เกี่ยวกับฉัน

รูปภาพของฉัน
เมือง, พิษณุโลก, Thailand

วันอังคารที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2568

EP.76 จิตเวชหัวข้อ 36 : โรคกลัวเฉพาะสิ่ง (Specific Phobia) F40.2

 


Psych. Topic 36 : Specific Phobia :F40.2

พยาธิสภาพ & ช่วงอายุที่พบบ่อย

  • โรคกลัวเฉพาะสิ่ง (Specific Phobia) คือโรควิตกกังวลชนิดหนึ่ง ผู้ป่วยกลัวสิ่งเฉพาะเจาะจงอย่างรุนแรง แม้จะรู้ว่าไม่มีเหตุผล แต่ควบคุมไม่ได้และมักหลีกเลี่ยงสิ่งนั้นอย่างต่อเนื่อง 
  • ส่วนใหญ่เริ่มเป็นในช่วงเด็กหรือวัยรุ่น และอาจเรื้อรังยาวนานถ้าไม่ได้รับการรักษา

อาการ

  • เมื่อเจอสิ่งที่กลัวจะเกิดอาการรวดเร็ว เช่น:
  • ใจสั่น หัวใจเต้นแรง
  • หายใจเร็ว หรือหายใจไม่เต็มปอด
  • เหงื่อ มือสั่น ปากแห้ง
  • เวียนหัว คลื่นไส้ เหมือนจะเป็นลม
  • อาการส่วนใหญ่เกิดไม่เกิน 1 เดือน แต่หลายคนรู้สึกว่ารบกวนชีวิตมาก

ปัจจัยที่ทำให้เกิด

  • ประสบการณ์ฝังใจ เช่น เคยเจอเหตุร้ายเกี่ยวกับสิ่งนั้น
  • พันธุกรรม หรือมีคนในครอบครัวโดยเฉพาะในเด็ก
  • สมดุลสารเคมีในสมองผิดปกติ
  • ความเครียด หรือถูกตำหนิในใจสะสม

การรักษา

  • การบำบัดด้วยพฤติกรรมเชิงรับ (Graded Exposure + CBT) 
  • ฝึกสัมผัสสิ่งที่กลัวแบบค่อยเป็นค่อยไป ควบคู่ปรับความคิด เพิ่มความคุ้นเคย ลดอาการลง
  • ยาเสริมในรายที่ต้องการ เช่น ยาต้านซึมเศร้า เบต้าบล็อกเกอร์ หรือยาคลายเครียด ใช้ในช่วงเริ่มรักษาหรือตอนอาการรุนแรง

การพยาบาล

  • เฝ้าสังเกตอาการที่อาจรุนแรง เช่น หัวใจเต้นช้า‑เร็วผิดปกติ หายใจติดขัด หรือใกล้เป็นลม
  • สร้างบรรยากาศปลอดภัย ชวนหายใจเข้า-ออกช้า (5–7 วินาที) เพื่อช่วยลดอาการ
  • กระตุ้นให้ผู้ป่วยเข้าทำพฤติกรรมบำบัดอย่างสม่ำเสมอ และติดตามผลการรักษากับจิตแพทย์
  • ให้ความรู้ผู้ป่วยและครอบครัวเรื่องโรคว่า "เป็นได้แต่รักษาได้" และต้องให้กำลังใจซึ่งกันและกัน

การดูแลสำหรับบุคคลทั่วไป

  • ลองค่อยๆ เผชิญ สิ่งที่กลัวจากเบาไปแรง แม้จะกลัวก็ฝึกไว้ (ตั้งใจเล็กๆ ก่อนแล้วค่อยเพิ่มระดับ)
  • บริหารความเครียด ด้วยการนอนให้พอ ออกกำลังกาย หรือฝึกสมาธิ
  • สนับสนุนจากคนใกล้ชิด เช่น เพื่อนหรือครอบครัวช่วยให้กำลังใจ
  • หากรบกวนชีวิต ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ เช่น จิตแพทย์หรือจิตแพทย์พยาบาล

………………………………………………………..

🧠 “กลัวใจเต้นรัว... แค่เรื่องเล็ก แต่หัวใจตอบรับไม่เล็กเลย”

(จับใจคนดูตั้งแต่พริบแรก)

เน้นตัวอักษรคำว่า กลัว”+“ใจเต้นรัว” ให้ใหญ่สีสด
หลังคำคมใส่เอฟเฟกต์อมยิ้มหรือกรอบไฮไลต์
ใช้พื้นหลังเบลอจากคลิปอาการจริง ทำให้ข้อความเด่น

แค่ ‘เรื่องเล็ก’ ก็ทำให้ชีวิตสะดุด... มาเรียนรู้ว่ากลัวของเราไม่ผิด และเล็กลงได้ด้วยกัน”

#SpecificPhobia #กลัวเฉพาะเรื่อง #Anxiety #MentalHealthAwareness#MentalHealthMatters #Fear #Stress #SelfCare #AnxietyAwareness #SelfCare #AnxietyAwareness

……………………………………..

การวินิจฉัยการพยาบาล (Nursing Diagnoses)

  1. F40.2F1 กลัวเฉียบพลันและวิตกกังวลรุนแรง (Acute fear and severe anxiety)
  2. F40.2F2 ความเสี่ยงต่อการบาดเจ็บจากอาการ panic (Risk for injury due to panic symptoms)
  3. F40.2F3 การหายใจไม่มีประสิทธิภาพ (Ineffective breathing pattern)
  4. F40.2F4 ภาวะอารมณ์ที่รู้สึกสิ้นหวังหรือควบคุมไม่ได้ (Powerlessness and feelings of loss of control)
  5. F40.2F5 กลไกการเผชิญปัญหาที่ไม่มีประสิทธิภาพ (Ineffective coping related to avoidance behavior)
  6. F40.2F6 การสื่อสารรบกวน (Impaired verbal communication)
  7. F40.2F7 การละเมิดความสัมพันธ์ทางสังคม (Impaired social interaction)
  8. F40.2F8 ไม่เชื่อมั่นในตนเอง (Chronic low self-esteem)
  9. F40.2F9 ความคิดผิดปกติ (Disturbed thought processes)
  10. F40.2F10 ความหวาดระแวงระยะยาว (Risk for social isolation)

……………………………………

F40.2F1 กลัวเฉียบพลันและวิตกกังวลรุนแรง (Acute fear and severe anxiety)

📝 Assessment (การประเมิน)

S:

  • ผู้ป่วยรายงาน “รู้สึกกลัวมาก หัวใจเต้นแรง หายใจไม่คล่อง”

O:

  • วัดชีพจรพบนับ >100 ครั้ง/นาที
  • หายใจเร็ว (tachypnea)
  • เหงื่อออก มือสั่น
  • ลักษณะตื่นตระหนกหรือถอนตัวจากสิ่งกระตุ้น nursetogether.com

🎯 Goals (เป้าหมาย)

  • ลดระดับความวิตกกังวลเหลือ mild หรือ moderate
  • ชีพจรและหายใจกลับสู่ค่าปกติ
  • ผู้ป่วยสามารถใช้เทคนิคการผ่อนคลายได้
  • ผู้ป่วยสามารถบอกความรู้สึกและความต้องการได้ชัดเจน

📏 Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)

  • ผู้ป่วยรายงานความวิตกกังวลลดลง ≤ 3/10
  • ชีพจร < 100 นับ/นาที, RR 12–20 ครั้ง/นาที
  • สามารถทำ deep breathing ได้อย่างถูกต้องเมื่อมีอาการ
  • ผู้ป่วยพูดบอกอาการและความรู้สึกได้ชัด และร่วมมือในการดูแล

💉 Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)

  • F40.2F1I-1: วัดชีพจรและความดันทุก 15 นาที ขณะแสดงอาการวิตกกังวลเพื่อเฝ้าระวังความรุนแรง
  • F40.2F1I-2: จัดท่านั่งในตำแหน่งปลอดภัย (เช่น sitting with support) พื้นที่เงียบ ลดสิ่งกระตุ้น
  • F40.2F1I-3: สอน deep breathing โดยช่วยหายใจเข้า 4 วิ ถือ 2 วิ และหายใจออก 6 วิ
  • F40.2F1I-4: ใช้วิธี grounding เช่น ให้จับของเย็นหรือน้ำดื่มเพื่อระบายความวิตก
  • F40.2F1I-5: สร้างความสัมพันธ์แบบ therapeutic relationship โดยฟังอย่างใจเย็นและปลอบประโลม
  • F40.2F1I-6: ประสานทีมแพทย์เพื่อพิจารณายาระงับอาการเฉียบพลัน (เช่น benzodiazepine) ตามคำสั่งแพทย์
  • F40.2F1I-7: ให้ความรู้ผู้ป่วยเกี่ยวกับอาการ ความเข้าใจว่า 'กลัวเป็นเรื่องธรรมดา' และฝึกให้ใช้ coping skills ง่ายๆ

🗣️ Response (การตอบสนอง)

  • F40.2F1R-1: ผู้ป่วยรายงานความวิตกกังวลลดลง ≤ 3/10
  • F40.2F1R-2: ชีพจร <100 /นาที และ RR 12–20 /นาที
  • F40.2F1R-3: ผู้ป่วยสามารถฝึก deep breathing ได้อย่างถูกต้องเมื่อมีอาการ
  • F40.2F1R-4: ผู้ป่วยใช้ grounding method ได้เมื่อตื่นตระหนก
  • F40.2F1R-5: ผู้ป่วยเปิดใจพูดอาการและความรู้สึกอย่างสงบ มีส่วนร่วมในการดูแลและรับทราบความช่วยเหลือ

…………………………………..

F40.2F2 ความเสี่ยงต่อการบาดเจ็บจากอาการ panic (Risk for injury due to panic symptoms)

📝 Assessment (การประเมิน)

S:

  • ผู้ป่วยบอก “รู้สึกเวียนหัว อยากล้ม” เมื่อเจอสิ่งที่กลัว

O:

  • วัดชีพจรไม่สม่ำเสมอ หายใจตื้น
  • เหงื่อออก มือสั่น มีอาการคลื่นไส้
  • ตัวเริ่มเย็นหรือซีด เหยียบยากล้าเดินก้าวไม่มั่นคง

🎯 Goals (เป้าหมาย)

  • ป้องกันการบาดเจ็บ เช่น ล้มหรือช็อก
  • ให้ผู้ป่วยอยู่ในสภาพแวดล้อมปลอดภัย
  • ผู้ป่วยเรียนรู้ใช้เทคนิคลดอาการ panic ได้
  • ลดสัญญาณชีพผิดปกติจนคงตัว

📏 Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)

  • ไม่มีเหตุการณ์ล้มหรือบาดเจ็บภายในระยะดูแล
  • ชีพจรทุกรอบอยู่ในช่วง <100, RR 12–20
  • ผู้ป่วยสามารถใช้ breathing หรือ grounding เมื่อตื่นตระหนก
  • ผู้ป่วยรายงานอาการเวียนหัว/คลื่นไส้ลดลง

💉 Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)

F40.2F2I-1: ตรวจชีพจรและระดับความรู้สึกไม่สบายทุก 15 นาที ขณะ panic

  • F40.2F2I-2: จัดบริเวณให้นั่งหรือนอนในพื้นที่ปลอดภัย ใกล้พื้น/มีราวจับ
  • F40.2F2I-3: สอน deep breathing แบบ 5‑2‑5 หรือ 4‑2‑6 เพื่อควบคุมหายใจ
  • F40.2F2I-4: แนะนำ grounding technique เช่น จับน้ำเย็นหรือโยกเท้าอ่านุเนิน
  • F40.2F2I-5: เฝ้าดูสัญญาณ Hypotension (วัดความดันทุก 15 นาที)
  • F40.2F2I-6: จับตาดูอาการคลื่นไส้/เวียนศีรษะ เพื่อลดการเคลื่อนไหวที่เสี่ยง
  • F40.2F2I-7: สร้างบรรยากาศผ่อนคลาย ลดเสียงรบกวน แสงจ้า
  • F40.2F2I-8: แจ้งแพทย์/แพทย์พยาบาลจิตเวชทันทีหากอาการหนัก เพื่อพิจารณายับยั้ง panic (เช่น benzodiazepine)
  • F40.2F2I-9: ให้ความรู้ผู้ป่วยและครอบครัวเรื่องสัญญาณ panic และวิธีรับมือเบื้องต้น

🗣️ Response (การตอบสนอง)

  • F40.2F2R-1: ไม่มีเหตุการณ์ล้มหรือบาดเจ็บในระหว่างการดูแล
  • F40.2F2R-2: ชีพจรและ RR กลับเข้าสู่ช่วง <100 /นาที และ 12–20 /นาที
  • F40.2F2R-3: ผู้ป่วยฝึก deep breathing/grounding ได้โดยลดความวิตก
  • F40.2F2R-4: ผู้ป่วยบอกว่าอาการเวียนหัวคลื่นไส้ลดลง
  • F40.2F2R-5: ผู้ป่วยรายงานรู้สึกปลอดภัย และอยู่ในพื้นที่ควบคุม

…………………………………………….

F40.2F3: การหายใจไม่มีประสิทธิภาพ (Ineffective breathing pattern) ซึ่งเป็นแนวทางที่เป็นที่ยอมรับในระดับสากล ทำให้ง่ายในการนำไปใช้ทั้งในงานพยาบาลและบุคคลทั่วไป:

📝 Assessment (การประเมิน)

S:

  • ผู้ป่วยบอก “หายใจไม่เต็มอก เหมือนขาดอากาศ”

O:

  • RR มากกว่า 20 หรือ น้อยกว่า 12
  • หายใจตื้นหรือลึกไม่สม่ำเสมอ
  • ใช้กล้ามเนื้อช่วยหายใจ (คอบ่า) หรือมี nasal flaring
  • SpO₂ ต่ำกว่าปกติ (<95%) 

🎯 Goals (เป้าหมาย)

  • หายใจมีรูปแบบปกติ (RR 12–20/min, depth ปานกลาง)
  • SpO₂ ≥ 95%
  • ผู้ป่วยสามารถใช้เทคนิคช่วยหายใจได้
  • ผู้ป่วยรู้สึกหายใจสะดวก ประเมินตนเองว่า “สบาย”

📏 Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)

  • RR อยู่ในช่วง 12–20/min
  • SpO₂ ≥ 95% โดยไม่ต้องได้รับ O₂ สูง
  • ผู้ป่วยใช้ deep breathing หรือ pursed‑lip breathing ได้อย่างถูกต้อง
  • ผู้ป่วยรายงานการหายใจง่ายขึ้น ไม่มีการใช้กล้ามเนื้อช่วยหายใจมาก

💉 Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)

  • F40.2F3I-1: วัด RR, SpO₂ และสังเกตรูปแบบการหายใจทุก 4 ชม.
  • F40.2F3I-2: จัดตำแหน่งตัวในลักษณะ High/Semi-Fowler เพื่อเพิ่มการขยายตัวของปอด 
  • F40.2F3I-3: สอนเทคนิค pursed‑lip breathing: "หายใจเข้าทางจมูก ช้าที่สุด 2 วิ แล้วหายใจออกอย่างช้า ผ่านริมฝีปากเล็ก" 
  • F40.2F3I-4: สอน deep diaphragmatic breathing : "มือวางบนท้อง หายใจเข้าช้า ให้พองท้อง"
  • F40.2F3I-5: ส่งเสริมพื้นที่เงียบ ลดความเครียด–ความกังวล เพื่อช่วยให้หายใจปกติ
  • F40.2F3I-6: ให้ O₂ ตามแพทย์สั่ง หาก SpO₂ ต่ำและตรวจพบภาวะ hypoxia
  • F40.2F3I-7: ประสาน respiratory therapist สอน incentive spirometry หรือ PEP device ถ้าจำเป็น
  • F40.2F3I-8: สังเกตสัญญาณแทรกซ้อน เช่น cyanosis, mental status change และรายงานทีมแพทย์ทันที

🗣️ Response (การตอบสนอง)

  • F40.2F3R-1: RR อยู่ในช่วง 12–20/min
  • F40.2F3R-2: SpO₂ ≥ 95% โดยไม่ต้องได้รับ O₂ สูง
  • F40.2F3R-3: ผู้ป่วยสามารถใช้ออกกำลังกายคุมหายใจ (pursed‑lip/deep breathing) ได้ด้วยตัวเอง
  • F40.2F3R-4: ผู้ป่วยรายงานการหายใจรู้สึกสบายขึ้น
  • F40.2F3R-5: ไม่มีสัญญาณอันตราย เช่น ใช้ accessory muscles, cyanosis, ซึม หรือสับสน

………………………………………………

F40.2F4 ภาวะอารมณ์ที่รู้สึกสิ้นหวังหรือควบคุมไม่ได้ (Powerlessness and feelings of loss of control)

📝 Assessment (การประเมิน)

S:

  • ผู้ป่วยบอกว่า "รู้สึกไร้ความหวัง ควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้"

O:

  • น้ำเสียงแบนเรียบ พูดสั้น ไม่แสดงอารมณ์
  • ไม่ร่วมมือในการตัดสินใจ
  • หน้าทื่อ ไม่มีการแสดงสีหน้า
  • บอกว่า “ไม่รู้จะทำอะไรดี”

🎯 Goals (เป้าหมาย)

  • ผู้ป่วยรู้สึกมีส่วนร่วมในการดูแลตัวเองมากขึ้น
  • แสดงความรู้สึกและความต้องการได้ชัด
  • มีทักษะควบคุมอารมณ์ขั้นต้น
  • รู้สึกว่าตนเองยังสามารถตัดสินใจเรื่องเล็กน้อยได้

📏 Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)

  • ผู้ป่วยตั้งใจและตอบคำถามในการตัดสินใจปฏิบัติงานเล็ก ๆ
  • ผู้ป่วยบอกว่ารู้สึก "พอมีทางเลือก" ≥3 ใน 5
  • ผู้ป่วยทบทวนแผนทำกิจกรรมหรือสื่อสารอารมณ์ได้
  • ผู้ป่วยลดน้ำเสียงเรียบ คลายอาการไม่ร่วมมือ

💉 Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)

  • F40.2F4I-1: สร้าง therapeutic relationship โดยยืนข้าง ให้ความเชื่อใจ
  • F40.2F4I-2: สนับสนุนให้ผู้ป่วยเลือกกิจกรรมง่าย ๆ เช่น ดื่มน้ำ หรือเปลี่ยนตำแหน่งที่นั่ง
  • F40.2F4I-3: จัด session พูดคุยสั้น 5–10 นาที เพื่อชี้ให้เห็นจุดเล็กที่ผู้ป่วยทำได้
  • F40.2F4I-4: สอนเทคนิคแบ่งงานเป็นขั้นตอนเล็กๆ (chunking) ช่วยให้ควบคุมตนเองได้ง่ายขึ้น
  • F40.2F4I-5: หมั่นกล่าวชื่นชมทันทีเมื่อผู้ป่วยพยายาม (เช่น “ดีมากที่คุณลอง...”)
  • F40.2F4I-6: ชวนครอบครัวหรือเพื่อนเข้าร่วมฟังแลกเปลี่ยน เพื่อเสริมกำลังใจและการสนับสนุน
  • F40.2F4I-7: ประสานจิตแพทย์/นักจิตวิทยา เพื่อประเมินความจำเป็นใช้ CBT หรือ EMDR เพิ่มเติม

🗣️ Response (การตอบสนอง)

  • F40.2F4R-1: ผู้ป่วยแสดงท่าทีร่วมมือ เช่น ชักชวนเลือกน้ำดื่ม
  • F40.2F4R-2: พูดบอกความรู้สึกหรือความต้องการแม้สั้นๆ
  • F40.2F4R-3: ผู้ป่วยแบ่งการตัดสินใจเป็นขั้นตอนเล็กและลงมือทำ
  • F40.2F4R-4: ผู้ป่วยตอบรับคำชมและมีน้ำเสียงผ่อนคลายขึ้น
  • F40.2F4R-5: ครอบครัว/เพื่อนรายงานว่าเห็นการเปลี่ยนแปลงเชิงบวก เช่น พูดมากขึ้น แสดงความคิดเห็นได้

………………………………………………

F40.2F5 กลไกการเผชิญปัญหาที่ไม่มีประสิทธิภาพ (Ineffective coping related to avoidance behavior)

📝 Assessment (การประเมิน)

S:

  • ผู้ป่วยรายงาน “พยายามเลี่ยง แต่ก็ยังรู้สึกกังวลเมื่อคิดถึง” หรือ “ไม่รู้จะจัดการยังไง”

O:

  • หลีกเลี่ยงสถานการณ์หรือสิ่งที่กลัวโดยสิ้นเชิง
  • พูดว่า “ไม่อยากลอง” หรือ “ไม่ไหว”
  • แสดงอาการกังวลก่อนเผชิญเหตุการณ์ เช่น หายใจถี่ มือสั่น
  • ไม่ใช้กลไกรับมืออื่น เช่น พูดถึงเทคนิคหรือหาเพื่อนช่วย nursestudy.net

🎯 Goals (เป้าหมาย)

  • ผู้ป่วยทดลองเผชิญสิ่งที่กลัว อย่างน้อยในระดับ Imaginal หรือ vicarious
  • เรียนรู้และใช้ 1–2 เทคนิคเผชิญ (coping) ที่เหมาะกับตัวเอง
  • ลดพฤติกรรมหลีกเลี่ยงลงอย่างมีนัยสำคัญ
  • เสริมระบบสนับสนุน เช่น ให้เพื่อนหรือครอบครัวช่วยกระตุ้น

📏 Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)

  • ผู้ป่วยสามารถตั้งใจลองเผชิญสิ่งที่กลัวอย่างน้อยในจินตภาพ (imaginal exposure)
  • ผู้ป่วยรายงานใช้ coping เทคนิคสำเร็จ ≥1 ครั้ง
  • ระดับความวิตกกังวลลดลงจาก baseline อย่างชัดเจน
  • มีความรู้สึกว่าควบคุมการตอบสนองตัวเองได้ดีขึ้น

💉 Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)

  • F40.2F5I-1: ประเมินระดับกลัวและพฤติกรรมหลีกเลี่ยงโดยใช้แบบประเมินสั้น เช่น 0–10 scale
  • F40.2F5I-2: สร้างความเข้าใจว่า “เก่งขึ้นได้” โดยสื่อสารเชิงบวก เช่น “ลองเฉยๆ ก็ดีนะ”
  • F40.2F5I-3: สอน coping เทคนิค เช่น breathing, grounding, progressive muscle relaxation
  • F40.2F5I-4: แนะนำเริ่มจาก imaginal exposure → in‑vivo exposure แบบค่อยเป็นค่อยไป
  • F40.2F5I-5: ให้ผู้ป่วยตั้งเป้าหมายเล็กๆ แต่ได้ผล เช่น เผชิญสิ่งที่กลัว 2 นาที โดยสถานการณ์ควบคุมได้
  • F40.2F5I-6: ชวนครอบครัวหรือเพื่อนสร้างแรงสนับสนุน เป็น witness หรือ coach
  • F40.2F5I-7: จับตา signs ของ angst หรือ distress และปรับระดับ exposure ได้ทันที
  • F40.2F5I-8: จัด session บันทึกอารมณ์หลังการเผชิญ เพื่อทบทวนและปรับแผนต่อเนื่อง
  • F40.2F5I-9: ประสานจิตแพทย์/นักจิตวิทยา ใช้ CBT หรือ exposure therapy อย่างเป็นระบบ

🗣️ Response (การตอบสนอง)

  • F40.2F5R-1: ผู้ป่วยรายงานกลัวลดลงเล็กน้อยเมื่อเผชิญ imaginal exposure
  • F40.2F5R-2: ใช้ coping เทคนิคได้ด้วยตนเอง เพื่อควบคุมอาการ
  • F40.2F5R-3: ผู้ป่วยเริ่มเผชิญสิ่งที่กลัวจริงเล็กๆ ได้ เช่น สัมผัสภาพหรือสถานการณ์
  • F40.2F5R-4: ความวิตกลดลงเมื่อประเมินด้วย scale
  • F40.2F5R-5: ครอบครัวรายงานว่าเห็นผู้ป่วยพยายาม/กล้าเปิดเผยความกลัวมากขึ้น

…………………………………………….

F40.2F6 การสื่อสารรบกวน (Impaired verbal communication)

📝 Assessment (การประเมิน)

S:

  • ผู้ป่วยเงียบ ไม่ตอบสนอง หรือตอบสั้น ๆ ว่า “ไม่รู้จะพูดอะไร”

O:

  • พูดไม่ชัด พูดช้า หรือหายใจถี่ขณะพูด
  • หยุดพูดกลางประโยค มักระบายด้วยการพยักหน้า–เขย่าหัว
  • แสดงท่าทีไม่อยากพูด สายตาหลบสายตา 

🎯 Goals (เป้าหมาย)

  • ผู้ป่วยสามารถสื่อสารความต้องการพื้นฐานได้อย่างเข้าใจ
  • พูดประโยคสั้น ๆ ได้ ≥ 2 คำ เมื่อมีสิ่งรบกวน
  • ยอมใช้วิธีสื่อสารช่วย (เช่น เขียนหรือชี้) เมื่อไม่สามารถพูด
  • แสดงสภาวะผ่อนคลายเมื่อสื่อสาร

📏 Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)

  • ผู้ป่วยแสดงการใช้คำพูดหรือวิธีอื่นชัดเจน ≥1 ครั้ง/ช่วง
  • จำนวนคำพูด ≥ 2 คำ/ประโยคในสถานการณ์ที่ควบคุมได้
  • ไม่หยุดกลางประโยคบ่อยเกินไป (น้อยกว่า 2 ครั้ง)
  • ท่าทางผ่อนคลาย ไม่มีสีหน้าเครียดขณะพูด

💉 Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)

  • F40.2F6I-1: เปิดโอกาสพูดโดยใช้คำถามง่าย เช่น “อยากดื่มน้ำไหม?” ให้เวลา 10–15 วินาที
  • F40.2F6I-2: ใช้เทคนิคการสื่อสารเสริม เช่น เขียนกระดาน/ภาพประกอบ/ท่ามือ (augmentative communication)
  • F40.2F6I-3: ใช้ประโยคสั้น ฟังให้หมด ไม่ขัดความคิด เช่น “ผมฟังคุณพูดเสร็จ…” เพื่อสร้างความมั่นใจ
  • F40.2F6I-4: ส่งเสริม non‑verbal communication เช่น พยักหน้า รอยยิ้ม ช่วยให้รู้สึกปลอดภัย
  • F40.2F6I-5: พูดช้าชัด ไม่ยกเสียงสูง ช่วยลดความกังวล
  • F40.2F6I-6: ฝึกแบบจำลองบทสนทนาเล็ก ๆ ก่อนเผชิญสถานการณ์จริง เช่น ฝึกตอบประโยค “ขอโทษ”
  • F40.2F6I-7: ชวนครอบครัวมาฝึกสื่อสารง่ายกับผู้ป่วย เช่น ถาม “กินข้าวยัง”
  • F40.2F6I-8: ประสานนักจิตวิทยาหรือนักพูดเพื่อช่วยการฟื้นฟู (speech therapy, CBT) เมื่อจำเป็น

🗣️ Response (การตอบสนอง)

  • F40.2F6R-1: ผู้ป่วยตอบคำถามง่าย เช่น “ใช่/ไม่” หรือประโยคสั้น ≥ 2 คำ
  • F40.2F6R-2: ใช้วิธีเสริม เช่น ชี้ เขียน หรือพยักหน้าได้ตามต้องการ
  • F40.2F6R-3: พูดไม่สะดุดกลางประโยคหรือน้อยกว่า 2 ครั้งต่อสถานการณ์
  • F40.2F6R-4: แสดงท่าทางสบาย เช่น ไม่เอามือปิดปาก ไม่หลบสายตาขณะพูด
  • F40.2F6R-5: ครอบครัวแจ้งว่าผู้ป่วยกล้าสื่อสารขึ้น เช่น พูดตอบบนโต๊ะอาหาร

…………………………………………..

F40.2F7 การละเมิดความสัมพันธ์ทางสังคม (Impaired social interaction)

📝 Assessment (การประเมิน)

S:

  • ผู้ป่วยรายงาน “รู้สึกไม่อยากคุยกับใคร” หรือ “อาย กลัวถูกตัดสิน”

O:

  • หลีกเลี่ยงสายตา พูดน้อย
  • ไม่ร่วมกิจกรรมกลุ่ม
  • สีหน้าไม่แสดงอารมณ์ชัดเจน
  • พูดว่า “ไม่รู้จะเริ่มพูดยังไง”

🎯 Goals (เป้าหมาย)

  • ผู้ป่วยเข้าร่วมการสื่อสารกับอย่างน้อย 1 คนในหนึ่งวัน
  • พูดโต้ตอบได้ ≥ 2 คำ/ประโยคในสถานการณ์ควบคุมได้
  • สร้างการติดต่อกับผู้อื่นอย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 ครั้ง
  • พัฒนาความรู้สึกผ่อนคลายเมื่ออยู่ในกลุ่ม

📏 Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)

  • มีการตั้งคำถามหรือโต้ตอบกับคนอื่น ≥1 ครั้ง/วัน
  • จำนวนคำพูด ≥2 คำต่อประโยคเมื่ออยู่กับผู้อื่น
  • เข้าร่วมกิจกรรมกลุ่มหรือสนทนากับสมาชิก ≥1 ครั้ง/สัปดาห์
  • แสดงท่าทางผ่อนคลาย เช่น ยิ้ม สบตา ไม่มีการหลบสายตา

💉 Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)

  • F40.2F7I-1: สร้างความสัมพันธ์เชิงบำบัด (therapeutic rapport) โดยเข้าใกล้และตั้งใจฟัง
  • F40.2F7I-2: ชวนสนทนาเรื่องง่าย เช่น “วันนี้กินอะไรดี” พร้อมให้เวลาคิด
  • F40.2F7I-3: จัดกิจกรรมกลุ่มขนาดเล็ก (2–3 คน) ในสภาพแวดล้อมปลอดภัย
  • F40.2F7I-4: สอนเทคนิคทักษะสังคม (social skills training) เช่น ทำความรู้จัก พูดทักทาย
  • F40.2F7I-5: ให้ positive reinforcement ทุกครั้งที่ผู้ป่วยพยายามสื่อสาร
  • F40.2F7I-6: แนะนำให้ผู้ป่วยฝึกตอบบทสนทนาง่ายๆ กับครอบครัว/เพื่อน
  • F40.2F7I-7: ใช้วิธี modeling โดยพยาบาลสาธิตการสนทนา
  • F40.2F7I-8: ประสานนักจิตวิทยา/นักสังคมสงเคราะห์ เพื่อจัดกลุ่มสนับสนุนหรือฝึกทักษะ

🗣️ Response (การตอบสนอง)

  • F40.2F7R-1: ผู้ป่วยตอบกลับประโยคสั้น ≥ 2 คำเมื่อถูกถาม
  • F40.2F7R-2: ผู้ป่วยเข้าร่วมกิจกรรมกลุ่มอย่างน้อย 1 ครั้ง/สัปดาห์
  • F40.2F7R-3: ผู้ป่วยสบตาหรือมีสีหน้าเปิดกว้างเมื่อสื่อสาร
  • F40.2F7R-4: ผู้ป่วยแสดงความมั่นใจ เช่น พยักหน้า พูดได้เอง
  • F40.2F7R-5: ผู้ป่วยรายงานรู้สึก “กล้าคุยกับคนอื่นมากขึ้น” หรือ “ไม่อายเท่าเมื่อก่อน”

…………………………………..

F40.2F8 การไม่เชื่อมั่นในตนเอง (Chronic Low Self-Esteem)

📝 Assessment (การประเมิน)

S:

  • ผู้ป่วยรายงาน “รู้สึกตัวเองไม่มีค่า” หรือ “ทำอะไรก็ไม่สำเร็จ”

O:

  • ปฏิเสธคำชม เช่น “ไม่จริงหรอก”
  • แสดงท่าทีไม่มั่นใจ เช่น หลีกเลี่ยงการสบตา
  • พูดถึงความล้มเหลวในอดีตบ่อยครั้ง
  • หลีกเลี่ยงการเข้าร่วมกิจกรรมกลุ่ม
  • แสดงความวิตกกังวลเกี่ยวกับการถูกตัดสินจากผู้อื่น

🎯 Goals (เป้าหมาย)

  • ผู้ป่วยสามารถระบุคุณลักษณะเชิงบวกของตนเองได้
  • ผู้ป่วยแสดงความมั่นใจในการตัดสินใจเล็ก ๆ น้อย ๆ ในชีวิตประจำวัน
  • ผู้ป่วยเข้าร่วมกิจกรรมกลุ่มหรือสังคมอย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 ครั้ง
  • ผู้ป่วยรายงานความรู้สึกพึงพอใจในตนเองเพิ่มขึ้นภายใน 4 สัปดาห์

📏 Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)

  • ผู้ป่วยสามารถระบุคุณลักษณะเชิงบวกของตนเองได้อย่างน้อย 3 ข้อ
  • ผู้ป่วยแสดงความมั่นใจในการตัดสินใจเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่น การเลือกอาหารหรือเสื้อผ้า
  • ผู้ป่วยเข้าร่วมกิจกรรมกลุ่มหรือสังคมอย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 ครั้ง
  • ผู้ป่วยรายงานความรู้สึกพึงพอใจในตนเองเพิ่มขึ้นภายใน 4 สัปดาห์

💉 Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)

  • F40.2F8I-1: สร้างความสัมพันธ์เชิงบำบัด (therapeutic rapport) โดยการฟังอย่างตั้งใจและไม่ตัดสิน
  • F40.2F8I-2: ช่วยผู้ป่วยระบุและบันทึกคุณลักษณะเชิงบวกของตนเอง เช่น ความสามารถ ความพยายาม
  • F40.2F8I-3: ส่งเสริมให้ผู้ป่วยตั้งเป้าหมายเล็ก ๆ ที่สามารถทำได้ เช่น การพูดคุยกับคนใหม่ ๆ
  • F40.2F8I-4: ใช้เทคนิคการเสริมแรงบวก (positive reinforcement) เมื่อผู้ป่วยทำสิ่งที่ท้าทายความกลัว
  • F40.2F8I-5: แนะนำให้ผู้ป่วยฝึกการพูดหน้ากระจกหรือกับคนใกล้ชิดเพื่อเพิ่มความมั่นใจ
  • F40.2F8I-6: ประสานงานกับนักจิตวิทยาเพื่อการบำบัดทางความคิดและพฤติกรรม (CBT)
  • F40.2F8I-7: ส่งเสริมให้ผู้ป่วยเข้าร่วมกิจกรรมกลุ่มหรือสังคมที่มีความสนใจร่วมกัน
  • F40.2F8I-8: ให้ข้อมูลเกี่ยวกับการจัดการความเครียดและการผ่อนคลาย เช่น การหายใจลึก ๆ หรือการทำสมาธิ

🗣️ Response (การตอบสนอง)

  • F40.2F8R-1: ผู้ป่วยสามารถระบุคุณลักษณะเชิงบวกของตนเองได้อย่างน้อย 3 ข้อ
  • F40.2F8R-2: ผู้ป่วยแสดงความมั่นใจในการตัดสินใจเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่น การเลือกอาหารหรือเสื้อผ้า
  • F40.2F8R-3: ผู้ป่วยเข้าร่วมกิจกรรมกลุ่มหรือสังคมอย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 ครั้ง
  • F40.2F8R-4: ผู้ป่วยรายงานความรู้สึกพึงพอใจในตนเองเพิ่มขึ้นภายใน 4 สัปดาห์
  • F40.2F8R-5: ผู้ป่วยแสดงความกล้าเผชิญกับสิ่งที่กลัวในระดับที่สามารถควบคุมได้

………………………………………..

F40.2F9 ความคิดผิดปกติ (Disturbed Thought Processes)

📝 Assessment (การประเมิน)

S:

  • ผู้ป่วยรายงาน “คิดว่าฉันจะเป็นอันตรายถ้าอยู่ใกล้สิ่งที่กลัว” หรือ “คิดว่าคนอื่นจะรู้ว่าฉันกลัว”

O:

  • พูดถึงความกลัวอย่างต่อเนื่อง
  • แสดงท่าทีวิตกกังวล เช่น หายใจเร็ว
  • หลีกเลี่ยงสถานการณ์ที่เกี่ยวข้องกับสิ่งที่กลัว
  • พูดถึงความล้มเหลวในอดีตบ่อยครั้ง
  • แสดงความวิตกกังวลเกี่ยวกับการถูกตัดสินจากผู้อื่น

🎯 Goals (เป้าหมาย)

  • ผู้ป่วยสามารถระบุความคิดที่ไม่สมเหตุสมผลและท้าทายความกลัวได้
  • ผู้ป่วยแสดงความสามารถในการตัดสินใจในสถานการณ์ที่เกี่ยวข้องกับสิ่งที่กลัว
  • ผู้ป่วยรายงานความรู้สึกพึงพอใจในตนเองเพิ่มขึ้นภายใน 4 สัปดาห์
  • ผู้ป่วยสามารถเผชิญกับสิ่งที่กลัวในระดับที่สามารถควบคุมได้

📏 Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)

  • ผู้ป่วยสามารถระบุความคิดที่ไม่สมเหตุสมผลและท้าทายความกลัวได้
  • ผู้ป่วยแสดงความสามารถในการตัดสินใจในสถานการณ์ที่เกี่ยวข้องกับสิ่งที่กลัว
  • ผู้ป่วยรายงานความรู้สึกพึงพอใจในตนเองเพิ่มขึ้นภายใน 4 สัปดาห์
  • ผู้ป่วยสามารถเผชิญกับสิ่งที่กลัวในระดับที่สามารถควบคุมได้

💉 Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)

  • F40.2F9I-1: สร้างความสัมพันธ์เชิงบำบัด (therapeutic rapport) โดยการฟังอย่างตั้งใจและไม่ตัดสิน
  • F40.2F9I-2: ช่วยผู้ป่วยระบุและบันทึกความคิดที่ไม่สมเหตุสมผลเกี่ยวกับสิ่งที่กลัว
  • F40.2F9I-3: ใช้เทคนิคการท้าทายความคิด (cognitive restructuring) เพื่อเปลี่ยนแปลงความคิดที่ไม่สมเหตุสมผล
  • F40.2F9I-4: ส่งเสริมให้ผู้ป่วยตั้งเป้าหมายเล็ก ๆ ที่สามารถทำได้ เช่น การเผชิญกับสิ่งที่กลัวในสถานการณ์ที่สามารถควบคุมได้
  • F40.2F9I-5: ใช้เทคนิคการเสริมแรงบวก (positive reinforcement) เมื่อผู้ป่วยทำสิ่งที่ท้าทายความกลัว
  • F40.2F9I-6: ประสานงานกับนักจิตวิทยาเพื่อการบำบัดทางความคิดและพฤติกรรม (CBT)
  • F40.2F9I-7: ส่งเสริมให้ผู้ป่วยเข้าร่วมกิจกรรมกลุ่มหรือสังคมที่มีความสนใจร่วมกัน
  • F40.2F9I-8: ให้ข้อมูลเกี่ยวกับการจัดการความเครียดและการผ่อนคลาย เช่น การหายใจลึก ๆ หรือการทำสมาธิ

🗣️ Response (การตอบสนอง)

  • F40.2F9R-1: ผู้ป่วยสามารถระบุความคิดที่ไม่สมเหตุสมผลและท้าทายความกลัวได้
  • F40.2F9R-2: ผู้ป่วยแสดงความสามารถในการตัดสินใจในสถานการณ์ที่เกี่ยวข้องกับสิ่งที่กลัว
  • F40.2F9R-3: ผู้ป่วยรายงานความรู้สึกพึงพอใจในตนเองเพิ่มขึ้นภายใน 4 สัปดาห์
  • F40.2F9R-4: ผู้ป่วยสามารถเผชิญกับสิ่งที่กลัวในระดับที่สามารถควบคุมได้
  • F40.2F9R-5: ผู้ป่วยแสดงความกล้าเผชิญกับสิ่งที่กลัวในระดับที่สามารถควบคุมได้

…………………………………………..

F40.2F10 ความหวาดระแวงระยะยาว (Risk for Social Isolation)

📝 Assessment (การประเมิน)

S:

  • ผู้ป่วยรายงานว่า “ฉันหลีกเลี่ยงการเข้าร่วมกิจกรรมสังคมเพราะกลัวว่าจะเผชิญกับสิ่งที่กลัว”
  • ผู้ป่วยรู้สึกวิตกกังวลเมื่อคิดถึงการพบปะผู้คนใหม่ ๆ

O:

  • หลีกเลี่ยงการเข้าร่วมกิจกรรมสังคม
  • แสดงท่าทีวิตกกังวลหรือเครียดเมื่อมีการพูดถึงกิจกรรมสังคม
  • มีความรู้สึกโดดเดี่ยวหรือถูกทอดทิ้ง
  • พูดถึงประสบการณ์ที่ไม่ดีจากการมีปฏิสัมพันธ์ทางสังคมในอดีต

🎯 Goals (เป้าหมาย)

  • ผู้ป่วยสามารถระบุและท้าทายความคิดที่ไม่สมเหตุสมผลเกี่ยวกับการมีปฏิสัมพันธ์ทางสังคมภายใน 1 สัปดาห์
  • ผู้ป่วยเข้าร่วมกิจกรรมสังคมที่มีความกังวลน้อยที่สุดภายใน 2 สัปดาห์
  • ผู้ป่วยรายงานความรู้สึกพึงพอใจในตนเองและความสัมพันธ์ทางสังคมเพิ่มขึ้นภายใน 4 สัปดาห์

📏 Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)

  • ผู้ป่วยสามารถระบุและท้าทายความคิดที่ไม่สมเหตุสมผลเกี่ยวกับการมีปฏิสัมพันธ์ทางสังคม
  • ผู้ป่วยเข้าร่วมกิจกรรมสังคมที่มีความกังวลน้อยที่สุด
  • ผู้ป่วยรายงานความรู้สึกพึงพอใจในตนเองและความสัมพันธ์ทางสังคมเพิ่มขึ้น
  • ผู้ป่วยแสดงความกล้าเผชิญกับสถานการณ์ทางสังคมที่มีความกังวลน้อยที่สุด

💉 Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)

  • F40.2F10I-1: สร้างความสัมพันธ์เชิงบำบัด (therapeutic rapport) โดยการฟังอย่างตั้งใจและไม่ตัดสิน
  • F40.2F10I-2: ช่วยผู้ป่วยระบุและบันทึกความคิดที่ไม่สมเหตุสมผลเกี่ยวกับการมีปฏิสัมพันธ์ทางสังคม
  • F40.2F10I-3: ใช้เทคนิคการท้าทายความคิด (cognitive restructuring) เพื่อเปลี่ยนแปลงความคิดที่ไม่สมเหตุสมผล
  • F40.2F10I-4: ส่งเสริมให้ผู้ป่วยตั้งเป้าหมายเล็ก ๆ ที่สามารถทำได้ เช่น การเข้าร่วมกิจกรรมสังคมที่มีความกังวลน้อยที่สุด
  • F40.2F10I-5: ใช้เทคนิคการเสริมแรงบวก (positive reinforcement) เมื่อผู้ป่วยทำสิ่งที่ท้าทายความกลัว
  • F40.2F10I-6: ประสานงานกับนักจิตวิทยาเพื่อการบำบัดทางความคิดและพฤติกรรม (CBT)
  • F40.2F10I-7: ส่งเสริมให้ผู้ป่วยเข้าร่วมกิจกรรมกลุ่มหรือสังคมที่มีความสนใจร่วมกัน
  • F40.2F10I-8: ให้ข้อมูลเกี่ยวกับการจัดการความเครียดและการผ่อนคลาย เช่น การหายใจลึก ๆ หรือการทำสมาธิ

🗣️ Response (การตอบสนอง)

  • F40.2F10R-1: ผู้ป่วยสามารถระบุและท้าทายความคิดที่ไม่สมเหตุสมผลเกี่ยวกับการมีปฏิสัมพันธ์ทางสังคม
  • F40.2F10R-2: ผู้ป่วยเข้าร่วมกิจกรรมสังคมที่มีความกังวลน้อยที่สุด
  • F40.2F10R-3: ผู้ป่วยรายงานความรู้สึกพึงพอใจในตนเองและความสัมพันธ์ทางสังคมเพิ่มขึ้น
  • F40.2F10R-4: ผู้ป่วยแสดงความกล้าเผชิญกับสถานการณ์ทางสังคมที่มีความกังวลน้อยที่สุด

……………………………………..

📚 เอกสารอ้างอิง

  • กิตติยา ศรีสวัสดิ์. (2565). แนวทางการพยาบาลผู้ป่วยโรควิตกกังวลและโรคกลัวเฉพาะสิ่ง. กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์.
  • สำนักพิมพ์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. (2564). คู่มือการพยาบาลจิตเวช: การประเมินและการจัดการผู้ป่วยจิตเวชในชุมชน. กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
  • Mayo Clinic. (2021). Social anxiety disorder (social phobia) - Diagnosis and treatment. Retrieved from https://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/social-anxiety-disorder/diagnosis-treatment/drc-20353567
  • Nurseslabs. (2020). Anxiety & Fear Nursing Diagnosis & Care Plan. Retrieved from https://nurseslabs.com/anxiety/

……………………………………………..