆ ครั้งละน้อย เพื่อลดภาระการทำงานของลำไส้
  • K52.9F4I-7: แนะนำให้ผู้ป่วยหลีกเลี่ยงอาหารที่กระตุ้นการบีบตัวของลำไส้ เช่น อาหารรสจัด อาหารมัน อาหารที่มีกากใยสูง นม และผลิตภัณฑ์จากนม ในช่วงที่มีอาการท้องเสีย
  • K52.9F4I-8: ให้วิตามินและแร่ธาตุเสริม ตามแผนการรักษาของแพทย์ เพื่อชดเชยการสูญเสียจากการถ่ายอุจจาระ
  • K52.9F4I-9: ให้คำแนะนำผู้ป่วยและญาติเกี่ยวกับการรับประทานอาหารที่เหมาะสม การเลือกอาหารที่มีประโยชน์ และการสังเกตอาการผิดปกติ เพื่อป้องกันการขาดสารอาหารในระยะยาว

Response (การตอบสนอง)

  • K52.9F4R-1: น้ำหนักตัวคงที่หรือเพิ่มขึ้น ไม่ลดลง
  • K52.9F4R-2: ค่าดัชนีมวลกาย (BMI) อยู่ในเกณฑ์ปกติ
  • K52.9F4R-3: ผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการอยู่ในเกณฑ์ปกติ เช่น ระดับอัลบูมิน โปรตีนรวม อิเล็กโทรไลต์ วิตามินและแร่ธาตุ
  • K52.9F4R-4: ผู้ป่วยรับประทานอาหารได้มากขึ้น
  • K52.9F4R-5: อาการอ่อนเพลียลดลง

………………………………………..

K52.9F5 - การจัดการความเจ็บปวด (Acute Pain Management)

Assessment (การประเมิน)

S:

  • ตำแหน่งที่ปวด
  • ความรุนแรงของปวด (NRS/VAS)
  • ลักษณะปวด (บีบ/เสียด/แสบ)
  • ระยะเวลาที่ปวด
  • สิ่งที่ทำให้อาการดีขึ้น/แย่ลง
  • คลื่นไส้/อาเจียน (อาการร่วม)

O:

  • สีหน้าแสดงความเจ็บปวด
  • ท่าทางแสดงความเจ็บปวด
  • จับ/กุมบริเวณหน้าท้อง
  • ชีพจรเร็ว
  • ความดันโลหิตสูง
  • เสียงการเคลื่อนไหวของลำไส้ผิดปกติ
  • กดเจ็บบริเวณหน้าท้อง

Goals (เป้าหมาย)

  • ลดความเจ็บปวดของผู้ป่วย
  • ส่งเสริมความสุขสบายของผู้ป่วย
  • ให้ผู้ป่วยสามารถทำกิจกรรมต่างๆ ได้ตามปกติ

Evaluate criteria (เกณฑ์การประเมิน)

  • ผู้ป่วยรายงานความปวดลดลง (เช่น คะแนน NRS ลดลง)
  • พฤติกรรมที่แสดงออกถึงความเจ็บปวดลดลง
  • สัญญาณชีพอยู่ในเกณฑ์ปกติ
  • ผู้ป่วยสามารถทำกิจกรรมต่างๆ ได้มากขึ้น

Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)

  • K52.9F5I-1: ประเมินความปวดของผู้ป่วยอย่างสม่ำเสมอ โดยใช้เครื่องมือประเมินความปวดที่เหมาะสม เช่น NRS หรือ VAS เพื่อติดตามการเปลี่ยนแปลงของความปวด
  • K52.9F5I-2: ให้ยาแก้ปวดตามแผนการรักษาของแพทย์ เช่น ยาแก้ปวดกลุ่ม NSAIDs หรือยาแก้ปวดชนิดอื่นๆ พิจารณาตามความรุนแรงของอาการปวด
  • K52.9F5I-3: ประเมินประสิทธิภาพของยาแก้ปวดที่ได้รับ และรายงานแพทย์หากอาการปวดไม่ดีขึ้น เพื่อปรับแผนการรักษา
  • K52.9F5I-4: จัดท่าทางที่สุขสบายให้ผู้ป่วย เช่น ท่านอนงอเข่า เพื่อลดความตึงของกล้ามเนื้อหน้าท้อง
  • K52.9F5I-5: สอนเทคนิคการผ่อนคลาย เช่น การหายใจลึกๆ การทำสมาธิ การเบี่ยงเบนความสนใจ เพื่อลดความรู้สึกปวด
  • K52.9F5I-6: ประคบอุ่นบริเวณหน้าท้อง เพื่อลดการเกร็งของกล้ามเนื้อและบรรเทาอาการปวด (หากไม่มีข้อห้าม)
  • K52.9F5I-7: ดูแลให้ผู้ป่วยได้รับพักผ่อนอย่างเพียงพอ เพื่อส่งเสริมการฟื้นตัวของร่างกายและลดความรู้สึกปวด
  • K52.9F5I-8: ให้คำแนะนำผู้ป่วยและญาติเกี่ยวกับวิธีการจัดการความปวดด้วยตนเอง เช่น การใช้เทคนิคการผ่อนคลาย การประคบอุ่น และการรับประทานยาตามที่แพทย์สั่ง

Response (การตอบสนอง)

  • K52.9F5R-1: ผู้ป่วยรายงานความปวดลดลง เช่น คะแนน NRS ลดลงอย่างน้อย 2 คะแนน หรือ VAS ดีขึ้น
  • K52.9F5R-2: พฤติกรรมที่แสดงออกถึงความเจ็บปวดลดลง เช่น สีหน้าผ่อนคลาย ท่าทางสบายขึ้น
  • K52.9F5R-3: สัญญาณชีพอยู่ในเกณฑ์ปกติ
  • K52.9F5R-4: ผู้ป่วยสามารถทำกิจกรรมต่างๆ ได้มากขึ้น เช่น ลุกนั่ง เดินได้

……………………………………………….

K52.9F6 - การจัดการความวิตกกังวล (Anxiety Management)

Assessment (การประเมิน)

S:

  • กังวล
  • กลัว
  • รู้สึกไม่แน่นอน
  • หงุดหงิด
  • กระวนกระวายใจ
  • กังวลเกี่ยวกับอาการ
  • กังวลเกี่ยวกับการรักษา
  • กังวลเกี่ยวกับการดำเนินโรค
  • กังวลเกี่ยวกับผลกระทบต่อชีวิตประจำวัน
  • กังวลเกี่ยวกับปัญหาการเงิน
  • กังวลเกี่ยวกับปัญหาครอบครัว

O:

  • สีหน้าวิตกกังวล
  • ท่าทางกระสับกระส่าย
  • น้ำเสียงสั่นเครือ/ไม่มั่นคง
  • แสดงออกทางอารมณ์มาก/น้อยผิดปกติ
  • นอนไม่หลับ
  • รับประทานอาหารน้อยลง
  • ชีพจรเร็ว
  • ความดันโลหิตสูง

Goals (เป้าหมาย)

  • ลดความวิตกกังวลของผู้ป่วย
  • ส่งเสริมความรู้สึกสงบและผ่อนคลาย
  • ให้ผู้ป่วยมีความเข้าใจเกี่ยวกับโรคและการรักษา
  • ให้ผู้ป่วยสามารถปรับตัวและเผชิญกับสถานการณ์ได้อย่างเหมาะสม

Evaluate criteria (เกณฑ์การประเมิน)

  • ผู้ป่วยรายงานความวิตกกังวลลดลง
  • พฤติกรรมที่แสดงออกถึงความวิตกกังวลลดลง
  • ผู้ป่วยแสดงออกถึงความเข้าใจเกี่ยวกับโรคและการรักษา
  • ผู้ป่วยสามารถเผชิญกับสถานการณ์ได้อย่างสงบ

Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)

  • K52.9F6I-1: ประเมินระดับความวิตกกังวลของผู้ป่วย โดยใช้เครื่องมือประเมินความวิตกกังวลที่เหมาะสม เช่น State-Trait Anxiety Inventory (STAI) หรือ Hamilton Anxiety Rating Scale (HAM-A) เพื่อประเมินความรุนแรงของความวิตกกังวล
  • K52.9F6I-2: สร้างสัมพันธภาพที่ดีกับผู้ป่วย โดยการพูดคุยอย่างตั้งใจ รับฟังอย่างเข้าใจ และแสดงความเห็นอกเห็นใจ เพื่อให้ผู้ป่วยรู้สึกไว้วางใจและกล้าที่จะระบายความรู้สึก
  • K52.9F6I-3: ให้ข้อมูลที่ถูกต้องและชัดเจนเกี่ยวกับโรค สาเหตุ อาการ การรักษา และการพยากรณ์โรค เพื่อลดความไม่แน่นอนและความกังวลของผู้ป่วย
  • K52.9F6I-4: อธิบายขั้นตอนการตรวจและการรักษาให้ผู้ป่วยทราบล่วงหน้า เพื่อลดความกลัวและความกังวล
  • K52.9F6I-5: สอนเทคนิคการผ่อนคลาย เช่น การหายใจลึกๆ การทำสมาธิ การจินตนาการ การฟังเพลง เพื่อลดความเครียดและความวิตกกังวล
  • K52.9F6I-6: สนับสนุนให้ผู้ป่วยพูดคุยระบายความรู้สึกกับบุคคลที่ไว้วางใจ เช่น ญาติ เพื่อน หรือนักจิตวิทยา เพื่อให้ผู้ป่วยได้รับการสนับสนุนทางอารมณ์
  • K52.9F6I-7: จัดสิ่งแวดล้อมที่เงียบสงบและผ่อนคลาย เพื่อส่งเสริมการพักผ่อนและลดความวิตกกังวล
  • K52.9F6I-8: หากจำเป็น ปรึกษาจิตแพทย์หรือนักจิตวิทยา เพื่อประเมินและให้การรักษาเพิ่มเติม
  • K52.9F6I-9: ให้คำแนะนำผู้ป่วยและญาติเกี่ยวกับวิธีการจัดการความวิตกกังวลที่บ้าน และแหล่งข้อมูลหรือแหล่งสนับสนุนต่างๆ

Response (การตอบสนอง)

  • K52.9F6R-1: ผู้ป่วยรายงานความวิตกกังวลลดลง
  • K52.9F6R-2: พฤติกรรมที่แสดงออกถึงความวิตกกังวลลดลง เช่น สีหน้าผ่อนคลายขึ้น พูดคุยด้วยน้ำเสียงที่สงบขึ้น นอนหลับได้ดีขึ้น
  • K52.9F6R-3: ผู้ป่วยแสดงออกถึงความเข้าใจเกี่ยวกับโรคและการรักษา โดยการซักถามข้อสงสัยและปฏิบัติตามคำแนะนำได้
  • K52.9F6R-4: ผู้ป่วยสามารถเผชิญกับสถานการณ์ได้อย่างสงบและมีเหตุผลมากขึ้น

…………………………………………..

K52.9F7 - ความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ (Risk for Infection)

Assessment (การประเมิน)

S:

  • มีไข้
  • หนาวสั่น
  • ปวดท้องมากขึ้น
  • อุจจาระมีมูกเลือดปน
  • ปัสสาวะแสบขัด
  • อาการอื่นๆ ที่บ่งบอกการติดเชื้อ

O:

  • อุณหภูมิสูง
  • ชีพจรเร็ว
  • หายใจเร็ว
  • ความดันโลหิตเปลี่ยนแปลง
  • อุจจาระผิดปกติ (สี/กลิ่น/ปริมาณ/มูกเลือด)
  • กดเจ็บบริเวณหน้าท้อง
  • ปัสสาวะผิดปกติ (สี/กลิ่น)
  • ผลเพาะเชื้ออุจจาระพบเชื้อ
  • ผลตรวจปัสสาวะพบเชื้อ
  • เม็ดเลือดขาวสูง (จาก CBC)

Goals (เป้าหมาย)

  • ป้องกันการติดเชื้อในระบบทางเดินอาหารและทางเดินปัสสาวะ
  • ลดความเสี่ยงต่อการแพร่กระจายเชื้อ
  • ส่งเสริมการฟื้นตัวของผู้ป่วย

Evaluate criteria (เกณฑ์การประเมิน)

  • ผู้ป่วยไม่มีอาการและอาการแสดงของการติดเชื้อ เช่น ไม่มีไข้ ไม่มีอาการปวดท้องมากขึ้น อุจจาระไม่มีมูกเลือดปน ปัสสาวะปกติ
  • ผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการอยู่ในเกณฑ์ปกติ เช่น ไม่พบเชื้อในอุจจาระและปัสสาวะ จำนวนเม็ดเลือดขาวปกติ

Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)

  • K52.9F7I-1: ประเมินสัญญาณชีพ (โดยเฉพาะอุณหภูมิ) ทุก 4 ชั่วโมง หรือบ่อยกว่านั้น หากมีอาการเปลี่ยนแปลง เพื่อเฝ้าระวังภาวะติดเชื้อ
  • K52.9F7I-2: สังเกตลักษณะอุจจาระ สี กลิ่น ปริมาณ และการมีมูกเลือดปน ทุกครั้งที่มีการถ่ายอุจจาระ เพื่อเฝ้าระวังการติดเชื้อในระบบทางเดินอาหาร
  • K52.9F7I-3: หากมีการเพาะเชื้อจากอุจจาระหรือปัสสาวะ ให้ปฏิบัติตามหลักการป้องกันการแพร่กระจายเชื้อ เช่น การใส่ถุงมือ การใส่เสื้อกาวน์ และการแยกผู้ป่วย (หากจำเป็น)
  • K52.9F7I-4: ให้ยาปฏิชีวนะตามแผนการรักษาของแพทย์ (หากมีการติดเชื้อ) และติดตามผลการรักษา
  • K52.9F7I-5: แนะนำและดูแลให้ผู้ป่วยได้รับสารน้ำอย่างเพียงพอ เพื่อรักษาสมดุลของน้ำในร่างกายและส่งเสริมการขับถ่ายของเสีย
  • K52.9F7I-6: ดูแลสุขอนามัยส่วนบุคคลของผู้ป่วยอย่างเคร่งครัด เช่น การล้างมือ การทำความสะอาดร่างกาย และการดูแลความสะอาดของบริเวณทวารหนัก เพื่อป้องกันการแพร่กระจายเชื้อ
  • K52.9F7I-7: ดูแลสิ่งแวดล้อมให้สะอาด เช่น การทำความสะอาดห้องพัก และการจัดการสิ่งปฏิกูลอย่างเหมาะสม เพื่อลดความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ
  • K52.9F7I-8: แนะนำผู้ป่วยและญาติเกี่ยวกับวิธีการป้องกันการติดเชื้อ เช่น การล้างมือ การรับประทานอาหารที่ปรุงสุก และการหลีกเลี่ยงการสัมผัสกับผู้ป่วยที่มีการติดเชื้อ

Response (การตอบสนอง)

  • K52.9F7R-1: ผู้ป่วยไม่มีไข้ อุณหภูมิร่างกายอยู่ในช่วงปกติ
  • K52.9F7R-2: อุจจาระมีลักษณะปกติ ไม่มีมูกเลือดปน
  • K52.9F7R-3: ผู้ป่วยไม่มีอาการปวดท้องมากขึ้น
  • K52.9F7R-4: ปัสสาวะปกติ ไม่มีอาการแสบขัด
  • K52.9F7R-5: ผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการอยู่ในเกณฑ์ปกติ เช่น ไม่พบเชื้อในอุจจาระและปัสสาวะ จำนวนเม็ดเลือดขาวปกติ

…………………..

K52.9F8 - มีไข้ (Fever Management)

Assessment (การประเมิน)

S:

  • หนาวสั่น
  • ปวดเมื่อยตามร่างกาย
  • อ่อนเพลีย
  • ปวดศีรษะ
  • เบื่ออาหาร
  • กระหายน้ำ

O:

  • อุณหภูมิสูง (วัดทางปาก/รักแร้/ทวารหนัก)
  • ผิวหนังร้อนแดง
  • เหงื่อออก
  • ชีพจรเร็ว
  • หายใจเร็ว
  • ประวัติการใช้ยาลดไข้

Goals (เป้าหมาย)

  • ลดอุณหภูมิร่างกายของผู้ป่วยให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ
  • บรรเทาอาการไม่สุขสบายจากไข้
  • ป้องกันภาวะแทรกซ้อนจากไข้สูง

Evaluate criteria (เกณฑ์การประเมิน)

  • อุณหภูมิร่างกายอยู่ในช่วง 36.5-37.5 องศาเซลเซียส (97.7-99.5 องศาฟาเรนไฮต์)
  • อาการหนาวสั่น ปวดเมื่อยตามร่างกาย อ่อนเพลีย ปวดศีรษะ ลดลง
  • ผิวหนังไม่ร้อนแดง เหงื่อออกลดลง
  • ชีพจรและการหายใจอยู่ในเกณฑ์ปกติ

Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)

  • K52.9F8I-1: วัดอุณหภูมิร่างกายของผู้ป่วยทุก 2-4 ชั่วโมง หรือบ่อยกว่านั้น หากมีไข้สูง เพื่อติดตามการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิ
  • K52.9F8I-2: หากมีไข้สูงมาก (มากกว่า 39 องศาเซลเซียส หรือ 102.2 องศาฟาเรนไฮต์) หรือมีอาการชัก ให้รายงานแพทย์ทันที เพื่อรับการรักษาอย่างเร่งด่วน
  • K52.9F8I-3: เช็ดตัวลดไข้ด้วยน้ำอุ่น เพื่อระบายความร้อนออกจากร่างกาย หลีกเลี่ยงการใช้น้ำเย็นหรือน้ำแข็ง เพราะจะทำให้หลอดเลือดหดตัวและลดการระบายความร้อน
  • K52.9F8I-4: ให้ยาลดไข้ตามแผนการรักษาของแพทย์ เช่น พาราเซตามอล หรือไอบูโพรเฟน ติดตามอาการแพ้ยา
  • K52.9F8I-5: ประเมินประสิทธิภาพของยาลดไข้ และรายงานแพทย์หากไข้ไม่ลดลง หรือมีอาการเปลี่ยนแปลง เพื่อปรับแผนการรักษา
  • K52.9F8I-6: จัดสิ่งแวดล้อมให้เหมาะสม เช่น อากาศถ่ายเทสะดวก ไม่ร้อนอบอ้าว สวมเสื้อผ้าที่ระบายอากาศได้ดี เพื่อช่วยลดอุณหภูมิร่างกาย
  • K52.9F8I-7: ให้ผู้ป่วยดื่มน้ำให้เพียงพอ เพื่อชดเชยการสูญเสียน้ำจากไข้และป้องกันภาวะขาดน้ำ
  • K52.9F8I-8: ดูแลให้ผู้ป่วยพักผ่อนอย่างเพียงพอ เพื่อส่งเสริมการฟื้นตัวของร่างกาย
  • K52.9F8I-9: ให้คำแนะนำผู้ป่วยและญาติเกี่ยวกับการดูแลตนเองเมื่อมีไข้ เช่น การเช็ดตัวลดไข้ การดื่มน้ำ การพักผ่อน และการรับประทานยาตามที่แพทย์สั่ง

Response (การตอบสนอง)

  • K52.9F8R-1: อุณหภูมิร่างกายลดลงอยู่ในช่วง 36.5-37.5 องศาเซลเซียส (97.7-99.5 องศาฟาเรนไฮต์)
  • K52.9F8R-2: อาการหนาวสั่น ปวดเมื่อยตามร่างกาย อ่อนเพลีย ปวดศีรษะ ลดลง
  • K52.9F8R-3: ผิวหนังไม่ร้อนแดง เหงื่อออกลดลง
  • K52.9F8R-4: ชีพจรและการหายใจอยู่ในเกณฑ์ปกติ

…………………………………

K52.9F9 - การวางแผนจำหน่าย (Discharge Planning)

Assessment (การประเมิน)

S:

  • ความเข้าใจเกี่ยวกับโรค
  • ความเข้าใจเกี่ยวกับการรักษา
  • ความเข้าใจเกี่ยวกับการดูแลตนเองที่บ้าน
  • ความพร้อมในการดูแลตนเอง
  • ปัญหา/อุปสรรคในการดูแลตนเองที่บ้าน

O:

  • ความรู้ของผู้ป่วย/ญาติ
  • ความสามารถในการเตรียมสารละลายเกลือแร่
  • ความสามารถในการเลือกรับประทานอาหารที่เหมาะสม
  • การเข้าถึงน้ำสะอาดที่บ้าน
  • สุขอนามัยในบ้าน

Goals (เป้าหมาย)

  • ให้ผู้ป่วยและญาติมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการดูแลตนเองที่บ้าน
  • ให้ผู้ป่วยสามารถดูแลตนเองได้อย่างเหมาะสมและปลอดภัย
  • ป้องกันการกลับเป็นซ้ำหรือภาวะแทรกซ้อน

Evaluate criteria (เกณฑ์การประเมิน)

  • ผู้ป่วยและญาติสามารถอธิบายเกี่ยวกับโรค การรักษา และการดูแลตนเองที่บ้านได้อย่างถูกต้อง
  • ผู้ป่วยสามารถปฏิบัติการดูแลตนเองได้อย่างถูกต้อง เช่น การเตรียมสารละลายเกลือแร่ การเลือกรับประทานอาหาร
  • ผู้ป่วยและญาติมีความมั่นใจในการดูแลตนเองที่บ้าน

Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)

  • K52.9F9I-1: ให้ความรู้แก่ผู้ป่วยและญาติเกี่ยวกับโรคอุจจาระร่วง สาเหตุ อาการ การรักษา และการปฏิบัติตัวที่เหมาะสม เพื่อให้มีความเข้าใจที่ถูกต้อง
  • K52.9F9I-2: อธิบายวิธีการดูแลตนเองเมื่อมีอาการท้องเสีย เช่น การดื่มสารละลายเกลือแร่ (ORS) อย่างเพียงพอ วิธีการเตรียม ORS การเลือกรับประทานอาหารที่อ่อน ย่อยง่าย และสะอาด เพื่อป้องกันภาวะขาดน้ำและสารอาหาร
  • K52.9F9I-3: สอนวิธีการสังเกตอาการผิดปกติที่ต้องกลับมาพบแพทย์ เช่น อาการขาดน้ำรุนแรง (เช่น ปัสสาวะออกน้อยมาก ปากแห้งมาก อ่อนเพลียมาก) อาการถ่ายเป็นมูกเลือด หรือมีไข้สูง เพื่อให้ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที
  • K52.9F9I-4: แนะนำการรักษาสุขอนามัยส่วนบุคคล เช่น การล้างมือด้วยสบู่และน้ำสะอาดก่อนรับประทานอาหารและหลังเข้าห้องน้ำ เพื่อป้องกันการแพร่กระจายเชื้อ
  • K52.9F9I-5: ให้คำแนะนำเกี่ยวกับการติดตามการรักษา เช่น การรับประทานยาต่อเนื่อง การมาตรวจตามนัด เพื่อติดตามผลการรักษาและป้องกันการกลับเป็นซ้ำ
  • K52.9F9I-6: แนะนำอาหารที่ควรหลีกเลี่ยง เช่น อาหารรสจัด อาหารมัน อาหารที่มีกากใยสูง นม และผลิตภัณฑ์จากนม ในช่วงที่มีอาการท้องเสีย เพื่อลดการระคายเคืองลำไส้
  • K52.9F9I-7: ให้ข้อมูลเกี่ยวกับแหล่งข้อมูลหรือแหล่งสนับสนุนต่างๆ เช่น เบอร์โทรศัพท์ปรึกษา หน่วยงานสาธารณสุขใกล้บ้าน หรือเว็บไซต์ เพื่อให้ผู้ป่วยสามารถเข้าถึงข้อมูลและขอความช่วยเหลือได้
  • K52.9F9I-8: ประเมินความพร้อมของผู้ป่วยและญาติในการดูแลตนเองที่บ้าน และให้การสนับสนุนเพิ่มเติมหากจำเป็น เพื่อให้มั่นใจว่าผู้ป่วยจะได้รับการดูแลอย่างต่อเนื่อง

Response (การตอบสนอง)

  • K52.9F9R-1: ผู้ป่วยและญาติสามารถอธิบายเกี่ยวกับโรค การรักษา และการดูแลตนเองที่บ้านได้อย่างถูกต้อง
  • K52.9F9R-2: ผู้ป่วยสามารถปฏิบัติการดูแลตนเองได้อย่างถูกต้อง เช่น การเตรียมสารละลายเกลือแร่ การเลือกรับประทานอาหาร
  • K52.9F9R-3: ผู้ป่วยและญาติมีความมั่นใจในการดูแลตนเองที่บ้าน

…………………………………..

K52.9F10 - การติดตามหลังจำหน่าย (Post-Discharge Monitoring)

Assessment (การประเมิน)

S:

  • ความถี่/ลักษณะอุจจาระ
  • ปวดท้อง
  • คลื่นไส้/อาเจียน
  • น้ำหนักตัว
  • การรับประทานอาหาร
  • ปัญหา/อุปสรรคในการดูแลตนเองที่บ้าน
  • ความวิตกกังวล/ไม่มั่นใจในการดูแลตนเอง

O:

  • บันทึกการรักษาพยาบาลก่อนจำหน่าย
  • น้ำหนักตัว (เมื่อมาตรวจ)
  • สัญญาณชีพ (เมื่อมาตรวจ)
  • สภาพผิวหนัง (เมื่อมาตรวจ)
  • ผลตรวจทางห้องปฏิบัติการ (ถ้ามี)

Goals (เป้าหมาย)

  • ติดตามอาการของผู้ป่วยหลังจำหน่าย
  • ประเมินผลการดูแลตนเองที่บ้าน
  • ป้องกันการกลับเป็นซ้ำหรือภาวะแทรกซ้อนในระยะยาว
  • ให้การสนับสนุนและให้คำแนะนำเพิ่มเติมแก่ผู้ป่วยและญาติ

Evaluate criteria (เกณฑ์การประเมิน)

  • ผู้ป่วยไม่มีอาการท้องเสีย หรือมีอาการดีขึ้น
  • น้ำหนักตัวคงที่หรือเพิ่มขึ้น
  • ผู้ป่วยสามารถดูแลตนเองได้อย่างเหมาะสม
  • ผู้ป่วยและญาติมีความมั่นใจในการดูแลตนเอง

Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)

  • K52.9F10I-1: กำหนดการนัดหมายติดตามอาการหลังจำหน่ายอย่างเหมาะสม เช่น นัดหมายทางโทรศัพท์ หรือนัดหมายมาตรวจที่โรงพยาบาล เพื่อติดตามอาการและให้คำแนะนำเพิ่มเติม
  • K52.9F10I-2: โทรศัพท์ติดตามอาการของผู้ป่วยตามกำหนดนัดหมาย เพื่อสอบถามอาการ การดูแลตนเอง และปัญหาที่อาจเกิดขึ้น
  • K52.9F10I-3: เมื่อผู้ป่วยมาตรวจตามนัดหมาย ให้ประเมินอาการ สภาพทั่วไป และผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการ (ถ้ามี) เพื่อติดตามผลการรักษา
  • K52.9F10I-4: ให้คำแนะนำเพิ่มเติมแก่ผู้ป่วยและญาติเกี่ยวกับการดูแลตนเองที่บ้าน เช่น การดื่มน้ำให้เพียงพอ การเลือกรับประทานอาหารที่เหมาะสม การรักษาสุขอนามัย และการสังเกตอาการผิดปกติ
  • K52.9F10I-5: ให้คำแนะนำเกี่ยวกับยาที่ได้รับ เช่น วิธีการรับประทานยา ผลข้างเคียงของยา และการปฏิบัติตัวเมื่อเกิดผลข้างเคียง
  • K52.9F10I-6: ให้คำแนะนำเกี่ยวกับการติดตามการรักษาในระยะยาว เช่น การมาตรวจตามนัดหมาย การตรวจสุขภาพประจำปี เพื่อป้องกันการกลับเป็นซ้ำหรือภาวะแทรกซ้อน
  • K52.9F10I-7: ให้ข้อมูลเกี่ยวกับแหล่งข้อมูลหรือแหล่งสนับสนุนต่างๆ เช่น หน่วยงานสาธารณสุขใกล้บ้าน หรือเว็บไซต์ เพื่อให้ผู้ป่วยสามารถเข้าถึงข้อมูลและขอความช่วยเหลือได้
  • K52.9F10I-8: บันทึกข้อมูลการติดตามอาการของผู้ป่วย เพื่อเป็นข้อมูลในการประเมินผลการรักษาและการวางแผนการดูแลในอนาคต

Response (การตอบสนอง)

  • K52.9F10R-1: ผู้ป่วยไม่มีอาการท้องเสีย หรือมีอาการดีขึ้น เช่น จำนวนครั้งของการถ่ายอุจจาระลดลง ลักษณะอุจจาระดีขึ้น
  • K52.9F10R-2: น้ำหนักตัวคงที่หรือเพิ่มขึ้น ไม่อ่อนเพลีย
  • K52.9F10R-3: ผู้ป่วยสามารถดูแลตนเองได้อย่างเหมาะสม เช่น ดื่มน้ำได้เพียงพอ รับประทานอาหารได้เหมาะสม และรักษาสุขอนามัยได้ดี
  • K52.9F10R-4: ผู้ป่วยและญาติมีความมั่นใจในการดูแลตนเอง และสามารถจัดการกับปัญหาที่อาจเกิดขึ้นได้

……………………………………

อำภัย  อินดี