🧠 ภาวะบุคลิกภาพผิดปกติแบบต่อต้านสังคม (F60.2)
พฤติกรรมไม่แคร์กฎ
ไม่เกรงใจใคร เสี่ยงผิดกฎหมาย
พยาธิสภาพ
/ พบได้บ่อยช่วงอายุเท่าไร
- เริ่มแสดงพฤติกรรมตั้งแต่วัยรุ่น
- พบบ่อยในผู้ชายมากกว่าผู้หญิง
- มีลักษณะบุคลิกภาพไม่แคร์ผู้อื่น ขาดความสำนึกผิด
อาการเด่น
- หลอกลวง ฉวยโอกาส ไม่มีความเห็นใจ
- หุนหันพลันแล่น ชอบเสี่ยงผิดกฎหมาย
- ไม่รับผิดชอบต่อหน้าที่/คนรอบข้าง
- ไม่มีความรู้สึกผิดแม้ทำให้คนอื่นเดือดร้อน
ปัจจัยเสี่ยง
- ครอบครัวไม่อบอุ่น หรือมีปัญหาในวัยเด็ก
- ประวัติใช้สารเสพติด
- เคยมีพฤติกรรมผิดปกติในวัยเด็ก (Conduct disorder)
- พันธุกรรมหรือสมองบางส่วนทำงานผิดปกติ
การรักษา
- จิตบำบัดอย่างต่อเนื่อง เพื่อปรับความคิดและพฤติกรรม
- ยา: อาจใช้ควบคุมอารมณ์ หงุดหงิด หรือภาวะร่วมอื่นๆ
- ต้องอาศัยความร่วมมือและแรงสนับสนุนจากครอบครัว
การพยาบาล
- เน้นสร้างความสัมพันธ์ที่มั่นคง ปลอดภัย
- สังเกตพฤติกรรมเสี่ยง เช่น การทำร้ายผู้อื่นหรือฝ่าฝืนกฎ
- สื่อสารตรงไปตรงมา ใช้กติกาชัดเจน
- สนับสนุนให้เกิดพฤติกรรมที่เหมาะสมในสังคม
การดูแลสำหรับบุคคลทั่วไป
- อย่าปะทะตรงๆ พยายามหลีกเลี่ยงสถานการณ์เสี่ยง
- พูดคุยด้วยเหตุผล ไม่ใช้อารมณ์
- แนะนำพบจิตแพทย์หรือสายด่วนสุขภาพจิต 1323
- หากอยู่ร่วมกัน ควรมีกฎกติกาที่ชัดเจน และมีการป้องกันตัวเอง
..............................................
วินิจฉัยการพยาบาล
- F60.2F1 มีพฤติกรรมรุนแรงหรือก้าวร้าวต่อผู้อื่น (Risk for violence toward others) ผู้ป่วยมีแนวโน้มใช้ความรุนแรงโดยไม่รู้สึกผิด อาจเป็นอันตรายต่อผู้อื่น
- F60.2F2 มีพฤติกรรมฝ่าฝืนกฎ ขาดการควบคุมตนเอง (Impaired impulse control) ผู้ป่วยมักทำตามใจ ไม่ยับยั้งชั่งใจ ฝ่าฝืนกฎสังคมหรือคำสั่งเจ้าหน้าที่
- F60.2F3 ขาดความรับผิดชอบต่อตนเองและสังคม (Ineffective coping related to irresponsibility) ไม่สามารถรับผิดชอบหน้าที่ส่วนตัว หรือบทบาทในสังคมได้อย่างเหมาะสม
- F60.2F4 มีพฤติกรรมหลอกลวง ฉวยโอกาส (Ineffective role performance related to manipulative behavior) ใช้คำพูดหรือการกระทำเพื่อหลอกลวง เอาเปรียบผู้อื่นเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว
- F60.2F5 ขาดความสามารถในการสร้างความสัมพันธ์ที่ดี (Impaired social interaction) ไม่สามารถสร้างความสัมพันธ์ที่เหมาะสมกับผู้อื่น ขาดความเห็นอกเห็นใจ
- F60.2F6 ขาดแรงจูงใจในการเปลี่ยนแปลงตนเอง (Readiness for enhanced self-concept: low motivation) ไม่ตระหนักถึงปัญหาของตนเอง ปฏิเสธการรักษา หรือไม่ให้ความร่วมมือ
- F60.2F7 ขาดความรู้เกี่ยวกับโรคและผลกระทบของพฤติกรรม (Deficient knowledge about illness and behavior consequences) ไม่เข้าใจโรคของตนเอง และผลที่ตามมาจากพฤติกรรมเสี่ยง เช่น การกระทำผิดกฎหมาย
- F60.2F8 มีพฤติกรรมเสี่ยงต่อการใช้สารเสพติดร่วม (Risk for substance abuse) ผู้ป่วยกลุ่มนี้มีแนวโน้มใช้สารเสพติดเพื่อกระตุ้นหรือหลีกหนีความรู้สึก
- F60.2F9 ขาดระบบสนับสนุนทางสังคม (Interrupted family processes / Ineffective support system) ครอบครัวไม่สามารถให้การดูแลหรือเข้าใจผู้ป่วยได้เพียงพอ อาจเกิดความขัดแย้ง
- F60.2F10 ความเสี่ยงต่อการกลับเป็นซ้ำและต้องกลับมารักษาซ้ำ (Risk for relapse and readmission) ผู้ป่วยมีโอกาสกลับไปสู่พฤติกรรมเดิมหลังจำหน่าย หากไม่มีแผนการติดตามดูแลต่อเนื่อง
………………………………………………………………………………
F60.2F1: มีพฤติกรรมรุนแรงหรือก้าวร้าวต่อผู้อื่น
(Risk for violence toward others)
🩺 Assessment (การประเมิน)
S:
- ผู้ป่วยพูดจาขู่เข็ญ ข่มขู่เจ้าหน้าที่และผู้ป่วยคนอื่น
- ผู้ป่วยแสดงความไม่พอใจอย่างรุนแรงเมื่อไม่ได้ดั่งใจ
O:
- ผู้ป่วยแสดงพฤติกรรมเดินกระวนกระวาย กำมือแน่น
- จ้องหน้าผู้อื่นด้วยสีหน้าโกรธเกรี้ยว
- เคยมีประวัติทำร้ายผู้อื่นหรือสิ่งของ
- ระดับความรู้สึกผิดต่ำหรือไม่มีเลย
- ไม่สามารถควบคุมอารมณ์ได้ดี
🎯 Goals (เป้าหมาย)
- ผู้ป่วยปลอดภัย ไม่ทำร้ายตนเองหรือผู้อื่น
- ลดความเสี่ยงของพฤติกรรมรุนแรงลง
- ผู้ป่วยมีพฤติกรรมสงบขึ้นในระหว่างอยู่ในหอผู้ป่วย
- ผู้ป่วยเรียนรู้วิธีควบคุมตนเองอย่างเหมาะสม
✅ Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)
- ผู้ป่วยไม่มีพฤติกรรมรุนแรงภายใน 24–72 ชั่วโมง
- ผู้ป่วยสามารถควบคุมอารมณ์ได้ดีขึ้นเมื่อเผชิญสิ่งกระตุ้น
- ผู้ป่วยตอบสนองต่อคำแนะนำและแสดงท่าทีร่วมมือกับเจ้าหน้าที่
- ไม่มีรายงานเหตุการณ์ทำร้ายร่างกายหรือขู่เข็ญระหว่างดูแล
💡 Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)
- F60.2F1I-1: ประเมินพฤติกรรมเสี่ยงรุนแรง เช่น ท่าทาง น้ำเสียง ประวัติการใช้ความรุนแรง เพื่อวางแผนป้องกัน
- F60.2F1I-2: ดูแลให้ผู้ป่วยอยู่ในสภาพแวดล้อมปลอดภัย หลีกเลี่ยงสิ่งของที่อาจนำไปใช้ทำร้ายผู้อื่น
- F60.2F1I-3: เฝ้าระวังพฤติกรรมของผู้ป่วยอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะเมื่อมีอารมณ์เปลี่ยนแปลงกะทันหัน
- F60.2F1I-4: ใช้การพูดคุยอย่างสงบ ไม่ท้าทายหรือเผชิญหน้า เพื่อป้องกันการกระตุ้นอารมณ์รุนแรง
- F60.2F1I-5: ให้ผู้ป่วยระบายความรู้สึกในทางสร้างสรรค์ เช่น การวาดภาพ เขียน หรือพูดกับเจ้าหน้าที่ที่ไว้วางใจ
- F60.2F1I-6: หากจำเป็น ใช้มาตรการจำกัดพฤติกรรมตามแนวทางที่ปลอดภัยและถูกต้องตามจริยธรรม
- F60.2F1I-7: ส่งเสริมให้ผู้ป่วยเรียนรู้เทคนิคผ่อนคลาย เช่น การหายใจลึกๆ หรือกำหนดจุดโฟกัสทางใจ
- F60.2F1I-8: สื่อสารและรายงานพฤติกรรมเสี่ยงต่อทีมสหวิชาชีพเพื่อร่วมกันวางแผนดูแล
- F60.2F1I-9: ให้ข้อมูลแก่ครอบครัวในการสังเกตสัญญาณเตือนและวิธีตอบสนองเบื้องต้น
- F60.2F1I-10: ติดตามพฤติกรรมและปรับแผนการดูแลอย่างต่อเนื่องตามการตอบสนองของผู้ป่วย
📊 Response (การตอบสนอง)
- F60.2F1R-1: ผู้ป่วยไม่มีพฤติกรรมรุนแรงหรือข่มขู่ภายใน 72 ชั่วโมง
- F60.2F1R-2: ผู้ป่วยแสดงพฤติกรรมที่สงบและมีอารมณ์คงที่มากขึ้น
- F60.2F1R-3: ผู้ป่วยเริ่มใช้วิธีระบายความเครียดอย่างสร้างสรรค์ตามที่แนะนำ
- F60.2F1R-4: ผู้ป่วยสามารถร่วมมือในการปฏิบัติตามคำแนะนำของพยาบาลได้อย่างต่อเนื่อง
- F60.2F1R-5: ครอบครัวสามารถเข้าใจและให้การสนับสนุนผู้ป่วยอย่างเหมาะสม
…………………………………………………………….
F60.2F2 มีพฤติกรรมฝ่าฝืนกฎ
ขาดการควบคุมตนเอง (Impaired impulse control)
🩺 Assessment (การประเมิน)
S:
- ผู้ป่วยกล่าวว่า “ผมจะทำอะไรก็ได้ ไม่ต้องมีใครมาสั่ง”
- ผู้ป่วยไม่รู้สึกผิดเมื่อทำผิดกฎของหอผู้ป่วย
O:
- ผู้ป่วยฝ่าฝืนกฎ เช่น แอบออกนอกพื้นที่, ไม่ปฏิบัติตามคำแนะนำ
- มีพฤติกรรมหุนหันพลันแล่น เช่น ใช้คำพูดหยาบคาย, ขัดขืนเจ้าหน้าที่
- ขาดความยับยั้งชั่งใจ ทำสิ่งที่เป็นอันตรายโดยไม่คิดล่วงหน้า
- ไม่มีการวางแผนหรือไตร่ตรองผลกระทบจากการกระทำของตน
🎯 Goals (เป้าหมาย)
- ผู้ป่วยสามารถควบคุมตนเองและปฏิบัติตามกฎของหอผู้ป่วยได้
- ลดพฤติกรรมหุนหันพลันแล่นที่อาจก่อให้เกิดอันตราย
- ผู้ป่วยสามารถแสดงพฤติกรรมที่เหมาะสมในสถานการณ์ต่างๆ
- ส่งเสริมความตระหนักรู้ถึงผลกระทบของพฤติกรรมตนเอง
✅ Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)
- ผู้ป่วยลดพฤติกรรมฝ่าฝืนกฎภายใน 48–72 ชั่วโมง
- ผู้ป่วยตอบสนองต่อคำแนะนำด้วยท่าทีร่วมมือมากขึ้น
- ไม่มีพฤติกรรมอันตรายต่อผู้อื่นหรือตนเอง
- ผู้ป่วยแสดงทักษะควบคุมตนเองในสถานการณ์ที่กระตุ้นอารมณ์
💡 Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)
- F60.2F2I-1: ประเมินลักษณะพฤติกรรมที่ฝ่าฝืนกฎและปัจจัยที่กระตุ้นพฤติกรรม
- F60.2F2I-2: ให้ข้อมูลแก่ผู้ป่วยถึงกฎระเบียบและผลกระทบจากการฝ่าฝืนในลักษณะที่ไม่เผชิญหน้า
- F60.2F2I-3: จัดสิ่งแวดล้อมที่มีโครงสร้างชัดเจน ลดสิ่งกระตุ้นที่อาจก่อให้เกิดการฝ่าฝืนกฎ
- F60.2F2I-4: ใช้วิธีการเสริมแรงทางบวก (Positive reinforcement) เมื่อผู้ป่วยแสดงพฤติกรรมเหมาะสม
- F60.2F2I-5: กระตุ้นให้ผู้ป่วยฝึกคิดก่อนทำ เช่น พูดช้าๆ นับเลข หายใจลึกๆ เมื่อรู้สึกอยากฝ่าฝืนกฎ
- F60.2F2I-6: ให้ผู้ป่วยมีส่วนร่วมในการตั้งกฎร่วมกับกลุ่ม เพื่อเพิ่มความร่วมมือ
- F60.2F2I-7: จัดกิจกรรมที่สร้างความภาคภูมิใจ เช่น งานกลุ่ม, งานที่มีเป้าหมาย เพื่อเบี่ยงเบนพฤติกรรม
- F60.2F2I-8: พูดคุยกับผู้ป่วยหลังเกิดเหตุการณ์ เพื่อสะท้อนความคิดและความรู้สึกอย่างไม่ตัดสิน
- F60.2F2I-9: สื่อสารกับทีมสหวิชาชีพเพื่อร่วมกันวางแผนลดพฤติกรรมฝ่าฝืนกฎ
- F60.2F2I-10: ให้ข้อมูลและแนวทางครอบครัวในการรับมือกับพฤติกรรมของผู้ป่วยที่บ้าน
📊 Response (การตอบสนอง)
- F60.2F2R-1: ผู้ป่วยปฏิบัติตามกฎของหอผู้ป่วยอย่างต่อเนื่อง 3 วันขึ้นไป
- F60.2F2R-2: ผู้ป่วยลดพฤติกรรมหุนหันพลันแล่นและแสดงการควบคุมตนเองดีขึ้น
- F60.2F2R-3: ผู้ป่วยแสดงความเข้าใจผลกระทบของพฤติกรรมตนเอง
- F60.2F2R-4: ผู้ป่วยมีส่วนร่วมในกิจกรรมกลุ่มโดยไม่ขัดขืนกฎ
- F60.2F2R-5: ครอบครัวรายงานว่าผู้ป่วยแสดงพฤติกรรมที่เหมาะสมมากขึ้นเมื่อกลับบ้าน
…………………………………………………………..
F60.2F3 ขาดความรับผิดชอบต่อตนเองและสังคม
(Ineffective coping related to irresponsibility)
S:
- ผู้ป่วยพูดว่า “ฉันไม่สนอะไรทั้งนั้น ใครจะทำไม”
- ผู้ป่วยกล่าวว่า “ไม่เห็นจำเป็นต้องรับผิดชอบอะไรเลย”
O:
- ผู้ป่วยละเลยการรับประทานยา
- ไม่ร่วมกิจกรรมกลุ่ม ไม่สนใจบทบาทตนเองในครอบครัว/สังคม
- ถูกแจ้งเตือนเรื่องพฤติกรรมหลายครั้งแต่ไม่ปรับเปลี่ยน
- มีประวัติหลีกเลี่ยงความรับผิดชอบ เช่น การทำงาน การเรียน หรือหน้าที่ในบ้าน
🎯 Goals (เป้าหมาย)
- ผู้ป่วยแสดงพฤติกรรมที่รับผิดชอบต่อตนเองอย่างเหมาะสม
- ผู้ป่วยมีส่วนร่วมในบทบาททางสังคมตามสมควร
- ลดพฤติกรรมหลีกเลี่ยงหน้าที่และส่งเสริมทักษะเผชิญปัญหาอย่างเหมาะสม
✅ Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)
- ผู้ป่วยสามารถปฏิบัติหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายได้ต่อเนื่องอย่างน้อย 3 วัน
- ผู้ป่วยพูดถึงความสำคัญของการรับผิดชอบตนเองได้
- ลดพฤติกรรมปฏิเสธหรือเพิกเฉยต่อหน้าที่ของตน
💡 Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)
- F60.2F3I-1: ประเมินระดับความสามารถในการดูแลตนเองและความเข้าใจเกี่ยวกับบทบาทหน้าที่
- F60.2F3I-2: ให้คำแนะนำเกี่ยวกับความสำคัญของบทบาทหน้าที่ที่เหมาะสมกับวัยและบริบทสังคม
- F60.2F3I-3: ตั้งเป้าหมายรายวัน/รายสัปดาห์ร่วมกับผู้ป่วย เช่น ทำกิจวัตรประจำวันให้ครบ
- F60.2F3I-4: สังเกตพฤติกรรมที่แสดงความรับผิดชอบ และให้การเสริมแรงทางบวกเมื่อมีพฤติกรรมเหมาะสม
- F60.2F3I-5: ฝึกผู้ป่วยวางแผนการใช้ชีวิต เช่น การจัดตารางเวลา หรือการตั้งเตือนความจำ
- F60.2F3I-6: จัดกิจกรรมกลุ่มเพื่อฝึกบทบาทหน้าที่ เช่น การมีหน้าที่ในทีมย่อย
- F60.2F3I-7: ส่งเสริมให้ผู้ป่วยสะท้อนความรู้สึกและผลกระทบจากการละเลยหน้าที่
- F60.2F3I-8: สื่อสารกับครอบครัวเพื่อให้เข้าใจพฤติกรรมผู้ป่วย และช่วยสนับสนุนเชิงบวก
- F60.2F3I-9: ประสานกับนักสังคมสงเคราะห์หรือนักจิตวิทยาเพื่อเสริมทักษะชีวิต
- F60.2F3I-10: เตรียมแผนดูแลต่อเนื่องหลังจำหน่าย เพื่อสนับสนุนการรับผิดชอบของผู้ป่วยในระยะยาว
📊 Response (การตอบสนอง)
- F60.2F3R-1: ผู้ป่วยสามารถรับผิดชอบต่อกิจกรรมส่วนตัวได้ต่อเนื่อง ≥ 3 วัน
- F60.2F3R-2: ผู้ป่วยเข้าร่วมกิจกรรมกลุ่มตามบทบาทที่ได้รับ
- F60.2F3R-3: ผู้ป่วยพูดถึงความสำคัญของการมีบทบาทในสังคมได้อย่างเหมาะสม
- F60.2F3R-4: ผู้ป่วยลดการพูด/แสดงพฤติกรรมปฏิเสธหน้าที่
- F60.2F3R-5: ครอบครัวรายงานว่าผู้ป่วยมีพฤติกรรมรับผิดชอบเพิ่มขึ้นที่บ้าน
..............................................
F60.2F4 มีพฤติกรรมหลอกลวง
ฉวยโอกาส (Ineffective role performance related to manipulative behavior)
🩺 Assessment (การประเมิน)
S:
- ผู้ป่วยกล่าวว่า “ผมพูดให้เขาสงสาร จะได้ช่วยผม”
- “มันก็แค่โกหกเล็กๆ น้อยๆ ไม่เห็นเป็นไรเลย”
O:
- ผู้ป่วยใช้คำพูดหรือการกระทำเพื่อให้เจ้าหน้าที่/เพื่อนผู้ป่วยเข้าใจผิด
- สังเกตว่าผู้ป่วยพยายามเอาเปรียบผู้อื่น เช่น ขอของกินหรือผลประโยชน์เกินสิทธิ
- มีประวัติการโกหกหรือบิดเบือนความจริงเพื่อหลีกเลี่ยงความผิด
🎯 Goals (เป้าหมาย)
- ผู้ป่วยลดพฤติกรรมหลอกลวงและเริ่มยอมรับความจริง
- ผู้ป่วยเรียนรู้บทบาทของตนเองในสังคมและแสดงบทบาทอย่างเหมาะสม
- ผู้ป่วยสามารถแยกแยะพฤติกรรมที่เหมาะสม/ไม่เหมาะสมได้
✅ Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)
- ผู้ป่วยหยุดใช้คำพูดบิดเบือนหรือหลอกลวงติดต่อกัน ≥ 3 วัน
- ผู้ป่วยแสดงพฤติกรรมตรงตามความจริงมากขึ้น
- มีการร่วมกิจกรรมในบทบาทของตนโดยไม่แสวงหาประโยชน์จากผู้อื่น
💡 Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)
- F60.2F4I-1: ประเมินพฤติกรรมการหลอกลวงหรือฉวยโอกาสที่เกิดขึ้นบ่อยและผลกระทบ
- F60.2F4I-2: ให้ผู้ป่วยตระหนักถึงผลลัพธ์ที่ตามมาของพฤติกรรมหลอกลวงอย่างเป็นรูปธรรม
- F60.2F4I-3: สร้างความสัมพันธ์ที่มั่นคงและยึดหลักความจริง สม่ำเสมอ ไม่ตามใจ
- F60.2F4I-4: ตั้งกฎเกณฑ์ชัดเจน และบังคับใช้อย่างสม่ำเสมอเมื่อละเมิด
- F60.2F4I-5: ใช้วิธีสื่อสารตรงและไม่เปิดโอกาสให้มีการบิดเบือนความจริง
- F60.2F4I-6: ฝึกทักษะการสื่อสารเชิงสร้างสรรค์ เช่น การแสดงความต้องการโดยไม่โกหก
- F60.2F4I-7: สะท้อนกลับพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม โดยไม่ตำหนิแต่ให้ข้อมูลจริง
- F60.2F4I-8: ส่งเสริมให้ผู้ป่วยรับผิดชอบต่อพฤติกรรมตนเอง เช่น การขอโทษหากทำผิด
- F60.2F4I-9: จัดกิจกรรมกลุ่มฝึกบทบาทในสังคมเพื่อส่งเสริมพฤติกรรมเหมาะสม
- F60.2F4I-10: ประสานครอบครัวให้เข้าใจลักษณะของโรค และช่วยสังเกตพฤติกรรมที่บ้าน
📊 Response (การตอบสนอง)
- F60.2F4R-1: ผู้ป่วยสามารถยอมรับความจริงได้มากขึ้นโดยไม่บิดเบือน
- F60.2F4R-2: ลดการพูดหรือแสดงพฤติกรรมหลอกลวงติดต่อกัน ≥ 3 วัน
- F60.2F4R-3: ผู้ป่วยปฏิบัติตนตามกฎเกณฑ์ในหน่วยบริการได้ต่อเนื่อง
- F60.2F4R-4: ผู้ป่วยมีส่วนร่วมในกิจกรรมกลุ่มโดยไม่ฉวยโอกาสหรือเอาเปรียบผู้อื่น
- F60.2F4R-5: ครอบครัวและเจ้าหน้าที่รายงานพฤติกรรมหลอกลวงลดลงอย่างชัดเจน
……………………………………………….
F60.2F5 ขาดความสามารถในการสร้างความสัมพันธ์ที่ดี
(Impaired social interaction)
🩺 Assessment (การประเมิน)
S:
- ผู้ป่วยกล่าวว่า “คนอื่นไม่เคยเข้าใจผมอยู่แล้ว”
- “ผมไม่จำเป็นต้องสนใจความรู้สึกของใคร”
O:
- ผู้ป่วยมีพฤติกรรมโดดเดี่ยว ไม่ร่วมกิจกรรมกับผู้อื่น
- แสดงท่าทีเย็นชา ไม่มีความเห็นอกเห็นใจต่อผู้ป่วยหรือเจ้าหน้าที่
- มีประวัติทะเลาะหรือขัดแย้งกับคนรอบข้างบ่อยครั้ง
🎯 Goals (เป้าหมาย)
- ผู้ป่วยสามารถมีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่นได้อย่างเหมาะสม
- ลดความขัดแย้งและความโดดเดี่ยวในสังคม
- เริ่มเรียนรู้การแสดงความเห็นอกเห็นใจและเข้าใจผู้อื่นมากขึ้น
✅ Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)
- ผู้ป่วยเข้าร่วมกิจกรรมกลุ่มอย่างสม่ำเสมอ ≥ 3 ครั้ง/สัปดาห์
- ไม่มีพฤติกรรมขัดแย้งหรือก้าวร้าวต่อผู้อื่น ≥ 3 วันติดต่อกัน
- แสดงพฤติกรรมเห็นอกเห็นใจ เช่น การรับฟังหรือช่วยเหลือผู้อื่น ≥ 1 ครั้ง/วัน
💡 Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)
- F60.2F5I-1: ประเมินรูปแบบการเข้าสังคมของผู้ป่วยและความสามารถในการสร้างสัมพันธ์
- F60.2F5I-2: สังเกตพฤติกรรมที่แสดงถึงการต่อต้าน หรือไม่ยอมรับผู้อื่น
- F60.2F5I-3: ส่งเสริมการเข้าร่วมกิจกรรมกลุ่มหรือกลุ่มบำบัด เพื่อฝึกทักษะทางสังคม
- F60.2F5I-4: ให้คำแนะนำเชิงบวกเมื่อผู้ป่วยมีพฤติกรรมเหมาะสมต่อผู้อื่น
- F60.2F5I-5: ตั้งกติกาชัดเจนในการมีปฏิสัมพันธ์ เช่น พูดสุภาพ ไม่ก้าวร้าว
- F60.2F5I-6: ฝึกการสื่อสารเชิงบวก เช่น การฟัง การพูดโดยไม่ตำหนิ
- F60.2F5I-7: สนทนาเป็นรายบุคคลเพื่อสะท้อนพฤติกรรมที่เกิดขึ้น พร้อมให้คำแนะนำ
- F60.2F5I-8: เชิญชวนให้ผู้ป่วยแสดงความรู้สึกผ่านกิจกรรม เช่น วาดภาพ เขียนบันทึก
- F60.2F5I-9: ประสานนักจิตวิทยาหรือผู้เชี่ยวชาญเพื่อให้คำปรึกษาเชิงลึก
- F60.2F5I-10: ส่งเสริมการมีส่วนร่วมของครอบครัวในการเข้าใจธรรมชาติของพฤติกรรมผู้ป่วย
📊 Response (การตอบสนอง)
- F60.2F5R-1: ผู้ป่วยเริ่มพูดคุยกับผู้อื่นด้วยถ้อยคำที่เหมาะสม
- F60.2F5R-2: ผู้ป่วยแสดงพฤติกรรมที่เป็นมิตร เช่น การทักทายหรือช่วยเหลือเพื่อน
- F60.2F5R-3: เข้าร่วมกิจกรรมกลุ่มต่อเนื่อง ≥ 3 ครั้ง/สัปดาห์
- F60.2F5R-4: ลดพฤติกรรมโต้แย้ง ก้าวร้าว หรือหลีกเลี่ยงสังคมลงชัดเจน
- F60.2F5R-5: ผู้ป่วยสามารถพูดถึงความรู้สึกของตนเองและผู้อื่นได้ดีขึ้น
……………………………………………………………………
F60.2F6 ขาดแรงจูงใจในการเปลี่ยนแปลงตนเอง
(Readiness for enhanced self-concept: low motivation)
🩺 Assessment (การประเมิน)
S:
- “ผมไม่เห็นว่าผมมีปัญหาอะไร”
- ปฏิเสธการรักษาและคำแนะนำจากเจ้าหน้าที่
O:
- ปฏิเสธเข้าร่วมกิจกรรมบำบัดหรือการรักษา
- ไม่แสดงความร่วมมือในกระบวนการรักษา
- แสดงท่าทีไม่สนใจหรือไม่รับฟังคำแนะนำ
🎯 Goals (เป้าหมาย)
- ผู้ป่วยยอมรับว่ามีปัญหาที่ต้องแก้ไข
- ผู้ป่วยเริ่มแสดงความสนใจในการเปลี่ยนแปลงตนเอง
- ผู้ป่วยร่วมมือในการรักษาและปฏิบัติตามคำแนะนำ
✅ Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)
- ผู้ป่วยเข้าร่วมกิจกรรมบำบัด ≥ 1 ครั้ง/สัปดาห์
- ผู้ป่วยแสดงท่าทีเปิดใจและร่วมมือ ≥ 3 วันติดต่อกัน
- ผู้ป่วยยอมรับคำแนะนำจากเจ้าหน้าที่ ≥ 2 ครั้งในสัปดาห์
💡 Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)
- F60.2F6I-1: ประเมินทัศนคติและความเข้าใจของผู้ป่วยเกี่ยวกับปัญหาของตนเอง
- F60.2F6I-2: ให้ข้อมูลและให้ความรู้เกี่ยวกับผลกระทบของพฤติกรรมต่อตนเองและผู้อื่นอย่างชัดเจน
- F60.2F6I-3: ใช้เทคนิคการสื่อสารที่ไม่ตัดสิน เช่น การฟังอย่างตั้งใจ และให้โอกาสผู้ป่วยพูดความรู้สึก
- F60.2F6I-4: ส่งเสริมความรู้สึกปลอดภัยและไว้วางใจระหว่างผู้ป่วยกับทีมรักษา
- F60.2F6I-5: จัดกิจกรรมที่กระตุ้นแรงจูงใจ เช่น การตั้งเป้าหมายเล็ก ๆ ที่ทำได้จริง
- F60.2F6I-6: สร้างแรงจูงใจด้วยการชื่นชมและยอมรับความพยายามของผู้ป่วย
- F60.2F6I-7: ประสานงานกับนักจิตวิทยาหรือผู้เชี่ยวชาญ เพื่อสนับสนุนการสร้างแรงจูงใจ
- F60.2F6I-8: ให้ครอบครัวมีส่วนร่วมในการสนับสนุนและกระตุ้นผู้ป่วย
- F60.2F6I-9: สร้างบรรยากาศที่ไม่กดดัน ให้ผู้ป่วยรู้สึกว่าการเปลี่ยนแปลงเป็นทางเลือกของตนเอง
- F60.2F6I-10: ติดตามผลและปรับแผนการดูแลตามความก้าวหน้าของผู้ป่วย
📊 Response (การตอบสนอง)
- F60.2F6R-1: ผู้ป่วยแสดงท่าทีเปิดใจและพูดคุยเกี่ยวกับปัญหาของตนเอง
- F60.2F6R-2: ผู้ป่วยเข้าร่วมกิจกรรมบำบัดตามนัดหมาย
- F60.2F6R-3: ผู้ป่วยแสดงความร่วมมือในการปฏิบัติตามคำแนะนำ
- F60.2F6R-4: แรงจูงใจในการเปลี่ยนแปลงตนเองเพิ่มขึ้นอย่างช้า ๆ
- F60.2F6R-5: ความสัมพันธ์ระหว่างผู้ป่วยกับทีมรักษาดีขึ้น
…………………………………………………………….
F60.2F7 ขาดความรู้เกี่ยวกับโรคและผลกระทบของพฤติกรรม
(Deficient knowledge about illness and behavior consequences)
Assessment (การประเมิน)
S:
- “ผมไม่รู้ว่าพฤติกรรมผมจะส่งผลยังไง”
- ไม่เข้าใจโรคและผลเสียจากการกระทำผิดกฎหมาย
O:
- ขาดความรู้เรื่องโรคและผลกระทบทางกฎหมาย
- ไม่สนใจหรือถามข้อมูลเกี่ยวกับโรคของตน
- ทำพฤติกรรมเสี่ยงซ้ำ ๆ
🎯 Goals (เป้าหมาย)
- ผู้ป่วยเข้าใจโรคและผลกระทบของพฤติกรรมตนเอง
- ผู้ป่วยลดพฤติกรรมเสี่ยงและทำตามคำแนะนำ
- ผู้ป่วยสามารถอธิบายโรคและผลกระทบได้อย่างถูกต้อง
✅ Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)
- ผู้ป่วยตอบคำถามเกี่ยวกับโรคและผลกระทบได้ถูกต้อง ≥ 80%
- ลดพฤติกรรมเสี่ยง เช่น การกระทำผิดกฎหมายภายใน 1 เดือน
- ผู้ป่วยแสดงความสนใจในการรับข้อมูลและให้ความร่วมมือ ≥ 3 ครั้ง/สัปดาห์
💡 Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)
- F60.2F7I-1: ให้ความรู้เรื่องโรคบุคลิกภาพผิดปกติแบบต่อต้านสังคมโดยใช้ภาษาง่าย ๆ
- F60.2F7I-2: อธิบายผลกระทบของพฤติกรรมเสี่ยง เช่น การกระทำผิดกฎหมาย ผลเสียต่อชีวิตและสังคม
- F60.2F7I-3: ใช้วิธีการสอนแบบมีส่วนร่วม เช่น ถามตอบ หรือเกมจำลองสถานการณ์
- F60.2F7I-4: แจกเอกสารหรือสื่อที่เข้าใจง่าย เช่น รูปภาพหรือวิดีโอสั้น
- F60.2F7I-5: สนับสนุนให้ผู้ป่วยถามคำถามและแสดงความคิดเห็น
- F60.2F7I-6: ประสานงานกับครอบครัวเพื่อเสริมสร้างความเข้าใจและสนับสนุนที่บ้าน
- F60.2F7I-7: ติดตามและทบทวนความรู้เป็นระยะ
- F60.2F7I-8: จัดกิจกรรมกลุ่มเพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์และเรียนรู้ร่วมกัน
📊 Response (การตอบสนอง)
- F60.2F7R-1: ผู้ป่วยแสดงความเข้าใจโรคและผลกระทบของพฤติกรรม
- F60.2F7R-2: ผู้ป่วยลดพฤติกรรมเสี่ยง เช่น การกระทำผิดกฎหมาย
- F60.2F7R-3: ผู้ป่วยมีท่าทีสนใจและมีส่วนร่วมในกิจกรรมการเรียนรู้
- F60.2F7R-4: ผู้ป่วยสามารถอธิบายโรคและผลกระทบได้อย่างถูกต้อง
- F60.2F7R-5: ครอบครัวร่วมสนับสนุนและให้ความร่วมมือในการดูแล
……………………………………………………………………………
F60.2F8 มีพฤติกรรมเสี่ยงต่อการใช้สารเสพติดร่วม
(Risk for substance abuse)
🩺 Assessment (การประเมิน)
S:
- “บางครั้งต้องใช้ยาเสพติดเพื่อผ่อนคลาย”
- มีความรู้สึกว่างเปล่า หรือต้องการหลีกหนีความรู้สึกไม่ดีด้วยสารเสพติด
O:
- พบประวัติใช้สารเสพติดหรือดื่มสุรา
- มีพฤติกรรมค้นหาสารเสพติดบ่อยครั้ง
- มีอาการถอนสารหรือเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมที่เกี่ยวข้องกับสารเสพติด
🎯 Goals (เป้าหมาย)
- ผู้ป่วยลดหรือหยุดใช้สารเสพติด
- ผู้ป่วยรับรู้ผลเสียของสารเสพติดต่อร่างกายและจิตใจ
- ผู้ป่วยสามารถจัดการกับความรู้สึกโดยไม่ใช้สารเสพติด
- ผู้ป่วยแสดงพฤติกรรมที่ปลอดภัยและเหมาะสม
✅ Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)
- ไม่มีการใช้สารเสพติดเพิ่มขึ้นภายใน 1 เดือน
- ผู้ป่วยรายงานความสามารถควบคุมความต้องการใช้สารเสพติดได้ ≥ 70%
- ผู้ป่วยแสดงพฤติกรรมสุขภาพดี เช่น ออกกำลังกาย พูดคุยระบายความรู้สึก
- ไม่มีอาการถอนสารหรือความเสี่ยงทางสุขภาพ
💡 Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)
- F60.2F8I-1: ประเมินพฤติกรรมการใช้สารเสพติดและความถี่อย่างสม่ำเสมอ
- F60.2F8I-2: ให้ความรู้เกี่ยวกับผลเสียของสารเสพติดต่อสุขภาพและจิตใจ
- F60.2F8I-3: สนับสนุนให้ผู้ป่วยหาแนวทางจัดการความเครียดโดยไม่ใช้สารเสพติด เช่น ออกกำลังกาย ฝึกหายใจลึก
- F60.2F8I-4: สร้างบรรยากาศปลอดภัยและไว้วางใจ เพื่อให้ผู้ป่วยเปิดใจพูดคุยเรื่องการใช้สารเสพติด
- F60.2F8I-5: ประสานงานทีมสุขภาพจิตและโปรแกรมบำบัดสารเสพติดถ้าจำเป็น
- F60.2F8I-6: จัดกิจกรรมกลุ่มสนับสนุนเพื่อลดความเหงาและเพิ่มความสัมพันธ์ทางสังคม
- F60.2F8I-7: ติดตามและประเมินผลการลดหรือหยุดใช้สารเสพติดอย่างต่อเนื่อง
- F60.2F8I-8: สอนทักษะการแก้ปัญหาและควบคุมอารมณ์
📊 Response (การตอบสนอง)
- F60.2F8R-1: ผู้ป่วยลดหรือหยุดใช้สารเสพติดได้
- F60.2F8R-2: ผู้ป่วยแสดงความเข้าใจผลเสียของสารเสพติด
- F60.2F8R-3: ผู้ป่วยรายงานใช้วิธีจัดการความเครียดที่เหมาะสม
- F60.2F8R-4: ผู้ป่วยมีความร่วมมือและเปิดใจในการดูแล
- F60.2F8R-5: ไม่มีอาการถอนสารหรือปัญหาสุขภาพที่เกี่ยวข้องกับสารเสพติด
…………………………………………………………………………..
F60.2F9 ขาดระบบสนับสนุนทางสังคม
(Interrupted family processes / Ineffective support system)
🩺 Assessment (การประเมิน)
S:
- ผู้ป่วยบอกครอบครัวไม่เข้าใจหรือไม่ช่วยเหลือ
- รู้สึกโดดเดี่ยว ไม่มีใครสนับสนุน
- มีความขัดแย้งหรือทะเลาะกับคนในครอบครัวบ่อย
O:
- ครอบครัวไม่สามารถให้ความช่วยเหลือทางอารมณ์ได้
- สภาพแวดล้อมครอบครัวมีความเครียดหรือขัดแย้งสูง
- ไม่มีผู้ดูแลหลักชัดเจนหรือไม่ร่วมมือกับการรักษา
🎯 Goals (เป้าหมาย)
- ครอบครัวเข้าใจและสนับสนุนผู้ป่วยมากขึ้น
- ลดความขัดแย้งในครอบครัว
- สร้างเครือข่ายสนับสนุนทางสังคมที่เหมาะสม
- ผู้ป่วยรู้สึกได้รับการสนับสนุนและปลอดภัยในครอบครัว
✅ Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)
- ครอบครัวเข้าร่วมกิจกรรมให้ความรู้หรือบำบัด ≥ 70%
- จำนวนเหตุการณ์ขัดแย้งลดลงอย่างชัดเจนภายใน 1 เดือน
- ผู้ป่วยรายงานความรู้สึกได้รับการสนับสนุนเพิ่มขึ้น
- ครอบครัวแสดงท่าทีร่วมมือและเข้าใจผู้ป่วยมากขึ้น
💡 Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)
- F60.2F9I-1: ประเมินความสัมพันธ์และระบบสนับสนุนในครอบครัว
- F60.2F9I-2: ให้ความรู้แก่ครอบครัวเกี่ยวกับโรคและวิธีดูแลอย่างเหมาะสม
- F60.2F9I-3: ส่งเสริมการสื่อสารเชิงบวกระหว่างผู้ป่วยและครอบครัว
- F60.2F9I-4: สนับสนุนครอบครัวเข้าร่วมกลุ่มบำบัดหรือการให้คำปรึกษา
- F60.2F9I-5: ประสานงานทรัพยากรสังคม เช่น ชุมชนหรือองค์กรช่วยเหลือ
- F60.2F9I-6: จัดกิจกรรมสร้างความสัมพันธ์ในครอบครัว เช่น พบปะพูดคุย
- F60.2F9I-7: ติดตามและประเมินความเปลี่ยนแปลงของระบบสนับสนุนอย่างต่อเนื่อง
📊 Response (การตอบสนอง)
- F60.2F9R-1: ครอบครัวแสดงความเข้าใจและมีส่วนร่วมในการดูแลผู้ป่วย
- F60.2F9R-2: จำนวนเหตุการณ์ขัดแย้งลดลง
- F60.2F9R-3: ผู้ป่วยรู้สึกได้รับการสนับสนุนทางอารมณ์เพิ่มขึ้น
- F60.2F9R-4: ครอบครัวเข้าร่วมกิจกรรมบำบัดหรือให้ความรู้
- F60.2F9R-5: ระบบสนับสนุนทางสังคมของผู้ป่วยดีขึ้นและเหมาะสม
………………………………………………………………………………
F60.2F10 ความเสี่ยงต่อการกลับเป็นซ้ำและต้องกลับมารักษาซ้ำ
(Risk for relapse and readmission)
🩺 Assessment (การประเมิน)
S:
- ผู้ป่วยบอกว่าเคยกลับไปใช้พฤติกรรมเดิมหลังออกจากโรงพยาบาล
- ไม่มั่นใจในความสามารถควบคุมตนเอง
- กังวลเกี่ยวกับการรับมือกับสถานการณ์ยากลำบาก
O:
- มีประวัติกลับเข้ารับการรักษาซ้ำหลายครั้ง
- ขาดแผนติดตามดูแลหลังจำหน่าย
- ขาดเครือข่ายสนับสนุนทางสังคมหรือครอบครัวที่มั่นคง
🎯 Goals (เป้าหมาย)
- ผู้ป่วยสามารถป้องกันการกลับไปใช้พฤติกรรมเดิมได้
- มีแผนติดตามดูแลหลังจำหน่ายที่ชัดเจน
- มีระบบสนับสนุนที่ช่วยลดความเสี่ยงกลับเป็นซ้ำ
- ผู้ป่วยรู้จักวิธีจัดการความเครียดและสถานการณ์เสี่ยง
✅ Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)
- ผู้ป่วยไม่กลับไปใช้พฤติกรรมเดิมภายใน 3 เดือนหลังจำหน่าย
- มีการนัดหมายติดตามผลตามแผน ≥ 90%
- ผู้ป่วยรายงานสามารถใช้เทคนิคควบคุมตนเองในสถานการณ์เสี่ยง
- ครอบครัวและเครือข่ายสนับสนุนมีส่วนร่วมในการดูแล
💡 Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)
- F60.2F10I-1: วางแผนการติดตามผลหลังจำหน่ายร่วมกับผู้ป่วยและครอบครัว
- F60.2F10I-2: สอนเทคนิคการจัดการความเครียดและควบคุมอารมณ์
- F60.2F10I-3: ประสานงานเครือข่ายสนับสนุน เช่น ครอบครัว ชุมชน หรือกลุ่มบำบัด
- F60.2F10I-4: ให้คำแนะนำเรื่องการใช้ยาและการรักษาต่อเนื่อง
- F60.2F10I-5: ติดตามและประเมินอาการและพฤติกรรมอย่างสม่ำเสมอ
- F60.2F10I-6: ส่งเสริมการสื่อสารเปิดเผยและความร่วมมือในการรักษา
- F60.2F10I-7: ช่วยผู้ป่วยวางแผนรับมือกับสถานการณ์เสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น
📊 Response (การตอบสนอง)
- F60.2F10R-1: ผู้ป่วยไม่กลับไปใช้พฤติกรรมเสี่ยงซ้ำ
- F60.2F10R-2: มีการติดตามผลตามแผนอย่างต่อเนื่อง
- F60.2F10R-3: ผู้ป่วยใช้เทคนิคควบคุมอารมณ์และความเครียดได้ดีขึ้น
- F60.2F10R-4: ครอบครัวและเครือข่ายสนับสนุนช่วยดูแลได้อย่างเหมาะสม
- F60.2F10R-5: ผู้ป่วยมีทัศนคติร่วมมือและสื่อสารเปิดเผยกับทีมรักษา
…………………………………………………………………………
เอกสารอ้างอิง
- สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ. (2563). แนวทางการดูแลผู้ป่วยบุคลิกภาพผิดปกติในระบบสุขภาพไทย. กรุงเทพฯ: สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ.
- กรมสุขภาพจิต. (2561). คู่มือการดูแลผู้ป่วยโรคจิตเวชในชุมชน: บุคลิกภาพผิดปกติ. กรุงเทพฯ: กรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข.
- American Psychiatric Association. (2013). Diagnostic and Statistical Manual of Mental Disorders (5th ed.). Arlington, VA: American Psychiatric Publishing.
- Millon, T., Davis, R. D., & Millon, C. (2016). Oxford Textbook of Personality Disorders (2nd ed.). Oxford University Press.
………………………………………………………………………………..