เกี่ยวกับฉัน

รูปภาพของฉัน
เมือง, พิษณุโลก, Thailand

วันพฤหัสบดีที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2568

EP.91 Med. Topic 11 โรคภาวะติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ : N39.0 [Urinary Tract Infection (UTI)]

 

🎯 เข้าใจ “ภาวะติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ : N39.0

🔹ความหมายของโรค UTI (Urinary Tract Infection)

  • คือ ภาวะที่มีเชื้อแบคทีเรียเข้าสู่ทางเดินปัสสาวะ เช่น กระเพาะปัสสาวะ ท่อปัสสาวะ หรือกรวยไต ทำให้เกิดการอักเสบและติดเชื้อ

🔹พยาธิสภาพ

  • แบคทีเรีย (เช่น E. coli) เข้าไปในทางเดินปัสสาวะ ทำให้เยื่อบุอักเสบ บวม แสบ หากลุกลามอาจติดเชื้อถึงไตได้

🔹กลุ่มอายุที่พบมาก

  • พบได้ทุกวัย แต่พบบ่อยที่สุดในผู้หญิงวัยเจริญพันธุ์ (20–50 ปี) และผู้สูงอายุ

🔹ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดโรค

  • กลั้นปัสสาวะนาน
  • ดื่มน้ำน้อย
  • ไม่ล้างทำความสะอาดจากหน้าไปหลัง (ในผู้หญิง)
  • ใช้ห้องน้ำสาธารณะไม่สะอาด
  • มีโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน

🔹อาการที่ควรรู้ทัน

  • 🚨 ปัสสาวะแสบ ขัด
  • 🚨 ปัสสาวะขุ่นหรือมีกลิ่น
  • 🚨 ปวดหน่วงท้องน้อย
  • 🚨 ปัสสาวะบ่อย แต่น้อย
  • 🚨 บางรายมีไข้ หนาวสั่น (หากลามถึงไต)

🔹การรักษา

  • 💊 รับยาปฏิชีวนะตามแพทย์สั่ง
  • 📌 ดื่มน้ำมาก ๆ เพื่อขับเชื้อ
  • ห้ามซื้อยากินเอง เพราะอาจดื้อยา

🔹การพยาบาล

  • 👩‍⚕️ ติดตามอาการไข้ ปวดปัสสาวะ
  • 💬 ส่งเสริมให้ดื่มน้ำมากกว่า 2 ลิตร/วัน
  • 📝 แนะนำวิธีป้องกันการกลับเป็นซ้ำ
  • 💉 เก็บปัสสาวะเพื่อตรวจเชื้อให้แม่นยำ

🔹การดูแลสำหรับบุคคลทั่วไป

  • ดื่มน้ำให้พอ 6–8 แก้ว/วัน
  • ปัสสาวะให้หมด ไม่กลั้นนาน
  • ล้างจากหน้าไปหลัง (สำคัญมากในผู้หญิง)
  • เลี่ยงการใช้สบู่หรือสารเคมีรุนแรงในจุดซ่อนเร้น
  • ถ้ามีอาการ รีบพบแพทย์ทันที

……………………………………………………………….

วินิจฉัยการพยาบาลโรค UTI: N39.0

  1. N39.0F1 มีไข้ หนาวสั่น จากการติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะ (Fever and chills due to urinary tract infection)
  2. N39.0F2 ปวดแสบหรือขัดขณะปัสสาวะ ส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวัน (Dysuria affecting daily functioning)
  3. N39.0F3 เสี่ยงต่อภาวะขาดน้ำจากไข้สูงและปัสสาวะบ่อย  (Risk for dehydration due to fever and frequent urination)
  4. N39.0F4 เสี่ยงต่อการติดเชื้อที่ไต (pyelonephritis) จากการรักษาที่ล่าช้า  (Risk for pyelonephritis from delayed treatment)
  5. N39.0F5 มีความวิตกกังวลเกี่ยวกับโรคและความรุนแรงของอาการ  (Anxiety related to illness and severity of symptoms)
  6. N39.0F6 ขาดความรู้เกี่ยวกับการป้องกันการกลับมาเป็นซ้ำของ UTI  (Deficient knowledge about UTI prevention)
  7. N39.0F7 ต้องการการวางแผนจำหน่ายเพื่อกลับไปดูแลตัวเองที่บ้าน (Readiness for discharge and self-care planning)
  8. N39.0F8 เสี่ยงต่อการติดเชื้อซ้ำหลังจำหน่าย (Risk for recurrent urinary tract infection after discharge)

……………………………………………………………..

N39.0F1: มีไข้ หนาวสั่น จากการติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะ (N39.0F1: Fever and chills due to urinary tract infection)

✅ Assessment (การประเมิน)

S:

  • ผู้ป่วยบอกว่า “หนาวๆ ร้อนๆ ปวดหน่วงท้องน้อย”
  • ผู้ป่วยบ่นเพลีย ไม่มีแรง

O:

  • วัดไข้ได้ 38.5°C
  • ชีพจร 102 ครั้ง/นาที
  • หนาวสั่น มือเย็น
  • ตรวจพบปัสสาวะขุ่น มีกลิ่น
  • WBC สูงกว่าปกติในผลตรวจเลือด

✅ Goals (เป้าหมาย)

  • ผู้ป่วยมีไข้ลดลงอยู่ในระดับปกติ (< 37.5°C)
  • ไม่มีอาการหนาวสั่นหรืออาการแทรกซ้อนเพิ่ม
  • ปัสสาวะใสขึ้น ไม่ขุ่น ไม่มีกลิ่น
  • ผู้ป่วยรู้วิธีดูแลตนเองเมื่อกลับบ้าน

✅ Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)

  • อุณหภูมิ ≤ 37.5°C ภายใน 48 ชั่วโมง
  • อาการหนาวสั่นลดลงภายใน 24 ชั่วโมง
  • สัญญาณชีพคงที่
  • ปัสสาวะใสขึ้น
  • ไม่มีภาวะแทรกซ้อน เช่น ไตอักเสบ

✅ Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)

  • N39.0F1I-1: วัดไข้ทุก 4 ชั่วโมง และบันทึกผลอย่างต่อเนื่อง เพื่อประเมินแนวโน้มไข้
  • N39.0F1I-2: ให้ยาลดไข้และยาปฏิชีวนะตามแผนการรักษาแพทย์
  • N39.0F1I-3: ให้ผู้ป่วยดื่มน้ำอย่างน้อย 2,000 มล./วัน เพื่อช่วยขับเชื้อโรค
  • N39.0F1I-4: สังเกตลักษณะ สี กลิ่น และปริมาณของปัสสาวะทุกครั้ง
  • N39.0F1I-5: ดูแลให้ผู้ป่วยพักผ่อนเพียงพอ ลดกิจกรรมที่ใช้แรง
  • N39.0F1I-6: ประเมินอาการปวดท้องน้อยและตำแหน่งของอาการ
  • N39.0F1I-7: ให้คำแนะนำผู้ป่วยเรื่องการป้องกันการกลับมาเป็นซ้ำ
  • N39.0F1I-8: เตรียมส่งตรวจปัสสาวะตามคำสั่งแพทย์ (urine C/S)

✅ Response (การตอบสนอง)

  • N39.0F1R-1: อุณหภูมิของผู้ป่วยลดลง ≤ 37.5°C ภายใน 48 ชั่วโมง
  • N39.0F1R-2: ผู้ป่วยไม่มีอาการหนาวสั่นหรือมือเย็น
  • N39.0F1R-3: สีและกลิ่นของปัสสาวะดีขึ้นภายใน 2 วัน
  • N39.0F1R-4: สัญญาณชีพอยู่ในเกณฑ์ปกติ (ชีพจร < 100, BP ปกติ)
  • N39.0F1R-5: ผู้ป่วยเข้าใจวิธีดูแลตัวเองเพื่อป้องกันการกลับมาเป็นซ้ำ

…………………………………………………………

N39.0F2: ปวดแสบหรือขัดขณะปัสสาวะ ส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวัน (Dysuria affecting daily functioning)

✅ Assessment (การประเมิน)

S:

  • ผู้ป่วยบอกว่า “ปัสสาวะแสบ ปวดขัด รู้สึกไม่สุด”
  • ผู้ป่วยบ่นว่าไม่กล้าเข้าห้องน้ำเพราะเจ็บ

O:

  • แสดงสีหน้าบิดเบี้ยวขณะปัสสาวะ
  • ปัสสาวะขุ่น กลิ่นแรง
  • ปัสสาวะทีละน้อย แต่บ่อยครั้ง
  • ปวดหน่วงท้องน้อย

✅ Goals (เป้าหมาย)

  • ลดอาการปวดแสบหรือขัดระหว่างปัสสาวะ
  • ผู้ป่วยสามารถปัสสาวะได้ตามปกติ
  • ผู้ป่วยมีความรู้ในการป้องกันการระคายเคืองในทางเดินปัสสาวะ

✅ Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)

  • ผู้ป่วยรายงานว่าอาการปวดแสบขณะปัสสาวะลดลงภายใน 48 ชั่วโมง
  • ปัสสาวะใสขึ้น ไม่มีตะกอนหรือกลิ่นผิดปกติ
  • ผู้ป่วยไม่กลัวหรือหลีกเลี่ยงการปัสสาวะ
  • ปริมาณปัสสาวะเพิ่มขึ้นเป็นปกติ

✅ Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)

  • N39.0F2I-1: ประเมินระดับความปวดและอาการแสบขณะปัสสาวะทุก 8 ชั่วโมง
  • N39.0F2I-2: ให้ยาบรรเทาอาการแสบหรือปวดขัดตามแผนการรักษา
  • N39.0F2I-3: ส่งเสริมให้ผู้ป่วยดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 2,000 มล. เพื่อช่วยเจือจางปัสสาวะ
  • N39.0F2I-4: แนะนำให้ปัสสาวะทุกครั้งเมื่อรู้สึกปวด ไม่กลั้นไว้
  • N39.0F2I-5: ให้ความรู้เกี่ยวกับการทำความสะอาดจุดซ่อนเร้นอย่างถูกวิธี
  • N39.0F2I-6: แนะนำหลีกเลี่ยงอาหารหรือเครื่องดื่มที่ทำให้ปัสสาวะระคายเคือง เช่น กาแฟ ชา น้ำอัดลม
  • N39.0F2I-7: จัดสิ่งแวดล้อมให้เหมาะสม สะดวกในการเข้าห้องน้ำ
  • N39.0F2I-8: ประเมินการตอบสนองหลังให้ยา และบันทึกผลอย่างต่อเนื่อง

✅ Response (การตอบสนอง)

  • N39.0F2R-1: ผู้ป่วยรายงานว่าอาการแสบขัดลดลงภายใน 48 ชั่วโมง
  • N39.0F2R-2: ผู้ป่วยสามารถปัสสาวะได้อย่างสบาย ไม่มีอาการกลั้นไว้
  • N39.0F2R-3: ลักษณะปัสสาวะใสขึ้น กลิ่นลดลง
  • N39.0F2R-4: ผู้ป่วยรู้และสามารถบอกวิธีดูแลตนเองเพื่อลดการระคายเคืองได้ถูกต้อง
  • N39.0F2R-5: ปริมาณปัสสาวะเพิ่มขึ้นใกล้ระดับปกติ (≥ 1,500 มล./วัน)

………………………………………………………….

N39.0F3: เสี่ยงต่อภาวะขาดน้ำจากไข้สูงและปัสสาวะบ่อย (Risk for dehydration due to fever and frequent urination)

✅ Assessment (การประเมิน)

S:

  • ผู้ป่วยบ่นว่า “เพลีย ไม่มีแรง ปากแห้ง”
  • ผู้ป่วยรายงานว่าปัสสาวะบ่อย แต่ครั้งละน้อย

O:

  • ไข้ 38.5°C
  • ปากแห้ง ผิวแห้ง
  • อัตราปัสสาวะลดลง (ประมาณ 400–500 มล./วัน)
  • ผิวหนังไม่ยืดหยุ่นเมื่อหยิบขึ้น
  • สัญญาณชีพอาจเปลี่ยนแปลง เช่น ชีพจรเร็ว BP ต่ำ

✅ Goals (เป้าหมาย)

  • ป้องกันไม่ให้เกิดภาวะขาดน้ำ
  • ผู้ป่วยได้รับสารน้ำเพียงพอในแต่ละวัน
  • สัญญาณชีพคงที่
  • ปริมาณและลักษณะปัสสาวะอยู่ในเกณฑ์ปกติ

✅ Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)

  • ดื่มน้ำได้ ≥ 1,500–2,000 มล./วัน
  • ปัสสาวะ ≥ 1,200 มล./วัน
  • สีปัสสาวะใสขึ้น
  • ไม่มีอาการปากแห้ง เวียนศีรษะ หรือชีพจรเร็ว
  • สัญญาณชีพคงที่

✅ Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)

  • N39.0F3I-1: ประเมินปริมาณน้ำที่ดื่มและปัสสาวะในแต่ละวัน
  • N39.0F3I-2: วัดและบันทึกสัญญาณชีพทุก 4–6 ชั่วโมง เพื่อติดตามภาวะขาดน้ำ
  • N39.0F3I-3: ส่งเสริมให้ผู้ป่วยดื่มน้ำสะอาดอย่างน้อย 1 แก้วทุก 1–2 ชั่วโมง
  • N39.0F3I-4: สังเกตอาการขาดน้ำ เช่น เวียนศีรษะ ปากแห้ง ปัสสาวะสีเข้ม
  • N39.0F3I-5: ประเมินผิวหนังและความยืดหยุ่นของผิวทุกวัน
  • N39.0F3I-6: หากผู้ป่วยรับประทานน้ำไม่ได้หรือมีอาเจียน ให้แจ้งแพทย์พิจารณาให้สารน้ำทางหลอดเลือด
  • N39.0F3I-7: ให้ความรู้เกี่ยวกับการดื่มน้ำอย่างสม่ำเสมอและสังเกตอาการเสี่ยง
  • N39.0F3I-8: วัดน้ำหนักตัวทุกวันในเวลาเดียวกัน เพื่อประเมินการเปลี่ยนแปลงของน้ำในร่างกาย

✅ Response (การตอบสนอง)

  • N39.0F3R-1: ผู้ป่วยดื่มน้ำได้อย่างน้อย 1,500–2,000 มล./วัน
  • N39.0F3R-2: ปัสสาวะใสขึ้น ปริมาณปัสสาวะ ≥ 1,200 มล./วัน
  • N39.0F3R-3: ไม่มีอาการปากแห้งหรือเวียนศีรษะ
  • N39.0F3R-4: สัญญาณชีพคงที่ (BP, ชีพจร, อุณหภูมิ)
  • N39.0F3R-5: ผู้ป่วยเข้าใจและสามารถบอกวิธีป้องกันภาวะขาดน้ำได้ถูกต้อง

…………………………………………………….

N39.0F4: เสี่ยงต่อการติดเชื้อที่ไต (pyelonephritis) จากการรักษาที่ล่าช้า  (Risk for pyelonephritis from delayed treatment)

✅ Assessment (การประเมิน)

S:

  • ผู้ป่วยบ่นว่าปวดหลัง ปวดเอว
  • รู้สึกหนาวสั่นเป็นช่วง ๆ
  • แจ้งว่าเริ่มมีอาการนานกว่า 3 วันก่อนมาโรงพยาบาล

O:

  • ไข้ 38.5°C
  • ปัสสาวะขุ่น กลิ่นแรง
  • ผล UA พบ WBC สูง และ Nitrate +
  • CBC พบ WBC สูง
  • อาจพบอาการกดเจ็บบริเวณ CVA (Costovertebral angle)

✅Goals (เป้าหมาย)

  • ผู้ป่วยได้รับการดูแลเพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อน เช่น pyelonephritis
  • อาการทางระบบทางเดินปัสสาวะลดลงภายใน 3 วัน
  • ไข้ลดลงภายใน 48 ชั่วโมง
  • ไม่มีอาการบ่งชี้การติดเชื้อที่ไต

✅Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)

  • ไม่มีไข้ > 38°C
  • ไม่มีอาการปวดหลังหรือปวดบริเวณ CVA
  • ปัสสาวะใส ไม่ขุ่น ไม่มีกลิ่น
  • ผล CBC และ UA ดีขึ้น

✅Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)

  • N39.0F4I-1: ประเมินอาการไข้ หนาวสั่น ปวดหลัง และปวดท้องอย่างสม่ำเสมอทุก 4–6 ชั่วโมง
  • N39.0F4I-2: ส่งเสริมให้ผู้ป่วยดื่มน้ำวันละ 2–3 ลิตร (ถ้าไม่มีข้อห้าม) เพื่อขับเชื้อออกทางปัสสาวะ
  • N39.0F4I-3: ตรวจสอบผล UA, CBC และอุณหภูมิร่างกายทุกวัน และรายงานหากผิดปกติ
  • N39.0F4I-4: ติดตามผลการให้ยาปฏิชีวนะว่าตรงกับเชื้อหรือไม่ พร้อมประสานแพทย์เรื่องการปรับยา
  • N39.0F4I-5: แนะนำให้ผู้ป่วยปัสสาวะทันทีเมื่อรู้สึกปวด ไม่กลั้นไว้
  • N39.0F4I-6: ให้ความรู้เกี่ยวกับอาการเตือนของ pyelonephritis เช่น ไข้สูง หนาวสั่น ปวดหลัง และแนะนำให้รีบพบแพทย์
  • N39.0F4I-7: บันทึกสัญญาณชีพและอาการทางระบบปัสสาวะทุกครั้งที่ให้การพยาบาล
  • N39.0F4I-8: ป้องกันการติดเชื้อแทรกซ้อน โดยรักษาความสะอาดบริเวณอวัยวะเพศ และเปลี่ยนผ้าปูเตียงที่เปียกชื้นทันที

✅ Response (การตอบสนองของผู้ป่วย)

  • N39.0F4R-1: ไข้ลดลง < 37.8°C ภายใน 48 ชั่วโมง
  • N39.0F4R-2: อาการปวดหลังหรือปวดเอวลดลงภายใน 3 วัน
  • N39.0F4R-3: ปัสสาวะใสขึ้น ไม่ขุ่น ไม่มีกลิ่นเหม็น
  • N39.0F4R-4: ผล CBC และ UA ดีขึ้นตามลำดับ
  • N39.0F4R-5: ผู้ป่วยเข้าใจอาการเตือนของ pyelonephritis และวิธีป้องกัน

…………………………………………..

N39.0F5 : มีความวิตกกังวลเกี่ยวกับโรคและความรุนแรงของอาการ (Anxiety related to illness and severity of symptoms)

✅ Assessment (การประเมิน)

S:

  • ผู้ป่วยกล่าวว่า “กังวลว่าจะเป็นโรคร้ายแรง”
  • รู้สึกเครียด วิตกกังวลกับอาการปัสสาวะแสบขัด
  • นอนไม่หลับเพราะคิดมากเกี่ยวกับโรค

O:

  • แสดงสีหน้าเคร่งเครียด กระสับกระส่าย
  • พูดน้อยลง จับมือกันแน่น
  • วัดชีพจรพบว่าหัวใจเต้นเร็ว (tachycardia)
  • พฤติกรรมตอบสนองช้าต่อการสื่อสาร

✅ Goals (เป้าหมาย)

  • ผู้ป่วยแสดงความวิตกกังวลลดลงภายใน 2 วัน
  • ผู้ป่วยเข้าใจข้อมูลเกี่ยวกับโรคและแนวทางรักษา
  • ผู้ป่วยมีพฤติกรรมการผ่อนคลายที่เหมาะสม

✅ Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)

  • ผู้ป่วยรายงานความกังวลลดลง (คะแนน < 3 จาก 10)
  • ผู้ป่วยร่วมมือในการรักษาโดยไม่ต่อต้าน
  • ผู้ป่วยสามารถอธิบายโรคและแผนการรักษาได้

✅ Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)

  • N39.0F5I-1: ประเมินระดับความวิตกกังวลด้วยเครื่องมือประเมิน
  • N39.0F5I-2: สร้างความไว้วางใจ พูดคุยด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล
  • N39.0F5I-3: อธิบายสาเหตุ อาการ และแนวทางการรักษาอย่างชัดเจน
  • N39.0F5I-4: เปิดโอกาสให้ผู้ป่วยแสดงความรู้สึก ความกลัว
  • N39.0F5I-5: สอนเทคนิคการหายใจช้า การผ่อนคลายกล้ามเนื้อ
  • N39.0F5I-6: จัดสภาพแวดล้อมให้สงบ เป็นส่วนตัว ลดสิ่งรบกวน
  • N39.0F5I-7: ประสานแพทย์พิจารณาให้ยาคลายกังวลหากจำเป็น
  • N39.0F5I-8: สนับสนุนให้ญาติพูดคุยหรืออยู่ร่วมเพื่อให้กำลังใจ
  • N39.0F5I-9: ติดตามพฤติกรรม ความร่วมมือ และผลการประเมินซ้ำ
  • N39.0F5I-10: บันทึกการสังเกตและการตอบสนองของผู้ป่วยทุกครั้ง

✅ Response (การตอบสนอง)

  • N39.0F5R-1: ผู้ป่วยรายงานว่ารู้สึกกังวลน้อยลง
  • N39.0F5R-2: ผู้ป่วยเข้าใจแนวทางการรักษาและให้ความร่วมมือ
  • N39.0F5R-3: ผู้ป่วยแสดงสีหน้าผ่อนคลาย นอนหลับได้ดีขึ้น
  • N39.0F5R-4: ผู้ป่วยสามารถใช้เทคนิคผ่อนคลายได้ด้วยตนเอง
  • N39.0F5R-5: ไม่มีพฤติกรรมตื่นตระหนกหรือปฏิเสธการดูแล

……………………………………………………………….

N39.0F6 : ขาดความรู้เกี่ยวกับการป้องกันการกลับมาเป็นซ้ำของ UTI (Deficient knowledge about UTI prevention)

✅ Assessment (การประเมิน)

S:

  • ผู้ป่วยระบุว่า “ไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไรเพื่อป้องกันไม่ให้เป็นอีก”
  • ผู้ป่วยถามซ้ำเกี่ยวกับการดูแลสุขอนามัยและการดื่มน้ำ

O:

  • พบว่ายังไม่มีพฤติกรรมการดูแลป้องกัน UTI อย่างเหมาะสม
  • ไม่สามารถอธิบายวิธีป้องกัน UTI ได้
  • ดื่มน้ำน้อยกว่า 1,000 มล./วัน
  • ปัสสาวะถี่และปวดขัดจากพฤติกรรมกลั้นปัสสาวะบ่อย

✅Goals (เป้าหมาย)

  • ผู้ป่วยมีความรู้และสามารถอธิบายวิธีการป้องกันการกลับมาเป็นซ้ำของ UTI ได้ภายในระยะเวลาที่กำหนด
  • ปฏิบัติตนได้อย่างเหมาะสมเพื่อลดความเสี่ยงต่อการติดเชื้อซ้ำ

✅Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)

  • ผู้ป่วยอธิบายปัจจัยเสี่ยงและวิธีป้องกัน UTI ได้อย่างถูกต้อง
  • ผู้ป่วยเพิ่มปริมาณการดื่มน้ำได้ถึง 1.5-2 ลิตร/วัน
  • ปฏิบัติตามคำแนะนำได้อย่างน้อย 3 ข้อจาก 5 ข้อ

✅Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)

  • N39.0F6I-1 ให้คำแนะนำเกี่ยวกับสาเหตุ พฤติกรรมเสี่ยง และกลไกการเกิด UTI อย่างเข้าใจง่าย
  • N39.0F6I-2 สอนวิธีทำความสะอาดบริเวณอวัยวะเพศและวิธีการเช็ดที่ถูกต้อง (จากหน้าไปหลัง)
  • N39.0F6I-3 แนะนำให้ดื่มน้ำอย่างน้อย 1.5–2 ลิตร/วัน เว้นแต่มีข้อห้ามทางการแพทย์
  • N39.0F6I-4 ให้ความรู้เกี่ยวกับการถ่ายปัสสาวะหลังมีเพศสัมพันธ์เพื่อลดการสะสมเชื้อ
  • N39.0F6I-5 แนะนำให้หลีกเลี่ยงการกลั้นปัสสาวะเป็นเวลานาน
  • N39.0F6I-6 สอนการสังเกตอาการเตือนของการกลับมาเป็นซ้ำ เช่น ปวดขัด ปัสสาวะขุ่น
  • N39.0F6I-7 ให้โบรชัวร์หรือสื่อการเรียนรู้เสริม (วิดีโอ/แผ่นพับ)
  • N39.0F6I-8 ประเมินความเข้าใจโดยให้ผู้ป่วยอธิบายกลับ (teach-back method)

✅ Response (การตอบสนอง)

  • N39.0F6R-1 ผู้ป่วยสามารถอธิบายปัจจัยเสี่ยงและวิธีป้องกันการเกิด UTI ได้ถูกต้อง
  • N39.0F6R-2 ผู้ป่วยมีพฤติกรรมการดื่มน้ำเพิ่มขึ้นตามเป้าหมาย
  • N39.0F6R-3 ผู้ป่วยมีท่าทีมั่นใจและตั้งใจปฏิบัติตามคำแนะนำ
  • N39.0F6R-4 ไม่มีอาการของ UTI ซ้ำภายในระยะเวลาเฝ้าระวังเบื้องต้น
  • N39.0F6R-5 ผู้ป่วยใช้สื่อประกอบการเรียนรู้เพื่อทบทวนด้วยตนเอง

……………………………………………………………

N39.0F7: ต้องการการวางแผนจำหน่ายเพื่อกลับไปดูแลตัวเองที่บ้าน (Readiness for discharge and self-care planning)

✅Assessment (การประเมิน)

S:

  • ผู้ป่วยบอกว่า “อยากกลับบ้านและดูแลตัวเองให้ดี”
  • แสดงความกังวลเกี่ยวกับการดูแลตัวเองหลังออกจากโรงพยาบาล

O:

  • ผู้ป่วยร่วมมือในการรักษาและมีความเข้าใจคำแนะนำเบื้องต้น
  • มีผู้ดูแลหรือญาติเหมาะสมพร้อมช่วยเหลือ
  • สภาพร่างกายแข็งแรง สามารถทำกิจวัตรประจำวันบางอย่างได้

✅Goals (เป้าหมาย)

  • ผู้ป่วยมีความพร้อมทั้งด้านร่างกายและจิตใจในการกลับบ้าน
  • ผู้ป่วยและผู้ดูแลมีความรู้และทักษะในการป้องกันและดูแลอาการ UTI
  • ลดความเสี่ยงในการกลับมาเป็นซ้ำหรือต้องรับรักษาใหม่

✅Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)

  • ผู้ป่วยสามารถอธิบายการดูแลตัวเองและสัญญาณเตือนอาการผิดปกติได้
  • มีแผนการนัดติดตามกับแพทย์หลังออกจากโรงพยาบาล
  • ผู้ดูแลสามารถช่วยเหลือและสนับสนุนการดูแลได้
  • ผู้ป่วยสามารถปฏิบัติตามคำแนะนำด้านสุขภาพที่บ้านได้

✅Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)

  • N39.0F7I-1: ประเมินความเข้าใจของผู้ป่วยและญาติเรื่องการดูแลตนเองหลังออกจากโรงพยาบาล
  • N39.0F7I-2: ให้คำแนะนำและสอนวิธีดูแลสุขอนามัยส่วนบุคคล เช่น การทำความสะอาดจุดซ่อนเร้นอย่างถูกวิธี
  • N39.0F7I-3: สอนวิธีการดื่มน้ำและการถ่ายปัสสาวะที่เหมาะสมเพื่อลดความเสี่ยงติดเชื้อซ้ำ
  • N39.0F7I-4: เตรียมข้อมูลสัญญาณเตือนที่ต้องรีบพบแพทย์ เช่น ไข้สูง ปัสสาวะแสบ ปวดหลัง
  • N39.0F7I-5: จัดตารางนัดหมายติดตามผลกับแพทย์และแนะนำให้ปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด
  • N39.0F7I-6: สนับสนุนให้ญาติหรือผู้ดูแลเข้าร่วมรับคำแนะนำและให้กำลังใจผู้ป่วย
  • N39.0F7I-7: จัดเตรียมสื่อการเรียนรู้ เช่น แผ่นพับ วิดีโอ เพื่อทบทวนข้อมูลที่บ้าน
  • N39.0F7I-8: วางแผนการติดตามและประเมินผลการดูแลหลังจำหน่ายผ่านโทรศัพท์หรือคลินิก

✅ Response (การตอบสนอง)

  • N39.0F7R-1: ผู้ป่วยและญาติสามารถอธิบายและปฏิบัติตามวิธีดูแลตนเองได้ถูกต้อง
  • N39.0F7R-2: ผู้ป่วยไม่แสดงอาการของการติดเชื้อซ้ำหลังกลับบ้าน
  • N39.0F7R-3: ผู้ป่วยเข้ารับการนัดหมายติดตามผลตามแผน
  • N39.0F7R-4: ผู้ป่วยและญาติแสดงความมั่นใจและพร้อมในการดูแลตนเองที่บ้าน
  • N39.0F7R-5: มีการสื่อสารกับทีมสุขภาพอย่างต่อเนื่องในกรณีมีอาการผิดปกติ

……………………………………………………………

N39.0F8 เสี่ยงต่อการติดเชื้อซ้ำหลังจำหน่าย (Risk for recurrent urinary tract infection after discharge)

✅Assessment (การประเมิน)

S:

  • ผู้ป่วยแสดงความกังวลเรื่องการกลับมาเป็นซ้ำของโรค
  • รายงานประวัติการติดเชื้อทางเดินปัสสาวะซ้ำ ๆ
  • ผู้ป่วยสอบถามเกี่ยวกับวิธีป้องกันและดูแลตนเองหลังออกจากโรงพยาบาล

O:

  • บันทึกประวัติการติดเชื้อซ้ำ (1 ครั้งขึ้นไปใน 6 เดือนที่ผ่านมา)
  • มีพฤติกรรมเสี่ยง เช่น กลั้นปัสสาวะ ดื่มน้ำน้อย
  • ไม่มีความรู้หรือปฏิบัติการป้องกันโรคอย่างเหมาะสม
  • มีการนัดหมายติดตามผลหลังออกจากโรงพยาบาลไม่ครบถ้วน

✅Goals (เป้าหมาย)

  • ผู้ป่วยและครอบครัวเข้าใจและสามารถปฏิบัติตนเพื่อป้องกันการติดเชื้อซ้ำ
  • ลดอัตราการกลับมาเป็นซ้ำภายใน 6 เดือน
  • ผู้ป่วยรับผิดชอบต่อการดูแลสุขภาพตนเองหลังจำหน่ายได้ดีขึ้น

✅Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)

  • ผู้ป่วยอธิบายวิธีป้องกันการติดเชื้อซ้ำได้ถูกต้อง
  • ปฏิบัติตามคำแนะนำเรื่องสุขอนามัยและการดื่มน้ำ
  • เข้ารับการนัดหมายติดตามผลกับแพทย์ตามกำหนด
  • ไม่มีอาการติดเชื้อซ้ำหลังจำหน่ายใน 6 เดือนแรก

✅Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)

  • N39.0F8I-1: ประเมินความรู้และพฤติกรรมผู้ป่วยเกี่ยวกับการป้องกันการติดเชื้อซ้ำ
  • N39.0F8I-2: ให้คำแนะนำเรื่องการดูแลสุขอนามัยส่วนบุคคลอย่างถูกวิธี
  • N39.0F8I-3: ส่งเสริมให้ผู้ป่วยดื่มน้ำวันละ 1.5–2 ลิตร (ถ้าไม่มีข้อห้าม)
  • N39.0F8I-4: สอนวิธีปัสสาวะทันทีเมื่อรู้สึกปวด ไม่กลั้นปัสสาวะ
  • N39.0F8I-5: แนะนำให้ถ่ายปัสสาวะหลังมีเพศสัมพันธ์เพื่อลดความเสี่ยง
  • N39.0F8I-6: จัดเตรียมสื่อการเรียนรู้ เช่น แผ่นพับ หรือวิดีโอ
  • N39.0F8I-7: วางแผนติดตามผลผ่านคลินิกหรือโทรศัพท์ เพื่อประเมินอาการและให้คำแนะนำต่อเนื่อง
  • N39.0F8I-8: ประสานงานให้ผู้ป่วยได้รับการนัดหมายติดตามผลอย่างสม่ำเสมอ

✅ Response (การตอบสนอง)

  • N39.0F8R-1: ผู้ป่วยเข้าใจและสามารถอธิบายวิธีป้องกันการติดเชื้อซ้ำได้
  • N39.0F8R-2: ผู้ป่วยเพิ่มพฤติกรรมดื่มน้ำและสุขอนามัยที่ถูกต้อง
  • N39.0F8R-3: ผู้ป่วยเข้ารับการนัดหมายติดตามผลตามแผน
  • N39.0F8R-4: ไม่มีอาการของการติดเชื้อซ้ำในระยะเวลาที่ติดตาม
  • N39.0F8R-5: ผู้ป่วยแสดงความมั่นใจในการดูแลตนเองหลังจำหน่าย

……………………………………………………………………..

เอกสารอ้างอิง

  • สมาคมโรคติดเชื้อแห่งประเทศไทย. (2564). แนวทางการวินิจฉัยและรักษาโรคติดเชื้อทางเดินปัสสาวะในผู้ใหญ่. วารสารสมาคมโรคติดเชื้อแห่งประเทศไทย, 10(2), 45-60. Link: สมาคมโรคติดเชื้อแห่งประเทศไทย (Thai Infectious Diseases Society)
  • สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.). (2563). คู่มือการดูแลสุขภาพป้องกันและรักษาโรคติดเชื้อทางเดินปัสสาวะในชุมชน. กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์ สปสช. Link: https://www.nhso.go.th/
  • Gupta, K., Hooton, T. M., Naber, K. G., Wullt, B., Colgan, R., Miller, L. G., ... & Soper, D. E. (2011). International clinical practice guidelines for the treatment of acute uncomplicated cystitis and pyelonephritis in women: A 2010 update by the Infectious Diseases Society of America and the European Society for Microbiology and Infectious Diseases.Clinical Infectious Diseases, 52(5), e103-e120. https://doi.org/10.1093/cid/ciq257
  • Foxman, B. (2010). The epidemiology of urinary tract infection. Nature Reviews Urology, 7(12), 653–660. https://doi.org/10.1038/nrurol.2010.190

………………………………………………………..