เกี่ยวกับฉัน

รูปภาพของฉัน
เมือง, พิษณุโลก, Thailand

วันพฤหัสบดีที่ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2568

EP.69 จิตเวชหัวข้อ 29 : ภาวะพึ่งพายาบ้าหรือแอมเฟตามีน (Dependence syndrome)

Psych. Topic 29 : Dependence syndrome - F15.2

ภาวะพึ่งพายาบ้าหรือแอมเฟตามีน (Dependence syndrome)  หมายถึง ภาวะที่บุคคลหนึ่งมีการพึ่งพายาบ้าหรือแอมเฟตามีนทั้งทางร่างกายและจิตใจ ซึ่งทำให้ไม่สามารถหยุดใช้ยาได้แม้จะรู้ว่ามีผลเสียต่อสุขภาพหรือชีวิตประจำวัน โดยผู้ที่มีภาวะนี้มักจะแสดงอาการอย่างใดอย่างหนึ่งหรือหลายอย่าง เช่น:

  • 🔹 ต้องการใช้ยาในปริมาณที่มากขึ้นเพื่อให้ได้ผลเท่าเดิม (ดื้อยา)
  • 🔹 มีความอยากยาอย่างรุนแรง
  • 🔹 ไม่สามารถควบคุมตัวเองในการใช้ยาได้
  • 🔹 มีอาการถอนยาเมื่อหยุดใช้ เช่น หงุดหงิด เหนื่อยล้า ซึมเศร้า
  • 🔹 ใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการหาและใช้ยา
  • 🔹 ละเลยหน้าที่หรือความรับผิดชอบในชีวิตประจำวัน

พยาธิสภาพ / มักพบในช่วงอายุเท่าไร?

  • 🧠 การใช้ยาบ้า (แอมเฟตามีน) ทำให้สารเคมีในสมองเสียสมดุล จนสมองเสพติดการกระตุ้นจากยา
  • 🧠 มักเริ่มใช้ในช่วงวัยรุ่นถึงวัยทำงาน (อายุ 15–35 ปี) โดยเฉพาะกลุ่มที่มีความเครียด หรืออยู่ในสภาพแวดล้อมเสี่ยง

📌 อาการที่ควรสังเกต

  • 👉นอนไม่หลับ กระสับกระส่าย พูดมากผิดปกติ
  • 👉น้ำหนักลด หงุดหงิดง่าย
  • 👉หมกมุ่นกับการหาและใช้ยา
  • 👉หยุดยาแล้วมีอาการถอน เช่น ซึมเศร้า เหนื่อยล้า

📌 ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้ติดยา

  • สังคมหรือเพื่อนชักชวน
  • ปัญหาครอบครัว หรือความเครียด
  • ต้องการเพิ่มพลังหรือสมาธิผิดวิธี
  • ขาดความรู้เรื่องผลกระทบของยา

📌 การรักษา ทำได้อย่างไร?

  • เริ่มจากการหยุดยาอย่างปลอดภัย
  • รับการดูแลจากทีมแพทย์ พยาบาล และจิตแพทย์
  • ใช้การบำบัดพฤติกรรม จิตบำบัด และกิจกรรมฟื้นฟู
  • ยิ่งรักษาเร็ว ยิ่งมีโอกาสหายขาด

📌 การพยาบาลดูแลผู้ป่วยติดยา

  • 👩‍⚕️ พยาบาลจะเฝ้าสังเกตอาการถอนยา ช่วยลดความเสี่ยงต่อการทำร้ายตนเอง
  • 👥 ดูแลด้านอารมณ์ ให้คำแนะนำและชวนเข้ากลุ่มฟื้นฟู
  • 🤝 สร้างแรงจูงใจให้ผู้ป่วยอยากเปลี่ยนแปลงและกลับสู่สังคม

📌 คนรอบข้างดูแลได้อย่างไร?

  • 🔥 อย่าด่าว่า แต่ให้ “ฟัง” ด้วยความเข้าใจ
  • 🔥 ชวนไปพบแพทย์ ไม่ปล่อยให้เขาเผชิญปัญหาคนเดียว
  • 🔥 สนับสนุนการเข้าร่วมกลุ่มบำบัดหรือศูนย์ฟื้นฟู
  • 🔥 แสดงให้เห็นว่าคนรอบข้างยังรักและหวังดี

………………………………………………

วินิจฉัยการพยาบาลผู้ป่วยภาวะพึ่งพายาบ้า/แอมเฟตามีน (F15.2)

  1. F15.2F1 มีพฤติกรรมเสี่ยงต่อการทำร้ายตนเองหรือผู้อื่น (Risk for self-harm or harm to others) ผู้ป่วยบางรายอาจเกิดอาการหูแว่ว หวาดระแวง หรือควบคุมอารมณ์ตนเองไม่ได้ จึงมีความเสี่ยงในการก่ออันตราย
  2. F15.2F2 มีอาการถอนยา เช่น หงุดหงิด นอนไม่หลับ เหงื่อออก มือสั่น (Withdrawal symptoms present)ในช่วงแรกของการหยุดยา ร่างกายอาจมีอาการถอนที่รุนแรง ต้องเฝ้าระวังและดูแลอย่างใกล้ชิด
  3. F15.2F3 มีภาวะซึมเศร้า (Depressed mood) หลังหยุดใช้ยา ผู้ป่วยมักรู้สึกเศร้า สิ้นหวัง หรือไม่มีค่า ซึ่งอาจนำไปสู่การฆ่าตัวตาย
  4. F15.2F4 มีภาวะขาดสารอาหารหรือร่างกายอ่อนเพลียจากการใช้ยาต่อเนื่อง (Imbalanced nutrition and fatigue due to prolonged use) ยาบ้าทำให้เบื่ออาหาร นอนไม่หลับ น้ำหนักลด และร่างกายอ่อนล้า
  5. F15.2F5 มีพฤติกรรมพึ่งพายา ไม่สามารถหยุดยาได้ด้วยตนเอง (Ineffective coping related to drug dependence) ผู้ป่วยไม่สามารถควบคุมความอยากยาได้ ต้องการการสนับสนุนทางจิตใจและพฤติกรรม
  6. F15.2F6 ขาดแรงจูงใจในการฟื้นฟูตนเอง (Lack of motivation for rehabilitation) หลายคนรู้ว่าการใช้ยาทำให้ชีวิตพัง แต่กลับไม่เห็นความสำคัญในการเลิกและฟื้นฟู
  7. F15.2F7 มีความรู้ไม่เพียงพอเกี่ยวกับผลกระทบของยาและแนวทางเลิกยา (Deficient knowledge about substance effects and recovery) ผู้ป่วยและครอบครัวไม่เข้าใจว่าอาการที่เป็นอยู่มาจากผลของยา และไม่รู้ว่ามีทางรักษา
  8. F15.2F8 ขาดการสนับสนุนจากครอบครัวหรือสังคม (Ineffective family or social support) เมื่อไม่มีใครเข้าใจ ผู้ป่วยอาจรู้สึกโดดเดี่ยวและหันกลับไปใช้ยาอีก
  9. F15.2F9 ขาดการวางแผนชีวิตหลังจำหน่าย (Ineffective discharge planning) ไม่มีแผนรองรับชีวิตหลังออกจากโรงพยาบาล เช่น ที่อยู่อาศัย การทำงาน หรือการติดตามการรักษา
  10. F15.2F10 เสี่ยงต่อการกลับไปใช้ยาอีก (Risk of relapse) ผู้ป่วยที่ไม่มีระบบสนับสนุนที่เข้มแข็งหรือไม่ผ่านโปรแกรมฟื้นฟู มีโอกาสกลับไปใช้ยาอีกสูง

…………………………………………………………………..
F15.2F1: มีพฤติกรรมเสี่ยงต่อการทำร้ายตนเองหรือผู้อื่น (Risk for self-harm or harm to others)

🩺 Assessment (การประเมิน)

S:

  • ผู้ป่วยพูดว่า “รู้สึกไม่มีค่า อยากตาย”
  • ผู้ป่วยพูดว่ามีคนจะมาทำร้าย

O:

  • ผู้ป่วยมีอาการหูแว่ว พูดคนเดียว หวาดระแวง
  • ผู้ป่วยกระสับกระส่าย ควบคุมอารมณ์ไม่ได้
  • มีประวัติพยายามทำร้ายตนเองหรือคนอื่นในอดีต
  • ผู้ป่วยแยกตัว ไม่สื่อสารกับคนรอบข้าง

🎯 Goals (เป้าหมาย)

  • ผู้ป่วยปลอดภัยจากการทำร้ายตนเองและผู้อื่น
  • ผู้ป่วยสามารถควบคุมพฤติกรรมตนเองได้
  • ผู้ป่วยแสดงพฤติกรรมสื่อสารอย่างเหมาะสม
  • ผู้ป่วยได้รับการดูแลต่อเนื่องจากทีมสุขภาพจิต

📏 Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)

  • ไม่พบพฤติกรรมพยายามทำร้ายตนเองหรือผู้อื่น
  • ผู้ป่วยแจ้งความรู้สึกได้โดยไม่ใช้ความรุนแรง
  • ผู้ป่วยเข้าร่วมกิจกรรมฟื้นฟูและสื่อสารกับผู้อื่นได้
  • มีแผนติดตามต่อเนื่องกับทีมสุขภาพจิต

📝 Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)

  • F15.2F1I-1: ประเมินพฤติกรรมเสี่ยงทุก 1–2 ชั่วโมง และจดบันทึกอย่างต่อเนื่อง
  • F15.2F1I-2: แยกผู้ป่วยไว้ในบริเวณปลอดภัย ห่างจากสิ่งของมีคมหรืออันตราย
  • F15.2F1I-3: เฝ้าระวังอาการหลงผิด หูแว่ว หวาดระแวง อย่างใกล้ชิด
  • F15.2F1I-4: สื่อสารอย่างสงบและไม่ต่อต้านความเชื่อของผู้ป่วย
  • F15.2F1I-5: ประสานทีมจิตแพทย์เพื่อประเมินและให้ยาควบคุมอาการ
  • F15.2F1I-6: สนับสนุนให้ผู้ป่วยระบายความรู้สึกผ่านคำพูดหรือกิจกรรมที่ปลอดภัย
  • F15.2F1I-7: ให้ความรู้แก่ครอบครัวเกี่ยวกับพฤติกรรมเสี่ยง และแนวทางรับมือเบื้องต้น
  • F15.2F1I-8: วางแผนดูแลต่อเนื่องเมื่ออาการดีขึ้น เช่น การพบจิตแพทย์สม่ำเสมอ

✅ Response (การตอบสนอง)

  • F15.2F1R-1: ผู้ป่วยไม่แสดงพฤติกรรมทำร้ายตนเองหรือผู้อื่น
  • F15.2F1R-2: ผู้ป่วยสื่อสารอารมณ์ได้โดยไม่ใช้ความรุนแรง
  • F15.2F1R-3: ผู้ป่วยมีส่วนร่วมในกิจกรรมบำบัดหรือติดตามการรักษา
  • F15.2F1R-4: ผู้ป่วยรับรู้ถึงปัญหาและพร้อมร่วมมือในการรักษา
  • F15.2F1R-5: ครอบครัวมีความเข้าใจ และมีส่วนร่วมในการดูแลต่อเนื่อง

.......................................................................................

F15.2F2 มีอาการถอนยา เช่น หงุดหงิด นอนไม่หลับ เหงื่อออก มือสั่น (Withdrawal symptoms present)

🩺 Assessment (การประเมิน)

S:

  • ผู้ป่วยพูดว่า “นอนไม่หลับ หงุดหงิดง่าย”
  • ผู้ป่วยบ่นว่าใจสั่น เหงื่อออกง่าย โดยเฉพาะช่วงกลางคืน

O:

  • ผู้ป่วยมีอาการมือสั่น กระสับกระส่าย
  • วัดชีพจรได้เร็วขึ้น (Tachycardia)
  • เหงื่อออกมาก ตัวเย็น
  • นอนไม่หลับหลายคืนติดต่อกัน
  • ความดันโลหิตขึ้นลงผิดปกติ

🎯 Goals (เป้าหมาย)

  • ผู้ป่วยผ่านช่วงถอนยาได้อย่างปลอดภัย
  • อาการถอนยาลดลงอย่างชัดเจน
  • ผู้ป่วยสามารถพักผ่อนได้ดีขึ้น
  • ผู้ป่วยรู้จักวิธีจัดการอาการถอนเบื้องต้น
  • ทีมพยาบาลติดตามอาการอย่างใกล้ชิด

📏 Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)

  • อาการถอนยาลดลงใน 3–5 วัน
  • ผู้ป่วยรายงานว่านอนหลับได้ดีขึ้น
  • ไม่มีภาวะแทรกซ้อนจากการถอนยา เช่น ชักหรือภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ
  • ผู้ป่วยมีชีพจรและความดันอยู่ในเกณฑ์ปกติ
  • ผู้ป่วยร่วมมือในการรับการดูแล

📝 Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)

  • F15.2F2I-1: ประเมินอาการถอนยา (เช่น นอนไม่หลับ เหงื่อออก หงุดหงิด) ทุก 4 ชั่วโมงในช่วง 3 วันแรก
  • F15.2F2I-2: วัดชีพจร ความดัน อุณหภูมิ และสัญญาณชีพอื่น ๆ สม่ำเสมอทุก 4–6 ชั่วโมง
  • F15.2F2I-3: ดูแลให้ผู้ป่วยอยู่ในที่เงียบสงบ ลดสิ่งเร้าที่ทำให้กระสับกระส่าย
  • F15.2F2I-4: สนับสนุนให้ผู้ป่วยทำกิจกรรมเบา ๆ เช่น การหายใจลึก ชวนพูดคุย หรือเปิดเพลงบำบัด
  • F15.2F2I-5: ให้ยาตามแผนการรักษาของแพทย์ เช่น ยานอนหลับ ยาคลายวิตก หรือยาลดอาการถอน
  • F15.2F2I-6: ให้ของเหลวเพียงพอและอาหารอ่อนที่ย่อยง่ายเพื่อฟื้นฟูร่างกาย
  • F15.2F2I-7: ติดตามการนอนหลับและคุณภาพการพักผ่อนของผู้ป่วยอย่างต่อเนื่อง
  • F15.2F2I-8: ให้ความรู้แก่ผู้ป่วย/ญาติ เรื่องอาการถอนและการดูแลเบื้องต้น
  • F15.2F2I-9: เฝ้าระวังภาวะแทรกซ้อน เช่น หัวใจเต้นผิดจังหวะ หรือชัก
  • F15.2F2I-10: วางแผนดูแลต่อเนื่องและส่งต่อทีมจิตเวชในระยะยาว

✅ Response (การตอบสนอง)

  • F15.2F2R-1: อาการถอนยาลดลง ผู้ป่วยไม่หงุดหงิดหรือมือสั่นแล้ว
  • F15.2F2R-2: ผู้ป่วยหลับได้นานขึ้น และรู้สึกพักผ่อนได้
  • F15.2F2R-3: ชีพจรและความดันกลับสู่ระดับปกติ
  • F15.2F2R-4: ผู้ป่วยร่วมมือในการดูแลตัวเอง และเปิดใจพูดคุย
  • F15.2F2R-5: ไม่มีภาวะแทรกซ้อน เช่น ชักหรือหัวใจเต้นผิดปกติ

...............................................................................

F15.2F3 มีภาวะซึมเศร้า (Depressed mood)

🩺 Assessment (การประเมิน)

S:

  • ผู้ป่วยพูดว่า “ผมไม่มีค่าแล้ว” / “อยากตาย”
  • ผู้ป่วยบ่นว่าเศร้า เบื่อหน่าย ไม่อยากคุยกับใคร

O:

  • สีหน้าเศร้า ไม่พูดไม่จา
  • นอนมาก หรือนอนไม่หลับ
  • ไม่สนใจสิ่งรอบตัว ไม่รับประทานอาหาร
  • มีพฤติกรรมเก็บตัว ไม่เข้าสังคม
  • มีบันทึกประวัติเคยพยายามฆ่าตัวตาย

🎯 Goals (เป้าหมาย)

  • ผู้ป่วยมีอารมณ์ดีขึ้น และแสดงออกทางบวกมากขึ้น
  • ผู้ป่วยมีพฤติกรรมการดูแลตนเองดีขึ้น
  • ลดความคิดทำร้ายตนเองหรือฆ่าตัวตาย
  • สร้างความรู้สึกมีคุณค่าในตนเอง
  • ผู้ป่วยมีความหวังและเป้าหมายในการดำเนินชีวิต

📏 Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)

  • ผู้ป่วยไม่มีความคิดฆ่าตัวตาย
  • ผู้ป่วยเข้าร่วมกิจกรรมบำบัดอารมณ์ได้
  • แสดงอารมณ์ดีขึ้น เช่น ยิ้ม พูดคุย
  • รับประทานอาหารและนอนได้ปกติขึ้น
  • พูดถึงอนาคตหรือเป้าหมายในชีวิตบ้าง

📝 Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)

  • F15.2F3I-1: ประเมินระดับอารมณ์ ความคิดฆ่าตัวตาย และความเสี่ยงอย่างต่อเนื่องทุกวัน
  • F15.2F3I-2: อยู่ใกล้ชิดกับผู้ป่วยในช่วงอารมณ์ไม่มั่นคง โดยเฉพาะกลางคืน
  • F15.2F3I-3: จัดสภาพแวดล้อมให้ปลอดภัย เช่น ไม่ให้ของมีคม/ของที่ใช้ทำร้ายตัวเอง
  • F15.2F3I-4: ชวนพูดคุยเรื่องที่ให้กำลังใจ สนับสนุนให้แสดงความรู้สึก
  • F15.2F3I-5: จัดกิจกรรมที่ช่วยเพิ่มความภาคภูมิใจ เช่น งานศิลปะ เล่นดนตรี หรือออกกำลังกายเบา ๆ
  • F15.2F3I-6: สนับสนุนให้ผู้ป่วยเข้าพบจิตแพทย์ตามนัด และรับยาตามแผน
  • F15.2F3I-7: สอนญาติให้เข้าใจอารมณ์ผู้ป่วย และไม่ตัดสิน/ตำหนิ
  • F15.2F3I-8: ส่งต่อให้ทีมสหวิชาชีพ เช่น นักจิตวิทยา นักสังคมสงเคราะห์
  • F15.2F3I-9: ช่วยผู้ป่วยตั้งเป้าหมายชีวิตระยะสั้น เช่น การกลับไปเรียนหรือทำงาน
  • F15.2F3I-10: ประเมินภาวะซึมเศร้าอย่างเป็นระบบด้วยแบบประเมิน เช่น PHQ-9

✅ Response (การตอบสนอง)

  • F15.2F3R-1: ผู้ป่วยไม่มีความคิดฆ่าตัวตาย และพูดถึงอนาคตได้
  • F15.2F3R-2: สีหน้าดีขึ้น มีรอยยิ้ม และพูดคุยกับทีมดูแล
  • F15.2F3R-3: เข้าร่วมกิจกรรมกลุ่มหรือกิจกรรมบำบัด
  • F15.2F3R-4: รับประทานอาหารและนอนได้ดีขึ้น
  • F15.2F3R-5: ญาติสามารถดูแลต่อได้ และร่วมมือกับทีมพยาบาล

..........................................................................

F15.2F4 มีภาวะขาดสารอาหารหรือร่างกายอ่อนเพลียจากการใช้ยาต่อเนื่อง (Imbalanced nutrition and fatigue due to prolonged use)

🩺 Assessment (การประเมิน)

S:

  • ผู้ป่วยบ่นว่า “ไม่มีแรงเลย”
  • รู้สึกเหนื่อยง่าย เพลีย ไม่อยากกินข้าว

O:

  • น้ำหนักตัวลดลงชัดเจน
  • รับประทานอาหารได้น้อย
  • ผิวหนังซีด แห้ง ไม่มีน้ำมีนวล
  • ตรวจพบอาการอ่อนแรง กล้ามเนื้อลีบ
  • นอนหลับไม่เพียงพอ

🎯 Goals (เป้าหมาย)

  • ผู้ป่วยรับประทานอาหารเพิ่มขึ้นเพียงพอในแต่ละวัน
  • น้ำหนักตัวคงที่หรือเพิ่มขึ้น
  • มีแรงพอในการทำกิจกรรมเบื้องต้น
  • รูปลักษณ์ทั่วไปดีขึ้น (สีหน้า ผิวพรรณ)
  • ผู้ป่วยรู้วิธีดูแลตนเองด้านโภชนาการหลังจำหน่าย

📏 Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)

  • ผู้ป่วยรับประทานอาหารได้ครบ 3 มื้อ
  • น้ำหนักเพิ่มขึ้นอย่างน้อย 0.5–1 กก./สัปดาห์
  • ไม่มีอาการเหนื่อยง่ายหรืออ่อนเพลียเกินไป
  • ผลตรวจสารอาหารในเลือดดีขึ้น (เช่น Albumin)
  • ผู้ป่วยมีพฤติกรรมดูแลโภชนาการตนเองอย่างเหมาะสม

📝 Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)

  • F15.2F4I-1: ประเมินน้ำหนักส่วนสูง ดัชนีมวลกาย (BMI) และพฤติกรรมการรับประทานอาหาร
  • F15.2F4I-2: ส่งอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง เช่น อาหารอ่อนย่อยง่ายแต่พลังงานสูง
  • F15.2F4I-3: แบ่งอาหารเป็นมื้อย่อยๆ วันละ 5-6 มื้อ เพื่อกระตุ้นความอยากอาหาร
  • F15.2F4I-4: ให้คำแนะนำเกี่ยวกับโภชนาการที่เหมาะสมในช่วงฟื้นฟู เช่น โปรตีน วิตามิน
  • F15.2F4I-5: กระตุ้นให้ดื่มน้ำให้เพียงพอ เพื่อชดเชยภาวะขาดน้ำจากฤทธิ์ยาบ้า
  • F15.2F4I-6: ให้การพยาบาลเพื่อส่งเสริมการนอน เช่น จัดสภาพแวดล้อมเงียบสงบก่อนนอน
  • F15.2F4I-7: ประสานงานนักโภชนาการหรือแพทย์ หากพบว่าผู้ป่วยมีภาวะขาดสารอาหารรุนแรง
  • F15.2F4I-8: บันทึกปริมาณอาหารและของเหลวที่ผู้ป่วยได้รับในแต่ละวัน
  • F15.2F4I-9: ให้กำลังใจและชมเชยผู้ป่วยเมื่อรับประทานอาหารได้มากขึ้น
  • F15.2F4I-10: ให้คำแนะนำญาติในการจัดอาหารฟื้นฟูภาวะโภชนาการที่บ้าน

✅ Response (การตอบสนอง)

  • F15.2F4R-1: ผู้ป่วยรับประทานอาหารได้ครบตามมื้อ
  • F15.2F4R-2: น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นอย่างเหมาะสม
  • F15.2F4R-3: สีหน้าผู้ป่วยสดใส มีแรงลุก เดิน พูดคุย
  • F15.2F4R-4: ไม่มีอาการอ่อนเพลียหรือนอนไม่หลับ
  • F15.2F4R-5: ญาติสามารถช่วยดูแลด้านโภชนาการหลังจำหน่ายได้

.................................................................

F15.2F5 มีพฤติกรรมพึ่งพายา ไม่สามารถหยุดยาได้ด้วยตนเอง (Ineffective coping related to drug dependence)

🩺 Assessment (การประเมิน)

S:

  • ผู้ป่วยบ่นว่า "ผม/ฉันควบคุมความอยากยาไม่ได้"
  • รู้สึกวิตกกังวลและเครียดทุกครั้งที่ต้องหยุดยา
  • มีอาการซึมเศร้าและหดหู่หลังหยุดยา

O:

  • ปริมาณการใช้ยาลดลงไม่มาก
  • ควบคุมอารมณ์ไม่ได้เมื่อเจอกับสิ่งกระตุ้น
  • ผู้ป่วยแสดงพฤติกรรมหวาดกลัวหรือวิตกกังวลสูง
  • ไม่มีการพัฒนาแผนการดูแลตัวเองจากยา

🎯 Goals (เป้าหมาย)

  • ผู้ป่วยสามารถแสดงพฤติกรรมการรับมือ (coping) ที่ดีขึ้นในการจัดการกับความอยากยา
  • ผู้ป่วยรับรู้และเข้าใจผลกระทบจากการใช้ยา
  • ผู้ป่วยสามารถหาวิธีการจัดการอารมณ์และความเครียดได้
  • ผู้ป่วยสามารถใช้กลยุทธ์ในการหลีกเลี่ยงการใช้ยา
  • ผู้ป่วยได้รับการสนับสนุนทางจิตใจและพฤติกรรมอย่างต่อเนื่อง

📏 Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)

  • ผู้ป่วยสามารถใช้วิธีจัดการความเครียดได้อย่างมีประสิทธิภาพ (เช่น การหายใจลึกๆ หรือการทำสมาธิ)
  • ผู้ป่วยรายงานลดความอยากยาลงอย่างมีนัยสำคัญ
  • ผู้ป่วยแสดงทักษะในการควบคุมอารมณ์ในสถานการณ์ที่เครียด
  • ไม่มีการใช้ยาเกินจำเป็นหรือหวนกลับไปใช้ยา
  • ผู้ป่วยเริ่มสร้างแผนการดูแลตนเองหลังหยุดยา
  • 📝 Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)
  • F15.2F5I-1: ประเมินพฤติกรรมการใช้ยาและสิ่งกระตุ้นที่ทำให้ผู้ป่วยอยากใช้ยา
  • F15.2F5I-2: ให้การสนับสนุนทางจิตใจเพื่อเสริมสร้างความมั่นคงทางอารมณ์ เช่น การพูดคุยเพื่อเข้าใจความรู้สึก
  • F15.2F5I-3: สอนทักษะการจัดการความเครียด เช่น การหายใจลึกๆ การทำสมาธิ การออกกำลังกาย
  • F15.2F5I-4: สอนเทคนิคการปฏิเสธและการหลีกเลี่ยงสิ่งกระตุ้นการใช้ยา
  • F15.2F5I-5: กระตุ้นให้ผู้ป่วยเข้าร่วมกลุ่มสนับสนุน (เช่น กลุ่มช่วยเหลือตนเอง)
  • F15.2F5I-6: ประเมินการตั้งเป้าหมายการดูแลตัวเองในอนาคต เช่น การทำแผนการใช้ชีวิตหลังหยุดยา
  • F15.2F5I-7: ใช้เทคนิคการเสริมสร้างพฤติกรรม (positive reinforcement) เมื่อผู้ป่วยแสดงพฤติกรรมที่ต้องการ
  • F15.2F5I-8: สอนวิธีการจัดการกับอารมณ์ เช่น การหาทางออกจากสถานการณ์ที่ท้าทาย
  • F15.2F5I-9: กระตุ้นให้ผู้ป่วยเริ่มฝึกฝนการควบคุมอารมณ์ในสถานการณ์ต่างๆ
  • F15.2F5I-10: ส่งเสริมให้ผู้ป่วยใช้แหล่งสนับสนุนต่างๆ เช่น ครอบครัวหรือเพื่อนสนิท

✅ Response (การตอบสนอง)

  • F15.2F5R-1: ผู้ป่วยสามารถใช้วิธีจัดการกับความเครียดได้ดีขึ้นและลดการกระตุ้นจากสิ่งรบกวน
  • F15.2F5R-2: ผู้ป่วยรายงานความรู้สึกผ่อนคลายและสามารถควบคุมความอยากยาได้ในระดับหนึ่ง
  • F15.2F5R-3: พฤติกรรมการใช้ยาเริ่มลดลงอย่างมีนัยสำคัญ
  • F15.2F5R-4: ผู้ป่วยแสดงทักษะการจัดการอารมณ์ในสถานการณ์เครียดและรู้สึกมั่นคงมากขึ้น
  • F15.2F5R-5: ผู้ป่วยเริ่มมีแผนการดูแลตัวเองและตั้งเป้าหมายสำหรับการฟื้นฟู

................................................................................

F15.2F6 ขาดแรงจูงใจในการฟื้นฟูตนเอง (Lack of motivation for rehabilitation)

🩺 Assessment (การประเมิน)

S:

  • ผู้ป่วยกล่าวว่า "ไม่มีแรงจูงใจที่จะเลิกใช้ยา"
  • ผู้ป่วยรู้สึกว่าไม่เห็นความสำคัญในการฟื้นฟูตัวเอง
  • ผู้ป่วยมีทัศนคติที่เชิงลบเกี่ยวกับการรักษาและการฟื้นฟู
  • ผู้ป่วยบอกว่า "มันอาจจะดีขึ้นเอง" โดยไม่คิดถึงผลกระทบในระยะยาว

O:

  • ผู้ป่วยมีทัศนคติที่สงสัยหรือไม่เชื่อมั่นในการรักษา
  • ไม่ยินยอมรับการช่วยเหลือจากกลุ่มสนับสนุนหรือการรักษาต่อเนื่อง
  • ไม่มีการตั้งเป้าหมายในการฟื้นฟู
  • ไม่แสดงท่าทีที่สนใจในการปรับปรุงพฤติกรรมการใช้ยา

🎯 Goals (เป้าหมาย)

  • ผู้ป่วยรับรู้ถึงผลกระทบจากการใช้ยาและความสำคัญของการเลิกยา
  • ผู้ป่วยเริ่มมีแรงจูงใจในการฟื้นฟูและเริ่มตั้งเป้าหมายส่วนตัวเพื่อการเลิกยา
  • ผู้ป่วยร่วมมือกับการรักษาและโปรแกรมฟื้นฟู
  • ผู้ป่วยมีทัศนคติเชิงบวกในการรักษาและฟื้นฟูตนเอง
  • ผู้ป่วยแสดงความต้องการที่จะปรับปรุงพฤติกรรมและสถานะทางจิตใจของตนเอง

📏 Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)

  • ผู้ป่วยเริ่มยอมรับว่าการฟื้นฟูเป็นส่วนสำคัญของการรักษา
  • ผู้ป่วยตั้งเป้าหมายส่วนตัวในการเลิกยาและการฟื้นฟู
  • ผู้ป่วยแสดงความสนใจและยินดีเข้าร่วมในโปรแกรมฟื้นฟู
  • ผู้ป่วยมีทัศนคติที่ดีขึ้นต่อการรักษา
  • ผู้ป่วยรับรู้ถึงผลกระทบเชิงบวกจากการหยุดยา

📝 Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)

  • F15.2F6I-1: ช่วยเสริมสร้างการรับรู้ถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการใช้ยาและประโยชน์ของการฟื้นฟู
  • F15.2F6I-2: กระตุ้นให้ผู้ป่วยตั้งเป้าหมายส่วนตัวในการฟื้นฟู เช่น การหยุดยาในระยะเวลาที่กำหนด
  • F15.2F6I-3: ใช้กลยุทธ์การสนับสนุนทางจิตใจ เช่น การพูดคุยกระตุ้นให้ผู้ป่วยเห็นคุณค่าในตัวเอง
  • F15.2F6I-4: สนับสนุนให้ผู้ป่วยมีส่วนร่วมในกลุ่มช่วยเหลือตนเองหรือการบำบัดที่เหมาะสม
  • F15.2F6I-5: ให้คำแนะนำเกี่ยวกับการจัดการความเครียดและอารมณ์อย่างมีประสิทธิภาพ
  • F15.2F6I-6: สอนวิธีการตั้งเป้าหมายเล็กๆ ในการฟื้นฟูเพื่อสร้างแรงจูงใจในตัวเอง
  • F15.2F6I-7: กระตุ้นให้ผู้ป่วยมีความมุ่งมั่นในการติดตามผลการรักษาและการฟื้นฟู
  • F15.2F6I-8: ให้การเสริมสร้างพฤติกรรมบวก เช่น การให้รางวัลเมื่อผู้ป่วยแสดงความตั้งใจในการเลิกยา
  • F15.2F6I-9: ประเมินการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์และทัศนคติของผู้ป่วยในช่วงการรักษา
  • F15.2F6I-10: ใช้เทคนิคการเสริมสร้างทัศนคติเชิงบวก เพื่อกระตุ้นให้ผู้ป่วยรู้สึกถึงคุณค่าของการรักษา

✅ Response (การตอบสนอง)

  • F15.2F6R-1: ผู้ป่วยเริ่มมีทัศนคติที่ดีขึ้นเกี่ยวกับการฟื้นฟูและยอมรับการรักษา
  • F15.2F6R-2: ผู้ป่วยตั้งเป้าหมายในการฟื้นฟูและหยุดยาในระยะเวลาที่เหมาะสม
  • F15.2F6R-3: ผู้ป่วยเริ่มร่วมมือในการรักษาและเข้าร่วมกลุ่มช่วยเหลือตนเอง
  • F15.2F6R-4: ผู้ป่วยแสดงความสนใจในการติดตามผลการรักษาและการฟื้นฟู
  • F15.2F6R-5: ผู้ป่วยเริ่มรับรู้ถึงประโยชน์ของการเลิกยาและผลกระทบทางบวกต่อสุขภาพจิต

...................................................................................

F15.2F7 มีความรู้ไม่เพียงพอเกี่ยวกับผลกระทบของยาและแนวทางเลิกยา (Deficient knowledge about substance effects and recovery)

🩺 Assessment (การประเมิน)

S:

  • ผู้ป่วยหรือครอบครัวกล่าวว่า "ไม่รู้ว่าผลกระทบที่เกิดขึ้นมาจากยา"
  • ผู้ป่วยไม่เข้าใจเกี่ยวกับผลข้างเคียงที่อาจเกิดจากการใช้ยา
  • ครอบครัวไม่มีข้อมูลหรือเข้าใจผิดเกี่ยวกับกระบวนการเลิกยาและฟื้นฟู
  • ผู้ป่วยไม่ทราบเกี่ยวกับการบำบัดหรือโปรแกรมการฟื้นฟูที่มีอยู่

O:

  • ไม่มีความรู้เกี่ยวกับผลกระทบจากการใช้ยา
  • ไม่สามารถอธิบายกระบวนการบำบัดหรือวิธีการฟื้นฟู
  • ครอบครัวไม่สามารถแนะนำหรือตอบคำถามเกี่ยวกับการเลิกยาและผลกระทบของยาได้
  • ผู้ป่วยไม่เข้าใจเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์หรือร่างกายที่เกิดจากยา

🎯 Goals (เป้าหมาย)

  • ผู้ป่วยและครอบครัวเข้าใจเกี่ยวกับผลกระทบจากการใช้ยา
  • ผู้ป่วยและครอบครัวมีความรู้เกี่ยวกับกระบวนการเลิกยาและวิธีการฟื้นฟู
  • ผู้ป่วยแสดงความเข้าใจเกี่ยวกับผลกระทบของยาและพร้อมที่จะเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม
  • ผู้ป่วยรู้จักแหล่งข้อมูลหรือกลุ่มสนับสนุนในการเลิกยา
  • ครอบครัวสามารถสนับสนุนผู้ป่วยในการฟื้นฟูอย่างมีประสิทธิภาพ

📏 Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)

  • ผู้ป่วยสามารถอธิบายผลกระทบที่เกิดจากการใช้ยาและกระบวนการเลิกยา
  • ครอบครัวมีความเข้าใจในแนวทางการฟื้นฟูและสามารถให้การสนับสนุนได้
  • ผู้ป่วยและครอบครัวเริ่มตระหนักถึงผลกระทบที่เกิดจากการใช้ยา
  • ผู้ป่วยยินดีเข้าร่วมการบำบัดและฟื้นฟู
  • ครอบครัวมีความรู้เกี่ยวกับการช่วยเหลือและสนับสนุนผู้ป่วยในการฟื้นฟู

📝 Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)

  • F15.2F7I-1: ให้ข้อมูลเกี่ยวกับผลกระทบจากการใช้ยาและผลเสียที่อาจเกิดขึ้นจากการใช้ยาอย่างต่อเนื่อง
  • F15.2F7I-2: สอนวิธีการเลิกยาและการฟื้นฟู โดยอธิบายกระบวนการและผลลัพธ์ที่เป็นไปได้
  • F15.2F7I-3: แนะนำแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือเกี่ยวกับการฟื้นฟูและการเลิกยา
  • F15.2F7I-4: จัดกิจกรรมให้ผู้ป่วยและครอบครัวได้เรียนรู้เกี่ยวกับโปรแกรมการบำบัดและการสนับสนุน
  • F15.2F7I-5: ใช้สื่อการสอนต่างๆ เช่น แผ่นพับหรือสื่อออนไลน์ เพื่อให้ผู้ป่วยและครอบครัวเข้าใจข้อมูลได้ง่ายขึ้น
  • F15.2F7I-6: กระตุ้นให้ผู้ป่วยและครอบครัวเข้าร่วมกลุ่มช่วยเหลือตนเองหรือการบำบัดเพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์
  • F15.2F7I-7: ประเมินความเข้าใจของผู้ป่วยและครอบครัวเกี่ยวกับผลกระทบจากการใช้ยาและแนวทางเลิกยา
  • F15.2F7I-8: ติดตามความคืบหน้าของการเรียนรู้และการฟื้นฟูของผู้ป่วยและครอบครัว

✅ Response (การตอบสนอง)

  • F15.2F7R-1: ผู้ป่วยและครอบครัวสามารถอธิบายผลกระทบของยาและกระบวนการเลิกยาได้
  • F15.2F7R-2: ผู้ป่วยเริ่มแสดงความสนใจและยอมรับการบำบัดและกระบวนการเลิกยา
  • F15.2F7R-3: ครอบครัวเริ่มสามารถให้การสนับสนุนได้ตามแนวทางที่เหมาะสม
  • F15.2F7R-4: ผู้ป่วยและครอบครัวเข้าร่วมการบำบัดและกลุ่มสนับสนุนอย่างสม่ำเสมอ
  • F15.2F7R-5: ผู้ป่วยสามารถบอกแหล่งข้อมูลและโปรแกรมที่สามารถช่วยในการฟื้นฟูตนเองได้

........................................................................

F15.2F8 ขาดการสนับสนุนจากครอบครัวหรือสังคม (Ineffective family or social support)

🩺 Assessment (การประเมิน)

S:

  • ผู้ป่วยกล่าวว่า "ไม่มีใครเข้าใจฉัน"
  • ผู้ป่วยรู้สึกโดดเดี่ยวและไม่มีใครสนับสนุนในการเลิกยา
  • ครอบครัวไม่ค่อยเข้าใจหรือไม่ให้การสนับสนุนในการรักษาและฟื้นฟู
  • ผู้ป่วยแสดงอาการหดหู่หรือรู้สึกสิ้นหวัง

O:

  • ไม่มีการสนับสนุนจากครอบครัวหรือสังคมในกระบวนการฟื้นฟู
  • ผู้ป่วยแยกตัวจากการมีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น
  • ผู้ป่วยมีความรู้สึกโดดเดี่ยวและเศร้าซึม
  • ผู้ป่วยอาจไม่เข้าร่วมในกิจกรรมกลุ่มหรือการบำบัดร่วมกับผู้อื่น

🎯 Goals (เป้าหมาย)

  • ผู้ป่วยสามารถระบุแหล่งสนับสนุนจากครอบครัวหรือสังคมได้
  • ผู้ป่วยมีความรู้สึกได้รับการสนับสนุนและเข้าใจจากครอบครัว
  • ครอบครัวและผู้ป่วยสามารถปรับปรุงความสัมพันธ์และให้การสนับสนุนกันได้
  • ผู้ป่วยมีความสามารถในการสร้างหรือเข้าร่วมกลุ่มสนับสนุนจากภายนอกได้
  • ผู้ป่วยสามารถแสดงออกเกี่ยวกับความต้องการการสนับสนุนจากผู้อื่น

📏 Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)

  • ผู้ป่วยสามารถระบุแหล่งสนับสนุนจากครอบครัวและสังคม
  • ผู้ป่วยแสดงท่าทีเปิดเผยและยอมรับการสนับสนุนจากครอบครัวหรือกลุ่มสนับสนุน
  • ครอบครัวสามารถให้การสนับสนุนที่เหมาะสมและมีความเข้าใจเกี่ยวกับการฟื้นฟู
  • ผู้ป่วยเข้าร่วมกลุ่มสนับสนุนหรือกิจกรรมทางสังคม
  • ผู้ป่วยแสดงความรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มหรือสังคม

📝 Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)

  • F15.2F8I-1: ประเมินความสัมพันธ์ระหว่างผู้ป่วยและครอบครัวและระบุปัญหาหรืออุปสรรคในการสนับสนุน
  • F15.2F8I-2: จัดการให้ข้อมูลแก่ครอบครัวเกี่ยวกับการเลิกยาและความสำคัญของการสนับสนุนในกระบวนการฟื้นฟู
  • F15.2F8I-3: ส่งเสริมการมีส่วนร่วมของครอบครัวในการบำบัดและการสนับสนุน
  • F15.2F8I-4: แนะนำให้ผู้ป่วยเข้าร่วมกลุ่มสนับสนุนหรือกิจกรรมที่ช่วยเสริมสร้างความสัมพันธ์ทางสังคม
  • F15.2F8I-5: ส่งเสริมให้ผู้ป่วยสื่อสารความรู้สึกและความต้องการกับครอบครัวและกลุ่มสนับสนุน
  • F15.2F8I-6: ช่วยผู้ป่วยในการสร้างทักษะในการขอความช่วยเหลือจากคนรอบข้าง
  • F15.2F8I-7: ติดตามการพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างผู้ป่วยและครอบครัวหรือสังคม

✅ Response (การตอบสนอง)

  • F15.2F8R-1: ผู้ป่วยสามารถพูดถึงแหล่งสนับสนุนที่มีอยู่จากครอบครัวหรือกลุ่มสนับสนุน
  • F15.2F8R-2: ผู้ป่วยแสดงการเข้าร่วมในกิจกรรมกลุ่มหรือการบำบัดร่วมกับครอบครัวหรือกลุ่มเพื่อน
  • F15.2F8R-3: ครอบครัวแสดงความเข้าใจและให้การสนับสนุนผู้ป่วยในการฟื้นฟู
  • F15.2F8R-4: ผู้ป่วยมีความรู้สึกได้รับการสนับสนุนและเข้าใจจากคนรอบข้าง
  • F15.2F8R-5: ผู้ป่วยแสดงท่าทีเปิดรับการสนับสนุนจากสังคมหรือกลุ่มเพื่อน

.................................................................................

F15.2F9 ขาดการวางแผนชีวิตหลังจำหน่าย (Ineffective discharge planning)

🩺 Assessment (การประเมิน)

S:

  • ผู้ป่วยกล่าวว่า "ไม่รู้จะไปอยู่ที่ไหนหลังออกจากโรงพยาบาล"
  • ผู้ป่วยไม่มั่นใจในแผนการดำเนินชีวิตหลังจากออกจากโรงพยาบาล
  • ผู้ป่วยไม่เคยพูดถึงแผนการทำงานหรือการศึกษาต่อหลังออกจากโรงพยาบาล
  • ผู้ป่วยไม่ทราบถึงช่องทางการติดตามการรักษาหลังออกจากโรงพยาบาล

O:

  • ไม่มีการจัดเตรียมที่อยู่อาศัยหรือแผนการทำงานหลังออกจากโรงพยาบาล
  • ผู้ป่วยไม่รู้ว่าจะไปที่ไหนหลังออกจากโรงพยาบาล
  • ไม่มีการเชื่อมโยงกับหน่วยงานหรือบริการที่สามารถช่วยเหลือหลังออกจากโรงพยาบาล
  • ผู้ป่วยแสดงอาการวิตกกังวลเกี่ยวกับอนาคต

🎯 Goals (เป้าหมาย)

  • ผู้ป่วยมีแผนที่ชัดเจนสำหรับที่อยู่อาศัยและการทำงานหลังออกจากโรงพยาบาล
  • ผู้ป่วยสามารถระบุแหล่งสนับสนุนที่สามารถช่วยเหลือหลังจากออกจากโรงพยาบาลได้
  • ผู้ป่วยมีความรู้เกี่ยวกับการติดตามการรักษาหลังออกจากโรงพยาบาล
  • ผู้ป่วยมีความรู้สึกมั่นคงและพร้อมที่จะเริ่มต้นชีวิตใหม่หลังออกจากโรงพยาบาล

📏 Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)

  • ผู้ป่วยมีแผนการที่ชัดเจนสำหรับที่อยู่อาศัยและการทำงาน
  • ผู้ป่วยสามารถเข้าถึงบริการที่สนับสนุนหลังจากออกจากโรงพยาบาล
  • ผู้ป่วยมีการติดตามการรักษาอย่างต่อเนื่องหลังออกจากโรงพยาบาล
  • ผู้ป่วยแสดงความมั่นใจในแผนชีวิตหลังออกจากโรงพยาบาล
  • ผู้ป่วยมีท่าทีเชิงบวกต่อการเริ่มต้นชีวิตใหม่

📝 Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)

  • F15.2F9I-1: ประเมินสถานการณ์และความต้องการของผู้ป่วยเกี่ยวกับที่อยู่อาศัย การทำงาน และการรักษาหลังออกจากโรงพยาบาล
  • F15.2F9I-2: ช่วยผู้ป่วยสร้างแผนที่อยู่อาศัยหลังออกจากโรงพยาบาลโดยเชื่อมโยงกับแหล่งที่อยู่อาศัยที่เหมาะสม
  • F15.2F9I-3: แนะนำแหล่งงานหรือโครงการที่สามารถช่วยผู้ป่วยในการหางานหรือกิจกรรมที่เหมาะสมหลังออกจากโรงพยาบาล
  • F15.2F9I-4: ให้ข้อมูลเกี่ยวกับช่องทางการติดตามการรักษา เช่น การนัดหมายการพบแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญ
  • F15.2F9I-5: ส่งเสริมให้ผู้ป่วยเข้าร่วมกลุ่มสนับสนุนหรือองค์กรที่สามารถช่วยในการฟื้นฟูและการใช้ชีวิตหลังออกจากโรงพยาบาล
  • F15.2F9I-6: วางแผนติดตามผลและให้การสนับสนุนหลังการจำหน่ายเพื่อให้แน่ใจว่าผู้ป่วยได้รับการดูแลและการฟื้นฟูอย่างต่อเนื่อง
  • F15.2F9I-7: พูดคุยกับครอบครัวหรือผู้ดูแลเพื่อให้ความมั่นใจในการสนับสนุนชีวิตหลังออกจากโรงพยาบาล

✅ Response (การตอบสนอง)

  • F15.2F9R-1: ผู้ป่วยสามารถบอกแผนที่อยู่อาศัยและการทำงานหลังออกจากโรงพยาบาล
  • F15.2F9R-2: ผู้ป่วยมีความรู้สึกมั่นคงเกี่ยวกับแผนการฟื้นฟูชีวิตหลังออกจากโรงพยาบาล
  • F15.2F9R-3: ผู้ป่วยสามารถเข้าถึงแหล่งสนับสนุนที่เกี่ยวข้องกับการฟื้นฟู
  • F15.2F9R-4: ผู้ป่วยเริ่มติดตามการรักษาหรือการพบแพทย์ตามแผน
  • F15.2F9R-5: ผู้ป่วยแสดงท่าทีเชิงบวกในการเริ่มต้นชีวิตใหม่หลังออกจากโรงพยาบาล

...............................................................................

F15.2F10 เสี่ยงต่อการกลับไปใช้ยาอีก (Risk of relapse)

🩺 Assessment (การประเมิน)

S:

  • ผู้ป่วยบอกว่าไม่มีแรงจูงใจในการรักษาตัวเองหรือรู้สึกท้อแท้หลังจากหยุดใช้ยา

O:

  • ผู้ป่วยไม่มีการเข้าร่วมในโปรแกรมฟื้นฟูหรือกิจกรรมการสนับสนุนจากครอบครัว/สังคม

🎯 Goals (เป้าหมาย)

  • ผู้ป่วยสามารถยับยั้งการใช้ยาและไม่กลับไปใช้ยาอีก
  • ผู้ป่วยสามารถเข้าร่วมโปรแกรมฟื้นฟูหรือได้รับการสนับสนุนจากครอบครัว/สังคม
  • ผู้ป่วยมีความรู้สึกถึงการมีคุณค่าในตัวเองและได้รับการสนับสนุนที่เหมาะสม

📏 Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)

  • ผู้ป่วยแสดงความตั้งใจที่จะรักษาตัวเองและยับยั้งการใช้ยา
  • ผู้ป่วยเข้าร่วมโปรแกรมฟื้นฟูหรือติดต่อกับผู้ให้การสนับสนุน
  • ไม่มีพฤติกรรมการกลับไปใช้ยาในระยะเวลาที่กำหนด

📝 Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)

  • F15.2F10I-1: ประเมินแรงจูงใจของผู้ป่วยในการรักษาตัวเองและยับยั้งการใช้ยา
  • F15.2F10I-2: ช่วยผู้ป่วยเข้าร่วมโปรแกรมฟื้นฟูหรือแนะนำการสนับสนุนจากครอบครัว/สังคม
  • F15.2F10I-3: สนับสนุนผู้ป่วยให้เข้าใจถึงความสำคัญของการรักษาตัวเอง
  • F15.2F10I-4: สอนให้ผู้ป่วยรับรู้ถึงเทคนิคในการจัดการกับความเครียดและการป้องกันการกลับไปใช้ยา
  • F15.2F10I-5: สร้างความสัมพันธ์ที่มีความเชื่อมั่นระหว่างผู้ป่วยและทีมพยาบาล/ผู้ดูแล
  • F15.2F10I-6: ให้ข้อมูลและคำแนะนำเกี่ยวกับการติดตามการรักษาและการช่วยเหลือที่มีอยู่ในชุมชน

✅ Response (การตอบสนอง)

  • F15.2F10R-1: ผู้ป่วยสามารถเข้าร่วมโปรแกรมฟื้นฟูหรือกิจกรรมการสนับสนุนได้
  • F15.2F10R-2: ผู้ป่วยมีแรงจูงใจในการรักษาตัวเองและไม่แสดงความตั้งใจที่จะกลับไปใช้ยา
  • F15.2F10R-3: ผู้ป่วยสามารถจัดการกับความเครียดและมีทักษะในการหลีกเลี่ยงสิ่งกระตุ้นที่ทำให้ต้องการใช้ยา
  • F15.2F10R-4: ผู้ป่วยมีการติดตามการรักษาอย่างต่อเนื่องและได้รับการสนับสนุนจากครอบครัว/สังคม

.............................................................

เอกสารอ้างอิง

  • กระทรวงสาธารณสุข. (2563). แนวทางการดูแลผู้ป่วยที่มีภาวะพึ่งพายาเสพติด (ฉบับปรับปรุง). สำนักการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข.
  • สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา. (2561). การดูแลผู้ป่วยภาวะพึ่งพายาเสพติดและการฟื้นฟูสุขภาพจิต (ฉบับที่ 3). กรุงเทพมหานคร: สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา.
  • World Health Organization (WHO). (2019). Guidelines for the treatment of drug dependence. World Health Organization.
  • National Institute on Drug Abuse (NIDA). (2020). Principles of Drug Addiction Treatment: A Research-Based Guide. National Institutes of Health, U.S. Department of Health & Human Services.

................................................................Bottom of Form