Psych.
Topic 67 : Vascular Dementia - F01
🧠 ภาวะสมองเสื่อมจากโรคหลอดเลือด (Vascular
Dementia – F01)
อย่ามองข้าม! ความจำเสื่อมไม่ใช่แค่เรื่องวัย... แต่อาจเป็น
“สัญญาณเตือน” จากหลอดเลือดสมอง!
🧠 พยาธิสภาพ / ช่วงอายุที่พบบ่อย
- สมองขาดเลือดจากเส้นเลือดตีบหรือแตก ทำให้เซลล์สมองตาย พบบ่อยในผู้สูงอายุ ตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป โดยเฉพาะผู้ที่เคยเป็นโรคหลอดเลือดสมองมาก่อน
🧠 อาการสังเกตได้
- ✨ความจำระยะสั้นแย่ลง
- ✨ทำกิจวัตรประจำวันลำบาก
- ✨สับสน หงุดหงิดง่าย
- ✨เดินเซ ทรงตัวไม่ดี
- ✨อารมณ์เปลี่ยนแปลงเร็ว
🧠 ปัจจัยเสี่ยง
- ❤️ความดันโลหิตสูง
- ❤️เบาหวาน
- ❤️ไขมันในเลือดสูง
- ❤️สูบบุหรี่ ดื่มแอลกอฮอล์
- ❤️ขาดการออกกำลังกาย
🧠 การรักษา
- ✅ เน้นควบคุมปัจจัยเสี่ยง
- ✅ ใช้ยาเพื่อชะลอความเสื่อม เช่น ยาควบคุมความดัน ยาต้านเกล็ดเลือด
- ✅ ทำกายภาพและฝึกสมองสม่ำเสมอ
🧠 การพยาบาล
- 👩⚕️ ช่วยผู้ป่วยในกิจวัตรประจำวัน
- 🧩 กระตุ้นความจำผ่านกิจกรรมง่ายๆ
- ❤️ ดูแลเรื่องอารมณ์ ป้องกันอุบัติเหตุ
- 📋 ให้คำแนะนำครอบครัวในการดูแลที่บ้าน
🧠 การดูแลตัวเองสำหรับบุคคลทั่วไป
- ✨ ควบคุมความดัน-เบาหวานให้ดี
- 🥗 ทานอาหารดีต่อหลอดเลือด (ลดเค็ม ไขมันสูง)
- 🚶♂️ เดินหรือออกกำลังกายเบาๆ 30 นาทีต่อวัน
- 🚭 งดบุหรี่และแอลกอฮอล์
- 🧠 ฝึกสมองด้วยการอ่านหนังสือ เล่นเกมฝึกความจำ
....................................................
📌 “หากคุณหรือคนใกล้ชิดเริ่มลืมบ่อยผิดปกติ...
อย่ารอช้า! รีบพบแพทย์”
แชร์ไว้ดูหรือส่งต่อให้คนที่คุณห่วงใย ❤️
🧠💔
"ความจำที่หายไป... อาจไม่ใช่แค่ความลืม
แต่มันคือสัญญาณจากสมอง!"
ดูแลตัวเองตั้งแต่วันนี้ ก่อนที่ “หลอดเลือด”
จะพรากความจำไปตลอดชีวิต
#ภาวะสมองเสื่อม #โรคหลอดเลือดสมอง #VascularDementia #F01
#ดูแลผู้สูงอายุ #พยาบาลแนะนำ #ความจำเสื่อมไม่ใช่เรื่องเล่นๆ
#สุขภาพสมองดีเริ่มที่ตัวคุณ #แชร์เก็บไว้ดู #สุขภาพดีเริ่มที่ใจ
....................................................................
🧠 การวินิจฉัยการพยาบาลผู้ป่วยภาวะสมองเสื่อมจากโรคหลอดเลือดสมอง
(F01)
- F01F1 มีความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุจากความสับสนหรือการทรงตัวผิดปกติ Risk for injury related to confusion or impaired balance
- F01F2 มีพฤติกรรมเปลี่ยนแปลง เช่น หงุดหงิดง่าย ก้าวร้าว หรือมีพฤติกรรมไม่เหมาะสม Altered behavior such as irritability, aggression, or inappropriate actions
- F01F3 มีความสามารถในการดูแลตนเองลดลง เช่น กินข้าว อาบน้ำ ลุกเดินไม่ได้ Self-care deficit in activities such as eating, bathing, or mobility
- F01F4 มีภาวะหลงลืมรุนแรง ความจำระยะสั้นบกพร่อง Severe memory impairment, especially short-term memory loss
- F01F5 มีภาวะสื่อสารลำบาก พูดไม่ชัด ฟังไม่เข้าใจ หรือใช้ภาษาไม่ถูกต้อง Impaired communication related to language dysfunction
- F01F6 มีความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนจากการเคลื่อนไหวน้อย เช่น แผลกดทับ หรือปอดอักเสบ Risk for complications due to immobility such as pressure ulcers or pneumonia
- F01F7 มีภาวะซึมเศร้า หรืออารมณ์เศร้าเรื้อรัง Depressed mood or persistent sadness
- F01F8 ผู้ดูแลมีภาระทางจิตใจหรือความเครียดจากการดูแลผู้ป่วยสมองเสื่อม Caregiver role strain or emotional stress from providing dementia care
- F01F9 ผู้ป่วยและครอบครัวขาดความรู้ในการดูแลระยะยาว เช่น การกระตุ้นความจำหรือการจัดสิ่งแวดล้อมในบ้าน Deficient knowledge in long-term dementia care, including memory stimulation and home safety
- F01F10 วางแผนจำหน่ายและการดูแลต่อเนื่องหลังกลับบ้าน เช่น การฟื้นฟูสมอง หรือการเยี่ยมบ้าน Discharge planning and continuity of care including cognitive rehabilitation and home visits
..........................................................................
🧠F01F1 มีความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุจากความสับสนหรือการทรงตัวผิดปกติ Risk for injury related to confusion
or impaired balance
🔍 Assessment (การประเมิน)
S:
- ผู้ป่วยบอกว่า “เดินแล้วมึนๆ” หรือ “รู้สึกไม่ค่อยมั่นคง”
- ผู้ดูแลสังเกตว่าผู้ป่วยเริ่มเดินผิดทาง เดินชนสิ่งของ
O:
- ผู้ป่วยมีภาวะสับสน (Disorientation)
- เดินเซ ทรงตัวไม่ดี ขณะเดินต้องมีคนพยุง
- ประเมิน Gait แล้วพบว่าผู้ป่วยไม่สามารถเดินต่อเนื่องได้เอง
- สภาพแวดล้อมในบ้านมีสิ่งกีดขวางหรือพื้นที่ไม่ปลอดภัย
🎯 Goals (เป้าหมาย)
- ผู้ป่วยปลอดภัยจากการหกล้มหรืออุบัติเหตุ
- ผู้ป่วยสามารถเคลื่อนไหวในบริเวณที่ปลอดภัยโดยมีผู้ดูแลช่วยเหลือ
- สิ่งแวดล้อมได้รับการจัดให้เหมาะสม ลดความเสี่ยงต่อการล้ม
✅ Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมินผล)
- ผู้ป่วยไม่มีบาดแผลหรืออุบัติเหตุระหว่างนอนโรงพยาบาล
- ผู้ป่วยไม่ล้มในช่วงเวลาการพยาบาล
- ผู้ดูแลสามารถจัดสิ่งแวดล้อมให้เหมาะสมตามคำแนะนำได้
🩺 Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)
- F01F1I-1: ประเมินระดับความรู้สึกตัว และพฤติกรรมสับสนของผู้ป่วยทุก 4–8 ชั่วโมง
- F01F1I-2: จัดห้องหรือพื้นที่ที่ผู้ป่วยอยู่ให้มีแสงสว่างเพียงพอ ไม่มีสิ่งกีดขวาง
- F01F1I-3: ติดราวจับบริเวณหัวเตียงหรือห้องน้ำ และใช้เบาะกันลื่นตามจุดเสี่ยง
- F01F1I-4: ให้ผู้ดูแลหรือเจ้าหน้าที่พยุงผู้ป่วยขณะเคลื่อนไหวหรือเปลี่ยนท่า
- F01F1I-5: แนะนำให้ผู้ป่วยสวมรองเท้ากันลื่น และแต่งกายคล่องตัว
- F01F1I-6: ติดสัญญาณเตือนหรือกระดิ่งเรียกขอความช่วยเหลือไว้ใกล้มือผู้ป่วย
- F01F1I-7: ให้คำแนะนำแก่ญาติ/ผู้ดูแลเรื่องการจัดบ้านให้ง่าย ปลอดภัย เช่น เก็บของมีคม พรมลื่น
- F01F1I-8: บันทึกเหตุการณ์ที่อาจเกิดความเสี่ยงต่อการล้มไว้เพื่อใช้ในการวางแผนพยาบาล
📈 Response (การตอบสนองของผู้ป่วย/ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น)
- F01F1R-1: ผู้ป่วยไม่เกิดอุบัติเหตุหรือการล้มระหว่างการดูแล
- F01F1R-2: ผู้ป่วยสามารถลุก เดิน หรือเคลื่อนไหวได้อย่างปลอดภัยเมื่อมีผู้ช่วยเหลือ
- F01F1R-3: ผู้ป่วยแสดงพฤติกรรมระมัดระวังมากขึ้นเมื่อเดินหรือเปลี่ยนท่า
- F01F1R-4: ผู้ดูแลสามารถจัดสิ่งแวดล้อมให้เหมาะสมและปลอดภัยได้ตามคำแนะนำ
- F01F1R-5: บรรยากาศในบ้านหรือห้องผู้ป่วยปลอดภัย ลดสิ่งกีดขวางได้อย่างเหมาะสม
............................................................................
🧠F01F2 มีพฤติกรรมเปลี่ยนแปลง เช่น หงุดหงิดง่าย
ก้าวร้าว หรือมีพฤติกรรมไม่เหมาะสม
Altered behavior such as irritability, aggression, or inappropriate actions
🔍 Assessment (การประเมิน)
S:
ผู้ดูแลรายงานว่า “ผู้ป่วยโมโหง่าย
ชอบโวยวายใส่คนในบ้าน”
ผู้ป่วยบอกว่า “ไม่รู้ว่าหงุดหงิดอะไร
แต่โกรธง่าย”
O:
- ผู้ป่วยมีอารมณ์แปรปรวน หงุดหงิดโดยไม่มีเหตุผล
- พบพฤติกรรมก้าวร้าว เช่น ตะโกน ด่าว่าผู้อื่น หรือพยายามทำร้ายตนเอง/ผู้อื่น
- แสดงพฤติกรรมไม่เหมาะสม เช่น ถอดเสื้อผ้าในที่สาธารณะ
- มีความวิตกกังวลหรือความหวาดระแวงร่วมด้วย
🎯 Goals (เป้าหมาย)
- ผู้ป่วยลดความถี่ของพฤติกรรมก้าวร้าวหรือไม่เหมาะสม
- ผู้ป่วยมีอารมณ์สงบขึ้นภายในสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัย
- ผู้ดูแลสามารถรับมือกับพฤติกรรมผู้ป่วยได้อย่างเหมาะสม
✅ Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)
- ผู้ป่วยไม่มีพฤติกรรมรุนแรงตลอดวัน
- ผู้ป่วยสามารถสื่อสารอารมณ์ได้มากขึ้นโดยไม่ใช้ความรุนแรง
- ผู้ดูแลมีวิธีจัดการกับพฤติกรรมของผู้ป่วยโดยไม่เกิดอันตราย
🩺 Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)
- F01F2I-1: ประเมินลักษณะและความถี่ของพฤติกรรมก้าวร้าวหรือไม่เหมาะสมทุกวัน
- F01F2I-2: จัดสภาพแวดล้อมให้สงบ ลดสิ่งกระตุ้น เช่น เสียงดังหรือคนพลุกพล่าน
- F01F2I-3: ใช้คำพูดช้า ชัดเจน ไม่โต้แย้งเมื่อตอบสนองต่อผู้ป่วยที่มีอารมณ์รุนแรง
- F01F2I-4: แนะนำผู้ดูแลให้ใช้วิธีเบี่ยงเบนความสนใจเมื่อตรวจพบพฤติกรรมเสี่ยง
- F01F2I-5: สอนเทคนิคการหายใจช้าและลึกกับผู้ป่วยเมื่อเริ่มมีอารมณ์ไม่คงที่
- F01F2I-6: ติดตามการใช้ยาทางจิตเวช (ถ้ามี) ว่าเป็นไปตามแพทย์สั่งหรือไม่
- F01F2I-7: สื่อสารกับทีมสุขภาพจิตหากพฤติกรรมรุนแรงต่อเนื่องหรือน่ากังวล
- F01F2I-8: จดบันทึกสถานการณ์ก่อน–ระหว่าง–หลังเกิดพฤติกรรมผิดปกติ เพื่อหาปัจจัยกระตุ้น
📈 Response (การตอบสนองของผู้ป่วย/ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น)
- F01F2R-1: ผู้ป่วยแสดงพฤติกรรมก้าวร้าวลดลงภายใน 24–48 ชั่วโมง
- F01F2R-2: ผู้ป่วยสามารถควบคุมอารมณ์ได้ดีขึ้นในสิ่งแวดล้อมที่สงบ
- F01F2R-3: ผู้ดูแลมีความเข้าใจและสามารถจัดการพฤติกรรมผู้ป่วยได้โดยไม่ตื่นตระหนก
- F01F2R-4: ไม่เกิดอุบัติเหตุหรืออันตรายจากพฤติกรรมรุนแรงของผู้ป่วย
- F01F2R-5: ทีมสุขภาพจิตร่วมประเมินและวางแผนดูแลร่วมกับครอบครัวได้อย่างต่อเนื่อง
..............................................................................
🧠F01F3 มีความสามารถในการดูแลตนเองลดลง เช่น
กินข้าว อาบน้ำ ลุกเดินไม่ได้ Self-care deficit in activities such as
eating, bathing, or mobility
🔍 Assessment (การประเมิน)
S:
- ผู้ดูแลรายงานว่า “ผู้ป่วยต้องช่วยเหลือเกือบทุกอย่าง ทำอะไรเองไม่ได้แล้ว”
- ผู้ป่วยบอกว่า “จำไม่ได้ว่าต้องทำอะไรบ้างตอนเช้า”
O:
- ผู้ป่วยไม่สามารถลุกเดินไปห้องน้ำได้เอง
- มีการขาดกิจวัตรประจำวัน เช่น ไม่อาบน้ำ ไม่แปรงฟัน
- ต้องมีคนป้อนอาหารหรือเตือนให้กิน
- มีภาวะกล้ามเนื้ออ่อนแรงจากไม่เคลื่อนไหว
🎯 Goals (เป้าหมาย)
- ผู้ป่วยได้รับการช่วยเหลือในการทำกิจวัตรประจำวันอย่างปลอดภัย
- ฟื้นฟูความสามารถในการดูแลตนเองตามศักยภาพ
- ลดภาวะแทรกซ้อนจากการไม่เคลื่อนไหว เช่น แผลกดทับ
✅ Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)
- ผู้ป่วยสามารถทำกิจวัตรประจำวันบางอย่างได้เอง หรือร่วมมือในการทำ
- ไม่เกิดแผลกดทับหรือภาวะขาดสารอาหาร
- ผู้ดูแลให้การดูแลได้อย่างเหมาะสมและต่อเนื่อง
🩺 Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)
- F01F3I-1: ประเมินระดับความสามารถในการช่วยเหลือตนเองตาม ADL ทุกวัน
- F01F3I-2: ให้การช่วยเหลือในการอาบน้ำ ป้อนอาหาร แต่งตัว อย่างเหมาะสมโดยไม่ทำให้ผู้ป่วยรู้สึกด้อยค่า
- F01F3I-3: ส่งเสริมให้ผู้ป่วยมีส่วนร่วม เช่น จับช้อนเอง แตะสบู่เอง เท่าที่ทำได้
- F01F3I-4: จัดกิจกรรมฟื้นฟูร่างกาย เช่น พยุงเดินเบาๆ วันละ 5–10 นาที เพื่อกระตุ้นการเคลื่อนไหว
- F01F3I-5: ป้องกันแผลกดทับโดยเปลี่ยนท่าทุก 2 ชั่วโมง และดูแลความสะอาดผิวหนัง
- F01F3I-6: ให้กำลังใจและชมเชยเมื่อผู้ป่วยพยายามทำสิ่งต่างๆ ด้วยตัวเอง
- F01F3I-7: ประสานงานกับนักกิจกรรมบำบัดหรือกายภาพบำบัดเพื่อส่งเสริมความสามารถในระยะยาว
- F01F3I-8: ให้ข้อมูลและฝึกผู้ดูแลเรื่องการยกเคลื่อนตัวผู้ป่วยอย่างถูกวิธี เพื่อลดการบาดเจ็บ
📈 Response (การตอบสนอง)
- F01F3R-1: ผู้ป่วยสามารถทำกิจวัตรประจำวันบางอย่างได้เอง เช่น ใช้ช้อน ตักข้าว ล้างหน้า
- F01F3R-2: ผู้ป่วยมีสภาพผิวหนังดี ไม่มีแผลกดทับ
- F01F3R-3: ผู้ดูแลสามารถช่วยผู้ป่วยในกิจวัตรประจำวันได้อย่างเหมาะสมและปลอดภัย
- F01F3R-4: ผู้ป่วยมีท่าทางเคลื่อนไหวดีขึ้น ไม่มีข้อยึดติด หรืออาการกล้ามเนื้อลีบ
- F01F3R-5: บรรยากาศในการดูแลเป็นบวก ผู้ป่วยร่วมมือและไม่ต่อต้านการช่วยเหลือ
...................................................................
🧠F01F4 มีภาวะหลงลืมรุนแรง ความจำระยะสั้นบกพร่อง
Severe memory impairment, especially short-term memory loss
🔍 Assessment (การประเมิน)
S:
- ผู้ดูแลบอกว่า “ผู้ป่วยถามซ้ำๆ จำไม่ได้ว่าเพิ่งกินข้าวหรือยัง”
- ผู้ป่วยบอกว่า “ลืมว่าตัวเองอยู่ที่ไหน”
O:
- ผู้ป่วยจำชื่อญาติหรือสถานที่ไม่ได้
- สับสนวันเวลา ถามซ้ำเรื่องเดิมหลายครั้ง
- มีอาการหลงทางหรือไม่สามารถกลับบ้านเองได้
- ผลประเมิน MMSE (Mini-Mental State Exam) คะแนนต่ำกว่าเกณฑ์
🎯 Goals (เป้าหมาย)
- ผู้ป่วยมีความปลอดภัยจากการหลงลืม
- ลดความสับสนจากความจำระยะสั้นบกพร่อง
- ผู้ดูแลเข้าใจและสามารถจัดการกับภาวะหลงลืมของผู้ป่วยได้อย่างเหมาะสม
✅ Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)
- ผู้ป่วยมีอาการหลงลืมลดลง หรือมีสภาพแวดล้อมช่วยให้ไม่สับสน
- ผู้ป่วยมีพฤติกรรมสงบ ปลอดภัย ไม่เดินหลงหรือทำร้ายตัวเอง
- ผู้ดูแลสามารถใช้วิธีช่วยจำหรือสื่อสารกับผู้ป่วยได้อย่างเหมาะสม
🩺 Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)
- F01F4I-1: ประเมินระดับความจำและความสับสนทุกวัน โดยใช้แบบประเมินมาตรฐาน เช่น MMSE
- F01F4I-2: ติดป้ายชื่อ สถานที่ วันที่ และกิจวัตรประจำวันในห้องผู้ป่วยให้เห็นชัดเจน เพื่อช่วยในการจดจำ
- F01F4I-3: พูดคุยกับผู้ป่วยด้วยคำพูดช้า ชัดเจน ใช้ประโยคสั้น และทวนข้อมูลสำคัญซ้ำบ่อย ๆ
- F01F4I-4: จัดสิ่งแวดล้อมให้เป็นระเบียบ ลดสิ่งรบกวน และใช้สีหรือภาพช่วยแยกของใช้ส่วนตัว
- F01F4I-5: ส่งเสริมให้ผู้ป่วยทำกิจกรรมซ้ำ ๆ ทุกวัน เช่น กินข้าว อาบน้ำในเวลาเดิม เพื่อสร้างความคุ้นเคย
- F01F4I-6: ให้ผู้ดูแลบันทึกพฤติกรรมที่ผู้ป่วยจำไม่ได้ เพื่อช่วยติดตามอาการและป้องกันเหตุการณ์ผิดพลาด
- F01F4I-7: สอนผู้ดูแลให้ใช้ภาพหรือวิดีโอช่วยกระตุ้นความจำ เช่น รูปภาพครอบครัว
- F01F4I-8: เฝ้าระวังไม่ให้ผู้ป่วยเดินหลง หาทางออกไม่ได้ โดยติดอุปกรณ์เตือนภัยหากจำเป็น
📈 Response (การตอบสนอง)
- F01F4R-1: ผู้ป่วยมีความสับสนลดลง สามารถตอบคำถามง่าย ๆ ได้ถูกต้องบางส่วน
- F01F4R-2: ผู้ป่วยใช้ตารางกิจวัตรหรือป้ายเตือนความจำได้อย่างเหมาะสม
- F01F4R-3: ผู้ดูแลเข้าใจและจัดการกับอาการหลงลืมของผู้ป่วยได้อย่างสงบ
- F01F4R-4: ผู้ป่วยมีพฤติกรรมปลอดภัย ไม่มีเหตุการณ์เดินหลงหรืออุบัติเหตุจากความสับสน
- F01F4R-5: ผู้ป่วยตอบสนองต่อกิจวัตรประจำวันหรือการสื่อสารที่คุ้นเคยได้ดีขึ้น
................................................................................
🧠F01F5 มีภาวะสื่อสารลำบาก พูดไม่ชัด
ฟังไม่เข้าใจ หรือใช้ภาษาไม่ถูกต้อง Impaired communication related to
language dysfunction
🔍 Assessment (การประเมิน)
S:
- ผู้ดูแลบอกว่า “ผู้ป่วยพูดไม่เป็นคำ ฟังแล้วไม่เข้าใจ”
- ผู้ป่วยพยายามพูดแต่พูดไม่ได้ หรือใช้คำผิด
O:
- ผู้ป่วยพูดไม่ชัด หรือพูดเป็นคำที่ไม่มีความหมาย
- ผู้ป่วยไม่สามารถเข้าใจคำสั่งง่าย ๆ
- สังเกตเห็นผู้ป่วยสื่อสารด้วยสีหน้า ท่าทาง หรือเขียนแทนการพูด
- มีประวัติได้รับผลกระทบต่อสมองด้านการพูด เช่น บริเวณ Broca's หรือ Wernicke’s area
🎯 Goals (เป้าหมาย)
- ผู้ป่วยสามารถสื่อสารพื้นฐานเพื่อความเข้าใจได้
- ผู้ดูแลสามารถเข้าใจและตอบสนองต่อการสื่อสารของผู้ป่วยได้
- ลดความเครียดของผู้ป่วยจากการสื่อสารที่ผิดพลาด
✅ Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)
- ผู้ป่วยสามารถใช้คำหรือท่าทางสื่อสารให้ผู้อื่นเข้าใจได้อย่างน้อย 1 วิธี
- ผู้ดูแลสามารถเข้าใจความต้องการพื้นฐานของผู้ป่วย
- ผู้ป่วยมีพฤติกรรมสงบขึ้น ไม่แสดงอาการหงุดหงิดหรือโมโหจากการสื่อสารผิดพลาด
🩺 Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)
- F01F5I-1: ประเมินระดับการสื่อสารของผู้ป่วย ทั้งการพูด ฟัง อ่าน เขียน โดยใช้แบบประเมินหรือการสังเกต
- F01F5I-2: พูดกับผู้ป่วยช้า ๆ ชัดเจน ใช้คำง่าย ๆ และสั้น เพื่อให้เข้าใจง่ายขึ้น
- F01F5I-3: ใช้ภาพประกอบ สัญลักษณ์ หรือสิ่งของจริงในการช่วยสื่อสาร เช่น รูปอาหาร รูปเตียง ห้องน้ำ
- F01F5I-4: สนับสนุนให้ผู้ป่วยใช้ท่าทาง หรือการเขียนเพื่อสื่อสารแทนคำพูด
- F01F5I-5: ลดสิ่งรบกวนรอบตัวระหว่างสื่อสาร เช่น ปิดโทรทัศน์ ลดเสียงรบกวน
- F01F5I-6: ให้กำลังใจผู้ป่วย ไม่เร่งรัดหรือขัดจังหวะขณะพยายามพูด
- F01F5I-7: ฝึกการสื่อสารร่วมกับนักกิจกรรมบำบัดหรือนักแก้ไขการพูดตามความเหมาะสม
- F01F5I-8: สอนผู้ดูแลให้รู้จักวิธีสื่อสารกับผู้ป่วย เช่น การใช้คำถามปลายปิด หรือภาษากาย
📈 Response (การตอบสนอง)
- F01F5R-1: ผู้ป่วยสามารถสื่อสารความต้องการพื้นฐานได้ด้วยภาษาหรือท่าทาง
- F01F5R-2: ผู้ดูแลสามารถเข้าใจความต้องการของผู้ป่วย และตอบสนองได้ถูกต้อง
- F01F5R-3: ผู้ป่วยมีความพยายามในการสื่อสาร และมีความเครียดลดลง
- F01F5R-4: ผู้ป่วยมีท่าทีสงบ ไม่แสดงพฤติกรรมก้าวร้าวจากการสื่อสารผิดพลาด
- F01F5R-5: ผู้ป่วยเริ่มมีพัฒนาการในการสื่อสารดีขึ้น เมื่อได้รับการกระตุ้นและฝึกฝนสม่ำเสมอ
.....................................................................................
🧠F01F6 ความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนจากการเคลื่อนไหวน้อย
เช่น แผลกดทับหรือปอดอักเสบ (Risk for complications due to immobility
such as pressure ulcers or pneumonia)
🔍 Assessment (การประเมิน)
S:
- ผู้ป่วยมีความยากลำบากในการเคลื่อนไหว หรือไม่สามารถเคลื่อนที่ได้เอง
- ผู้ป่วยไม่สามารถเปลี่ยนท่าทางได้เองหรือเคลื่อนไหวได้จำกัด
- ผู้ป่วยมีความอ่อนแรง หรือมีการเคลื่อนไหวต่ำ
O:
- ผู้ป่วยไม่สามารถลุกจากเตียงหรือเก้าอี้ได้โดยไม่มีความช่วยเหลือ
- ผิวหนังมีรอยแดงหรือผื่นที่บริเวณที่กดทับ เช่น สะโพก, ข้อศอก, หรือข้อเข่า
- ผู้ป่วยมีการหายใจหอบ หรืออาการปอดบวมเล็กน้อยจากการนอนท่าเดิมนานเกินไป
🎯 Goals (เป้าหมาย)
ลดความเสี่ยงจากแผลกดทับหรือปอดอักเสบ
- ผู้ป่วยสามารถเคลื่อนไหวได้ดีขึ้น หรือเปลี่ยนท่าทางโดยการช่วยเหลือ
- ผู้ป่วยมีสุขภาพผิวหนังที่ดีขึ้น ไม่มีแผลหรือรอยแดงจากการกดทับ
- ลดอาการหอบเหนื่อยจากการเคลื่อนไหวจำกัด
✅ Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)
- ไม่มีแผลกดทับหรือรอยแดงที่ผิวหนังหลังจากการดูแล
- ผู้ป่วยสามารถเปลี่ยนท่าทางได้ด้วยความช่วยเหลือ
- ผู้ป่วยมีการหายใจที่สม่ำเสมอ ไม่มีอาการหอบเหนื่อย
- ผิวหนังของผู้ป่วยไม่แห้งหรือแตก
- ผู้ป่วยได้รับการกระตุ้นให้เคลื่อนไหวทุก 2 ชั่วโมง หรือมากกว่านั้น
🩺 Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)
- F01F6I-1: ประเมินความสามารถในการเคลื่อนไหวของผู้ป่วยทุกวัน เช่น ความสามารถในการเปลี่ยนท่าทางหรือเคลื่อนย้ายตัว
- F01F6I-2: เปลี่ยนท่าทางของผู้ป่วยทุก 2 ชั่วโมง เพื่อป้องกันการกดทับ
- F01F6I-3: ให้ผู้ป่วยนั่งหรือยืนตามความเหมาะสม เพื่อกระตุ้นการเคลื่อนไหวและป้องกันการอ่อนแรง
- F01F6I-4: ใช้อุปกรณ์ช่วยเหลือในการเคลื่อนไหว เช่น เก้าอี้ล้อเข็น หรือไม้เท้า
- F01F6I-5: สอนให้ผู้ดูแลช่วยผู้ป่วยทำการเคลื่อนไหวเบา ๆ หรือออกกำลังกายภายในเตียง เช่น การยืดเหยียดขา
- F01F6I-6: จัดท่านอนให้ถูกต้องโดยใช้หมอนรองหรือฟูกที่ลดแรงกดทับ
- F01F6I-7: ส่งเสริมให้ผู้ป่วยได้รับการดูแลทางการแพทย์เช่น การตรวจปอดเพื่อป้องกันปอดบวม
📈 Response (การตอบสนอง)
- F01F6R-1: ผู้ป่วยไม่มีแผลกดทับหรือรอยแดงบนผิวหนังหลังจากการดูแล
- F01F6R-2: ผู้ป่วยสามารถเปลี่ยนท่าทางหรือเคลื่อนไหวได้โดยมีความช่วยเหลือจากผู้ดูแล
- F01F6R-3: ผู้ป่วยมีการหายใจที่สม่ำเสมอ ไม่มีอาการหอบเหนื่อยจากการเคลื่อนไหว
- F01F6R-4: ผิวหนังของผู้ป่วยมีความชุ่มชื้น ไม่มีอาการแตกหรือแห้ง
- F01F6R-5: ผู้ป่วยสามารถทำกิจกรรมบางอย่างเองได้ เช่น การนั่งบนเตียงหรือลุกจากเตียงได้โดยไม่รู้สึกเหนื่อยมากเกินไป
.......................................................................................
🧠F01F7 ภาวะซึมเศร้า หรืออารมณ์เศร้าเรื้อรัง (Depressed
mood or persistent sadness)
🔍 Assessment (การประเมิน)
S:
- ผู้ป่วยแสดงอาการเศร้า กังวล หรือหดหู่
- ผู้ป่วยไม่มีความสนใจในกิจกรรมที่เคยสนุกสนาน
- ผู้ป่วยไม่พูดคุยกับผู้อื่นหรือแสดงความรู้สึกโดดเดี่ยว
- ผู้ป่วยมักมีอาการนอนไม่หลับ หรือเบื่ออาหาร
- ผู้ป่วยมีท่าทางเฉื่อยชา ไม่สนใจในสิ่งรอบตัว
O:
- ผู้ป่วยแสดงสีหน้าหม่นหมอง บ่อยครั้ง
- ผู้ป่วยไม่พูดหรือแสดงท่าทีในทางบวก
- มีการเปลี่ยนแปลงในการนอน หรือการทานอาหาร (กินน้อยหรือหลับยาก)
- สังเกตได้ว่าผู้ป่วยไม่สนใจหรือไม่ทำกิจกรรมที่เคยชอบ
🎯 Goals (เป้าหมาย)
- ลดอารมณ์เศร้าหรือซึมเศร้าของผู้ป่วย
- ผู้ป่วยสามารถพูดคุยหรือมีส่วนร่วมในกิจกรรมได้มากขึ้น
- ผู้ป่วยนอนหลับได้ดีขึ้นและทานอาหารได้ตามปกติ
- สร้างสภาพแวดล้อมที่สนับสนุนและทำให้ผู้ป่วยรู้สึกปลอดภัย
✅ Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)
- ผู้ป่วยมีการแสดงท่าทางบวกขึ้น หรือพูดคุยได้มากขึ้น
- ผู้ป่วยสามารถทำกิจกรรมที่เคยชอบได้บ้าง เช่น เดินเล่นหรือทำงานอดิเรก
- การนอนของผู้ป่วยดีขึ้น ไม่มีอาการนอนไม่หลับหรือเบื่ออาหาร
- ผู้ป่วยมีสีหน้าที่สดใสและมีความรู้สึกมีคุณค่าในตัวเองมากขึ้น
🩺 Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)
- F01F7I-1: ประเมินอารมณ์และท่าทางของผู้ป่วยทุกวัน เช่น สีหน้าและท่าทาง
- F01F7I-2: สื่อสารด้วยคำพูดที่เป็นบวกและสนับสนุนผู้ป่วยให้มีส่วนร่วมในกิจกรรมที่ตนเองเคยชอบ
- F01F7I-3: สร้างสภาพแวดล้อมที่สงบและผ่อนคลาย เช่น ใช้แสงไฟที่อบอุ่นและเสียงเพลงที่ผ่อนคลาย
- F01F7I-4: ให้คำแนะนำในการนอนหลับที่ดี เช่น การสร้างกิจวัตรการนอนที่เป็นระเบียบ
- F01F7I-5: กระตุ้นให้ผู้ป่วยรับประทานอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการ และดื่มน้ำเพียงพอ
- F01F7I-6: ให้การดูแลทางจิตใจ เช่น การสนับสนุนทางอารมณ์ และการให้คำปรึกษา หากจำเป็น
📈 Response (การตอบสนอง)
- F01F7R-1: ผู้ป่วยเริ่มแสดงอารมณ์ที่ดีขึ้น และมีท่าทางบวกมากขึ้น
- F01F7R-2: ผู้ป่วยสามารถมีส่วนร่วมในกิจกรรมต่าง ๆ ได้มากขึ้น เช่น การพูดคุยกับผู้ดูแล
- F01F7R-3: การนอนของผู้ป่วยดีขึ้น และเริ่มทานอาหารได้ตามปกติ
- F01F7R-4: ผู้ป่วยมีท่าทางผ่อนคลาย และแสดงสีหน้าที่สดใสขึ้น
- F01F7R-5: ผู้ป่วยรู้สึกปลอดภัยและมีคุณค่าในตัวเองมากขึ้น และแสดงออกถึงความพอใจในการดูแล
...................................................................................
🧠F01F8 ผู้ดูแลมีภาระทางจิตใจหรือความเครียดจากการดูแลผู้ป่วยสมองเสื่อม
(Caregiver role strain or emotional stress from providing dementia care)
🔍 Assessment (การประเมิน)
S:
- ผู้ดูแลรู้สึกเหนื่อยล้าหรือเครียดจากการดูแลผู้ป่วย
- ผู้ดูแลรายงานว่าไม่สามารถแบ่งเวลาส่วนตัวได้
- ผู้ดูแลมีอาการวิตกกังวลหรือซึมเศร้า
- ผู้ดูแลแสดงความรู้สึกวิตกกังวลเกี่ยวกับอนาคตของผู้ป่วย
- ผู้ดูแลรู้สึกขาดการสนับสนุนจากบุคคลอื่น
O:
- การแสดงอารมณ์เครียด เช่น หน้าเครียด หรือพฤติกรรมขัดแย้งกับผู้ป่วย
- การพูดหรือรายงานว่าไม่สามารถจัดการกับภาระงานได้
- การขาดการดูแลสุขภาพของตนเอง เช่น การนอนไม่หลับ หรือกินอาหารไม่ครบถ้วน
- สังเกตได้ว่าไม่มีเวลาเพื่อการพักผ่อนหรือดูแลตัวเอง
🎯 Goals (เป้าหมาย)
- ลดภาระทางจิตใจหรือความเครียดจากการดูแลผู้ป่วย
- ผู้ดูแลสามารถจัดการกับเวลาได้ดีขึ้น และมีเวลาส่วนตัวสำหรับการพักผ่อน
- ผู้ดูแลสามารถขอความช่วยเหลือจากบุคคลอื่นได้เมื่อรู้สึกเครียด
- ผู้ดูแลรู้สึกสนับสนุนและไม่ถูกทอดทิ้ง
✅ Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)
- ผู้ดูแลมีความสามารถในการแบ่งเวลาส่วนตัว และทำกิจกรรมที่ช่วยลดความเครียด
- ผู้ดูแลแสดงอารมณ์ที่ดีขึ้น และมีสีหน้าผ่อนคลายมากขึ้น
- ผู้ดูแลสามารถดูแลสุขภาพของตนเองได้ดีขึ้น เช่น การนอนหลับหรือการรับประทานอาหาร
- ผู้ดูแลสามารถขอความช่วยเหลือจากผู้ดูแลคนอื่นได้
🩺 Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)
- F01F8I-1: แนะนำผู้ดูแลให้มีการพักผ่อนหรือหยุดพักจากการดูแลผู้ป่วยอย่างน้อยวันละครั้ง
- F01F8I-2: ส่งเสริมให้ผู้ดูแลเข้าร่วมกลุ่มสนับสนุนสำหรับผู้ดูแลผู้ป่วยสมองเสื่อม
- F01F8I-3: สอนวิธีการจัดการเวลาและการแบ่งภาระงานเพื่อไม่ให้เกิดความเครียดสะสม
- F01F8I-4: ให้ข้อมูลและคำแนะนำในการดูแลสุขภาพของตนเอง เช่น การนอนหลับและการออกกำลังกาย
- F01F8I-5: ส่งเสริมให้ผู้ดูแลขอความช่วยเหลือจากสมาชิกในครอบครัวหรือเพื่อนร่วมงาน
- F01F8I-6: แนะนำให้ผู้ดูแลหาวิธีการผ่อนคลายจิตใจ เช่น การทำสมาธิ หรือการฝึกหายใจลึก
📈 Response (การตอบสนอง)
- F01F8R-1: ผู้ดูแลเริ่มมีเวลาพักผ่อนมากขึ้นและไม่รู้สึกเหนื่อยล้าตลอดเวลา
- F01F8R-2: ผู้ดูแลแสดงท่าทางผ่อนคลาย และอารมณ์ดีขึ้น
- F01F8R-3: ผู้ดูแลเริ่มมีการขอความช่วยเหลือจากครอบครัวหรือกลุ่มสนับสนุนได้
- F01F8R-4: ผู้ดูแลสามารถจัดการกับเวลาของตนเองและไม่รู้สึกเครียดหรือวิตกกังวลมากขึ้น
..................................................................
🧠F01F9 ผู้ป่วยและครอบครัวขาดความรู้ในการดูแลระยะยาว
เช่น การกระตุ้นความจำหรือการจัดสิ่งแวดล้อมในบ้าน (Deficient knowledge in
long-term dementia care, including memory stimulation and home safety)
🔍 Assessment (การประเมิน)
S:
- ผู้ป่วยหรือครอบครัวไม่ทราบวิธีการกระตุ้นความจำผู้ป่วย
- ผู้ป่วยหรือครอบครัวไม่ทราบวิธีการจัดสิ่งแวดล้อมในบ้านเพื่อความปลอดภัย
- ผู้ดูแลรายงานว่ามีความกังวลเกี่ยวกับการดูแลระยะยาวของผู้ป่วย
- ผู้ดูแลไม่ได้รับข้อมูลเกี่ยวกับกิจกรรมที่ช่วยกระตุ้นความจำ
- ผู้ดูแลไม่แน่ใจเกี่ยวกับการป้องกันอุบัติเหตุในบ้าน เช่น การจัดการกับอุปกรณ์ที่อาจเป็นอันตราย
O:
- ครอบครัวไม่สามารถระบุวิธีการกระตุ้นความจำหรือกิจกรรมที่เหมาะสมสำหรับผู้ป่วย
- การจัดสิ่งแวดล้อมในบ้านไม่ได้คำนึงถึงความปลอดภัยหรือความสะดวกในการเคลื่อนไหวของผู้ป่วย
- การใช้เครื่องมือหรือสิ่งของในบ้านอาจเป็นอันตรายหากไม่จัดการอย่างเหมาะสม
🎯 Goals (เป้าหมาย)
- ครอบครัวและผู้ดูแลเข้าใจและสามารถใช้วิธีการกระตุ้นความจำที่เหมาะสม
- ครอบครัวสามารถจัดสิ่งแวดล้อมในบ้านให้ปลอดภัยและสะดวกสำหรับผู้ป่วย
- ผู้ดูแลสามารถป้องกันอุบัติเหตุในบ้านและส่งเสริมสุขภาพจิตของผู้ป่วย
- ผู้ดูแลมีความมั่นใจในการดูแลผู้ป่วยระยะยาว
✅ Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)
- ครอบครัวสามารถระบุวิธีการกระตุ้นความจำที่เหมาะสม และสามารถใช้ได้
- สิ่งแวดล้อมในบ้านได้รับการปรับเปลี่ยนให้เหมาะสมและปลอดภัยสำหรับผู้ป่วย
- ผู้ดูแลสามารถใช้เครื่องมือและวิธีการที่ปลอดภัยในการดูแลผู้ป่วย
- ผู้ดูแลสามารถให้คำตอบที่ชัดเจนเกี่ยวกับการดูแลระยะยาวของผู้ป่วย
🩺 Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)
- F01F9I-1: อธิบายวิธีการกระตุ้นความจำ เช่น การทบทวนข้อมูลที่คุ้นเคยหรือการใช้ภาพถ่าย
- F01F9I-2: ให้ข้อมูลเกี่ยวกับการปรับสิ่งแวดล้อมในบ้าน เช่น การใช้แสงสว่างเพียงพอและการจัดเรียงสิ่งของในบ้านให้สะดวก
- F01F9I-3: แนะนำกิจกรรมที่กระตุ้นสมอง เช่น การเล่นเกมหรือทำงานศิลปะร่วมกับผู้ป่วย
- F01F9I-4: แนะนำวิธีการป้องกันอุบัติเหตุในบ้าน เช่น การจัดระเบียบเส้นทางเดินและการใช้วัสดุกันลื่น
- F01F9I-5: ส่งเสริมให้ผู้ดูแลใช้ปฏิทินหรือรายการที่ช่วยจำ เพื่อให้ผู้ป่วยมีโครงสร้างชีวิตประจำวันที่ชัดเจน
- F01F9I-6: แนะนำให้ผู้ดูแลหาความช่วยเหลือจากกลุ่มสนับสนุนหรือผู้เชี่ยวชาญด้านการดูแลผู้ป่วยสมองเสื่อม
📈 Response (การตอบสนอง)
- F01F9R-1: ครอบครัวสามารถใช้วิธีการกระตุ้นความจำที่เหมาะสม เช่น การทบทวนข้อมูลเก่า
- F01F9R-2: สิ่งแวดล้อมในบ้านได้รับการปรับปรุงให้ปลอดภัยมากขึ้น
- F01F9R-3: ผู้ดูแลรู้สึกมั่นใจในการดูแลผู้ป่วยและสามารถป้องกันอุบัติเหตุในบ้านได้
- F01F9R-4: ผู้ดูแลสามารถสร้างกิจกรรมกระตุ้นสมองให้ผู้ป่วยทำได้ทุกวัน
- F01F9R-5: ครอบครัวเริ่มใช้เครื่องมือช่วยจำ เช่น ปฏิทินหรือรายการต่าง ๆ เพื่อช่วยให้ผู้ป่วยมีโครงสร้างชีวิตประจำวันที่ชัดเจน
...............................................................................
F01F10 วางแผนจำหน่ายและการดูแลต่อเนื่องหลังกลับบ้าน
เช่น การฟื้นฟูสมอง หรือการเยี่ยมบ้าน (Discharge planning and continuity
of care including cognitive rehabilitation and home visits)
🔍 Assessment (การประเมิน)
S:
- ผู้ป่วยต้องการการดูแลต่อเนื่องหลังจำหน่ายเพื่อฟื้นฟูสมองและปรับปรุงการใช้ชีวิต
- ผู้ดูแลหรือครอบครัวมีความกังวลเกี่ยวกับการดูแลผู้ป่วยที่บ้าน
- ผู้ป่วยมีปัญหาด้านการสื่อสารและความจำ
- ครอบครัวต้องการคำแนะนำเกี่ยวกับการเยี่ยมบ้านและการฟื้นฟูสมองที่เหมาะสม
O:
- ไม่มีแผนการฟื้นฟูสมองหรือการเยี่ยมบ้านหลังการจำหน่าย
- ผู้ดูแลยังไม่คุ้นเคยกับการดูแลผู้ป่วยสมองเสื่อมที่บ้าน
- การรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับวิธีการฟื้นฟูสมองของผู้ป่วยต่ำ
🎯 Goals (เป้าหมาย)
- ผู้ป่วยได้รับการฟื้นฟูสมองที่เหมาะสมหลังการจำหน่าย
- ผู้ดูแลมีความรู้และทักษะในการดูแลผู้ป่วยที่บ้าน
- ครอบครัวได้รับคำแนะนำเกี่ยวกับการเยี่ยมบ้านและการสนับสนุนที่จำเป็น
- ผู้ป่วยสามารถปรับตัวในสภาพแวดล้อมใหม่ที่บ้านได้ดีขึ้น
✅ Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)
- ผู้ป่วยได้รับการฟื้นฟูสมองต่อเนื่องอย่างมีประสิทธิภาพ
- ผู้ดูแลสามารถให้การดูแลที่บ้านได้อย่างถูกต้อง
- ครอบครัวรู้สึกมั่นใจในกระบวนการดูแลระยะยาว
- การเยี่ยมบ้านหรือการสนับสนุนจากทีมดูแลช่วยให้ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
🩺 Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)
- F01F10I-1: แนะนำการฟื้นฟูสมองที่สามารถทำได้หลังจากจำหน่าย เช่น การฝึกความจำหรือการทำกิจกรรมกระตุ้นสมอง
- F01F10I-2: ให้ข้อมูลเกี่ยวกับการเยี่ยมบ้านเพื่อประเมินสภาพแวดล้อมและความต้องการพิเศษของผู้ป่วย
- F01F10I-3: วางแผนการดูแลผู้ป่วยที่บ้านร่วมกับครอบครัว เช่น การตั้งเวลาฝึกสมองและกิจกรรมประจำวันที่เหมาะสม
- F01F10I-4: แนะนำโปรแกรมสนับสนุนสำหรับครอบครัวและผู้ดูแล เช่น การให้คำปรึกษาหรือการพบแพทย์เฉพาะทาง
- F01F10I-5: ให้ข้อมูลเกี่ยวกับการปรับสภาพแวดล้อมบ้านเพื่อความปลอดภัยของผู้ป่วย เช่น การใช้เครื่องมือช่วยเดินหรือการจัดพื้นที่ให้เหมาะสม
- F01F10I-6: เสนอการติดตามผลการดูแลหลังจำหน่าย เช่น การตั้งการเยี่ยมบ้านเป็นระยะ
📈 Response (การตอบสนอง)
- F01F10R-1: ผู้ดูแลมีความเข้าใจในการดูแลผู้ป่วยที่บ้านและสามารถนำคำแนะนำไปใช้ได้
- F01F10R-2: ผู้ป่วยมีความคืบหน้าในการฟื้นฟูสมองหลังการจำหน่าย
- F01F10R-3: ครอบครัวรู้สึกมั่นใจในการดูแลระยะยาวและสามารถติดต่อทีมดูแลได้อย่างต่อเนื่อง
- F01F10R-4: สภาพแวดล้อมบ้านได้รับการปรับปรุงให้ปลอดภัยและเอื้อต่อการดูแลผู้ป่วย
- F01F10R-5: การเยี่ยมบ้านช่วยให้การดูแลผู้ป่วยมีประสิทธิภาพมากขึ้น และปัญหาหรือข้อสงสัยได้รับการแก้ไข
.................................................................................
เอกสารอ้างอิง:
- สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.). (2561). คู่มือการดูแลผู้ป่วยสมองเสื่อม. กรุงเทพมหานคร: สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ.
- พิชญา ศรีพัฒนชัย, & ชัยวัฒน์ บุญเกิด. (2564). การดูแลผู้ป่วยภาวะสมองเสื่อมจากโรคหลอดเลือดสมอง: แนวทางการพยาบาล. วารสารพยาบาลศรีนครินทร์, 15(2), 45-59.
- National Institute on Aging. (2019). Vascular Dementia. Retrieved from https://www.nia.nih.gov/health/vascular-dementia
- Jellinger, K. A., & Attems, J. (2015). Vascular cognitive impairment. In D. J. Selkoe, C. M. Master, & F. M. LaFerla (Eds.), Alzheimer’s Disease: The Structure and Function of the Brain (pp. 289-313). Springer.
......................................................................................