Psych. Topic 34: Histrionic Personality
Disorder : F60.4
ภาวะบุคลิกภาพผิดปกติแบบฮิสทีเรีย
หมายถึง ลักษณะของบุคลิกภาพที่แสดงออกถึงอารมณ์ที่ไม่มั่นคง รุนแรง และเกินจริง
มักมีพฤติกรรมเรียกร้องความสนใจ เช่น ชอบอยู่ในศูนย์กลางของความสนใจ
แสดงอารมณ์หรือความรู้สึกเกินความจริง แต่งกายหรือพูดจายั่วยวน
ขาดความลึกซึ้งในความสัมพันธ์ และเปลี่ยนอารมณ์อย่างรวดเร็ว
ใครๆ ก็อยากเป็นที่รัก...
แต่ถ้าความต้องการความสนใจ “มากเกินไป” จนกระทบชีวิต อาจเป็นสัญญาณของภาวะนี้!
พยาธิสภาพ
/ ช่วงอายุที่พบบ่อย
ภาวะนี้เป็นความผิดปกติของบุคลิกภาพที่เกิดจากรูปแบบพฤติกรรมที่ฝังลึก
มักเริ่มแสดงออกตั้งแต่วัยรุ่นตอนปลายถึงวัยผู้ใหญ่ตอนต้น และ คงอยู่ต่อเนื่องจนโตเต็มวัย
อาการที่พบบ่อย
- 💡 อยากเป็นจุดสนใจตลอดเวลา
- 💋 ชอบแต่งตัวหรือแสดงออกเพื่อเรียกร้องความสนใจ
- 😢 แสดงอารมณ์เว่อร์เกินจริง ร้องไห้ง่าย เปลี่ยนอารมณ์เร็ว
- 🤝 ความสัมพันธ์ผิวเผิน เปลี่ยนคนสนิทง่าย
- 📢 พูดจาเกินจริง ไม่มีสาระลึกซึ้ง
ปัจจัยที่ทำให้เกิด
- 🧠 พันธุกรรมหรือสารเคมีในสมองไม่สมดุล
- 👶 การเลี้ยงดูที่ขาดความอบอุ่นหรือรางวัลจากพฤติกรรมเรียกร้อง
- 💔 ประสบการณ์ในวัยเด็ก เช่น ถูกละเลย หรือเอาใจเกินไป
การรักษา
- 🧘♀️ การทำจิตบำบัด (Psychotherapy) เป็นแนวทางหลัก
- 💊 อาจใช้ยาควบคุมอารมณ์หรือภาวะวิตกกังวลร่วมด้วย
- 📅 ต้องใช้เวลารักษาอย่างต่อเนื่องและเข้าใจ
การพยาบาล
- ✅ รับฟังโดยไม่ตัดสิน คงกติกาอย่างชัดเจน
- ✅ สร้างความมั่นคงทางอารมณ์ให้ผู้ป่วย
- ✅ ช่วยฝึกให้ผู้ป่วยมองตนเองและผู้อื่นอย่างสมจริง
การดูแลสำหรับบุคคลทั่วไป
- 💬 หากคนใกล้ตัวมีพฤติกรรมแบบนี้ อย่าด่าว่า แต่ให้ ฟังและชวนคุยอย่างใจเย็น
- 🧠 แนะนำพบจิตแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญ
- 📚 หาความรู้เรื่องสุขภาพจิต และให้กำลังใจ ไม่ตอกย้ำ
- ❤️ ทุกคนต้องการความรัก แต่อย่าให้ความรักกลายเป็นความทุกข์
…………………………………………………………………
🧠 10 วินิจฉัยการพยาบาล: Histrionic Personality Disorder (F60.4)
- F60.4F1 มีความเสี่ยงต่อการทำร้ายตนเองหรือเรียกร้องความสนใจด้วยพฤติกรรมเสี่ยง (Risk for self-harm or attention-seeking through harmful behavior) ผู้ป่วยอาจแสดงพฤติกรรมเว่อร์เกินจริง เช่น ทำร้ายตนเองเพื่อเรียกร้องความสนใจ ควรเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด
- F60.4F2 มีพฤติกรรมแสดงออกเกินจริงจนส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยของตนเองและผู้อื่น (Impaired impulse control affecting safety of self or others)อารมณ์เปลี่ยนไว กระทำโดยไม่คิด อาจทำให้เกิดอุบัติเหตุหรือขัดแย้งกับผู้อื่น
- F60.4F3 มีอารมณ์ไม่มั่นคง เปลี่ยนแปลงเร็ว (Unstable emotional response) อารมณ์รุนแรง ร้องไห้ง่าย โกรธง่าย ส่งผลต่อความสัมพันธ์และการดูแลตนเอง
- F60.4F4 มีการรับรู้ภาพลักษณ์ตนเองไม่ชัดเจน หรือประเมินค่าตนเองจากสายตาผู้อื่น (Disturbed self-image or reliance on others’ approval for self-worth) เชื่อว่าคุณค่าในตัวเองขึ้นกับการได้รับคำชม หรือสายตาคนรอบข้าง
- F60.4F5 มีความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลที่ไม่มั่นคงหรือผิวเผิน (Ineffective interpersonal relationships)มักสร้างสัมพันธ์รวดเร็ว ลึกซึ้งไม่จริง อาจผิดหวังง่ายและเกิดความขัดแย้ง
- F60.4F6 ขาดทักษะการสื่อสารอย่างเหมาะสมในสถานการณ์ตึงเครียด (Impaired coping and communication under stress)พูดจาเว่อร์ วางตัวไม่เหมาะสมเมื่อเครียด เช่น พูดเกินจริงหรือแสดงออกไม่เหมาะกับสถานการณ์
- F60.4F7 มีความต้องการได้รับความสนใจอย่างต่อเนื่อง (Chronic need for attention)มักแต่งตัวโดดเด่น พูดดัง หรือสร้างเรื่องเพื่อให้ตนเองเป็นจุดสนใจ
- F60.4F8 ขาดความรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับภาวะของตนเอง (Knowledge deficit about condition) ไม่เข้าใจว่าพฤติกรรมของตนเป็นอาการของโรค ทำให้ปฏิเสธการรักษา
- F60.4F9 มีความเสี่ยงต่อการกลับมาแสดงพฤติกรรมซ้ำหลังจำหน่าย หากไม่ได้รับการดูแลต่อเนื่อง (Risk of relapse after discharge if follow-up care is inadequate) จำเป็นต้องมีการติดตาม ดูแล และบำบัดจิตใจอย่างต่อเนื่องหลังออกจากโรงพยาบาล
- F60.4F10 ต้องการการเตรียมความพร้อมก่อนจำหน่าย เพื่อปรับตัวกลับเข้าสู่สังคม (Readiness for enhanced self-care and social reintegration) ผู้ป่วยและครอบครัวควรได้รับคำแนะนำและแผนดูแลระยะยาวก่อนกลับบ้าน เช่น การไปพบจิตแพทย์ การเข้ากลุ่มบำบัด ฯลฯ
…………………………………………………………….
F60.4F1: มีความเสี่ยงต่อการทำร้ายตนเองหรือเรียกร้องความสนใจด้วยพฤติกรรมเสี่ยง
(Risk for self-harm or attention-seeking through harmful behavior)
🔎 Assessment (การประเมิน)
S:
- ผู้ป่วยพูดจาเรียกร้องความสนใจ เช่น “ไม่มีใครสนใจฉันเลย…ตายไปคงดี”
- มีประวัติเคยทำร้ายตนเอง เช่น ข่วนแขน กินยาเกินขนาด
O:
- สังเกตเห็นรอยบาดแผลใหม่หรือเก่า
- มีพฤติกรรมเรียกร้องความสนใจ เช่น ร้องไห้เสียงดัง พูดเสียงดัง ทำท่าทางเว่อร์เกินจริง
- อารมณ์แปรปรวนเร็ว ตอบสนองต่อเรื่องเล็กน้อยอย่างรุนแรง
🎯 Goals (เป้าหมาย)
- ผู้ป่วยปลอดภัย ไม่ทำร้ายตนเองหรือแสดงพฤติกรรมเสี่ยง
- ผู้ป่วยแสดงออกถึงความต้องการอย่างเหมาะสม
- ผู้ป่วยเรียนรู้วิธีจัดการความเครียดโดยไม่ทำร้ายตนเอง
- ผู้ป่วยได้รับความสนใจในรูปแบบที่เหมาะสมและสร้างสรรค์
✅ Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)
- ไม่พบพฤติกรรมทำร้ายตนเองระหว่างอยู่ในความดูแล
- ผู้ป่วยสามารถบอกวิธีจัดการความเครียด 1–2 วิธีได้
- ผู้ป่วยสามารถขอความช่วยเหลือได้ตรงจุดเมื่อรู้สึกไม่ปลอดภัย
- ผู้ป่วยเข้าร่วมกิจกรรมกลุ่มหรือพูดคุยอย่างมีเหตุผล
🛠️ Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)
- F60.4F1I-1: ประเมินความเสี่ยงในการทำร้ายตนเองทุกวัน พร้อมบันทึกพฤติกรรมผิดปกติ
- F60.4F1I-2: อยู่ใกล้ผู้ป่วยในช่วงเวลาที่แสดงพฤติกรรมเสี่ยง เพื่อป้องกันอันตราย
- F60.4F1I-3: สื่อสารกับผู้ป่วยอย่างจริงใจ รับฟังโดยไม่ตัดสิน ให้ความสนใจในเชิงบวก
- F60.4F1I-4: ส่งเสริมให้ผู้ป่วยแสดงความรู้สึกด้วยคำพูด เช่น พูดออกมาแทนการทำร้ายตนเอง
- F60.4F1I-5: จัดกิจกรรมกลุ่มหรือศิลปะบำบัด เพื่อระบายอารมณ์อย่างสร้างสรรค์
- F60.4F1I-6: ร่วมกับทีมสหวิชาชีพ เช่น นักจิตวิทยา/จิตแพทย์ เพื่อประเมินและวางแผนการรักษา
- F60.4F1I-7: ให้คำแนะนำแก่ครอบครัวในการเข้าใจพฤติกรรมของผู้ป่วยและการตอบสนองอย่างเหมาะสม
- F60.4F1I-8: ประเมินการใช้ยาอย่างต่อเนื่อง และเฝ้าระวังผลข้างเคียงของยา
- F60.4F1I-9: จำกัดการใช้ของมีคม/วัตถุอันตรายในพื้นที่ผู้ป่วย
- F60.4F1I-10: จัดสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัย เช่น ไฟสว่าง กล้องวงจรปิดในพื้นที่เสี่ยง
💬 Response (การตอบสนอง)
- F60.4F1R-1: ผู้ป่วยไม่แสดงพฤติกรรมทำร้ายตนเองภายในระยะเวลา 3 วัน
- F60.4F1R-2: ผู้ป่วยสามารถพูดถึงความรู้สึกโดยไม่ใช้การกระทำเสี่ยง
- F60.4F1R-3: ผู้ป่วยเข้าร่วมกิจกรรมระบายอารมณ์ได้โดยไม่ต่อต้าน
- F60.4F1R-4: ครอบครัวเข้าใจและสามารถให้การดูแลสนับสนุนผู้ป่วยได้อย่างเหมาะสม
- F60.4F1R-5: ผู้ป่วยมีท่าทีสงบและให้ความร่วมมือในการรักษามากขึ้น
......................................................
F60.4F2: มีพฤติกรรมแสดงออกเกินจริงจนส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยของตนเองและผู้อื่น
(Impaired impulse control affecting safety of self or others)
🔍 Assessment (การประเมิน)
S:
- ผู้ป่วยพูดว่า “ฉันไม่สนใจอะไรแล้ว จะทำอะไรก็ทำเลย”
- บ่นว่าอารมณ์ขึ้นลงรวดเร็ว ควบคุมตัวเองไม่อยู่
O:
- พฤติกรรมหุนหันพลันแล่น เช่น โยนของ ตะโกนเสียงดัง
- มีความขัดแย้งกับผู้ป่วยหรือเจ้าหน้าที่รายอื่น
- แสดงอารมณ์รุนแรงกับเหตุการณ์เล็กน้อย เช่น ร้องไห้/หัวเราะเสียงดังโดยไม่มีเหตุผล
🎯 Goals (เป้าหมาย)
- ผู้ป่วยสามารถควบคุมพฤติกรรมหุนหันพลันแล่นได้
- ไม่มีเหตุการณ์ทำร้ายตนเองหรือผู้อื่น
- ผู้ป่วยแสดงออกอย่างเหมาะสมกับสถานการณ์
- ผู้ป่วยมีวิธีจัดการกับอารมณ์และแรงกระตุ้นอย่างสร้างสรรค์
✅ Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)
- ไม่มีเหตุการณ์ความรุนแรงเกิดขึ้นในช่วง 24–48 ชั่วโมง
- ผู้ป่วยสามารถพูดถึงความรู้สึกโดยไม่แสดงพฤติกรรมรุนแรง
- ผู้ป่วยยอมรับการแนะนำและร่วมมือกับการดูแล
- พฤติกรรมแสดงออกอยู่ในระดับที่เหมาะสมกับสถานการณ์
🛠️ Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)
- F60.4F2I-1: ประเมินระดับความรุนแรงของพฤติกรรมเสี่ยงทุกวันและเมื่อมีเหตุการณ์ผิดปกติ
- F60.4F2I-2: อยู่ใกล้ผู้ป่วยช่วงมีพฤติกรรมหุนหันพลันแล่นเพื่อควบคุมสถานการณ์
- F60.4F2I-3: สื่อสารอย่างสงบและมั่นคงเมื่อผู้ป่วยอารมณ์แปรปรวน เพื่อให้รู้สึกปลอดภัย
- F60.4F2I-4: ให้ผู้ป่วยได้แสดงออกอย่างปลอดภัย เช่น พูดคุย วาดภาพ หรือเขียนระบาย
- F60.4F2I-5: สอนเทคนิคควบคุมอารมณ์ เช่น หายใจช้าๆ ฝึกสมาธิสั้นๆ
- F60.4F2I-6: ให้รางวัลทางบวกเมื่อผู้ป่วยแสดงพฤติกรรมเหมาะสม
- F60.4F2I-7: ปรับสิ่งแวดล้อมให้ปลอดภัย เช่น เก็บของแข็งหรือของมีคมออกจากห้อง
- F60.4F2I-8: แจ้งแพทย์หากพฤติกรรมรุนแรงเพิ่มขึ้นหรือไม่ตอบสนองต่อการดูแล
- F60.4F2I-9: ส่งเสริมกิจกรรมที่ระบายพลังงาน เช่น เดินรอบวอร์ด ฟังเพลงเบาๆ
- F60.4F2I-10: สร้างข้อตกลงร่วมกับผู้ป่วยในการควบคุมพฤติกรรม เช่น “เมื่อโกรธจะขอออกไปเดินแทนการตะโกน”
💬 Response (การตอบสนอง)
- F60.4F2R-1: ผู้ป่วยไม่แสดงพฤติกรรมก้าวร้าวหรือหุนหันพลันแล่นเป็นเวลา 2 วันติดต่อกัน
- F60.4F2R-2: ผู้ป่วยยอมรับวิธีจัดการอารมณ์อย่างน้อย 1 วิธี และเริ่มนำไปใช้
- F60.4F2R-3: ผู้ป่วยมีปฏิสัมพันธ์กับบุคลากรและผู้ป่วยอื่นโดยไม่เกิดความขัดแย้ง
- F60.4F2R-4: ผู้ป่วยสามารถควบคุมแรงกระตุ้นได้แม้ในสถานการณ์ที่กระตุ้นอารมณ์
- F60.4F2R-5: ไม่มีเหตุการณ์บาดเจ็บต่อตนเองหรือผู้อื่นระหว่างอยู่ในความดูแล
…………………………………………………………………
F60.4F3: มีอารมณ์ไม่มั่นคง
เปลี่ยนแปลงเร็ว (Unstable emotional response)
🔍 Assessment (การประเมิน)
S:
- ผู้ป่วยกล่าวว่า “วันนี้รู้สึกแย่มาก ไม่อยากอยู่แล้ว แต่เมื่อกี้ยังหัวเราะอยู่เลย”
- บ่นว่า “ไม่มีใครเข้าใจฉันเลย ทุกคนรังเกียจ”
O:
- ร้องไห้บ่อย เปลี่ยนอารมณ์เร็วจากหัวเราะเป็นโกรธหรือเศร้า
- มีความสัมพันธ์กับผู้อื่นแบบขึ้นๆ ลงๆ ไม่มั่นคง
- แสดงพฤติกรรมหุนหันพลันแล่นจากอารมณ์ เช่น ปัดของ ตะโกน
🎯 Goals (เป้าหมาย)
- ผู้ป่วยสามารถควบคุมอารมณ์ได้ในระดับที่เหมาะสม
- ผู้ป่วยระบุและรับรู้อารมณ์ของตนได้
- มีความสัมพันธ์กับผู้อื่นอย่างเหมาะสม
- มีพฤติกรรมที่แสดงออกอย่างปลอดภัย
✅ Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)
- ผู้ป่วยอารมณ์คงที่มากขึ้นภายใน 24–48 ชั่วโมง
- ลดการร้องไห้หรือโกรธโดยไม่มีเหตุผลลง
- สามารถบอกอารมณ์ของตนเองและจัดการได้อย่างน้อย 1 วิธี
- มีความสัมพันธ์กับผู้อื่นโดยไม่เกิดความขัดแย้งในช่วงสังเกตการณ์
🛠️ Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)
- F60.4F3I-1: ประเมินอารมณ์ผู้ป่วยทุกชั่วโมงในช่วงแรก หรือเมื่อมีอาการรุนแรง
- F60.4F3I-2: พูดคุยเชิงบำบัดแบบตั้งใจฟัง (active listening) เพื่อให้ผู้ป่วยรู้สึกปลอดภัย
- F60.4F3I-3: สอนการรู้ตัวอารมณ์ (emotion labeling) เช่น “ตอนนี้คุณรู้สึกเศร้า โกรธ หรือผิดหวัง?”
- F60.4F3I-4: แนะนำเทคนิคระบายอารมณ์ เช่น เขียนระบาย, วาดภาพ, ฝึกหายใจช้า
- F60.4F3I-5: หลีกเลี่ยงการตำหนิหรือกระตุ้นให้อารมณ์ผู้ป่วยรุนแรงขึ้น
- F60.4F3I-6: กระตุ้นให้เข้าร่วมกิจกรรมกลุ่มเพื่อสร้างสัมพันธภาพเชิงบวก
- F60.4F3I-7: ให้คำแนะนำครอบครัว/ผู้ดูแลในการสื่อสารอย่างเข้าใจ ไม่ตัดสิน
- F60.4F3I-8: แจ้งทีมสหวิชาชีพหากอารมณ์แปรปรวนส่งผลต่อความปลอดภัย
- F60.4F3I-9: ติดตามผลลัพธ์จากการใช้เทคนิคจัดการอารมณ์ร่วมกับผู้ป่วย
- F60.4F3I-10: ส่งต่อจิตแพทย์หรือนักจิตวิทยาหากจำเป็นต้องบำบัดเพิ่มเติม
💬 Response (การตอบสนอง)
- F60.4F3R-1: ผู้ป่วยอารมณ์คงที่มากขึ้น ไม่มีร้องไห้หรือโกรธแบบเฉียบพลัน
- F60.4F3R-2: ผู้ป่วยสามารถบอกความรู้สึกของตนเองได้อย่างน้อย 1 อารมณ์
- F60.4F3R-3: ผู้ป่วยมีพฤติกรรมแสดงออกที่เหมาะสมใน 3 วันหลังแผนการพยาบาล
- F60.4F3R-4: ผู้ป่วยสามารถใช้เทคนิคควบคุมอารมณ์ 1 วิธีได้จริง
- F60.4F3R-5: ความสัมพันธ์กับเจ้าหน้าที่และผู้ป่วยอื่นดีขึ้น ไม่มีการปะทะ
…………………………………………………………….
F60.4F4: มีการรับรู้ภาพลักษณ์ตนเองไม่ชัดเจน
หรือประเมินค่าตนเองจากสายตาผู้อื่น (Disturbed self-image or reliance on
others’ approval for self-worth)
🔍 Assessment (การประเมิน)
S:
- ผู้ป่วยกล่าวว่า “ไม่มีใครมองฉันเลย ฉันคงไม่สำคัญแล้ว”
- “ฉันดูแก่ใช่ไหม? ทำไมไม่มีใครชมฉันเลยวันนี้”
O:
- มักแต่งกายหรือแสดงพฤติกรรมดึงดูดความสนใจเกินความเหมาะสม
- เปลี่ยนพฤติกรรมตามคำชมของคนรอบข้างอย่างชัดเจน
- ขาดความมั่นใจเมื่อตนไม่ใช่จุดสนใจของกลุ่ม
🎯 Goals (เป้าหมาย)
- ผู้ป่วยสามารถรับรู้และยอมรับคุณค่าของตนเองโดยไม่ต้องพึ่งการยอมรับจากผู้อื่น
- ผู้ป่วยสามารถระบุจุดแข็งของตนเองได้อย่างน้อย 1 ด้าน
- มีความภาคภูมิใจในตนเองโดยไม่ต้องรอคำชมจากผู้อื่น
- ลดพฤติกรรมเรียกร้องความสนใจ
✅ Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)
- ผู้ป่วยสามารถพูดถึงจุดดีของตนเองได้อย่างน้อย 1–2 ข้อภายใน 3 วัน
- ผู้ป่วยลดพฤติกรรมเรียกร้องความสนใจลงในระหว่างดูแล
- มีสีหน้าท่าทางมั่นใจขึ้น ไม่ขอคำชมบ่อยเหมือนเดิม
- สามารถเข้าร่วมกิจกรรมกลุ่มโดยไม่ต้องเป็นจุดสนใจหลัก
🛠️ Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)
- F60.4F4I-1: ประเมินระดับการรับรู้คุณค่าตนเองของผู้ป่วยจากการสนทนาและพฤติกรรม
- F60.4F4I-2: ฟังและสะท้อนสิ่งที่ผู้ป่วยพูดเพื่อให้รู้ว่าคุณค่าในตัวเขาไม่ได้มาจากภายนอกเท่านั้น
- F60.4F4I-3: ชี้ให้ผู้ป่วยเห็นความสามารถและจุดแข็งของตนจากพฤติกรรมจริง เช่น ความเอื้อเฟื้อ ความอดทน
- F60.4F4I-4: สอนวิธีสร้าง “คำพูดบวกต่อตนเอง” (Positive self-affirmation)
- F60.4F4I-5: ให้ผู้ป่วยเขียน “สิ่งดีๆ ในตัวฉัน” วันละ 1–2 ข้อ
- F60.4F4I-6: ส่งเสริมกิจกรรมกลุ่มที่ไม่เน้นการแสดง แต่ใช้ความร่วมมือ เช่น งานฝีมือ
- F60.4F4I-7: หลีกเลี่ยงการวิจารณ์ลักษณะภายนอกโดยไม่จำเป็น
- F60.4F4I-8: แนะนำให้พบจิตแพทย์หรือนักจิตวิทยาเพื่อเสริมสร้าง self-esteem
- F60.4F4I-9: กระตุ้นให้ญาติหรือผู้ดูแลให้การยอมรับโดยไม่ขึ้นอยู่กับรูปลักษณ์หรือความสามารถเฉพาะ
- F60.4F4I-10: ประเมินความคืบหน้าในการพัฒนาภาพลักษณ์ตนเองอย่างต่อเนื่อง
💬 Response (การตอบสนอง)
- F60.4F4R-1: ผู้ป่วยสามารถระบุจุดดีของตนเองได้อย่างน้อย 2 ข้อ
- F60.4F4R-2: ลดการแสดงพฤติกรรมเรียกร้องความสนใจลงได้ชัดเจน
- F60.4F4R-3: ผู้ป่วยมีความมั่นใจในตนเองมากขึ้น เช่น กล้าแสดงความคิดเห็นโดยไม่กลัวการไม่ยอมรับ
- F60.4F4R-4: ผู้ป่วยเข้าร่วมกิจกรรมกลุ่มโดยไม่จำเป็นต้องเป็นจุดสนใจ
- F60.4F4R-5: ผู้ป่วยใช้คำพูดให้กำลังใจตนเองได้ในสถานการณ์ที่เคยวิตก
……………………………………………………………………..
F60.4F5 มีความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลที่ไม่มั่นคงหรือผิวเผิน
(Ineffective interpersonal relationships)
🔍 Assessment (การประเมิน)
S:
- “ทำไมเขาไม่รักฉันแล้ว ทั้งที่เมื่อวานเราคุยกันดีมาก”
- “ฉันเพิ่งรู้จักเขา แต่รู้สึกเหมือนรู้จักกันมานาน”
O:
- ผูกพันกับผู้อื่นเร็วเกินปกติ เช่น เรียกคู่สนทนาเป็นเพื่อนสนิทภายในวันเดียว
- แสดงความผิดหวังหรือโกรธง่ายเมื่อไม่ได้รับความสนใจ
- ความสัมพันธ์กับบุคคลอื่นมักจบลงด้วยความขัดแย้งหรือไม่พอใจ
🎯 Goals (เป้าหมาย)
- ผู้ป่วยสามารถสร้างความสัมพันธ์ที่เหมาะสมกับผู้อื่นได้
- ผู้ป่วยมีทักษะในการควบคุมความคาดหวังจากผู้อื่น
- ผู้ป่วยสามารถเข้าใจธรรมชาติของความสัมพันธ์ที่ต้องใช้เวลาและความเข้าใจ
- ลดความขัดแย้งในความสัมพันธ์กับผู้อื่น
✅ Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)
- ผู้ป่วยสามารถระบุลักษณะของความสัมพันธ์ที่เหมาะสมได้
- ผู้ป่วยลดการผูกพันเร็วหรือคาดหวังสูงในความสัมพันธ์ใหม่
- ผู้ป่วยแสดงออกด้วยความเคารพความรู้สึกของผู้อื่น
- ผู้ป่วยมีความสามารถในการสื่อสารความรู้สึกโดยไม่ใช้อารมณ์รุนแรง
🛠️ Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)
- F60.4F5I-1: ประเมินประวัติความสัมพันธ์ของผู้ป่วยและรูปแบบพฤติกรรมในอดีต
- F60.4F5I-2: สะท้อนพฤติกรรมความสัมพันธ์ที่รวดเร็วหรือผิวเผินให้ผู้ป่วยเห็นผลกระทบ
- F60.4F5I-3: สอนทักษะการเข้าสังคม เช่น การฟัง การสื่อสารอย่างชัดเจน
- F60.4F5I-4: ส่งเสริมให้ผู้ป่วยใช้เวลาเรียนรู้และสังเกตบุคคลอื่นก่อนสร้างความสัมพันธ์ลึก
- F60.4F5I-5: กระตุ้นให้แยกแยะระหว่าง “ความรู้สึกผูกพัน” กับ “ความสัมพันธ์แท้จริง”
- F60.4F5I-6: ฝึกผู้ป่วยจัดการอารมณ์เมื่อเผชิญกับความผิดหวังหรือถูกปฏิเสธ
- F60.4F5I-7: ส่งเสริมกิจกรรมกลุ่มที่เน้นความร่วมมือและเคารพผู้อื่น เช่น เล่นเกมกลุ่ม
- F60.4F5I-8: ประเมินพฤติกรรมเรียกร้องความสนใจระหว่างกิจกรรมกลุ่ม
- F60.4F5I-9: กระตุ้นให้ผู้ป่วยจดบันทึกความรู้สึกหลังมีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น
- F60.4F5I-10: ประสานงานจิตแพทย์เพื่อประเมินพฤติกรรมสัมพันธ์หากพบว่ารุนแรงหรือล้มเหลวบ่อยครั้ง
💬 Response (การตอบสนอง)
- F60.4F5R-1: ผู้ป่วยสามารถอธิบายความแตกต่างระหว่างความรู้สึกชั่วคราวกับความสัมพันธ์จริงได้
- F60.4F5R-2: ลดพฤติกรรมผูกพันเร็ว หรือคาดหวังจากบุคคลอื่นเกินเหตุ
- F60.4F5R-3: แสดงพฤติกรรมเคารพผู้อื่น เช่น รอคิว ฟังความคิดเห็นโดยไม่ขัดจังหวะ
- F60.4F5R-4: เข้าร่วมกิจกรรมกลุ่มได้โดยไม่มีความขัดแย้งหรือเรียกร้องความสนใจ
- F60.4F5R-5: มีการใช้วิธีสื่อสารความรู้สึกเชิงบวกแทนอารมณ์รุนแรง
……………………………………………………….
F60.4F6 ขาดทักษะการสื่อสารอย่างเหมาะสมในสถานการณ์ตึงเครียด
(Impaired coping and communication under stress)
🔍 Assessment (การประเมิน)
S:
- "ทำไมทุกคนไม่เข้าใจฉันเลย?"
- "ฉันพูดจริงนะ แต่มันทำไมถึงกลายเป็นเรื่องใหญ่?"
O:
- พูดเกินจริงหรือแสดงออกเกินกว่าเหตุในสถานการณ์เครียด
- การใช้คำพูดหรือท่าทางไม่เหมาะสม เช่น ตะโกน ร้องไห้เสียงดัง
- การตอบสนองที่รวดเร็วเกินไปต่อความเครียดหรือตัวกระตุ้นรอบข้าง
🎯 Goals (เป้าหมาย)
- ผู้ป่วยสามารถใช้ทักษะสื่อสารที่เหมาะสมในสถานการณ์ตึงเครียดได้
- ลดพฤติกรรมพูดเกินจริงหรือแสดงออกที่ไม่เหมาะสม
- ผู้ป่วยเรียนรู้วิธีควบคุมอารมณ์และสื่อสารความรู้สึกอย่างมีเหตุผล
- ส่งเสริมการแก้ปัญหาอย่างสงบและมีประสิทธิภาพ
✅ Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)
- ผู้ป่วยสามารถใช้คำพูดและท่าทางเหมาะสมในสถานการณ์ตึงเครียด
- ลดพฤติกรรมพูดเกินจริงหรืออารมณ์รุนแรงในสถานการณ์เครียด
- ผู้ป่วยแสดงการควบคุมตนเองได้ดีขึ้นเมื่อเผชิญความเครียด
- ผู้ป่วยสามารถอธิบายความรู้สึกและปัญหาด้วยคำพูดที่ชัดเจน
🛠 Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)
- F60.4F6I-1: ประเมินพฤติกรรมการสื่อสารและอารมณ์เมื่อเกิดความเครียด
- F60.4F6I-2: ให้คำแนะนำและสอนเทคนิคการหายใจลึกเพื่อคลายเครียด
- F60.4F6I-3: ฝึกให้ผู้ป่วยใช้คำพูดที่สุภาพและเหมาะสมในสถานการณ์ต่างๆ
- F60.4F6I-4: ส่งเสริมการพูดถึงความรู้สึกอย่างเปิดเผยและชัดเจนโดยไม่ใช้คำพูดเกินจริง
- F60.4F6I-5: สร้างสถานการณ์จำลองให้ฝึกควบคุมอารมณ์และสื่อสารอย่างเหมาะสม
- F60.4F6I-6: สนับสนุนให้ผู้ป่วยใช้เวลาพักเมื่อรู้สึกเครียดและควบคุมตนเองไม่ได้
- F60.4F6I-7: ให้คำปรึกษาเรื่องการจัดการความเครียด เช่น การออกกำลังกายหรือกิจกรรมผ่อนคลาย
- F60.4F6I-8: ประสานงานกับทีมจิตเวชเพื่อให้คำแนะนำและบำบัดพฤติกรรมเพิ่มเติม
💬 Response (การตอบสนอง)
- F60.4F6R-1: ผู้ป่วยสามารถควบคุมการแสดงออกทางอารมณ์ในสถานการณ์เครียดได้ดีขึ้น
- F60.4F6R-2: ลดพฤติกรรมพูดเกินจริงหรือแสดงออกไม่เหมาะสม
- F60.4F6R-3: ผู้ป่วยใช้คำพูดชัดเจนและเหมาะสมเพื่อสื่อสารความรู้สึก
- F60.4F6R-4: ผู้ป่วยสามารถใช้เทคนิคคลายเครียดได้เมื่อเผชิญกับสถานการณ์ตึงเครียด
- F60.4F6R-5: มีความร่วมมือในการบำบัดและพัฒนาทักษะการสื่อสาร
………………………………………………………………………
F60.4F7 มีความต้องการได้รับความสนใจอย่างต่อเนื่อง
(Chronic need for attention)
🔍 Assessment (การประเมิน)
S:
- "ฉันอยากให้ทุกคนมองมาที่ฉัน"
- "ถ้าไม่โดดเด่น ฉันรู้สึกเหมือนไม่มีค่า"
O:
- แต่งตัวโดดเด่น สีสันจัดจ้าน หรือมีพฤติกรรมพูดเสียงดังเกินเหตุ
- สร้างสถานการณ์หรือเรื่องราวเพื่อเรียกร้องความสนใจ
- แสดงพฤติกรรมที่ต้องการความยอมรับหรือชมเชยอย่างต่อเนื่อง
🎯 Goals (เป้าหมาย)
- ผู้ป่วยเข้าใจและลดพฤติกรรมเรียกร้องความสนใจที่ไม่เหมาะสม
- ผู้ป่วยสามารถแสดงออกทางอารมณ์อย่างเหมาะสมโดยไม่ต้องพึ่งพาการได้รับความสนใจจากผู้อื่น
- ส่งเสริมความมั่นคงในตนเองโดยไม่ต้องอาศัยคำชมจากคนรอบข้าง
- ผู้ป่วยสามารถสร้างความสัมพันธ์ที่เป็นสุขโดยไม่ต้องแสดงออกเกินจริง
✅ Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)
- ผู้ป่วยลดพฤติกรรมพูดเสียงดังหรือแต่งตัวโดดเด่นเกินเหตุ
- ผู้ป่วยแสดงอารมณ์และความต้องการอย่างเหมาะสมในสถานการณ์ต่าง ๆ
- ผู้ป่วยรู้จักควบคุมและแสดงออกโดยไม่ต้องเรียกร้องความสนใจอย่างต่อเนื่อง
- ผู้ป่วยมีความพึงพอใจในตนเองมากขึ้นโดยไม่ขึ้นกับการได้รับคำชม
🛠 Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)
- F60.4F7I-1: สังเกตและบันทึกพฤติกรรมเรียกร้องความสนใจในสถานการณ์ต่าง ๆ
- F60.4F7I-2: ให้คำแนะนำและชี้แจงผลกระทบของพฤติกรรมที่เรียกร้องความสนใจมากเกินไป
- F60.4F7I-3: ฝึกให้ผู้ป่วยแสดงความรู้สึกอย่างเปิดเผยและตรงไปตรงมาโดยไม่ต้องสร้างเรื่อง
- F60.4F7I-4: สนับสนุนให้ผู้ป่วยแสดงออกผ่านกิจกรรมสร้างสรรค์ เช่น งานศิลปะหรือกีฬา
- F60.4F7I-5: ส่งเสริมการเสริมสร้างความมั่นใจในตนเองโดยไม่ต้องพึ่งพาคำชมจากผู้อื่น
- F60.4F7I-6: ให้คำปรึกษาและสอนเทคนิคการจัดการความต้องการได้รับความสนใจอย่างเหมาะสม
- F60.4F7I-7: สร้างข้อตกลงชัดเจนกับผู้ป่วยเกี่ยวกับพฤติกรรมที่ยอมรับได้ในสถานที่ต่าง ๆ
- F60.4F7I-8: ประสานงานทีมจิตเวชสำหรับการบำบัดเพิ่มเติมตามความเหมาะสม
💬 Response (การตอบสนอง)
- F60.4F7R-1: ผู้ป่วยลดพฤติกรรมแต่งตัวหรือพูดเสียงดังเพื่อเรียกร้องความสนใจ
- F60.4F7R-2: ผู้ป่วยสามารถแสดงความรู้สึกอย่างตรงไปตรงมาโดยไม่สร้างเรื่อง
- F60.4F7R-3: ผู้ป่วยรู้จักควบคุมความต้องการได้รับความสนใจได้ดีขึ้น
- F60.4F7R-4: ผู้ป่วยแสดงความมั่นใจในตนเองโดยไม่พึ่งพาคำชมจากผู้อื่น
- F60.4F7R-5: มีความร่วมมือในการบำบัดและพัฒนาพฤติกรรมสังคมที่เหมาะสม
…………………………………………………………….
F60.4F8 ขาดความรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับภาวะของตนเอง
(Knowledge deficit about condition)
🔍 Assessment (การประเมิน)
S:
- “ฉันไม่เข้าใจว่าพฤติกรรมของฉันเป็นโรค”
- “ไม่เห็นจำเป็นต้องรักษา หรือคิดว่าเป็นปกติ”
O:
- ปฏิเสธการรับการรักษาหรือบำบัด
- แสดงความไม่รู้หรือความสับสนเกี่ยวกับอาการและผลกระทบของโรค
- พฤติกรรมยังคงแสดงออกในลักษณะที่ไม่เหมาะสมและซ้ำซาก
🎯 Goals (เป้าหมาย)
- ผู้ป่วยได้รับความรู้ที่ถูกต้องเกี่ยวกับภาวะฮิสทีเรียและผลกระทบต่อชีวิต
- ผู้ป่วยยอมรับความจำเป็นในการรักษาและบำบัดอย่างเหมาะสม
- ลดพฤติกรรมที่เป็นอันตรายหรือส่งผลเสียจากความไม่เข้าใจ
- ผู้ป่วยสามารถอธิบายและรับรู้สัญญาณอาการของตนเองได้
✅ Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)
- ผู้ป่วยแสดงความเข้าใจเกี่ยวกับภาวะฮิสทีเรียและผลกระทบได้ชัดเจน
- ผู้ป่วยยอมรับและเข้าร่วมในแผนการรักษาอย่างเต็มใจ
- พฤติกรรมที่แสดงออกลดลงหรือเหมาะสมขึ้นตามคำแนะนำ
- ผู้ป่วยสามารถบอกได้เมื่อรู้สึกว่าพฤติกรรมเริ่มผิดปกติ
🛠 Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)
- F60.4F8I-1: ประเมินความรู้และความเข้าใจของผู้ป่วยเกี่ยวกับภาวะฮิสทีเรีย
- F60.4F8I-2: อธิบายลักษณะอาการ สาเหตุ และผลกระทบของภาวะนี้โดยใช้ภาษาง่าย ๆ
- F60.4F8I-3: ให้ข้อมูลเกี่ยวกับแนวทางการรักษาและการบำบัดที่เหมาะสม
- F60.4F8I-4: ตอบคำถามและคลายความกังวลเกี่ยวกับโรคและการรักษา
- F60.4F8I-5: ใช้สื่อการเรียนรู้ เช่น แบบบัตรภาพ หรือวีดีโอเพื่อช่วยในการอธิบาย
- F60.4F8I-6: สนับสนุนให้ผู้ป่วยร่วมวางแผนการรักษาและตั้งเป้าหมายร่วมกัน
- F60.4F8I-7: ติดตามและทบทวนความเข้าใจในแต่ละช่วงของการรักษา
- F60.4F8I-8: ประสานงานทีมจิตเวชเพื่อเสริมการให้ความรู้และสนับสนุนเพิ่มเติม
💬 Response (การตอบสนอง)
- F60.4F8R-1: ผู้ป่วยแสดงความเข้าใจในภาวะฮิสทีเรียมากขึ้น
- F60.4F8R-2: ผู้ป่วยยอมรับความจำเป็นในการรักษาและเข้าร่วมอย่างต่อเนื่อง
- F60.4F8R-3: พฤติกรรมเสี่ยงหรือไม่เหมาะสมลดลง
- F60.4F8R-4: ผู้ป่วยสามารถบอกและรับรู้สัญญาณผิดปกติของตนเองได้
- F60.4F8R-5: มีความร่วมมือและเปิดใจในการบำบัดและดูแลตนเอง
…………………………………………………………….
F60.4F9 มีความเสี่ยงต่อการกลับมาแสดงพฤติกรรมซ้ำหลังจำหน่าย
หากไม่ได้รับการดูแลต่อเนื่อง (Risk of relapse after discharge if
follow-up care is inadequate)
🔍 Assessment (การประเมิน)
S:
- ผู้ป่วยกังวลเกี่ยวกับการรักษาหลังออกจากโรงพยาบาล
- ผู้ป่วยแจ้งว่ามีปัญหาเรื่องความต่อเนื่องของการดูแล
O:
- ประวัติพฤติกรรมซ้ำหลังจำหน่ายในอดีต
- ขาดแผนการดูแลหลังออกจากโรงพยาบาลที่ชัดเจน
- ครอบครัวหรือผู้ดูแลมีส่วนร่วมจำกัดในแผนการดูแล
🎯 Goals (เป้าหมาย)
- ผู้ป่วยได้รับการดูแลและบำบัดอย่างต่อเนื่องหลังจำหน่าย
- ลดโอกาสเกิดพฤติกรรมซ้ำและการกลับเป็นซ้ำ
- ผู้ป่วยและครอบครัวมีความเข้าใจและมีส่วนร่วมในแผนการดูแล
- ผู้ป่วยมีระบบสนับสนุนที่เหมาะสมหลังออกจากโรงพยาบาล
✅ Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)
- ผู้ป่วยเข้าร่วมรับการติดตามและบำบัดตามนัดหมาย
- ไม่มีพฤติกรรมซ้ำหรือแสดงอาการที่เพิ่มขึ้นหลังจำหน่าย
- ครอบครัวหรือผู้ดูแลมีความรู้และสนับสนุนผู้ป่วยได้ดี
- ผู้ป่วยสามารถรายงานตนเองได้เมื่อมีความเครียดหรืออาการแย่ลง
🛠 Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)
- F60.4F9I-1: จัดทำแผนการดูแลต่อเนื่องร่วมกับทีมสุขภาพและผู้ป่วย
- F60.4F9I-2: ให้ความรู้แก่ผู้ป่วยและครอบครัวเกี่ยวกับความสำคัญของการติดตามผล
- F60.4F9I-3: ประสานงานนัดหมายการบำบัดและการติดตามหลังจำหน่าย
- F60.4F9I-4: ส่งเสริมให้ผู้ป่วยมีเครือข่ายสนับสนุน เช่น ครอบครัว เพื่อน หรือกลุ่มช่วยเหลือ
- F60.4F9I-5: สอนวิธีจัดการความเครียดและพฤติกรรมเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นหลังจำหน่าย
- F60.4F9I-6: ติดตามสภาพจิตใจและพฤติกรรมผู้ป่วยผ่านโทรศัพท์หรือเยี่ยมบ้านตามความเหมาะสม
- F60.4F9I-7: ให้คำปรึกษาและสนับสนุนทางจิตใจอย่างสม่ำเสมอ
- F60.4F9I-8: ประเมินความพร้อมของผู้ป่วยก่อนจำหน่ายและปรับแผนตามความจำเป็น
💬 Response (การตอบสนอง)
- F60.4F9R-1: ผู้ป่วยและครอบครัวมีความเข้าใจและยอมรับแผนการดูแลต่อเนื่อง
- F60.4F9R-2: ผู้ป่วยเข้ารับการติดตามและบำบัดอย่างสม่ำเสมอ
- F60.4F9R-3: ลดพฤติกรรมซ้ำและอาการกำเริบหลังจำหน่าย
- F60.4F9R-4: ผู้ป่วยสามารถจัดการความเครียดและปัญหาได้ดีขึ้น
- F60.4F9R-5: มีระบบสนับสนุนที่เหมาะสมช่วยส่งเสริมการฟื้นฟู
………………………………………………………………………
F60.4F10 ต้องการการเตรียมความพร้อมก่อนจำหน่าย
เพื่อปรับตัวกลับเข้าสู่สังคม (Readiness for enhanced self-care and
social reintegration)
🔍 Assessment (การประเมิน)
S:
- ผู้ป่วยแสดงความวิตกกังวลเกี่ยวกับการกลับบ้านและการปรับตัว
- ผู้ป่วยและครอบครัวสอบถามเกี่ยวกับการดูแลหลังจำหน่าย
O:
- ผู้ป่วยมีพฤติกรรมแสดงความพร้อมหรือไม่พร้อมทางร่างกายและจิตใจ
- มีข้อมูลเกี่ยวกับการเข้ารับบริการบำบัดเพิ่มเติมหรือกลุ่มสนับสนุน
- ครอบครัวมีความรู้และทักษะในการสนับสนุนผู้ป่วย
🎯 Goals (เป้าหมาย)
- ผู้ป่วยและครอบครัวมีความรู้และความพร้อมก่อนกลับบ้าน
- ผู้ป่วยสามารถดูแลตนเองและปรับตัวเข้าสังคมได้ดีขึ้น
- มีแผนการดูแลระยะยาวที่เหมาะสมและเข้าถึงบริการช่วยเหลือ
- ลดโอกาสเกิดพฤติกรรมเสี่ยงหรือกำเริบหลังจำหน่าย
✅ Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)
- ผู้ป่วยและครอบครัวเข้าใจและยอมรับแผนการดูแลหลังจำหน่าย
- ผู้ป่วยสามารถปฏิบัติตามคำแนะนำได้อย่างเหมาะสม
- ผู้ป่วยเข้าร่วมกลุ่มบำบัดหรือรับบริการติดตามผลอย่างต่อเนื่อง
- ผู้ป่วยแสดงความสามารถในการจัดการอารมณ์และความเครียดได้ดีขึ้น
🛠 Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)
- F60.4F10I-1: ให้ข้อมูลและคำแนะนำแก่ผู้ป่วยและครอบครัวเกี่ยวกับโรคและแผนดูแลหลังจำหน่าย
- F60.4F10I-2: ช่วยวางแผนการนัดหมายติดตามผลกับจิตแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญ
- F60.4F10I-3: สนับสนุนให้ผู้ป่วยเข้าร่วมกลุ่มบำบัดหรือกิจกรรมทางสังคมที่เหมาะสม
- F60.4F10I-4: ฝึกทักษะการจัดการความเครียดและอารมณ์ก่อนจำหน่าย
- F60.4F10I-5: ประเมินความพร้อมทางร่างกายและจิตใจก่อนกลับบ้าน
- F60.4F10I-6: ให้คำปรึกษาเรื่องการสื่อสารและการสร้างความสัมพันธ์ในสังคม
- F60.4F10I-7: ประสานงานกับทีมสหวิชาชีพและครอบครัวเพื่อการดูแลต่อเนื่อง
- F60.4F10I-8: สนับสนุนการสร้างเครือข่ายช่วยเหลือในชุมชน
💬 Response (การตอบสนอง)
- F60.4F10R-1: ผู้ป่วยและครอบครัวเข้าใจและยอมรับแผนการดูแลระยะยาว
- F60.4F10R-2: ผู้ป่วยสามารถปฏิบัติตามคำแนะนำและนัดหมายได้
- F60.4F10R-3: มีการติดตามผลและบำบัดอย่างต่อเนื่องหลังจำหน่าย
- F60.4F10R-4: ผู้ป่วยแสดงพฤติกรรมปรับตัวและดูแลตนเองได้ดีขึ้น
- F60.4F10R-5: ความสัมพันธ์ระหว่างผู้ป่วยกับครอบครัวและสังคมดีขึ้น
…………………………………………………………………………….
เอกสารอ้างอิง
- กรมสุขภาพจิต. (2563). แนวทางการดูแลรักษาผู้ป่วยโรคบุคลิกภาพผิดปกติ. กรุงเทพฯ: กรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข.(เอกสารนี้เป็นคู่มือการดูแลรักษาผู้ป่วยบุคลิกภาพผิดปกติ รวมแนวทางปฏิบัติพยาบาล)
- สมาคมจิตเวชแห่งประเทศไทย. (2564). คู่มือการประเมินและจัดการผู้ป่วยโรคบุคลิกภาพผิดปกติ. กรุงเทพฯ: สมาคมจิตเวชแห่งประเทศไทย.
- American Psychiatric Association. (2013). Diagnostic and Statistical Manual of Mental Disorders (5th ed.). Arlington, VA: American Psychiatric Publishing.
- (DSM-5 เป็นแหล่งข้อมูลมาตรฐานสำหรับการวินิจฉัยโรคบุคลิกภาพ รวมถึง Histrionic Personality Disorder)
- Millon, T., Grossman, S., Millon, C., Meagher, S., & Ramnath, R. (2004). Personality Disorders in Modern Life (2nd ed.). Wiley.
………………………………………………………..