เกี่ยวกับฉัน

รูปภาพของฉัน
เมือง, พิษณุโลก, Thailand

วันพุธที่ 4 มิถุนายน พ.ศ. 2568

EP.67 จิตเวชหัวข้อ 27 : ภาวะสมองเสื่อมจากโรคหลอดเลือดสมอง (Vascular Dementia) -F01


 

Psych. Topic 67 : Vascular Dementia - F01

🧠 ภาวะสมองเสื่อมจากโรคหลอดเลือด (Vascular Dementia – F01)
อย่ามองข้าม! ความจำเสื่อมไม่ใช่แค่เรื่องวัย... แต่อาจเป็น “สัญญาณเตือน” จากหลอดเลือดสมอง!

🧠 พยาธิสภาพ / ช่วงอายุที่พบบ่อย

  • สมองขาดเลือดจากเส้นเลือดตีบหรือแตก ทำให้เซลล์สมองตาย พบบ่อยในผู้สูงอายุ ตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป โดยเฉพาะผู้ที่เคยเป็นโรคหลอดเลือดสมองมาก่อน

🧠 อาการสังเกตได้

  • ความจำระยะสั้นแย่ลง
  • ทำกิจวัตรประจำวันลำบาก
  • สับสน หงุดหงิดง่าย
  • เดินเซ ทรงตัวไม่ดี
  • อารมณ์เปลี่ยนแปลงเร็ว

🧠 ปัจจัยเสี่ยง

  • ❤️ความดันโลหิตสูง
  • ❤️เบาหวาน
  • ❤️ไขมันในเลือดสูง
  • ❤️สูบบุหรี่ ดื่มแอลกอฮอล์
  • ❤️ขาดการออกกำลังกาย

🧠 การรักษา

  • เน้นควบคุมปัจจัยเสี่ยง
  • ใช้ยาเพื่อชะลอความเสื่อม เช่น ยาควบคุมความดัน ยาต้านเกล็ดเลือด
  • ทำกายภาพและฝึกสมองสม่ำเสมอ

🧠 การพยาบาล

  • 👩‍⚕️ ช่วยผู้ป่วยในกิจวัตรประจำวัน
  • 🧩 กระตุ้นความจำผ่านกิจกรรมง่ายๆ
  • ❤️ ดูแลเรื่องอารมณ์ ป้องกันอุบัติเหตุ
  • 📋 ให้คำแนะนำครอบครัวในการดูแลที่บ้าน

🧠 การดูแลตัวเองสำหรับบุคคลทั่วไป

  • ควบคุมความดัน-เบาหวานให้ดี
  • 🥗 ทานอาหารดีต่อหลอดเลือด (ลดเค็ม ไขมันสูง)
  • 🚶‍♂️ เดินหรือออกกำลังกายเบาๆ 30 นาทีต่อวัน
  • 🚭 งดบุหรี่และแอลกอฮอล์
  • 🧠 ฝึกสมองด้วยการอ่านหนังสือ เล่นเกมฝึกความจำ

....................................................

📌 “หากคุณหรือคนใกล้ชิดเริ่มลืมบ่อยผิดปกติ... อย่ารอช้า! รีบพบแพทย์”
แชร์ไว้ดูหรือส่งต่อให้คนที่คุณห่วงใย ❤️

🧠💔
"ความจำที่หายไป... อาจไม่ใช่แค่ความลืม แต่มันคือสัญญาณจากสมอง!"
ดูแลตัวเองตั้งแต่วันนี้ ก่อนที่ “หลอดเลือด” จะพรากความจำไปตลอดชีวิต

#ภาวะสมองเสื่อม #โรคหลอดเลือดสมอง #VascularDementia #F01
#ดูแลผู้สูงอายุ #พยาบาลแนะนำ #ความจำเสื่อมไม่ใช่เรื่องเล่นๆ
#สุขภาพสมองดีเริ่มที่ตัวคุณ #แชร์เก็บไว้ดู #สุขภาพดีเริ่มที่ใจ

....................................................................

🧠 การวินิจฉัยการพยาบาลผู้ป่วยภาวะสมองเสื่อมจากโรคหลอดเลือดสมอง (F01)

  1. F01F1 มีความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุจากความสับสนหรือการทรงตัวผิดปกติ Risk for injury related to confusion or impaired balance
  2. F01F2 มีพฤติกรรมเปลี่ยนแปลง เช่น หงุดหงิดง่าย ก้าวร้าว หรือมีพฤติกรรมไม่เหมาะสม Altered behavior such as irritability, aggression, or inappropriate actions
  3. F01F3 มีความสามารถในการดูแลตนเองลดลง เช่น กินข้าว อาบน้ำ ลุกเดินไม่ได้ Self-care deficit in activities such as eating, bathing, or mobility
  4. F01F4 มีภาวะหลงลืมรุนแรง ความจำระยะสั้นบกพร่อง Severe memory impairment, especially short-term memory loss
  5. F01F5 มีภาวะสื่อสารลำบาก พูดไม่ชัด ฟังไม่เข้าใจ หรือใช้ภาษาไม่ถูกต้อง Impaired communication related to language dysfunction
  6. F01F6 มีความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนจากการเคลื่อนไหวน้อย เช่น แผลกดทับ หรือปอดอักเสบ Risk for complications due to immobility such as pressure ulcers or pneumonia
  7. F01F7 มีภาวะซึมเศร้า หรืออารมณ์เศร้าเรื้อรัง Depressed mood or persistent sadness
  8. F01F8 ผู้ดูแลมีภาระทางจิตใจหรือความเครียดจากการดูแลผู้ป่วยสมองเสื่อม Caregiver role strain or emotional stress from providing dementia care
  9. F01F9 ผู้ป่วยและครอบครัวขาดความรู้ในการดูแลระยะยาว เช่น การกระตุ้นความจำหรือการจัดสิ่งแวดล้อมในบ้าน Deficient knowledge in long-term dementia care, including memory stimulation and home safety
  10. F01F10 วางแผนจำหน่ายและการดูแลต่อเนื่องหลังกลับบ้าน เช่น การฟื้นฟูสมอง หรือการเยี่ยมบ้าน Discharge planning and continuity of care including cognitive rehabilitation and home visits

..........................................................................

🧠F01F1 มีความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุจากความสับสนหรือการทรงตัวผิดปกติ  Risk for injury related to confusion or impaired balance

🔍 Assessment (การประเมิน)

S:

  • ผู้ป่วยบอกว่า “เดินแล้วมึนๆ” หรือ “รู้สึกไม่ค่อยมั่นคง”
  • ผู้ดูแลสังเกตว่าผู้ป่วยเริ่มเดินผิดทาง เดินชนสิ่งของ

O:

  • ผู้ป่วยมีภาวะสับสน (Disorientation)
  • เดินเซ ทรงตัวไม่ดี ขณะเดินต้องมีคนพยุง
  • ประเมิน Gait แล้วพบว่าผู้ป่วยไม่สามารถเดินต่อเนื่องได้เอง
  • สภาพแวดล้อมในบ้านมีสิ่งกีดขวางหรือพื้นที่ไม่ปลอดภัย

🎯 Goals (เป้าหมาย)

  • ผู้ป่วยปลอดภัยจากการหกล้มหรืออุบัติเหตุ
  • ผู้ป่วยสามารถเคลื่อนไหวในบริเวณที่ปลอดภัยโดยมีผู้ดูแลช่วยเหลือ
  • สิ่งแวดล้อมได้รับการจัดให้เหมาะสม ลดความเสี่ยงต่อการล้ม

✅ Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมินผล)

  • ผู้ป่วยไม่มีบาดแผลหรืออุบัติเหตุระหว่างนอนโรงพยาบาล
  • ผู้ป่วยไม่ล้มในช่วงเวลาการพยาบาล
  • ผู้ดูแลสามารถจัดสิ่งแวดล้อมให้เหมาะสมตามคำแนะนำได้

🩺 Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)

  • F01F1I-1: ประเมินระดับความรู้สึกตัว และพฤติกรรมสับสนของผู้ป่วยทุก 4–8 ชั่วโมง
  • F01F1I-2: จัดห้องหรือพื้นที่ที่ผู้ป่วยอยู่ให้มีแสงสว่างเพียงพอ ไม่มีสิ่งกีดขวาง
  • F01F1I-3: ติดราวจับบริเวณหัวเตียงหรือห้องน้ำ และใช้เบาะกันลื่นตามจุดเสี่ยง
  • F01F1I-4: ให้ผู้ดูแลหรือเจ้าหน้าที่พยุงผู้ป่วยขณะเคลื่อนไหวหรือเปลี่ยนท่า
  • F01F1I-5: แนะนำให้ผู้ป่วยสวมรองเท้ากันลื่น และแต่งกายคล่องตัว
  • F01F1I-6: ติดสัญญาณเตือนหรือกระดิ่งเรียกขอความช่วยเหลือไว้ใกล้มือผู้ป่วย
  • F01F1I-7: ให้คำแนะนำแก่ญาติ/ผู้ดูแลเรื่องการจัดบ้านให้ง่าย ปลอดภัย เช่น เก็บของมีคม พรมลื่น
  • F01F1I-8: บันทึกเหตุการณ์ที่อาจเกิดความเสี่ยงต่อการล้มไว้เพื่อใช้ในการวางแผนพยาบาล

📈 Response (การตอบสนองของผู้ป่วย/ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น)

  • F01F1R-1: ผู้ป่วยไม่เกิดอุบัติเหตุหรือการล้มระหว่างการดูแล
  • F01F1R-2: ผู้ป่วยสามารถลุก เดิน หรือเคลื่อนไหวได้อย่างปลอดภัยเมื่อมีผู้ช่วยเหลือ
  • F01F1R-3: ผู้ป่วยแสดงพฤติกรรมระมัดระวังมากขึ้นเมื่อเดินหรือเปลี่ยนท่า
  • F01F1R-4: ผู้ดูแลสามารถจัดสิ่งแวดล้อมให้เหมาะสมและปลอดภัยได้ตามคำแนะนำ
  • F01F1R-5: บรรยากาศในบ้านหรือห้องผู้ป่วยปลอดภัย ลดสิ่งกีดขวางได้อย่างเหมาะสม

............................................................................

🧠F01F2 มีพฤติกรรมเปลี่ยนแปลง เช่น หงุดหงิดง่าย ก้าวร้าว หรือมีพฤติกรรมไม่เหมาะสม
Altered behavior such as irritability, aggression, or inappropriate actions

🔍 Assessment (การประเมิน)

S:

ผู้ดูแลรายงานว่า “ผู้ป่วยโมโหง่าย ชอบโวยวายใส่คนในบ้าน”

ผู้ป่วยบอกว่า “ไม่รู้ว่าหงุดหงิดอะไร แต่โกรธง่าย”

O:

  • ผู้ป่วยมีอารมณ์แปรปรวน หงุดหงิดโดยไม่มีเหตุผล
  • พบพฤติกรรมก้าวร้าว เช่น ตะโกน ด่าว่าผู้อื่น หรือพยายามทำร้ายตนเอง/ผู้อื่น
  • แสดงพฤติกรรมไม่เหมาะสม เช่น ถอดเสื้อผ้าในที่สาธารณะ
  • มีความวิตกกังวลหรือความหวาดระแวงร่วมด้วย

🎯 Goals (เป้าหมาย)

  • ผู้ป่วยลดความถี่ของพฤติกรรมก้าวร้าวหรือไม่เหมาะสม
  • ผู้ป่วยมีอารมณ์สงบขึ้นภายในสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัย
  • ผู้ดูแลสามารถรับมือกับพฤติกรรมผู้ป่วยได้อย่างเหมาะสม

✅ Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)

  • ผู้ป่วยไม่มีพฤติกรรมรุนแรงตลอดวัน
  • ผู้ป่วยสามารถสื่อสารอารมณ์ได้มากขึ้นโดยไม่ใช้ความรุนแรง
  • ผู้ดูแลมีวิธีจัดการกับพฤติกรรมของผู้ป่วยโดยไม่เกิดอันตราย

🩺 Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)

  • F01F2I-1: ประเมินลักษณะและความถี่ของพฤติกรรมก้าวร้าวหรือไม่เหมาะสมทุกวัน
  • F01F2I-2: จัดสภาพแวดล้อมให้สงบ ลดสิ่งกระตุ้น เช่น เสียงดังหรือคนพลุกพล่าน
  • F01F2I-3: ใช้คำพูดช้า ชัดเจน ไม่โต้แย้งเมื่อตอบสนองต่อผู้ป่วยที่มีอารมณ์รุนแรง
  • F01F2I-4: แนะนำผู้ดูแลให้ใช้วิธีเบี่ยงเบนความสนใจเมื่อตรวจพบพฤติกรรมเสี่ยง
  • F01F2I-5: สอนเทคนิคการหายใจช้าและลึกกับผู้ป่วยเมื่อเริ่มมีอารมณ์ไม่คงที่
  • F01F2I-6: ติดตามการใช้ยาทางจิตเวช (ถ้ามี) ว่าเป็นไปตามแพทย์สั่งหรือไม่
  • F01F2I-7: สื่อสารกับทีมสุขภาพจิตหากพฤติกรรมรุนแรงต่อเนื่องหรือน่ากังวล
  • F01F2I-8: จดบันทึกสถานการณ์ก่อน–ระหว่าง–หลังเกิดพฤติกรรมผิดปกติ เพื่อหาปัจจัยกระตุ้น

📈 Response (การตอบสนองของผู้ป่วย/ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น)

  • F01F2R-1: ผู้ป่วยแสดงพฤติกรรมก้าวร้าวลดลงภายใน 24–48 ชั่วโมง
  • F01F2R-2: ผู้ป่วยสามารถควบคุมอารมณ์ได้ดีขึ้นในสิ่งแวดล้อมที่สงบ
  • F01F2R-3: ผู้ดูแลมีความเข้าใจและสามารถจัดการพฤติกรรมผู้ป่วยได้โดยไม่ตื่นตระหนก
  • F01F2R-4: ไม่เกิดอุบัติเหตุหรืออันตรายจากพฤติกรรมรุนแรงของผู้ป่วย
  • F01F2R-5: ทีมสุขภาพจิตร่วมประเมินและวางแผนดูแลร่วมกับครอบครัวได้อย่างต่อเนื่อง

..............................................................................

🧠F01F3 มีความสามารถในการดูแลตนเองลดลง เช่น กินข้าว อาบน้ำ ลุกเดินไม่ได้ Self-care deficit in activities such as eating, bathing, or mobility

🔍 Assessment (การประเมิน)

S:

  • ผู้ดูแลรายงานว่า “ผู้ป่วยต้องช่วยเหลือเกือบทุกอย่าง ทำอะไรเองไม่ได้แล้ว”
  • ผู้ป่วยบอกว่า “จำไม่ได้ว่าต้องทำอะไรบ้างตอนเช้า”

O:

  • ผู้ป่วยไม่สามารถลุกเดินไปห้องน้ำได้เอง
  • มีการขาดกิจวัตรประจำวัน เช่น ไม่อาบน้ำ ไม่แปรงฟัน
  • ต้องมีคนป้อนอาหารหรือเตือนให้กิน
  • มีภาวะกล้ามเนื้ออ่อนแรงจากไม่เคลื่อนไหว

🎯 Goals (เป้าหมาย)

  • ผู้ป่วยได้รับการช่วยเหลือในการทำกิจวัตรประจำวันอย่างปลอดภัย
  • ฟื้นฟูความสามารถในการดูแลตนเองตามศักยภาพ
  • ลดภาวะแทรกซ้อนจากการไม่เคลื่อนไหว เช่น แผลกดทับ

✅ Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)

  • ผู้ป่วยสามารถทำกิจวัตรประจำวันบางอย่างได้เอง หรือร่วมมือในการทำ
  • ไม่เกิดแผลกดทับหรือภาวะขาดสารอาหาร
  • ผู้ดูแลให้การดูแลได้อย่างเหมาะสมและต่อเนื่อง

🩺 Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)

  • F01F3I-1: ประเมินระดับความสามารถในการช่วยเหลือตนเองตาม ADL ทุกวัน
  • F01F3I-2: ให้การช่วยเหลือในการอาบน้ำ ป้อนอาหาร แต่งตัว อย่างเหมาะสมโดยไม่ทำให้ผู้ป่วยรู้สึกด้อยค่า
  • F01F3I-3: ส่งเสริมให้ผู้ป่วยมีส่วนร่วม เช่น จับช้อนเอง แตะสบู่เอง เท่าที่ทำได้
  • F01F3I-4: จัดกิจกรรมฟื้นฟูร่างกาย เช่น พยุงเดินเบาๆ วันละ 5–10 นาที เพื่อกระตุ้นการเคลื่อนไหว
  • F01F3I-5: ป้องกันแผลกดทับโดยเปลี่ยนท่าทุก 2 ชั่วโมง และดูแลความสะอาดผิวหนัง
  • F01F3I-6: ให้กำลังใจและชมเชยเมื่อผู้ป่วยพยายามทำสิ่งต่างๆ ด้วยตัวเอง
  • F01F3I-7: ประสานงานกับนักกิจกรรมบำบัดหรือกายภาพบำบัดเพื่อส่งเสริมความสามารถในระยะยาว
  • F01F3I-8: ให้ข้อมูลและฝึกผู้ดูแลเรื่องการยกเคลื่อนตัวผู้ป่วยอย่างถูกวิธี เพื่อลดการบาดเจ็บ

📈 Response (การตอบสนอง)

  • F01F3R-1: ผู้ป่วยสามารถทำกิจวัตรประจำวันบางอย่างได้เอง เช่น ใช้ช้อน ตักข้าว ล้างหน้า
  • F01F3R-2: ผู้ป่วยมีสภาพผิวหนังดี ไม่มีแผลกดทับ
  • F01F3R-3: ผู้ดูแลสามารถช่วยผู้ป่วยในกิจวัตรประจำวันได้อย่างเหมาะสมและปลอดภัย
  • F01F3R-4: ผู้ป่วยมีท่าทางเคลื่อนไหวดีขึ้น ไม่มีข้อยึดติด หรืออาการกล้ามเนื้อลีบ
  • F01F3R-5: บรรยากาศในการดูแลเป็นบวก ผู้ป่วยร่วมมือและไม่ต่อต้านการช่วยเหลือ

...................................................................

🧠F01F4 มีภาวะหลงลืมรุนแรง ความจำระยะสั้นบกพร่อง Severe memory impairment, especially short-term memory loss

🔍 Assessment (การประเมิน)

S:

  • ผู้ดูแลบอกว่า “ผู้ป่วยถามซ้ำๆ จำไม่ได้ว่าเพิ่งกินข้าวหรือยัง”
  • ผู้ป่วยบอกว่า “ลืมว่าตัวเองอยู่ที่ไหน”

O:

  • ผู้ป่วยจำชื่อญาติหรือสถานที่ไม่ได้
  • สับสนวันเวลา ถามซ้ำเรื่องเดิมหลายครั้ง
  • มีอาการหลงทางหรือไม่สามารถกลับบ้านเองได้
  • ผลประเมิน MMSE (Mini-Mental State Exam) คะแนนต่ำกว่าเกณฑ์

🎯 Goals (เป้าหมาย)

  • ผู้ป่วยมีความปลอดภัยจากการหลงลืม
  • ลดความสับสนจากความจำระยะสั้นบกพร่อง
  • ผู้ดูแลเข้าใจและสามารถจัดการกับภาวะหลงลืมของผู้ป่วยได้อย่างเหมาะสม

✅ Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)

  • ผู้ป่วยมีอาการหลงลืมลดลง หรือมีสภาพแวดล้อมช่วยให้ไม่สับสน
  • ผู้ป่วยมีพฤติกรรมสงบ ปลอดภัย ไม่เดินหลงหรือทำร้ายตัวเอง
  • ผู้ดูแลสามารถใช้วิธีช่วยจำหรือสื่อสารกับผู้ป่วยได้อย่างเหมาะสม

🩺 Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)

  • F01F4I-1: ประเมินระดับความจำและความสับสนทุกวัน โดยใช้แบบประเมินมาตรฐาน เช่น MMSE
  • F01F4I-2: ติดป้ายชื่อ สถานที่ วันที่ และกิจวัตรประจำวันในห้องผู้ป่วยให้เห็นชัดเจน เพื่อช่วยในการจดจำ
  • F01F4I-3: พูดคุยกับผู้ป่วยด้วยคำพูดช้า ชัดเจน ใช้ประโยคสั้น และทวนข้อมูลสำคัญซ้ำบ่อย ๆ
  • F01F4I-4: จัดสิ่งแวดล้อมให้เป็นระเบียบ ลดสิ่งรบกวน และใช้สีหรือภาพช่วยแยกของใช้ส่วนตัว
  • F01F4I-5: ส่งเสริมให้ผู้ป่วยทำกิจกรรมซ้ำ ๆ ทุกวัน เช่น กินข้าว อาบน้ำในเวลาเดิม เพื่อสร้างความคุ้นเคย
  • F01F4I-6: ให้ผู้ดูแลบันทึกพฤติกรรมที่ผู้ป่วยจำไม่ได้ เพื่อช่วยติดตามอาการและป้องกันเหตุการณ์ผิดพลาด
  • F01F4I-7: สอนผู้ดูแลให้ใช้ภาพหรือวิดีโอช่วยกระตุ้นความจำ เช่น รูปภาพครอบครัว
  • F01F4I-8: เฝ้าระวังไม่ให้ผู้ป่วยเดินหลง หาทางออกไม่ได้ โดยติดอุปกรณ์เตือนภัยหากจำเป็น

📈 Response (การตอบสนอง)

  • F01F4R-1: ผู้ป่วยมีความสับสนลดลง สามารถตอบคำถามง่าย ๆ ได้ถูกต้องบางส่วน
  • F01F4R-2: ผู้ป่วยใช้ตารางกิจวัตรหรือป้ายเตือนความจำได้อย่างเหมาะสม
  • F01F4R-3: ผู้ดูแลเข้าใจและจัดการกับอาการหลงลืมของผู้ป่วยได้อย่างสงบ
  • F01F4R-4: ผู้ป่วยมีพฤติกรรมปลอดภัย ไม่มีเหตุการณ์เดินหลงหรืออุบัติเหตุจากความสับสน
  • F01F4R-5: ผู้ป่วยตอบสนองต่อกิจวัตรประจำวันหรือการสื่อสารที่คุ้นเคยได้ดีขึ้น

................................................................................

🧠F01F5 มีภาวะสื่อสารลำบาก พูดไม่ชัด ฟังไม่เข้าใจ หรือใช้ภาษาไม่ถูกต้อง Impaired communication related to language dysfunction

🔍 Assessment (การประเมิน)

S:

  • ผู้ดูแลบอกว่า “ผู้ป่วยพูดไม่เป็นคำ ฟังแล้วไม่เข้าใจ”
  • ผู้ป่วยพยายามพูดแต่พูดไม่ได้ หรือใช้คำผิด

O:

  • ผู้ป่วยพูดไม่ชัด หรือพูดเป็นคำที่ไม่มีความหมาย
  • ผู้ป่วยไม่สามารถเข้าใจคำสั่งง่าย ๆ
  • สังเกตเห็นผู้ป่วยสื่อสารด้วยสีหน้า ท่าทาง หรือเขียนแทนการพูด
  • มีประวัติได้รับผลกระทบต่อสมองด้านการพูด เช่น บริเวณ Broca's หรือ Wernicke’s area

🎯 Goals (เป้าหมาย)

  • ผู้ป่วยสามารถสื่อสารพื้นฐานเพื่อความเข้าใจได้
  • ผู้ดูแลสามารถเข้าใจและตอบสนองต่อการสื่อสารของผู้ป่วยได้
  • ลดความเครียดของผู้ป่วยจากการสื่อสารที่ผิดพลาด

✅ Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)

  • ผู้ป่วยสามารถใช้คำหรือท่าทางสื่อสารให้ผู้อื่นเข้าใจได้อย่างน้อย 1 วิธี
  • ผู้ดูแลสามารถเข้าใจความต้องการพื้นฐานของผู้ป่วย
  • ผู้ป่วยมีพฤติกรรมสงบขึ้น ไม่แสดงอาการหงุดหงิดหรือโมโหจากการสื่อสารผิดพลาด

🩺 Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)

  • F01F5I-1: ประเมินระดับการสื่อสารของผู้ป่วย ทั้งการพูด ฟัง อ่าน เขียน โดยใช้แบบประเมินหรือการสังเกต
  • F01F5I-2: พูดกับผู้ป่วยช้า ๆ ชัดเจน ใช้คำง่าย ๆ และสั้น เพื่อให้เข้าใจง่ายขึ้น
  • F01F5I-3: ใช้ภาพประกอบ สัญลักษณ์ หรือสิ่งของจริงในการช่วยสื่อสาร เช่น รูปอาหาร รูปเตียง ห้องน้ำ
  • F01F5I-4: สนับสนุนให้ผู้ป่วยใช้ท่าทาง หรือการเขียนเพื่อสื่อสารแทนคำพูด
  • F01F5I-5: ลดสิ่งรบกวนรอบตัวระหว่างสื่อสาร เช่น ปิดโทรทัศน์ ลดเสียงรบกวน
  • F01F5I-6: ให้กำลังใจผู้ป่วย ไม่เร่งรัดหรือขัดจังหวะขณะพยายามพูด
  • F01F5I-7: ฝึกการสื่อสารร่วมกับนักกิจกรรมบำบัดหรือนักแก้ไขการพูดตามความเหมาะสม
  • F01F5I-8: สอนผู้ดูแลให้รู้จักวิธีสื่อสารกับผู้ป่วย เช่น การใช้คำถามปลายปิด หรือภาษากาย

📈 Response (การตอบสนอง)

  • F01F5R-1: ผู้ป่วยสามารถสื่อสารความต้องการพื้นฐานได้ด้วยภาษาหรือท่าทาง
  • F01F5R-2: ผู้ดูแลสามารถเข้าใจความต้องการของผู้ป่วย และตอบสนองได้ถูกต้อง
  • F01F5R-3: ผู้ป่วยมีความพยายามในการสื่อสาร และมีความเครียดลดลง
  • F01F5R-4: ผู้ป่วยมีท่าทีสงบ ไม่แสดงพฤติกรรมก้าวร้าวจากการสื่อสารผิดพลาด
  • F01F5R-5: ผู้ป่วยเริ่มมีพัฒนาการในการสื่อสารดีขึ้น เมื่อได้รับการกระตุ้นและฝึกฝนสม่ำเสมอ

.....................................................................................

🧠F01F6 ความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนจากการเคลื่อนไหวน้อย เช่น แผลกดทับหรือปอดอักเสบ (Risk for complications due to immobility such as pressure ulcers or pneumonia)

🔍 Assessment (การประเมิน)

S:

  • ผู้ป่วยมีความยากลำบากในการเคลื่อนไหว หรือไม่สามารถเคลื่อนที่ได้เอง
  • ผู้ป่วยไม่สามารถเปลี่ยนท่าทางได้เองหรือเคลื่อนไหวได้จำกัด
  • ผู้ป่วยมีความอ่อนแรง หรือมีการเคลื่อนไหวต่ำ

O:

  • ผู้ป่วยไม่สามารถลุกจากเตียงหรือเก้าอี้ได้โดยไม่มีความช่วยเหลือ
  • ผิวหนังมีรอยแดงหรือผื่นที่บริเวณที่กดทับ เช่น สะโพก, ข้อศอก, หรือข้อเข่า
  • ผู้ป่วยมีการหายใจหอบ หรืออาการปอดบวมเล็กน้อยจากการนอนท่าเดิมนานเกินไป

🎯 Goals (เป้าหมาย)

ลดความเสี่ยงจากแผลกดทับหรือปอดอักเสบ

  • ผู้ป่วยสามารถเคลื่อนไหวได้ดีขึ้น หรือเปลี่ยนท่าทางโดยการช่วยเหลือ
  • ผู้ป่วยมีสุขภาพผิวหนังที่ดีขึ้น ไม่มีแผลหรือรอยแดงจากการกดทับ
  • ลดอาการหอบเหนื่อยจากการเคลื่อนไหวจำกัด

✅ Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)

  • ไม่มีแผลกดทับหรือรอยแดงที่ผิวหนังหลังจากการดูแล
  • ผู้ป่วยสามารถเปลี่ยนท่าทางได้ด้วยความช่วยเหลือ
  • ผู้ป่วยมีการหายใจที่สม่ำเสมอ ไม่มีอาการหอบเหนื่อย
  • ผิวหนังของผู้ป่วยไม่แห้งหรือแตก
  • ผู้ป่วยได้รับการกระตุ้นให้เคลื่อนไหวทุก 2 ชั่วโมง หรือมากกว่านั้น

🩺 Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)

  • F01F6I-1: ประเมินความสามารถในการเคลื่อนไหวของผู้ป่วยทุกวัน เช่น ความสามารถในการเปลี่ยนท่าทางหรือเคลื่อนย้ายตัว
  • F01F6I-2: เปลี่ยนท่าทางของผู้ป่วยทุก 2 ชั่วโมง เพื่อป้องกันการกดทับ
  • F01F6I-3: ให้ผู้ป่วยนั่งหรือยืนตามความเหมาะสม เพื่อกระตุ้นการเคลื่อนไหวและป้องกันการอ่อนแรง
  • F01F6I-4: ใช้อุปกรณ์ช่วยเหลือในการเคลื่อนไหว เช่น เก้าอี้ล้อเข็น หรือไม้เท้า
  • F01F6I-5: สอนให้ผู้ดูแลช่วยผู้ป่วยทำการเคลื่อนไหวเบา ๆ หรือออกกำลังกายภายในเตียง เช่น การยืดเหยียดขา
  • F01F6I-6: จัดท่านอนให้ถูกต้องโดยใช้หมอนรองหรือฟูกที่ลดแรงกดทับ
  • F01F6I-7: ส่งเสริมให้ผู้ป่วยได้รับการดูแลทางการแพทย์เช่น การตรวจปอดเพื่อป้องกันปอดบวม

📈 Response (การตอบสนอง)

  • F01F6R-1: ผู้ป่วยไม่มีแผลกดทับหรือรอยแดงบนผิวหนังหลังจากการดูแล
  • F01F6R-2: ผู้ป่วยสามารถเปลี่ยนท่าทางหรือเคลื่อนไหวได้โดยมีความช่วยเหลือจากผู้ดูแล
  • F01F6R-3: ผู้ป่วยมีการหายใจที่สม่ำเสมอ ไม่มีอาการหอบเหนื่อยจากการเคลื่อนไหว
  • F01F6R-4: ผิวหนังของผู้ป่วยมีความชุ่มชื้น ไม่มีอาการแตกหรือแห้ง
  • F01F6R-5: ผู้ป่วยสามารถทำกิจกรรมบางอย่างเองได้ เช่น การนั่งบนเตียงหรือลุกจากเตียงได้โดยไม่รู้สึกเหนื่อยมากเกินไป

.......................................................................................

🧠F01F7 ภาวะซึมเศร้า หรืออารมณ์เศร้าเรื้อรัง (Depressed mood or persistent sadness)

🔍 Assessment (การประเมิน)

S:

  • ผู้ป่วยแสดงอาการเศร้า กังวล หรือหดหู่
  • ผู้ป่วยไม่มีความสนใจในกิจกรรมที่เคยสนุกสนาน
  • ผู้ป่วยไม่พูดคุยกับผู้อื่นหรือแสดงความรู้สึกโดดเดี่ยว
  • ผู้ป่วยมักมีอาการนอนไม่หลับ หรือเบื่ออาหาร
  • ผู้ป่วยมีท่าทางเฉื่อยชา ไม่สนใจในสิ่งรอบตัว

O:

  • ผู้ป่วยแสดงสีหน้าหม่นหมอง บ่อยครั้ง
  • ผู้ป่วยไม่พูดหรือแสดงท่าทีในทางบวก
  • มีการเปลี่ยนแปลงในการนอน หรือการทานอาหาร (กินน้อยหรือหลับยาก)
  • สังเกตได้ว่าผู้ป่วยไม่สนใจหรือไม่ทำกิจกรรมที่เคยชอบ

🎯 Goals (เป้าหมาย)

  • ลดอารมณ์เศร้าหรือซึมเศร้าของผู้ป่วย
  • ผู้ป่วยสามารถพูดคุยหรือมีส่วนร่วมในกิจกรรมได้มากขึ้น
  • ผู้ป่วยนอนหลับได้ดีขึ้นและทานอาหารได้ตามปกติ
  • สร้างสภาพแวดล้อมที่สนับสนุนและทำให้ผู้ป่วยรู้สึกปลอดภัย

✅ Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)

  • ผู้ป่วยมีการแสดงท่าทางบวกขึ้น หรือพูดคุยได้มากขึ้น
  • ผู้ป่วยสามารถทำกิจกรรมที่เคยชอบได้บ้าง เช่น เดินเล่นหรือทำงานอดิเรก
  • การนอนของผู้ป่วยดีขึ้น ไม่มีอาการนอนไม่หลับหรือเบื่ออาหาร
  • ผู้ป่วยมีสีหน้าที่สดใสและมีความรู้สึกมีคุณค่าในตัวเองมากขึ้น

🩺 Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)

  • F01F7I-1: ประเมินอารมณ์และท่าทางของผู้ป่วยทุกวัน เช่น สีหน้าและท่าทาง
  • F01F7I-2: สื่อสารด้วยคำพูดที่เป็นบวกและสนับสนุนผู้ป่วยให้มีส่วนร่วมในกิจกรรมที่ตนเองเคยชอบ
  • F01F7I-3: สร้างสภาพแวดล้อมที่สงบและผ่อนคลาย เช่น ใช้แสงไฟที่อบอุ่นและเสียงเพลงที่ผ่อนคลาย
  • F01F7I-4: ให้คำแนะนำในการนอนหลับที่ดี เช่น การสร้างกิจวัตรการนอนที่เป็นระเบียบ
  • F01F7I-5: กระตุ้นให้ผู้ป่วยรับประทานอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการ และดื่มน้ำเพียงพอ
  • F01F7I-6: ให้การดูแลทางจิตใจ เช่น การสนับสนุนทางอารมณ์ และการให้คำปรึกษา หากจำเป็น

📈 Response (การตอบสนอง)

  • F01F7R-1: ผู้ป่วยเริ่มแสดงอารมณ์ที่ดีขึ้น และมีท่าทางบวกมากขึ้น
  • F01F7R-2: ผู้ป่วยสามารถมีส่วนร่วมในกิจกรรมต่าง ๆ ได้มากขึ้น เช่น การพูดคุยกับผู้ดูแล
  • F01F7R-3: การนอนของผู้ป่วยดีขึ้น และเริ่มทานอาหารได้ตามปกติ
  • F01F7R-4: ผู้ป่วยมีท่าทางผ่อนคลาย และแสดงสีหน้าที่สดใสขึ้น
  • F01F7R-5: ผู้ป่วยรู้สึกปลอดภัยและมีคุณค่าในตัวเองมากขึ้น และแสดงออกถึงความพอใจในการดูแล

...................................................................................

🧠F01F8 ผู้ดูแลมีภาระทางจิตใจหรือความเครียดจากการดูแลผู้ป่วยสมองเสื่อม (Caregiver role strain or emotional stress from providing dementia care)

🔍 Assessment (การประเมิน)

S:

  • ผู้ดูแลรู้สึกเหนื่อยล้าหรือเครียดจากการดูแลผู้ป่วย
  • ผู้ดูแลรายงานว่าไม่สามารถแบ่งเวลาส่วนตัวได้
  • ผู้ดูแลมีอาการวิตกกังวลหรือซึมเศร้า
  • ผู้ดูแลแสดงความรู้สึกวิตกกังวลเกี่ยวกับอนาคตของผู้ป่วย
  • ผู้ดูแลรู้สึกขาดการสนับสนุนจากบุคคลอื่น

O:

  • การแสดงอารมณ์เครียด เช่น หน้าเครียด หรือพฤติกรรมขัดแย้งกับผู้ป่วย
  • การพูดหรือรายงานว่าไม่สามารถจัดการกับภาระงานได้
  • การขาดการดูแลสุขภาพของตนเอง เช่น การนอนไม่หลับ หรือกินอาหารไม่ครบถ้วน
  • สังเกตได้ว่าไม่มีเวลาเพื่อการพักผ่อนหรือดูแลตัวเอง

🎯 Goals (เป้าหมาย)

  • ลดภาระทางจิตใจหรือความเครียดจากการดูแลผู้ป่วย
  • ผู้ดูแลสามารถจัดการกับเวลาได้ดีขึ้น และมีเวลาส่วนตัวสำหรับการพักผ่อน
  • ผู้ดูแลสามารถขอความช่วยเหลือจากบุคคลอื่นได้เมื่อรู้สึกเครียด
  • ผู้ดูแลรู้สึกสนับสนุนและไม่ถูกทอดทิ้ง

✅ Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)

  • ผู้ดูแลมีความสามารถในการแบ่งเวลาส่วนตัว และทำกิจกรรมที่ช่วยลดความเครียด
  • ผู้ดูแลแสดงอารมณ์ที่ดีขึ้น และมีสีหน้าผ่อนคลายมากขึ้น
  • ผู้ดูแลสามารถดูแลสุขภาพของตนเองได้ดีขึ้น เช่น การนอนหลับหรือการรับประทานอาหาร
  • ผู้ดูแลสามารถขอความช่วยเหลือจากผู้ดูแลคนอื่นได้

🩺 Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)

  • F01F8I-1: แนะนำผู้ดูแลให้มีการพักผ่อนหรือหยุดพักจากการดูแลผู้ป่วยอย่างน้อยวันละครั้ง
  • F01F8I-2: ส่งเสริมให้ผู้ดูแลเข้าร่วมกลุ่มสนับสนุนสำหรับผู้ดูแลผู้ป่วยสมองเสื่อม
  • F01F8I-3: สอนวิธีการจัดการเวลาและการแบ่งภาระงานเพื่อไม่ให้เกิดความเครียดสะสม
  • F01F8I-4: ให้ข้อมูลและคำแนะนำในการดูแลสุขภาพของตนเอง เช่น การนอนหลับและการออกกำลังกาย
  • F01F8I-5: ส่งเสริมให้ผู้ดูแลขอความช่วยเหลือจากสมาชิกในครอบครัวหรือเพื่อนร่วมงาน
  • F01F8I-6: แนะนำให้ผู้ดูแลหาวิธีการผ่อนคลายจิตใจ เช่น การทำสมาธิ หรือการฝึกหายใจลึก

📈 Response (การตอบสนอง)

  • F01F8R-1: ผู้ดูแลเริ่มมีเวลาพักผ่อนมากขึ้นและไม่รู้สึกเหนื่อยล้าตลอดเวลา
  • F01F8R-2: ผู้ดูแลแสดงท่าทางผ่อนคลาย และอารมณ์ดีขึ้น
  • F01F8R-3: ผู้ดูแลเริ่มมีการขอความช่วยเหลือจากครอบครัวหรือกลุ่มสนับสนุนได้
  • F01F8R-4: ผู้ดูแลสามารถจัดการกับเวลาของตนเองและไม่รู้สึกเครียดหรือวิตกกังวลมากขึ้น

..................................................................

🧠F01F9 ผู้ป่วยและครอบครัวขาดความรู้ในการดูแลระยะยาว เช่น การกระตุ้นความจำหรือการจัดสิ่งแวดล้อมในบ้าน (Deficient knowledge in long-term dementia care, including memory stimulation and home safety)

🔍 Assessment (การประเมิน)

S:

  • ผู้ป่วยหรือครอบครัวไม่ทราบวิธีการกระตุ้นความจำผู้ป่วย
  • ผู้ป่วยหรือครอบครัวไม่ทราบวิธีการจัดสิ่งแวดล้อมในบ้านเพื่อความปลอดภัย
  • ผู้ดูแลรายงานว่ามีความกังวลเกี่ยวกับการดูแลระยะยาวของผู้ป่วย
  • ผู้ดูแลไม่ได้รับข้อมูลเกี่ยวกับกิจกรรมที่ช่วยกระตุ้นความจำ
  • ผู้ดูแลไม่แน่ใจเกี่ยวกับการป้องกันอุบัติเหตุในบ้าน เช่น การจัดการกับอุปกรณ์ที่อาจเป็นอันตราย

O:

  • ครอบครัวไม่สามารถระบุวิธีการกระตุ้นความจำหรือกิจกรรมที่เหมาะสมสำหรับผู้ป่วย
  • การจัดสิ่งแวดล้อมในบ้านไม่ได้คำนึงถึงความปลอดภัยหรือความสะดวกในการเคลื่อนไหวของผู้ป่วย
  • การใช้เครื่องมือหรือสิ่งของในบ้านอาจเป็นอันตรายหากไม่จัดการอย่างเหมาะสม

🎯 Goals (เป้าหมาย)

  • ครอบครัวและผู้ดูแลเข้าใจและสามารถใช้วิธีการกระตุ้นความจำที่เหมาะสม
  • ครอบครัวสามารถจัดสิ่งแวดล้อมในบ้านให้ปลอดภัยและสะดวกสำหรับผู้ป่วย
  • ผู้ดูแลสามารถป้องกันอุบัติเหตุในบ้านและส่งเสริมสุขภาพจิตของผู้ป่วย
  • ผู้ดูแลมีความมั่นใจในการดูแลผู้ป่วยระยะยาว

✅ Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)

  • ครอบครัวสามารถระบุวิธีการกระตุ้นความจำที่เหมาะสม และสามารถใช้ได้
  • สิ่งแวดล้อมในบ้านได้รับการปรับเปลี่ยนให้เหมาะสมและปลอดภัยสำหรับผู้ป่วย
  • ผู้ดูแลสามารถใช้เครื่องมือและวิธีการที่ปลอดภัยในการดูแลผู้ป่วย
  • ผู้ดูแลสามารถให้คำตอบที่ชัดเจนเกี่ยวกับการดูแลระยะยาวของผู้ป่วย

🩺 Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)

  • F01F9I-1: อธิบายวิธีการกระตุ้นความจำ เช่น การทบทวนข้อมูลที่คุ้นเคยหรือการใช้ภาพถ่าย
  • F01F9I-2: ให้ข้อมูลเกี่ยวกับการปรับสิ่งแวดล้อมในบ้าน เช่น การใช้แสงสว่างเพียงพอและการจัดเรียงสิ่งของในบ้านให้สะดวก
  • F01F9I-3: แนะนำกิจกรรมที่กระตุ้นสมอง เช่น การเล่นเกมหรือทำงานศิลปะร่วมกับผู้ป่วย
  • F01F9I-4: แนะนำวิธีการป้องกันอุบัติเหตุในบ้าน เช่น การจัดระเบียบเส้นทางเดินและการใช้วัสดุกันลื่น
  • F01F9I-5: ส่งเสริมให้ผู้ดูแลใช้ปฏิทินหรือรายการที่ช่วยจำ เพื่อให้ผู้ป่วยมีโครงสร้างชีวิตประจำวันที่ชัดเจน
  • F01F9I-6: แนะนำให้ผู้ดูแลหาความช่วยเหลือจากกลุ่มสนับสนุนหรือผู้เชี่ยวชาญด้านการดูแลผู้ป่วยสมองเสื่อม

📈 Response (การตอบสนอง)

  • F01F9R-1: ครอบครัวสามารถใช้วิธีการกระตุ้นความจำที่เหมาะสม เช่น การทบทวนข้อมูลเก่า
  • F01F9R-2: สิ่งแวดล้อมในบ้านได้รับการปรับปรุงให้ปลอดภัยมากขึ้น
  • F01F9R-3: ผู้ดูแลรู้สึกมั่นใจในการดูแลผู้ป่วยและสามารถป้องกันอุบัติเหตุในบ้านได้
  • F01F9R-4: ผู้ดูแลสามารถสร้างกิจกรรมกระตุ้นสมองให้ผู้ป่วยทำได้ทุกวัน
  • F01F9R-5: ครอบครัวเริ่มใช้เครื่องมือช่วยจำ เช่น ปฏิทินหรือรายการต่าง ๆ เพื่อช่วยให้ผู้ป่วยมีโครงสร้างชีวิตประจำวันที่ชัดเจน

...............................................................................

F01F10 วางแผนจำหน่ายและการดูแลต่อเนื่องหลังกลับบ้าน เช่น การฟื้นฟูสมอง หรือการเยี่ยมบ้าน (Discharge planning and continuity of care including cognitive rehabilitation and home visits)

🔍 Assessment (การประเมิน)

S:

  • ผู้ป่วยต้องการการดูแลต่อเนื่องหลังจำหน่ายเพื่อฟื้นฟูสมองและปรับปรุงการใช้ชีวิต
  • ผู้ดูแลหรือครอบครัวมีความกังวลเกี่ยวกับการดูแลผู้ป่วยที่บ้าน
  • ผู้ป่วยมีปัญหาด้านการสื่อสารและความจำ
  • ครอบครัวต้องการคำแนะนำเกี่ยวกับการเยี่ยมบ้านและการฟื้นฟูสมองที่เหมาะสม

O:

  • ไม่มีแผนการฟื้นฟูสมองหรือการเยี่ยมบ้านหลังการจำหน่าย
  • ผู้ดูแลยังไม่คุ้นเคยกับการดูแลผู้ป่วยสมองเสื่อมที่บ้าน
  • การรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับวิธีการฟื้นฟูสมองของผู้ป่วยต่ำ

🎯 Goals (เป้าหมาย)

  • ผู้ป่วยได้รับการฟื้นฟูสมองที่เหมาะสมหลังการจำหน่าย
  • ผู้ดูแลมีความรู้และทักษะในการดูแลผู้ป่วยที่บ้าน
  • ครอบครัวได้รับคำแนะนำเกี่ยวกับการเยี่ยมบ้านและการสนับสนุนที่จำเป็น
  • ผู้ป่วยสามารถปรับตัวในสภาพแวดล้อมใหม่ที่บ้านได้ดีขึ้น

✅ Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)

  • ผู้ป่วยได้รับการฟื้นฟูสมองต่อเนื่องอย่างมีประสิทธิภาพ
  • ผู้ดูแลสามารถให้การดูแลที่บ้านได้อย่างถูกต้อง
  • ครอบครัวรู้สึกมั่นใจในกระบวนการดูแลระยะยาว
  • การเยี่ยมบ้านหรือการสนับสนุนจากทีมดูแลช่วยให้ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

🩺 Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)

  • F01F10I-1: แนะนำการฟื้นฟูสมองที่สามารถทำได้หลังจากจำหน่าย เช่น การฝึกความจำหรือการทำกิจกรรมกระตุ้นสมอง
  • F01F10I-2: ให้ข้อมูลเกี่ยวกับการเยี่ยมบ้านเพื่อประเมินสภาพแวดล้อมและความต้องการพิเศษของผู้ป่วย
  • F01F10I-3: วางแผนการดูแลผู้ป่วยที่บ้านร่วมกับครอบครัว เช่น การตั้งเวลาฝึกสมองและกิจกรรมประจำวันที่เหมาะสม
  • F01F10I-4: แนะนำโปรแกรมสนับสนุนสำหรับครอบครัวและผู้ดูแล เช่น การให้คำปรึกษาหรือการพบแพทย์เฉพาะทาง
  • F01F10I-5: ให้ข้อมูลเกี่ยวกับการปรับสภาพแวดล้อมบ้านเพื่อความปลอดภัยของผู้ป่วย เช่น การใช้เครื่องมือช่วยเดินหรือการจัดพื้นที่ให้เหมาะสม
  • F01F10I-6: เสนอการติดตามผลการดูแลหลังจำหน่าย เช่น การตั้งการเยี่ยมบ้านเป็นระยะ

📈 Response (การตอบสนอง)

  • F01F10R-1: ผู้ดูแลมีความเข้าใจในการดูแลผู้ป่วยที่บ้านและสามารถนำคำแนะนำไปใช้ได้
  • F01F10R-2: ผู้ป่วยมีความคืบหน้าในการฟื้นฟูสมองหลังการจำหน่าย
  • F01F10R-3: ครอบครัวรู้สึกมั่นใจในการดูแลระยะยาวและสามารถติดต่อทีมดูแลได้อย่างต่อเนื่อง
  • F01F10R-4: สภาพแวดล้อมบ้านได้รับการปรับปรุงให้ปลอดภัยและเอื้อต่อการดูแลผู้ป่วย
  • F01F10R-5: การเยี่ยมบ้านช่วยให้การดูแลผู้ป่วยมีประสิทธิภาพมากขึ้น และปัญหาหรือข้อสงสัยได้รับการแก้ไข

.................................................................................

เอกสารอ้างอิง:

  • สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.). (2561). คู่มือการดูแลผู้ป่วยสมองเสื่อม. กรุงเทพมหานคร: สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ.
  • พิชญา ศรีพัฒนชัย, & ชัยวัฒน์ บุญเกิด. (2564). การดูแลผู้ป่วยภาวะสมองเสื่อมจากโรคหลอดเลือดสมอง: แนวทางการพยาบาล. วารสารพยาบาลศรีนครินทร์, 15(2), 45-59.
  • National Institute on Aging. (2019). Vascular Dementia. Retrieved from https://www.nia.nih.gov/health/vascular-dementia
  • Jellinger, K. A., & Attems, J. (2015). Vascular cognitive impairment. In D. J. Selkoe, C. M. Master, & F. M. LaFerla (Eds.), Alzheimer’s Disease: The Structure and Function of the Brain (pp. 289-313). Springer.

......................................................................................