เกี่ยวกับฉัน

รูปภาพของฉัน
เมือง, พิษณุโลก, Thailand

วันพฤหัสบดีที่ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2568

EP.74 จิตเวชหัวข้อ 34 : ภาวะบุคลิกภาพผิดปกติแบบฮิสทีเรีย (Histrionic Personality) F60.4

 

Psych. Topic 34: Histrionic Personality Disorder : F60.4

ภาวะบุคลิกภาพผิดปกติแบบฮิสทีเรีย หมายถึง ลักษณะของบุคลิกภาพที่แสดงออกถึงอารมณ์ที่ไม่มั่นคง รุนแรง และเกินจริง มักมีพฤติกรรมเรียกร้องความสนใจ เช่น ชอบอยู่ในศูนย์กลางของความสนใจ แสดงอารมณ์หรือความรู้สึกเกินความจริง แต่งกายหรือพูดจายั่วยวน ขาดความลึกซึ้งในความสัมพันธ์ และเปลี่ยนอารมณ์อย่างรวดเร็ว

ใครๆ ก็อยากเป็นที่รัก... แต่ถ้าความต้องการความสนใจ “มากเกินไป” จนกระทบชีวิต อาจเป็นสัญญาณของภาวะนี้!

พยาธิสภาพ / ช่วงอายุที่พบบ่อย

ภาวะนี้เป็นความผิดปกติของบุคลิกภาพที่เกิดจากรูปแบบพฤติกรรมที่ฝังลึก มักเริ่มแสดงออกตั้งแต่วัยรุ่นตอนปลายถึงวัยผู้ใหญ่ตอนต้น และ คงอยู่ต่อเนื่องจนโตเต็มวัย

อาการที่พบบ่อย

  • 💡 อยากเป็นจุดสนใจตลอดเวลา
  • 💋 ชอบแต่งตัวหรือแสดงออกเพื่อเรียกร้องความสนใจ
  • 😢 แสดงอารมณ์เว่อร์เกินจริง ร้องไห้ง่าย เปลี่ยนอารมณ์เร็ว
  • 🤝 ความสัมพันธ์ผิวเผิน เปลี่ยนคนสนิทง่าย
  • 📢 พูดจาเกินจริง ไม่มีสาระลึกซึ้ง

ปัจจัยที่ทำให้เกิด

  • 🧠 พันธุกรรมหรือสารเคมีในสมองไม่สมดุล
  • 👶 การเลี้ยงดูที่ขาดความอบอุ่นหรือรางวัลจากพฤติกรรมเรียกร้อง
  • 💔 ประสบการณ์ในวัยเด็ก เช่น ถูกละเลย หรือเอาใจเกินไป

การรักษา

  • 🧘‍♀️ การทำจิตบำบัด (Psychotherapy) เป็นแนวทางหลัก
  • 💊 อาจใช้ยาควบคุมอารมณ์หรือภาวะวิตกกังวลร่วมด้วย
  • 📅 ต้องใช้เวลารักษาอย่างต่อเนื่องและเข้าใจ

การพยาบาล

  • รับฟังโดยไม่ตัดสิน คงกติกาอย่างชัดเจน
  • สร้างความมั่นคงทางอารมณ์ให้ผู้ป่วย
  • ช่วยฝึกให้ผู้ป่วยมองตนเองและผู้อื่นอย่างสมจริง

การดูแลสำหรับบุคคลทั่วไป

  • 💬 หากคนใกล้ตัวมีพฤติกรรมแบบนี้ อย่าด่าว่า แต่ให้ ฟังและชวนคุยอย่างใจเย็น
  • 🧠 แนะนำพบจิตแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญ
  • 📚 หาความรู้เรื่องสุขภาพจิต และให้กำลังใจ ไม่ตอกย้ำ
  • ❤️ ทุกคนต้องการความรัก แต่อย่าให้ความรักกลายเป็นความทุกข์

…………………………………………………………………

🧠 10 วินิจฉัยการพยาบาล: Histrionic Personality Disorder (F60.4)

  1. F60.4F1 มีความเสี่ยงต่อการทำร้ายตนเองหรือเรียกร้องความสนใจด้วยพฤติกรรมเสี่ยง (Risk for self-harm or attention-seeking through harmful behavior) ผู้ป่วยอาจแสดงพฤติกรรมเว่อร์เกินจริง เช่น ทำร้ายตนเองเพื่อเรียกร้องความสนใจ ควรเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด
  2. F60.4F2 มีพฤติกรรมแสดงออกเกินจริงจนส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยของตนเองและผู้อื่น (Impaired impulse control affecting safety of self or others)อารมณ์เปลี่ยนไว กระทำโดยไม่คิด อาจทำให้เกิดอุบัติเหตุหรือขัดแย้งกับผู้อื่น
  3. F60.4F3 มีอารมณ์ไม่มั่นคง เปลี่ยนแปลงเร็ว (Unstable emotional response) อารมณ์รุนแรง ร้องไห้ง่าย โกรธง่าย ส่งผลต่อความสัมพันธ์และการดูแลตนเอง
  4. F60.4F4 มีการรับรู้ภาพลักษณ์ตนเองไม่ชัดเจน หรือประเมินค่าตนเองจากสายตาผู้อื่น (Disturbed self-image or reliance on others’ approval for self-worth) เชื่อว่าคุณค่าในตัวเองขึ้นกับการได้รับคำชม หรือสายตาคนรอบข้าง
  5. F60.4F5 มีความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลที่ไม่มั่นคงหรือผิวเผิน (Ineffective interpersonal relationships)มักสร้างสัมพันธ์รวดเร็ว ลึกซึ้งไม่จริง อาจผิดหวังง่ายและเกิดความขัดแย้ง
  6. F60.4F6 ขาดทักษะการสื่อสารอย่างเหมาะสมในสถานการณ์ตึงเครียด (Impaired coping and communication under stress)พูดจาเว่อร์ วางตัวไม่เหมาะสมเมื่อเครียด เช่น พูดเกินจริงหรือแสดงออกไม่เหมาะกับสถานการณ์
  7. F60.4F7 มีความต้องการได้รับความสนใจอย่างต่อเนื่อง (Chronic need for attention)มักแต่งตัวโดดเด่น พูดดัง หรือสร้างเรื่องเพื่อให้ตนเองเป็นจุดสนใจ
  8. F60.4F8 ขาดความรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับภาวะของตนเอง (Knowledge deficit about condition) ไม่เข้าใจว่าพฤติกรรมของตนเป็นอาการของโรค ทำให้ปฏิเสธการรักษา
  9. F60.4F9 มีความเสี่ยงต่อการกลับมาแสดงพฤติกรรมซ้ำหลังจำหน่าย หากไม่ได้รับการดูแลต่อเนื่อง (Risk of relapse after discharge if follow-up care is inadequate) จำเป็นต้องมีการติดตาม ดูแล และบำบัดจิตใจอย่างต่อเนื่องหลังออกจากโรงพยาบาล
  10. F60.4F10 ต้องการการเตรียมความพร้อมก่อนจำหน่าย เพื่อปรับตัวกลับเข้าสู่สังคม (Readiness for enhanced self-care and social reintegration) ผู้ป่วยและครอบครัวควรได้รับคำแนะนำและแผนดูแลระยะยาวก่อนกลับบ้าน เช่น การไปพบจิตแพทย์ การเข้ากลุ่มบำบัด ฯลฯ

…………………………………………………………….

F60.4F1: มีความเสี่ยงต่อการทำร้ายตนเองหรือเรียกร้องความสนใจด้วยพฤติกรรมเสี่ยง (Risk for self-harm or attention-seeking through harmful behavior)

🔎 Assessment (การประเมิน)

S:

  • ผู้ป่วยพูดจาเรียกร้องความสนใจ เช่น “ไม่มีใครสนใจฉันเลย…ตายไปคงดี”
  • มีประวัติเคยทำร้ายตนเอง เช่น ข่วนแขน กินยาเกินขนาด

O:

  • สังเกตเห็นรอยบาดแผลใหม่หรือเก่า
  • มีพฤติกรรมเรียกร้องความสนใจ เช่น ร้องไห้เสียงดัง พูดเสียงดัง ทำท่าทางเว่อร์เกินจริง
  • อารมณ์แปรปรวนเร็ว ตอบสนองต่อเรื่องเล็กน้อยอย่างรุนแรง

🎯 Goals (เป้าหมาย)

  • ผู้ป่วยปลอดภัย ไม่ทำร้ายตนเองหรือแสดงพฤติกรรมเสี่ยง
  • ผู้ป่วยแสดงออกถึงความต้องการอย่างเหมาะสม
  • ผู้ป่วยเรียนรู้วิธีจัดการความเครียดโดยไม่ทำร้ายตนเอง
  • ผู้ป่วยได้รับความสนใจในรูปแบบที่เหมาะสมและสร้างสรรค์

✅ Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)

  • ไม่พบพฤติกรรมทำร้ายตนเองระหว่างอยู่ในความดูแล
  • ผู้ป่วยสามารถบอกวิธีจัดการความเครียด 1–2 วิธีได้
  • ผู้ป่วยสามารถขอความช่วยเหลือได้ตรงจุดเมื่อรู้สึกไม่ปลอดภัย
  • ผู้ป่วยเข้าร่วมกิจกรรมกลุ่มหรือพูดคุยอย่างมีเหตุผล

🛠️ Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)

  • F60.4F1I-1: ประเมินความเสี่ยงในการทำร้ายตนเองทุกวัน พร้อมบันทึกพฤติกรรมผิดปกติ
  • F60.4F1I-2: อยู่ใกล้ผู้ป่วยในช่วงเวลาที่แสดงพฤติกรรมเสี่ยง เพื่อป้องกันอันตราย
  • F60.4F1I-3: สื่อสารกับผู้ป่วยอย่างจริงใจ รับฟังโดยไม่ตัดสิน ให้ความสนใจในเชิงบวก
  • F60.4F1I-4: ส่งเสริมให้ผู้ป่วยแสดงความรู้สึกด้วยคำพูด เช่น พูดออกมาแทนการทำร้ายตนเอง
  • F60.4F1I-5: จัดกิจกรรมกลุ่มหรือศิลปะบำบัด เพื่อระบายอารมณ์อย่างสร้างสรรค์
  • F60.4F1I-6: ร่วมกับทีมสหวิชาชีพ เช่น นักจิตวิทยา/จิตแพทย์ เพื่อประเมินและวางแผนการรักษา
  • F60.4F1I-7: ให้คำแนะนำแก่ครอบครัวในการเข้าใจพฤติกรรมของผู้ป่วยและการตอบสนองอย่างเหมาะสม
  • F60.4F1I-8: ประเมินการใช้ยาอย่างต่อเนื่อง และเฝ้าระวังผลข้างเคียงของยา
  • F60.4F1I-9: จำกัดการใช้ของมีคม/วัตถุอันตรายในพื้นที่ผู้ป่วย
  • F60.4F1I-10: จัดสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัย เช่น ไฟสว่าง กล้องวงจรปิดในพื้นที่เสี่ยง

💬 Response (การตอบสนอง)

  • F60.4F1R-1: ผู้ป่วยไม่แสดงพฤติกรรมทำร้ายตนเองภายในระยะเวลา 3 วัน
  • F60.4F1R-2: ผู้ป่วยสามารถพูดถึงความรู้สึกโดยไม่ใช้การกระทำเสี่ยง
  • F60.4F1R-3: ผู้ป่วยเข้าร่วมกิจกรรมระบายอารมณ์ได้โดยไม่ต่อต้าน
  • F60.4F1R-4: ครอบครัวเข้าใจและสามารถให้การดูแลสนับสนุนผู้ป่วยได้อย่างเหมาะสม
  • F60.4F1R-5: ผู้ป่วยมีท่าทีสงบและให้ความร่วมมือในการรักษามากขึ้น

......................................................

F60.4F2: มีพฤติกรรมแสดงออกเกินจริงจนส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยของตนเองและผู้อื่น (Impaired impulse control affecting safety of self or others)

🔍 Assessment (การประเมิน)

S:

  • ผู้ป่วยพูดว่า “ฉันไม่สนใจอะไรแล้ว จะทำอะไรก็ทำเลย”
  • บ่นว่าอารมณ์ขึ้นลงรวดเร็ว ควบคุมตัวเองไม่อยู่

O:

  • พฤติกรรมหุนหันพลันแล่น เช่น โยนของ ตะโกนเสียงดัง
  • มีความขัดแย้งกับผู้ป่วยหรือเจ้าหน้าที่รายอื่น
  • แสดงอารมณ์รุนแรงกับเหตุการณ์เล็กน้อย เช่น ร้องไห้/หัวเราะเสียงดังโดยไม่มีเหตุผล

🎯 Goals (เป้าหมาย)

  • ผู้ป่วยสามารถควบคุมพฤติกรรมหุนหันพลันแล่นได้
  • ไม่มีเหตุการณ์ทำร้ายตนเองหรือผู้อื่น
  • ผู้ป่วยแสดงออกอย่างเหมาะสมกับสถานการณ์
  • ผู้ป่วยมีวิธีจัดการกับอารมณ์และแรงกระตุ้นอย่างสร้างสรรค์

✅ Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)

  • ไม่มีเหตุการณ์ความรุนแรงเกิดขึ้นในช่วง 24–48 ชั่วโมง
  • ผู้ป่วยสามารถพูดถึงความรู้สึกโดยไม่แสดงพฤติกรรมรุนแรง
  • ผู้ป่วยยอมรับการแนะนำและร่วมมือกับการดูแล
  • พฤติกรรมแสดงออกอยู่ในระดับที่เหมาะสมกับสถานการณ์

🛠️ Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)

  • F60.4F2I-1: ประเมินระดับความรุนแรงของพฤติกรรมเสี่ยงทุกวันและเมื่อมีเหตุการณ์ผิดปกติ
  • F60.4F2I-2: อยู่ใกล้ผู้ป่วยช่วงมีพฤติกรรมหุนหันพลันแล่นเพื่อควบคุมสถานการณ์
  • F60.4F2I-3: สื่อสารอย่างสงบและมั่นคงเมื่อผู้ป่วยอารมณ์แปรปรวน เพื่อให้รู้สึกปลอดภัย
  • F60.4F2I-4: ให้ผู้ป่วยได้แสดงออกอย่างปลอดภัย เช่น พูดคุย วาดภาพ หรือเขียนระบาย
  • F60.4F2I-5: สอนเทคนิคควบคุมอารมณ์ เช่น หายใจช้าๆ ฝึกสมาธิสั้นๆ
  • F60.4F2I-6: ให้รางวัลทางบวกเมื่อผู้ป่วยแสดงพฤติกรรมเหมาะสม
  • F60.4F2I-7: ปรับสิ่งแวดล้อมให้ปลอดภัย เช่น เก็บของแข็งหรือของมีคมออกจากห้อง
  • F60.4F2I-8: แจ้งแพทย์หากพฤติกรรมรุนแรงเพิ่มขึ้นหรือไม่ตอบสนองต่อการดูแล
  • F60.4F2I-9: ส่งเสริมกิจกรรมที่ระบายพลังงาน เช่น เดินรอบวอร์ด ฟังเพลงเบาๆ
  • F60.4F2I-10: สร้างข้อตกลงร่วมกับผู้ป่วยในการควบคุมพฤติกรรม เช่น “เมื่อโกรธจะขอออกไปเดินแทนการตะโกน”

💬 Response (การตอบสนอง)

  • F60.4F2R-1: ผู้ป่วยไม่แสดงพฤติกรรมก้าวร้าวหรือหุนหันพลันแล่นเป็นเวลา 2 วันติดต่อกัน
  • F60.4F2R-2: ผู้ป่วยยอมรับวิธีจัดการอารมณ์อย่างน้อย 1 วิธี และเริ่มนำไปใช้
  • F60.4F2R-3: ผู้ป่วยมีปฏิสัมพันธ์กับบุคลากรและผู้ป่วยอื่นโดยไม่เกิดความขัดแย้ง
  • F60.4F2R-4: ผู้ป่วยสามารถควบคุมแรงกระตุ้นได้แม้ในสถานการณ์ที่กระตุ้นอารมณ์
  • F60.4F2R-5: ไม่มีเหตุการณ์บาดเจ็บต่อตนเองหรือผู้อื่นระหว่างอยู่ในความดูแล

…………………………………………………………………

F60.4F3: มีอารมณ์ไม่มั่นคง เปลี่ยนแปลงเร็ว (Unstable emotional response)

🔍 Assessment (การประเมิน)

S:

  • ผู้ป่วยกล่าวว่า “วันนี้รู้สึกแย่มาก ไม่อยากอยู่แล้ว แต่เมื่อกี้ยังหัวเราะอยู่เลย”
  • บ่นว่า “ไม่มีใครเข้าใจฉันเลย ทุกคนรังเกียจ”

O:

  • ร้องไห้บ่อย เปลี่ยนอารมณ์เร็วจากหัวเราะเป็นโกรธหรือเศร้า
  • มีความสัมพันธ์กับผู้อื่นแบบขึ้นๆ ลงๆ ไม่มั่นคง
  • แสดงพฤติกรรมหุนหันพลันแล่นจากอารมณ์ เช่น ปัดของ ตะโกน

🎯 Goals (เป้าหมาย)

  • ผู้ป่วยสามารถควบคุมอารมณ์ได้ในระดับที่เหมาะสม
  • ผู้ป่วยระบุและรับรู้อารมณ์ของตนได้
  • มีความสัมพันธ์กับผู้อื่นอย่างเหมาะสม
  • มีพฤติกรรมที่แสดงออกอย่างปลอดภัย

✅ Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)

  • ผู้ป่วยอารมณ์คงที่มากขึ้นภายใน 24–48 ชั่วโมง
  • ลดการร้องไห้หรือโกรธโดยไม่มีเหตุผลลง
  • สามารถบอกอารมณ์ของตนเองและจัดการได้อย่างน้อย 1 วิธี
  • มีความสัมพันธ์กับผู้อื่นโดยไม่เกิดความขัดแย้งในช่วงสังเกตการณ์

🛠️ Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)

  • F60.4F3I-1: ประเมินอารมณ์ผู้ป่วยทุกชั่วโมงในช่วงแรก หรือเมื่อมีอาการรุนแรง
  • F60.4F3I-2: พูดคุยเชิงบำบัดแบบตั้งใจฟัง (active listening) เพื่อให้ผู้ป่วยรู้สึกปลอดภัย
  • F60.4F3I-3: สอนการรู้ตัวอารมณ์ (emotion labeling) เช่น “ตอนนี้คุณรู้สึกเศร้า โกรธ หรือผิดหวัง?”
  • F60.4F3I-4: แนะนำเทคนิคระบายอารมณ์ เช่น เขียนระบาย, วาดภาพ, ฝึกหายใจช้า
  • F60.4F3I-5: หลีกเลี่ยงการตำหนิหรือกระตุ้นให้อารมณ์ผู้ป่วยรุนแรงขึ้น
  • F60.4F3I-6: กระตุ้นให้เข้าร่วมกิจกรรมกลุ่มเพื่อสร้างสัมพันธภาพเชิงบวก
  • F60.4F3I-7: ให้คำแนะนำครอบครัว/ผู้ดูแลในการสื่อสารอย่างเข้าใจ ไม่ตัดสิน
  • F60.4F3I-8: แจ้งทีมสหวิชาชีพหากอารมณ์แปรปรวนส่งผลต่อความปลอดภัย
  • F60.4F3I-9: ติดตามผลลัพธ์จากการใช้เทคนิคจัดการอารมณ์ร่วมกับผู้ป่วย
  • F60.4F3I-10: ส่งต่อจิตแพทย์หรือนักจิตวิทยาหากจำเป็นต้องบำบัดเพิ่มเติม

💬 Response (การตอบสนอง)

  • F60.4F3R-1: ผู้ป่วยอารมณ์คงที่มากขึ้น ไม่มีร้องไห้หรือโกรธแบบเฉียบพลัน
  • F60.4F3R-2: ผู้ป่วยสามารถบอกความรู้สึกของตนเองได้อย่างน้อย 1 อารมณ์
  • F60.4F3R-3: ผู้ป่วยมีพฤติกรรมแสดงออกที่เหมาะสมใน 3 วันหลังแผนการพยาบาล
  • F60.4F3R-4: ผู้ป่วยสามารถใช้เทคนิคควบคุมอารมณ์ 1 วิธีได้จริง
  • F60.4F3R-5: ความสัมพันธ์กับเจ้าหน้าที่และผู้ป่วยอื่นดีขึ้น ไม่มีการปะทะ

…………………………………………………………….

F60.4F4: มีการรับรู้ภาพลักษณ์ตนเองไม่ชัดเจน หรือประเมินค่าตนเองจากสายตาผู้อื่น (Disturbed self-image or reliance on others’ approval for self-worth)

🔍 Assessment (การประเมิน)

S:

  • ผู้ป่วยกล่าวว่า “ไม่มีใครมองฉันเลย ฉันคงไม่สำคัญแล้ว”
  • ฉันดูแก่ใช่ไหม? ทำไมไม่มีใครชมฉันเลยวันนี้”

O:

  • มักแต่งกายหรือแสดงพฤติกรรมดึงดูดความสนใจเกินความเหมาะสม
  • เปลี่ยนพฤติกรรมตามคำชมของคนรอบข้างอย่างชัดเจน
  • ขาดความมั่นใจเมื่อตนไม่ใช่จุดสนใจของกลุ่ม

🎯 Goals (เป้าหมาย)

  • ผู้ป่วยสามารถรับรู้และยอมรับคุณค่าของตนเองโดยไม่ต้องพึ่งการยอมรับจากผู้อื่น
  • ผู้ป่วยสามารถระบุจุดแข็งของตนเองได้อย่างน้อย 1 ด้าน
  • มีความภาคภูมิใจในตนเองโดยไม่ต้องรอคำชมจากผู้อื่น
  • ลดพฤติกรรมเรียกร้องความสนใจ

✅ Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)

  • ผู้ป่วยสามารถพูดถึงจุดดีของตนเองได้อย่างน้อย 1–2 ข้อภายใน 3 วัน
  • ผู้ป่วยลดพฤติกรรมเรียกร้องความสนใจลงในระหว่างดูแล
  • มีสีหน้าท่าทางมั่นใจขึ้น ไม่ขอคำชมบ่อยเหมือนเดิม
  • สามารถเข้าร่วมกิจกรรมกลุ่มโดยไม่ต้องเป็นจุดสนใจหลัก

🛠️ Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)

  • F60.4F4I-1: ประเมินระดับการรับรู้คุณค่าตนเองของผู้ป่วยจากการสนทนาและพฤติกรรม
  • F60.4F4I-2: ฟังและสะท้อนสิ่งที่ผู้ป่วยพูดเพื่อให้รู้ว่าคุณค่าในตัวเขาไม่ได้มาจากภายนอกเท่านั้น
  • F60.4F4I-3: ชี้ให้ผู้ป่วยเห็นความสามารถและจุดแข็งของตนจากพฤติกรรมจริง เช่น ความเอื้อเฟื้อ ความอดทน
  • F60.4F4I-4: สอนวิธีสร้าง “คำพูดบวกต่อตนเอง” (Positive self-affirmation)
  • F60.4F4I-5: ให้ผู้ป่วยเขียน “สิ่งดีๆ ในตัวฉัน” วันละ 1–2 ข้อ
  • F60.4F4I-6: ส่งเสริมกิจกรรมกลุ่มที่ไม่เน้นการแสดง แต่ใช้ความร่วมมือ เช่น งานฝีมือ
  • F60.4F4I-7: หลีกเลี่ยงการวิจารณ์ลักษณะภายนอกโดยไม่จำเป็น
  • F60.4F4I-8: แนะนำให้พบจิตแพทย์หรือนักจิตวิทยาเพื่อเสริมสร้าง self-esteem
  • F60.4F4I-9: กระตุ้นให้ญาติหรือผู้ดูแลให้การยอมรับโดยไม่ขึ้นอยู่กับรูปลักษณ์หรือความสามารถเฉพาะ
  • F60.4F4I-10: ประเมินความคืบหน้าในการพัฒนาภาพลักษณ์ตนเองอย่างต่อเนื่อง

💬 Response (การตอบสนอง)

  • F60.4F4R-1: ผู้ป่วยสามารถระบุจุดดีของตนเองได้อย่างน้อย 2 ข้อ
  • F60.4F4R-2: ลดการแสดงพฤติกรรมเรียกร้องความสนใจลงได้ชัดเจน
  • F60.4F4R-3: ผู้ป่วยมีความมั่นใจในตนเองมากขึ้น เช่น กล้าแสดงความคิดเห็นโดยไม่กลัวการไม่ยอมรับ
  • F60.4F4R-4: ผู้ป่วยเข้าร่วมกิจกรรมกลุ่มโดยไม่จำเป็นต้องเป็นจุดสนใจ
  • F60.4F4R-5: ผู้ป่วยใช้คำพูดให้กำลังใจตนเองได้ในสถานการณ์ที่เคยวิตก

……………………………………………………………………..

F60.4F5 มีความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลที่ไม่มั่นคงหรือผิวเผิน (Ineffective interpersonal relationships)

🔍 Assessment (การประเมิน)

S:

  • ทำไมเขาไม่รักฉันแล้ว ทั้งที่เมื่อวานเราคุยกันดีมาก”
  • ฉันเพิ่งรู้จักเขา แต่รู้สึกเหมือนรู้จักกันมานาน”

O:

  • ผูกพันกับผู้อื่นเร็วเกินปกติ เช่น เรียกคู่สนทนาเป็นเพื่อนสนิทภายในวันเดียว
  • แสดงความผิดหวังหรือโกรธง่ายเมื่อไม่ได้รับความสนใจ
  • ความสัมพันธ์กับบุคคลอื่นมักจบลงด้วยความขัดแย้งหรือไม่พอใจ

🎯 Goals (เป้าหมาย)

  • ผู้ป่วยสามารถสร้างความสัมพันธ์ที่เหมาะสมกับผู้อื่นได้
  • ผู้ป่วยมีทักษะในการควบคุมความคาดหวังจากผู้อื่น
  • ผู้ป่วยสามารถเข้าใจธรรมชาติของความสัมพันธ์ที่ต้องใช้เวลาและความเข้าใจ
  • ลดความขัดแย้งในความสัมพันธ์กับผู้อื่น

✅ Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)

  • ผู้ป่วยสามารถระบุลักษณะของความสัมพันธ์ที่เหมาะสมได้
  • ผู้ป่วยลดการผูกพันเร็วหรือคาดหวังสูงในความสัมพันธ์ใหม่
  • ผู้ป่วยแสดงออกด้วยความเคารพความรู้สึกของผู้อื่น
  • ผู้ป่วยมีความสามารถในการสื่อสารความรู้สึกโดยไม่ใช้อารมณ์รุนแรง

🛠️ Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)

  • F60.4F5I-1: ประเมินประวัติความสัมพันธ์ของผู้ป่วยและรูปแบบพฤติกรรมในอดีต
  • F60.4F5I-2: สะท้อนพฤติกรรมความสัมพันธ์ที่รวดเร็วหรือผิวเผินให้ผู้ป่วยเห็นผลกระทบ
  • F60.4F5I-3: สอนทักษะการเข้าสังคม เช่น การฟัง การสื่อสารอย่างชัดเจน
  • F60.4F5I-4: ส่งเสริมให้ผู้ป่วยใช้เวลาเรียนรู้และสังเกตบุคคลอื่นก่อนสร้างความสัมพันธ์ลึก
  • F60.4F5I-5: กระตุ้นให้แยกแยะระหว่าง “ความรู้สึกผูกพัน” กับ “ความสัมพันธ์แท้จริง”
  • F60.4F5I-6: ฝึกผู้ป่วยจัดการอารมณ์เมื่อเผชิญกับความผิดหวังหรือถูกปฏิเสธ
  • F60.4F5I-7: ส่งเสริมกิจกรรมกลุ่มที่เน้นความร่วมมือและเคารพผู้อื่น เช่น เล่นเกมกลุ่ม
  • F60.4F5I-8: ประเมินพฤติกรรมเรียกร้องความสนใจระหว่างกิจกรรมกลุ่ม
  • F60.4F5I-9: กระตุ้นให้ผู้ป่วยจดบันทึกความรู้สึกหลังมีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น
  • F60.4F5I-10: ประสานงานจิตแพทย์เพื่อประเมินพฤติกรรมสัมพันธ์หากพบว่ารุนแรงหรือล้มเหลวบ่อยครั้ง

💬 Response (การตอบสนอง)

  • F60.4F5R-1: ผู้ป่วยสามารถอธิบายความแตกต่างระหว่างความรู้สึกชั่วคราวกับความสัมพันธ์จริงได้
  • F60.4F5R-2: ลดพฤติกรรมผูกพันเร็ว หรือคาดหวังจากบุคคลอื่นเกินเหตุ
  • F60.4F5R-3: แสดงพฤติกรรมเคารพผู้อื่น เช่น รอคิว ฟังความคิดเห็นโดยไม่ขัดจังหวะ
  • F60.4F5R-4: เข้าร่วมกิจกรรมกลุ่มได้โดยไม่มีความขัดแย้งหรือเรียกร้องความสนใจ
  • F60.4F5R-5: มีการใช้วิธีสื่อสารความรู้สึกเชิงบวกแทนอารมณ์รุนแรง

……………………………………………………….

F60.4F6 ขาดทักษะการสื่อสารอย่างเหมาะสมในสถานการณ์ตึงเครียด (Impaired coping and communication under stress)

🔍 Assessment (การประเมิน)

S:

  • "ทำไมทุกคนไม่เข้าใจฉันเลย?"
  • "ฉันพูดจริงนะ แต่มันทำไมถึงกลายเป็นเรื่องใหญ่?"

O:

  • พูดเกินจริงหรือแสดงออกเกินกว่าเหตุในสถานการณ์เครียด
  • การใช้คำพูดหรือท่าทางไม่เหมาะสม เช่น ตะโกน ร้องไห้เสียงดัง
  • การตอบสนองที่รวดเร็วเกินไปต่อความเครียดหรือตัวกระตุ้นรอบข้าง

🎯 Goals (เป้าหมาย)

  • ผู้ป่วยสามารถใช้ทักษะสื่อสารที่เหมาะสมในสถานการณ์ตึงเครียดได้
  • ลดพฤติกรรมพูดเกินจริงหรือแสดงออกที่ไม่เหมาะสม
  • ผู้ป่วยเรียนรู้วิธีควบคุมอารมณ์และสื่อสารความรู้สึกอย่างมีเหตุผล
  • ส่งเสริมการแก้ปัญหาอย่างสงบและมีประสิทธิภาพ

✅ Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)

  • ผู้ป่วยสามารถใช้คำพูดและท่าทางเหมาะสมในสถานการณ์ตึงเครียด
  • ลดพฤติกรรมพูดเกินจริงหรืออารมณ์รุนแรงในสถานการณ์เครียด
  • ผู้ป่วยแสดงการควบคุมตนเองได้ดีขึ้นเมื่อเผชิญความเครียด
  • ผู้ป่วยสามารถอธิบายความรู้สึกและปัญหาด้วยคำพูดที่ชัดเจน

🛠 Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)

  • F60.4F6I-1: ประเมินพฤติกรรมการสื่อสารและอารมณ์เมื่อเกิดความเครียด
  • F60.4F6I-2: ให้คำแนะนำและสอนเทคนิคการหายใจลึกเพื่อคลายเครียด
  • F60.4F6I-3: ฝึกให้ผู้ป่วยใช้คำพูดที่สุภาพและเหมาะสมในสถานการณ์ต่างๆ
  • F60.4F6I-4: ส่งเสริมการพูดถึงความรู้สึกอย่างเปิดเผยและชัดเจนโดยไม่ใช้คำพูดเกินจริง
  • F60.4F6I-5: สร้างสถานการณ์จำลองให้ฝึกควบคุมอารมณ์และสื่อสารอย่างเหมาะสม
  • F60.4F6I-6: สนับสนุนให้ผู้ป่วยใช้เวลาพักเมื่อรู้สึกเครียดและควบคุมตนเองไม่ได้
  • F60.4F6I-7: ให้คำปรึกษาเรื่องการจัดการความเครียด เช่น การออกกำลังกายหรือกิจกรรมผ่อนคลาย
  • F60.4F6I-8: ประสานงานกับทีมจิตเวชเพื่อให้คำแนะนำและบำบัดพฤติกรรมเพิ่มเติม

💬 Response (การตอบสนอง)

  • F60.4F6R-1: ผู้ป่วยสามารถควบคุมการแสดงออกทางอารมณ์ในสถานการณ์เครียดได้ดีขึ้น
  • F60.4F6R-2: ลดพฤติกรรมพูดเกินจริงหรือแสดงออกไม่เหมาะสม
  • F60.4F6R-3: ผู้ป่วยใช้คำพูดชัดเจนและเหมาะสมเพื่อสื่อสารความรู้สึก
  • F60.4F6R-4: ผู้ป่วยสามารถใช้เทคนิคคลายเครียดได้เมื่อเผชิญกับสถานการณ์ตึงเครียด
  • F60.4F6R-5: มีความร่วมมือในการบำบัดและพัฒนาทักษะการสื่อสาร

………………………………………………………………………

F60.4F7 มีความต้องการได้รับความสนใจอย่างต่อเนื่อง (Chronic need for attention)

🔍 Assessment (การประเมิน)

S:

  • "ฉันอยากให้ทุกคนมองมาที่ฉัน"
  • "ถ้าไม่โดดเด่น ฉันรู้สึกเหมือนไม่มีค่า"

O:

  • แต่งตัวโดดเด่น สีสันจัดจ้าน หรือมีพฤติกรรมพูดเสียงดังเกินเหตุ
  • สร้างสถานการณ์หรือเรื่องราวเพื่อเรียกร้องความสนใจ
  • แสดงพฤติกรรมที่ต้องการความยอมรับหรือชมเชยอย่างต่อเนื่อง

🎯 Goals (เป้าหมาย)

  • ผู้ป่วยเข้าใจและลดพฤติกรรมเรียกร้องความสนใจที่ไม่เหมาะสม
  • ผู้ป่วยสามารถแสดงออกทางอารมณ์อย่างเหมาะสมโดยไม่ต้องพึ่งพาการได้รับความสนใจจากผู้อื่น
  • ส่งเสริมความมั่นคงในตนเองโดยไม่ต้องอาศัยคำชมจากคนรอบข้าง
  • ผู้ป่วยสามารถสร้างความสัมพันธ์ที่เป็นสุขโดยไม่ต้องแสดงออกเกินจริง

✅ Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)

  • ผู้ป่วยลดพฤติกรรมพูดเสียงดังหรือแต่งตัวโดดเด่นเกินเหตุ
  • ผู้ป่วยแสดงอารมณ์และความต้องการอย่างเหมาะสมในสถานการณ์ต่าง ๆ
  • ผู้ป่วยรู้จักควบคุมและแสดงออกโดยไม่ต้องเรียกร้องความสนใจอย่างต่อเนื่อง
  • ผู้ป่วยมีความพึงพอใจในตนเองมากขึ้นโดยไม่ขึ้นกับการได้รับคำชม

🛠 Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)

  • F60.4F7I-1: สังเกตและบันทึกพฤติกรรมเรียกร้องความสนใจในสถานการณ์ต่าง ๆ
  • F60.4F7I-2: ให้คำแนะนำและชี้แจงผลกระทบของพฤติกรรมที่เรียกร้องความสนใจมากเกินไป
  • F60.4F7I-3: ฝึกให้ผู้ป่วยแสดงความรู้สึกอย่างเปิดเผยและตรงไปตรงมาโดยไม่ต้องสร้างเรื่อง
  • F60.4F7I-4: สนับสนุนให้ผู้ป่วยแสดงออกผ่านกิจกรรมสร้างสรรค์ เช่น งานศิลปะหรือกีฬา
  • F60.4F7I-5: ส่งเสริมการเสริมสร้างความมั่นใจในตนเองโดยไม่ต้องพึ่งพาคำชมจากผู้อื่น
  • F60.4F7I-6: ให้คำปรึกษาและสอนเทคนิคการจัดการความต้องการได้รับความสนใจอย่างเหมาะสม
  • F60.4F7I-7: สร้างข้อตกลงชัดเจนกับผู้ป่วยเกี่ยวกับพฤติกรรมที่ยอมรับได้ในสถานที่ต่าง ๆ
  • F60.4F7I-8: ประสานงานทีมจิตเวชสำหรับการบำบัดเพิ่มเติมตามความเหมาะสม

💬 Response (การตอบสนอง)

  • F60.4F7R-1: ผู้ป่วยลดพฤติกรรมแต่งตัวหรือพูดเสียงดังเพื่อเรียกร้องความสนใจ
  • F60.4F7R-2: ผู้ป่วยสามารถแสดงความรู้สึกอย่างตรงไปตรงมาโดยไม่สร้างเรื่อง
  • F60.4F7R-3: ผู้ป่วยรู้จักควบคุมความต้องการได้รับความสนใจได้ดีขึ้น
  • F60.4F7R-4: ผู้ป่วยแสดงความมั่นใจในตนเองโดยไม่พึ่งพาคำชมจากผู้อื่น
  • F60.4F7R-5: มีความร่วมมือในการบำบัดและพัฒนาพฤติกรรมสังคมที่เหมาะสม

…………………………………………………………….

F60.4F8 ขาดความรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับภาวะของตนเอง (Knowledge deficit about condition)

🔍 Assessment (การประเมิน)

S:

  • ฉันไม่เข้าใจว่าพฤติกรรมของฉันเป็นโรค”
  • ไม่เห็นจำเป็นต้องรักษา หรือคิดว่าเป็นปกติ”

O:

  • ปฏิเสธการรับการรักษาหรือบำบัด
  • แสดงความไม่รู้หรือความสับสนเกี่ยวกับอาการและผลกระทบของโรค
  • พฤติกรรมยังคงแสดงออกในลักษณะที่ไม่เหมาะสมและซ้ำซาก

🎯 Goals (เป้าหมาย)

  • ผู้ป่วยได้รับความรู้ที่ถูกต้องเกี่ยวกับภาวะฮิสทีเรียและผลกระทบต่อชีวิต
  • ผู้ป่วยยอมรับความจำเป็นในการรักษาและบำบัดอย่างเหมาะสม
  • ลดพฤติกรรมที่เป็นอันตรายหรือส่งผลเสียจากความไม่เข้าใจ
  • ผู้ป่วยสามารถอธิบายและรับรู้สัญญาณอาการของตนเองได้

✅ Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)

  • ผู้ป่วยแสดงความเข้าใจเกี่ยวกับภาวะฮิสทีเรียและผลกระทบได้ชัดเจน
  • ผู้ป่วยยอมรับและเข้าร่วมในแผนการรักษาอย่างเต็มใจ
  • พฤติกรรมที่แสดงออกลดลงหรือเหมาะสมขึ้นตามคำแนะนำ
  • ผู้ป่วยสามารถบอกได้เมื่อรู้สึกว่าพฤติกรรมเริ่มผิดปกติ

🛠 Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)

  • F60.4F8I-1: ประเมินความรู้และความเข้าใจของผู้ป่วยเกี่ยวกับภาวะฮิสทีเรีย
  • F60.4F8I-2: อธิบายลักษณะอาการ สาเหตุ และผลกระทบของภาวะนี้โดยใช้ภาษาง่าย ๆ
  • F60.4F8I-3: ให้ข้อมูลเกี่ยวกับแนวทางการรักษาและการบำบัดที่เหมาะสม
  • F60.4F8I-4: ตอบคำถามและคลายความกังวลเกี่ยวกับโรคและการรักษา
  • F60.4F8I-5: ใช้สื่อการเรียนรู้ เช่น แบบบัตรภาพ หรือวีดีโอเพื่อช่วยในการอธิบาย
  • F60.4F8I-6: สนับสนุนให้ผู้ป่วยร่วมวางแผนการรักษาและตั้งเป้าหมายร่วมกัน
  • F60.4F8I-7: ติดตามและทบทวนความเข้าใจในแต่ละช่วงของการรักษา
  • F60.4F8I-8: ประสานงานทีมจิตเวชเพื่อเสริมการให้ความรู้และสนับสนุนเพิ่มเติม

💬 Response (การตอบสนอง)

  • F60.4F8R-1: ผู้ป่วยแสดงความเข้าใจในภาวะฮิสทีเรียมากขึ้น
  • F60.4F8R-2: ผู้ป่วยยอมรับความจำเป็นในการรักษาและเข้าร่วมอย่างต่อเนื่อง
  • F60.4F8R-3: พฤติกรรมเสี่ยงหรือไม่เหมาะสมลดลง
  • F60.4F8R-4: ผู้ป่วยสามารถบอกและรับรู้สัญญาณผิดปกติของตนเองได้
  • F60.4F8R-5: มีความร่วมมือและเปิดใจในการบำบัดและดูแลตนเอง

…………………………………………………………….

F60.4F9 มีความเสี่ยงต่อการกลับมาแสดงพฤติกรรมซ้ำหลังจำหน่าย หากไม่ได้รับการดูแลต่อเนื่อง (Risk of relapse after discharge if follow-up care is inadequate)

🔍 Assessment (การประเมิน)

S:

  • ผู้ป่วยกังวลเกี่ยวกับการรักษาหลังออกจากโรงพยาบาล
  • ผู้ป่วยแจ้งว่ามีปัญหาเรื่องความต่อเนื่องของการดูแล

O: 

  • ประวัติพฤติกรรมซ้ำหลังจำหน่ายในอดีต
  • ขาดแผนการดูแลหลังออกจากโรงพยาบาลที่ชัดเจน
  • ครอบครัวหรือผู้ดูแลมีส่วนร่วมจำกัดในแผนการดูแล

🎯 Goals (เป้าหมาย)

  • ผู้ป่วยได้รับการดูแลและบำบัดอย่างต่อเนื่องหลังจำหน่าย
  • ลดโอกาสเกิดพฤติกรรมซ้ำและการกลับเป็นซ้ำ
  • ผู้ป่วยและครอบครัวมีความเข้าใจและมีส่วนร่วมในแผนการดูแล
  • ผู้ป่วยมีระบบสนับสนุนที่เหมาะสมหลังออกจากโรงพยาบาล

✅ Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)

  • ผู้ป่วยเข้าร่วมรับการติดตามและบำบัดตามนัดหมาย
  • ไม่มีพฤติกรรมซ้ำหรือแสดงอาการที่เพิ่มขึ้นหลังจำหน่าย
  • ครอบครัวหรือผู้ดูแลมีความรู้และสนับสนุนผู้ป่วยได้ดี
  • ผู้ป่วยสามารถรายงานตนเองได้เมื่อมีความเครียดหรืออาการแย่ลง

🛠 Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)

  • F60.4F9I-1: จัดทำแผนการดูแลต่อเนื่องร่วมกับทีมสุขภาพและผู้ป่วย
  • F60.4F9I-2: ให้ความรู้แก่ผู้ป่วยและครอบครัวเกี่ยวกับความสำคัญของการติดตามผล
  • F60.4F9I-3: ประสานงานนัดหมายการบำบัดและการติดตามหลังจำหน่าย
  • F60.4F9I-4: ส่งเสริมให้ผู้ป่วยมีเครือข่ายสนับสนุน เช่น ครอบครัว เพื่อน หรือกลุ่มช่วยเหลือ
  • F60.4F9I-5: สอนวิธีจัดการความเครียดและพฤติกรรมเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นหลังจำหน่าย
  • F60.4F9I-6: ติดตามสภาพจิตใจและพฤติกรรมผู้ป่วยผ่านโทรศัพท์หรือเยี่ยมบ้านตามความเหมาะสม
  • F60.4F9I-7: ให้คำปรึกษาและสนับสนุนทางจิตใจอย่างสม่ำเสมอ
  • F60.4F9I-8: ประเมินความพร้อมของผู้ป่วยก่อนจำหน่ายและปรับแผนตามความจำเป็น

💬 Response (การตอบสนอง)

  • F60.4F9R-1: ผู้ป่วยและครอบครัวมีความเข้าใจและยอมรับแผนการดูแลต่อเนื่อง
  • F60.4F9R-2: ผู้ป่วยเข้ารับการติดตามและบำบัดอย่างสม่ำเสมอ
  • F60.4F9R-3: ลดพฤติกรรมซ้ำและอาการกำเริบหลังจำหน่าย
  • F60.4F9R-4: ผู้ป่วยสามารถจัดการความเครียดและปัญหาได้ดีขึ้น
  • F60.4F9R-5: มีระบบสนับสนุนที่เหมาะสมช่วยส่งเสริมการฟื้นฟู

………………………………………………………………………

F60.4F10 ต้องการการเตรียมความพร้อมก่อนจำหน่าย เพื่อปรับตัวกลับเข้าสู่สังคม (Readiness for enhanced self-care and social reintegration)

🔍 Assessment (การประเมิน)

S:

  • ผู้ป่วยแสดงความวิตกกังวลเกี่ยวกับการกลับบ้านและการปรับตัว
  • ผู้ป่วยและครอบครัวสอบถามเกี่ยวกับการดูแลหลังจำหน่าย

O:

  • ผู้ป่วยมีพฤติกรรมแสดงความพร้อมหรือไม่พร้อมทางร่างกายและจิตใจ
  • มีข้อมูลเกี่ยวกับการเข้ารับบริการบำบัดเพิ่มเติมหรือกลุ่มสนับสนุน
  • ครอบครัวมีความรู้และทักษะในการสนับสนุนผู้ป่วย

🎯 Goals (เป้าหมาย)

  • ผู้ป่วยและครอบครัวมีความรู้และความพร้อมก่อนกลับบ้าน
  • ผู้ป่วยสามารถดูแลตนเองและปรับตัวเข้าสังคมได้ดีขึ้น
  • มีแผนการดูแลระยะยาวที่เหมาะสมและเข้าถึงบริการช่วยเหลือ
  • ลดโอกาสเกิดพฤติกรรมเสี่ยงหรือกำเริบหลังจำหน่าย

✅ Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)

  • ผู้ป่วยและครอบครัวเข้าใจและยอมรับแผนการดูแลหลังจำหน่าย
  • ผู้ป่วยสามารถปฏิบัติตามคำแนะนำได้อย่างเหมาะสม
  • ผู้ป่วยเข้าร่วมกลุ่มบำบัดหรือรับบริการติดตามผลอย่างต่อเนื่อง
  • ผู้ป่วยแสดงความสามารถในการจัดการอารมณ์และความเครียดได้ดีขึ้น

🛠 Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)

  • F60.4F10I-1: ให้ข้อมูลและคำแนะนำแก่ผู้ป่วยและครอบครัวเกี่ยวกับโรคและแผนดูแลหลังจำหน่าย
  • F60.4F10I-2: ช่วยวางแผนการนัดหมายติดตามผลกับจิตแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญ
  • F60.4F10I-3: สนับสนุนให้ผู้ป่วยเข้าร่วมกลุ่มบำบัดหรือกิจกรรมทางสังคมที่เหมาะสม
  • F60.4F10I-4: ฝึกทักษะการจัดการความเครียดและอารมณ์ก่อนจำหน่าย
  • F60.4F10I-5: ประเมินความพร้อมทางร่างกายและจิตใจก่อนกลับบ้าน
  • F60.4F10I-6: ให้คำปรึกษาเรื่องการสื่อสารและการสร้างความสัมพันธ์ในสังคม
  • F60.4F10I-7: ประสานงานกับทีมสหวิชาชีพและครอบครัวเพื่อการดูแลต่อเนื่อง
  • F60.4F10I-8: สนับสนุนการสร้างเครือข่ายช่วยเหลือในชุมชน

💬 Response (การตอบสนอง)

  • F60.4F10R-1: ผู้ป่วยและครอบครัวเข้าใจและยอมรับแผนการดูแลระยะยาว
  • F60.4F10R-2: ผู้ป่วยสามารถปฏิบัติตามคำแนะนำและนัดหมายได้
  • F60.4F10R-3: มีการติดตามผลและบำบัดอย่างต่อเนื่องหลังจำหน่าย
  • F60.4F10R-4: ผู้ป่วยแสดงพฤติกรรมปรับตัวและดูแลตนเองได้ดีขึ้น
  • F60.4F10R-5: ความสัมพันธ์ระหว่างผู้ป่วยกับครอบครัวและสังคมดีขึ้น

…………………………………………………………………………….

เอกสารอ้างอิง

  • กรมสุขภาพจิต. (2563). แนวทางการดูแลรักษาผู้ป่วยโรคบุคลิกภาพผิดปกติ. กรุงเทพฯ: กรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข.(เอกสารนี้เป็นคู่มือการดูแลรักษาผู้ป่วยบุคลิกภาพผิดปกติ รวมแนวทางปฏิบัติพยาบาล)
  • สมาคมจิตเวชแห่งประเทศไทย. (2564). คู่มือการประเมินและจัดการผู้ป่วยโรคบุคลิกภาพผิดปกติ. กรุงเทพฯ: สมาคมจิตเวชแห่งประเทศไทย.
  • American Psychiatric Association. (2013). Diagnostic and Statistical Manual of Mental Disorders (5th ed.). Arlington, VA: American Psychiatric Publishing.
  • (DSM-5 เป็นแหล่งข้อมูลมาตรฐานสำหรับการวินิจฉัยโรคบุคลิกภาพ รวมถึง Histrionic Personality Disorder)
  • Millon, T., Grossman, S., Millon, C., Meagher, S., & Ramnath, R. (2004). Personality Disorders in Modern Life (2nd ed.). Wiley.

………………………………………………………..