เกี่ยวกับฉัน

รูปภาพของฉัน
เมือง, พิษณุโลก, Thailand

วันพุธที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2568

EP.88 Med. Topic 8 โรคหืด (โรคหอบหืด) : J45 [Asthma]


 🎯 รู้ทันโรคหืด…หายใจติดขัด อันตรายกว่าที่คิด!

ความหมายของโรคหืด (Asthma)
โรคหืด คือ โรคเรื้อรังของทางเดินหายใจ ที่เยื่อบุหลอดลมอักเสบง่าย ทำให้ตีบแคบ หายใจลำบาก ไอ แน่นหน้าอก และมีเสียงวี๊ด

พยาธิสภาพ
หลอดลมไวต่อสิ่งกระตุ้น เยื่อบุบวม มีเสมหะ และหดเกร็ง อากาศผ่านได้น้อย หอบเหนื่อย
เริ่มพบตั้งแต่เด็กเล็ก แต่ผู้ใหญ่ก็เป็นได้ โดยเฉพาะคนที่มีประวัติภูมิแพ้ในครอบครัว

ปัจจัยเสี่ยง/สิ่งกระตุ้น
🌱 ฝุ่น ควันบุหรี่ มลพิษ
🌱 ขนสัตว์ เกสรดอกไม้
🌱 อากาศเย็นจัด หรือออกกำลังกายหนัก
🌱 ความเครียด การติดเชื้อทางเดินหายใจ

อาการสำคัญ
😮 หายใจหอบถี่
😮 แน่นหน้าอก
😮 ไอตอนกลางคืน/เช้า
😮 มีเสียงหวีดขณะหายใจ

การรักษา
🩺 พบแพทย์เพื่อรับยาพ่นควบคุมอาการและยาพ่นบรรเทา
🩺 หลีกเลี่ยงสิ่งกระตุ้น
🩺 รักษาตามแผนสม่ำเสมอ แม้ไม่มีอาการ

การพยาบาล (สำหรับพยาบาล)
👩‍⚕️ เฝ้าสังเกตอาการหอบเหนื่อยและเสียงหวีด
👩‍⚕️ สอนเทคนิคใช้ยาพ่นให้ถูกต้อง
👩‍⚕️ ให้กำลังใจ ลดความเครียดผู้ป่วย
👩‍⚕️ ช่วยวางแผนเลี่ยงสิ่งกระตุ้น

วิธีดูแลตัวเองสำหรับบุคคลทั่วไป
🌟 ใช้ยาตามแพทย์สั่ง ไม่หยุดยาเอง
🌟 ทำบ้านให้สะอาด ลดฝุ่น/ไรฝุ่น
🌟 หลีกเลี่ยงบุหรี่ ควัน ขนสัตว์
🌟 ออกกำลังกายเบาๆ และพักผ่อนให้เพียงพอ
🌟 ถ้าหอบหนัก พูดไม่เป็นคำ ให้รีบไปโรงพยาบาลทันที!

…………………………………..

วินิจฉัยการพยาบาลผู้ป่วยโรคหืด (Asthma: J45) 

  • J45F1 การแลกเปลี่ยนก๊าซบกพร่อง (Impaired gas exchange) เกิดจากทางเดินหายใจตีบแคบและมีเสมหะ ทำให้ร่างกายได้รับออกซิเจนไม่เพียงพอ จำเป็นต้องเฝ้าระวังและช่วยให้อากาศผ่านได้ดีขึ้น
  • J45F2 การหายใจมีประสิทธิภาพไม่เพียงพอ (Ineffective breathing pattern) สังเกตผู้ป่วยหอบถี่ ใช้กล้ามเนื้อช่วยหายใจ เหนื่อยง่าย ควรดูแลให้ท่าที่หายใจสะดวกและประเมินสัญญาณชีพอย่างใกล้ชิด
  • J45F3 เสมหะคั่งค้างในทางเดินหายใจ (Ineffective airway clearance) เนื่องจากมีเสมหะมากและเหนียวข้น อาจต้องกระตุ้นให้ไอ เอาเสมหะออก และให้ยาละลายเสมหะตามแผนการรักษา
  • J45F4 วิตกกังวลเกี่ยวกับอาการหอบ (Anxiety related to dyspnea) อาการหอบเหนื่อยทำให้ผู้ป่วยกลัวและเครียด ต้องให้ข้อมูล สอนเทคนิคหายใจ และให้กำลังใจเพื่อลดความวิตกกังวล
  • J45F5 เสี่ยงต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อนจากอาการหอบรุนแรง (Risk for status asthmaticus and respiratory failure) ต้องเฝ้าระวังอาการรุนแรง เช่น ออกซิเจนต่ำ พูดไม่เป็นประโยค ซึมลง รีบรายงานแพทย์เมื่อมีสัญญาณอันตราย
  • J45F6 ขาดความรู้เกี่ยวกับการควบคุมโรคและการใช้ยาที่บ้าน (Deficient knowledge about disease control and home medication use) สอนวิธีใช้ยาพ่น วิธีหลีกเลี่ยงสิ่งกระตุ้น และวิธีปฏิบัติตัวเมื่อมีอาการ เพื่อป้องกันการกลับมาเป็นซ้ำ
  • J45F7 เสี่ยงต่อการกลับเป็นซ้ำหลังจำหน่าย (Risk for recurrence after discharge) วางแผนติดตามผล นัดตรวจต่อเนื่อง แนะนำให้ปฏิบัติตามแผนการรักษาอย่างเคร่งครัดเมื่อกลับบ้าน
  • J45F8 ความสามารถในการทำกิจวัตรลดลงจากอาการหอบ (Activity intolerance related to dyspnea) ช่วยวางแผนกิจกรรมให้เหมาะสม พักเป็นระยะ ไม่หักโหม เพื่อป้องกันอาการกำเริบ
...............................................

J45F1: การแลกเปลี่ยนก๊าซบกพร่อง (Impaired gas exchange)

🔷 Assessment (การประเมิน)

S:

  • ผู้ป่วยบ่นแน่นหน้าอก หายใจไม่อิ่ม หอบเหนื่อยมากขึ้น

O:

  • ฟังปอดได้ยินเสียงหวีด, RR > 30 ครั้ง/นาที, SpO < 90%, หน้าเขียวซีด, ใช้กล้ามเนื้อช่วยหายใจ

🔷 Goals (เป้าหมาย)

  • ผู้ป่วยมีการแลกเปลี่ยนก๊าซเพียงพอ หายใจคล่องขึ้น
  • ค่าความอิ่มตัวออกซิเจน ≥ 95% ภายใน 30 นาที
  • ไม่มีอาการหอบรุนแรงเพิ่มเติม

🔷 Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)

  • ผู้ป่วยหายใจได้เอง RR ลดลงเป็นปกติ 16–24 ครั้ง/นาที
  • SpO ≥ 95% โดยไม่ต้องใช้ออกซิเจนสูง
  • สีผิวกลับมาเป็นปกติ ไม่มีเสียงหวีดเวลาหายใจ

🔷 Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)

  • J45F1I-1: เฝ้าสังเกตสัญญาณชีพ ค่า SpO และอาการหอบทุก 15–30 นาทีแรก เพื่อติดตามความรุนแรง
  • J45F1I-2: จัดท่านอนศีรษะสูง (High Fowler’s position) เพื่อให้ปอดขยายตัวดีและหายใจสะดวกขึ้น
  • J45F1I-3: ให้ออกซิเจนตามแผนการรักษา เพื่อเพิ่มระดับออกซิเจนในเลือด
  • J45F1I-4: ประเมินเสมหะและช่วยกระตุ้นให้ไอขับเสมหะหรือล้างทางเดินหายใจหากจำเป็น
  • J45F1I-5: สอนเทคนิคหายใจแบบช้า ลึก (pursed-lip breathing) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการหายใจ
  • J45F1I-6: รายงานแพทย์ทันทีหากมีอาการรุนแรง เช่น พูดไม่ได้ ซึมลง หรือ SpO < 85%

🔷 Response (การตอบสนอง)

  • J45F1R-1: ผู้ป่วยหายใจคล่องขึ้น RR อยู่ในเกณฑ์ปกติ
  • J45F1R-2: SpO ≥ 95% และสีผิวกลับมาเป็นสีชมพู
  • J45F1R-3: ไม่มีเสียงหวีดในปอดหรือเสียงลดลงชัดเจน
  • J45F1R-4: ผู้ป่วยบอกว่าแน่นหน้าอกน้อยลงและรู้สึกดีขึ้น

………………………………………………….

J45F2 การหายใจมีประสิทธิภาพไม่เพียงพอ (Ineffective breathing pattern)

🔷 Assessment (การประเมิน)

S: 

  • ผู้ป่วยรายงานหายใจลำบาก หอบเหนื่อยง่าย

O: 

  • RR > 30 ครั้ง/นาที, ใช้กล้ามเนื้อช่วยหายใจ, ซึมเล็กน้อย, ปอดมีเสียงหวีด, SpO < 92%

🔷 Goals (เป้าหมาย)

  • ผู้ป่วยหายใจได้มีประสิทธิภาพขึ้น
  • RR ลดลงสู่ช่วงปกติ 16–24 ครั้ง/นาที
  • SpO ≥ 95% โดยไม่ต้องใช้ออกซิเจนสูง

🔷 Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)

  • RR ลดลงและหายใจได้สม่ำเสมอ
  • ไม่มีการใช้กล้ามเนื้อช่วยหายใจมากเกินไป
  • SpO อยู่ในเกณฑ์ปกติ ≥ 95%
  • ผู้ป่วยรู้สึกสบายขึ้นเมื่อหายใจ

🔷 Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)

  • J45F2I-1: เฝ้าติดตามอัตราหายใจและ SpO ทุก 15-30 นาทีจนอาการดีขึ้น
  • J45F2I-2: จัดท่านั่งศีรษะสูง (High Fowler’s position) เพื่อช่วยให้ปอดขยายตัวเต็มที่
  • J45F2I-3: สอนเทคนิคหายใจช้าและลึก (pursed-lip breathing) เพื่อลดความเหนื่อย
  • J45F2I-4: ดูแลให้ผู้ป่วยผ่อนคลาย ลดความวิตกกังวล เพราะจะช่วยให้หายใจดีขึ้น
  • J45F2I-5: ให้ยาตามแพทย์สั่ง เช่น ยาพ่นขยายหลอดลม และประเมินผลตอบสนอง
  • J45F2I-6: เตรียมพร้อมช่วยเหลือหากผู้ป่วยมีอาการหายใจล้มเหลวหรือต้องให้ออกซิเจนฉุกเฉิน
  • J45F2I-7: แจ้งแพทย์ทันทีหากอาการแย่ลง เช่น หายใจเร็วมาก ซึมลง หรือ SpO ต่ำกว่า 90%

🔷 Response (การตอบสนอง)

  • J45F2R-1: RR ลดลงและหายใจได้ลึกขึ้น มีจังหวะสม่ำเสมอ
  • J45F2R-2: SpO ≥ 95% และสีผิวชมพูขึ้น
  • J45F2R-3: ผู้ป่วยรู้สึกหายใจสบายขึ้น ไม่ใช้กล้ามเนื้อช่วยหายใจมาก
  • J45F2R-4: ไม่มีอาการซึมหรือเวียนศีรษะจากภาวะขาดออกซิเจน

………………………………………………………………..

J45F3 เสมหะคั่งค้างในทางเดินหายใจ (Ineffective airway clearance)

🔷 Assessment (การประเมิน)

S:

  • ผู้ป่วยบ่นมีเสมหะมาก กลืนลำบาก ไอไม่สะดวก

O:

  • ฟังปอดได้ยินเสียงหวีด มีเสมหะในทางเดินหายใจ, ไอไม่ออก หรือไอแล้วไม่ขับเสมหะ, RR เร็วกว่า 24 ครั้ง/นาที

🔷 Goals (เป้าหมาย)

  • ผู้ป่วยสามารถขับเสมหะออกได้ดี
  • ทางเดินหายใจสะอาด หายใจคล่องขึ้น
  • ไม่มีอาการอุดกั้นทางเดินหายใจ

🔷 Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)

  • เสมหะถูกขับออกได้เป็นปกติ
  • เสียงหายใจดีขึ้น ไม่มีเสียงหวีดมาก
  • RR ลดลง สัญญาณชีพคงที่
  • ผู้ป่วยรู้สึกหายใจสะดวกขึ้น

🔷 Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)

  • J45F3I-1: ประเมินความถี่และลักษณะของเสมหะทุก 4 ชั่วโมง
  • J45F3I-2: กระตุ้นให้ผู้ป่วยไอและช่วยให้ไอได้เต็มที่
  • J45F3I-3: ช่วยทำความสะอาดทางเดินหายใจโดยการใช้เทคนิคการเคาะปอด (chest physiotherapy) ตามคำสั่งแพทย์
  • J45F3I-4: ให้น้ำเพียงพอ เพื่อช่วยให้เสมหะเจือจางและขับออกง่ายขึ้น
  • J45F3I-5: ให้ยาละลายเสมหะหรือยาขยายหลอดลมตามแผนรักษา
  • J45F3I-6: สังเกตอาการหายใจลำบากหรือขาดออกซิเจน และแจ้งแพทย์ทันทีหากอาการแย่ลง
  • J45F3I-7: สอนผู้ป่วยเทคนิคการหายใจและไออย่างถูกวิธี

🔷 Response (การตอบสนอง)

  • J45F3R-1: ผู้ป่วยสามารถไอและขับเสมหะออกได้ดี
  • J45F3R-2: เสียงหายใจดีขึ้น ไม่มีเสียงหวีดหรือลดลงอย่างชัดเจน
  • J45F3R-3: RR ลดลงอยู่ในช่วงปกติ 16–24 ครั้ง/นาที
  • J45F3R-4: ผู้ป่วยรู้สึกหายใจคล่องและสบายขึ้น

…………………………………………………………………

J45F4 วิตกกังวลเกี่ยวกับอาการหอบ (Anxiety related to dyspnea)

🔷 Assessment (การประเมิน)

S:

  • ผู้ป่วยบอกว่ารู้สึกกลัว หายใจไม่ออก เครียดและตื่นตระหนก

O:

  • หายใจเร็ว กระสับกระส่าย มือเย็น เหงื่อออกมาก พูดติดขัด

🔷 Goals (เป้าหมาย)

  • ผู้ป่วยรู้สึกสงบและลดความวิตกกังวล
  • หายใจได้ช้าและสม่ำเสมอ
  • มีความเข้าใจและปฏิบัติตนเมื่อมีอาการหอบได้ดีขึ้น

🔷 Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)

  • ผู้ป่วยสามารถควบคุมการหายใจได้
  • อัตราหายใจลดลงเป็นปกติ (16–24 ครั้ง/นาที)
  • ผู้ป่วยรายงานความรู้สึกสงบขึ้น
  • ไม่มีอาการวิตกกังวลเพิ่มขึ้น

🔷 Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)

  • J45F4I-1: พูดคุยและให้ข้อมูลผู้ป่วยเกี่ยวกับอาการหอบและวิธีรับมือ
  • J45F4I-2: สอนเทคนิคหายใจลึกและช้า (deep breathing) เพื่อช่วยลดอาการหอบ
  • J45F4I-3: สร้างบรรยากาศเงียบสงบและปลอดภัยให้ผู้ป่วยรู้สึกผ่อนคลาย
  • J45F4I-4: ให้กำลังใจและสนับสนุนผู้ป่วยอย่างสม่ำเสมอ
  • J45F4I-5: สังเกตอาการวิตกกังวลและความเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์อย่างใกล้ชิด
  • J45F4I-6: ช่วยจัดการสิ่งกระตุ้นที่ทำให้ผู้ป่วยเครียด เช่น ลดเสียงดังหรือสิ่งรบกวน
  • J45F4I-7: ประสานงานกับทีมแพทย์เพื่อปรับการรักษาหากจำเป็น

🔷 Response (การตอบสนอง)

  • J45F4R-1: ผู้ป่วยสามารถควบคุมการหายใจได้ดีขึ้น
  • J45F4R-2: RR ลดลงสู่ช่วงปกติ 16–24 ครั้ง/นาที
  • J45F4R-3: ผู้ป่วยรายงานความรู้สึกสงบขึ้นและวิตกกังวลลดลง
  • J45F4R-4: ไม่มีอาการกระสับกระส่ายหรือเหงื่อออกมากผิดปกติ

…………………………………………………………..

J45F5 เสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนจากอาการหอบรุนแรง (Risk for status asthmaticus and respiratory failure)

🔷 Assessment (การประเมิน)

S:

  • ผู้ป่วยรู้สึกหายใจไม่ออกมากขึ้น พูดได้ไม่เต็มประโยค รู้สึกง่วงซึมหรือสับสน

O:

  • RR > 30 ครั้ง/นาที, SpO < 90%, ซึมลง, ใช้กล้ามเนื้อช่วยหายใจมาก, สีผิวซีดหรือเขียวคล้ำ

🔷 Goals (เป้าหมาย)

  • ป้องกันภาวะหอบรุนแรงลุกลามและภาวะหายใจล้มเหลว
  • รักษาระดับออกซิเจนในเลือดให้ ≥ 95%
  • ผู้ป่วยมีสติรู้ตัวและหายใจได้ดีขึ้น

🔷 Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)

  • RR ลดลงเข้าสู่ช่วงปกติ 16–24 ครั้ง/นาที
  • SpO ≥ 95% โดยใช้ออกซิเจนตามคำสั่งแพทย์
  • ผู้ป่วยรู้ตัวดี พูดได้เป็นประโยคชัดเจน
  • ไม่มีอาการซึมหรือสับสน

🔷 Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)

  • J45F5I-1: เฝ้าติดตามสัญญาณชีพ อัตราหายใจ SpO และระดับความรู้สติอย่างใกล้ชิดทุก 15 นาที
  • J45F5I-2: ให้ออกซิเจนทางหน้ากากหรือท่อจมูกตามแผนการรักษา
  • J45F5I-3: แจ้งแพทย์ทันทีเมื่อพบสัญญาณอันตราย เช่น พูดไม่ได้ ซึมลง หรือ SpO < 90%
  • J45F5I-4: เตรียมช่วยเหลือการหายใจฉุกเฉิน เช่น การใช้เครื่องช่วยหายใจ หรือพยุงทางเดินหายใจ
  • J45F5I-5: ประเมินผลการตอบสนองต่อยา และสังเกตอาการแพ้ยา
  • J45F5I-6: ให้กำลังใจผู้ป่วยและครอบครัวเพื่อลดความวิตกกังวล
  • J45F5I-7: จัดสภาพแวดล้อมให้สงบ และลดสิ่งรบกวน

🔷 Response (การตอบสนอง)

  • J45F5R-1: RR ลดลงสู่ช่วงปกติ และหายใจได้สม่ำเสมอ
  • J45F5R-2: SpO ≥ 95% และสีผิวเป็นปกติ
  • J45F5R-3: ผู้ป่วยรู้สึกหายใจสบายขึ้น สามารถพูดเป็นประโยคได้
  • J45F5R-4: ไม่มีอาการซึมหรือสับสน

…………………………………………………..

J45F6 ขาดความรู้เกี่ยวกับการควบคุมโรคและการใช้ยาที่บ้าน

🔷 Assessment (การประเมิน)

S:

  • ผู้ป่วยบอกว่าสับสนกับวิธีใช้ยาพ่น และไม่แน่ใจว่าจะหลีกเลี่ยงอะไรดี

O:

  • สังเกตผู้ป่วยใช้ยาพ่นผิดวิธี หรือไม่ได้ใช้ตามคำแนะนำ
  • ไม่มีแผนปฏิบัติการเมื่อมีอาการกำเริบ

🔷 Goals (เป้าหมาย)

  • ผู้ป่วยเข้าใจและใช้ยาพ่นได้ถูกต้อง
  • ผู้ป่วยสามารถหลีกเลี่ยงสิ่งกระตุ้นที่ทำให้โรคกำเริบ
  • ผู้ป่วยรู้วิธีปฏิบัติตัวเมื่อมีอาการหอบ

🔷 Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)

  • ผู้ป่วยสามารถสาธิตวิธีใช้ยาพ่นอย่างถูกต้อง
  • รายงานการหลีกเลี่ยงสิ่งกระตุ้นที่เหมาะสม
  • ผู้ป่วยรู้วิธีจัดการอาการหอบเมื่อเกิดขึ้น
  • ไม่มีอาการหอบกำเริบซ้ำบ่อย

🔷 Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)

  • J45F6I-1: ให้คำแนะนำและสอนวิธีใช้ยาพ่นอย่างถูกต้องและปลอดภัย
  • J45F6I-2: อธิบายถึงสิ่งกระตุ้นทั่วไป เช่น ฝุ่น ควัน บุหรี่ อากาศเย็น และวิธีหลีกเลี่ยง
  • J45F6I-3: สอนแผนปฏิบัติเมื่อเกิดอาการ เช่น ใช้ยาพ่นฉุกเฉินและการไปพบแพทย์
  • J45F6I-4: แจกเอกสารหรือสื่อช่วยจำเกี่ยวกับการใช้ยาและการดูแลตนเอง
  • J45F6I-5: ติดตามและประเมินความเข้าใจของผู้ป่วยอย่างสม่ำเสมอ
  • J45F6I-6: สนับสนุนให้ผู้ป่วยมีส่วนร่วมในการจัดการโรคตนเอง

🔷 Response (การตอบสนอง)

  • J45F6R-1: ผู้ป่วยสามารถใช้ยาพ่นได้อย่างถูกต้องและมีประสิทธิภาพ
  • J45F6R-2: ผู้ป่วยรายงานการหลีกเลี่ยงสิ่งกระตุ้นอย่างเหมาะสม
  • J45F6R-3: ผู้ป่วยรู้วิธีปฏิบัติตัวเมื่อมีอาการหอบ และลดการเกิดอาการซ้ำ
  • J45F6R-4: ผู้ป่วยมีความมั่นใจในการจัดการโรคด้วยตนเอง

…………………………………………………….

J45F7 เสี่ยงต่อการกลับเป็นซ้ำหลังจำหน่าย (Risk for recurrence after discharge)

🔷 Assessment (การประเมิน)

S:

  • ผู้ป่วยกังวลเรื่องอาการจะกลับมาอีก มีคำถามเกี่ยวกับการดูแลตนเอง

O:

  • ประวัติหอบซ้ำหลายครั้งก่อนหน้า ใช้ยาพ่นไม่สม่ำเสมอ หรือละเลยนัดหมายแพทย์

🔷 Goals (เป้าหมาย)

  • ผู้ป่วยปฏิบัติตามแผนการรักษาและนัดตรวจติดตามอย่างเคร่งครัด
  • ลดโอกาสการกลับเป็นซ้ำและการนอนโรงพยาบาลซ้ำ
  • ผู้ป่วยมีความรู้และความมั่นใจในการจัดการโรคตนเอง

🔷 Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)

  • ผู้ป่วยมาพบแพทย์ตามนัดอย่างสม่ำเสมอ
  • รายงานการใช้ยาและปฏิบัติตัวถูกต้อง
  • ไม่มีอาการหอบกำเริบซ้ำในช่วงติดตาม
  • ผู้ป่วยสามารถอธิบายแผนการดูแลตนเองได้อย่างถูกต้อง

🔷 Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)

  • J45F7I-1: วางแผนการนัดติดตามและแจ้งเตือนผู้ป่วยล่วงหน้า
  • J45F7I-2: ให้คำแนะนำชัดเจนเกี่ยวกับการใช้ยาและการหลีกเลี่ยงสิ่งกระตุ้น
  • J45F7I-3: สอนวิธีสังเกตอาการเตือนล่วงหน้าและการปฏิบัติเมื่อเกิดอาการ
  • J45F7I-4: จัดทำเอกสารหรือคู่มือการดูแลตนเองให้ผู้ป่วย
  • J45F7I-5: สนับสนุนให้ผู้ป่วยและครอบครัวมีส่วนร่วมในการดูแล
  • J45F7I-6: ติดตามผลการรักษาและความเข้าใจผ่านการโทรศัพท์หรือเยี่ยมบ้านถ้าจำเป็น
  • J45F7I-7: ประสานงานกับทีมสุขภาพอื่น ๆ เพื่อให้การดูแลครบวงจร

🔷 Response (การตอบสนอง)

  • J45F7R-1: ผู้ป่วยมาตามนัดและรายงานการใช้ยาอย่างถูกต้อง
  • J45F7R-2: ไม่มีอาการหอบกำเริบซ้ำในระหว่างติดตาม
  • J45F7R-3: ผู้ป่วยเข้าใจและสามารถดูแลตนเองได้ดีขึ้น
  • J45F7R-4: ผู้ป่วยรู้สึกมั่นใจและมีความพร้อมในการจัดการโรค

…………………………………………………………

J45F8 ความสามารถในการทำกิจวัตรลดลงจากอาการหอบ (Activity intolerance related to dyspnea)

🔷 Assessment (การประเมิน)

S:

  • ผู้ป่วยรู้สึกเหนื่อยง่ายเมื่อทำกิจกรรมประจำวัน บ่นไม่มีแรง

O:

  • เหนื่อยหอบขณะเคลื่อนไหว ชีพจรเต้นเร็ว เหงื่อออกมาก

🔷 Goals (เป้าหมาย)

  • ผู้ป่วยสามารถทำกิจวัตรประจำวันได้อย่างเหมาะสมโดยไม่เหนื่อยเกินไป
  • ลดโอกาสการเกิดอาการหอบกำเริบจากกิจกรรม
  • เพิ่มความแข็งแรงและความอดทนต่อกิจกรรมอย่างค่อยเป็นค่อยไป

🔷 Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)

  • ผู้ป่วยสามารถทำกิจกรรมได้โดยมีอาการเหนื่อยลดลง
  • อัตราหายใจและชีพจรอยู่ในเกณฑ์ปกติขณะและหลังทำกิจกรรม
  • ไม่มีอาการหอบกำเริบระหว่างกิจกรรม

🔷 Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)

  • J45F8I-1: วางแผนกิจกรรมประจำวันให้มีช่วงพักบ่อย ๆ และหลีกเลี่ยงหักโหม
  • J45F8I-2: สอนเทคนิคการหายใจระหว่างทำกิจกรรม เช่น หายใจช้าและลึก
  • J45F8I-3: สนับสนุนให้ผู้ป่วยเริ่มกิจกรรมเบา ๆ และเพิ่มระดับอย่างช้า ๆ ตามความสามารถ
  • J45F8I-4: ประเมินอาการเหนื่อยหอบและชีพจรก่อน ระหว่าง และหลังทำกิจกรรม
  • J45F8I-5: เตือนให้ผู้ป่วยหยุดพักทันทีเมื่อเริ่มมีอาการเหนื่อยหรือหายใจลำบาก
  • J45F8I-6: ให้คำแนะนำเกี่ยวกับการใช้ยาพ่นก่อนทำกิจกรรมถ้าจำเป็น
  • J45F8I-7: กระตุ้นให้ผู้ป่วยออกกำลังกายแบบเบา ๆ อย่างสม่ำเสมอ เพื่อเพิ่มความอดทน

🔷 Response (การตอบสนอง)

  • J45F8R-1: ผู้ป่วยสามารถทำกิจกรรมได้มากขึ้นโดยมีอาการเหนื่อยลดลง
  • J45F8R-2: RR และชีพจรอยู่ในเกณฑ์ปกติขณะและหลังทำกิจกรรม
  • J45F8R-3: ไม่มีอาการหอบกำเริบระหว่างกิจกรรม
  • J45F8R-4: ผู้ป่วยรายงานความรู้สึกมั่นใจและพร้อมทำกิจกรรมมากขึ้น

………………………………………………..

เอกสารอ้างอิง

  • สมาคมโรคภูมิแพ้แห่งประเทศไทย. (2563). แนวทางเวชปฏิบัติการดูแลและรักษาโรคหืดในผู้ใหญ่และเด็ก.แหล่งที่มา: https://www.thaiallergy.org/thai/asthma-guidelines 
  • กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข. (2564). คู่มือการดูแลผู้ป่วยโรคหืดสำหรับบุคลากรทางการแพทย์แหล่งที่มา: https://www.dms.go.th/asthma_manual
  • Global Initiative for Asthma (GINA). (2024). Global Strategy for Asthma Management and Prevention.Available at: https://ginasthma.org/gina-reports/National Heart, Lung, and Blood Institute (NHLBI). (2020). Expert Panel Report 3: Guidelines for the Diagnosis and Management of Asthma.
  • Available at: https://www.nhlbi.nih.gov/health-topics/guidelines-for-diagnosis-management-of-asthma

……………………………………………..