เกี่ยวกับฉัน

รูปภาพของฉัน
เมือง, พิษณุโลก, Thailand

วันพฤหัสบดีที่ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2568

EP.70 จิตเวชหัวข้อ 30 : โรคการใช้เฮโรอีนและฝิ่น Mental and behavioral disorders due to use of opioids - F11


 Psych. Topic 30 : Mental and behavioral disorders due to use of opioids - F11

โรคการใช้เฮโรอีนและฝิ่น คือ ภาวะที่บุคคลใช้เฮโรอีนหรือฝิ่นอย่างต่อเนื่องจนเกิดการ “ติดยา” หรือ “พึ่งพายา” ทั้งทางร่างกายและจิตใจ ผู้ป่วยมักมีความอยากใช้ยาอย่างควบคุมไม่ได้ ต้องเพิ่มปริมาณยาเพื่อให้ได้ผลเท่าเดิม และเมื่อหยุดใช้จะมีอาการถอนยา เช่น กระสับกระส่าย ปวดเมื่อย เหงื่อออกมาก อาเจียน หรือซึมเศร้า

เฮโรอีนและฝิ่นเป็นสารเสพติดกลุ่ม "opioid" ที่ออกฤทธิ์กดประสาท ทำให้รู้สึกเคลิบเคลิ้ม ลืมความเจ็บปวด แต่มีความเสี่ยงสูงต่อการเสียชีวิตจากการใช้ยาเกินขนาด (overdose)

🎯 ผู้ที่ใช้สารเหล่านี้อาจมีปัญหาต่าง ๆ เช่น

  • สมองทำงานช้าลงหรือสับสน
  • ไม่สามารถหยุดใช้ยาได้แม้รู้ว่าเป็นอันตราย
  • มีปัญหาในการใช้ชีวิต การงาน และความสัมพันธ์
  • อาจหันไปใช้เข็มฉีดยาร่วมกัน เสี่ยงติดโรค เช่น HIV, ไวรัสตับอักเสบ

🎯 พยาธิสภาพ / กลุ่มอายุที่พบมาก

  • สารเสพติดในกลุ่มฝิ่น (opioids) เช่น เฮโรอีน จะออกฤทธิ์กดประสาทส่วนกลาง ทำให้รู้สึกเคลิบเคลิ้มและลดความเจ็บปวด
  • พบมากในวัยรุ่นตอนปลายถึงวัยผู้ใหญ่ตอนต้น (อายุประมาณ 18-35 ปี)
  • เมื่อใช้ต่อเนื่อง ร่างกายจะดื้อยา ต้องเพิ่มปริมาณเรื่อยๆ และเสี่ยงต่อการเสียชีวิตจากการใช้ยาเกินขนาด

🎯 อาการที่สังเกตได้

  • ง่วงนอน ตาเคลิ้ม รูม่านตาหดเล็ก
  • ผิวซีด เหงื่อออกมาก คลื่นไส้ อาเจียน
  • อารมณ์แปรปรวน หงุดหงิดง่าย
  • หากขาดยา จะมีอาการถอน เช่น ปวดเมื่อย เหงื่อออก ตัวสั่น

🎯 ปัจจัยที่ทำให้เกิด

  • ปัญหาทางจิตใจ เช่น ความเครียด ซึมเศร้า
  • การเลียนแบบจากกลุ่มเพื่อน
  • การเข้าถึงยาเสพติดได้ง่าย
  • ขาดการดูแลจากครอบครัวหรือสังคมรอบข้าง

🎯 การรักษา

  • ต้องได้รับการบำบัดจากทีมแพทย์และนักจิตวิทยา
  • การใช้ยาทดแทน เช่น Methadone
  • การทำจิตบำบัด เพื่อปรับเปลี่ยนพฤติกรรม
  • การติดตามฟื้นฟูอย่างต่อเนื่อง

🎯 การพยาบาล

  • เน้นดูแลแบบเข้าใจและไม่ตัดสิน
  • ประเมินอาการถอนยาและภาวะแทรกซ้อน
  • ส่งเสริมให้ผู้ป่วยร่วมกิจกรรมบำบัด
  • สนับสนุนด้านจิตใจ และช่วยเชื่อมโยงกับครอบครัว

🎯 การดูแลสำหรับบุคคลทั่วไป

  • หากพบคนใกล้ชิดมีพฤติกรรมเสี่ยง:
  • อย่าตำหนิ แต่ให้พูดคุยด้วยความเข้าใจ
  • ชวนไปพบแพทย์หรือสายด่วนยาเสพติด 1165
  • ปรับสภาพแวดล้อมให้ปลอดภัย หลีกเลี่ยงสิ่งกระตุ้น
  • เสริมแรงใจด้วยคำพูดดีๆ แทนการดุว่า

...............................................................................

🏥 การวินิจฉัยการพยาบาลผู้ป่วยโรคการใช้เฮโรอีนและฝิ่น (F11)

  1. F11F1 มีภาวะหายใจช้าจากฤทธิ์ของยา (Impaired breathing due to opioid effect) ผู้ป่วยมีอาการกดการหายใจจากการใช้เฮโรอีน/ฝิ่น ต้องเฝ้าระวังการหยุดหายใจและจัดท่าทางเพื่อเปิดทางเดินหายใจ
  2. F11F2 มีภาวะถอนยา เช่น ตัวสั่น เหงื่อออกมาก ปวดเมื่อย (Withdrawal symptoms such as tremors, sweating, and body aches) ต้องดูแลให้ปลอดภัย ลดอาการถอนยา และป้องกันภาวะแทรกซ้อนจากการขาดยา
  3. F11F3 มีความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุจากอาการสับสน/หมดสติ (Risk for injury related to confusion or unconsciousness) ผู้ป่วยอาจล้ม ได้รับบาดเจ็บ หรือเป็นอันตรายต่อตนเอง
  4. F11F4 มีภาวะขาดสารน้ำและสารอาหาร (Fluid and nutritional imbalance) เกิดจากอาการอาเจียน เบื่ออาหาร หรือไม่ดูแลตนเอง
  5. F11F5 มีภาวะซึมเศร้า หรืออารมณ์แปรปรวนจากการใช้สารเสพติด (Depressed mood or mood instability from opioid use) อาจเสี่ยงต่อการทำร้ายตัวเอง ต้องได้รับการสนับสนุนทางอารมณ์
  6. F11F6 มีความเสี่ยงต่อการใช้สารเสพติดซ้ำ (Risk for relapse) ต้องส่งเสริมแรงจูงใจ และให้เข้าร่วมโปรแกรมฟื้นฟู
  7. F11F7 ขาดความรู้ในการจัดการกับปัญหาสารเสพติด (Knowledge deficit about substance use disorder management) ต้องได้รับข้อมูลที่ชัดเจนและเหมาะสมเกี่ยวกับการเลิกยาและการดูแลตนเอง
  8. F11F8 มีปัญหาครอบครัวหรือขาดการสนับสนุนทางสังคม (Ineffective family or social support system) ส่งผลให้ผู้ป่วยไม่สามารถฟื้นตัวได้ดี ต้องประสานงานกับครอบครัวหรือชุมชน
  9. F11F9 ขาดความร่วมมือในการรักษา (Non-adherence to treatment plan) เกิดจากความไม่เข้าใจหรือหมดหวัง ต้องส่งเสริมแรงจูงใจอย่างต่อเนื่อง
  10. F11F10 ต้องการวางแผนจำหน่ายและติดตามต่อเนื่อง (Need for discharge planning and follow-up care) เพื่อป้องกันการกลับไปใช้สารเสพติด และให้สามารถปรับตัวในชีวิตประจำวันได้

.........................................................................

F11F1: มีภาวะหายใจช้าจากฤทธิ์ของยา (Impaired breathing due to opioid effect)

🔍 Assessment (การประเมิน)

S:

  • ผู้ป่วยบ่นแน่นหน้าอก เหนื่อย หายใจลำบาก
  • รู้สึกง่วงซึม หายใจไม่อิ่ม

O:

  • หายใจช้ากว่า 12 ครั้ง/นาที
  • อัตราออกซิเจนในเลือด (SpO) ต่ำกว่า 94%
  • ง่วง ซึม ตอบสนองช้า
  • รูม่านตาหดเล็ก (pinpoint pupils)
  • ได้รับเฮโรอีน/ฝิ่นมาก่อนเข้าโรงพยาบาล

🎯 Goals (เป้าหมาย)

  • ผู้ป่วยมีลมหายใจปกติอย่างน้อย 12 ครั้ง/นาที
  • ระดับออกซิเจน (SpO) ≥ 95%
  • ผู้ป่วยรู้สึกหายใจสะดวกขึ้น ไม่แน่นหน้าอก
  • ไม่มีภาวะหยุดหายใจเฉียบพลัน

📏 Evaluation Criteria (เกณฑ์การประเมิน)

  • RR 12–20 ครั้ง/นาที ภายใน 24 ชม.
  • SpO ≥ 95% โดยไม่ใช้หรือใช้ O ต่ำ
  • ผู้ป่วยรู้สึกโล่ง/หายใจสบายขึ้น
  • ไม่มีอาการหยุดหายใจหรือ cyanosis

🧾 Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)

  • F11F1I-1: ติดตามการหายใจทุก 1–2 ชั่วโมง ได้แก่ จำนวนครั้ง ความลึก และจังหวะการหายใจ
  • F11F1I-2: วัด SpO และประเมินอาการขาดออกซิเจน เช่น ปากเขียว ปลายมือซีด
  • F11F1I-3: จัดท่านอนศีรษะสูง 30–45 องศา เพื่อเปิดทางเดินหายใจและช่วยให้หายใจสะดวก
  • F11F1I-4: ให้ O ตามแผนการรักษา หาก SpO < 94%
  • F11F1I-5: เตรียมอุปกรณ์ช่วยหายใจ เช่น Ambu bag และเครื่องดูดเสมหะไว้ใกล้ตัว
  • F11F1I-6: รายงานแพทย์ทันทีหากมีอาการหยุดหายใจหรือ SpO ลดต่ำลงมาก
  • F11F1I-7: เฝ้าระวังสัญญาณภาวะ overdose เช่น ซึมลึกไม่ตอบสนอง รูม่านตาหด
  • F11F1I-8: ให้ยาแก้พิษ (Naloxone) ตามแผนหากมีภาวะ overdose ร่วม
  • F11F1I-9: ให้กำลังใจ พูดคุยช้า ๆ ชัดเจนเพื่อประคองสติและลดความกลัว
  • F11F1I-10: บันทึกข้อมูลการหายใจและการตอบสนองทุกครั้งหลังให้การพยาบาล

Response (การตอบสนอง)

  • F11F1R-1: ผู้ป่วยหายใจ ≥ 12 ครั้ง/นาที อย่างสม่ำเสมอ
  • F11F1R-2: ค่า SpO ≥ 95% โดยใช้ O ในระดับต่ำหรือไม่ต้องใช้
  • F11F1R-3: ผู้ป่วยรู้สึกหายใจสะดวก ไม่แน่นหน้าอกหรือเหนื่อย
  • F11F1R-4: ไม่มีภาวะหยุดหายใจหรือ cyanosis เกิดขึ้น
  • F11F1R-5: ผู้ป่วยมีสติ ตอบสนองได้ดีขึ้นหลังให้การพยาบาล

...................................................................

F11F2: มีภาวะถอนยา เช่น ตัวสั่น เหงื่อออกมาก ปวดเมื่อย (Withdrawal symptoms such as tremors, sweating, and body aches)

🔍 Assessment (การประเมิน)

S:

  • ผู้ป่วยบ่นปวดเมื่อย คลื่นไส้ หงุดหงิด นอนไม่หลับ
  • รู้สึกกระวนกระวาย กลัวตาย

O:

  • ตัวสั่น เหงื่อออกมาก
  • ความดันโลหิตและชีพจรสูง
  • หนังลุกเป็นหนาว ๆ ร้อน ๆ
  • หาว น้ำตาไหล น้ำมูกไหล
  • ตรวจพบ Pupils ขยายเล็กน้อย

🎯 Goals (เป้าหมาย)

  • ลดอาการถอนยาให้อยู่ในระดับที่ควบคุมได้
  • ผู้ป่วยรู้สึกสบาย ปลอดภัย
  • ป้องกันภาวะแทรกซ้อน เช่น ชัก หรือหมดสติ
  • ผู้ป่วยให้ความร่วมมือในการบำบัด

📏 Evaluation Criteria (เกณฑ์การประเมิน)

  • อาการถอนยาลดลงภายใน 24–48 ชั่วโมง
  • ผู้ป่วยไม่เกิดภาวะแทรกซ้อนรุนแรง เช่น ชัก หรือหมดสติ
  • ผู้ป่วยรับประทานอาหารและนอนได้ดีขึ้น
  • ความดันและชีพจรกลับมาใกล้เคียงปกติ

🧾 Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)

  • F11F2I-1: ประเมินอาการถอนยาทุก 2–4 ชั่วโมง เช่น ตัวสั่น เหงื่อ ปวดกล้ามเนื้อ
  • F11F2I-2: วัดสัญญาณชีพอย่างสม่ำเสมอ เพื่อเฝ้าระวังความดันสูงหรือชีพจรเร็ว
  • F11F2I-3: ให้ยาบรรเทาอาการถอนยา ตามแผนการรักษา เช่น ยาต้านอาการวิตกกังวล หรือยาคลายกล้ามเนื้อ
  • F11F2I-4: สังเกตอาการแทรกซ้อน เช่น สับสน ชัก เหงื่อออกมากเกินไป
  • F11F2I-5: ให้ผู้ป่วยพักผ่อนในสิ่งแวดล้อมที่เงียบ อากาศถ่ายเทดี
  • F11F2I-6: กระตุ้นให้รับประทานอาหารและน้ำ เพื่อป้องกันภาวะขาดน้ำและอ่อนเพลีย
  • F11F2I-7: พูดคุยให้กำลังใจและสร้างความรู้สึกปลอดภัย
  • F11F2I-8: แจ้งแพทย์ทันทีหากพบสัญญาณของ withdrawal รุนแรง
  • F11F2I-9: สนับสนุนให้ผู้ป่วยเข้าร่วมกลุ่มบำบัดหรือติดตามการฟื้นฟู
  • F11F2I-10: บันทึกอาการถอนยาและการตอบสนองต่อการรักษาอย่างละเอียด

Response (การตอบสนอง)

  • F11F2R-1: อาการถอนยาลดลง เช่น ตัวสั่นและเหงื่อออกน้อยลง
  • F11F2R-2: สัญญาณชีพอยู่ในเกณฑ์ปกติภายใน 24–48 ชม.
  • F11F2R-3: ผู้ป่วยรับประทานอาหารและนอนได้ดีขึ้น
  • F11F2R-4: ไม่มีภาวะแทรกซ้อน เช่น หมดสติหรือชัก
  • F11F2R-5: ผู้ป่วยร่วมมือและให้ความมั่นใจในการรักษา

.........................................................................

F11F3 มีความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุจากอาการสับสน/หมดสติ (Risk for injury related to confusion or unconsciousness)

🔍 Assessment (การประเมิน)

S:

  • ผู้ป่วยรายงานเวียนหัว คลื่นไส้ มีอาการสับสนและง่วงซึม

O:

  • สังเกตอาการสับสน หมดสติ ชัก หรือขาดการตอบสนองต่อสิ่งเร้า ตรวจร่างกายพบอาการหกล้มหรือบาดเจ็บเล็กน้อย

🎯 Goals (เป้าหมาย)

  • ผู้ป่วยปลอดภัยจากการเกิดอุบัติเหตุและบาดเจ็บ
  • ลดภาวะสับสนและเพิ่มความรู้สึกตัว

📏 Evaluation Criteria (เกณฑ์การประเมิน)

  • ไม่มีบาดแผลหรือร่องรอยการบาดเจ็บใหม่
  • ผู้ป่วยมีความรู้สึกตัวชัดเจนขึ้น
  • ผู้ป่วยไม่เกิดอุบัติเหตุระหว่างดูแล

🧾 Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)

  • F11F3I-1: ตรวจระดับความรู้สึกตัวและสัญญาณชีพทุก 1-2 ชั่วโมง
  • F11F3I-2: จัดสิ่งแวดล้อมให้ปลอดภัย ไม่มีสิ่งกีดขวาง หรือของมีคมใกล้ตัว
  • F11F3I-3: วางผู้ป่วยในท่าที่ปลอดภัย เช่น ท่าตะแคง เพื่อลดความเสี่ยงสำลัก
  • F11F3I-4: ให้ผู้ป่วยพักผ่อนในพื้นที่ที่มีการดูแลอย่างใกล้ชิด
  • F11F3I-5: แจ้งเตือนทีมพยาบาลและผู้ดูแลเกี่ยวกับความเสี่ยงของผู้ป่วย
  • F11F3I-6: สอนผู้ดูแลและครอบครัววิธีป้องกันอุบัติเหตุและการดูแลเบื้องต้น

Response (การตอบสนอง)

  • F11F3R-1: ผู้ป่วยไม่มีบาดเจ็บหรืออุบัติเหตุระหว่างพักรักษา
  • F11F3R-2: ระดับความรู้สึกตัวของผู้ป่วยดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง
  • F11F3R-3: ผู้ดูแลและครอบครัวสามารถปฏิบัติและระวังได้อย่างเหมาะสม

..................................................................................................

F11F4: มีภาวะขาดสารอาหาร/น้ำ (Imbalanced nutrition and dehydration)

🔍 Assessment (การประเมิน)

S:

  • ผู้ป่วยบ่นว่า “ไม่อยากกินอะไรเลย” หรือ “คลื่นไส้ตลอดเวลา”
  • รู้สึกอ่อนเพลีย ไม่มีแรง ปากแห้ง เวียนศีรษะ

O:

  • ผิวหนังแห้ง ลิ้นแห้ง ตาโหล
  • ความดันต่ำ ชีพจรเบาเร็ว
  • ปริมาณปัสสาวะน้อย สีเข้ม
  • น้ำหนักลดลง
  • Lab: ค่า Electrolytes ผิดปกติ

🎯 Goals (เป้าหมาย)

  • ร่างกายได้รับสารน้ำและสารอาหารเพียงพอ
  • อาการขาดน้ำดีขึ้นภายใน 24–48 ชั่วโมง
  • ผู้ป่วยมีแรง สามารถรับประทานอาหารได้มากขึ้น
  • ปัสสาวะกลับมาเป็นปกติ

📏 Evaluation Criteria (เกณฑ์การประเมิน)

  • น้ำหนักตัวคงที่หรือเพิ่มขึ้น
  • ปัสสาวะสีเหลืองอ่อน ปริมาณมากกว่า 1,500 มล./วัน
  • อ่อนเพลียน้อยลง มีแรงขึ้น
  • อาการขาดน้ำดีขึ้น เช่น ปากไม่แห้ง ตาไม่โหล

🧾 Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)

  • F11F4I-1: ประเมินน้ำหนักตัวและสัญญาณชีพทุกวัน
  • F11F4I-2: ประเมินปริมาณและสีของปัสสาวะทุก 4–6 ชั่วโมง
  • F11F4I-3: สังเกตอาการขาดน้ำ เช่น ผิวแห้ง ลิ้นแห้ง ความดันต่ำ
  • F11F4I-4: ให้สารน้ำทางหลอดเลือดดำตามแผนการรักษา เช่น NSS, D5W
  • F11F4I-5: ส่งเสริมให้จิบน้ำทีละน้อยแต่บ่อยครั้ง
  • F11F4I-6: จัดอาหารอ่อน ย่อยง่าย และมีคุณค่าทางโภชนาการ
  • F11F4I-7: ประเมินอาการคลื่นไส้ อาเจียน ถ่ายเหลว และให้ยาตามแผน
  • F11F4I-8: ให้วิตามินเสริม (เช่น Vitamin B1, B6, B12) ตามคำสั่งแพทย์
  • F11F4I-9: ให้การดูแลด้านสุขภาพช่องปาก เพื่อลดกลิ่นปากและกระตุ้นการอยากอาหาร
  • F11F4I-10: บันทึกอาหาร/น้ำที่ได้รับและขับถ่ายทุกวันเพื่อประเมินสมดุลน้ำในร่างกาย

Response (การตอบสนอง)

  • F11F4R-1: น้ำหนักตัวคงที่หรือเพิ่มขึ้น
  • F11F4R-2: ปัสสาวะเพิ่มขึ้นและมีสีเหลืองอ่อน
  • F11F4R-3: ผู้ป่วยไม่มีอาการปากแห้ง เวียนศีรษะ หรืออ่อนเพลีย
  • F11F4R-4: รับประทานอาหารและน้ำได้มากขึ้นโดยไม่มีอาเจียน
  • F11F4R-5: สัญญาณชีพอยู่ในเกณฑ์ปกติ

..........................................................................

F11F5: มีภาวะซึมเศร้า หรืออารมณ์แปรปรวนจากการใช้สารเสพติด (Depressed mood or mood instability from opioid use)

🔍 Assessment (การประเมิน)

S:

  • ผู้ป่วยรู้สึกเศร้า เบื่อหน่าย ไม่มีความหวัง
  • บอกว่ารู้สึก “อยากตาย” หรือ “ไม่มีใครเข้าใจ”
  • อารมณ์ขึ้น ๆ ลง ๆ หงุดหงิดง่าย

O:

  • สีหน้าเศร้าหมอง น้ำตาคลอ
  • พฤติกรรมถอนตัวจากสังคม พูดน้อยลง
  • มีการพยายามทำร้ายตัวเองหรือพูดถึงความคิดฆ่าตัวตาย
  • การนอนหลับผิดปกติ เช่น นอนน้อยหรือนอนมากเกินไป
  • สัญญาณชีพบางครั้งผิดปกติ เช่น หัวใจเต้นเร็วจากความเครียด

🎯 Goals (เป้าหมาย)

  • ผู้ป่วยแสดงอารมณ์ที่มั่นคงขึ้น มีความหวังและพึงพอใจในชีวิต
  • ลดความเสี่ยงการทำร้ายตัวเองหรือฆ่าตัวตาย
  • ผู้ป่วยได้รับการสนับสนุนทางอารมณ์และรู้สึกปลอดภัย
  • มีการสื่อสารและเชื่อมโยงกับทีมดูแลอย่างต่อเนื่อง

📏 Evaluation Criteria (เกณฑ์การประเมิน)

  • ผู้ป่วยรายงานอารมณ์ดีขึ้น
  • ไม่มีพฤติกรรมหรือความคิดทำร้ายตัวเอง
  • ผู้ป่วยร่วมมือกับทีมพยาบาลและครอบครัวในการดูแล
  • อาการซึมเศร้าลดลง เช่น มีความสนใจทำกิจกรรมมากขึ้น

🧾 Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)

  • F11F5I-1: ประเมินอารมณ์และความคิดฆ่าตัวตายทุก 2–4 ชั่วโมง
  • F11F5I-2: สร้างบรรยากาศปลอดภัย ไม่ปล่อยผู้ป่วยไว้ตามลำพัง
  • F11F5I-3: ส่งเสริมให้ผู้ป่วยพูดคุย แสดงความรู้สึกอย่างเปิดเผย
  • F11F5I-4: สนับสนุนการเชื่อมโยงกับครอบครัวและทีมสุขภาพจิต
  • F11F5I-5: ให้คำแนะนำการจัดการความเครียด เช่น ฝึกผ่อนคลาย ลมหายใจลึก
  • F11F5I-6: ให้ยาตามแพทย์สั่งเพื่อควบคุมอารมณ์และซึมเศร้า
  • F11F5I-7: เฝ้าระวังสัญญาณอันตราย เช่น พูดถึงความตายหรือแสดงพฤติกรรมเสี่ยง
  • F11F5I-8: จัดกิจกรรมบำบัดเพื่อเสริมสร้างความมั่นใจและอารมณ์เชิงบวก
  • F11F5I-9: ให้ความรู้เกี่ยวกับโรคและการฟื้นฟูสภาพจิตใจ

Response (การตอบสนอง)

  • F11F5R-1: ผู้ป่วยแสดงอารมณ์มั่นคงขึ้น ไม่มีความคิดหรือพฤติกรรมทำร้ายตัวเอง
  • F11F5R-2: ผู้ป่วยมีส่วนร่วมในกิจกรรมและการสื่อสารมากขึ้น
  • F11F5R-3: ความวิตกกังวลและซึมเศร้าลดลง
  • F11F5R-4: ผู้ป่วยรู้สึกปลอดภัยและได้รับการสนับสนุนอย่างต่อเนื่อง
  • F11F5R-5: ไม่มีเหตุการณ์ฉุกเฉินจากพฤติกรรมเสี่ยงในช่วงการดูแล

........................................................................

F11F6: ความเสี่ยงต่อการใช้สารเสพติดซ้ำ (Risk for relapse)

🔍 Assessment (การประเมิน)

S:

  • ผู้ป่วยแสดงความกังวลว่าอาจกลับไปใช้สารเสพติดอีก
  • บอกว่า “อยากเลิกแต่ก็กลัวล้มเหลว”
  • มีแรงจูงใจไม่มั่นคง บางครั้งอยากใช้ บางครั้งอยากเลิก

O:

  • มีประวัติใช้ซ้ำหรือถอนตัวล้มเหลวก่อนหน้า
  • ขาดการติดตามเข้าร่วมโปรแกรมฟื้นฟู
  • สภาพแวดล้อมรอบตัวมีสิ่งกระตุ้นให้กลับไปใช้ยา เช่น เพื่อนที่ใช้ยา
  • มีความเครียดสูง หรือภาวะซึมเศร้า

🎯 Goals (เป้าหมาย)

  • ผู้ป่วยมีแรงจูงใจและความตั้งใจเลิกใช้สารเสพติดอย่างต่อเนื่อง
  • ผู้ป่วยเข้าร่วมโปรแกรมฟื้นฟูอย่างสม่ำเสมอ
  • ลดปัจจัยกระตุ้นการใช้ซ้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • ผู้ป่วยสามารถจัดการกับความเครียดและอารมณ์ได้ดีขึ้น

📏 Evaluation Criteria (เกณฑ์การประเมิน)

  • ผู้ป่วยรายงานความตั้งใจเลิกใช้สารเสพติดสูงขึ้น
  • ผู้ป่วยเข้าร่วมกิจกรรมและโปรแกรมฟื้นฟูอย่างต่อเนื่อง
  • มีพฤติกรรมหลีกเลี่ยงสถานการณ์และสิ่งเร้าที่เสี่ยง
  • ผู้ป่วยสามารถจัดการความเครียดได้ดีขึ้นโดยไม่ใช้สารเสพติด

🧾 Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)

  • F11F6I-1: ประเมินระดับแรงจูงใจเลิกใช้สารเสพติดอย่างสม่ำเสมอ
  • F11F6I-2: สร้างความเข้าใจและให้ข้อมูลเกี่ยวกับผลเสียของการใช้ซ้ำ
  • F11F6I-3: สนับสนุนและกระตุ้นให้ผู้ป่วยเข้าร่วมโปรแกรมฟื้นฟูและกลุ่มสนับสนุน
  • F11F6I-4: ช่วยวางแผนจัดการสถานการณ์เสี่ยงและวิธีหลีกเลี่ยงสิ่งเร้า
  • F11F6I-5: ฝึกเทคนิคการจัดการความเครียด เช่น ฝึกหายใจลึก การทำสมาธิ
  • F11F6I-6: ประสานงานกับทีมสุขภาพจิตเพื่อให้คำปรึกษาและติดตามผล
  • F11F6I-7: ส่งเสริมให้ครอบครัวและคนใกล้ชิดมีส่วนร่วมในการสนับสนุน
  • F11F6I-8: เฝ้าระวังสัญญาณเตือนการใช้ซ้ำ เช่น อาการถอนตัวหรือเปลี่ยนแปลงอารมณ์

Response (การตอบสนอง)

  • F11F6R-1: ผู้ป่วยแสดงความตั้งใจเลิกใช้สารเสพติดอย่างมั่นคง
  • F11F6R-2: ผู้ป่วยเข้าร่วมกิจกรรมและโปรแกรมฟื้นฟูอย่างต่อเนื่อง
  • F11F6R-3: ผู้ป่วยสามารถหลีกเลี่ยงสถานการณ์เสี่ยงและสิ่งเร้าได้ดี
  • F11F6R-4: มีการจัดการความเครียดอย่างเหมาะสมโดยไม่กลับไปใช้สารเสพติด
  • F11F6R-5: ครอบครัวและคนใกล้ชิดให้การสนับสนุนและดูแลอย่างต่อเนื่อง

.................................................................

F11F7: ขาดความรู้ในการจัดการกับปัญหาสารเสพติด (Knowledge deficit about substance use disorder management)

🔍 Assessment (การประเมิน)

S:

  • ผู้ป่วยบอกว่า “ไม่รู้ว่าจะเลิกยังไง” หรือ “กลัวถอนยา”
  • แสดงความสับสนเกี่ยวกับการดูแลตัวเองหลังเลิกยา
  • มีคำถามหรือความกังวลเกี่ยวกับผลข้างเคียงของการรักษา

O:

  • ไม่มีความรู้เกี่ยวกับอาการถอนยาและวิธีจัดการ
  • ไม่เข้าร่วมกิจกรรมให้ความรู้หรือโปรแกรมฟื้นฟู
  • ขาดแหล่งข้อมูลหรือคำปรึกษาที่เชื่อถือได้
  • พบว่าผู้ป่วยมีพฤติกรรมที่เสี่ยงต่อการกลับไปใช้ยาอีก

🎯 Goals (เป้าหมาย)

  • ผู้ป่วยได้รับความรู้ที่ถูกต้องและเพียงพอเกี่ยวกับการเลิกใช้สารเสพติด
  • ผู้ป่วยสามารถปฏิบัติตนเองตามคำแนะนำได้อย่างถูกต้อง
  • ผู้ป่วยมีความมั่นใจและแรงจูงใจในการเลิกใช้สารเสพติดเพิ่มขึ้น
  • ลดความเสี่ยงการใช้สารเสพติดซ้ำหรือภาวะแทรกซ้อน

📏 Evaluation Criteria (เกณฑ์การประเมิน)

  • ผู้ป่วยสามารถบอกขั้นตอนการเลิกใช้ยาและการดูแลตนเองได้
  • ผู้ป่วยแสดงพฤติกรรมปฏิบัติตามคำแนะนำ เช่น การเข้าร่วมโปรแกรมฟื้นฟู
  • มีการลดคำถามหรือความกังวลเกี่ยวกับการเลิกยา
  • ผู้ป่วยรายงานความมั่นใจและความตั้งใจในการเลิกใช้สารเสพติดเพิ่มขึ้น

🧾 Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)

  • F11F7I-1: ให้ข้อมูลและอธิบายเกี่ยวกับอาการถอนยาและวิธีจัดการอย่างชัดเจน
  • F11F7I-2: จัดกิจกรรมให้ความรู้และสนับสนุนการเข้าร่วมโปรแกรมฟื้นฟู
  • F11F7I-3: สอนวิธีการดูแลตนเอง เช่น การดูแลสุขภาพกายและจิตใจ
  • F11F7I-4: ใช้สื่อการสอนที่เหมาะสม เช่น โปสเตอร์ วิดีโอ หรือแผ่นพับ
  • F11F7I-5: ตอบคำถามและคลายความกังวลของผู้ป่วยอย่างต่อเนื่อง
  • F11F7I-6: ประสานงานกับทีมสุขภาพจิตเพื่อให้คำปรึกษาเชิงลึก
  • F11F7I-7: สนับสนุนครอบครัวในการให้ความรู้และช่วยดูแล
  • F11F7I-8: ติดตามความก้าวหน้าของผู้ป่วยในการเรียนรู้และปฏิบัติ

Response (การตอบสนอง)

  • F11F7R-1: ผู้ป่วยสามารถอธิบายอาการถอนยาและวิธีจัดการได้ถูกต้อง
  • F11F7R-2: ผู้ป่วยเข้าร่วมกิจกรรมให้ความรู้และโปรแกรมฟื้นฟูอย่างสม่ำเสมอ
  • F11F7R-3: มีการปฏิบัติตามคำแนะนำการดูแลตนเองอย่างเหมาะสม
  • F11F7R-4: ผู้ป่วยแสดงความมั่นใจและมีแรงจูงใจเลิกใช้สารเสพติดเพิ่มขึ้น
  • F11F7R-5: ครอบครัวมีส่วนร่วมในการสนับสนุนและช่วยดูแลผู้ป่วย

..................................................................................

F11F8: ปัญหาครอบครัวหรือขาดการสนับสนุนทางสังคม (Ineffective family or social support system)

🔍 Assessment (การประเมิน)

S:

  • ผู้ป่วยรู้สึกโดดเดี่ยว วิตกกังวล หรือไม่มั่นใจในการฟื้นตัว
  • แสดงความกังวลเรื่องความสัมพันธ์กับครอบครัวหรือเพื่อน
  • แจ้งว่าไม่มีคนช่วยเหลือหรือสนับสนุนในบ้านหรือที่ทำงาน

O:

  • ครอบครัวขาดการสื่อสารหรือความเข้าใจในปัญหาผู้ป่วย
  • ผู้ป่วยไม่เข้าร่วมกิจกรรมทางสังคมหรือกลุ่มฟื้นฟู
  • พบปัญหาความขัดแย้งหรือความรุนแรงในครอบครัว
  • ไม่มีเครือข่ายสนับสนุนทางสังคมที่เหมาะสม

🎯 Goals (เป้าหมาย)

  • ผู้ป่วยได้รับการสนับสนุนจากครอบครัวและชุมชนอย่างเหมาะสม
  • สร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างผู้ป่วยกับครอบครัว
  • ผู้ป่วยมีเครือข่ายสังคมที่ช่วยเสริมสร้างการฟื้นฟู
  • ลดความเสี่ยงการกลับไปใช้สารเสพติดซ้ำ

📏 Evaluation Criteria (เกณฑ์การประเมิน)

  • ผู้ป่วยรายงานความรู้สึกได้รับการสนับสนุนจากครอบครัวและชุมชน
  • ครอบครัวและผู้ดูแลร่วมกิจกรรมให้ความรู้และให้การช่วยเหลือ
  • ผู้ป่วยเข้าร่วมกลุ่มสนับสนุนหรือกิจกรรมทางสังคมเพิ่มขึ้น
  • มีการสื่อสารและความเข้าใจที่ดีขึ้นในครอบครัว
  • ผู้ป่วยแสดงพฤติกรรมลดการใช้สารเสพติด

🧾 Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)

  • F11F8I-1: ประเมินความสัมพันธ์ของผู้ป่วยกับครอบครัวและชุมชน
  • F11F8I-2: ให้คำปรึกษาผู้ป่วยและครอบครัวเกี่ยวกับความสำคัญของการสนับสนุน
  • F11F8I-3: จัดกิจกรรมเสริมสร้างความสัมพันธ์ในครอบครัว เช่น พบปะพูดคุย
  • F11F8I-4: ประสานงานกับกลุ่มสนับสนุนผู้เสพติดและชุมชนเพื่อช่วยเหลือ
  • F11F8I-5: ส่งเสริมการเข้าร่วมกิจกรรมทางสังคมและกลุ่มฟื้นฟู
  • F11F8I-6: สนับสนุนครอบครัวให้มีความรู้และทักษะในการดูแลผู้ป่วย
  • F11F8I-7: ติดตามและประเมินผลการสนับสนุนจากครอบครัวและชุมชนอย่างต่อเนื่อง

Response (การตอบสนอง)

  • F11F8R-1: ผู้ป่วยรายงานความรู้สึกได้รับการสนับสนุนและปลอดภัยมากขึ้น
  • F11F8R-2: ครอบครัวมีการสื่อสารและเข้าใจปัญหาผู้ป่วยดีขึ้น
  • F11F8R-3: ผู้ป่วยเข้าร่วมกิจกรรมกลุ่มฟื้นฟูและกิจกรรมทางสังคมอย่างสม่ำเสมอ
  • F11F8R-4: ลดความขัดแย้งและความตึงเครียดในครอบครัว
  • F11F8R-5: ผู้ป่วยมีพฤติกรรมลดการใช้สารเสพติดและฟื้นตัวดีขึ้น

.....................................................................................

F11F9: ขาดความร่วมมือในการรักษา (Non-adherence to treatment plan)

🔍 Assessment (การประเมิน)

S:

  • ผู้ป่วยแสดงความไม่มั่นใจ หมดหวัง หรือรู้สึกว่าการรักษาไม่ได้ผล
  • แจ้งว่าลืมรับประทานยา หรือไม่อยากเข้ารับการรักษา
  • บอกเหตุผลว่าไม่เข้าใจวิธีการรักษา หรือไม่มีแรงจูงใจ

O:

  • ไม่ปฏิบัติตามคำแนะนำเรื่องยาและกิจกรรมฟื้นฟู
  • ขาดนัดหมายหรือละเลยการพบแพทย์และพยาบาล
  • สังเกตพบพฤติกรรมหลีกเลี่ยงหรือปฏิเสธการรักษา

🎯 Goals (เป้าหมาย)

  • ผู้ป่วยมีความเข้าใจในแผนการรักษาและความสำคัญของการปฏิบัติตาม
  • ผู้ป่วยมีแรงจูงใจและพร้อมเข้ารับการรักษาต่อเนื่อง
  • ลดภาวะแทรกซ้อนและป้องกันการกลับไปใช้สารเสพติดซ้ำ
  • สร้างความร่วมมือที่ดีระหว่างผู้ป่วยและทีมดูแล

📏 Evaluation Criteria (เกณฑ์การประเมิน)

  • ผู้ป่วยสามารถบอกขั้นตอนการรักษาและเหตุผลได้อย่างถูกต้อง
  • ผู้ป่วยปฏิบัติตามแผนการรักษาและนัดหมายอย่างสม่ำเสมอ
  • ผู้ป่วยรายงานความรู้สึกและแรงจูงใจดีขึ้น
  • ลดจำนวนการขาดนัดหรือละเลยการรักษา
  • ไม่มีภาวะแทรกซ้อนจากการใช้สารเสพติดซ้ำ

🧾 Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)

  • F11F9I-1: ประเมินความรู้และความเข้าใจของผู้ป่วยเกี่ยวกับแผนการรักษา
  • F11F9I-2: ให้ข้อมูลและอธิบายแผนการรักษาอย่างชัดเจนและเหมาะสม
  • F11F9I-3: สร้างแรงจูงใจโดยใช้เทคนิคการสื่อสารเชิงบวกและเสริมกำลังใจ
  • F11F9I-4: ส่งเสริมการตั้งเป้าหมายเล็ก ๆ ที่ทำได้จริงและเฉลิมฉลองความสำเร็จ
  • F11F9I-5: ติดตามผลการปฏิบัติตามแผนและให้คำแนะนำเมื่อพบปัญหา
  • F11F9I-6: ประสานงานกับครอบครัวหรือทีมฟื้นฟูเพื่อสนับสนุนผู้ป่วย
  • F11F9I-7: ใช้เทคโนโลยี เช่น โทรแจ้งเตือนนัดหมาย เพื่อช่วยเตือนความจำ

Response (การตอบสนอง)

  • F11F9R-1: ผู้ป่วยแสดงความเข้าใจและอธิบายแผนการรักษาได้
  • F11F9R-2: ผู้ปฏิบัติตามแผนรักษาและเข้ารับการนัดหมายอย่างสม่ำเสมอ
  • F11F9R-3: ผู้ป่วยมีแรงจูงใจและทัศนคติเชิงบวกต่อการรักษา
  • F11F9R-4: ลดพฤติกรรมหลีกเลี่ยงหรือปฏิเสธการรักษา
  • F11F9R-5: ไม่มีภาวะแทรกซ้อนหรือกลับไปใช้สารเสพติดซ้ำ

........................................................................

F11F10: ต้องการวางแผนจำหน่ายและติดตามต่อเนื่อง (Need for discharge planning and follow-up care)

🔍 Assessment (การประเมิน)

S:

  • ผู้ป่วยแสดงความกังวลหรือไม่มั่นใจเกี่ยวกับการกลับบ้าน
  • แจ้งความต้องการหรือปัญหาเกี่ยวกับการปรับตัวในชุมชน
  • ความรู้และทักษะในการดูแลตนเองยังไม่เพียงพอ

O:

  • มีประวัติการกลับไปใช้สารเสพติดซ้ำหลังจำหน่าย
  • ไม่มีระบบสนับสนุนที่บ้านหรือในชุมชนเพียงพอ
  • ขาดการนัดหมายติดตามผลหลังจำหน่าย

🎯 Goals (เป้าหมาย)

  • ผู้ป่วยและครอบครัวเข้าใจแผนการดูแลหลังจำหน่าย
  • มีระบบสนับสนุนที่เหมาะสมในบ้านและชุมชน
  • ผู้ป่วยสามารถดูแลตนเองและป้องกันการใช้สารเสพติดซ้ำ
  • ผู้ป่วยเข้ารับการติดตามผลตามนัดอย่างสม่ำเสมอ

📏 Evaluation Criteria (เกณฑ์การประเมิน)

  • ผู้ป่วยและครอบครัวสามารถอธิบายแผนการดูแลหลังจำหน่ายได้
  • ผู้ป่วยไม่กลับไปใช้สารเสพติดซ้ำภายใน 3-6 เดือน
  • ผู้ป่วยรายงานความมั่นใจในการดูแลตนเองและปรับตัวดีขึ้น
  • มีการเข้ารับนัดติดตามผลตามกำหนด
  • ครอบครัวและชุมชนให้การสนับสนุนอย่างต่อเนื่อง

🧾 Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)

  • F11F10I-1: ประเมินความต้องการและปัญหาของผู้ป่วยและครอบครัวก่อนจำหน่าย
  • F11F10I-2: วางแผนจำหน่ายร่วมกับทีมสหสาขาวิชาชีพและผู้ป่วย
  • F11F10I-3: ให้ข้อมูลและสอนทักษะการดูแลตนเองและการป้องกันการใช้สารเสพติดซ้ำ
  • F11F10I-4: จัดเตรียมแหล่งสนับสนุน เช่น กลุ่มฟื้นฟู ชุมชน หรือครอบครัว
  • F11F10I-5: นัดหมายการติดตามผลหลังจำหน่ายและเตือนความจำผ่านช่องทางต่าง ๆ
  • F11F10I-6: ประสานงานกับทีมชุมชนหรือศูนย์ฟื้นฟูเพื่อการดูแลต่อเนื่อง
  • F11F10I-7: ติดตามและประเมินผลการปรับตัวและความร่วมมือของผู้ป่วยหลังจำหน่าย

Response (การตอบสนอง)

  • F11F10R-1: ผู้ป่วยและครอบครัวแสดงความเข้าใจแผนการดูแลหลังจำหน่าย
  • F11F10R-2: ผู้ป่วยสามารถดูแลตนเองและมีความมั่นใจในการป้องกันการใช้สารเสพติดซ้ำ
  • F11F10R-3: ผู้ป่วยเข้ารับนัดติดตามผลตามแผนอย่างสม่ำเสมอ
  • F11F10R-4: ผู้ป่วยไม่มีการกลับไปใช้สารเสพติดซ้ำภายในช่วงติดตาม
  • F11F10R-5: ครอบครัวและชุมชนให้การสนับสนุนอย่างต่อเนื่องและเหมาะสม

........................................................................................

เอกสารอ้างอิง

  • กระทรวงสาธารณสุข. (2563). แนวทางการดูแลผู้ป่วยสารเสพติดในโรงพยาบาล. กรุงเทพฯ: สำนักโรคไม่ติดต่อ กรมควบคุมโรค.(เอกสารนี้ให้แนวทางการประเมิน ดูแล และวางแผนการรักษาผู้ป่วยที่มีปัญหาสารเสพติดในโรงพยาบาล)
  • สมาคมพยาบาลจิตเวชแห่งประเทศไทย. (2562). คู่มือการดูแลผู้ป่วยสารเสพติดทางจิตเวชสำหรับพยาบาล. กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์มหาวิทยาลัยมหิดล. (คู่มือเน้นการดูแลเชิงจิตเวชและการสนับสนุนทางสังคมในการฟื้นฟูผู้ป่วยสารเสพติด)
  • American Psychiatric Association. (2022). Practice guideline for the treatment of patients with substance use disorders (3rd edition). Arlington, VA: American Psychiatric Publishing.  (This guideline covers assessment, treatment, discharge planning, and follow-up care for patients with substance use disorders including opioids.)
  • World Health Organization. (2020). Guidelines for the psychosocially assisted pharmacological treatment of opioid dependence. Geneva: WHO. (This global guideline details evidence-based approaches for opioid dependence treatment, including discharge planning and community support.)

.............................................................................................Bottom of Form