เกี่ยวกับฉัน

รูปภาพของฉัน
เมือง, พิษณุโลก, Thailand

วันพฤหัสบดีที่ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2568

EP.73 จิตเวชหัวข้อ 33 : ภาวะบุคลิกภาพผิดปกติแบบต่อต้านสังคม (Antisocial Personality) F60.2

 

🧠 ภาวะบุคลิกภาพผิดปกติแบบต่อต้านสังคม (F60.2)

พฤติกรรมไม่แคร์กฎ ไม่เกรงใจใคร เสี่ยงผิดกฎหมาย

พยาธิสภาพ / พบได้บ่อยช่วงอายุเท่าไร

  • เริ่มแสดงพฤติกรรมตั้งแต่วัยรุ่น
  • พบบ่อยในผู้ชายมากกว่าผู้หญิง
  • มีลักษณะบุคลิกภาพไม่แคร์ผู้อื่น ขาดความสำนึกผิด

อาการเด่น

  • หลอกลวง ฉวยโอกาส ไม่มีความเห็นใจ
  • หุนหันพลันแล่น ชอบเสี่ยงผิดกฎหมาย
  • ไม่รับผิดชอบต่อหน้าที่/คนรอบข้าง
  • ไม่มีความรู้สึกผิดแม้ทำให้คนอื่นเดือดร้อน

ปัจจัยเสี่ยง

  • ครอบครัวไม่อบอุ่น หรือมีปัญหาในวัยเด็ก
  • ประวัติใช้สารเสพติด
  • เคยมีพฤติกรรมผิดปกติในวัยเด็ก (Conduct disorder)
  • พันธุกรรมหรือสมองบางส่วนทำงานผิดปกติ

การรักษา

  • จิตบำบัดอย่างต่อเนื่อง เพื่อปรับความคิดและพฤติกรรม
  • ยา: อาจใช้ควบคุมอารมณ์ หงุดหงิด หรือภาวะร่วมอื่นๆ
  • ต้องอาศัยความร่วมมือและแรงสนับสนุนจากครอบครัว

การพยาบาล

  • เน้นสร้างความสัมพันธ์ที่มั่นคง ปลอดภัย
  • สังเกตพฤติกรรมเสี่ยง เช่น การทำร้ายผู้อื่นหรือฝ่าฝืนกฎ
  • สื่อสารตรงไปตรงมา ใช้กติกาชัดเจน
  • สนับสนุนให้เกิดพฤติกรรมที่เหมาะสมในสังคม

การดูแลสำหรับบุคคลทั่วไป

  • อย่าปะทะตรงๆ พยายามหลีกเลี่ยงสถานการณ์เสี่ยง
  • พูดคุยด้วยเหตุผล ไม่ใช้อารมณ์
  • แนะนำพบจิตแพทย์หรือสายด่วนสุขภาพจิต 1323
  • หากอยู่ร่วมกัน ควรมีกฎกติกาที่ชัดเจน และมีการป้องกันตัวเอง

..............................................

วินิจฉัยการพยาบาล

  1. F60.2F1 มีพฤติกรรมรุนแรงหรือก้าวร้าวต่อผู้อื่น (Risk for violence toward others) ผู้ป่วยมีแนวโน้มใช้ความรุนแรงโดยไม่รู้สึกผิด อาจเป็นอันตรายต่อผู้อื่น
  2. F60.2F2 มีพฤติกรรมฝ่าฝืนกฎ ขาดการควบคุมตนเอง (Impaired impulse control) ผู้ป่วยมักทำตามใจ ไม่ยับยั้งชั่งใจ ฝ่าฝืนกฎสังคมหรือคำสั่งเจ้าหน้าที่
  3. F60.2F3 ขาดความรับผิดชอบต่อตนเองและสังคม (Ineffective coping related to irresponsibility) ไม่สามารถรับผิดชอบหน้าที่ส่วนตัว หรือบทบาทในสังคมได้อย่างเหมาะสม
  4. F60.2F4 มีพฤติกรรมหลอกลวง ฉวยโอกาส (Ineffective role performance related to manipulative behavior) ใช้คำพูดหรือการกระทำเพื่อหลอกลวง เอาเปรียบผู้อื่นเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว
  5. F60.2F5 ขาดความสามารถในการสร้างความสัมพันธ์ที่ดี (Impaired social interaction) ไม่สามารถสร้างความสัมพันธ์ที่เหมาะสมกับผู้อื่น ขาดความเห็นอกเห็นใจ
  6. F60.2F6 ขาดแรงจูงใจในการเปลี่ยนแปลงตนเอง (Readiness for enhanced self-concept: low motivation) ไม่ตระหนักถึงปัญหาของตนเอง ปฏิเสธการรักษา หรือไม่ให้ความร่วมมือ
  7. F60.2F7 ขาดความรู้เกี่ยวกับโรคและผลกระทบของพฤติกรรม (Deficient knowledge about illness and behavior consequences) ไม่เข้าใจโรคของตนเอง และผลที่ตามมาจากพฤติกรรมเสี่ยง เช่น การกระทำผิดกฎหมาย
  8. F60.2F8 มีพฤติกรรมเสี่ยงต่อการใช้สารเสพติดร่วม (Risk for substance abuse) ผู้ป่วยกลุ่มนี้มีแนวโน้มใช้สารเสพติดเพื่อกระตุ้นหรือหลีกหนีความรู้สึก
  9. F60.2F9 ขาดระบบสนับสนุนทางสังคม (Interrupted family processes / Ineffective support system) ครอบครัวไม่สามารถให้การดูแลหรือเข้าใจผู้ป่วยได้เพียงพอ อาจเกิดความขัดแย้ง
  10. F60.2F10 ความเสี่ยงต่อการกลับเป็นซ้ำและต้องกลับมารักษาซ้ำ (Risk for relapse and readmission) ผู้ป่วยมีโอกาสกลับไปสู่พฤติกรรมเดิมหลังจำหน่าย หากไม่มีแผนการติดตามดูแลต่อเนื่อง

………………………………………………………………………………

F60.2F1: มีพฤติกรรมรุนแรงหรือก้าวร้าวต่อผู้อื่น (Risk for violence toward others)

🩺 Assessment (การประเมิน)

S:

  • ผู้ป่วยพูดจาขู่เข็ญ ข่มขู่เจ้าหน้าที่และผู้ป่วยคนอื่น
  • ผู้ป่วยแสดงความไม่พอใจอย่างรุนแรงเมื่อไม่ได้ดั่งใจ

O:

  • ผู้ป่วยแสดงพฤติกรรมเดินกระวนกระวาย กำมือแน่น
  • จ้องหน้าผู้อื่นด้วยสีหน้าโกรธเกรี้ยว
  • เคยมีประวัติทำร้ายผู้อื่นหรือสิ่งของ
  • ระดับความรู้สึกผิดต่ำหรือไม่มีเลย
  • ไม่สามารถควบคุมอารมณ์ได้ดี

🎯 Goals (เป้าหมาย)

  • ผู้ป่วยปลอดภัย ไม่ทำร้ายตนเองหรือผู้อื่น
  • ลดความเสี่ยงของพฤติกรรมรุนแรงลง
  • ผู้ป่วยมีพฤติกรรมสงบขึ้นในระหว่างอยู่ในหอผู้ป่วย
  • ผู้ป่วยเรียนรู้วิธีควบคุมตนเองอย่างเหมาะสม

✅ Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)

  • ผู้ป่วยไม่มีพฤติกรรมรุนแรงภายใน 24–72 ชั่วโมง
  • ผู้ป่วยสามารถควบคุมอารมณ์ได้ดีขึ้นเมื่อเผชิญสิ่งกระตุ้น
  • ผู้ป่วยตอบสนองต่อคำแนะนำและแสดงท่าทีร่วมมือกับเจ้าหน้าที่
  • ไม่มีรายงานเหตุการณ์ทำร้ายร่างกายหรือขู่เข็ญระหว่างดูแล

💡 Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)

  • F60.2F1I-1: ประเมินพฤติกรรมเสี่ยงรุนแรง เช่น ท่าทาง น้ำเสียง ประวัติการใช้ความรุนแรง เพื่อวางแผนป้องกัน
  • F60.2F1I-2: ดูแลให้ผู้ป่วยอยู่ในสภาพแวดล้อมปลอดภัย หลีกเลี่ยงสิ่งของที่อาจนำไปใช้ทำร้ายผู้อื่น
  • F60.2F1I-3: เฝ้าระวังพฤติกรรมของผู้ป่วยอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะเมื่อมีอารมณ์เปลี่ยนแปลงกะทันหัน
  • F60.2F1I-4: ใช้การพูดคุยอย่างสงบ ไม่ท้าทายหรือเผชิญหน้า เพื่อป้องกันการกระตุ้นอารมณ์รุนแรง
  • F60.2F1I-5: ให้ผู้ป่วยระบายความรู้สึกในทางสร้างสรรค์ เช่น การวาดภาพ เขียน หรือพูดกับเจ้าหน้าที่ที่ไว้วางใจ
  • F60.2F1I-6: หากจำเป็น ใช้มาตรการจำกัดพฤติกรรมตามแนวทางที่ปลอดภัยและถูกต้องตามจริยธรรม
  • F60.2F1I-7: ส่งเสริมให้ผู้ป่วยเรียนรู้เทคนิคผ่อนคลาย เช่น การหายใจลึกๆ หรือกำหนดจุดโฟกัสทางใจ
  • F60.2F1I-8: สื่อสารและรายงานพฤติกรรมเสี่ยงต่อทีมสหวิชาชีพเพื่อร่วมกันวางแผนดูแล
  • F60.2F1I-9: ให้ข้อมูลแก่ครอบครัวในการสังเกตสัญญาณเตือนและวิธีตอบสนองเบื้องต้น
  • F60.2F1I-10: ติดตามพฤติกรรมและปรับแผนการดูแลอย่างต่อเนื่องตามการตอบสนองของผู้ป่วย

📊 Response (การตอบสนอง)

  • F60.2F1R-1: ผู้ป่วยไม่มีพฤติกรรมรุนแรงหรือข่มขู่ภายใน 72 ชั่วโมง
  • F60.2F1R-2: ผู้ป่วยแสดงพฤติกรรมที่สงบและมีอารมณ์คงที่มากขึ้น
  • F60.2F1R-3: ผู้ป่วยเริ่มใช้วิธีระบายความเครียดอย่างสร้างสรรค์ตามที่แนะนำ
  • F60.2F1R-4: ผู้ป่วยสามารถร่วมมือในการปฏิบัติตามคำแนะนำของพยาบาลได้อย่างต่อเนื่อง
  • F60.2F1R-5: ครอบครัวสามารถเข้าใจและให้การสนับสนุนผู้ป่วยอย่างเหมาะสม

…………………………………………………………….

F60.2F2 มีพฤติกรรมฝ่าฝืนกฎ ขาดการควบคุมตนเอง (Impaired impulse control)

🩺 Assessment (การประเมิน)

S:

  • ผู้ป่วยกล่าวว่า “ผมจะทำอะไรก็ได้ ไม่ต้องมีใครมาสั่ง”
  • ผู้ป่วยไม่รู้สึกผิดเมื่อทำผิดกฎของหอผู้ป่วย

O:

  • ผู้ป่วยฝ่าฝืนกฎ เช่น แอบออกนอกพื้นที่, ไม่ปฏิบัติตามคำแนะนำ
  • มีพฤติกรรมหุนหันพลันแล่น เช่น ใช้คำพูดหยาบคาย, ขัดขืนเจ้าหน้าที่
  • ขาดความยับยั้งชั่งใจ ทำสิ่งที่เป็นอันตรายโดยไม่คิดล่วงหน้า
  • ไม่มีการวางแผนหรือไตร่ตรองผลกระทบจากการกระทำของตน

🎯 Goals (เป้าหมาย)

  • ผู้ป่วยสามารถควบคุมตนเองและปฏิบัติตามกฎของหอผู้ป่วยได้
  • ลดพฤติกรรมหุนหันพลันแล่นที่อาจก่อให้เกิดอันตราย
  • ผู้ป่วยสามารถแสดงพฤติกรรมที่เหมาะสมในสถานการณ์ต่างๆ
  • ส่งเสริมความตระหนักรู้ถึงผลกระทบของพฤติกรรมตนเอง

✅ Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)

  • ผู้ป่วยลดพฤติกรรมฝ่าฝืนกฎภายใน 48–72 ชั่วโมง
  • ผู้ป่วยตอบสนองต่อคำแนะนำด้วยท่าทีร่วมมือมากขึ้น
  • ไม่มีพฤติกรรมอันตรายต่อผู้อื่นหรือตนเอง
  • ผู้ป่วยแสดงทักษะควบคุมตนเองในสถานการณ์ที่กระตุ้นอารมณ์

💡 Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)

  • F60.2F2I-1: ประเมินลักษณะพฤติกรรมที่ฝ่าฝืนกฎและปัจจัยที่กระตุ้นพฤติกรรม
  • F60.2F2I-2: ให้ข้อมูลแก่ผู้ป่วยถึงกฎระเบียบและผลกระทบจากการฝ่าฝืนในลักษณะที่ไม่เผชิญหน้า
  • F60.2F2I-3: จัดสิ่งแวดล้อมที่มีโครงสร้างชัดเจน ลดสิ่งกระตุ้นที่อาจก่อให้เกิดการฝ่าฝืนกฎ
  • F60.2F2I-4: ใช้วิธีการเสริมแรงทางบวก (Positive reinforcement) เมื่อผู้ป่วยแสดงพฤติกรรมเหมาะสม
  • F60.2F2I-5: กระตุ้นให้ผู้ป่วยฝึกคิดก่อนทำ เช่น พูดช้าๆ นับเลข หายใจลึกๆ เมื่อรู้สึกอยากฝ่าฝืนกฎ
  • F60.2F2I-6: ให้ผู้ป่วยมีส่วนร่วมในการตั้งกฎร่วมกับกลุ่ม เพื่อเพิ่มความร่วมมือ
  • F60.2F2I-7: จัดกิจกรรมที่สร้างความภาคภูมิใจ เช่น งานกลุ่ม, งานที่มีเป้าหมาย เพื่อเบี่ยงเบนพฤติกรรม
  • F60.2F2I-8: พูดคุยกับผู้ป่วยหลังเกิดเหตุการณ์ เพื่อสะท้อนความคิดและความรู้สึกอย่างไม่ตัดสิน
  • F60.2F2I-9: สื่อสารกับทีมสหวิชาชีพเพื่อร่วมกันวางแผนลดพฤติกรรมฝ่าฝืนกฎ
  • F60.2F2I-10: ให้ข้อมูลและแนวทางครอบครัวในการรับมือกับพฤติกรรมของผู้ป่วยที่บ้าน

📊 Response (การตอบสนอง)

  • F60.2F2R-1: ผู้ป่วยปฏิบัติตามกฎของหอผู้ป่วยอย่างต่อเนื่อง 3 วันขึ้นไป
  • F60.2F2R-2: ผู้ป่วยลดพฤติกรรมหุนหันพลันแล่นและแสดงการควบคุมตนเองดีขึ้น
  • F60.2F2R-3: ผู้ป่วยแสดงความเข้าใจผลกระทบของพฤติกรรมตนเอง
  • F60.2F2R-4: ผู้ป่วยมีส่วนร่วมในกิจกรรมกลุ่มโดยไม่ขัดขืนกฎ
  • F60.2F2R-5: ครอบครัวรายงานว่าผู้ป่วยแสดงพฤติกรรมที่เหมาะสมมากขึ้นเมื่อกลับบ้าน

…………………………………………………………..

F60.2F3 ขาดความรับผิดชอบต่อตนเองและสังคม (Ineffective coping related to irresponsibility)

 🩺 Assessment (การประเมิน)

S:

  • ผู้ป่วยพูดว่า “ฉันไม่สนอะไรทั้งนั้น ใครจะทำไม”
  • ผู้ป่วยกล่าวว่า “ไม่เห็นจำเป็นต้องรับผิดชอบอะไรเลย”

O:

  • ผู้ป่วยละเลยการรับประทานยา
  • ไม่ร่วมกิจกรรมกลุ่ม ไม่สนใจบทบาทตนเองในครอบครัว/สังคม
  • ถูกแจ้งเตือนเรื่องพฤติกรรมหลายครั้งแต่ไม่ปรับเปลี่ยน
  • มีประวัติหลีกเลี่ยงความรับผิดชอบ เช่น การทำงาน การเรียน หรือหน้าที่ในบ้าน

🎯 Goals (เป้าหมาย)

  • ผู้ป่วยแสดงพฤติกรรมที่รับผิดชอบต่อตนเองอย่างเหมาะสม
  • ผู้ป่วยมีส่วนร่วมในบทบาททางสังคมตามสมควร
  • ลดพฤติกรรมหลีกเลี่ยงหน้าที่และส่งเสริมทักษะเผชิญปัญหาอย่างเหมาะสม

✅ Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)

  • ผู้ป่วยสามารถปฏิบัติหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายได้ต่อเนื่องอย่างน้อย 3 วัน
  • ผู้ป่วยพูดถึงความสำคัญของการรับผิดชอบตนเองได้
  • ลดพฤติกรรมปฏิเสธหรือเพิกเฉยต่อหน้าที่ของตน

💡 Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)

  • F60.2F3I-1: ประเมินระดับความสามารถในการดูแลตนเองและความเข้าใจเกี่ยวกับบทบาทหน้าที่
  • F60.2F3I-2: ให้คำแนะนำเกี่ยวกับความสำคัญของบทบาทหน้าที่ที่เหมาะสมกับวัยและบริบทสังคม
  • F60.2F3I-3: ตั้งเป้าหมายรายวัน/รายสัปดาห์ร่วมกับผู้ป่วย เช่น ทำกิจวัตรประจำวันให้ครบ
  • F60.2F3I-4: สังเกตพฤติกรรมที่แสดงความรับผิดชอบ และให้การเสริมแรงทางบวกเมื่อมีพฤติกรรมเหมาะสม
  • F60.2F3I-5: ฝึกผู้ป่วยวางแผนการใช้ชีวิต เช่น การจัดตารางเวลา หรือการตั้งเตือนความจำ
  • F60.2F3I-6: จัดกิจกรรมกลุ่มเพื่อฝึกบทบาทหน้าที่ เช่น การมีหน้าที่ในทีมย่อย
  • F60.2F3I-7: ส่งเสริมให้ผู้ป่วยสะท้อนความรู้สึกและผลกระทบจากการละเลยหน้าที่
  • F60.2F3I-8: สื่อสารกับครอบครัวเพื่อให้เข้าใจพฤติกรรมผู้ป่วย และช่วยสนับสนุนเชิงบวก
  • F60.2F3I-9: ประสานกับนักสังคมสงเคราะห์หรือนักจิตวิทยาเพื่อเสริมทักษะชีวิต
  • F60.2F3I-10: เตรียมแผนดูแลต่อเนื่องหลังจำหน่าย เพื่อสนับสนุนการรับผิดชอบของผู้ป่วยในระยะยาว

📊 Response (การตอบสนอง)

  • F60.2F3R-1: ผู้ป่วยสามารถรับผิดชอบต่อกิจกรรมส่วนตัวได้ต่อเนื่อง ≥ 3 วัน
  • F60.2F3R-2: ผู้ป่วยเข้าร่วมกิจกรรมกลุ่มตามบทบาทที่ได้รับ
  • F60.2F3R-3: ผู้ป่วยพูดถึงความสำคัญของการมีบทบาทในสังคมได้อย่างเหมาะสม
  • F60.2F3R-4: ผู้ป่วยลดการพูด/แสดงพฤติกรรมปฏิเสธหน้าที่
  • F60.2F3R-5: ครอบครัวรายงานว่าผู้ป่วยมีพฤติกรรมรับผิดชอบเพิ่มขึ้นที่บ้าน

..............................................

F60.2F4 มีพฤติกรรมหลอกลวง ฉวยโอกาส (Ineffective role performance related to manipulative behavior)

🩺 Assessment (การประเมิน)

S:

  • ผู้ป่วยกล่าวว่า “ผมพูดให้เขาสงสาร จะได้ช่วยผม”
  • มันก็แค่โกหกเล็กๆ น้อยๆ ไม่เห็นเป็นไรเลย”

O:

  • ผู้ป่วยใช้คำพูดหรือการกระทำเพื่อให้เจ้าหน้าที่/เพื่อนผู้ป่วยเข้าใจผิด
  • สังเกตว่าผู้ป่วยพยายามเอาเปรียบผู้อื่น เช่น ขอของกินหรือผลประโยชน์เกินสิทธิ
  • มีประวัติการโกหกหรือบิดเบือนความจริงเพื่อหลีกเลี่ยงความผิด

🎯 Goals (เป้าหมาย)

  • ผู้ป่วยลดพฤติกรรมหลอกลวงและเริ่มยอมรับความจริง
  • ผู้ป่วยเรียนรู้บทบาทของตนเองในสังคมและแสดงบทบาทอย่างเหมาะสม
  • ผู้ป่วยสามารถแยกแยะพฤติกรรมที่เหมาะสม/ไม่เหมาะสมได้

✅ Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)

  • ผู้ป่วยหยุดใช้คำพูดบิดเบือนหรือหลอกลวงติดต่อกัน ≥ 3 วัน
  • ผู้ป่วยแสดงพฤติกรรมตรงตามความจริงมากขึ้น
  • มีการร่วมกิจกรรมในบทบาทของตนโดยไม่แสวงหาประโยชน์จากผู้อื่น

💡 Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)

  • F60.2F4I-1: ประเมินพฤติกรรมการหลอกลวงหรือฉวยโอกาสที่เกิดขึ้นบ่อยและผลกระทบ
  • F60.2F4I-2: ให้ผู้ป่วยตระหนักถึงผลลัพธ์ที่ตามมาของพฤติกรรมหลอกลวงอย่างเป็นรูปธรรม
  • F60.2F4I-3: สร้างความสัมพันธ์ที่มั่นคงและยึดหลักความจริง สม่ำเสมอ ไม่ตามใจ
  • F60.2F4I-4: ตั้งกฎเกณฑ์ชัดเจน และบังคับใช้อย่างสม่ำเสมอเมื่อละเมิด
  • F60.2F4I-5: ใช้วิธีสื่อสารตรงและไม่เปิดโอกาสให้มีการบิดเบือนความจริง
  • F60.2F4I-6: ฝึกทักษะการสื่อสารเชิงสร้างสรรค์ เช่น การแสดงความต้องการโดยไม่โกหก
  • F60.2F4I-7: สะท้อนกลับพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม โดยไม่ตำหนิแต่ให้ข้อมูลจริง
  • F60.2F4I-8: ส่งเสริมให้ผู้ป่วยรับผิดชอบต่อพฤติกรรมตนเอง เช่น การขอโทษหากทำผิด
  • F60.2F4I-9: จัดกิจกรรมกลุ่มฝึกบทบาทในสังคมเพื่อส่งเสริมพฤติกรรมเหมาะสม
  • F60.2F4I-10: ประสานครอบครัวให้เข้าใจลักษณะของโรค และช่วยสังเกตพฤติกรรมที่บ้าน

📊 Response (การตอบสนอง)

  • F60.2F4R-1: ผู้ป่วยสามารถยอมรับความจริงได้มากขึ้นโดยไม่บิดเบือน
  • F60.2F4R-2: ลดการพูดหรือแสดงพฤติกรรมหลอกลวงติดต่อกัน ≥ 3 วัน
  • F60.2F4R-3: ผู้ป่วยปฏิบัติตนตามกฎเกณฑ์ในหน่วยบริการได้ต่อเนื่อง
  • F60.2F4R-4: ผู้ป่วยมีส่วนร่วมในกิจกรรมกลุ่มโดยไม่ฉวยโอกาสหรือเอาเปรียบผู้อื่น
  • F60.2F4R-5: ครอบครัวและเจ้าหน้าที่รายงานพฤติกรรมหลอกลวงลดลงอย่างชัดเจน

……………………………………………….

F60.2F5 ขาดความสามารถในการสร้างความสัมพันธ์ที่ดี (Impaired social interaction)

🩺 Assessment (การประเมิน)

S:

  • ผู้ป่วยกล่าวว่า “คนอื่นไม่เคยเข้าใจผมอยู่แล้ว”
  • ผมไม่จำเป็นต้องสนใจความรู้สึกของใคร”

O:

  • ผู้ป่วยมีพฤติกรรมโดดเดี่ยว ไม่ร่วมกิจกรรมกับผู้อื่น
  • แสดงท่าทีเย็นชา ไม่มีความเห็นอกเห็นใจต่อผู้ป่วยหรือเจ้าหน้าที่
  • มีประวัติทะเลาะหรือขัดแย้งกับคนรอบข้างบ่อยครั้ง

🎯 Goals (เป้าหมาย)

  • ผู้ป่วยสามารถมีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่นได้อย่างเหมาะสม
  • ลดความขัดแย้งและความโดดเดี่ยวในสังคม
  • เริ่มเรียนรู้การแสดงความเห็นอกเห็นใจและเข้าใจผู้อื่นมากขึ้น

✅ Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)

  • ผู้ป่วยเข้าร่วมกิจกรรมกลุ่มอย่างสม่ำเสมอ ≥ 3 ครั้ง/สัปดาห์
  • ไม่มีพฤติกรรมขัดแย้งหรือก้าวร้าวต่อผู้อื่น ≥ 3 วันติดต่อกัน
  • แสดงพฤติกรรมเห็นอกเห็นใจ เช่น การรับฟังหรือช่วยเหลือผู้อื่น ≥ 1 ครั้ง/วัน

💡 Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)

  • F60.2F5I-1: ประเมินรูปแบบการเข้าสังคมของผู้ป่วยและความสามารถในการสร้างสัมพันธ์
  • F60.2F5I-2: สังเกตพฤติกรรมที่แสดงถึงการต่อต้าน หรือไม่ยอมรับผู้อื่น
  • F60.2F5I-3: ส่งเสริมการเข้าร่วมกิจกรรมกลุ่มหรือกลุ่มบำบัด เพื่อฝึกทักษะทางสังคม
  • F60.2F5I-4: ให้คำแนะนำเชิงบวกเมื่อผู้ป่วยมีพฤติกรรมเหมาะสมต่อผู้อื่น
  • F60.2F5I-5: ตั้งกติกาชัดเจนในการมีปฏิสัมพันธ์ เช่น พูดสุภาพ ไม่ก้าวร้าว
  • F60.2F5I-6: ฝึกการสื่อสารเชิงบวก เช่น การฟัง การพูดโดยไม่ตำหนิ
  • F60.2F5I-7: สนทนาเป็นรายบุคคลเพื่อสะท้อนพฤติกรรมที่เกิดขึ้น พร้อมให้คำแนะนำ
  • F60.2F5I-8: เชิญชวนให้ผู้ป่วยแสดงความรู้สึกผ่านกิจกรรม เช่น วาดภาพ เขียนบันทึก
  • F60.2F5I-9: ประสานนักจิตวิทยาหรือผู้เชี่ยวชาญเพื่อให้คำปรึกษาเชิงลึก
  • F60.2F5I-10: ส่งเสริมการมีส่วนร่วมของครอบครัวในการเข้าใจธรรมชาติของพฤติกรรมผู้ป่วย

📊 Response (การตอบสนอง)

  • F60.2F5R-1: ผู้ป่วยเริ่มพูดคุยกับผู้อื่นด้วยถ้อยคำที่เหมาะสม
  • F60.2F5R-2: ผู้ป่วยแสดงพฤติกรรมที่เป็นมิตร เช่น การทักทายหรือช่วยเหลือเพื่อน
  • F60.2F5R-3: เข้าร่วมกิจกรรมกลุ่มต่อเนื่อง ≥ 3 ครั้ง/สัปดาห์
  • F60.2F5R-4: ลดพฤติกรรมโต้แย้ง ก้าวร้าว หรือหลีกเลี่ยงสังคมลงชัดเจน
  • F60.2F5R-5: ผู้ป่วยสามารถพูดถึงความรู้สึกของตนเองและผู้อื่นได้ดีขึ้น

……………………………………………………………………

F60.2F6 ขาดแรงจูงใจในการเปลี่ยนแปลงตนเอง (Readiness for enhanced self-concept: low motivation)

🩺 Assessment (การประเมิน)

S:

  • ผมไม่เห็นว่าผมมีปัญหาอะไร”
  • ปฏิเสธการรักษาและคำแนะนำจากเจ้าหน้าที่

O:

  • ปฏิเสธเข้าร่วมกิจกรรมบำบัดหรือการรักษา
  • ไม่แสดงความร่วมมือในกระบวนการรักษา
  • แสดงท่าทีไม่สนใจหรือไม่รับฟังคำแนะนำ

🎯 Goals (เป้าหมาย)

  • ผู้ป่วยยอมรับว่ามีปัญหาที่ต้องแก้ไข
  • ผู้ป่วยเริ่มแสดงความสนใจในการเปลี่ยนแปลงตนเอง
  • ผู้ป่วยร่วมมือในการรักษาและปฏิบัติตามคำแนะนำ

✅ Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)

  • ผู้ป่วยเข้าร่วมกิจกรรมบำบัด ≥ 1 ครั้ง/สัปดาห์
  • ผู้ป่วยแสดงท่าทีเปิดใจและร่วมมือ ≥ 3 วันติดต่อกัน
  • ผู้ป่วยยอมรับคำแนะนำจากเจ้าหน้าที่ ≥ 2 ครั้งในสัปดาห์

💡 Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)

  • F60.2F6I-1: ประเมินทัศนคติและความเข้าใจของผู้ป่วยเกี่ยวกับปัญหาของตนเอง
  • F60.2F6I-2: ให้ข้อมูลและให้ความรู้เกี่ยวกับผลกระทบของพฤติกรรมต่อตนเองและผู้อื่นอย่างชัดเจน
  • F60.2F6I-3: ใช้เทคนิคการสื่อสารที่ไม่ตัดสิน เช่น การฟังอย่างตั้งใจ และให้โอกาสผู้ป่วยพูดความรู้สึก
  • F60.2F6I-4: ส่งเสริมความรู้สึกปลอดภัยและไว้วางใจระหว่างผู้ป่วยกับทีมรักษา
  • F60.2F6I-5: จัดกิจกรรมที่กระตุ้นแรงจูงใจ เช่น การตั้งเป้าหมายเล็ก ๆ ที่ทำได้จริง
  • F60.2F6I-6: สร้างแรงจูงใจด้วยการชื่นชมและยอมรับความพยายามของผู้ป่วย
  • F60.2F6I-7: ประสานงานกับนักจิตวิทยาหรือผู้เชี่ยวชาญ เพื่อสนับสนุนการสร้างแรงจูงใจ
  • F60.2F6I-8: ให้ครอบครัวมีส่วนร่วมในการสนับสนุนและกระตุ้นผู้ป่วย
  • F60.2F6I-9: สร้างบรรยากาศที่ไม่กดดัน ให้ผู้ป่วยรู้สึกว่าการเปลี่ยนแปลงเป็นทางเลือกของตนเอง
  • F60.2F6I-10: ติดตามผลและปรับแผนการดูแลตามความก้าวหน้าของผู้ป่วย

📊 Response (การตอบสนอง)

  • F60.2F6R-1: ผู้ป่วยแสดงท่าทีเปิดใจและพูดคุยเกี่ยวกับปัญหาของตนเอง
  • F60.2F6R-2: ผู้ป่วยเข้าร่วมกิจกรรมบำบัดตามนัดหมาย
  • F60.2F6R-3: ผู้ป่วยแสดงความร่วมมือในการปฏิบัติตามคำแนะนำ
  • F60.2F6R-4: แรงจูงใจในการเปลี่ยนแปลงตนเองเพิ่มขึ้นอย่างช้า ๆ
  • F60.2F6R-5: ความสัมพันธ์ระหว่างผู้ป่วยกับทีมรักษาดีขึ้น

…………………………………………………………….

F60.2F7 ขาดความรู้เกี่ยวกับโรคและผลกระทบของพฤติกรรม (Deficient knowledge about illness and behavior consequences)

Assessment (การประเมิน)

S:

  • ผมไม่รู้ว่าพฤติกรรมผมจะส่งผลยังไง”
  • ไม่เข้าใจโรคและผลเสียจากการกระทำผิดกฎหมาย

O:

  • ขาดความรู้เรื่องโรคและผลกระทบทางกฎหมาย
  • ไม่สนใจหรือถามข้อมูลเกี่ยวกับโรคของตน
  • ทำพฤติกรรมเสี่ยงซ้ำ ๆ

🎯 Goals (เป้าหมาย)

  • ผู้ป่วยเข้าใจโรคและผลกระทบของพฤติกรรมตนเอง
  • ผู้ป่วยลดพฤติกรรมเสี่ยงและทำตามคำแนะนำ
  • ผู้ป่วยสามารถอธิบายโรคและผลกระทบได้อย่างถูกต้อง

✅ Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)

  • ผู้ป่วยตอบคำถามเกี่ยวกับโรคและผลกระทบได้ถูกต้อง ≥ 80%
  • ลดพฤติกรรมเสี่ยง เช่น การกระทำผิดกฎหมายภายใน 1 เดือน
  • ผู้ป่วยแสดงความสนใจในการรับข้อมูลและให้ความร่วมมือ ≥ 3 ครั้ง/สัปดาห์

💡 Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)

  • F60.2F7I-1: ให้ความรู้เรื่องโรคบุคลิกภาพผิดปกติแบบต่อต้านสังคมโดยใช้ภาษาง่าย ๆ
  • F60.2F7I-2: อธิบายผลกระทบของพฤติกรรมเสี่ยง เช่น การกระทำผิดกฎหมาย ผลเสียต่อชีวิตและสังคม
  • F60.2F7I-3: ใช้วิธีการสอนแบบมีส่วนร่วม เช่น ถามตอบ หรือเกมจำลองสถานการณ์
  • F60.2F7I-4: แจกเอกสารหรือสื่อที่เข้าใจง่าย เช่น รูปภาพหรือวิดีโอสั้น
  • F60.2F7I-5: สนับสนุนให้ผู้ป่วยถามคำถามและแสดงความคิดเห็น
  • F60.2F7I-6: ประสานงานกับครอบครัวเพื่อเสริมสร้างความเข้าใจและสนับสนุนที่บ้าน
  • F60.2F7I-7: ติดตามและทบทวนความรู้เป็นระยะ
  • F60.2F7I-8: จัดกิจกรรมกลุ่มเพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์และเรียนรู้ร่วมกัน

📊 Response (การตอบสนอง)

  • F60.2F7R-1: ผู้ป่วยแสดงความเข้าใจโรคและผลกระทบของพฤติกรรม
  • F60.2F7R-2: ผู้ป่วยลดพฤติกรรมเสี่ยง เช่น การกระทำผิดกฎหมาย
  • F60.2F7R-3: ผู้ป่วยมีท่าทีสนใจและมีส่วนร่วมในกิจกรรมการเรียนรู้
  • F60.2F7R-4: ผู้ป่วยสามารถอธิบายโรคและผลกระทบได้อย่างถูกต้อง
  • F60.2F7R-5: ครอบครัวร่วมสนับสนุนและให้ความร่วมมือในการดูแล

……………………………………………………………………………

F60.2F8 มีพฤติกรรมเสี่ยงต่อการใช้สารเสพติดร่วม (Risk for substance abuse)

🩺 Assessment (การประเมิน)

S:

  • บางครั้งต้องใช้ยาเสพติดเพื่อผ่อนคลาย”
  • มีความรู้สึกว่างเปล่า หรือต้องการหลีกหนีความรู้สึกไม่ดีด้วยสารเสพติด

O:

  • พบประวัติใช้สารเสพติดหรือดื่มสุรา
  • มีพฤติกรรมค้นหาสารเสพติดบ่อยครั้ง
  • มีอาการถอนสารหรือเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมที่เกี่ยวข้องกับสารเสพติด

🎯 Goals (เป้าหมาย)

  • ผู้ป่วยลดหรือหยุดใช้สารเสพติด
  • ผู้ป่วยรับรู้ผลเสียของสารเสพติดต่อร่างกายและจิตใจ
  • ผู้ป่วยสามารถจัดการกับความรู้สึกโดยไม่ใช้สารเสพติด
  • ผู้ป่วยแสดงพฤติกรรมที่ปลอดภัยและเหมาะสม

✅ Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)

  • ไม่มีการใช้สารเสพติดเพิ่มขึ้นภายใน 1 เดือน
  • ผู้ป่วยรายงานความสามารถควบคุมความต้องการใช้สารเสพติดได้ ≥ 70%
  • ผู้ป่วยแสดงพฤติกรรมสุขภาพดี เช่น ออกกำลังกาย พูดคุยระบายความรู้สึก
  • ไม่มีอาการถอนสารหรือความเสี่ยงทางสุขภาพ

💡 Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)

  • F60.2F8I-1: ประเมินพฤติกรรมการใช้สารเสพติดและความถี่อย่างสม่ำเสมอ
  • F60.2F8I-2: ให้ความรู้เกี่ยวกับผลเสียของสารเสพติดต่อสุขภาพและจิตใจ
  • F60.2F8I-3: สนับสนุนให้ผู้ป่วยหาแนวทางจัดการความเครียดโดยไม่ใช้สารเสพติด เช่น ออกกำลังกาย ฝึกหายใจลึก
  • F60.2F8I-4: สร้างบรรยากาศปลอดภัยและไว้วางใจ เพื่อให้ผู้ป่วยเปิดใจพูดคุยเรื่องการใช้สารเสพติด
  • F60.2F8I-5: ประสานงานทีมสุขภาพจิตและโปรแกรมบำบัดสารเสพติดถ้าจำเป็น
  • F60.2F8I-6: จัดกิจกรรมกลุ่มสนับสนุนเพื่อลดความเหงาและเพิ่มความสัมพันธ์ทางสังคม
  • F60.2F8I-7: ติดตามและประเมินผลการลดหรือหยุดใช้สารเสพติดอย่างต่อเนื่อง
  • F60.2F8I-8: สอนทักษะการแก้ปัญหาและควบคุมอารมณ์

📊 Response (การตอบสนอง)

  • F60.2F8R-1: ผู้ป่วยลดหรือหยุดใช้สารเสพติดได้
  • F60.2F8R-2: ผู้ป่วยแสดงความเข้าใจผลเสียของสารเสพติด
  • F60.2F8R-3: ผู้ป่วยรายงานใช้วิธีจัดการความเครียดที่เหมาะสม
  • F60.2F8R-4: ผู้ป่วยมีความร่วมมือและเปิดใจในการดูแล
  • F60.2F8R-5: ไม่มีอาการถอนสารหรือปัญหาสุขภาพที่เกี่ยวข้องกับสารเสพติด

…………………………………………………………………………..

F60.2F9 ขาดระบบสนับสนุนทางสังคม (Interrupted family processes / Ineffective support system)

🩺 Assessment (การประเมิน)

S:

  • ผู้ป่วยบอกครอบครัวไม่เข้าใจหรือไม่ช่วยเหลือ
  • รู้สึกโดดเดี่ยว ไม่มีใครสนับสนุน
  • มีความขัดแย้งหรือทะเลาะกับคนในครอบครัวบ่อย

O:

  • ครอบครัวไม่สามารถให้ความช่วยเหลือทางอารมณ์ได้
  • สภาพแวดล้อมครอบครัวมีความเครียดหรือขัดแย้งสูง
  • ไม่มีผู้ดูแลหลักชัดเจนหรือไม่ร่วมมือกับการรักษา

🎯 Goals (เป้าหมาย)

  • ครอบครัวเข้าใจและสนับสนุนผู้ป่วยมากขึ้น
  • ลดความขัดแย้งในครอบครัว
  • สร้างเครือข่ายสนับสนุนทางสังคมที่เหมาะสม
  • ผู้ป่วยรู้สึกได้รับการสนับสนุนและปลอดภัยในครอบครัว

✅ Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)

  • ครอบครัวเข้าร่วมกิจกรรมให้ความรู้หรือบำบัด ≥ 70%
  • จำนวนเหตุการณ์ขัดแย้งลดลงอย่างชัดเจนภายใน 1 เดือน
  • ผู้ป่วยรายงานความรู้สึกได้รับการสนับสนุนเพิ่มขึ้น
  • ครอบครัวแสดงท่าทีร่วมมือและเข้าใจผู้ป่วยมากขึ้น

💡 Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)

  • F60.2F9I-1: ประเมินความสัมพันธ์และระบบสนับสนุนในครอบครัว
  • F60.2F9I-2: ให้ความรู้แก่ครอบครัวเกี่ยวกับโรคและวิธีดูแลอย่างเหมาะสม
  • F60.2F9I-3: ส่งเสริมการสื่อสารเชิงบวกระหว่างผู้ป่วยและครอบครัว
  • F60.2F9I-4: สนับสนุนครอบครัวเข้าร่วมกลุ่มบำบัดหรือการให้คำปรึกษา
  • F60.2F9I-5: ประสานงานทรัพยากรสังคม เช่น ชุมชนหรือองค์กรช่วยเหลือ
  • F60.2F9I-6: จัดกิจกรรมสร้างความสัมพันธ์ในครอบครัว เช่น พบปะพูดคุย
  • F60.2F9I-7: ติดตามและประเมินความเปลี่ยนแปลงของระบบสนับสนุนอย่างต่อเนื่อง

📊 Response (การตอบสนอง)

  • F60.2F9R-1: ครอบครัวแสดงความเข้าใจและมีส่วนร่วมในการดูแลผู้ป่วย
  • F60.2F9R-2: จำนวนเหตุการณ์ขัดแย้งลดลง
  • F60.2F9R-3: ผู้ป่วยรู้สึกได้รับการสนับสนุนทางอารมณ์เพิ่มขึ้น
  • F60.2F9R-4: ครอบครัวเข้าร่วมกิจกรรมบำบัดหรือให้ความรู้
  • F60.2F9R-5: ระบบสนับสนุนทางสังคมของผู้ป่วยดีขึ้นและเหมาะสม

………………………………………………………………………………

F60.2F10 ความเสี่ยงต่อการกลับเป็นซ้ำและต้องกลับมารักษาซ้ำ (Risk for relapse and readmission)

🩺 Assessment (การประเมิน)

S:

  • ผู้ป่วยบอกว่าเคยกลับไปใช้พฤติกรรมเดิมหลังออกจากโรงพยาบาล
  • ไม่มั่นใจในความสามารถควบคุมตนเอง
  • กังวลเกี่ยวกับการรับมือกับสถานการณ์ยากลำบาก

O:

  • มีประวัติกลับเข้ารับการรักษาซ้ำหลายครั้ง
  • ขาดแผนติดตามดูแลหลังจำหน่าย
  • ขาดเครือข่ายสนับสนุนทางสังคมหรือครอบครัวที่มั่นคง

🎯 Goals (เป้าหมาย)

  • ผู้ป่วยสามารถป้องกันการกลับไปใช้พฤติกรรมเดิมได้
  • มีแผนติดตามดูแลหลังจำหน่ายที่ชัดเจน
  • มีระบบสนับสนุนที่ช่วยลดความเสี่ยงกลับเป็นซ้ำ
  • ผู้ป่วยรู้จักวิธีจัดการความเครียดและสถานการณ์เสี่ยง

✅ Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)

  • ผู้ป่วยไม่กลับไปใช้พฤติกรรมเดิมภายใน 3 เดือนหลังจำหน่าย
  • มีการนัดหมายติดตามผลตามแผน ≥ 90%
  • ผู้ป่วยรายงานสามารถใช้เทคนิคควบคุมตนเองในสถานการณ์เสี่ยง
  • ครอบครัวและเครือข่ายสนับสนุนมีส่วนร่วมในการดูแล

💡 Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)

  • F60.2F10I-1: วางแผนการติดตามผลหลังจำหน่ายร่วมกับผู้ป่วยและครอบครัว
  • F60.2F10I-2: สอนเทคนิคการจัดการความเครียดและควบคุมอารมณ์
  • F60.2F10I-3: ประสานงานเครือข่ายสนับสนุน เช่น ครอบครัว ชุมชน หรือกลุ่มบำบัด
  • F60.2F10I-4: ให้คำแนะนำเรื่องการใช้ยาและการรักษาต่อเนื่อง
  • F60.2F10I-5: ติดตามและประเมินอาการและพฤติกรรมอย่างสม่ำเสมอ
  • F60.2F10I-6: ส่งเสริมการสื่อสารเปิดเผยและความร่วมมือในการรักษา
  • F60.2F10I-7: ช่วยผู้ป่วยวางแผนรับมือกับสถานการณ์เสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น

📊 Response (การตอบสนอง)

  • F60.2F10R-1: ผู้ป่วยไม่กลับไปใช้พฤติกรรมเสี่ยงซ้ำ
  • F60.2F10R-2: มีการติดตามผลตามแผนอย่างต่อเนื่อง
  • F60.2F10R-3: ผู้ป่วยใช้เทคนิคควบคุมอารมณ์และความเครียดได้ดีขึ้น
  • F60.2F10R-4: ครอบครัวและเครือข่ายสนับสนุนช่วยดูแลได้อย่างเหมาะสม
  • F60.2F10R-5: ผู้ป่วยมีทัศนคติร่วมมือและสื่อสารเปิดเผยกับทีมรักษา

…………………………………………………………………………

เอกสารอ้างอิง

  • สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ. (2563). แนวทางการดูแลผู้ป่วยบุคลิกภาพผิดปกติในระบบสุขภาพไทย. กรุงเทพฯ: สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ.
  • กรมสุขภาพจิต. (2561). คู่มือการดูแลผู้ป่วยโรคจิตเวชในชุมชน: บุคลิกภาพผิดปกติ. กรุงเทพฯ: กรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข.
  • American Psychiatric Association. (2013). Diagnostic and Statistical Manual of Mental Disorders (5th ed.). Arlington, VA: American Psychiatric Publishing.
  • Millon, T., Davis, R. D., & Millon, C. (2016). Oxford Textbook of Personality Disorders (2nd ed.). Oxford University Press.

………………………………………………………………………………..