พยาธิสภาพของความดันโลหิตสูง (I10)
ความดันโลหิตสูง (Hypertension) เกิดจาก ความผิดปกติของระบบไหลเวียนโลหิต ทำให้แรงดันในหลอดเลือดแดงสูงกว่าปกติ ส่งผลให้หัวใจต้องทำงานหนักขึ้น เพิ่มความเสี่ยงต่อ โรคหัวใจ หลอดเลือดสมอง ไตวาย และภาวะแทรกซ้อนอื่นๆ สาเหตุอาจมาจาก พันธุกรรม พฤติกรรมการใช้ชีวิต โรคประจำตัว หรือปัจจัยเสี่ยง เช่น ความเครียด อาหารเค็มจัด การสูบบุหรี่ และขาดการออกกำลังกาย การควบคุมความดันโลหิตอย่างเหมาะสมช่วยลดความเสี่ยงของภาวะแทรกซ้อนและเพิ่มคุณภาพชีวิตของผู้ป่วย
การรักษาผู้ป่วยความดันโลหิตสูง (I10)
การรักษาความดันโลหิตสูงมุ่งเน้น การควบคุมความดันโลหิตเพื่อลดความเสี่ยงต่อโรคแทรกซ้อน โดยใช้ทั้ง การปรับพฤติกรรมและการรักษาด้วยยา ผู้ป่วยควรลดปริมาณโซเดียมในอาหาร ควบคุมน้ำหนัก ออกกำลังกายสม่ำเสมอ หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และบุหรี่ และจัดการความเครียด ยาลดความดันโลหิต เช่น ยาขับปัสสาวะ ยาขยายหลอดเลือด หรือยากลุ่ม ACE inhibitors อาจถูกใช้ตามดุลยพินิจของแพทย์ การติดตามผลการรักษาและเฝ้าระวังอาการข้างเคียงเป็นสิ่งสำคัญเพื่อให้ผู้ป่วยสามารถควบคุมโรคได้อย่างมีประสิทธิภาพ
การพยาบาลผู้ป่วยความดันโลหิตสูง (I10)
การพยาบาลผู้ป่วยความดันโลหิตสูงมุ่งเน้น การเฝ้าระวังอาการ ประเมินภาวะแทรกซ้อน และให้ความรู้เพื่อการควบคุมโรค พยาบาลต้องติดตามค่าความดันโลหิตอย่างสม่ำเสมอ ประเมินอาการผิดปกติ เช่น ปวดศีรษะ เวียนศีรษะ ใจสั่น หรือภาวะฉุกเฉินจากความดันโลหิตสูงสูงเกินไป ให้คำแนะนำเรื่อง การรับประทานยาอย่างถูกต้อง ปรับพฤติกรรมสุขภาพ และลดปัจจัยเสี่ยง รวมถึงให้การสนับสนุนด้านจิตใจและสร้างแรงจูงใจในการดูแลตนเอง เพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนและส่งเสริมคุณภาพชีวิตของผู้ป่วย
การวินิจฉัยการพยาบาล (Nursing Diagnosis)
- I10F1: มีภาวะความดันโลหิตสูงเนื่องจากการควบคุมโรคที่ไม่เหมาะสม (Hypertension due to inadequate disease control)
- I10F2: เสี่ยงต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น โรคหัวใจขาดเลือดหรือโรคหลอดเลือดสมอง (Risk for complications such as ischemic heart disease or stroke)
- I10F3: ผู้ป่วยขาดความรู้เกี่ยวกับการดูแลตนเองเพื่อควบคุมความดันโลหิต (Knowledge deficit regarding self-care for blood pressure control)
- I10F4: เสี่ยงต่อการไม่ปฏิบัติตามแผนการรักษา (Risk for non-adherence to treatment plan)
- I10F5: มีความพร้อมกลับบ้านโดยไม่มีอาการผิดปกติ (Ready for discharge without abnormal symptoms)
- I10F6: ผู้ป่วยมีความรู้และความสามารถในการดูแลตนเองเพื่อควบคุมโรค (Patient has knowledge and ability for self-care in disease management)
ข้อสังเกต (Remark) :
- K35 = ไส้ติ่งอักเสบ (Appendicitis)
- F1 = Focus ลำดับที่ 1
- I-1 = Intervention ลำดับที่ 1
- R-1= Response ลำดับที่ 1
- (ตัวเลข F1, I-1, R-1 เป็นเพียงตัวเลขที่กำหนดขึ้นเพื่อให้การจัดลำดับวินิจฉัยการพยาบาลเป็นไปอย่างมีระบบ
อาจปรับเปลี่ยนได้ตามความเหมาะสม)
………………………………………………………………………..............................
I10F1: มีภาวะความดันโลหิตสูงเนื่องจากการควบคุมโรคที่ไม่เหมาะสม (Hypertension due to inadequate disease control)
Assessment
Subjective Data
- ผู้ป่วยระบุว่ามีอาการปวดศีรษะเป็นระยะ โดยเฉพาะในช่วงเช้า
- มีความเครียดจากงานและไม่สามารถออกกำลังกายได้อย่างสม่ำเสมอ
- ไม่สามารถรับประทานยาลดความดันโลหิตได้ตามเวลา เนื่องจากลืมหรือไม่สะดวก
Objective Data
- ความดันโลหิต 160/100 มม.ปรอท (สูงกว่าค่าเป้าหมาย 130/80 มม.ปรอท)
- ชีพจร 88 ครั้ง/นาที
ไม่มีอาการผิดปกติจากการตรวจร่างกายอื่น
- ประวัติการรับประทานยาไม่สม่ำเสมอในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา
- ความดันโลหิตของผู้ป่วยจะลดลงและอยู่ในเกณฑ์เป้าหมาย
(<130/80 มม.ปรอท) ภายใน 2 สัปดาห์
- ผู้ป่วยสามารถปฏิบัติตามแผนการรักษาและรับประทานยาลดความดันได้ถูกต้องและต่อเนื่อง
- ผู้ป่วยจะลดการบริโภคอาหารเค็มและเริ่มออกกำลังกายสม่ำเสมอภายใน
4 สัปดาห์
- ระดับความดันโลหิตของผู้ป่วยลดลงและคงที่ในเกณฑ์เป้าหมายเมื่อวัดใน
OPD
ครั้งถัดไป
- ผู้ป่วยสามารถบอกชื่อยา ขนาดยา และวิธีรับประทานได้ถูกต้อง
- ผู้ป่วยลดการบริโภคอาหารเค็ม และเริ่มออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
- ไม่มีอาการแทรกซ้อน เช่น แน่นหน้าอก เวียนศีรษะรุนแรง หรืออาการทางระบบประสาท
- I10F1I-1: วัดความดันโลหิตทุก 4
ชั่วโมงในระหว่างพักในวอร์ด
- I10F1I-2: ประเมินสัญญาณชีพและอาการผิดปกติ เช่น
ปวดศีรษะรุนแรง แน่นหน้าอก หรือมองเห็นผิดปกติ
- I10F1I-3: อธิบายเกี่ยวกับผลเสียของการควบคุมความดันโลหิตไม่ดี
เช่น ภาวะแทรกซ้อนของโรคหัวใจและหลอดเลือด
- I10F1I-4: สอนการรับประทานยาลดความดันโลหิตให้ถูกต้อง
รวมถึงผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น
- I10F1I-5: แนะนำการลดโซเดียมในอาหาร เช่น
หลีกเลี่ยงอาหารแปรรูปและเครื่องปรุงรสเค็ม
- I10F1I-6: สนับสนุนให้ผู้ป่วยออกกำลังกายเบา ๆ เช่น
เดินเร็ว 30 นาที/วัน 3-5 วัน/สัปดาห์
- I10F1I-7: แนะนำวิธีผ่อนคลายความเครียด เช่น การฝึกสมาธิหรือการทำกิจกรรมที่ชอบ
- I10F1I-8: ประเมินการตอบสนองต่อยาลดความดันโลหิต
และปรับแผนการรักษาตามดุลยพินิจแพทย์
- I10F1I-9: ให้ผู้ป่วยจัดตารางการรับประทานยา เช่น
การตั้งเตือนบนโทรศัพท์
- I10F1I-10: ส่งปรึกษานักโภชนาการสำหรับการวางแผนอาหารที่เหมาะสม
- I10F1I-11: ประสานงานกับทีมสุขภาพ เช่น นักกายภาพบำบัด
หากจำเป็น
- I10F1R-1: ผู้ป่วยมีระดับความดันโลหิตลดลงอยู่ที่ 135/85 มม.ปรอท ภายใน 2 สัปดาห์
- I10F1R-2: ผู้ป่วยรายงานว่าสามารถรับประทานยาตามเวลาได้อย่างต่อเนื่อง
- I10F1R-3: ผู้ป่วยเริ่มลดการบริโภคอาหารเค็ม
และมีความพึงพอใจต่อการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมสุขภาพ
- I10F1R-4:ไม่มีอาการผิดปกติหรือภาวะแทรกซ้อนระหว่างการพักรักษาตัวและหลังกลับบ้าน
I10F2: เสี่ยงต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น โรคหัวใจขาดเลือดหรือโรคหลอดเลือดสมอง (Risk for complications such as ischemic heart disease or stroke)
Assessment
Subjective Data
- ผู้ป่วยระบุว่าเคยมีอาการแน่นหน้าอกและเหนื่อยง่ายเมื่อออกแรง
- มีประวัติครอบครัวเป็นโรคหัวใจขาดเลือดและโรคหลอดเลือดสมอง
- ผู้ป่วยรายงานว่าไม่สามารถควบคุมความดันโลหิตได้ดีและไม่สามารถรับประทานยาต่อเนื่องได้
- ผู้ป่วยเครียดจากงานและมีน้ำหนักเกิน
- ความดันโลหิต 150/95 มม.ปรอท
- ชีพจร 88 ครั้ง/นาที
ไม่มีการเปลี่ยนแปลงที่สัญญาณชีพอื่น ๆ
- ผลตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ (EKG) ไม่มีภาวะกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด
- ผลการตรวจเลือดไม่มีภาวะไขมันในเลือดสูง
(Cholesterol)
หรือเบาหวาน
- ประวัติการสูบบุหรี่ 10 ปี ลดปริมาณการสูบในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา
- ผู้ป่วยจะควบคุมความดันโลหิตให้อยู่ในเกณฑ์เป้าหมาย
(<130/80
มม.ปรอท) ภายใน 4 สัปดาห์
- ผู้ป่วยจะมีความเข้าใจในการปฏิบัติตามแผนการรักษาและสามารถลดความเสี่ยงจากโรคหัวใจขาดเลือดและโรคหลอดเลือดสมอง
- ผู้ป่วยจะลดการบริโภคอาหารเค็มและไขมันสูง รวมถึงเริ่มออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
- ผู้ป่วยจะเลิกสูบบุหรี่ภายใน 2 เดือน
- ความดันโลหิตของผู้ป่วยลดลงและอยู่ในเกณฑ์เป้าหมายเมื่อวัดในครั้งถัดไป
- ผู้ป่วยสามารถบอกวิธีการรับประทานยาและการจัดการกับปัจจัยเสี่ยงที่เกี่ยวข้องได้ถูกต้อง
- ผู้ป่วยสามารถลดการบริโภคอาหารที่มีโซเดียมและไขมันสูง
และเริ่มออกกำลังกายอย่างน้อย 3 วัน/สัปดาห์
- ผู้ป่วยเลิกสูบบุหรี่หรือมีการลดปริมาณการสูบลงอย่างชัดเจน
- I10F2I-1: วัดความดันโลหิตทุก 4-6 ชั่วโมงและประเมินอาการผิดปกติ
เช่น แน่นหน้าอก หรือเวียนศีรษะ
- I10F2I-2: ประเมินอาการของภาวะหัวใจขาดเลือดหรือโรคหลอดเลือดสมอง
- I10F2I-3: อธิบายเกี่ยวกับความเสี่ยงจากการไม่ควบคุมความดันโลหิต
เช่น โรคหัวใจและหลอดเลือดสมอง
- I10F2I-4: สอนวิธีการรับประทานยาลดความดันโลหิตและยาลดไขมันอย่างถูกต้อง
- I10F2I-5: แนะนำการรับประทานอาหารที่ลดโซเดียมและไขมัน
และวิธีเลือกอาหารที่ดีต่อหัวใจ
- I10F2I-6: สอนวิธีการออกกำลังกายแบบเบา ๆ เช่น การเดินเร็ว
หรือปั่นจักรยาน
- I10F2I-7: สนับสนุนการออกกำลังกายวันละ 30 นาที 3-5 วัน/สัปดาห์
- I10F2I-8: ให้คำปรึกษาเรื่องการเลิกบุหรี่
และส่งต่อให้เจ้าหน้าที่ให้คำปรึกษาเกี่ยวกับการเลิกบุหรี่
- I10F2I-9: ส่งเสริมให้ผู้ป่วยลดความเครียดผ่านการฝึกหายใจลึกหรือการทำสมาธิ
- I10F2I-10: นัดติดตามผลการรักษาที่คลินิก OPD ทุก 2-4 สัปดาห์
- I10F2I-11: ประเมินผลการปรับพฤติกรรมในการควบคุมความดันโลหิตและปัจจัยเสี่ยงอื่น
ๆ
- I10F2R-1: ความดันโลหิตลดลงเป็น 130/85 มม.ปรอทใน 4
สัปดาห์
- I10F2R-2:ผู้ป่วยรับประทานยาได้ถูกต้องและเข้าใจการลดความเสี่ยงจากโรคหัวใจและหลอดเลือดสมอง
- I10F2R-3:ผู้ป่วยลดการบริโภคอาหารเค็มและไขมันสูง
และออกกำลังกายสม่ำเสมอ
- I10F2R-4:ผู้ป่วยเลิกสูบบุหรี่หรือลดปริมาณการสูบลงชัดเจน
I10F3: ผู้ป่วยขาดความรู้เกี่ยวกับการดูแลตนเองเพื่อควบคุมความดันโลหิต (Knowledge deficit regarding self-care for blood pressure control)
Assessment
Subjective Data
- ผู้ป่วยระบุว่าไม่ทราบวิธีการควบคุมความดันโลหิตอย่างเหมาะสม
- ผู้ป่วยรู้สึกเครียดจากการทำงานและไม่สามารถปรับเปลี่ยนพฤติกรรมอาหารได้ง่าย
- ผู้ป่วยไม่เข้าใจเกี่ยวกับผลกระทบจากการไม่รักษาความดันโลหิตสูง
- ความดันโลหิต 150/95 มม.ปรอท (สูงกว่าค่ามาตรฐาน)
- ผู้ป่วยมีประวัติไม่รับประทานยาตามคำสั่งแพทย์ในบางครั้ง
- ไม่มีภาวะแทรกซ้อนที่ชัดเจนจากการไม่ควบคุมความดันโลหิต
- ผู้ป่วยจะทราบวิธีควบคุมความดันโลหิตและการใช้ยาภายใน 2 สัปดาห์
- ผู้ป่วยจะลดอาหารโซเดียมและไขมันสูง พร้อมออกกำลังกาย 3 วัน/สัปดาห์ภายใน 4 สัปดาห์
- ผู้ป่วยจะปฏิบัติตามแผนรักษาและลดความดันโลหิต
<130/80 มม.ปรอทภายใน 4 สัปดาห์
- ผู้ป่วยสามารถบอกวิธีการรับประทานยาและการควบคุมความดันโลหิตได้ถูกต้อง
- ความดันโลหิตของผู้ป่วยลดลงและอยู่ในเกณฑ์เป้าหมาย
(<130/80
มม.ปรอท)
- ผู้ป่วยลดการบริโภคอาหารที่มีโซเดียมและไขมันสูงและเริ่มออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
- ผู้ป่วยมีความพึงพอใจและสามารถปฏิบัติตามแผนการรักษาได้
- I10F3I-1: อธิบายโรคความดันโลหิตสูงและความเสี่ยงจากการไม่รักษา
เช่น โรคหัวใจขาดเลือดและหลอดเลือดสมอง
- I10F3I-2: สอนวิธีการรับประทานยาลดความดันโลหิตและการติดตามผลการรักษา
- I10F3I-3: แนะนำการเลือกอาหารที่ดีต่อสุขภาพ
เช่น ลดการบริโภคโซเดียมและไขมัน
- I10F3I-4: อธิบายการวัดความดันโลหิตที่บ้านและวิธีการบันทึกผล
- I10F3I-5: สนับสนุนการออกกำลังกาย
เช่น เดินเร็วหรือปั่นจักรยาน 30 นาที 3-5 วัน/สัปดาห์
- I10F3I-6: ให้คำแนะนำในการลดความเครียด
เช่น การทำสมาธิหรือการฝึกหายใจลึก
- I10F3I-7: แนะนำการลดหรือเลิกสูบบุหรี่
และการจำกัดการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
- I10F3I-8: ให้การสนับสนุนด้านจิตใจเพื่อช่วยให้ผู้ป่วยมีความมั่นใจในการดูแลตนเอง
- I10F3I-9: ประเมินอาการเครียดหรือความวิตกกังวลเกี่ยวกับโรคและช่วยหาวิธีจัดการ
- I10F3I-10: วัดความดันโลหิตทุก 2-4
สัปดาห์ และประเมินพฤติกรรมการดูแลตนเอง
- I10F3I-11: นัดติดตามผลในคลินิก OPD
เพื่อประเมินการตอบสนองต่อการรักษา
- I10F3R-1: ผู้ป่วยสามารถอธิบายวิธีการรับประทานยาลดความดันและการควบคุมความดันโลหิตได้ถูกต้อง
- I10F3R-2: ความดันโลหิตของผู้ป่วยลดลงเป็น 130/85 มม.ปรอท ภายใน 4 สัปดาห์
- I10F3R-3: ผู้ป่วยลดการบริโภคอาหารเค็มและไขมันสูง
และเริ่มออกกำลังกายสม่ำเสมอ
- I10F3R-4: ผู้ป่วยมีความพึงพอใจในการดูแลตนเองและสามารถปฏิบัติตามแผนการรักษาได้
I10F4: เสี่ยงต่อการไม่ปฏิบัติตามแผนการรักษา (Risk for non-adherence to treatment plan)
Assessment
Subjective Data
- ผู้ป่วยไม่สะดวกทานยาตามเวลาเพราะงานยุ่งและลืม
- ผู้ป่วยมองว่าแผนรักษาซับซ้อนและยากต่อการปฏิบัติ
- ผู้ป่วยลืมทานยาและขาดแรงจูงใจเมื่อไม่เห็นผลการรักษา
- ความดันโลหิต 160/100 มม.ปรอท (สูงกว่ามาตรฐาน)
- ผู้ป่วยไม่ปฏิบัติตามแผนการใช้ยาที่แพทย์แนะนำ
- ผลตรวจสุขภาพยืนยันว่าโรคยังควบคุมไม่ได้
- ผู้ป่วยมีประวัติหยุดรักษาเมื่ออาการดีขึ้น
- ผู้ป่วยจะรับประทานยาตามแผนการรักษาได้อย่างถูกต้องและต่อเนื่องภายใน
2 สัปดาห์
- ความดันโลหิตของผู้ป่วยจะลดลงและอยู่ในเกณฑ์เป้าหมาย
(<130/80
มม.ปรอท) ภายใน 4 สัปดาห์
- ผู้ป่วยจะมีความเข้าใจและมีทัศนคติที่ดีเกี่ยวกับการรักษาโรคความดันโลหิตสูง
- ผู้ป่วยจะสามารถปฏิบัติตามแผนการรักษาได้โดยไม่มีการหยุดรักษาหรือหยุดยา
- ผู้ป่วยรับประทานยาอย่างต่อเนื่องและตรงเวลา
- ความดันโลหิตของผู้ป่วยลดลงและอยู่ในเกณฑ์เป้าหมาย
(<130/80
มม.ปรอท)
- ผู้ป่วยสามารถบอกวิธีการรับประทานยาและการดูแลตนเองได้ถูกต้อง
- ผู้ป่วยไม่พลาดการรับประทานยาและทำตามแผนการรักษาอย่างต่อเนื่อง
- I10F4I-1: อธิบายความเสี่ยงจากการไม่รักษาความดันโลหิตสูง
เช่น โรคหัวใจและหลอดเลือดสมอง
- I10F4I-2: เน้นความสำคัญของการรับประทานยาต่อเนื่องและตรงเวลา
แม้ไม่มีอาการ
- I10F4I-3: สอนการใช้เครื่องมือหรือแอปฯ
ช่วยเตือนการรับประทานยา
- I10F4I-4: กระตุ้นให้ผู้ป่วยเห็นความสำคัญของการรักษาเพื่อสุขภาพระยะยาว
- I10F4I-5: ติดตามผลและแจ้งความคืบหน้าจากการควบคุมความดันโลหิตที่ดีขึ้น
- I10F4I-6: ใช้คำปรึกษาเชิงบวกเพื่อเพิ่มความมั่นใจในการรักษา
- I10F4I-7: ปรับเวลาการใช้ยาให้เหมาะสมกับวิถีชีวิตผู้ป่วย
- I10F4I-8: รับฟังความคิดเห็นและปรับแผนการรักษาตามความสะดวกของผู้ป่วย
- I10F4I-9: สนับสนุนผู้ป่วยที่มีปัญหาในการใช้ยา
เช่น หายากหรือค่าใช้จ่ายสูง
- I10F4I-10: นัดตรวจความดันโลหิตทุก
2-4 สัปดาห์ เพื่อติดตามผลการรักษา
- I10F4I-11: สอบถามผู้ป่วยเกี่ยวกับปัญหาหรืออุปสรรคในการรักษาและแก้ไขปัญหาตามที่พบ
- I10F4I-12: สนับสนุนให้ผู้ป่วยใช้แอปพลิเคชันหรือบันทึกข้อมูลการรับประทานยาเพื่อติดตามการรักษา
- I10F4R-1: ผู้ป่วยสามารถรับประทานยาตามแผนได้อย่างถูกต้องและต่อเนื่อง
- I10F4R-2: ความดันโลหิตของผู้ป่วยลดลงและอยู่ในเกณฑ์เป้าหมาย
(<130/80
มม.ปรอท)
- I10F4R-3: ผู้ป่วยมีความเข้าใจและรู้สึกมั่นใจในการรักษาโรคความดันโลหิตสูง
- I10F4R-4: ผู้ป่วยไม่มีปัญหาหรืออุปสรรคในการรับประทานยา
และสามารถปฏิบัติตามแผนการรักษาได้อย่างสม่ำเสมอ
I10F5: มีความพร้อมกลับบ้านโดยไม่มีอาการผิดปกติ (Ready for discharge without abnormal symptoms)
Assessment
Subjective Data
- ผู้ป่วยระบุว่าไม่มีอาการเจ็บปวดหรืออาการผิดปกติใด ๆ ตั้งแต่เริ่มการรักษา
- ผู้ป่วยรู้สึกพร้อมที่จะกลับบ้านและมีความเข้าใจเกี่ยวกับการดูแลตนเองหลังจากออกจากโรงพยาบาล
- ผู้ป่วยรายงานว่าได้รับการสนับสนุนจากครอบครัวในการปฏิบัติตามแผนการรักษา
- ความดันโลหิต 130/85 มม.ปรอท (อยู่ในเกณฑ์เป้าหมาย)
- สัญญาณชีพ (ชีพจร, อุณหภูมิ, การหายใจ) อยู่ในเกณฑ์ปกติ
- ไม่มีการเปลี่ยนแปลงในผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการหรือเอกซเรย์ที่บ่งชี้ถึงปัญหาสุขภาพ
- ประวัติการรับประทานยาและการปฏิบัติตามแผนการรักษาอยู่ในระดับที่ดี
- ผู้ป่วยจะสามารถดูแลตนเองได้อย่างมีประสิทธิภาพและปฏิบัติตามแผนการรักษาหลังจากกลับบ้าน
- ผู้ป่วยจะรับประทานยาตามแผนการรักษาได้อย่างถูกต้องและต่อเนื่องภายใน
1 สัปดาห์หลังจากกลับบ้านผู้ป่วยจะสามารถรายงานความผิดปกติที่อาจเกิดขึ้นได้ในช่วง
2 สัปดาห์หลังจากกลับบ้าน
- ผู้ป่วยสามารถดูแลตนเองหลังจากกลับบ้านได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยไม่มีการพลาดการรับประทานยา
- ความดันโลหิตของผู้ป่วยยังคงอยู่ในเกณฑ์เป้าหมายเมื่อได้รับการติดตามในครั้งถัดไป
- ไม่มีอาการผิดปกติหรือการกลับมาของโรคเมื่อประเมินในภายหลัง
- I10F5I-1: สอนวิธีการรับประทานยาอย่างถูกต้องและการบันทึกการรับประทานยา
- I10F5I-2: อธิบายการดูแลสุขภาพตนเอง เช่น การออกกำลังกาย, การควบคุมอาหาร, และการลด
- ครียด
- I10F5I-3: แนะนำติดตามผลหลังออกจากโรงพยาบาล เช่น นัดพบแพทย์, ตรวจความดันที่บ้าน
- I10F5I-4: สอนสังเกตอาการผิดปกติ เช่น เจ็บหน้าอก, เวียนศีรษะ, หายใจลำบาก และวิธีติดต่อแพทย์ในกรณีฉุกเฉิน
- I10F5I-5: ให้ข้อมูลการติดต่อฉุกเฉินและบริการที่สามารถช่วยเหลือได้หากมีปัญหาสุขภาพหลังกลับบ้าน
- I10F5I-6: ให้คำแนะนำเกี่ยวกับการตั้งเวลาเตือนการทานยา เช่น การใช้แอปพลิเคชันหรือการตั้งนาฬิกาปลุก
- I10F5I-7: ตรวจสอบให้แน่ใจว่าผู้ป่วยมีอุปกรณ์หรือเครื่องมือที่จำเป็น เช่น ยา, อุปกรณ์วัดความดันโลหิต
- I10F5I-8: นัดติดตามผลการรักษาหลังจากกลับบ้านภายใน 1-2 สัปดาห์
- I10F5I-9: ตรวจสอบความดันโลหิตและสัญญาณชีพในครั้งถัดไปที่คลินิกหรือผ่านการติดตามที่บ้าน
- I10F5R-1: ผู้ป่วยสามารถดูแลตนเองได้อย่างดีหลังกลับบ้านและไม่มีอาการผิดปกติ
- I10F5R-2: ความดันโลหิตของผู้ป่วยยังคงอยู่ในเกณฑ์เป้าหมายเมื่อได้รับการติดตาม
- I10F5R-3: ผู้ป่วยสามารถรับประทานยาอย่างต่อเนื่องตามแผนการรักษาและรายงานอาการผิดปกติได้หากมี
- I10F5R-4: ไม่มีการกลับมาเข้ารักษาที่โรงพยาบาลหรือเกิดอาการแทรกซ้อนในช่วงเวลาติดตามหลังกลับบ้าน
I10F6: ผู้ป่วยมีความรู้และความสามารถในการดูแลตนเองเพื่อควบคุมโรค (Patient has knowledge and ability for self-care in disease management)
Assessment
Subjective Data
- ผู้ป่วยกล่าวว่าเข้าใจโรคความดันโลหิตสูงและวิธีการควบคุมความดันโลหิตของตนเอง
- ผู้ป่วยรายงานว่ามีความมั่นใจในการปฏิบัติตามแผนการรักษาและการรับประทานยา
- ผู้ป่วยกล่าวว่าทำตามคำแนะนำในการปรับพฤติกรรมการบริโภคอาหารและการออกกำลังกาย
Objective Data
- ความดันโลหิต 130/85 มม.ปรอท (อยู่ในเกณฑ์เป้าหมาย)
- ผู้ป่วยสามารถบอกวิธีการรับประทานยาและเหตุผลในการใช้ยาลดความดันโลหิตได้ถูกต้อง
- ผู้ป่วยมีการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมที่ดี เช่น ลดการบริโภคเกลือและเพิ่มการออกกำลังกาย
- ผลการตรวจสุขภาพอื่น ๆ (เช่น ไขมันในเลือด, น้ำหนัก) อยู่ในเกณฑ์ปกติ
Goals
- ผู้ป่วยจะควบคุมความดันโลหิต <130/80 มม.ปรอท ต่อเนื่องใน 3 เดือน
- ผู้ป่วยจะปฏิบัติตามแผนรักษาและดูแลตนเองอย่างสม่ำเสมอ
- ผู้ป่วยจะรู้เท่าทันอาการผิดปกติและจัดการได้ถูกต้อง
Evaluate Criteria
- ความดันโลหิตของผู้ป่วยยังคงอยู่ในเกณฑ์เป้าหมาย (<130/80 มม.ปรอท) ภายใน 3 เดือน
- ผู้ป่วยสามารถอธิบายแผนการรักษาและเหตุผลในการรักษาได้อย่างชัดเจน
- ผู้ป่วยสามารถจัดการและควบคุมปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ ได้อย่างต่อเนื่อง เช่น ลดการบริโภคโซเดียม, ออกกำลังกาย, ควบคุมความเครียด
- ไม่มีการกลับมาเข้ารับการรักษาหรือการเกิดภาวะแทรกซ้อนจากการไม่ปฏิบัติตามแผนการรักษา
Intervention
- I10F6I-1: ตรวจสอบความเข้าใจของผู้ป่วยเรื่องการควบคุมความดันและการดูแลตนเอง
- I10F6I-2: เน้นความสำคัญของการรับประทานยา, ควบคุมอาหาร,
และออกกำลังกายสม่ำเสมอ
- I10F6I-3: สอนการใช้เครื่องวัดความดันและการบันทึกผลที่บ้าน
- I10F6I-4: แนะนำลดโซเดียมและไขมัน เลือกอาหารสุขภาพ
- I10F6I-5: ส่งเสริมการออกกำลังกาย เช่น เดิน, ปั่นจักรยาน 30
นาที 3-5 วัน/สัปดาห์
- I10F6I-6: ให้คำแนะนำจัดการความเครียด เช่น สมาธิ, หายใจลึก,
หรือกิจกรรมผ่อนคลาย
- I10F6I-7: นัดติดตามผลทุก 1-2 เดือนเพื่อประเมินและปรับแผนการรักษา
- I10F6I-8: สอบถามปัญหาอุปสรรคและช่วยหาทางแก้ไข
- I10F6I-9: ตรวจสุขภาพ เช่น คอเลสเตอรอล, น้ำหนัก, น้ำตาลในเลือด
- I10F6I-10: กระตุ้นเป้าหมายสุขภาพระยะยาวและสนับสนุนการมีส่วนร่วมในแผนรักษา
- I10F6R-1: ความดันโลหิตของผู้ป่วยยังคงอยู่ในเกณฑ์เป้าหมาย
(<130/80
มม.ปรอท) ต่อเนื่อง
- I10F6R-2: ผู้ป่วยสามารถรับประทานยาและทำตามคำแนะนำในการควบคุมอาหารและการออกกำลังกายได้อย่างถูกต้อง
- I10F6R-3: ผู้ป่วยสามารถบันทึกผลการวัดความดันโลหิตที่บ้านและรายงานผลการรักษาได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- I10F6R-4: ผู้ป่วยมีความพึงพอใจและสามารถดูแลตนเองได้อย่างดี
มีการจัดการสุขภาพที่ดีและไม่มีอาการผิดปกติ