เกี่ยวกับฉัน

รูปภาพของฉัน
เมือง, พิษณุโลก, Thailand

วันพฤหัสบดีที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567

EP. 18 👉👉ตัวอย่าง :การพยาบาลผู้ป่วยที่มีภาวะท้องเสียและโรคกระเพาะอาหารและลำไส้อักเสบจากสาเหตุที่คาดว่าเกิดจากการติดเชื้อ (A09)

พยาธิสภาพของภาวะท้องเสียและโรคกระเพาะอาหารและลำไส้อักเสบ (A09)

ภาวะท้องเสียและโรคกระเพาะอาหารและลำไส้อักเสบเกิดจากการติดเชื้อไวรัส แบคทีเรีย หรือโปรโตซัว ส่งผลให้เยื่อบุทางเดินอาหารอักเสบและสูญเสียความสามารถในการดูดซึมน้ำและอิเล็กโทรไลต์ ทำให้เกิดอาการถ่ายเหลวหลายครั้งต่อวัน อาจมีอาการปวดท้อง คลื่นไส้ อาเจียน และไข้ร่วมด้วย ในกรณีรุนแรงอาจทำให้เกิดภาวะขาดน้ำและเสียสมดุลอิเล็กโทรไลต์ ซึ่งต้องได้รับการรักษาอย่างเหมาะสมเพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อน

การรักษาภาวะท้องเสียและโรคกระเพาะอาหารและลำไส้อักเสบ (A09)

การรักษามุ่งเน้นที่การป้องกันภาวะขาดน้ำและฟื้นฟูสมดุลอิเล็กโทรไลต์ โดยให้สารน้ำทางปากด้วยสารละลายเกลือแร่ (ORS) หรือให้สารน้ำทางหลอดเลือดดำในกรณีรุนแรง ควรรับประทานอาหารอ่อน ย่อยง่าย หลีกเลี่ยงอาหารมันและเผ็ด ในกรณีที่สงสัยการติดเชื้อแบคทีเรียรุนแรงอาจพิจารณาให้ยาปฏิชีวนะตามความเหมาะสม ยาลดอาการท้องเสียอาจใช้ในบางกรณีแต่ไม่แนะนำหากมีอาการติดเชื้อรุนแรง ผู้ป่วยควรได้รับคำแนะนำเกี่ยวกับสุขอนามัยเพื่อป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อและติดตามอาการอย่างใกล้ชิด

 การพยาบาลผู้ป่วยที่มีภาวะท้องเสียและโรคกระเพาะอาหารและลำไส้อักเสบ (A09)

การพยาบาลเน้นการประเมินภาวะขาดน้ำและความไม่สมดุลของอิเล็กโทรไลต์ โดยสังเกตอาการทางคลินิก เช่น ความยืดหยุ่นของผิวหนัง ปริมาณปัสสาวะ และระดับความรู้สึกตัว ควรให้สารน้ำและอิเล็กโทรไลต์ทดแทนอย่างเหมาะสม พร้อมแนะนำให้ผู้ป่วยรับประทานอาหารอ่อนและหลีกเลี่ยงอาหารที่กระตุ้นอาการถ่ายเหลว เฝ้าระวังภาวะแทรกซ้อน เช่น ภาวะช็อกจากการขาดน้ำหรือภาวะติดเชื้อรุนแรง รวมถึงให้คำแนะนำเกี่ยวกับสุขอนามัย เช่น การล้างมือและการจัดการอาหารที่ปลอดภัย เพื่อลดการแพร่กระจายของเชื้อ

วินิจฉัยการพยาบาล (Nursing Diagnosis)

  1. A09F1: ภาวะช็อก เนื่องจากการขาดน้ำจากอาการท้องเสีย (Shock due to dehydration from diarrhea)
  2. A09F2: มีการติดเชื้อในระบบทางเดินอาหาร (Infection in the gastrointestinal system)
  3. A09F3: มีภาวะไม่สมดุลของสารน้ำและอิเล็กโทรไลต์จากการสูญเสียน้ำจากอาเจียนและถ่ายอุจจาระเหลว (Fluid and electrolyte imbalance due to fluid loss from vomiting and diarrhea)
  4. A09F4: มีความวิตกกังวลต่อการเจ็บป่วย (Anxiety related to illness)
  5. A09F5: ผู้ป่วยขาดความรู้เกี่ยวกับการปฏิบัติตัวและการป้องกันการกลับมาเป็นโรคซ้ำ (Lack of knowledge about self-care and prevention of disease recurrence)

 ข้อสังเกต (Remark) :

  • A09 – โรคทางเดินอาหารและลำไส้อักเสบจากการติดเชื้อและไม่ระบุสาเหตุ
  • F1 = Focus ลำดับที่ 1   
  • I-1 = Intervention ลำดับที่ 1
  • R-1= Response ลำดับที่ 1
  • (ตัวเลข F1, I-1, R-1 เป็นเพียงตัวเลขที่กำหนดขึ้นเพื่อให้การจัดลำดับวินิจฉัยการพยาบาลเป็นไปอย่างมีระบบ อาจปรับเปลี่ยนได้ตามความเหมาะสม)

.............................................................

A09F1: ภาวะช็อก เนื่องจากการขาดน้ำจากอาการท้องเสีย (Shock due to dehydration from diarrhea)

Assessment

Subjective Data

  • ผู้ป่วยรายงานรู้สึกอ่อนเพลียอย่างมากและปากแห้ง
  • ผู้ป่วยบอกว่าไม่มีแรงและรู้สึกเวียนหัว
  • ผู้ป่วยกล่าวว่าไม่ได้ดื่มน้ำมาหลายชั่วโมงเนื่องจากคลื่นไส้และอาเจียน
  • ผู้ป่วยรู้สึกกระหายน้ำมาก

Objective Data

  • ชีพจร 120 ครั้ง/นาที
  • ความดันโลหิต 90/60 mmHg
  • อุณหภูมิ 37.5°C
  • การหายใจ 24 ครั้ง/นาที
  • ผิวแห้งและความยืดหยุ่นของผิวหนังลดลง
  • ไม่มีการขับถ่ายปัสสาวะในช่วง 8 ชั่วโมงที่ผ่านมา
  • อุจจาระเป็นน้ำจำนวนมาก
  • ความรู้สึกตัวลดลงเล็กน้อย แต่ตอบสนองช้า

Goals

  • ฟื้นฟูสมดุลน้ำและเกลือแร่ในร่างกายภายใน 24 ชั่วโมง
  • เพิ่มความดันโลหิตและการไหลเวียนเลือดให้กลับสู่ภาวะปกติ
  • ป้องกันภาวะแทรกซ้อนจากภาวะช็อกและภาวะขาดน้ำ
  • ผู้ป่วยสามารถดื่มน้ำและรับประทานอาหารได้ตามปกติภายใน 48 ชั่วโมง
  • ลดความวิตกกังวลของผู้ป่วยและให้การสนับสนุนทางจิตใจ

Evaluate Criteria

  • ความดันโลหิตกลับมาที่ 100/60 mmHg หรือสูงกว่า
  • ชีพจรลดลงเป็น 80-100 ครั้ง/นาที
  • ผู้ป่วยเริ่มขับถ่ายปัสสาวะตามปกติ
  • ผลการตรวจเลือด (Electrolyte, BUN, Creatinine) กลับสู่ภาวะปกติ
  • ผู้ป่วยสามารถดื่มน้ำและทานอาหารได้เล็กน้อย
  • ผู้ป่วยแสดงอาการที่ดีขึ้น เช่น ปากไม่แห้งและรู้สึกดีขึ้น

Intervention

  • A09F1I-1: ประเมินอาการภาวะช็อก เช่น เหงื่อออก กระสับกระส่าย ซึม สับสน ชีพจรเบาและเร็ว ผิวหนังซีดหรือเย็น พร้อมประเมินระดับความรู้สึกตัวลดลง
  • A09F1I-2: ให้สารน้ำทางหลอดเลือดดำ 0.9% NSS IV drip 80 ml/hr. ตามแผนการรักษาและติดตามปริมาณน้ำ
  • A09F1I-3: ให้ยา Levophed IV drip 8 ml/hr. ผ่าน Infusion Pump เพื่อควบคุม BP > 90/60 mmHg และ MAP > 65 mmHg และเฝ้าระวังการรั่วซึมของยา
  • A09F1I-4: บันทึกจำนวนปัสสาวะทุก 1 ชั่วโมง หากต่ำกว่า 30 ml/hr.รายงานแพทย์ทันที
  • A09F1I-5: ให้ยาปฏิชีวนะ Ceftriaxone 2 gm และ Metronidazole 500 mg. ตามแผนการรักษา และสังเกตผลข้างเคียง
  • A09F1I-6: เช็ดตัวลดไข้และให้ Paracetamol 500 mg เมื่อมีไข้ > 37.5°C และติดตามผล
  • A09F1I-7: หยุดยารักษาความดันโลหิตสูงชั่วคราวระหว่างการรักษาภาวะช็อก และอธิบายเหตุผลให้ผู้ป่วยและญาติทราบ
  • A09F1I-8: สังเกตการเปลี่ยนแปลงของผิวหนังและอาการปากแห้ง
  • A09F1I-9: ประเมินการขับถ่ายปัสสาวะและความยืดหยุ่นของผิวหนัง
  • A09F1I-10: ให้คำแนะนำเกี่ยวกับการดื่มน้ำและการใช้ ORS (Oral Rehydration Solution) เมื่ออาการดีขึ้น
  • A09F1I-11: บันทึกปริมาณน้ำเข้าออกทุก 8 ชั่วโมง เพื่อติดตามสมดุลน้ำและอิเลคโตรไลท์
  • A09F1I-12: ให้ข้อมูลเกี่ยวกับการฟื้นฟูร่างกาย และอธิบายขั้นตอนการรักษาเพื่อช่วยลดความวิตกกังวล

Response

  • A09F1R-1: ผู้ป่วยตอบสนองดีต่อการรักษาด้วยสารน้ำและยา Levophed อาการช็อกเริ่มดีขึ้นภายใน 2-3 ชั่วโมง, BP และ MAP คงที่ที่ระดับที่กำหนด
  • A09F1R-2: ผู้ป่วยมีระดับความรู้สึกตัวดี ลุกนั่งได้โดยไม่มีอาการมึนศีรษะ และไม่มีอาการเหงื่อออก ใจสั่น ตัวเย็น หรือกระสับกระส่าย
  • A09F1R-3: การใช้ยา Ceftriaxone และ Metronidazole ไม่มีผลข้างเคียงรุนแรง และปัสสาวะออกในปริมาณที่เหมาะสม
  • A09F1R-4: การตรวจสัญญาณชีพทุก 30 นาทีแสดงการตอบสนองที่ดีต่อการรักษาสัญญาณชีพอยู่ในเกณฑ์ปกติ (P = … ครั้ง/นาที, R = … ครั้ง/นาที, BP = … mmHg) #
  • A09F1R-5: การใช้ Paracetamol ลดไข้ได้ตามเป้าหมาย และผู้ป่วยได้รับคำแนะนำในการดื่มน้ำและใช้ ORS เมื่ออาการดีขึ้น
  • A09F1R-: ปัสสาวะออกml/hr.

……………………………….

 A09F2: มีการติดเชื้อในระบบทางเดินอาหาร (Infection in the gastrointestinal system)

Assessment

Subjective Data:

  • ผู้ป่วยบ่นอาการปวดท้อง ท้องอืด อาเจียนหรือถ่ายเหลว
  • รู้สึกไม่สบายตัว อาจมีอาการปวดศีรษะ คลื่นไส้ หรือเบื่ออาหาร
  • มีประวัติการบริโภคอาหารที่ไม่สะอาดหรือสัมผัสกับผู้ป่วยที่มีอาการคล้ายกัน

Objective Data:

  • อุณหภูมิสูง = # °C
  • ชีพจรเร็ว = # ครั้ง/นาที
  • พบการติดเชื้อในอุจจาระหรือเลือด
  • ปวดท้องในบริเวณท้องส่วนล่างหรือท้องส่วนกลาง Pain score= # คะแนน
  • การขับถ่ายที่ผิดปกติ
  • การตรวจเลือดพบการอักเสบ (WBC สูง, CRP สูง)

Goals

  • ผู้ป่วยได้รับการรักษาและฟื้นตัวจากการติดเชื้อในระบบทางเดินอาหาร
  • ลดอาการปวดท้องและอาการทางเดินอาหารภายใน 48 ชั่วโมง
  • ป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นจากการติดเชื้อ เช่น ภาวะขาดน้ำหรือการแพร่กระจายของเชื้อ
  • อุณหภูมิร่างกายกลับสู่เกณฑ์ปกติและอาการท้องเสียลดลง

Evaluate Criteria

  • ผู้ป่วยมีอาการบรรเทาลง เช่น อุณหภูมิร่างกายลดลงภายใน 24 ชั่วโมง
  • สัญญาณชีพกลับสู่ปกติ (อุณหภูมิ, ชีพจร, ความดัน)
  • จำนวนการถ่ายอุจจาระและลักษณะของอุจจาระดีขึ้น
  • ผู้ป่วยสามารถรับประทานอาหารและดื่มน้ำได้ตามปกติ

Intervention

  • A09F2I-1: ให้สารน้ำทางหลอดเลือดดำ (IV Fluids) เช่น Normal Saline หรือ Ringer's Lactate ทดแทนการขาดน้ำจากอาเจียนและท้องเสีย
  • A09F2I-2: ให้ยาปฏิชีวนะ ตามแผนการรักษา เช่น Ceftriaxone, Metronidazole และเฝ้าระวังอาการข้างเคียง
  • A09F2I-3: ให้ยาลดไข้ เช่น Paracetamol เมื่ออุณหภูมิสูงกว่า 38°C
  • A09F2I-4: บันทึกการขับถ่าย และติดตามอาการท้องเสียทุก 4-6 ชั่วโมง สังเกตอาการผิดปกติ เช่น อาเจียน หรือปวดท้อง
  • A09F2I-5: แนะนำการดื่มน้ำ และใช้ ORS เพื่อฟื้นฟูสมดุลน้ำและอิเล็กโทรไลต์
  • A09F2I-6: ดูแลการรับประทานอาหาร แนะนำอาหารที่ย่อยง่าย เช่น ข้าวต้ม ซุป และหลีกเลี่ยงอาหารที่ระคายเคือง
  • A09F2I-7: ประเมินอาการปวดท้อง ด้วย Pain score และให้ Tramadol 50 mg IV หากมีอาการปวด พร้อมอธิบายผลข้างเคียง
  • A09F2I-8: ติดตามสัญญาณชีพและความรู้สึกตัว ทุก 1-2 ชั่วโมง
  • A09F2I-9: จัดเตรียมน้ำดื่มสะอาด และแนะนำให้รับประทานอาหารที่ปรุงสุกใหม่และสะอาด
  • A09F2I-10: แนะนำการใช้ห้องน้ำอย่างถูกต้อง และล้างมือทุกครั้งหลังการขับถ่าย
  • A09F2I-11: อธิบายสาเหตุและความรุนแรงของการติดเชื้อ ให้ผู้ป่วยและญาติทราบเพื่อความเข้าใจและการร่วมมือ
  • A09F2I-12: เก็บอุจจาระส่งตรวจ และติดตามผล รายงานแพทย์ทันที

Response

  • A09F2R-1: ผู้ป่วยได้รับการรักษาตามแผนการพยาบาลและมีการตอบสนองที่ดี
  • A09F2R-2: อุณหภูมิร่างกายลดลงที่ # องศาเซลเซียส
  • A09F2R-3: อาการปวดท้องลดลง Pain score # คะแนน
  • A09F2R-4: การถ่ายอุจจาระเริ่มปกติขึ้น โดยมีลักษณะไม่เหลวและจำนวนการถ่ายลดลง
  • A09F2R-5: ผู้ป่วยสามารถรับประทานอาหารและดื่มน้ำได้ตามปกติ
  • A09F2R-6: สัญญาณชีพของผู้ป่วยกลับสู่เกณฑ์ปกติ
  • A09F2R-7: ผู้ป่วยมีอาการคลื่นไส้ ไม่มีอาเจียน
  • A09F2R-8: ถ่ายอุจจาระ # ครั้ง ลักษณะเหลวไม่มีมูกเลือดหรือกลิ่นเหม็นเน่า
  • A09F2R-9: ผลการตรวจอุจจาระปกติ

…………………………..

A09F3: มีภาวะไม่สมดุลของสารน้ำและอิเล็กโทรไลต์จากการสูญเสียน้ำจากอาเจียนและถ่ายอุจจาระเหลว (Fluid and electrolyte imbalance due to fluid loss from vomiting and diarrhea)

Assessment

Subjective Data:

  • ผู้ป่วยมีอาการคลื่นไส้, อาเจียน, และถ่ายอุจจาระเหลว
  • ผู้ป่วยรู้สึกอ่อนเพลียและมีอาการกระหายน้ำ
  • ผู้ป่วยมีอุจจาระเหลว # ครั้ง ก่อนมาโรงพยาบาล
  • ผู้ป่วยมีอาเจียน # ครั้ง ก่อนมาโรงพยาบาล
  • ผู้ป่วยมีอาการอ่อนเพลียและปากแห้งเล็กน้อย

Objective Data:

  • BP = #  mmHg.
  • Pulse =# bpm,
  • Temp = # °C
  • ผลการตรวจเลือดพบระดับ Potassium = # mmol/L
  • ผลการตรวจเลือดพบระดับ Sodium = # mmol/L
  • การตรวจปัสสาวะ: ปัสสาวะเข้ม, ปริมาณลดลง
  • สังเกตภาวะผิวหนังแห้ง และยืดหยุ่นต่ำ

Goals

  • ฟื้นฟูสมดุลสารน้ำและอิเลคโตรไลท์
  • ลดอาการคลื่นไส้, อาเจียน, และการถ่ายอุจจาระเหลว
  • ปรับปรุงอาการขาดน้ำ และรักษาความดันโลหิตให้คงที่
  • ปรับสัญญาณชีพให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ

Evaluate Criteria

  • อาการคลื่นไส้และอาเจียนลดลง
  • ปริมาณปัสสาวะกลับมาปกติและปัสสาวะใส
  • ความดันโลหิตและอัตราการเต้นของชีพจรอยู่ในเกณฑ์ปกติ
  • ค่าอิเลคโตรไลท์ (Sodium, Potassium, Chloride) กลับคืนสู่ระดับปกติ
  • สัญญาณชีพและอุณหภูมิของร่างกายอยู่ในเกณฑ์ปกติ

Intervention

  • A09F3I-1: ตรวจวัดและบันทึกสัญญาณชีพ และติด EKG monitoring เพื่อประเมินลักษณะและอัตราการเต้นของหัวใจ
  • A09F3I-2: ดูแลสารน้ำ 0.9% NSS 1000 ml. V drip 80 ml/hr. โดยใช้เครื่องควบคุมการไหลเพื่อให้ได้ปริมาณสารน้ำเพียงพอ
  • A09F3I-3: ให้ Elixir KCL 30 ml รับประทาน 2 ครั้ง ห่างกัน 4 ชม. เพื่อทดแทนโพแทสเซียมที่สูญเสียจากร่างกาย
  • A09F3I-4: กระตุ้นให้ดื่มน้ำผสม ORS เพื่อทดแทนการสูญเสียน้ำและเกลือแร่จากการอาเจียนและถ่ายอุจจาระเหลว
  • A09F3I-5: บันทึกจำนวนการดื่มน้ำเข้าและออกทุก 8 ชม. เพื่อประเมินภาวะสมดุลน้ำและสารอิเลคโตรไลท์
  • A09F3I-6: บันทึกจำนวนครั้งการถ่ายอุจจาระและอาเจียน เพื่อประเมินการสูญเสียน้ำและอิเลคโตรไลท์
  • A09F3I-7: ติดตามอาการแสดงของภาวะโพแทสเซียมและโซเดียมต่ำ รวมถึงให้คำแนะนำเกี่ยวกับอาการที่ต้องแจ้งพยาบาล เช่น อ่อนล้า, กล้ามเนื้อตะคริว, อาการหัวใจเต้นผิดปกติ, ปวดศีรษะ, กล้ามเนื้อกระตุก, ซึม, คลื่นไส้, และอาเจียน
  • A09F3I-8: เจาะเลือดส่งตรวจ Electrolyte และรายงานผลให้แพทย์รับทราบภาวะโซเดียมต่ำ ได้แก่ อาการปวดศีรษะ
  • A09F3I-9: กล้ามเนื้อกระตุก ซึมลง คลื่นไส้ อาเจียน เพื่อให้การรักษาการพยาบาลได้ทันท่วงที
  • A09F3I-10: เจาะเลือดส่งตรวจ Electrolyte และติดตามผลเลือกรายงานแพทย์รับทราบ

Response

  • A09F3R-1: อาการคลื่นไส้ลดลงและอาเจียนหยุด
  • A09F3R-2: ถ่ายอุจจาระ 2 ครั้ง และ ปริมาณปัสสาวะเพิ่มขึ้น กลับมาใส
  • A09F3R-3: ผลเลือด (Serum Potassium และ Sodium) อยู่ในเกณฑ์ปกติ
  • A09F3R-4: อัตราการเต้นของหัวใจ ปกติ (EKG: Normal sinus rhythm)
  • A09F3R-5: ความดันโลหิตและชีพจรคงที่
  • A09F3R-6: กล้ามเนื้อแขนขามีกำลังปกติ ไม่มีอาการอ่อนแรง
  • A09F3R-7: สัญญาณชีพและอุณหภูมิร่างกาย อยู่ในเกณฑ์ปกติ

.............................................................

A09F4: มีความวิตกกังวลต่อการเจ็บป่วย (Anxiety related to illness)

Assessment

Subjective Data (S)

  • ผู้ป่วยและญาติแสดงอาการวิตกกังวลเกี่ยวกับการเจ็บป่วยและการรักษา
  • ผู้ป่วยรายงานความรู้สึกวิตกกังวลเกี่ยวกับการฟื้นฟูร่างกายและผลกระทบจากการรักษา
  • ญาติแสดงความกังวลเกี่ยวกับอาการของผู้ป่วยและการฟื้นตัว

Objective Data (O)

  • ผู้ป่วยแสดงพฤติกรรมที่วิตกกังวล เช่น การพูดคุยซ้ำ หรือถามคำถามเกี่ยวกับอาการ
  • ญาติแสดงท่าทางวิตกกังวล เช่น การขอข้อมูลเพิ่มเกี่ยวกับแผนการรักษา

Goals

  • ผู้ป่วยและญาติเข้าใจในกระบวนการรักษาและรู้สึกมั่นใจในการดูแลรักษา
  • ลดระดับความวิตกกังวลของผู้ป่วยและญาติในระดับที่สามารถช่วยในการฟื้นตัวได้
  • สร้างความสัมพันธ์เชิงบวกระหว่างผู้ป่วย, ญาติ, และทีมการแพทย์

Evaluate criteria

  • ผู้ป่วยและญาติสามารถตอบคำถามเกี่ยวกับการรักษาและแผนการดูแลได้อย่างมั่นใจ
  • ไม่มีการแสดงอาการวิตกกังวลอย่างเด่นชัดจากผู้ป่วยและญาติภายหลังการสื่อสาร
  • สัญญาณชีพและพฤติกรรมของผู้ป่วยและญาติอยู่ในภาวะปกติหลังการให้คำแนะนำ

Intervention

  • A09F4I-1: อธิบายกระบวนการรักษาและแผนการดูแลให้ผู้ป่วยและญาติฟังอย่างละเอียด รวมถึงอาการที่คาดว่าจะเกิดขึ้นและวิธีการจัดการ
  • A09F4I-2: สนับสนุนให้ผู้ป่วยและญาติถามคำถามและเปิดโอกาสให้แสดงความวิตกกังวล เพื่อเพิ่มความเข้าใจในกระบวนการรักษา
  • A09F4I-3: สร้างบรรยากาศที่เป็นมิตรและให้กำลังใจแก่ผู้ป่วยและญาติ ใช้ทักษะการสัมผัส (touch technique) เพื่อเสริมสร้างความมั่นใจ
  • A09F4I-4: ให้คำแนะนำในการดูแลและเปิดโอกาสให้ญาติได้เข้าเยี่ยมผู้ป่วยตามความเหมาะสม
  • A09F4I-5: ดูแลให้ยา Lorazepam 1 mg ก่อนนอน เพื่อลดความวิตกกังวลและอาการนอนไม่หลับ
  • A09F4I-6: ติดตามประเมินความเข้าใจแผนการรักษาและระดับความวิตกกังวลของผู้ป่วยและญาติอย่างต่อเนื่องจากการซักถามและการสังเกตสีหน้า ท่าทาง

Response

  • A09F4R-1: ผู้ป่วยและญาติเข้าใจกระบวนการรักษาและมั่นใจมากขึ้น ความวิตกกังวลลดลง
  • A09F4R-2: ผู้ป่วยและญาติมีท่าทางผ่อนคลายและให้ความร่วมมือในการรักษา
  • A09F4R-3: สัญญาณชีพและพฤติกรรมแสดงถึงการลดลงของความวิตกกังวล สีหน้าสดชื่นขึ้น

...............................................................

A09F5: ผู้ป่วยขาดความรู้เกี่ยวกับการปฏิบัติตัวและการป้องกันการกลับมาเป็นโรคซ้ำ (Lack of knowledge about self-care and prevention of disease recurrence)

Assessment

Subjective Data

  • ผู้ป่วยและญาติไม่มีความรู้เกี่ยวกับกระเพาะอาหารและลำไส้เล็กอักเสบ รวมถึงโรคติดเชื้อในกระแสเลือด
  • ผู้ป่วยและญาติไม่ทราบวิธีการดูแลตนเองหลังกลับบ้าน และวิธีการป้องกันโรคซ้ำ
  • ผู้ป่วยและญาติไม่สามารถอธิบายการปฏิบัติตัวหลังการรักษาและการป้องกันโรคซ้ำได้

Objective Data (O):

  • ผู้ป่วยอยู่ในกลุ่มสูงอายุและมีโรคประจำตัว เช่น โรคเก๊าท์ ซึ่งเพิ่มความเสี่ยงในการติดเชื้อและการกลับเป็นซ้ำ
  • ผู้ป่วยมีประวัติการใช้ยาที่มีส่วนประกอบของสารเสตียรอยด์โดยไม่ปรึกษาแพทย์

Goals

  • ผู้ป่วยและญาติสามารถอธิบายวิธีการปฏิบัติตัวหลังกลับบ้านและป้องกันการกลับมาเป็นโรคซ้ำได้

Evaluate Criteria

  • ผู้ป่วยและญาติสามารถให้ข้อมูลเกี่ยวกับวิธีการปฏิบัติตัวและป้องกันโรคซ้ำได้อย่างถูกต้อง
  • ความเข้าใจเกี่ยวกับการดูแลตัวเองดีขึ้นหลังการสอน

Intervention

  • A09F5I-1: ให้ข้อมูลที่ชัดเจนเกี่ยวกับการดูแลตัวเองหลังกลับบ้าน เช่น การรับประทานยา การหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยง และการติดตามการตรวจสุขภาพ
  • A09F5I-2: จัดทำแผ่นข้อมูลเกี่ยวกับการปฏิบัติตัวหลังการรักษาและการป้องกันโรคซ้ำ รวมถึงสัญญาณเตือนที่ควรมาโรงพยาบาลและการติดต่อแพทย์เมื่อมีอาการผิดปกติ
  • A09F5I-3: อธิบายเกี่ยวกับโรคกระเพาะอาหารและลำไส้เล็กอักเสบ, โรคติดเชื้อในกระแสเลือด, ความดันโลหิตสูง, ไขมันในเลือดสูง, และโรคเก๊าท์ รวมถึงการรักษา อาการที่ต้องมาโรงพยาบาล และการป้องกันโรคซ้ำ
  • A09F5I-4: แนะนำการรับประทานยาปฏิชีวนะตามแผนการรักษา (Norflox, Metronidazole) พร้อมทั้งบอกผลข้างเคียงของยา
  • A09F5I-5: ให้คำแนะนำเรื่องการหยุดยาลดความดันโลหิตตามแผนการรักษา และให้มาตรวจติดตามอาการในสัปดาห์ถัดไป
  • A09F5I-6: แนะนำการรับประทานอาหารที่เหมาะสมกับโรคความดันโลหิตสูง, ไขมันในเลือดสูง และโรคเก๊าท์ เช่น การหลีกเลี่ยงอาหารรสเค็มจัด, อาหารแปรรูป, อาหารไขมันสูง และเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์
  • A09F5I-7 ประสานส่งต่อข้อมูลผู้ป่วยให้แก่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลในพื้นที่รับผิดชอบ เพื่อดูแลต่อเนื่องเรื่องการใช้ยารักษาและการติดตามผลการรักษาโรคประจำตัว

Response

  • A09F5R-1: ผู้ป่วยและญาติสามารถอธิบายวิธีการปฏิบัติตัวและป้องกันโรคซ้ำได้
  • A09F5R-2: ความวิตกกังวลเกี่ยวกับการกลับมาเป็นโรคซ้ำลดลง
  • A09F5R-3: ผู้ป่วยและญาติแสดงความเข้าใจและมั่นใจในการดูแลตัวเองที่บ้าน

………………………………………………………….