เกี่ยวกับฉัน

รูปภาพของฉัน
เมือง, พิษณุโลก, Thailand

วันอังคารที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567

EP. 17 👉👉ตัวอย่าง : การพยาบาลผู้ป่วยความดันโลหิตสูง (I10)

พยาธิสภาพของความดันโลหิตสูง (I10)

        ความดันโลหิตสูง (Hypertension) เกิดจาก ความผิดปกติของระบบไหลเวียนโลหิต ทำให้แรงดันในหลอดเลือดแดงสูงกว่าปกติ ส่งผลให้หัวใจต้องทำงานหนักขึ้น เพิ่มความเสี่ยงต่อ โรคหัวใจ หลอดเลือดสมอง ไตวาย และภาวะแทรกซ้อนอื่นๆ สาเหตุอาจมาจาก พันธุกรรม พฤติกรรมการใช้ชีวิต โรคประจำตัว หรือปัจจัยเสี่ยง เช่น ความเครียด อาหารเค็มจัด การสูบบุหรี่ และขาดการออกกำลังกาย การควบคุมความดันโลหิตอย่างเหมาะสมช่วยลดความเสี่ยงของภาวะแทรกซ้อนและเพิ่มคุณภาพชีวิตของผู้ป่วย

การรักษาผู้ป่วยความดันโลหิตสูง (I10)

        การรักษาความดันโลหิตสูงมุ่งเน้น การควบคุมความดันโลหิตเพื่อลดความเสี่ยงต่อโรคแทรกซ้อน โดยใช้ทั้ง การปรับพฤติกรรมและการรักษาด้วยยา ผู้ป่วยควรลดปริมาณโซเดียมในอาหาร ควบคุมน้ำหนัก ออกกำลังกายสม่ำเสมอ หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และบุหรี่ และจัดการความเครียด ยาลดความดันโลหิต เช่น ยาขับปัสสาวะ ยาขยายหลอดเลือด หรือยากลุ่ม ACE inhibitors อาจถูกใช้ตามดุลยพินิจของแพทย์ การติดตามผลการรักษาและเฝ้าระวังอาการข้างเคียงเป็นสิ่งสำคัญเพื่อให้ผู้ป่วยสามารถควบคุมโรคได้อย่างมีประสิทธิภาพ

การพยาบาลผู้ป่วยความดันโลหิตสูง (I10)

        การพยาบาลผู้ป่วยความดันโลหิตสูงมุ่งเน้น การเฝ้าระวังอาการ ประเมินภาวะแทรกซ้อน และให้ความรู้เพื่อการควบคุมโรค พยาบาลต้องติดตามค่าความดันโลหิตอย่างสม่ำเสมอ ประเมินอาการผิดปกติ เช่น ปวดศีรษะ เวียนศีรษะ ใจสั่น หรือภาวะฉุกเฉินจากความดันโลหิตสูงสูงเกินไป ให้คำแนะนำเรื่อง การรับประทานยาอย่างถูกต้อง ปรับพฤติกรรมสุขภาพ และลดปัจจัยเสี่ยง รวมถึงให้การสนับสนุนด้านจิตใจและสร้างแรงจูงใจในการดูแลตนเอง เพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนและส่งเสริมคุณภาพชีวิตของผู้ป่วย

การวินิจฉัยการพยาบาล (Nursing Diagnosis)

  1. I10F1: มีภาวะความดันโลหิตสูงเนื่องจากการควบคุมโรคที่ไม่เหมาะสม (Hypertension due to inadequate disease control)
  2. I10F2: เสี่ยงต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น โรคหัวใจขาดเลือดหรือโรคหลอดเลือดสมอง (Risk for complications such as ischemic heart disease or stroke)
  3. I10F3: ผู้ป่วยขาดความรู้เกี่ยวกับการดูแลตนเองเพื่อควบคุมความดันโลหิต (Knowledge deficit regarding self-care for blood pressure control)
  4. I10F4: เสี่ยงต่อการไม่ปฏิบัติตามแผนการรักษา (Risk for non-adherence to treatment plan)
  5. I10F5: มีความพร้อมกลับบ้านโดยไม่มีอาการผิดปกติ (Ready for discharge without abnormal symptoms)
  6. I10F6: ผู้ป่วยมีความรู้และความสามารถในการดูแลตนเองเพื่อควบคุมโรค (Patient has knowledge and ability for self-care in disease management)

 ข้อสังเกต (Remark) :

  • K35 = ไส้ติ่งอักเสบ (Appendicitis)
  • F1 = Focus ลำดับที่ 1   
  • I-1 = Intervention ลำดับที่ 1
  • R-1= Response ลำดับที่ 1
  • (ตัวเลข F1, I-1, R-1 เป็นเพียงตัวเลขที่กำหนดขึ้นเพื่อให้การจัดลำดับวินิจฉัยการพยาบาลเป็นไปอย่างมีระบบ อาจปรับเปลี่ยนได้ตามความเหมาะสม)

………………………………………………………………………..............................
I10F1: มีภาวะความดันโลหิตสูงเนื่องจากการควบคุมโรคที่ไม่เหมาะสม (Hypertension due to inadequate disease control)

Assessment   
Subjective Data 

  • ผู้ป่วยระบุว่ามีอาการปวดศีรษะเป็นระยะ โดยเฉพาะในช่วงเช้า
  • มีความเครียดจากงานและไม่สามารถออกกำลังกายได้อย่างสม่ำเสมอ
  • ไม่สามารถรับประทานยาลดความดันโลหิตได้ตามเวลา เนื่องจากลืมหรือไม่สะดวก

Objective Data

  • ความดันโลหิต 160/100 มม.ปรอท (สูงกว่าค่าเป้าหมาย 130/80 มม.ปรอท)
  • ชีพจร 88 ครั้ง/นาที ไม่มีอาการผิดปกติจากการตรวจร่างกายอื่น
  • ประวัติการรับประทานยาไม่สม่ำเสมอในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา
Goals
  • ความดันโลหิตของผู้ป่วยจะลดลงและอยู่ในเกณฑ์เป้าหมาย (<130/80 มม.ปรอท) ภายใน 2 สัปดาห์
  • ผู้ป่วยสามารถปฏิบัติตามแผนการรักษาและรับประทานยาลดความดันได้ถูกต้องและต่อเนื่อง
  • ผู้ป่วยจะลดการบริโภคอาหารเค็มและเริ่มออกกำลังกายสม่ำเสมอภายใน 4 สัปดาห์
Evaluate criteria
  • ระดับความดันโลหิตของผู้ป่วยลดลงและคงที่ในเกณฑ์เป้าหมายเมื่อวัดใน OPD ครั้งถัดไป
  • ผู้ป่วยสามารถบอกชื่อยา ขนาดยา และวิธีรับประทานได้ถูกต้อง
  • ผู้ป่วยลดการบริโภคอาหารเค็ม และเริ่มออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
  • ไม่มีอาการแทรกซ้อน เช่น แน่นหน้าอก เวียนศีรษะรุนแรง หรืออาการทางระบบประสาท
Intervention
  • I10F1I-1: วัดความดันโลหิตทุก 4 ชั่วโมงในระหว่างพักในวอร์ด
  • I10F1I-2: ประเมินสัญญาณชีพและอาการผิดปกติ เช่น ปวดศีรษะรุนแรง แน่นหน้าอก หรือมองเห็นผิดปกติ
  • I10F1I-3: อธิบายเกี่ยวกับผลเสียของการควบคุมความดันโลหิตไม่ดี เช่น ภาวะแทรกซ้อนของโรคหัวใจและหลอดเลือด
  • I10F1I-4: สอนการรับประทานยาลดความดันโลหิตให้ถูกต้อง รวมถึงผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น
  • I10F1I-5: แนะนำการลดโซเดียมในอาหาร เช่น หลีกเลี่ยงอาหารแปรรูปและเครื่องปรุงรสเค็ม
  • I10F1I-6: สนับสนุนให้ผู้ป่วยออกกำลังกายเบา ๆ เช่น เดินเร็ว 30 นาที/วัน 3-5 วัน/สัปดาห์
  • I10F1I-7: แนะนำวิธีผ่อนคลายความเครียด เช่น การฝึกสมาธิหรือการทำกิจกรรมที่ชอบ
  • I10F1I-8: ประเมินการตอบสนองต่อยาลดความดันโลหิต และปรับแผนการรักษาตามดุลยพินิจแพทย์
  • I10F1I-9: ให้ผู้ป่วยจัดตารางการรับประทานยา เช่น การตั้งเตือนบนโทรศัพท์
  • I10F1I-10: ส่งปรึกษานักโภชนาการสำหรับการวางแผนอาหารที่เหมาะสม
  • I10F1I-11: ประสานงานกับทีมสุขภาพ เช่น นักกายภาพบำบัด หากจำเป็น
Response
  • I10F1R-1: ผู้ป่วยมีระดับความดันโลหิตลดลงอยู่ที่ 135/85 มม.ปรอท ภายใน 2 สัปดาห์
  • I10F1R-2: ผู้ป่วยรายงานว่าสามารถรับประทานยาตามเวลาได้อย่างต่อเนื่อง
  • I10F1R-3: ผู้ป่วยเริ่มลดการบริโภคอาหารเค็ม และมีความพึงพอใจต่อการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมสุขภาพ
  • I10F1R-4:ไม่มีอาการผิดปกติหรือภาวะแทรกซ้อนระหว่างการพักรักษาตัวและหลังกลับบ้าน
................................................
I10F2: สี่ยงต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น โรคหัวใจขาดเลือดหรือโรคหลอดเลือดสมอง (Risk for complications such as ischemic heart disease or stroke)
Assessment
Subjective Data
  • ผู้ป่วยระบุว่าเคยมีอาการแน่นหน้าอกและเหนื่อยง่ายเมื่อออกแรง
  • มีประวัติครอบครัวเป็นโรคหัวใจขาดเลือดและโรคหลอดเลือดสมอง
  • ผู้ป่วยรายงานว่าไม่สามารถควบคุมความดันโลหิตได้ดีและไม่สามารถรับประทานยาต่อเนื่องได้
  • ผู้ป่วยเครียดจากงานและมีน้ำหนักเกิน
Objective Data
  • ความดันโลหิต 150/95 มม.ปรอท
  • ชีพจร 88 ครั้ง/นาที ไม่มีการเปลี่ยนแปลงที่สัญญาณชีพอื่น ๆ
  • ผลตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ (EKG) ไม่มีภาวะกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด
  • ผลการตรวจเลือดไม่มีภาวะไขมันในเลือดสูง (Cholesterol) หรือเบาหวาน
  • ประวัติการสูบบุหรี่ 10 ปี ลดปริมาณการสูบในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา
Goals
  • ผู้ป่วยจะควบคุมความดันโลหิตให้อยู่ในเกณฑ์เป้าหมาย (<130/80 มม.ปรอท) ภายใน 4 สัปดาห์
  • ผู้ป่วยจะมีความเข้าใจในการปฏิบัติตามแผนการรักษาและสามารถลดความเสี่ยงจากโรคหัวใจขาดเลือดและโรคหลอดเลือดสมอง
  • ผู้ป่วยจะลดการบริโภคอาหารเค็มและไขมันสูง รวมถึงเริ่มออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
  • ผู้ป่วยจะเลิกสูบบุหรี่ภายใน 2 เดือน
Evaluate Criteria
  • ความดันโลหิตของผู้ป่วยลดลงและอยู่ในเกณฑ์เป้าหมายเมื่อวัดในครั้งถัดไป
  • ผู้ป่วยสามารถบอกวิธีการรับประทานยาและการจัดการกับปัจจัยเสี่ยงที่เกี่ยวข้องได้ถูกต้อง
  • ผู้ป่วยสามารถลดการบริโภคอาหารที่มีโซเดียมและไขมันสูง และเริ่มออกกำลังกายอย่างน้อย 3 วัน/สัปดาห์
  • ผู้ป่วยเลิกสูบบุหรี่หรือมีการลดปริมาณการสูบลงอย่างชัดเจน
Intervention
  • I10F2I-1: วัดความดันโลหิตทุก 4-6 ชั่วโมงและประเมินอาการผิดปกติ เช่น แน่นหน้าอก หรือเวียนศีรษะ
  • I10F2I-2: ประเมินอาการของภาวะหัวใจขาดเลือดหรือโรคหลอดเลือดสมอง
  • I10F2I-3: อธิบายเกี่ยวกับความเสี่ยงจากการไม่ควบคุมความดันโลหิต เช่น โรคหัวใจและหลอดเลือดสมอง
  • I10F2I-4: สอนวิธีการรับประทานยาลดความดันโลหิตและยาลดไขมันอย่างถูกต้อง
  • I10F2I-5: แนะนำการรับประทานอาหารที่ลดโซเดียมและไขมัน และวิธีเลือกอาหารที่ดีต่อหัวใจ
  • I10F2I-6: สอนวิธีการออกกำลังกายแบบเบา ๆ เช่น การเดินเร็ว หรือปั่นจักรยาน
  • I10F2I-7: สนับสนุนการออกกำลังกายวันละ 30 นาที 3-5 วัน/สัปดาห์
  • I10F2I-8: ให้คำปรึกษาเรื่องการเลิกบุหรี่ และส่งต่อให้เจ้าหน้าที่ให้คำปรึกษาเกี่ยวกับการเลิกบุหรี่
  • I10F2I-9: ส่งเสริมให้ผู้ป่วยลดความเครียดผ่านการฝึกหายใจลึกหรือการทำสมาธิ
  • I10F2I-10: นัดติดตามผลการรักษาที่คลินิก OPD ทุก 2-4 สัปดาห์
  • I10F2I-11: ประเมินผลการปรับพฤติกรรมในการควบคุมความดันโลหิตและปัจจัยเสี่ยงอื่น ๆ
Response
  • I10F2R-1: ความดันโลหิตลดลงเป็น 130/85 มม.ปรอทใน 4 สัปดาห์
  • I10F2R-2:ผู้ป่วยรับประทานยาได้ถูกต้องและเข้าใจการลดความเสี่ยงจากโรคหัวใจและหลอดเลือดสมอง
  • I10F2R-3:ผู้ป่วยลดการบริโภคอาหารเค็มและไขมันสูง และออกกำลังกายสม่ำเสมอ
  • I10F2R-4:ผู้ป่วยเลิกสูบบุหรี่หรือลดปริมาณการสูบลงชัดเจน
.............................................
I10F3: ผู้ป่วยขาดความรู้เกี่ยวกับการดูแลตนเองเพื่อควบคุมความดันโลหิต (Knowledge deficit regarding self-care for blood pressure control)
Assessment
Subjective Data
  • ผู้ป่วยระบุว่าไม่ทราบวิธีการควบคุมความดันโลหิตอย่างเหมาะสม
  • ผู้ป่วยรู้สึกเครียดจากการทำงานและไม่สามารถปรับเปลี่ยนพฤติกรรมอาหารได้ง่าย
  • ผู้ป่วยไม่เข้าใจเกี่ยวกับผลกระทบจากการไม่รักษาความดันโลหิตสูง
Objective Data
  • ความดันโลหิต 150/95 มม.ปรอท (สูงกว่าค่ามาตรฐาน)
  • ผู้ป่วยมีประวัติไม่รับประทานยาตามคำสั่งแพทย์ในบางครั้ง
  • ไม่มีภาวะแทรกซ้อนที่ชัดเจนจากการไม่ควบคุมความดันโลหิต
Goals
  • ผู้ป่วยจะทราบวิธีควบคุมความดันโลหิตและการใช้ยาภายใน 2 สัปดาห์
  • ผู้ป่วยจะลดอาหารโซเดียมและไขมันสูง พร้อมออกกำลังกาย 3 วัน/สัปดาห์ภายใน 4 สัปดาห์
  • ผู้ป่วยจะปฏิบัติตามแผนรักษาและลดความดันโลหิต <130/80 มม.ปรอทภายใน 4 สัปดาห์
Evaluate Criteria
  • ผู้ป่วยสามารถบอกวิธีการรับประทานยาและการควบคุมความดันโลหิตได้ถูกต้อง
  • ความดันโลหิตของผู้ป่วยลดลงและอยู่ในเกณฑ์เป้าหมาย (<130/80 มม.ปรอท)
  • ผู้ป่วยลดการบริโภคอาหารที่มีโซเดียมและไขมันสูงและเริ่มออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
  • ผู้ป่วยมีความพึงพอใจและสามารถปฏิบัติตามแผนการรักษาได้
Intervention
  • I10F3I-1: อธิบายโรคความดันโลหิตสูงและความเสี่ยงจากการไม่รักษา เช่น โรคหัวใจขาดเลือดและหลอดเลือดสมอง
  • I10F3I-2: สอนวิธีการรับประทานยาลดความดันโลหิตและการติดตามผลการรักษา
  • I10F3I-3: แนะนำการเลือกอาหารที่ดีต่อสุขภาพ เช่น ลดการบริโภคโซเดียมและไขมัน
  • I10F3I-4: อธิบายการวัดความดันโลหิตที่บ้านและวิธีการบันทึกผล
  • I10F3I-5: สนับสนุนการออกกำลังกาย เช่น เดินเร็วหรือปั่นจักรยาน 30 นาที 3-5 วัน/สัปดาห์
  • I10F3I-6: ให้คำแนะนำในการลดความเครียด เช่น การทำสมาธิหรือการฝึกหายใจลึก
  • I10F3I-7: แนะนำการลดหรือเลิกสูบบุหรี่ และการจำกัดการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
  • I10F3I-8: ให้การสนับสนุนด้านจิตใจเพื่อช่วยให้ผู้ป่วยมีความมั่นใจในการดูแลตนเอง
  • I10F3I-9: ประเมินอาการเครียดหรือความวิตกกังวลเกี่ยวกับโรคและช่วยหาวิธีจัดการ
  • I10F3I-10: วัดความดันโลหิตทุก 2-4 สัปดาห์ และประเมินพฤติกรรมการดูแลตนเอง
  • I10F3I-11: นัดติดตามผลในคลินิก OPD เพื่อประเมินการตอบสนองต่อการรักษา
Response
  • I10F3R-1: ผู้ป่วยสามารถอธิบายวิธีการรับประทานยาลดความดันและการควบคุมความดันโลหิตได้ถูกต้อง
  • I10F3R-2: ความดันโลหิตของผู้ป่วยลดลงเป็น 130/85 มม.ปรอท ภายใน 4 สัปดาห์
  • I10F3R-3: ผู้ป่วยลดการบริโภคอาหารเค็มและไขมันสูง และเริ่มออกกำลังกายสม่ำเสมอ
  • I10F3R-4: ผู้ป่วยมีความพึงพอใจในการดูแลตนเองและสามารถปฏิบัติตามแผนการรักษาได้
……………………………………………………………………….......................
I10F4: เสี่ยงต่อการไม่ปฏิบัติตามแผนการรักษา (Risk for non-adherence to treatment plan)
Assessment
Subjective Data
  • ผู้ป่วยไม่สะดวกทานยาตามเวลาเพราะงานยุ่งและลืม
  • ผู้ป่วยมองว่าแผนรักษาซับซ้อนและยากต่อการปฏิบัติ
  • ผู้ป่วยลืมทานยาและขาดแรงจูงใจเมื่อไม่เห็นผลการรักษา
Objective Data 
  • ความดันโลหิต 160/100 มม.ปรอท (สูงกว่ามาตรฐาน)
  • ผู้ป่วยไม่ปฏิบัติตามแผนการใช้ยาที่แพทย์แนะนำ
  • ผลตรวจสุขภาพยืนยันว่าโรคยังควบคุมไม่ได้
  • ผู้ป่วยมีประวัติหยุดรักษาเมื่ออาการดีขึ้น
Goals 
  • ผู้ป่วยจะรับประทานยาตามแผนการรักษาได้อย่างถูกต้องและต่อเนื่องภายใน 2 สัปดาห์
  • ความดันโลหิตของผู้ป่วยจะลดลงและอยู่ในเกณฑ์เป้าหมาย (<130/80 มม.ปรอท) ภายใน 4 สัปดาห์
  • ผู้ป่วยจะมีความเข้าใจและมีทัศนคติที่ดีเกี่ยวกับการรักษาโรคความดันโลหิตสูง
  • ผู้ป่วยจะสามารถปฏิบัติตามแผนการรักษาได้โดยไม่มีการหยุดรักษาหรือหยุดยา
Evaluate Criteria
  • ผู้ป่วยรับประทานยาอย่างต่อเนื่องและตรงเวลา
  • ความดันโลหิตของผู้ป่วยลดลงและอยู่ในเกณฑ์เป้าหมาย (<130/80 มม.ปรอท)
  • ผู้ป่วยสามารถบอกวิธีการรับประทานยาและการดูแลตนเองได้ถูกต้อง
  • ผู้ป่วยไม่พลาดการรับประทานยาและทำตามแผนการรักษาอย่างต่อเนื่อง
Intervention
  • I10F4I-1: อธิบายความเสี่ยงจากการไม่รักษาความดันโลหิตสูง เช่น โรคหัวใจและหลอดเลือดสมอง
  • I10F4I-2: เน้นความสำคัญของการรับประทานยาต่อเนื่องและตรงเวลา แม้ไม่มีอาการ
  • I10F4I-3: สอนการใช้เครื่องมือหรือแอปฯ ช่วยเตือนการรับประทานยา
  • I10F4I-4: กระตุ้นให้ผู้ป่วยเห็นความสำคัญของการรักษาเพื่อสุขภาพระยะยาว
  • I10F4I-5: ติดตามผลและแจ้งความคืบหน้าจากการควบคุมความดันโลหิตที่ดีขึ้น
  • I10F4I-6: ใช้คำปรึกษาเชิงบวกเพื่อเพิ่มความมั่นใจในการรักษา
  • I10F4I-7: ปรับเวลาการใช้ยาให้เหมาะสมกับวิถีชีวิตผู้ป่วย
  • I10F4I-8: รับฟังความคิดเห็นและปรับแผนการรักษาตามความสะดวกของผู้ป่วย
  • I10F4I-9: สนับสนุนผู้ป่วยที่มีปัญหาในการใช้ยา เช่น หายากหรือค่าใช้จ่ายสูง
  • I10F4I-10: นัดตรวจความดันโลหิตทุก 2-4 สัปดาห์ เพื่อติดตามผลการรักษา
  • I10F4I-11: สอบถามผู้ป่วยเกี่ยวกับปัญหาหรืออุปสรรคในการรักษาและแก้ไขปัญหาตามที่พบ
  • I10F4I-12: สนับสนุนให้ผู้ป่วยใช้แอปพลิเคชันหรือบันทึกข้อมูลการรับประทานยาเพื่อติดตามการรักษา
Response
  • I10F4R-1: ผู้ป่วยสามารถรับประทานยาตามแผนได้อย่างถูกต้องและต่อเนื่อง
  • I10F4R-2: ความดันโลหิตของผู้ป่วยลดลงและอยู่ในเกณฑ์เป้าหมาย (<130/80 มม.ปรอท)
  • I10F4R-3: ผู้ป่วยมีความเข้าใจและรู้สึกมั่นใจในการรักษาโรคความดันโลหิตสูง
  • I10F4R-4: ผู้ป่วยไม่มีปัญหาหรืออุปสรรคในการรับประทานยา และสามารถปฏิบัติตามแผนการรักษาได้อย่างสม่ำเสมอ
.................................................
I10F5: มีความพร้อมกลับบ้านโดยไม่มีอาการผิดปกติ (Ready for discharge without abnormal symptoms)
Assessment
Subjective Data
  • ผู้ป่วยระบุว่าไม่มีอาการเจ็บปวดหรืออาการผิดปกติใด ๆ ตั้งแต่เริ่มการรักษา
  • ผู้ป่วยรู้สึกพร้อมที่จะกลับบ้านและมีความเข้าใจเกี่ยวกับการดูแลตนเองหลังจากออกจากโรงพยาบาล
  • ผู้ป่วยรายงานว่าได้รับการสนับสนุนจากครอบครัวในการปฏิบัติตามแผนการรักษา
Objective Data
  • ความดันโลหิต 130/85 มม.ปรอท (อยู่ในเกณฑ์เป้าหมาย)
  • สัญญาณชีพ (ชีพจร, อุณหภูมิ, การหายใจ) อยู่ในเกณฑ์ปกติ
  • ไม่มีการเปลี่ยนแปลงในผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการหรือเอกซเรย์ที่บ่งชี้ถึงปัญหาสุขภาพ
  • ประวัติการรับประทานยาและการปฏิบัติตามแผนการรักษาอยู่ในระดับที่ดี
Goals
  • ผู้ป่วยจะสามารถดูแลตนเองได้อย่างมีประสิทธิภาพและปฏิบัติตามแผนการรักษาหลังจากกลับบ้าน
  • ผู้ป่วยจะรับประทานยาตามแผนการรักษาได้อย่างถูกต้องและต่อเนื่องภายใน 1 สัปดาห์หลังจากกลับบ้านผู้ป่วยจะสามารถรายงานความผิดปกติที่อาจเกิดขึ้นได้ในช่วง 2 สัปดาห์หลังจากกลับบ้าน
Evaluate Criteria
  • ผู้ป่วยสามารถดูแลตนเองหลังจากกลับบ้านได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยไม่มีการพลาดการรับประทานยา
  • ความดันโลหิตของผู้ป่วยยังคงอยู่ในเกณฑ์เป้าหมายเมื่อได้รับการติดตามในครั้งถัดไป
  • ไม่มีอาการผิดปกติหรือการกลับมาของโรคเมื่อประเมินในภายหลัง
Intervention

  • I10F5I-1: สอนวิธีการรับประทานยาอย่างถูกต้องและการบันทึกการรับประทานยา
  • I10F5I-2: อธิบายการดูแลสุขภาพตนเอง เช่น การออกกำลังกาย, การควบคุมอาหาร, และการลด
  • ครียด
  • I10F5I-3: แนะนำติดตามผลหลังออกจากโรงพยาบาล เช่น นัดพบแพทย์, ตรวจความดันที่บ้าน
  • I10F5I-4: สอนสังเกตอาการผิดปกติ เช่น เจ็บหน้าอก, เวียนศีรษะ, หายใจลำบาก และวิธีติดต่อแพทย์ในกรณีฉุกเฉิน
  • I10F5I-5: ให้ข้อมูลการติดต่อฉุกเฉินและบริการที่สามารถช่วยเหลือได้หากมีปัญหาสุขภาพหลังกลับบ้าน
  • I10F5I-6: ให้คำแนะนำเกี่ยวกับการตั้งเวลาเตือนการทานยา เช่น การใช้แอปพลิเคชันหรือการตั้งนาฬิกาปลุก
  • I10F5I-7: ตรวจสอบให้แน่ใจว่าผู้ป่วยมีอุปกรณ์หรือเครื่องมือที่จำเป็น เช่น ยา, อุปกรณ์วัดความดันโลหิต  
  • I10F5I-8: นัดติดตามผลการรักษาหลังจากกลับบ้านภายใน 1-2 สัปดาห์  
  • I10F5I-9: ตรวจสอบความดันโลหิตและสัญญาณชีพในครั้งถัดไปที่คลินิกหรือผ่านการติดตามที่บ้าน

Response
  • I10F5R-1: ผู้ป่วยสามารถดูแลตนเองได้อย่างดีหลังกลับบ้านและไม่มีอาการผิดปกติ
  • I10F5R-2: ความดันโลหิตของผู้ป่วยยังคงอยู่ในเกณฑ์เป้าหมายเมื่อได้รับการติดตาม
  • I10F5R-3: ผู้ป่วยสามารถรับประทานยาอย่างต่อเนื่องตามแผนการรักษาและรายงานอาการผิดปกติได้หากมี
  • I10F5R-4: ไม่มีการกลับมาเข้ารักษาที่โรงพยาบาลหรือเกิดอาการแทรกซ้อนในช่วงเวลาติดตามหลังกลับบ้าน
..............................................
I10F6: ผู้ป่วยมีความรู้และความสามารถในการดูแลตนเองเพื่อควบคุมโรค (Patient has knowledge and ability for self-care in disease management)
Assessment
Subjective Data

  • ผู้ป่วยกล่าวว่าเข้าใจโรคความดันโลหิตสูงและวิธีการควบคุมความดันโลหิตของตนเอง
  • ผู้ป่วยรายงานว่ามีความมั่นใจในการปฏิบัติตามแผนการรักษาและการรับประทานยา
  • ผู้ป่วยกล่าวว่าทำตามคำแนะนำในการปรับพฤติกรรมการบริโภคอาหารและการออกกำลังกาย

Objective Data

  • ความดันโลหิต 130/85 มม.ปรอท (อยู่ในเกณฑ์เป้าหมาย)
  • ผู้ป่วยสามารถบอกวิธีการรับประทานยาและเหตุผลในการใช้ยาลดความดันโลหิตได้ถูกต้อง
  • ผู้ป่วยมีการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมที่ดี เช่น ลดการบริโภคเกลือและเพิ่มการออกกำลังกาย
  • ผลการตรวจสุขภาพอื่น ๆ (เช่น ไขมันในเลือด, น้ำหนัก) อยู่ในเกณฑ์ปกติ

Goals

  • ผู้ป่วยจะควบคุมความดันโลหิต <130/80 มม.ปรอท ต่อเนื่องใน 3 เดือน
  • ผู้ป่วยจะปฏิบัติตามแผนรักษาและดูแลตนเองอย่างสม่ำเสมอ
  • ผู้ป่วยจะรู้เท่าทันอาการผิดปกติและจัดการได้ถูกต้อง

Evaluate Criteria

  • ความดันโลหิตของผู้ป่วยยังคงอยู่ในเกณฑ์เป้าหมาย (<130/80 มม.ปรอท) ภายใน 3 เดือน
  • ผู้ป่วยสามารถอธิบายแผนการรักษาและเหตุผลในการรักษาได้อย่างชัดเจน
  • ผู้ป่วยสามารถจัดการและควบคุมปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ ได้อย่างต่อเนื่อง เช่น ลดการบริโภคโซเดียม, ออกกำลังกาย, ควบคุมความเครียด
  • ไม่มีการกลับมาเข้ารับการรักษาหรือการเกิดภาวะแทรกซ้อนจากการไม่ปฏิบัติตามแผนการรักษา

Intervention

  • I10F6I-1: ตรวจสอบความเข้าใจของผู้ป่วยเรื่องการควบคุมความดันและการดูแลตนเอง
  • I10F6I-2: เน้นความสำคัญของการรับประทานยา, ควบคุมอาหาร, และออกกำลังกายสม่ำเสมอ
  • I10F6I-3: สอนการใช้เครื่องวัดความดันและการบันทึกผลที่บ้าน
  • I10F6I-4: แนะนำลดโซเดียมและไขมัน เลือกอาหารสุขภาพ
  • I10F6I-5: ส่งเสริมการออกกำลังกาย เช่น เดิน, ปั่นจักรยาน 30 นาที 3-5 วัน/สัปดาห์
  • I10F6I-6: ให้คำแนะนำจัดการความเครียด เช่น สมาธิ, หายใจลึก, หรือกิจกรรมผ่อนคลาย
  • I10F6I-7: นัดติดตามผลทุก 1-2 เดือนเพื่อประเมินและปรับแผนการรักษา
  • I10F6I-8: สอบถามปัญหาอุปสรรคและช่วยหาทางแก้ไข
  • I10F6I-9: ตรวจสุขภาพ เช่น คอเลสเตอรอล, น้ำหนัก, น้ำตาลในเลือด
  • I10F6I-10: กระตุ้นเป้าหมายสุขภาพระยะยาวและสนับสนุนการมีส่วนร่วมในแผนรักษา
Response
  • I10F6R-1: วามดันโลหิตของผู้ป่วยยังคงอยู่ในเกณฑ์เป้าหมาย (<130/80 มม.ปรอท) ต่อเนื่อง
  • I10F6R-2: ผู้ป่วยสามารถรับประทานยาและทำตามคำแนะนำในการควบคุมอาหารและการออกกำลังกายได้อย่างถูกต้อง
  • I10F6R-3: ผู้ป่วยสามารถบันทึกผลการวัดความดันโลหิตที่บ้านและรายงานผลการรักษาได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • I10F6R-4: ผู้ป่วยมีความพึงพอใจและสามารถดูแลตนเองได้อย่างดี มีการจัดการสุขภาพที่ดีและไม่มีอาการผิดปกติ
……………………………………………………………………….......................................