🧠 โรควิตกกังวลแบบปนเป (F41.2) "เครียดก็ไม่ใช่... ซึมเศร้าก็ไม่เชิง แต่รู้สึกแย่ไปหมดทั้งใจและกาย"
1. ความหมายของโรค
- ภาวะที่ ความวิตกกังวลและอารมณ์เศร้า มาอยู่ในคนเดียวกัน
- ไม่ถึงเกณฑ์วินิจฉัยโรคซึมเศร้าแบบเต็มรูปแบบ แต่กระทบชีวิตประจำวันชัดเจน
2. พยาธิสภาพ
- สมองมีการเปลี่ยนแปลงสารสื่อประสาท เช่น เซโรโทนิน (Serotonin)
- ส่งผลต่อการควบคุมอารมณ์ การนอน ความคิด และพฤติกรรม
3. ช่วงอายุที่พบมาก
- พบได้ทุกวัย แต่มักเจอใน วัยทำงาน (25–50 ปี) และผู้ที่มีความเครียดสะสม
4. ปัจจัยที่กระตุ้นให้เกิด
- ความเครียดสะสมจากงานหรือครอบครัว
- การสูญเสียหรือผิดหวังรุนแรง
- พันธุกรรมหรือเคยป่วยโรคทางจิตเวชมาก่อน
- การดื่มแอลกอฮอล์ / ใช้สารเสพติด
5. อาการที่สังเกตได้
- 😟 วิตกกังวลเกินเหตุ
- 😞 รู้สึกเศร้า หมดพลัง ไม่มีสมาธิ
- 🛌 นอนไม่หลับ เบื่ออาหาร
- ❤️🔥 ใจสั่น เหงื่อออก เหนื่อยง่ายโดยไม่ทราบสาเหตุ
- 💭 คิดลบกับตัวเอง ไม่อยากเข้าสังคม
6. การรักษา
- 💊 ยา (เช่น ยากลุ่ม SSRI)
- 🧠 จิตบำบัด เช่น CBT
- 🏃♀️ ปรับพฤติกรรม กิน-นอน-ออกกำลังกาย
- 🚫 หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์/คาเฟอีน
7. การพยาบาล
- 👩⚕️ สร้างความไว้วางใจ ให้พื้นที่พูดระบาย
- 📋 ประเมินอาการทั้งทางร่างกายและจิตใจ
- 🗣️ กระตุ้นให้แสดงความรู้สึกโดยไม่ตัดสิน
- 📌 สอนเทคนิคผ่อนคลาย เช่น หายใจลึกๆ
- 🤝 ประสานจิตแพทย์หากอาการไม่ดีขึ้น
8. การดูแลตนเองและคนใกล้ตัว
- 👂 ฟังด้วยใจ ไม่ตัดบท ไม่รีบให้คำแนะนำ
- 🧘♂️ ทำกิจกรรมที่ช่วยผ่อนคลาย เช่น เดินเล่น ฟังเพลง
- 💬 พูดคุยกับคนที่ไว้ใจ หรือขอคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญ
- 📞 หากอาการรุนแรง ควรพบจิตแพทย์ หรือโทรสายด่วนสุขภาพจิต 1323
.........................................................................
🧠 วินิจฉัยการพยาบาล (Nursing Diagnoses) F41.2:
Mixed Anxiety and Depressive Disorder
- F41.2F1 มีความเสี่ยงต่อการทำร้ายตนเองหรือฆ่าตัวตาย (Risk for self-harm or suicideสังเกตพฤติกรรม หลีกเลี่ยงการอยู่คนเดียว ประเมินความคิดฆ่าตัวตายทันที
- F41.2F2 มีภาวะซึมเศร้า (Depressed mood) รู้สึกเศร้า ท้อแท้ หมดพลัง ไม่มีความหวัง อาจร้องไห้บ่อย ต้องการการสนับสนุนทางอารมณ์
- F41.2F3 มีความวิตกกังวลเกินควบคุม (Excessive anxiety) กังวลเรื่องเล็กน้อยมากเกินไป มีอาการทางกาย เช่น ใจสั่น เหงื่อออก หายใจเร็ว
- F41.2F4 มีความผิดปกติในการนอนหลับ (Sleep disturbance) หลับยาก ตื่นกลางดึก ฝันร้าย หรือไม่รู้สึกพักผ่อนหลังตื่นนอน
- F41.2F5 เสี่ยงต่อภาวะโภชนาการไม่เพียงพอ (Risk for imbalanced nutrition) เบื่ออาหาร น้ำหนักลด หรือรับประทานมากผิดปกติ ต้องดูแลโภชนาการอย่างเหมาะสม
- F41.2F6 มีปัญหาในการดูแลตนเอง (Impaired self-care ability) ละเลยการแต่งตัว อาบน้ำ หรือกิจวัตรประจำวัน ต้องกระตุ้นและช่วยเหลือ
- F41.2F7 มีความรู้สึกด้อยคุณค่า (Low self-esteem) พูดถึงตัวเองในแง่ลบ มองตนเองไร้ค่า ต้องเสริมสร้างความมั่นใจและคุณค่าในตนเอง
- F41.2F8 มีปัญหาในการเข้าสังคม (Social isolation) หลีกเลี่ยงการพบปะ ไม่พูดคุยกับคนรอบข้าง ต้องส่งเสริมกิจกรรมและการมีปฏิสัมพันธ์
- F41.2F9 ขาดความรู้ในการดูแลตนเอง (Deficient knowledge about self-care and illness) ไม่เข้าใจว่าอาการเกิดจากอะไร รู้สึกสับสน ไม่รู้วิธีจัดการอารมณ์ ต้องให้ความรู้และคำแนะนำที่เข้าใจง่าย
- F41.2F10 วางแผนจำหน่ายไม่เพียงพอ (Ineffective discharge planning) ขาดแผนดูแลต่อที่บ้าน ไม่รู้จะทำอย่างไรต่อ ต้องประสานทีมสหวิชาชีพและวางแผนต่อเนื่อง
........................................................................................
F41.2F1: มีความเสี่ยงต่อการทำร้ายตนเองหรือฆ่าตัวตาย
(Risk for self-harm or suicide)
📌 Assessment (การประเมิน)
S:
- ผู้ป่วยพูดว่า “ไม่อยากอยู่แล้ว” หรือ “ตายไปน่าจะดีกว่า”
- แสดงอารมณ์เศร้า ท้อแท้ ไม่เห็นคุณค่าของตัวเอง
O:
- สีหน้าเศร้า พูดช้า ไม่สบตา
- เก็บตัว ไม่พูดคุยกับผู้อื่น
- มีบาดแผล หรือรอยกรีดตามร่างกาย
- มีประวัติพยายามฆ่าตัวตาย หรือพูดถึงการทำร้ายตนเอง
- มีของใช้หรืออุปกรณ์ที่อาจใช้ทำร้ายตนเอง เช่น
มีดยาว, ยานอนหลับ
🎯 Goals (เป้าหมาย)
- ผู้ป่วยปลอดภัย ไม่ทำร้ายตนเอง
- ผู้ป่วยแสดงออกถึงความหวังและต้องการมีชีวิตอยู่
- ผู้ป่วยมีความร่วมมือในการบำบัดฟื้นฟูจิตใจ
📏 Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)
- ไม่มีพฤติกรรมหรือคำพูดเกี่ยวกับการทำร้ายตนเอง
- อยู่ร่วมกับผู้อื่นได้ โดยไม่แยกตัว
- มีท่าทีสงบ พูดคุยได้ดีขึ้น
- แสดงความเข้าใจว่าได้รับการดูแลและเห็นคุณค่าของตนเองมากขึ้น
🛠️ Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)
- F41.2F1I-1: ประเมินความเสี่ยงในการฆ่าตัวตายทันทีเมื่อรับใหม่ ด้วยคำถามตรง เช่น “คุณเคยคิดอยากตายไหม?”
- F41.2F1I-2: ดูแลไม่ให้ผู้ป่วยอยู่คนเดียว โดยเฉพาะช่วงอารมณ์แปรปรวนหรือกลางคืน
- F41.2F1I-3: เก็บสิ่งของที่อาจใช้ทำร้ายตนเองให้พ้นมือผู้ป่วย เช่น มีด เชือก ยา
- F41.2F1I-4: สื่อสารด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน จริงใจ ไม่ตัดสินความรู้สึกของผู้ป่วย
- F41.2F1I-5: สร้างความไว้วางใจ ให้ผู้ป่วยรู้ว่ามีคนพร้อมรับฟังเสมอ
- F41.2F1I-6: ประสานทีมจิตแพทย์ทันทีหากผู้ป่วยมีแนวโน้มทำร้ายตนเอง
- F41.2F1I-7: สนับสนุนให้ผู้ป่วยระบายความรู้สึกผ่านการพูด การเขียน หรือกิจกรรมศิลปะ
- F41.2F1I-8: ส่งเสริมให้ญาติหรือคนใกล้ชิดมีส่วนร่วมในการเฝ้าระวังและให้กำลังใจผู้ป่วย
- F41.2F1I-9: จัดสภาพแวดล้อมให้สงบ ปลอดภัย และลดสิ่งกระตุ้นทางลบ
- F41.2F1I-10: ประเมินอารมณ์ผู้ป่วยอย่างต่อเนื่องทุกเวร โดยเฉพาะหลังได้รับข่าวร้ายหรือเยี่ยมญาติ
✅ Response (การตอบสนอง)
- F41.2F1R-1: ผู้ป่วยไม่มีพฤติกรรมหรือคำพูดเกี่ยวกับการทำร้ายตนเอง
- F41.2F1R-2: ผู้ป่วยสามารถร่วมกิจกรรมกับบุคคลอื่นได้บ้าง โดยไม่แยกตัว
- F41.2F1R-3: ผู้ป่วยเริ่มแสดงความรู้สึกและเปิดใจมากขึ้น
- F41.2F1R-4: ผู้ป่วยยอมรับการดูแลจากบุคลากร และเข้าใจความสำคัญของตนเอง
- F41.2F1R-5: ผู้ป่วยมีอารมณ์สงบลง สีหน้าผ่อนคลายขึ้น
…………………………………………………………….
F41.2F2: มีภาวะซึมเศร้า (Depressed
mood)
📌 Assessment (การประเมิน)
S:
- ผู้ป่วยพูดว่า “รู้สึกหมดหวังในชีวิต” หรือ “ไม่มีแรงทำอะไรเลย”
- บ่นว่าเบื่อ เหนื่อย ไม่อยากตื่นมาทำอะไรอีก
O:
- สีหน้าเศร้า นิ่งเงียบ พูดน้อย
- ร้องไห้บ่อย ไม่มีสมาธิ
- ปฏิเสธกิจกรรมต่าง ๆ แม้จะเคยชอบมาก่อน
- ใช้เวลานอนมากกว่าปกติ หรือไม่หลับเลย
🎯 Goals (เป้าหมาย)
- ผู้ป่วยแสดงออกถึงอารมณ์ดีขึ้น
- ผู้ป่วยเริ่มมีความหวังและมีกิจกรรมที่สนใจ
- ผู้ป่วยสื่อสารอารมณ์ตนเองได้มากขึ้น
- ลดอาการเศร้าและการร้องไห้
📏 Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)
- ผู้ป่วยมีสีหน้าและพฤติกรรมแสดงความผ่อนคลาย
- พูดคุยมากขึ้นและสื่อสารอารมณ์ได้ดีขึ้น
- เข้าร่วมกิจกรรมง่ายๆ ได้โดยไม่ต่อต้าน
- จำนวนครั้งของการร้องไห้ลดลง
🛠️ Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)
- F41.2F2I-1: ประเมินระดับอารมณ์โดยใช้เครื่องมือ เช่น PHQ-9 หรือการสังเกตพฤติกรรมอย่างต่อเนื่อง
- F41.2F2I-2: รับฟังด้วยความเข้าใจ ไม่ตัดสินความรู้สึกของผู้ป่วย
- F41.2F2I-3: อยู่เป็นเพื่อนในช่วงที่ผู้ป่วยมีอารมณ์เศร้าหนัก เพื่อให้รู้สึกว่าไม่โดดเดี่ยว
- F41.2F2I-4: กระตุ้นให้ผู้ป่วยระบายความรู้สึกผ่านคำพูดหรือกิจกรรมที่ชอบ เช่น วาดภาพ เขียนไดอารี่
- F41.2F2I-5: จัดตารางกิจกรรมง่ายๆ ร่วมกับผู้ป่วย เช่น เดินเล่น ฟังเพลง ทำสมาธิ
- F41.2F2I-6: ส่งเสริมให้ผู้ป่วยประเมินความสำเร็จเล็กๆ ในแต่ละวัน เพื่อเพิ่มความรู้สึกมีคุณค่าในตนเอง
- F41.2F2I-7: สนับสนุนให้มีคนในครอบครัวหรือเพื่อนมาเยี่ยม พูดคุยให้กำลังใจ
- F41.2F2I-8: ให้คำแนะนำเรื่องอาหาร การนอน และการดูแลสุขภาพจิตอย่างเหมาะสม
- F41.2F2I-9: ประสานจิตแพทย์เพื่อปรับแผนการดูแลหรือใช้ยา หากอาการไม่ดีขึ้น
- F41.2F2I-10: ประเมินซ้ำอย่างต่อเนื่องเพื่อดูพัฒนาการของอารมณ์ผู้ป่วย
✅ Response (การตอบสนอง)
- F41.2F2R-1: ผู้ป่วยมีสีหน้าและท่าทางที่ดีขึ้น พูดคุยได้มากขึ้น
- F41.2F2R-2: ผู้ป่วยร้องไห้น้อยลงและร่วมกิจกรรมง่ายๆ ได้
- F41.2F2R-3: ผู้ป่วยสามารถบอกความรู้สึกตนเองได้ชัดเจนขึ้น
- F41.2F2R-4: ผู้ป่วยเริ่มวางแผนอนาคตหรือเป้าหมายเล็กๆ
- F41.2F2R-5: ผู้ป่วยยอมรับการรักษาและเปิดใจมากขึ้น
……………………………………………………………………
F41.2F3: มีความวิตกกังวลเกินควบคุม
(Excessive Anxiety)
📌 Assessment (การประเมิน)
S:
- ผู้ป่วยพูดว่า “กังวลตลอดเวลา หยุดคิดไม่ได้”
- รู้สึกไม่สบายใจแม้ไม่มีเหตุให้เครียด
- บ่นว่าเหนื่อยง่าย ใจสั่น มือเย็น หรือเหงื่อออก
O:
- สังเกตเห็นอาการหายใจเร็ว ใจสั่น มือสั่น
- แสดงพฤติกรรมกระวนกระวาย เดินไปมา หรือกัดเล็บ
- ความดันหรือชีพจรสูงกว่าปกติขณะวิตก
- มีอาการนอนไม่หลับ หรือสะดุ้งกลางคืนบ่อย
🎯 Goals (เป้าหมาย)
- ลดระดับความวิตกกังวลให้อยู่ในเกณฑ์ควบคุมได้
- ผู้ป่วยสามารถจัดการความคิดได้ดีขึ้น
- ผู้ป่วยเรียนรู้และใช้วิธีผ่อนคลายได้ด้วยตนเอง
- อาการทางกายลดลงอย่างชัดเจน
📏 Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)
- ผู้ป่วยรายงานว่า “รู้สึกกังวลน้อยลง”
- อาการทางกาย เช่น ใจสั่น/เหงื่อ/หายใจเร็ว ลดลง
- ผู้ป่วยใช้เทคนิคผ่อนคลายได้ด้วยตัวเอง
- นอนหลับได้ดีขึ้น ไม่สะดุ้งตื่นกลางดึกบ่อย
🛠️ Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)
- F41.2F3I-1: ประเมินระดับความวิตกกังวล โดยใช้คำถามชี้เฉพาะ เช่น “ตอนนี้คุณรู้สึกไม่สบายใจแค่ไหน (0-10)”
- F41.2F3I-2: อยู่เป็นเพื่อนเมื่อผู้ป่วยแสดงอาการวิตกกังวลมาก เพื่อให้รู้สึกปลอดภัย
- F41.2F3I-3: สอนการหายใจลึกและช้า เพื่อควบคุมการหายใจและลดใจสั่น
- F41.2F3I-4: แนะนำเทคนิคผ่อนคลาย เช่น Progressive Muscle Relaxation หรือฟังเสียงธรรมชาติ
- F41.2F3I-5: สังเกตอาการทางกาย เช่น ความดัน หัวใจเต้นเร็ว และบันทึกผล
- F41.2F3I-6: สร้างตารางกิจกรรมง่ายๆ ที่ช่วยเบี่ยงเบนความคิด เช่น เดินเล่น ฟังเพลง อ่านหนังสือ
- F41.2F3I-7: สนับสนุนให้ผู้ป่วยเขียนบันทึกความรู้สึก เพื่อลดความตึงเครียดจากความคิดในใจ
- F41.2F3I-8: จำกัดข่าวสารหรือสื่อที่กระตุ้นความกังวล เช่น ข่าวร้ายหรือเนื้อหาดราม่า
- F41.2F3I-9: พูดคุยแบบเปิดใจ ช่วยผู้ป่วยแยกแยะสิ่งที่ “คิดไปเอง” กับ “ความจริง”
- F41.2F3I-10: ประสานจิตแพทย์หากอาการไม่ดีขึ้นหรือมีความเสี่ยงร่วม เช่น นอนไม่หลับเรื้อรัง
✅ Response (การตอบสนอง)
- F41.2F3R-1: ผู้ป่วยรายงานว่ารู้สึกผ่อนคลายมากขึ้นหลังใช้เทคนิคหายใจช้า
- F41.2F3R-2: อาการใจสั่น เหงื่อออก หายใจเร็ว ลดลงชัดเจน
- F41.2F3R-3: ผู้ป่วยสามารถมีสมาธิจดจ่อกับกิจกรรมง่ายๆ ได้บ้าง
- F41.2F3R-4: ผู้ป่วยหลับได้ง่ายขึ้น และไม่สะดุ้งตื่นบ่อย
- F41.2F3R-5: ผู้ป่วยแสดงท่าทีสงบมากขึ้นและเปิดใจพูดคุยได้
……………………………………………………
F41.2F4: มีความผิดปกติในการนอนหลับ
(Sleep disturbance)
📌 Assessment (การประเมิน)
S:
- ผู้ป่วยบ่นว่า “นอนไม่หลับเลย” หรือ “ตื่นบ่อย ฝันร้าย”
- พูดว่า “ตื่นมาแล้วไม่รู้สึกพักผ่อน”
O:
- สังเกตเห็นว่าผู้ป่วยดูอ่อนเพลีย ง่วงตลอดเวลา
- ใต้ตาคล้ำ สมาธิสั้น พูดช้าหรือดูเหนื่อย
- บางรายอาจนอนกลางวันมากกว่าปกติ
🎯 Goals (เป้าหมาย)
- ผู้ป่วยสามารถนอนได้อย่างต่อเนื่องอย่างน้อย 5–6 ชั่วโมงต่อคืน
- ผู้ป่วยรู้สึกพักผ่อนหลังตื่นนอน
- ลดอาการหลับยาก ตื่นกลางดึก หรือฝันร้ายลง
- ผู้ป่วยเรียนรู้วิธีดูแลสุขอนามัยการนอน (sleep hygiene)
📏 Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)
- ผู้ป่วยรายงานว่านอนได้ดีขึ้น และตื่นมารู้สึกสดชื่น
- ไม่มีอาการตื่นกลางดึกหรือฝันร้ายติดต่อกันหลายคืน
- ผู้ป่วยลดการพึ่งยานอนหลับหรือใช้เฉพาะตามแผนรักษา
- ผู้ป่วยปฏิบัติตามแนวทางการนอนที่แนะนำได้อย่างเหมาะสม
🛠️ Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)
- F41.2F4I-1: ประเมินรูปแบบการนอนของผู้ป่วย เช่น เวลานอนจริง ระยะเวลาหลับ ตื่นกลางดึกบ่อยแค่ไหน
- F41.2F4I-2: แนะนำหลักการ sleep hygiene เช่น เข้านอนตรงเวลา งดใช้มือถือก่อนนอน
- F41.2F4I-3: กระตุ้นให้ทำกิจกรรมกลางวัน เช่น เดิน ออกกำลังกายเล็กน้อย เพื่อให้เหนื่อยตามธรรมชาติ
- F41.2F4I-4: หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มกระตุ้น เช่น กาแฟ ชา หรือเครื่องดื่มหวาน ก่อนเข้านอน 4–6 ชม.
- F41.2F4I-5: จัดสิ่งแวดล้อมให้เหมาะกับการนอน เช่น ปิดไฟ ลดเสียง รักษาอุณหภูมิห้องให้นอนสบาย
- F41.2F4I-6: สอนเทคนิคผ่อนคลายก่อนนอน เช่น หายใจลึก ฟังเสียงธรรมชาติ นั่งสมาธิ
- F41.2F4I-7: หลีกเลี่ยงการนอนกลางวันนานเกินไป เพื่อส่งเสริมวงจรการนอนตามธรรมชาติ
- F41.2F4I-8: ประเมินผลข้างเคียงของยา (ถ้ามี) ที่อาจรบกวนการนอน เช่น ยากระตุ้นหรือยาซึม
- F41.2F4I-9: สนับสนุนให้ผู้ป่วยจดบันทึกการนอน (sleep diary) เพื่อวิเคราะห์และปรับพฤติกรรม
- F41.2F4I-10: ประสานจิตแพทย์เพื่อปรับยา/แนวทางหากอาการนอนไม่หลับไม่ดีขึ้นภายใน 3–5 วัน
✅ Response (การตอบสนอง)
- F41.2F4R-1: ผู้ป่วยสามารถหลับได้ต่อเนื่องนานกว่า 5 ชั่วโมง/คืน
- F41.2F4R-2: ผู้ป่วยรายงานว่ารู้สึกพักผ่อนหลังตื่น ไม่มีอาการเพลีย
- F41.2F4R-3: ผู้ป่วยหลีกเลี่ยงสิ่งรบกวนการนอนได้ดีขึ้น เช่น ไม่เล่นมือถือก่อนนอน
- F41.2F4R-4: ผู้ป่วยมีพฤติกรรมการนอนที่เป็นระบบ เช่น นอนตรงเวลา ตื่นตรงเวลา
- F41.2F4R-5: ไม่มีการใช้ยานอนหลับเกินคำแนะนำจากแพทย์
…………………………………………………………….
F41.2F5: เสี่ยงต่อภาวะโภชนาการไม่เพียงพอ
(Risk for imbalanced nutrition: less than body requirements)
📌 Assessment (การประเมิน)
S:
- ผู้ป่วยบ่นว่า “ไม่อยากกินอะไรเลย” หรือ “กินแล้วไม่รู้รส”
- บางรายกินจุกจิกทั้งวัน หรือกินมากผิดปกติเมื่อเครียด
O:
- สังเกตว่าอาหารที่รับไว้ไม่ถูกแตะหรือละทิ้งมื้อบ่อย
- น้ำหนักลด หรือเพิ่มอย่างรวดเร็วโดยไม่มีเหตุอื่น
- ผู้ป่วยมีอาการอ่อนเพลีย หน้าซีด ผิวแห้ง
🎯 Goals (เป้าหมาย)
- ผู้ป่วยมีน้ำหนักตัวอยู่ในเกณฑ์เหมาะสม
- ผู้ป่วยรับประทานอาหารได้เพียงพอกับความต้องการของร่างกาย
- ผู้ป่วยเข้าใจวิธีดูแลโภชนาการของตนเองอย่างเหมาะสม
- ป้องกันภาวะขาดสารอาหารหรือภาวะแทรกซ้อนที่เกี่ยวข้อง
📏 Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)
- น้ำหนักตัวคงที่หรือเพิ่มขึ้นตามเกณฑ์
- ผู้ป่วยรับประทานอาหารครบทุกมื้อ
- ผู้ป่วยไม่มีอาการอ่อนเพลียจากการขาดสารอาหาร
- ผู้ป่วยแสดงความเข้าใจเกี่ยวกับอาหารที่เหมาะสมกับภาวะของตนเอง
🛠️ Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)
- F41.2F5I-1: ชั่งน้ำหนักทุกวันหรือสัปดาห์ละ 2 ครั้ง ในเวลาเดียวกันเพื่อประเมินแนวโน้ม
- F41.2F5I-2: ประเมินความอยากอาหารและพฤติกรรมการกินในแต่ละวัน
- F41.2F5I-3: ปรึกษานักโภชนาการเพื่อจัดเมนูอาหารที่เหมาะกับสภาวะจิตใจและร่างกายของผู้ป่วย
- F41.2F5I-4: จัดอาหารในบรรยากาศผ่อนคลาย ไม่บังคับ ให้เลือกได้เองบางส่วน
- F41.2F5I-5: แบ่งอาหารเป็นมื้อย่อย 5–6 มื้อ หากผู้ป่วยรับประทานได้น้อยแต่บ่อย
- F41.2F5I-6: สนับสนุนให้รับประทานอาหารที่มีพลังงานและโปรตีนสูง เช่น นม ถั่ว ไข่
- F41.2F5I-7: หลีกเลี่ยงอาหารที่กระตุ้นหรือทำให้อารมณ์แปรปรวน เช่น เครื่องดื่มคาเฟอีนสูง
- F41.2F5I-8: สังเกตอาการข้างเคียงจากยาที่อาจส่งผลต่อความอยากอาหาร
- F41.2F5I-9: จัดกิจกรรมเบาๆ ก่อนมื้ออาหาร เช่น เดินช้าๆ ฟังเพลง เพื่อกระตุ้นความหิว
- F41.2F5I-10: ให้กำลังใจเมื่อผู้ป่วยพยายามรับประทาน และชื่นชมพฤติกรรมเชิงบวกเสมอ
✅ Response (การตอบสนอง)
- F41.2F5R-1: ผู้ป่วยรับประทานอาหารได้เพียงพอกับความต้องการในแต่ละวัน
- F41.2F5R-2: น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นหรือคงที่ในเกณฑ์เหมาะสม
- F41.2F5R-3: ไม่มีอาการอ่อนเพลีย หรือภาวะขาดสารอาหาร
- F41.2F5R-4: ผู้ป่วยมีสีหน้าสดใสและพลังงานในการทำกิจกรรมดีขึ้น
- F41.2F5R-5: ผู้ป่วยสามารถเลือกอาหารที่เหมาะสมกับตนเองได้
………………………………………………………….
F41.2F6: มีปัญหาในการดูแลตนเอง (Impaired
self-care ability)
📌 Assessment (การประเมิน)
S:
- ผู้ป่วยพูดว่า “ไม่อยากอาบน้ำ ไม่อยากทำอะไรเลย”
- บ่นว่าเหนื่อย เบื่อ ไม่อยากลุกจากเตียง
O:
- ผู้ป่วยแต่งกายไม่เรียบร้อย ผมยุ่ง หรือใส่เสื้อผ้าซ้ำหลายวัน
- กลิ่นตัวแรง หรือเล็บยาวสกปรก
- ไม่อาบน้ำ ล้างหน้า แปรงฟันเป็นประจำ
- ไม่ทำกิจวัตรประจำวัน เช่น กินข้าว เข้าห้องน้ำตรงเวลา
🎯 Goals (เป้าหมาย)
- ผู้ป่วยสามารถดูแลตนเองในกิจวัตรประจำวันได้
- ผู้ป่วยรับรู้ถึงความสำคัญของการดูแลสุขอนามัย
- ผู้ป่วยมีแรงจูงใจในการดูแลร่างกายและสิ่งแวดล้อมของตนเอง
- ผู้ป่วยเริ่มมีพฤติกรรมการดูแลตนเองอย่างต่อเนื่อง
📏 Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)
- ผู้ป่วยอาบน้ำ แปรงฟัน แต่งกายได้ด้วยตนเอง
- ผู้ป่วยแสดงความพึงพอใจในภาพลักษณ์ของตนเอง
- ผู้ป่วยสามารถทำกิจวัตรอย่างสม่ำเสมอ (อาบน้ำวันละครั้ง แต่งตัวเปลี่ยนเสื้อผ้า)
- สิ่งแวดล้อมรอบตัวผู้ป่วยสะอาดและเป็นระเบียบมากขึ้น
🛠️ Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)
- F41.2F6I-1: ประเมินความสามารถในการดูแลตนเองทั้ง 4 ด้าน: การกิน การอาบน้ำ การแต่งตัว การขับถ่าย
- F41.2F6I-2: พูดคุยให้เข้าใจถึงความสำคัญของสุขอนามัยและผลดีต่ออารมณ์
- F41.2F6I-3: วางแผนตารางกิจวัตรประจำวัน เช่น เวลาอาบน้ำ แปรงฟัน เปลี่ยนเสื้อผ้า
- F41.2F6I-4: กระตุ้นให้ผู้ป่วยทำกิจกรรมง่าย ๆ ก่อน เช่น ล้างหน้า หวีผม เพื่อสร้างความรู้สึกสำเร็จ
- F41.2F6I-5: จัดสิ่งแวดล้อมให้เอื้อต่อการดูแลตนเอง เช่น ห้องน้ำสะอาด มีอุปกรณ์พร้อม
- F41.2F6I-6: สนับสนุนด้วยคำพูดเชิงบวกทุกครั้งเมื่อผู้ป่วยพยายามดูแลตนเอง
- F41.2F6I-7: ให้ผู้ป่วยเลือกเสื้อผ้า หรือของใช้ที่ชอบ เพื่อเพิ่มความสนใจในการดูแลร่างกาย
- F41.2F6I-8: ถ้าผู้ป่วยไม่สามารถทำเองได้ ให้ช่วยอย่างเหมาะสมโดยไม่ทำแทนทั้งหมด
- F41.2F6I-9: ติดตามประเมินพฤติกรรมการดูแลตนเองทุกวัน
- F41.2F6I-10: ประสานทีมสุขภาพจิต หากมีแนวโน้มภาวะซึมเศร้ารุนแรงร่วม
✅ Response (การตอบสนอง)
- F41.2F6R-1: ผู้ป่วยอาบน้ำ แปรงฟัน และเปลี่ยนเสื้อผ้าทุกวัน
- F41.2F6R-2: ผู้ป่วยแสดงออกถึงความพึงพอใจเมื่อดูแลตนเองได้
- F41.2F6R-3: ผู้ป่วยสามารถทำกิจวัตรพื้นฐานได้อย่างต่อเนื่องโดยไม่ต้องเตือน
- F41.2F6R-4: ผู้ป่วยดูสะอาดและมีความมั่นใจมากขึ้น
- F41.2F6R-5: ผู้ป่วยมีแรงจูงใจในการดูแลสุขภาพตนเองเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
……………………………………….
F41.2F7: มีความรู้สึกด้อยคุณค่า
(Low self-esteem)
📌 Assessment (การประเมิน)
S:
- ผู้ป่วยพูดว่า “ฉันไม่มีค่าเลย” หรือ “ใครจะสนใจฉัน”
- แสดงความรู้สึกผิดตลอดเวลา หรือคิดว่าตนเองเป็นภาระผู้อื่น
O:
- หลีกเลี่ยงการสบตา พูดเสียงเบา
- มีท่าทีซึม ไม่กล้าแสดงความคิดเห็น
- ไม่กล้ารับคำชม หรือปฏิเสธคำชม เช่น “ไม่จริงหรอกค่ะ”
🎯 Goals (เป้าหมาย)
- ผู้ป่วยแสดงออกถึงการเห็นคุณค่าในตนเองมากขึ้น
- ผู้ป่วยกล้าแสดงความคิดเห็นหรือเข้าร่วมกิจกรรม
- ผู้ป่วยสามารถพูดถึงจุดแข็งของตนเองได้
- ลดความคิดลบต่อตนเองลงอย่างเห็นได้ชัด
📏 Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)
- ผู้ป่วยยอมรับจุดเด่นของตนเองได้อย่างน้อย 1-2 อย่าง
- ผู้ป่วยเข้าร่วมกิจกรรมกลุ่มหรือพูดคุยอย่างเปิดเผยมากขึ้น
- ลดพฤติกรรมพูดลบเกี่ยวกับตนเองลง
- แสดงความมั่นใจมากขึ้น เช่น กล้าสบตา พูดเสียงดังขึ้น
🛠️ Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)
- F41.2F7I-1: ประเมินคำพูดและพฤติกรรมที่สะท้อนความรู้สึกด้อยคุณค่าของผู้ป่วย
- F41.2F7I-2: รับฟังด้วยความเข้าใจ ไม่ตัดสิน ช่วยสะท้อนความรู้สึกอย่างตรงไปตรงมา
- F41.2F7I-3: กระตุ้นให้พูดถึงความสำเร็จในอดีต หรือสิ่งที่ตนเองเคยภาคภูมิใจ
- F41.2F7I-4: ชมในสิ่งที่ผู้ป่วยทำได้ แม้เป็นเรื่องเล็ก เช่น “วันนี้แต่งตัวเรียบร้อยมากค่ะ”
- F41.2F7I-5: ตั้งเป้าหมายง่ายๆ ที่ผู้ป่วยสามารถทำได้และให้กำลังใจเมื่อทำสำเร็จ
- F41.2F7I-6: ให้ผู้ป่วยเขียน “ข้อดีของตัวเอง” 3 ข้อในแต่ละวัน (เช่น ใจดี มีน้ำใจ)
- F41.2F7I-7: จัดกิจกรรมกลุ่มหรือกิจกรรมศิลปะ เพื่อให้ผู้ป่วยได้แสดงตนเองในเชิงบวก
- F41.2F7I-8: หลีกเลี่ยงการใช้คำพูดที่ประชด เหน็บแนมหรือเปรียบเทียบ
- F41.2F7I-9: กระตุ้นให้พูดถึงแผนในอนาคต เพื่อเสริมภาพลักษณ์ที่ดีต่อตนเอง
- F41.2F7I-10: ประสานนักจิตวิทยาหรือจิตแพทย์ หากผู้ป่วยมีพฤติกรรมทำร้ายตนเอง
✅ Response (การตอบสนอง)
- F41.2F7R-1: ผู้ป่วยพูดถึงตนเองในเชิงบวกหรือยอมรับคำชมได้
- F41.2F7R-2: ผู้ป่วยกล้าสบตา ยิ้มมากขึ้น และพูดเสียงดังขึ้น
- F41.2F7R-3: เข้าร่วมกิจกรรมกลุ่มหรือพูดแสดงความคิดเห็นบ้าง
- F41.2F7R-4: พฤติกรรมพูดลบเกี่ยวกับตนเองลดลง
- F41.2F7R-5: ผู้ป่วยแสดงให้เห็นถึงความมั่นใจในตนเองเพิ่มขึ้น
.....................................................
F41.2F8: มีปัญหาในการเข้าสังคม
(Social isolation)
📌 Assessment (การประเมิน)
S:
- ผู้ป่วยบอกว่า “ไม่อยากพบใครเลย” หรือ “ไม่ชอบพูดกับคนอื่น”
- รู้สึกกลัวหรือกังวลเวลาต้องเจอผู้คน
O:
- หลีกเลี่ยงการเข้ากลุ่ม ไม่ร่วมกิจกรรมกับผู้อื่น
- พูดน้อย หรือไม่ตอบสนองเมื่อมีคนถาม
- อยู่แต่ในห้องหรือมุมที่ไม่พบปะใคร
🎯 Goals (เป้าหมาย)
- ผู้ป่วยเริ่มมีการสื่อสารและปฏิสัมพันธ์กับคนรอบข้างมากขึ้น
- ผู้ป่วยรู้สึกปลอดภัยและมั่นใจเมื่ออยู่กับผู้อื่น
- ผู้ป่วยเข้าร่วมกิจกรรมกลุ่มได้อย่างน้อย 1 ครั้งต่อสัปดาห์
- ลดพฤติกรรมหลีกเลี่ยงสังคมอย่างชัดเจน
📏 Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)
- ผู้ป่วยตอบรับการสนทนาและเริ่มพูดคุยกับผู้อื่น
- ผู้ป่วยเข้าร่วมกิจกรรมกลุ่มหรือกิจกรรมสังคมอย่างน้อย
1 ครั้ง
- ผู้ป่วยรายงานความรู้สึกดีขึ้นเมื่ออยู่กับคนอื่น
- พฤติกรรมหลีกเลี่ยงลดลง เช่น ไม่ปิดประตูห้อง ไม่หลบสายตา
🛠️ Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)
- F41.2F8I-1: ประเมินระดับความวิตกกังวลเกี่ยวกับการเข้าสังคมของผู้ป่วย
- F41.2F8I-2: สร้างความสัมพันธ์เชิงบวกด้วยการพูดคุยแบบส่วนตัวก่อน เพื่อให้ผู้ป่วยรู้สึกปลอดภัย
- F41.2F8I-3: ส่งเสริมให้ผู้ป่วยเข้าร่วมกิจกรรมกลุ่มเล็กๆ ที่สนใจ เช่น งานศิลปะ หรือเกมง่าย ๆ
- F41.2F8I-4: สนับสนุนและให้กำลังใจเมื่อผู้ป่วยพยายามเข้าร่วมกิจกรรมสังคม
- F41.2F8I-5: สอนเทคนิคการผ่อนคลาย เช่น หายใจลึก เมื่อรู้สึกกังวลในสถานการณ์สังคม
- F41.2F8I-6: จัดสิ่งแวดล้อมให้เหมาะสม ลดเสียงดังหรือสิ่งรบกวนในบริเวณกิจกรรม
- F41.2F8I-7: ส่งต่อผู้ป่วยให้ได้รับการบำบัดทางจิตวิทยาแบบกลุ่มหากจำเป็น
- F41.2F8I-8: ให้ข้อมูลและชวนครอบครัวหรือเพื่อนสนิทช่วยสนับสนุนการเข้าสังคม
- F41.2F8I-9: ติดตามและบันทึกพฤติกรรมการเข้าสังคมเป็นระยะ
- F41.2F8I-10: สร้างแรงจูงใจโดยตั้งเป้าหมายเล็ก ๆ ในแต่ละวัน
✅ Response (การตอบสนอง)
- F41.2F8R-1: ผู้ป่วยเริ่มพูดคุยและตอบรับการสนทนา
- F41.2F8R-2: ผู้ป่วยเข้าร่วมกิจกรรมกลุ่มอย่างน้อย 1 ครั้งต่อสัปดาห์
- F41.2F8R-3: ผู้ป่วยรายงานความรู้สึกปลอดภัยและมั่นใจเมื่ออยู่กับคนอื่น
- F41.2F8R-4: พฤติกรรมหลีกเลี่ยงสังคมลดลงอย่างเห็นได้ชัด
- F41.2F8R-5: ผู้ป่วยแสดงความร่วมมือในการดูแลและบำบัดต่อเนื่อง
.........................................................
F41.2F9: ขาดความรู้ในการดูแลตนเอง
(Deficient knowledge about self-care and illness)
📌 Assessment (การประเมิน)
S:
- ผู้ป่วยพูดว่า “ไม่เข้าใจว่าทำไมรู้สึกแบบนี้” หรือ “ไม่รู้จะจัดการกับความเครียดยังไง”
- มีความสับสนเกี่ยวกับอาการและวิธีดูแลตนเอง
O:
- ผู้ป่วยมีคำถามเกี่ยวกับโรคและยา
- มีพฤติกรรมที่เสี่ยง เช่น งดยา หลีกเลี่ยงกิจกรรม
- ขาดความร่วมมือในการรักษา
🎯 Goals (เป้าหมาย)
- ผู้ป่วยเข้าใจสาเหตุและอาการของโรควิตกกังวลแบบปนเป
- ผู้ป่วยสามารถอธิบายวิธีดูแลตนเองและจัดการอารมณ์ได้
- ผู้ป่วยมีพฤติกรรมที่ส่งเสริมสุขภาพและการรักษา
- ลดความสับสนและเพิ่มความมั่นใจในการดูแลตนเอง
📏 Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)
- ผู้ป่วยสามารถเล่าอาการและสาเหตุของโรคได้อย่างถูกต้อง
- ผู้ป่วยปฏิบัติตามคำแนะนำเรื่องยาและการดูแลตนเอง
- ผู้ป่วยใช้เทคนิคผ่อนคลายและจัดการอารมณ์ได้
- ผู้ป่วยแสดงพฤติกรรมที่เหมาะสม เช่น มาตรวจตามนัด รับประทานยา
🛠️ Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)
- F41.2F9I-1: ประเมินความเข้าใจของผู้ป่วยเกี่ยวกับโรคและวิธีดูแลตนเอง
- F41.2F9I-2: อธิบายข้อมูลเกี่ยวกับโรควิตกกังวลแบบปนเป ด้วยภาษาง่าย ๆ และตัวอย่างชัดเจน
- F41.2F9I-3: สอนเทคนิคการจัดการอารมณ์ เช่น การหายใจลึก การผ่อนคลายกล้ามเนื้อ
- F41.2F9I-4: ให้เอกสารหรือสื่อการเรียนรู้ที่เข้าใจง่าย เช่น รูปภาพ วิดีโอ
- F41.2F9I-5: ตอบคำถามและแก้ไขความเข้าใจผิดอย่างใจเย็น
- F41.2F9I-6: ส่งเสริมให้ผู้ป่วยซักถามและบอกเล่าความรู้สึกอย่างเปิดเผย
- F41.2F9I-7: จัดกิจกรรมกลุ่มแลกเปลี่ยนความรู้กับผู้ป่วยคนอื่น
- F41.2F9I-8: ประสานทีมสหวิชาชีพ เช่น นักจิตวิทยา นักโภชนาการ เพื่อเสริมความรู้
- F41.2F9I-9: ตรวจสอบความเข้าใจซ้ำเป็นระยะ
- F41.2F9I-10: ให้กำลังใจและชมเชยเมื่อผู้ป่วยปฏิบัติตามคำแนะนำได้ดี
✅ Response (การตอบสนอง)
- F41.2F9R-1: ผู้ป่วยอธิบายโรคและอาการได้ถูกต้อง
- F41.2F9R-2: ผู้ป่วยปฏิบัติตามคำแนะนำเรื่องยาและการดูแลตนเอง
- F41.2F9R-3: ใช้เทคนิคผ่อนคลายเมื่อมีอาการวิตกกังวล
- F41.2F9R-4: ผู้ป่วยแสดงความมั่นใจในการดูแลตนเองเพิ่มขึ้น
- F41.2F9R-5: มีพฤติกรรมร่วมมือในการรักษาและตรวจติดตามอย่างต่อเนื่อง
........................................................
F41.2F10: วางแผนจำหน่ายไม่เพียงพอ
(Ineffective discharge planning)
📌 Assessment (การประเมิน)
S:
- ผู้ป่วยหรือญาติพูดว่า “ไม่รู้จะทำอย่างไรเมื่อกลับบ้าน”
- กังวลหรือวิตกเกี่ยวกับการดูแลตนเองหลังจำหน่าย
O:
- ไม่มีแผนการดูแลต่อเนื่องชัดเจน
- ขาดข้อมูลการนัดหมาย การใช้ยา หรือการดูแลสุขภาพ
- ญาติไม่เข้าใจบทบาทหรือหน้าที่ในการดูแล
🎯 Goals (เป้าหมาย)
- ผู้ป่วยและญาติมีความเข้าใจแผนการดูแลต่อเนื่องหลังจำหน่าย
- จัดทำแผนดูแลต่อเนื่องที่เหมาะสมและครอบคลุม
- ประสานทีมสหวิชาชีพเพื่อการดูแลครบวงจร
- ลดความเสี่ยงและภาวะแทรกซ้อนหลังจำหน่าย
📏 Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)
- ผู้ป่วยและญาติอธิบายขั้นตอนการดูแลตนเองที่บ้านได้
- มีแผนการนัดหมายติดตามผลชัดเจน
- ผู้ป่วยรับยาถูกต้องและเข้าใจวิธีใช้ยา
- ทีมสหวิชาชีพได้ประสานงานเรียบร้อยแล้ว
- ไม่มีเหตุการณ์ฉุกเฉินหรือกลับเข้าโรงพยาบาลซ้ำในระยะสั้น
🛠️ Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)
- F41.2F10I-1: ประเมินความเข้าใจและความพร้อมของผู้ป่วยและญาติในการดูแลที่บ้าน
- F41.2F10I-2: ให้ข้อมูลชัดเจนเกี่ยวกับโรค วิธีดูแล การใช้ยา และการปฏิบัติตัวหลังจำหน่าย
- F41.2F10I-3: วางแผนการนัดหมายติดตามผลกับแพทย์และทีมสหวิชาชีพ
- F41.2F10I-4: ประสานงานกับนักจิตวิทยา นักโภชนาการ หรือนักกายภาพบำบัดตามความจำเป็น
- F41.2F10I-5: จัดเตรียมเอกสารและคู่มือการดูแลสำหรับผู้ป่วยและญาติ
- F41.2F10I-6: สอนญาติและผู้ป่วยถึงสัญญาณอันตรายที่ต้องแจ้งทีมรักษาทันที
- F41.2F10I-7: แนะนำกลุ่มสนับสนุน หรือแหล่งช่วยเหลือในชุมชน
- F41.2F10I-8: ตรวจสอบความเข้าใจซ้ำและตอบคำถามอย่างละเอียด
- F41.2F10I-9: ติดตามผลหลังจำหน่ายทางโทรศัพท์หรือเยี่ยมบ้าน
- F41.2F10I-10: วางแผนปรับแผนการดูแลตามผลตอบรับและความต้องการของผู้ป่วย
✅ Response (การตอบสนอง)
- F41.2F10R-1: ผู้ป่วยและญาติเข้าใจและสามารถปฏิบัติตามแผนดูแลที่บ้านได้
- F41.2F10R-2: ผู้ป่วยรับยาถูกต้องและใช้ยาตามคำแนะนำ
- F41.2F10R-3: ผู้ป่วยมาตรวจติดตามตามนัดหมายครบถ้วน
- F41.2F10R-4: ลดการกลับมาโรงพยาบาลซ้ำจากภาวะแทรกซ้อน
- F41.2F10R-5: ผู้ป่วยรู้จักสัญญาณอันตรายและแจ้งทีมรักษาทันเวลา
......................................................................
เอกสารอ้างอิง
- กระทรวงสาธารณสุข. (2564). คู่มือการดูแลผู้ป่วยจิตเวชเบื้องต้น:
วิตกกังวลและซึมเศร้า. สำนักโรคไม่ติดต่อและสุขภาพจิต,
กรมสุขภาพจิต. [Online] เข้าถึงได้จาก:
https://www.dmh.go.th
- สมาคมจิตแพทย์แห่งประเทศไทย. (2563). แนวทางเวชปฏิบัติ
โรควิตกกังวลและภาวะซึมเศร้า. กรุงเทพฯ:
สมาคมจิตแพทย์แห่งประเทศไทย.
- American Psychiatric Association. (2013). Diagnostic and Statistical Manual of Mental Disorders (DSM-5), 5th Edition. Arlington, VA: American Psychiatric Publishing.
- World Health Organization. (2019). International Classification of Diseases 11th Revision (ICD-11). Geneva: WHO. Available at: https://icd.who.int/
.......................................................................