โรคการใช้เฮโรอีนและฝิ่น คือ
ภาวะที่บุคคลใช้เฮโรอีนหรือฝิ่นอย่างต่อเนื่องจนเกิดการ “ติดยา” หรือ “พึ่งพายา”
ทั้งทางร่างกายและจิตใจ ผู้ป่วยมักมีความอยากใช้ยาอย่างควบคุมไม่ได้
ต้องเพิ่มปริมาณยาเพื่อให้ได้ผลเท่าเดิม และเมื่อหยุดใช้จะมีอาการถอนยา เช่น
กระสับกระส่าย ปวดเมื่อย เหงื่อออกมาก อาเจียน หรือซึมเศร้า
เฮโรอีนและฝิ่นเป็นสารเสพติดกลุ่ม
"opioid"
ที่ออกฤทธิ์กดประสาท ทำให้รู้สึกเคลิบเคลิ้ม ลืมความเจ็บปวด
แต่มีความเสี่ยงสูงต่อการเสียชีวิตจากการใช้ยาเกินขนาด (overdose)
🎯 ผู้ที่ใช้สารเหล่านี้อาจมีปัญหาต่าง
ๆ เช่น
- สมองทำงานช้าลงหรือสับสน
- ไม่สามารถหยุดใช้ยาได้แม้รู้ว่าเป็นอันตราย
- มีปัญหาในการใช้ชีวิต การงาน และความสัมพันธ์
- อาจหันไปใช้เข็มฉีดยาร่วมกัน เสี่ยงติดโรค เช่น HIV, ไวรัสตับอักเสบ
🎯 พยาธิสภาพ / กลุ่มอายุที่พบมาก
- สารเสพติดในกลุ่มฝิ่น (opioids) เช่น เฮโรอีน จะออกฤทธิ์กดประสาทส่วนกลาง ทำให้รู้สึกเคลิบเคลิ้มและลดความเจ็บปวด
- พบมากในวัยรุ่นตอนปลายถึงวัยผู้ใหญ่ตอนต้น (อายุประมาณ 18-35 ปี)
- เมื่อใช้ต่อเนื่อง ร่างกายจะดื้อยา ต้องเพิ่มปริมาณเรื่อยๆ และเสี่ยงต่อการเสียชีวิตจากการใช้ยาเกินขนาด
🎯 อาการที่สังเกตได้
- ง่วงนอน ตาเคลิ้ม รูม่านตาหดเล็ก
- ผิวซีด เหงื่อออกมาก คลื่นไส้ อาเจียน
- อารมณ์แปรปรวน หงุดหงิดง่าย
- หากขาดยา จะมีอาการถอน เช่น ปวดเมื่อย เหงื่อออก ตัวสั่น
🎯 ปัจจัยที่ทำให้เกิด
- ปัญหาทางจิตใจ เช่น ความเครียด ซึมเศร้า
- การเลียนแบบจากกลุ่มเพื่อน
- การเข้าถึงยาเสพติดได้ง่าย
- ขาดการดูแลจากครอบครัวหรือสังคมรอบข้าง
🎯 การรักษา
- ต้องได้รับการบำบัดจากทีมแพทย์และนักจิตวิทยา
- การใช้ยาทดแทน เช่น Methadone
- การทำจิตบำบัด เพื่อปรับเปลี่ยนพฤติกรรม
- การติดตามฟื้นฟูอย่างต่อเนื่อง
🎯 การพยาบาล
- เน้นดูแลแบบเข้าใจและไม่ตัดสิน
- ประเมินอาการถอนยาและภาวะแทรกซ้อน
- ส่งเสริมให้ผู้ป่วยร่วมกิจกรรมบำบัด
- สนับสนุนด้านจิตใจ และช่วยเชื่อมโยงกับครอบครัว
🎯 การดูแลสำหรับบุคคลทั่วไป
- หากพบคนใกล้ชิดมีพฤติกรรมเสี่ยง:
- อย่าตำหนิ แต่ให้พูดคุยด้วยความเข้าใจ
- ชวนไปพบแพทย์หรือสายด่วนยาเสพติด 1165
- ปรับสภาพแวดล้อมให้ปลอดภัย หลีกเลี่ยงสิ่งกระตุ้น
- เสริมแรงใจด้วยคำพูดดีๆ แทนการดุว่า
...............................................................................
🏥 การวินิจฉัยการพยาบาลผู้ป่วยโรคการใช้เฮโรอีนและฝิ่น
(F11)
- F11F1 มีภาวะหายใจช้าจากฤทธิ์ของยา (Impaired breathing due to opioid effect) ผู้ป่วยมีอาการกดการหายใจจากการใช้เฮโรอีน/ฝิ่น ต้องเฝ้าระวังการหยุดหายใจและจัดท่าทางเพื่อเปิดทางเดินหายใจ
- F11F2 มีภาวะถอนยา เช่น ตัวสั่น เหงื่อออกมาก ปวดเมื่อย (Withdrawal symptoms such as tremors, sweating, and body aches) ต้องดูแลให้ปลอดภัย ลดอาการถอนยา และป้องกันภาวะแทรกซ้อนจากการขาดยา
- F11F3 มีความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุจากอาการสับสน/หมดสติ (Risk for injury related to confusion or unconsciousness) ผู้ป่วยอาจล้ม ได้รับบาดเจ็บ หรือเป็นอันตรายต่อตนเอง
- F11F4 มีภาวะขาดสารน้ำและสารอาหาร (Fluid and nutritional imbalance) เกิดจากอาการอาเจียน เบื่ออาหาร หรือไม่ดูแลตนเอง
- F11F5 มีภาวะซึมเศร้า หรืออารมณ์แปรปรวนจากการใช้สารเสพติด (Depressed mood or mood instability from opioid use) อาจเสี่ยงต่อการทำร้ายตัวเอง ต้องได้รับการสนับสนุนทางอารมณ์
- F11F6 มีความเสี่ยงต่อการใช้สารเสพติดซ้ำ (Risk for relapse) ต้องส่งเสริมแรงจูงใจ และให้เข้าร่วมโปรแกรมฟื้นฟู
- F11F7 ขาดความรู้ในการจัดการกับปัญหาสารเสพติด (Knowledge deficit about substance use disorder management) ต้องได้รับข้อมูลที่ชัดเจนและเหมาะสมเกี่ยวกับการเลิกยาและการดูแลตนเอง
- F11F8 มีปัญหาครอบครัวหรือขาดการสนับสนุนทางสังคม (Ineffective family or social support system) ส่งผลให้ผู้ป่วยไม่สามารถฟื้นตัวได้ดี ต้องประสานงานกับครอบครัวหรือชุมชน
- F11F9 ขาดความร่วมมือในการรักษา (Non-adherence to treatment plan) เกิดจากความไม่เข้าใจหรือหมดหวัง ต้องส่งเสริมแรงจูงใจอย่างต่อเนื่อง
- F11F10 ต้องการวางแผนจำหน่ายและติดตามต่อเนื่อง (Need for discharge planning and follow-up care) เพื่อป้องกันการกลับไปใช้สารเสพติด และให้สามารถปรับตัวในชีวิตประจำวันได้
.........................................................................
F11F1:
มีภาวะหายใจช้าจากฤทธิ์ของยา (Impaired breathing due to
opioid effect)
🔍
Assessment (การประเมิน)
S:
- ผู้ป่วยบ่นแน่นหน้าอก เหนื่อย หายใจลำบาก
- รู้สึกง่วงซึม หายใจไม่อิ่ม
O:
- หายใจช้ากว่า 12 ครั้ง/นาที
- อัตราออกซิเจนในเลือด (SpO₂) ต่ำกว่า 94%
- ง่วง ซึม ตอบสนองช้า
- รูม่านตาหดเล็ก (pinpoint pupils)
- ได้รับเฮโรอีน/ฝิ่นมาก่อนเข้าโรงพยาบาล
🎯 Goals (เป้าหมาย)
- ผู้ป่วยมีลมหายใจปกติอย่างน้อย 12 ครั้ง/นาที
- ระดับออกซิเจน (SpO₂) ≥ 95%
- ผู้ป่วยรู้สึกหายใจสะดวกขึ้น ไม่แน่นหน้าอก
- ไม่มีภาวะหยุดหายใจเฉียบพลัน
📏
Evaluation Criteria (เกณฑ์การประเมิน)
- RR 12–20 ครั้ง/นาที ภายใน 24 ชม.
- SpO₂ ≥ 95% โดยไม่ใช้หรือใช้ O₂ ต่ำ
- ผู้ป่วยรู้สึกโล่ง/หายใจสบายขึ้น
- ไม่มีอาการหยุดหายใจหรือ cyanosis
🧾
Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)
- F11F1I-1: ติดตามการหายใจทุก 1–2 ชั่วโมง ได้แก่ จำนวนครั้ง ความลึก และจังหวะการหายใจ
- F11F1I-2: วัด SpO₂ และประเมินอาการขาดออกซิเจน เช่น ปากเขียว ปลายมือซีด
- F11F1I-3: จัดท่านอนศีรษะสูง 30–45 องศา เพื่อเปิดทางเดินหายใจและช่วยให้หายใจสะดวก
- F11F1I-4: ให้ O₂ ตามแผนการรักษา หาก SpO₂ < 94%
- F11F1I-5: เตรียมอุปกรณ์ช่วยหายใจ เช่น Ambu bag และเครื่องดูดเสมหะไว้ใกล้ตัว
- F11F1I-6: รายงานแพทย์ทันทีหากมีอาการหยุดหายใจหรือ SpO₂ ลดต่ำลงมาก
- F11F1I-7: เฝ้าระวังสัญญาณภาวะ overdose เช่น ซึมลึกไม่ตอบสนอง รูม่านตาหด
- F11F1I-8: ให้ยาแก้พิษ (Naloxone) ตามแผนหากมีภาวะ overdose ร่วม
- F11F1I-9: ให้กำลังใจ พูดคุยช้า ๆ ชัดเจนเพื่อประคองสติและลดความกลัว
- F11F1I-10: บันทึกข้อมูลการหายใจและการตอบสนองทุกครั้งหลังให้การพยาบาล
✅ Response
(การตอบสนอง)
- F11F1R-1: ผู้ป่วยหายใจ ≥ 12 ครั้ง/นาที อย่างสม่ำเสมอ
- F11F1R-2: ค่า SpO₂ ≥ 95% โดยใช้ O₂ ในระดับต่ำหรือไม่ต้องใช้
- F11F1R-3: ผู้ป่วยรู้สึกหายใจสะดวก ไม่แน่นหน้าอกหรือเหนื่อย
- F11F1R-4: ไม่มีภาวะหยุดหายใจหรือ cyanosis เกิดขึ้น
- F11F1R-5: ผู้ป่วยมีสติ ตอบสนองได้ดีขึ้นหลังให้การพยาบาล
...................................................................
F11F2: มีภาวะถอนยา เช่น ตัวสั่น เหงื่อออกมาก
ปวดเมื่อย (Withdrawal symptoms such as tremors, sweating, and body
aches)
🔍
Assessment (การประเมิน)
S:
- ผู้ป่วยบ่นปวดเมื่อย คลื่นไส้ หงุดหงิด นอนไม่หลับ
- รู้สึกกระวนกระวาย กลัวตาย
O:
- ตัวสั่น เหงื่อออกมาก
- ความดันโลหิตและชีพจรสูง
- หนังลุกเป็นหนาว ๆ ร้อน ๆ
- หาว น้ำตาไหล น้ำมูกไหล
- ตรวจพบ Pupils ขยายเล็กน้อย
🎯 Goals (เป้าหมาย)
- ลดอาการถอนยาให้อยู่ในระดับที่ควบคุมได้
- ผู้ป่วยรู้สึกสบาย ปลอดภัย
- ป้องกันภาวะแทรกซ้อน เช่น ชัก หรือหมดสติ
- ผู้ป่วยให้ความร่วมมือในการบำบัด
📏
Evaluation Criteria (เกณฑ์การประเมิน)
- อาการถอนยาลดลงภายใน 24–48 ชั่วโมง
- ผู้ป่วยไม่เกิดภาวะแทรกซ้อนรุนแรง เช่น ชัก หรือหมดสติ
- ผู้ป่วยรับประทานอาหารและนอนได้ดีขึ้น
- ความดันและชีพจรกลับมาใกล้เคียงปกติ
🧾
Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)
- F11F2I-1: ประเมินอาการถอนยาทุก 2–4 ชั่วโมง เช่น ตัวสั่น เหงื่อ ปวดกล้ามเนื้อ
- F11F2I-2: วัดสัญญาณชีพอย่างสม่ำเสมอ เพื่อเฝ้าระวังความดันสูงหรือชีพจรเร็ว
- F11F2I-3: ให้ยาบรรเทาอาการถอนยา ตามแผนการรักษา เช่น ยาต้านอาการวิตกกังวล หรือยาคลายกล้ามเนื้อ
- F11F2I-4: สังเกตอาการแทรกซ้อน เช่น สับสน ชัก เหงื่อออกมากเกินไป
- F11F2I-5: ให้ผู้ป่วยพักผ่อนในสิ่งแวดล้อมที่เงียบ อากาศถ่ายเทดี
- F11F2I-6: กระตุ้นให้รับประทานอาหารและน้ำ เพื่อป้องกันภาวะขาดน้ำและอ่อนเพลีย
- F11F2I-7: พูดคุยให้กำลังใจและสร้างความรู้สึกปลอดภัย
- F11F2I-8: แจ้งแพทย์ทันทีหากพบสัญญาณของ withdrawal รุนแรง
- F11F2I-9: สนับสนุนให้ผู้ป่วยเข้าร่วมกลุ่มบำบัดหรือติดตามการฟื้นฟู
- F11F2I-10: บันทึกอาการถอนยาและการตอบสนองต่อการรักษาอย่างละเอียด
✅ Response
(การตอบสนอง)
- F11F2R-1: อาการถอนยาลดลง เช่น ตัวสั่นและเหงื่อออกน้อยลง
- F11F2R-2: สัญญาณชีพอยู่ในเกณฑ์ปกติภายใน 24–48 ชม.
- F11F2R-3: ผู้ป่วยรับประทานอาหารและนอนได้ดีขึ้น
- F11F2R-4: ไม่มีภาวะแทรกซ้อน เช่น หมดสติหรือชัก
- F11F2R-5: ผู้ป่วยร่วมมือและให้ความมั่นใจในการรักษา
.........................................................................
F11F3 มีความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุจากอาการสับสน/หมดสติ
(Risk for injury related to confusion or unconsciousness)
🔍
Assessment (การประเมิน)
S:
- ผู้ป่วยรายงานเวียนหัว คลื่นไส้ มีอาการสับสนและง่วงซึม
O:
- สังเกตอาการสับสน หมดสติ ชัก หรือขาดการตอบสนองต่อสิ่งเร้า ตรวจร่างกายพบอาการหกล้มหรือบาดเจ็บเล็กน้อย
🎯 Goals (เป้าหมาย)
- ผู้ป่วยปลอดภัยจากการเกิดอุบัติเหตุและบาดเจ็บ
- ลดภาวะสับสนและเพิ่มความรู้สึกตัว
📏
Evaluation Criteria (เกณฑ์การประเมิน)
- ไม่มีบาดแผลหรือร่องรอยการบาดเจ็บใหม่
- ผู้ป่วยมีความรู้สึกตัวชัดเจนขึ้น
- ผู้ป่วยไม่เกิดอุบัติเหตุระหว่างดูแล
🧾
Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)
- F11F3I-1: ตรวจระดับความรู้สึกตัวและสัญญาณชีพทุก 1-2 ชั่วโมง
- F11F3I-2: จัดสิ่งแวดล้อมให้ปลอดภัย ไม่มีสิ่งกีดขวาง หรือของมีคมใกล้ตัว
- F11F3I-3: วางผู้ป่วยในท่าที่ปลอดภัย เช่น ท่าตะแคง เพื่อลดความเสี่ยงสำลัก
- F11F3I-4: ให้ผู้ป่วยพักผ่อนในพื้นที่ที่มีการดูแลอย่างใกล้ชิด
- F11F3I-5: แจ้งเตือนทีมพยาบาลและผู้ดูแลเกี่ยวกับความเสี่ยงของผู้ป่วย
- F11F3I-6: สอนผู้ดูแลและครอบครัววิธีป้องกันอุบัติเหตุและการดูแลเบื้องต้น
✅ Response
(การตอบสนอง)
- F11F3R-1: ผู้ป่วยไม่มีบาดเจ็บหรืออุบัติเหตุระหว่างพักรักษา
- F11F3R-2: ระดับความรู้สึกตัวของผู้ป่วยดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง
- F11F3R-3: ผู้ดูแลและครอบครัวสามารถปฏิบัติและระวังได้อย่างเหมาะสม
..................................................................................................
F11F4: มีภาวะขาดสารอาหาร/น้ำ (Imbalanced
nutrition and dehydration)
🔍
Assessment (การประเมิน)
S:
- ผู้ป่วยบ่นว่า “ไม่อยากกินอะไรเลย” หรือ “คลื่นไส้ตลอดเวลา”
- รู้สึกอ่อนเพลีย ไม่มีแรง ปากแห้ง เวียนศีรษะ
O:
- ผิวหนังแห้ง ลิ้นแห้ง ตาโหล
- ความดันต่ำ ชีพจรเบาเร็ว
- ปริมาณปัสสาวะน้อย สีเข้ม
- น้ำหนักลดลง
- Lab: ค่า Electrolytes ผิดปกติ
🎯 Goals (เป้าหมาย)
- ร่างกายได้รับสารน้ำและสารอาหารเพียงพอ
- อาการขาดน้ำดีขึ้นภายใน 24–48 ชั่วโมง
- ผู้ป่วยมีแรง สามารถรับประทานอาหารได้มากขึ้น
- ปัสสาวะกลับมาเป็นปกติ
📏
Evaluation Criteria (เกณฑ์การประเมิน)
- น้ำหนักตัวคงที่หรือเพิ่มขึ้น
- ปัสสาวะสีเหลืองอ่อน ปริมาณมากกว่า 1,500 มล./วัน
- อ่อนเพลียน้อยลง มีแรงขึ้น
- อาการขาดน้ำดีขึ้น เช่น ปากไม่แห้ง ตาไม่โหล
🧾
Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)
- F11F4I-1: ประเมินน้ำหนักตัวและสัญญาณชีพทุกวัน
- F11F4I-2: ประเมินปริมาณและสีของปัสสาวะทุก 4–6 ชั่วโมง
- F11F4I-3: สังเกตอาการขาดน้ำ เช่น ผิวแห้ง ลิ้นแห้ง ความดันต่ำ
- F11F4I-4: ให้สารน้ำทางหลอดเลือดดำตามแผนการรักษา เช่น NSS, D5W
- F11F4I-5: ส่งเสริมให้จิบน้ำทีละน้อยแต่บ่อยครั้ง
- F11F4I-6: จัดอาหารอ่อน ย่อยง่าย และมีคุณค่าทางโภชนาการ
- F11F4I-7: ประเมินอาการคลื่นไส้ อาเจียน ถ่ายเหลว และให้ยาตามแผน
- F11F4I-8: ให้วิตามินเสริม (เช่น Vitamin B1, B6, B12) ตามคำสั่งแพทย์
- F11F4I-9: ให้การดูแลด้านสุขภาพช่องปาก เพื่อลดกลิ่นปากและกระตุ้นการอยากอาหาร
- F11F4I-10: บันทึกอาหาร/น้ำที่ได้รับและขับถ่ายทุกวันเพื่อประเมินสมดุลน้ำในร่างกาย
✅ Response
(การตอบสนอง)
- F11F4R-1: น้ำหนักตัวคงที่หรือเพิ่มขึ้น
- F11F4R-2: ปัสสาวะเพิ่มขึ้นและมีสีเหลืองอ่อน
- F11F4R-3: ผู้ป่วยไม่มีอาการปากแห้ง เวียนศีรษะ หรืออ่อนเพลีย
- F11F4R-4: รับประทานอาหารและน้ำได้มากขึ้นโดยไม่มีอาเจียน
- F11F4R-5: สัญญาณชีพอยู่ในเกณฑ์ปกติ
..........................................................................
F11F5: มีภาวะซึมเศร้า
หรืออารมณ์แปรปรวนจากการใช้สารเสพติด (Depressed mood or mood instability
from opioid use)
🔍
Assessment (การประเมิน)
S:
- ผู้ป่วยรู้สึกเศร้า เบื่อหน่าย ไม่มีความหวัง
- บอกว่ารู้สึก “อยากตาย” หรือ “ไม่มีใครเข้าใจ”
- อารมณ์ขึ้น ๆ ลง ๆ หงุดหงิดง่าย
O:
- สีหน้าเศร้าหมอง น้ำตาคลอ
- พฤติกรรมถอนตัวจากสังคม พูดน้อยลง
- มีการพยายามทำร้ายตัวเองหรือพูดถึงความคิดฆ่าตัวตาย
- การนอนหลับผิดปกติ เช่น นอนน้อยหรือนอนมากเกินไป
- สัญญาณชีพบางครั้งผิดปกติ เช่น หัวใจเต้นเร็วจากความเครียด
🎯 Goals (เป้าหมาย)
- ผู้ป่วยแสดงอารมณ์ที่มั่นคงขึ้น มีความหวังและพึงพอใจในชีวิต
- ลดความเสี่ยงการทำร้ายตัวเองหรือฆ่าตัวตาย
- ผู้ป่วยได้รับการสนับสนุนทางอารมณ์และรู้สึกปลอดภัย
- มีการสื่อสารและเชื่อมโยงกับทีมดูแลอย่างต่อเนื่อง
📏
Evaluation Criteria (เกณฑ์การประเมิน)
- ผู้ป่วยรายงานอารมณ์ดีขึ้น
- ไม่มีพฤติกรรมหรือความคิดทำร้ายตัวเอง
- ผู้ป่วยร่วมมือกับทีมพยาบาลและครอบครัวในการดูแล
- อาการซึมเศร้าลดลง เช่น มีความสนใจทำกิจกรรมมากขึ้น
🧾
Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)
- F11F5I-1: ประเมินอารมณ์และความคิดฆ่าตัวตายทุก 2–4 ชั่วโมง
- F11F5I-2: สร้างบรรยากาศปลอดภัย ไม่ปล่อยผู้ป่วยไว้ตามลำพัง
- F11F5I-3: ส่งเสริมให้ผู้ป่วยพูดคุย แสดงความรู้สึกอย่างเปิดเผย
- F11F5I-4: สนับสนุนการเชื่อมโยงกับครอบครัวและทีมสุขภาพจิต
- F11F5I-5: ให้คำแนะนำการจัดการความเครียด เช่น ฝึกผ่อนคลาย ลมหายใจลึก
- F11F5I-6: ให้ยาตามแพทย์สั่งเพื่อควบคุมอารมณ์และซึมเศร้า
- F11F5I-7: เฝ้าระวังสัญญาณอันตราย เช่น พูดถึงความตายหรือแสดงพฤติกรรมเสี่ยง
- F11F5I-8: จัดกิจกรรมบำบัดเพื่อเสริมสร้างความมั่นใจและอารมณ์เชิงบวก
- F11F5I-9: ให้ความรู้เกี่ยวกับโรคและการฟื้นฟูสภาพจิตใจ
✅ Response
(การตอบสนอง)
- F11F5R-1: ผู้ป่วยแสดงอารมณ์มั่นคงขึ้น ไม่มีความคิดหรือพฤติกรรมทำร้ายตัวเอง
- F11F5R-2: ผู้ป่วยมีส่วนร่วมในกิจกรรมและการสื่อสารมากขึ้น
- F11F5R-3: ความวิตกกังวลและซึมเศร้าลดลง
- F11F5R-4: ผู้ป่วยรู้สึกปลอดภัยและได้รับการสนับสนุนอย่างต่อเนื่อง
- F11F5R-5: ไม่มีเหตุการณ์ฉุกเฉินจากพฤติกรรมเสี่ยงในช่วงการดูแล
........................................................................
F11F6: ความเสี่ยงต่อการใช้สารเสพติดซ้ำ (Risk
for relapse)
🔍
Assessment (การประเมิน)
S:
- ผู้ป่วยแสดงความกังวลว่าอาจกลับไปใช้สารเสพติดอีก
- บอกว่า “อยากเลิกแต่ก็กลัวล้มเหลว”
- มีแรงจูงใจไม่มั่นคง บางครั้งอยากใช้ บางครั้งอยากเลิก
O:
- มีประวัติใช้ซ้ำหรือถอนตัวล้มเหลวก่อนหน้า
- ขาดการติดตามเข้าร่วมโปรแกรมฟื้นฟู
- สภาพแวดล้อมรอบตัวมีสิ่งกระตุ้นให้กลับไปใช้ยา เช่น เพื่อนที่ใช้ยา
- มีความเครียดสูง หรือภาวะซึมเศร้า
🎯 Goals (เป้าหมาย)
- ผู้ป่วยมีแรงจูงใจและความตั้งใจเลิกใช้สารเสพติดอย่างต่อเนื่อง
- ผู้ป่วยเข้าร่วมโปรแกรมฟื้นฟูอย่างสม่ำเสมอ
- ลดปัจจัยกระตุ้นการใช้ซ้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- ผู้ป่วยสามารถจัดการกับความเครียดและอารมณ์ได้ดีขึ้น
📏
Evaluation Criteria (เกณฑ์การประเมิน)
- ผู้ป่วยรายงานความตั้งใจเลิกใช้สารเสพติดสูงขึ้น
- ผู้ป่วยเข้าร่วมกิจกรรมและโปรแกรมฟื้นฟูอย่างต่อเนื่อง
- มีพฤติกรรมหลีกเลี่ยงสถานการณ์และสิ่งเร้าที่เสี่ยง
- ผู้ป่วยสามารถจัดการความเครียดได้ดีขึ้นโดยไม่ใช้สารเสพติด
🧾
Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)
- F11F6I-1: ประเมินระดับแรงจูงใจเลิกใช้สารเสพติดอย่างสม่ำเสมอ
- F11F6I-2: สร้างความเข้าใจและให้ข้อมูลเกี่ยวกับผลเสียของการใช้ซ้ำ
- F11F6I-3: สนับสนุนและกระตุ้นให้ผู้ป่วยเข้าร่วมโปรแกรมฟื้นฟูและกลุ่มสนับสนุน
- F11F6I-4: ช่วยวางแผนจัดการสถานการณ์เสี่ยงและวิธีหลีกเลี่ยงสิ่งเร้า
- F11F6I-5: ฝึกเทคนิคการจัดการความเครียด เช่น ฝึกหายใจลึก การทำสมาธิ
- F11F6I-6: ประสานงานกับทีมสุขภาพจิตเพื่อให้คำปรึกษาและติดตามผล
- F11F6I-7: ส่งเสริมให้ครอบครัวและคนใกล้ชิดมีส่วนร่วมในการสนับสนุน
- F11F6I-8: เฝ้าระวังสัญญาณเตือนการใช้ซ้ำ เช่น อาการถอนตัวหรือเปลี่ยนแปลงอารมณ์
✅ Response
(การตอบสนอง)
- F11F6R-1: ผู้ป่วยแสดงความตั้งใจเลิกใช้สารเสพติดอย่างมั่นคง
- F11F6R-2: ผู้ป่วยเข้าร่วมกิจกรรมและโปรแกรมฟื้นฟูอย่างต่อเนื่อง
- F11F6R-3: ผู้ป่วยสามารถหลีกเลี่ยงสถานการณ์เสี่ยงและสิ่งเร้าได้ดี
- F11F6R-4: มีการจัดการความเครียดอย่างเหมาะสมโดยไม่กลับไปใช้สารเสพติด
- F11F6R-5: ครอบครัวและคนใกล้ชิดให้การสนับสนุนและดูแลอย่างต่อเนื่อง
.................................................................
F11F7: ขาดความรู้ในการจัดการกับปัญหาสารเสพติด
(Knowledge deficit about substance use disorder management)
🔍
Assessment (การประเมิน)
S:
- ผู้ป่วยบอกว่า “ไม่รู้ว่าจะเลิกยังไง” หรือ “กลัวถอนยา”
- แสดงความสับสนเกี่ยวกับการดูแลตัวเองหลังเลิกยา
- มีคำถามหรือความกังวลเกี่ยวกับผลข้างเคียงของการรักษา
O:
- ไม่มีความรู้เกี่ยวกับอาการถอนยาและวิธีจัดการ
- ไม่เข้าร่วมกิจกรรมให้ความรู้หรือโปรแกรมฟื้นฟู
- ขาดแหล่งข้อมูลหรือคำปรึกษาที่เชื่อถือได้
- พบว่าผู้ป่วยมีพฤติกรรมที่เสี่ยงต่อการกลับไปใช้ยาอีก
🎯 Goals (เป้าหมาย)
- ผู้ป่วยได้รับความรู้ที่ถูกต้องและเพียงพอเกี่ยวกับการเลิกใช้สารเสพติด
- ผู้ป่วยสามารถปฏิบัติตนเองตามคำแนะนำได้อย่างถูกต้อง
- ผู้ป่วยมีความมั่นใจและแรงจูงใจในการเลิกใช้สารเสพติดเพิ่มขึ้น
- ลดความเสี่ยงการใช้สารเสพติดซ้ำหรือภาวะแทรกซ้อน
📏
Evaluation Criteria (เกณฑ์การประเมิน)
- ผู้ป่วยสามารถบอกขั้นตอนการเลิกใช้ยาและการดูแลตนเองได้
- ผู้ป่วยแสดงพฤติกรรมปฏิบัติตามคำแนะนำ เช่น การเข้าร่วมโปรแกรมฟื้นฟู
- มีการลดคำถามหรือความกังวลเกี่ยวกับการเลิกยา
- ผู้ป่วยรายงานความมั่นใจและความตั้งใจในการเลิกใช้สารเสพติดเพิ่มขึ้น
🧾
Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)
- F11F7I-1: ให้ข้อมูลและอธิบายเกี่ยวกับอาการถอนยาและวิธีจัดการอย่างชัดเจน
- F11F7I-2: จัดกิจกรรมให้ความรู้และสนับสนุนการเข้าร่วมโปรแกรมฟื้นฟู
- F11F7I-3: สอนวิธีการดูแลตนเอง เช่น การดูแลสุขภาพกายและจิตใจ
- F11F7I-4: ใช้สื่อการสอนที่เหมาะสม เช่น โปสเตอร์ วิดีโอ หรือแผ่นพับ
- F11F7I-5: ตอบคำถามและคลายความกังวลของผู้ป่วยอย่างต่อเนื่อง
- F11F7I-6: ประสานงานกับทีมสุขภาพจิตเพื่อให้คำปรึกษาเชิงลึก
- F11F7I-7: สนับสนุนครอบครัวในการให้ความรู้และช่วยดูแล
- F11F7I-8: ติดตามความก้าวหน้าของผู้ป่วยในการเรียนรู้และปฏิบัติ
✅ Response
(การตอบสนอง)
- F11F7R-1: ผู้ป่วยสามารถอธิบายอาการถอนยาและวิธีจัดการได้ถูกต้อง
- F11F7R-2: ผู้ป่วยเข้าร่วมกิจกรรมให้ความรู้และโปรแกรมฟื้นฟูอย่างสม่ำเสมอ
- F11F7R-3: มีการปฏิบัติตามคำแนะนำการดูแลตนเองอย่างเหมาะสม
- F11F7R-4: ผู้ป่วยแสดงความมั่นใจและมีแรงจูงใจเลิกใช้สารเสพติดเพิ่มขึ้น
- F11F7R-5: ครอบครัวมีส่วนร่วมในการสนับสนุนและช่วยดูแลผู้ป่วย
..................................................................................
F11F8: ปัญหาครอบครัวหรือขาดการสนับสนุนทางสังคม
(Ineffective family or social support system)
🔍
Assessment (การประเมิน)
S:
- ผู้ป่วยรู้สึกโดดเดี่ยว วิตกกังวล หรือไม่มั่นใจในการฟื้นตัว
- แสดงความกังวลเรื่องความสัมพันธ์กับครอบครัวหรือเพื่อน
- แจ้งว่าไม่มีคนช่วยเหลือหรือสนับสนุนในบ้านหรือที่ทำงาน
O:
- ครอบครัวขาดการสื่อสารหรือความเข้าใจในปัญหาผู้ป่วย
- ผู้ป่วยไม่เข้าร่วมกิจกรรมทางสังคมหรือกลุ่มฟื้นฟู
- พบปัญหาความขัดแย้งหรือความรุนแรงในครอบครัว
- ไม่มีเครือข่ายสนับสนุนทางสังคมที่เหมาะสม
🎯 Goals (เป้าหมาย)
- ผู้ป่วยได้รับการสนับสนุนจากครอบครัวและชุมชนอย่างเหมาะสม
- สร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างผู้ป่วยกับครอบครัว
- ผู้ป่วยมีเครือข่ายสังคมที่ช่วยเสริมสร้างการฟื้นฟู
- ลดความเสี่ยงการกลับไปใช้สารเสพติดซ้ำ
📏
Evaluation Criteria (เกณฑ์การประเมิน)
- ผู้ป่วยรายงานความรู้สึกได้รับการสนับสนุนจากครอบครัวและชุมชน
- ครอบครัวและผู้ดูแลร่วมกิจกรรมให้ความรู้และให้การช่วยเหลือ
- ผู้ป่วยเข้าร่วมกลุ่มสนับสนุนหรือกิจกรรมทางสังคมเพิ่มขึ้น
- มีการสื่อสารและความเข้าใจที่ดีขึ้นในครอบครัว
- ผู้ป่วยแสดงพฤติกรรมลดการใช้สารเสพติด
🧾
Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)
- F11F8I-1: ประเมินความสัมพันธ์ของผู้ป่วยกับครอบครัวและชุมชน
- F11F8I-2: ให้คำปรึกษาผู้ป่วยและครอบครัวเกี่ยวกับความสำคัญของการสนับสนุน
- F11F8I-3: จัดกิจกรรมเสริมสร้างความสัมพันธ์ในครอบครัว เช่น พบปะพูดคุย
- F11F8I-4: ประสานงานกับกลุ่มสนับสนุนผู้เสพติดและชุมชนเพื่อช่วยเหลือ
- F11F8I-5: ส่งเสริมการเข้าร่วมกิจกรรมทางสังคมและกลุ่มฟื้นฟู
- F11F8I-6: สนับสนุนครอบครัวให้มีความรู้และทักษะในการดูแลผู้ป่วย
- F11F8I-7: ติดตามและประเมินผลการสนับสนุนจากครอบครัวและชุมชนอย่างต่อเนื่อง
✅ Response
(การตอบสนอง)
- F11F8R-1: ผู้ป่วยรายงานความรู้สึกได้รับการสนับสนุนและปลอดภัยมากขึ้น
- F11F8R-2: ครอบครัวมีการสื่อสารและเข้าใจปัญหาผู้ป่วยดีขึ้น
- F11F8R-3: ผู้ป่วยเข้าร่วมกิจกรรมกลุ่มฟื้นฟูและกิจกรรมทางสังคมอย่างสม่ำเสมอ
- F11F8R-4: ลดความขัดแย้งและความตึงเครียดในครอบครัว
- F11F8R-5: ผู้ป่วยมีพฤติกรรมลดการใช้สารเสพติดและฟื้นตัวดีขึ้น
.....................................................................................
F11F9: ขาดความร่วมมือในการรักษา (Non-adherence
to treatment plan)
🔍
Assessment (การประเมิน)
S:
- ผู้ป่วยแสดงความไม่มั่นใจ หมดหวัง หรือรู้สึกว่าการรักษาไม่ได้ผล
- แจ้งว่าลืมรับประทานยา หรือไม่อยากเข้ารับการรักษา
- บอกเหตุผลว่าไม่เข้าใจวิธีการรักษา หรือไม่มีแรงจูงใจ
O:
- ไม่ปฏิบัติตามคำแนะนำเรื่องยาและกิจกรรมฟื้นฟู
- ขาดนัดหมายหรือละเลยการพบแพทย์และพยาบาล
- สังเกตพบพฤติกรรมหลีกเลี่ยงหรือปฏิเสธการรักษา
🎯 Goals (เป้าหมาย)
- ผู้ป่วยมีความเข้าใจในแผนการรักษาและความสำคัญของการปฏิบัติตาม
- ผู้ป่วยมีแรงจูงใจและพร้อมเข้ารับการรักษาต่อเนื่อง
- ลดภาวะแทรกซ้อนและป้องกันการกลับไปใช้สารเสพติดซ้ำ
- สร้างความร่วมมือที่ดีระหว่างผู้ป่วยและทีมดูแล
📏
Evaluation Criteria (เกณฑ์การประเมิน)
- ผู้ป่วยสามารถบอกขั้นตอนการรักษาและเหตุผลได้อย่างถูกต้อง
- ผู้ป่วยปฏิบัติตามแผนการรักษาและนัดหมายอย่างสม่ำเสมอ
- ผู้ป่วยรายงานความรู้สึกและแรงจูงใจดีขึ้น
- ลดจำนวนการขาดนัดหรือละเลยการรักษา
- ไม่มีภาวะแทรกซ้อนจากการใช้สารเสพติดซ้ำ
🧾
Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)
- F11F9I-1: ประเมินความรู้และความเข้าใจของผู้ป่วยเกี่ยวกับแผนการรักษา
- F11F9I-2: ให้ข้อมูลและอธิบายแผนการรักษาอย่างชัดเจนและเหมาะสม
- F11F9I-3: สร้างแรงจูงใจโดยใช้เทคนิคการสื่อสารเชิงบวกและเสริมกำลังใจ
- F11F9I-4: ส่งเสริมการตั้งเป้าหมายเล็ก ๆ ที่ทำได้จริงและเฉลิมฉลองความสำเร็จ
- F11F9I-5: ติดตามผลการปฏิบัติตามแผนและให้คำแนะนำเมื่อพบปัญหา
- F11F9I-6: ประสานงานกับครอบครัวหรือทีมฟื้นฟูเพื่อสนับสนุนผู้ป่วย
- F11F9I-7: ใช้เทคโนโลยี เช่น โทรแจ้งเตือนนัดหมาย เพื่อช่วยเตือนความจำ
✅ Response
(การตอบสนอง)
- F11F9R-1: ผู้ป่วยแสดงความเข้าใจและอธิบายแผนการรักษาได้
- F11F9R-2: ผู้ปฏิบัติตามแผนรักษาและเข้ารับการนัดหมายอย่างสม่ำเสมอ
- F11F9R-3: ผู้ป่วยมีแรงจูงใจและทัศนคติเชิงบวกต่อการรักษา
- F11F9R-4: ลดพฤติกรรมหลีกเลี่ยงหรือปฏิเสธการรักษา
- F11F9R-5: ไม่มีภาวะแทรกซ้อนหรือกลับไปใช้สารเสพติดซ้ำ
........................................................................
F11F10: ต้องการวางแผนจำหน่ายและติดตามต่อเนื่อง
(Need for discharge planning and follow-up care)
🔍
Assessment (การประเมิน)
S:
- ผู้ป่วยแสดงความกังวลหรือไม่มั่นใจเกี่ยวกับการกลับบ้าน
- แจ้งความต้องการหรือปัญหาเกี่ยวกับการปรับตัวในชุมชน
- ความรู้และทักษะในการดูแลตนเองยังไม่เพียงพอ
O:
- มีประวัติการกลับไปใช้สารเสพติดซ้ำหลังจำหน่าย
- ไม่มีระบบสนับสนุนที่บ้านหรือในชุมชนเพียงพอ
- ขาดการนัดหมายติดตามผลหลังจำหน่าย
🎯 Goals (เป้าหมาย)
- ผู้ป่วยและครอบครัวเข้าใจแผนการดูแลหลังจำหน่าย
- มีระบบสนับสนุนที่เหมาะสมในบ้านและชุมชน
- ผู้ป่วยสามารถดูแลตนเองและป้องกันการใช้สารเสพติดซ้ำ
- ผู้ป่วยเข้ารับการติดตามผลตามนัดอย่างสม่ำเสมอ
📏
Evaluation Criteria (เกณฑ์การประเมิน)
- ผู้ป่วยและครอบครัวสามารถอธิบายแผนการดูแลหลังจำหน่ายได้
- ผู้ป่วยไม่กลับไปใช้สารเสพติดซ้ำภายใน 3-6 เดือน
- ผู้ป่วยรายงานความมั่นใจในการดูแลตนเองและปรับตัวดีขึ้น
- มีการเข้ารับนัดติดตามผลตามกำหนด
- ครอบครัวและชุมชนให้การสนับสนุนอย่างต่อเนื่อง
🧾
Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)
- F11F10I-1: ประเมินความต้องการและปัญหาของผู้ป่วยและครอบครัวก่อนจำหน่าย
- F11F10I-2: วางแผนจำหน่ายร่วมกับทีมสหสาขาวิชาชีพและผู้ป่วย
- F11F10I-3: ให้ข้อมูลและสอนทักษะการดูแลตนเองและการป้องกันการใช้สารเสพติดซ้ำ
- F11F10I-4: จัดเตรียมแหล่งสนับสนุน เช่น กลุ่มฟื้นฟู ชุมชน หรือครอบครัว
- F11F10I-5: นัดหมายการติดตามผลหลังจำหน่ายและเตือนความจำผ่านช่องทางต่าง ๆ
- F11F10I-6: ประสานงานกับทีมชุมชนหรือศูนย์ฟื้นฟูเพื่อการดูแลต่อเนื่อง
- F11F10I-7: ติดตามและประเมินผลการปรับตัวและความร่วมมือของผู้ป่วยหลังจำหน่าย
✅ Response
(การตอบสนอง)
- F11F10R-1: ผู้ป่วยและครอบครัวแสดงความเข้าใจแผนการดูแลหลังจำหน่าย
- F11F10R-2: ผู้ป่วยสามารถดูแลตนเองและมีความมั่นใจในการป้องกันการใช้สารเสพติดซ้ำ
- F11F10R-3: ผู้ป่วยเข้ารับนัดติดตามผลตามแผนอย่างสม่ำเสมอ
- F11F10R-4: ผู้ป่วยไม่มีการกลับไปใช้สารเสพติดซ้ำภายในช่วงติดตาม
- F11F10R-5: ครอบครัวและชุมชนให้การสนับสนุนอย่างต่อเนื่องและเหมาะสม
........................................................................................
เอกสารอ้างอิง
- กระทรวงสาธารณสุข. (2563). แนวทางการดูแลผู้ป่วยสารเสพติดในโรงพยาบาล. กรุงเทพฯ: สำนักโรคไม่ติดต่อ กรมควบคุมโรค.(เอกสารนี้ให้แนวทางการประเมิน ดูแล และวางแผนการรักษาผู้ป่วยที่มีปัญหาสารเสพติดในโรงพยาบาล)
- สมาคมพยาบาลจิตเวชแห่งประเทศไทย. (2562). คู่มือการดูแลผู้ป่วยสารเสพติดทางจิตเวชสำหรับพยาบาล. กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์มหาวิทยาลัยมหิดล. (คู่มือเน้นการดูแลเชิงจิตเวชและการสนับสนุนทางสังคมในการฟื้นฟูผู้ป่วยสารเสพติด)
- American Psychiatric Association. (2022). Practice guideline for the treatment of patients with substance use disorders (3rd edition). Arlington, VA: American Psychiatric Publishing. (This guideline covers assessment, treatment, discharge planning, and follow-up care for patients with substance use disorders including opioids.)
- World Health Organization. (2020). Guidelines for the psychosocially assisted pharmacological treatment of opioid dependence. Geneva: WHO. (This global guideline details evidence-based approaches for opioid dependence treatment, including discharge planning and community support.)
.............................................................................................