🎯 เข้าใจ “ภาวะติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ : N39.0
🔹ความหมายของโรค UTI (Urinary Tract Infection)
- คือ ภาวะที่มีเชื้อแบคทีเรียเข้าสู่ทางเดินปัสสาวะ เช่น กระเพาะปัสสาวะ ท่อปัสสาวะ หรือกรวยไต ทำให้เกิดการอักเสบและติดเชื้อ
🔹พยาธิสภาพ
- แบคทีเรีย (เช่น E. coli) เข้าไปในทางเดินปัสสาวะ → ทำให้เยื่อบุอักเสบ บวม แสบ → หากลุกลามอาจติดเชื้อถึงไตได้
🔹กลุ่มอายุที่พบมาก
- พบได้ทุกวัย แต่พบบ่อยที่สุดในผู้หญิงวัยเจริญพันธุ์ (20–50 ปี) และผู้สูงอายุ
🔹ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดโรค
- ✅ กลั้นปัสสาวะนาน
- ✅ ดื่มน้ำน้อย
- ✅ ไม่ล้างทำความสะอาดจากหน้าไปหลัง (ในผู้หญิง)
- ✅ ใช้ห้องน้ำสาธารณะไม่สะอาด
- ✅ มีโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน
🔹อาการที่ควรรู้ทัน
- 🚨 ปัสสาวะแสบ ขัด
- 🚨 ปัสสาวะขุ่นหรือมีกลิ่น
- 🚨 ปวดหน่วงท้องน้อย
- 🚨 ปัสสาวะบ่อย แต่น้อย
- 🚨 บางรายมีไข้ หนาวสั่น (หากลามถึงไต)
🔹การรักษา
- 💊 รับยาปฏิชีวนะตามแพทย์สั่ง
- 📌 ดื่มน้ำมาก ๆ เพื่อขับเชื้อ
- ⛔ ห้ามซื้อยากินเอง เพราะอาจดื้อยา
🔹การพยาบาล
- 👩⚕️ ติดตามอาการไข้ ปวดปัสสาวะ
- 💬 ส่งเสริมให้ดื่มน้ำมากกว่า 2 ลิตร/วัน
- 📝 แนะนำวิธีป้องกันการกลับเป็นซ้ำ
- 💉 เก็บปัสสาวะเพื่อตรวจเชื้อให้แม่นยำ
🔹การดูแลสำหรับบุคคลทั่วไป
- ✅ ดื่มน้ำให้พอ 6–8 แก้ว/วัน
- ✅ ปัสสาวะให้หมด ไม่กลั้นนาน
- ✅ ล้างจากหน้าไปหลัง (สำคัญมากในผู้หญิง)
- ✅ เลี่ยงการใช้สบู่หรือสารเคมีรุนแรงในจุดซ่อนเร้น
- ✅ ถ้ามีอาการ รีบพบแพทย์ทันที
……………………………………………………………….
วินิจฉัยการพยาบาลโรค UTI: N39.0
- N39.0F1 มีไข้ หนาวสั่น จากการติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะ (Fever and chills due to urinary tract infection)
- N39.0F2 ปวดแสบหรือขัดขณะปัสสาวะ ส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวัน (Dysuria affecting daily functioning)
- N39.0F3 เสี่ยงต่อภาวะขาดน้ำจากไข้สูงและปัสสาวะบ่อย (Risk for dehydration due to fever and frequent urination)
- N39.0F4 เสี่ยงต่อการติดเชื้อที่ไต (pyelonephritis) จากการรักษาที่ล่าช้า (Risk for pyelonephritis from delayed treatment)
- N39.0F5 มีความวิตกกังวลเกี่ยวกับโรคและความรุนแรงของอาการ (Anxiety related to illness and severity of symptoms)
- N39.0F6 ขาดความรู้เกี่ยวกับการป้องกันการกลับมาเป็นซ้ำของ UTI (Deficient knowledge about UTI prevention)
- N39.0F7 ต้องการการวางแผนจำหน่ายเพื่อกลับไปดูแลตัวเองที่บ้าน (Readiness for discharge and self-care planning)
- N39.0F8 เสี่ยงต่อการติดเชื้อซ้ำหลังจำหน่าย (Risk for recurrent urinary tract infection after discharge)
……………………………………………………………..
N39.0F1: มีไข้ หนาวสั่น
จากการติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะ (N39.0F1: Fever and chills due to
urinary tract infection)
✅ Assessment (การประเมิน)
S:
- ผู้ป่วยบอกว่า “หนาวๆ ร้อนๆ ปวดหน่วงท้องน้อย”
- ผู้ป่วยบ่นเพลีย ไม่มีแรง
O:
- วัดไข้ได้ 38.5°C
- ชีพจร 102 ครั้ง/นาที
- หนาวสั่น มือเย็น
- ตรวจพบปัสสาวะขุ่น มีกลิ่น
- WBC สูงกว่าปกติในผลตรวจเลือด
✅ Goals (เป้าหมาย)
- ผู้ป่วยมีไข้ลดลงอยู่ในระดับปกติ (< 37.5°C)
- ไม่มีอาการหนาวสั่นหรืออาการแทรกซ้อนเพิ่ม
- ปัสสาวะใสขึ้น ไม่ขุ่น ไม่มีกลิ่น
- ผู้ป่วยรู้วิธีดูแลตนเองเมื่อกลับบ้าน
✅ Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)
- อุณหภูมิ ≤ 37.5°C ภายใน 48 ชั่วโมง
- อาการหนาวสั่นลดลงภายใน 24 ชั่วโมง
- สัญญาณชีพคงที่
- ปัสสาวะใสขึ้น
- ไม่มีภาวะแทรกซ้อน เช่น ไตอักเสบ
✅ Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)
- N39.0F1I-1: วัดไข้ทุก 4 ชั่วโมง และบันทึกผลอย่างต่อเนื่อง เพื่อประเมินแนวโน้มไข้
- N39.0F1I-2: ให้ยาลดไข้และยาปฏิชีวนะตามแผนการรักษาแพทย์
- N39.0F1I-3: ให้ผู้ป่วยดื่มน้ำอย่างน้อย 2,000 มล./วัน เพื่อช่วยขับเชื้อโรค
- N39.0F1I-4: สังเกตลักษณะ สี กลิ่น และปริมาณของปัสสาวะทุกครั้ง
- N39.0F1I-5: ดูแลให้ผู้ป่วยพักผ่อนเพียงพอ ลดกิจกรรมที่ใช้แรง
- N39.0F1I-6: ประเมินอาการปวดท้องน้อยและตำแหน่งของอาการ
- N39.0F1I-7: ให้คำแนะนำผู้ป่วยเรื่องการป้องกันการกลับมาเป็นซ้ำ
- N39.0F1I-8: เตรียมส่งตรวจปัสสาวะตามคำสั่งแพทย์ (urine C/S)
✅ Response (การตอบสนอง)
- N39.0F1R-1: อุณหภูมิของผู้ป่วยลดลง ≤ 37.5°C ภายใน 48 ชั่วโมง
- N39.0F1R-2: ผู้ป่วยไม่มีอาการหนาวสั่นหรือมือเย็น
- N39.0F1R-3: สีและกลิ่นของปัสสาวะดีขึ้นภายใน 2 วัน
- N39.0F1R-4: สัญญาณชีพอยู่ในเกณฑ์ปกติ (ชีพจร < 100, BP ปกติ)
- N39.0F1R-5: ผู้ป่วยเข้าใจวิธีดูแลตัวเองเพื่อป้องกันการกลับมาเป็นซ้ำ
…………………………………………………………
N39.0F2: ปวดแสบหรือขัดขณะปัสสาวะ
ส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวัน (Dysuria affecting daily functioning)
✅ Assessment (การประเมิน)
S:
- ผู้ป่วยบอกว่า “ปัสสาวะแสบ ปวดขัด รู้สึกไม่สุด”
- ผู้ป่วยบ่นว่าไม่กล้าเข้าห้องน้ำเพราะเจ็บ
O:
- แสดงสีหน้าบิดเบี้ยวขณะปัสสาวะ
- ปัสสาวะขุ่น กลิ่นแรง
- ปัสสาวะทีละน้อย แต่บ่อยครั้ง
- ปวดหน่วงท้องน้อย
✅ Goals (เป้าหมาย)
- ลดอาการปวดแสบหรือขัดระหว่างปัสสาวะ
- ผู้ป่วยสามารถปัสสาวะได้ตามปกติ
- ผู้ป่วยมีความรู้ในการป้องกันการระคายเคืองในทางเดินปัสสาวะ
✅ Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)
- ผู้ป่วยรายงานว่าอาการปวดแสบขณะปัสสาวะลดลงภายใน 48 ชั่วโมง
- ปัสสาวะใสขึ้น ไม่มีตะกอนหรือกลิ่นผิดปกติ
- ผู้ป่วยไม่กลัวหรือหลีกเลี่ยงการปัสสาวะ
- ปริมาณปัสสาวะเพิ่มขึ้นเป็นปกติ
✅ Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)
- N39.0F2I-1: ประเมินระดับความปวดและอาการแสบขณะปัสสาวะทุก 8 ชั่วโมง
- N39.0F2I-2: ให้ยาบรรเทาอาการแสบหรือปวดขัดตามแผนการรักษา
- N39.0F2I-3: ส่งเสริมให้ผู้ป่วยดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 2,000 มล. เพื่อช่วยเจือจางปัสสาวะ
- N39.0F2I-4: แนะนำให้ปัสสาวะทุกครั้งเมื่อรู้สึกปวด ไม่กลั้นไว้
- N39.0F2I-5: ให้ความรู้เกี่ยวกับการทำความสะอาดจุดซ่อนเร้นอย่างถูกวิธี
- N39.0F2I-6: แนะนำหลีกเลี่ยงอาหารหรือเครื่องดื่มที่ทำให้ปัสสาวะระคายเคือง เช่น กาแฟ ชา น้ำอัดลม
- N39.0F2I-7: จัดสิ่งแวดล้อมให้เหมาะสม สะดวกในการเข้าห้องน้ำ
- N39.0F2I-8: ประเมินการตอบสนองหลังให้ยา และบันทึกผลอย่างต่อเนื่อง
✅ Response (การตอบสนอง)
- N39.0F2R-1: ผู้ป่วยรายงานว่าอาการแสบขัดลดลงภายใน 48 ชั่วโมง
- N39.0F2R-2: ผู้ป่วยสามารถปัสสาวะได้อย่างสบาย ไม่มีอาการกลั้นไว้
- N39.0F2R-3: ลักษณะปัสสาวะใสขึ้น กลิ่นลดลง
- N39.0F2R-4: ผู้ป่วยรู้และสามารถบอกวิธีดูแลตนเองเพื่อลดการระคายเคืองได้ถูกต้อง
- N39.0F2R-5: ปริมาณปัสสาวะเพิ่มขึ้นใกล้ระดับปกติ (≥ 1,500 มล./วัน)
………………………………………………………….
N39.0F3: เสี่ยงต่อภาวะขาดน้ำจากไข้สูงและปัสสาวะบ่อย
(Risk for dehydration due to fever and frequent urination)
✅ Assessment (การประเมิน)
S:
- ผู้ป่วยบ่นว่า “เพลีย ไม่มีแรง ปากแห้ง”
- ผู้ป่วยรายงานว่าปัสสาวะบ่อย แต่ครั้งละน้อย
O:
- ไข้ 38.5°C
- ปากแห้ง ผิวแห้ง
- อัตราปัสสาวะลดลง (ประมาณ 400–500 มล./วัน)
- ผิวหนังไม่ยืดหยุ่นเมื่อหยิบขึ้น
- สัญญาณชีพอาจเปลี่ยนแปลง เช่น ชีพจรเร็ว BP ต่ำ
✅ Goals (เป้าหมาย)
- ป้องกันไม่ให้เกิดภาวะขาดน้ำ
- ผู้ป่วยได้รับสารน้ำเพียงพอในแต่ละวัน
- สัญญาณชีพคงที่
- ปริมาณและลักษณะปัสสาวะอยู่ในเกณฑ์ปกติ
✅ Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)
- ดื่มน้ำได้ ≥ 1,500–2,000 มล./วัน
- ปัสสาวะ ≥ 1,200 มล./วัน
- สีปัสสาวะใสขึ้น
- ไม่มีอาการปากแห้ง เวียนศีรษะ หรือชีพจรเร็ว
- สัญญาณชีพคงที่
✅ Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)
- N39.0F3I-1: ประเมินปริมาณน้ำที่ดื่มและปัสสาวะในแต่ละวัน
- N39.0F3I-2: วัดและบันทึกสัญญาณชีพทุก 4–6 ชั่วโมง เพื่อติดตามภาวะขาดน้ำ
- N39.0F3I-3: ส่งเสริมให้ผู้ป่วยดื่มน้ำสะอาดอย่างน้อย 1 แก้วทุก 1–2 ชั่วโมง
- N39.0F3I-4: สังเกตอาการขาดน้ำ เช่น เวียนศีรษะ ปากแห้ง ปัสสาวะสีเข้ม
- N39.0F3I-5: ประเมินผิวหนังและความยืดหยุ่นของผิวทุกวัน
- N39.0F3I-6: หากผู้ป่วยรับประทานน้ำไม่ได้หรือมีอาเจียน ให้แจ้งแพทย์พิจารณาให้สารน้ำทางหลอดเลือด
- N39.0F3I-7: ให้ความรู้เกี่ยวกับการดื่มน้ำอย่างสม่ำเสมอและสังเกตอาการเสี่ยง
- N39.0F3I-8: วัดน้ำหนักตัวทุกวันในเวลาเดียวกัน เพื่อประเมินการเปลี่ยนแปลงของน้ำในร่างกาย
✅ Response (การตอบสนอง)
- N39.0F3R-1: ผู้ป่วยดื่มน้ำได้อย่างน้อย 1,500–2,000 มล./วัน
- N39.0F3R-2: ปัสสาวะใสขึ้น ปริมาณปัสสาวะ ≥ 1,200 มล./วัน
- N39.0F3R-3: ไม่มีอาการปากแห้งหรือเวียนศีรษะ
- N39.0F3R-4: สัญญาณชีพคงที่ (BP, ชีพจร, อุณหภูมิ)
- N39.0F3R-5: ผู้ป่วยเข้าใจและสามารถบอกวิธีป้องกันภาวะขาดน้ำได้ถูกต้อง
…………………………………………………….
N39.0F4: เสี่ยงต่อการติดเชื้อที่ไต
(pyelonephritis) จากการรักษาที่ล่าช้า (Risk for pyelonephritis from delayed
treatment)
✅ Assessment (การประเมิน)
S:
- ผู้ป่วยบ่นว่าปวดหลัง ปวดเอว
- รู้สึกหนาวสั่นเป็นช่วง ๆ
- แจ้งว่าเริ่มมีอาการนานกว่า 3 วันก่อนมาโรงพยาบาล
O:
- ไข้ 38.5°C
- ปัสสาวะขุ่น กลิ่นแรง
- ผล UA พบ WBC สูง และ Nitrate +
- CBC พบ WBC สูง
- อาจพบอาการกดเจ็บบริเวณ CVA (Costovertebral angle)
✅Goals (เป้าหมาย)
- ผู้ป่วยได้รับการดูแลเพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อน เช่น pyelonephritis
- อาการทางระบบทางเดินปัสสาวะลดลงภายใน 3 วัน
- ไข้ลดลงภายใน 48 ชั่วโมง
- ไม่มีอาการบ่งชี้การติดเชื้อที่ไต
✅Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)
- ไม่มีไข้ > 38°C
- ไม่มีอาการปวดหลังหรือปวดบริเวณ CVA
- ปัสสาวะใส ไม่ขุ่น ไม่มีกลิ่น
- ผล CBC และ UA ดีขึ้น
✅Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)
- N39.0F4I-1: ประเมินอาการไข้ หนาวสั่น ปวดหลัง และปวดท้องอย่างสม่ำเสมอทุก 4–6 ชั่วโมง
- N39.0F4I-2: ส่งเสริมให้ผู้ป่วยดื่มน้ำวันละ 2–3 ลิตร (ถ้าไม่มีข้อห้าม) เพื่อขับเชื้อออกทางปัสสาวะ
- N39.0F4I-3: ตรวจสอบผล UA, CBC และอุณหภูมิร่างกายทุกวัน และรายงานหากผิดปกติ
- N39.0F4I-4: ติดตามผลการให้ยาปฏิชีวนะว่าตรงกับเชื้อหรือไม่ พร้อมประสานแพทย์เรื่องการปรับยา
- N39.0F4I-5: แนะนำให้ผู้ป่วยปัสสาวะทันทีเมื่อรู้สึกปวด ไม่กลั้นไว้
- N39.0F4I-6: ให้ความรู้เกี่ยวกับอาการเตือนของ pyelonephritis เช่น ไข้สูง หนาวสั่น ปวดหลัง และแนะนำให้รีบพบแพทย์
- N39.0F4I-7: บันทึกสัญญาณชีพและอาการทางระบบปัสสาวะทุกครั้งที่ให้การพยาบาล
- N39.0F4I-8: ป้องกันการติดเชื้อแทรกซ้อน โดยรักษาความสะอาดบริเวณอวัยวะเพศ และเปลี่ยนผ้าปูเตียงที่เปียกชื้นทันที
✅ Response (การตอบสนองของผู้ป่วย)
- N39.0F4R-1: ไข้ลดลง < 37.8°C ภายใน 48 ชั่วโมง
- N39.0F4R-2: อาการปวดหลังหรือปวดเอวลดลงภายใน 3 วัน
- N39.0F4R-3: ปัสสาวะใสขึ้น ไม่ขุ่น ไม่มีกลิ่นเหม็น
- N39.0F4R-4: ผล CBC และ UA ดีขึ้นตามลำดับ
- N39.0F4R-5: ผู้ป่วยเข้าใจอาการเตือนของ pyelonephritis และวิธีป้องกัน
…………………………………………..
N39.0F5 : มีความวิตกกังวลเกี่ยวกับโรคและความรุนแรงของอาการ
(Anxiety related to illness and severity of symptoms)
✅ Assessment (การประเมิน)
S:
- ผู้ป่วยกล่าวว่า “กังวลว่าจะเป็นโรคร้ายแรง”
- รู้สึกเครียด วิตกกังวลกับอาการปัสสาวะแสบขัด
- นอนไม่หลับเพราะคิดมากเกี่ยวกับโรค
O:
- แสดงสีหน้าเคร่งเครียด กระสับกระส่าย
- พูดน้อยลง จับมือกันแน่น
- วัดชีพจรพบว่าหัวใจเต้นเร็ว (tachycardia)
- พฤติกรรมตอบสนองช้าต่อการสื่อสาร
✅ Goals (เป้าหมาย)
- ผู้ป่วยแสดงความวิตกกังวลลดลงภายใน 2 วัน
- ผู้ป่วยเข้าใจข้อมูลเกี่ยวกับโรคและแนวทางรักษา
- ผู้ป่วยมีพฤติกรรมการผ่อนคลายที่เหมาะสม
✅ Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)
- ผู้ป่วยรายงานความกังวลลดลง (คะแนน < 3 จาก 10)
- ผู้ป่วยร่วมมือในการรักษาโดยไม่ต่อต้าน
- ผู้ป่วยสามารถอธิบายโรคและแผนการรักษาได้
✅ Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)
- N39.0F5I-1: ประเมินระดับความวิตกกังวลด้วยเครื่องมือประเมิน
- N39.0F5I-2: สร้างความไว้วางใจ พูดคุยด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล
- N39.0F5I-3: อธิบายสาเหตุ อาการ และแนวทางการรักษาอย่างชัดเจน
- N39.0F5I-4: เปิดโอกาสให้ผู้ป่วยแสดงความรู้สึก ความกลัว
- N39.0F5I-5: สอนเทคนิคการหายใจช้า การผ่อนคลายกล้ามเนื้อ
- N39.0F5I-6: จัดสภาพแวดล้อมให้สงบ เป็นส่วนตัว ลดสิ่งรบกวน
- N39.0F5I-7: ประสานแพทย์พิจารณาให้ยาคลายกังวลหากจำเป็น
- N39.0F5I-8: สนับสนุนให้ญาติพูดคุยหรืออยู่ร่วมเพื่อให้กำลังใจ
- N39.0F5I-9: ติดตามพฤติกรรม ความร่วมมือ และผลการประเมินซ้ำ
- N39.0F5I-10: บันทึกการสังเกตและการตอบสนองของผู้ป่วยทุกครั้ง
✅ Response (การตอบสนอง)
- N39.0F5R-1: ผู้ป่วยรายงานว่ารู้สึกกังวลน้อยลง
- N39.0F5R-2: ผู้ป่วยเข้าใจแนวทางการรักษาและให้ความร่วมมือ
- N39.0F5R-3: ผู้ป่วยแสดงสีหน้าผ่อนคลาย นอนหลับได้ดีขึ้น
- N39.0F5R-4: ผู้ป่วยสามารถใช้เทคนิคผ่อนคลายได้ด้วยตนเอง
- N39.0F5R-5: ไม่มีพฤติกรรมตื่นตระหนกหรือปฏิเสธการดูแล
……………………………………………………………….
N39.0F6 : ขาดความรู้เกี่ยวกับการป้องกันการกลับมาเป็นซ้ำของ
UTI (Deficient knowledge about UTI prevention)
✅ Assessment (การประเมิน)
S:
- ผู้ป่วยระบุว่า “ไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไรเพื่อป้องกันไม่ให้เป็นอีก”
- ผู้ป่วยถามซ้ำเกี่ยวกับการดูแลสุขอนามัยและการดื่มน้ำ
O:
- พบว่ายังไม่มีพฤติกรรมการดูแลป้องกัน UTI อย่างเหมาะสม
- ไม่สามารถอธิบายวิธีป้องกัน UTI ได้
- ดื่มน้ำน้อยกว่า 1,000 มล./วัน
- ปัสสาวะถี่และปวดขัดจากพฤติกรรมกลั้นปัสสาวะบ่อย
✅Goals (เป้าหมาย)
- ผู้ป่วยมีความรู้และสามารถอธิบายวิธีการป้องกันการกลับมาเป็นซ้ำของ UTI ได้ภายในระยะเวลาที่กำหนด
- ปฏิบัติตนได้อย่างเหมาะสมเพื่อลดความเสี่ยงต่อการติดเชื้อซ้ำ
✅Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)
- ผู้ป่วยอธิบายปัจจัยเสี่ยงและวิธีป้องกัน UTI ได้อย่างถูกต้อง
- ผู้ป่วยเพิ่มปริมาณการดื่มน้ำได้ถึง 1.5-2 ลิตร/วัน
- ปฏิบัติตามคำแนะนำได้อย่างน้อย 3 ข้อจาก 5 ข้อ
✅Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)
- N39.0F6I-1 ให้คำแนะนำเกี่ยวกับสาเหตุ พฤติกรรมเสี่ยง และกลไกการเกิด UTI อย่างเข้าใจง่าย
- N39.0F6I-2 สอนวิธีทำความสะอาดบริเวณอวัยวะเพศและวิธีการเช็ดที่ถูกต้อง (จากหน้าไปหลัง)
- N39.0F6I-3 แนะนำให้ดื่มน้ำอย่างน้อย 1.5–2 ลิตร/วัน เว้นแต่มีข้อห้ามทางการแพทย์
- N39.0F6I-4 ให้ความรู้เกี่ยวกับการถ่ายปัสสาวะหลังมีเพศสัมพันธ์เพื่อลดการสะสมเชื้อ
- N39.0F6I-5 แนะนำให้หลีกเลี่ยงการกลั้นปัสสาวะเป็นเวลานาน
- N39.0F6I-6 สอนการสังเกตอาการเตือนของการกลับมาเป็นซ้ำ เช่น ปวดขัด ปัสสาวะขุ่น
- N39.0F6I-7 ให้โบรชัวร์หรือสื่อการเรียนรู้เสริม (วิดีโอ/แผ่นพับ)
- N39.0F6I-8 ประเมินความเข้าใจโดยให้ผู้ป่วยอธิบายกลับ (teach-back method)
✅ Response (การตอบสนอง)
- N39.0F6R-1 ผู้ป่วยสามารถอธิบายปัจจัยเสี่ยงและวิธีป้องกันการเกิด UTI ได้ถูกต้อง
- N39.0F6R-2 ผู้ป่วยมีพฤติกรรมการดื่มน้ำเพิ่มขึ้นตามเป้าหมาย
- N39.0F6R-3 ผู้ป่วยมีท่าทีมั่นใจและตั้งใจปฏิบัติตามคำแนะนำ
- N39.0F6R-4 ไม่มีอาการของ UTI ซ้ำภายในระยะเวลาเฝ้าระวังเบื้องต้น
- N39.0F6R-5 ผู้ป่วยใช้สื่อประกอบการเรียนรู้เพื่อทบทวนด้วยตนเอง
……………………………………………………………
N39.0F7: ต้องการการวางแผนจำหน่ายเพื่อกลับไปดูแลตัวเองที่บ้าน
(Readiness for discharge and self-care planning)
✅Assessment (การประเมิน)
S:
- ผู้ป่วยบอกว่า “อยากกลับบ้านและดูแลตัวเองให้ดี”
- แสดงความกังวลเกี่ยวกับการดูแลตัวเองหลังออกจากโรงพยาบาล
O:
- ผู้ป่วยร่วมมือในการรักษาและมีความเข้าใจคำแนะนำเบื้องต้น
- มีผู้ดูแลหรือญาติเหมาะสมพร้อมช่วยเหลือ
- สภาพร่างกายแข็งแรง สามารถทำกิจวัตรประจำวันบางอย่างได้
✅Goals (เป้าหมาย)
- ผู้ป่วยมีความพร้อมทั้งด้านร่างกายและจิตใจในการกลับบ้าน
- ผู้ป่วยและผู้ดูแลมีความรู้และทักษะในการป้องกันและดูแลอาการ UTI
- ลดความเสี่ยงในการกลับมาเป็นซ้ำหรือต้องรับรักษาใหม่
✅Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)
- ผู้ป่วยสามารถอธิบายการดูแลตัวเองและสัญญาณเตือนอาการผิดปกติได้
- มีแผนการนัดติดตามกับแพทย์หลังออกจากโรงพยาบาล
- ผู้ดูแลสามารถช่วยเหลือและสนับสนุนการดูแลได้
- ผู้ป่วยสามารถปฏิบัติตามคำแนะนำด้านสุขภาพที่บ้านได้
✅Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)
- N39.0F7I-1: ประเมินความเข้าใจของผู้ป่วยและญาติเรื่องการดูแลตนเองหลังออกจากโรงพยาบาล
- N39.0F7I-2: ให้คำแนะนำและสอนวิธีดูแลสุขอนามัยส่วนบุคคล เช่น การทำความสะอาดจุดซ่อนเร้นอย่างถูกวิธี
- N39.0F7I-3: สอนวิธีการดื่มน้ำและการถ่ายปัสสาวะที่เหมาะสมเพื่อลดความเสี่ยงติดเชื้อซ้ำ
- N39.0F7I-4: เตรียมข้อมูลสัญญาณเตือนที่ต้องรีบพบแพทย์ เช่น ไข้สูง ปัสสาวะแสบ ปวดหลัง
- N39.0F7I-5: จัดตารางนัดหมายติดตามผลกับแพทย์และแนะนำให้ปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด
- N39.0F7I-6: สนับสนุนให้ญาติหรือผู้ดูแลเข้าร่วมรับคำแนะนำและให้กำลังใจผู้ป่วย
- N39.0F7I-7: จัดเตรียมสื่อการเรียนรู้ เช่น แผ่นพับ วิดีโอ เพื่อทบทวนข้อมูลที่บ้าน
- N39.0F7I-8: วางแผนการติดตามและประเมินผลการดูแลหลังจำหน่ายผ่านโทรศัพท์หรือคลินิก
✅ Response (การตอบสนอง)
- N39.0F7R-1: ผู้ป่วยและญาติสามารถอธิบายและปฏิบัติตามวิธีดูแลตนเองได้ถูกต้อง
- N39.0F7R-2: ผู้ป่วยไม่แสดงอาการของการติดเชื้อซ้ำหลังกลับบ้าน
- N39.0F7R-3: ผู้ป่วยเข้ารับการนัดหมายติดตามผลตามแผน
- N39.0F7R-4: ผู้ป่วยและญาติแสดงความมั่นใจและพร้อมในการดูแลตนเองที่บ้าน
- N39.0F7R-5: มีการสื่อสารกับทีมสุขภาพอย่างต่อเนื่องในกรณีมีอาการผิดปกติ
……………………………………………………………
N39.0F8 เสี่ยงต่อการติดเชื้อซ้ำหลังจำหน่าย
(Risk for recurrent urinary tract infection after discharge)
✅Assessment (การประเมิน)
S:
- ผู้ป่วยแสดงความกังวลเรื่องการกลับมาเป็นซ้ำของโรค
- รายงานประวัติการติดเชื้อทางเดินปัสสาวะซ้ำ ๆ
- ผู้ป่วยสอบถามเกี่ยวกับวิธีป้องกันและดูแลตนเองหลังออกจากโรงพยาบาล
O:
- บันทึกประวัติการติดเชื้อซ้ำ (1 ครั้งขึ้นไปใน 6 เดือนที่ผ่านมา)
- มีพฤติกรรมเสี่ยง เช่น กลั้นปัสสาวะ ดื่มน้ำน้อย
- ไม่มีความรู้หรือปฏิบัติการป้องกันโรคอย่างเหมาะสม
- มีการนัดหมายติดตามผลหลังออกจากโรงพยาบาลไม่ครบถ้วน
✅Goals (เป้าหมาย)
- ผู้ป่วยและครอบครัวเข้าใจและสามารถปฏิบัติตนเพื่อป้องกันการติดเชื้อซ้ำ
- ลดอัตราการกลับมาเป็นซ้ำภายใน 6 เดือน
- ผู้ป่วยรับผิดชอบต่อการดูแลสุขภาพตนเองหลังจำหน่ายได้ดีขึ้น
✅Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)
- ผู้ป่วยอธิบายวิธีป้องกันการติดเชื้อซ้ำได้ถูกต้อง
- ปฏิบัติตามคำแนะนำเรื่องสุขอนามัยและการดื่มน้ำ
- เข้ารับการนัดหมายติดตามผลกับแพทย์ตามกำหนด
- ไม่มีอาการติดเชื้อซ้ำหลังจำหน่ายใน 6 เดือนแรก
✅Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)
- N39.0F8I-1: ประเมินความรู้และพฤติกรรมผู้ป่วยเกี่ยวกับการป้องกันการติดเชื้อซ้ำ
- N39.0F8I-2: ให้คำแนะนำเรื่องการดูแลสุขอนามัยส่วนบุคคลอย่างถูกวิธี
- N39.0F8I-3: ส่งเสริมให้ผู้ป่วยดื่มน้ำวันละ 1.5–2 ลิตร (ถ้าไม่มีข้อห้าม)
- N39.0F8I-4: สอนวิธีปัสสาวะทันทีเมื่อรู้สึกปวด ไม่กลั้นปัสสาวะ
- N39.0F8I-5: แนะนำให้ถ่ายปัสสาวะหลังมีเพศสัมพันธ์เพื่อลดความเสี่ยง
- N39.0F8I-6: จัดเตรียมสื่อการเรียนรู้ เช่น แผ่นพับ หรือวิดีโอ
- N39.0F8I-7: วางแผนติดตามผลผ่านคลินิกหรือโทรศัพท์ เพื่อประเมินอาการและให้คำแนะนำต่อเนื่อง
- N39.0F8I-8: ประสานงานให้ผู้ป่วยได้รับการนัดหมายติดตามผลอย่างสม่ำเสมอ
✅ Response (การตอบสนอง)
- N39.0F8R-1: ผู้ป่วยเข้าใจและสามารถอธิบายวิธีป้องกันการติดเชื้อซ้ำได้
- N39.0F8R-2: ผู้ป่วยเพิ่มพฤติกรรมดื่มน้ำและสุขอนามัยที่ถูกต้อง
- N39.0F8R-3: ผู้ป่วยเข้ารับการนัดหมายติดตามผลตามแผน
- N39.0F8R-4: ไม่มีอาการของการติดเชื้อซ้ำในระยะเวลาที่ติดตาม
- N39.0F8R-5: ผู้ป่วยแสดงความมั่นใจในการดูแลตนเองหลังจำหน่าย
……………………………………………………………………..
เอกสารอ้างอิง
- สมาคมโรคติดเชื้อแห่งประเทศไทย. (2564). แนวทางการวินิจฉัยและรักษาโรคติดเชื้อทางเดินปัสสาวะในผู้ใหญ่. วารสารสมาคมโรคติดเชื้อแห่งประเทศไทย, 10(2), 45-60. Link: สมาคมโรคติดเชื้อแห่งประเทศไทย (Thai Infectious Diseases Society)
- สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.). (2563). คู่มือการดูแลสุขภาพป้องกันและรักษาโรคติดเชื้อทางเดินปัสสาวะในชุมชน. กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์ สปสช. Link: https://www.nhso.go.th/
- Gupta, K., Hooton, T. M., Naber, K. G., Wullt, B., Colgan, R., Miller, L. G., ... & Soper, D. E. (2011). International clinical practice guidelines for the treatment of acute uncomplicated cystitis and pyelonephritis in women: A 2010 update by the Infectious Diseases Society of America and the European Society for Microbiology and Infectious Diseases.Clinical Infectious Diseases, 52(5), e103-e120. https://doi.org/10.1093/cid/ciq257
- Foxman, B. (2010). The epidemiology of urinary tract infection. Nature Reviews Urology, 7(12), 653–660. https://doi.org/10.1038/nrurol.2010.190
………………………………………………………..