พยาธิสภาพ
/ ช่วงวัยที่พบบ่อย
- 🌱 ภาวะนี้เกิดจากรูปแบบบุคลิกภาพที่ฝังแน่นมาตั้งแต่วัยรุ่นหรือวัยผู้ใหญ่ตอนต้น
- 🌱 ผู้ป่วยจะมีความรู้สึกด้อยค่า กลัวการถูกวิจารณ์ จนหลีกเลี่ยงการเข้าสังคมและความสัมพันธ์
อาการสังเกตได้
- ✅หลีกเลี่ยงการเข้าสังคมหรือกลุ่มใหม่ๆ
- ✅กลัวการถูกปฏิเสธอย่างรุนแรง
- ✅มักมองว่าตัวเองไม่ดีพอ
- ✅ไม่กล้าร่วมกิจกรรม แม้อยากเข้าร่วม
ปัจจัยที่เกี่ยวข้อง
- 🌈 การเลี้ยงดูที่เข้มงวด วิจารณ์มาก
- 🌈 ประสบการณ์ถูกบูลลี่ในวัยเด็ก
- 🌈 พื้นฐานบุคลิกภาพขี้อาย
- 🌈 มีปัญหาสุขภาพจิตร่วม เช่น ซึมเศร้า
แนวทางการรักษา
- 📌 จิตบำบัดแบบ Cognitive Behavioral Therapy (CBT)
- 📌 ยาต้านซึมเศร้าในบางกรณี
- 📌 การส่งเสริมทักษะทางสังคมอย่างค่อยเป็นค่อยไป
การพยาบาล
- ✅สร้างความไว้วางใจ ให้ความรู้สึกปลอดภัย
- ✅ไม่กดดันให้เข้าสังคมทันที
- ✅ส่งเสริมการพูดคุย แสดงออกตามความสมัครใจ
- ✅ประเมินอารมณ์ ความคิดด้านลบซ้ำๆ
การดูแลตัวเองสำหรับบุคคลทั่วไป
- 📌 เข้าใจว่านี่คือภาวะที่ “รักษาได้” ไม่ใช่แค่ขี้อาย
- 📌 หากรู้สึกกลัวการเข้าสังคมมากผิดปกติ ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ
- 📌 หมั่นฝึกเข้ากลุ่มเล็กๆ ที่รู้สึกปลอดภัย
.............................................................................
วินิจฉัยการพยาบาลผู้ป่วยภาวะบุคลิกภาพผิดปกติแบบหลีกเลี่ยง (F60.6)
- F60.6F1 มีภาวะซึมเศร้า (Depressed mood) ผู้ป่วยมีอารมณ์เศร้า รู้สึกไร้ค่า ไม่มั่นใจในตนเอง อาจมีความคิดไม่อยากมีชีวิตอยู่
- F60.6F2 เสี่ยงต่อการทำร้ายตนเอง (Risk for self-harm) ผู้ป่วยมีพฤติกรรมเก็บตัว พูดถึงการ “ไม่มีใครต้องการ” หรือ “ไม่มีใครรัก” ซึ่งอาจพัฒนาไปสู่การทำร้ายตัวเอง
- F60.6F3 มีความวิตกกังวลและกลัวการถูกปฏิเสธอย่างรุนแรง (Severe anxiety and fear of rejection) หลีกเลี่ยงทุกสถานการณ์ที่มีคนอื่นเข้ามาเกี่ยวข้อง แม้เพียงการทักทายธรรมดา
- F60.6F4 มีปัญหาในการสร้างความสัมพันธ์ทางสังคม (Impaired social interaction) ไม่สามารถสร้างหรือรักษาความสัมพันธ์กับผู้อื่นได้อย่างเหมาะสม
- F60.6F5 ขาดความมั่นใจในตนเอง (Low self-esteem) พูดตำหนิตนเองเสมอ เชื่อว่าตนเองไม่มีคุณค่า ไม่เหมาะสมกับสังคม
- F60.6F6 ขาดทักษะในการเผชิญปัญหา (Ineffective coping skills)ไม่สามารถรับมือกับความเครียดหรือสถานการณ์ใหม่ๆ ได้อย่างเหมาะสม
- F60.6F7 ขาดความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับโรคและการดูแลตนเอง (Deficient knowledge about the disorder and self-care) ไม่เข้าใจว่าพฤติกรรมที่เกิดขึ้นเป็นอาการของโรค และไม่รู้วิธีดูแลตนเอง
- F60.6F8 ขาดแรงจูงใจในการเข้าร่วมกิจกรรมการรักษา (Ineffective health maintenance due to low motivation)ไม่เต็มใจหรือหลีกเลี่ยงการเข้ารับการบำบัดหรือพบจิตแพทย์
- F60.6F9 ต้องการการวางแผนจำหน่ายและเตรียมความพร้อมในการกลับสู่สังคม (Readiness for enhanced social adaptation and discharge planning) ต้องได้รับการสนับสนุนในการวางแผนใช้ชีวิตหลังจำหน่าย ฝึกการปรับตัวทางสังคมอย่างค่อยเป็นค่อยไป
- F60.6F10 ต้องการการติดตามดูแลต่อเนื่องและเสริมแรงบวกในระยะยาว (Need for long-term follow-up and positive reinforcement) ควรมีการนัดหมายติดตามประเมินอารมณ์และพฤติกรรม พร้อมส่งเสริมความสำเร็จเล็กๆ เพื่อสร้างความมั่นใจ
………………………………………………………………………………..
F60.6F1: มีภาวะซึมเศร้า
(Depressed mood) ผู้ป่วยมีอารมณ์เศร้า
รู้สึกไร้ค่า ไม่มั่นใจในตนเอง อาจมีความคิดไม่อยากมีชีวิตอยู่
🔍 Assessment (การประเมิน)
S:
- “ผมไม่มีค่าอะไรเลย”
- “ไม่มีใครต้องการผม”
- “ผมไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้ว”
O:
- สีหน้าเศร้า พูดน้อย มองต่ำ
- หลบเลี่ยงการสบตา เก็บตัวอยู่ในห้อง
- มีพฤติกรรมเฉื่อยชา นั่งนิ่งนาน ๆ ไม่ตอบสนองต่อสิ่งรอบตัว
🎯 Goals (เป้าหมาย)
- ผู้ป่วยมีอารมณ์ดีขึ้น รู้สึกมีคุณค่า
- ไม่มีพฤติกรรมหรือคำพูดสื่อถึงความคิดอยากตาย
- มีปฏิสัมพันธ์กับคนรอบข้างได้มากขึ้น
- มีแรงจูงใจในการทำกิจวัตรประจำวัน
📊 Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)
- ผู้ป่วยไม่พูดหรือแสดงพฤติกรรมเกี่ยวกับการทำร้ายตัวเอง
- ผู้ป่วยเข้าร่วมกิจกรรมร่วมกับพยาบาลหรือผู้อื่นวันละอย่างน้อย 1 ครั้ง
- สีหน้า/อารมณ์ดีขึ้นภายใน 3-5 วัน
- ผู้ป่วยพูดถึงสิ่งที่ตน “อยากทำ” ในอนาคตอย่างน้อย 1 อย่าง
🛠️ Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)
- F60.6F1I-1: ประเมินอารมณ์และระดับความคิดอยากตายเป็นประจำทุกวันอย่างตรงไปตรงมา
- F60.6F1I-2: อยู่ใกล้ชิดในช่วงวิกฤตเพื่อป้องกันการทำร้ายตัวเอง
- F60.6F1I-3: สร้างสัมพันธภาพที่ดีโดยใช้ท่าทีเห็นอกเห็นใจและไม่ตัดสิน
- F60.6F1I-4: สนับสนุนให้ผู้ป่วยระบายความรู้สึกผ่านการพูดคุยหรือกิจกรรมสร้างสรรค์
- F60.6F1I-5: แนะนำกิจกรรมที่ง่ายและปลอดภัย เช่น การวาดภาพ ฟังเพลง
- F60.6F1I-6: เสริมกำลังใจเมื่อผู้ป่วยแสดงความคิดเชิงบวกหรือเข้าร่วมกิจกรรม
- F60.6F1I-7: ให้ข้อมูลที่ถูกต้องเกี่ยวกับอารมณ์และภาวะบุคลิกภาพ เพื่อเสริมความเข้าใจ
- F60.6F1I-8: ประสานจิตแพทย์/ทีมสุขภาพจิตหากพบอาการซึมเศร้ารุนแรง
- F60.6F1I-9: ให้ครอบครัวมีส่วนร่วมในการให้กำลังใจและสนับสนุน
- F60.6F1I-10: บันทึกพฤติกรรมและอารมณ์ของผู้ป่วยเป็นรายวันอย่างต่อเนื่อง
✅ Response (การตอบสนอง)
- F60.6F1R-1: ผู้ป่วยไม่มีพฤติกรรมหรือคำพูดที่บ่งชี้ถึงความคิดอยากตาย
- F60.6F1R-2: สีหน้าผ่อนคลายมากขึ้น พูดคุยกับบุคลากรสุขภาพ
- F60.6F1R-3: เข้าร่วมกิจกรรมกลุ่ม/ส่วนตัวได้ตามแผน
- F60.6F1R-4: ผู้ป่วยพูดถึงเป้าหมายหรือความหวังในชีวิต
- F60.6F1R-5: ผู้ป่วยรายงานว่า “รู้สึกดีขึ้น” และ “อยากกลับมาใช้ชีวิตปกติ”
…………………………………………………………………….
F60.6F2: เสี่ยงต่อการทำร้ายตนเอง
(Risk for self-harm) ผู้ป่วยมีพฤติกรรมเก็บตัว พูดถึง
“ไม่มีใครต้องการ” หรือ “ไม่มีใครรัก” ซึ่งอาจนำไปสู่การทำร้ายตัวเอง
🔍 Assessment (การประเมิน)
S:
- “ผมไม่มีใครเลย”
- “ไม่มีใครรักผม ไม่มีใครต้องการผมอีกแล้ว”
O:
- ผู้ป่วยอยู่คนเดียวในห้อง ไม่ร่วมกิจกรรมใดๆ
- สีหน้าเศร้า เฉยชา หลบเลี่ยงการสบตา
- มีรอยขีดข่วนที่ข้อมือเก่าๆ (self-inflicted injuries)
- ปฏิเสธอาหารหรือน้ำ
🎯 Goals (เป้าหมาย)
- ผู้ป่วยปลอดภัยจากการทำร้ายตนเอง
- แสดงพฤติกรรมดูแลตนเองและให้ความร่วมมือกับพยาบาล
- แสดงออกถึงความหวังหรือเป้าหมายในชีวิต
- แสดงพฤติกรรมที่บ่งชี้ว่ามีคุณค่าในตนเอง
📊 Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)
- ไม่มีพฤติกรรมหรือคำพูดที่สื่อถึงการทำร้ายตนเอง
- ไม่มีบาดแผลใหม่หรือพฤติกรรมเสี่ยงในระยะ 72 ชั่วโมง
- ผู้ป่วยแสดงความร่วมมือในการดูแลตนเอง
- สามารถระบุคนที่ตนเองไว้วางใจได้อย่างน้อย 1 คน
🛠️ Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)
- F60.6F2I-1: ประเมินภาวะเสี่ยงต่อการทำร้ายตนเองทุกวัน โดยเฉพาะเมื่ออารมณ์แปรปรวน
- F60.6F2I-2: อยู่ใกล้ชิดในช่วงภาวะวิกฤต (Close observation) อย่างต่อเนื่อง
- F60.6F2I-3: กำจัดสิ่งของมีคม/ของเสี่ยงจากบริเวณใกล้ผู้ป่วย
- F60.6F2I-4: พูดคุยเปิดใจ ให้ผู้ป่วยระบายความรู้สึก โดยไม่ตัดสิน
- F60.6F2I-5: ส่งเสริมให้ผู้ป่วยมีส่วนร่วมในกิจกรรมกลุ่มที่ไม่กดดัน
- F60.6F2I-6: ชื่นชมเมื่อผู้ป่วยแสดงพฤติกรรมเชิงบวกหรือขอความช่วยเหลือ
- F60.6F2I-7: ประสานจิตแพทย์หากพบความคิดฆ่าตัวตนรุนแรงหรือชัดเจน
- F60.6F2I-8: แนะนำเทคนิคควบคุมอารมณ์ เช่น การหายใจลึก หรือวาดภาพ
- F60.6F2I-9: กระตุ้นให้ผู้ป่วยสร้างเป้าหมายเล็กๆ และวางแผนชีวิต
- F60.6F2I-10: แจ้งครอบครัวให้เข้าใจภาวะผู้ป่วย และให้ความร่วมมือดูแล
✅ Response (การตอบสนอง)
- F60.6F2R-1: ผู้ป่วยไม่มีพฤติกรรมหรือคำพูดสื่อถึงการทำร้ายตนเอง
- F60.6F2R-2: สีหน้าและท่าทีดีขึ้นเล็กน้อย สนทนากับพยาบาลได้
- F60.6F2R-3: ไม่มีบาดแผลใหม่ในระยะ 3 วัน
- F60.6F2R-4: ผู้ป่วยร่วมกิจกรรมกลุ่มได้ตามแผนอย่างน้อย 1 ครั้ง
- F60.6F2R-5: ผู้ป่วยสามารถบอกเป้าหมายหรือสิ่งที่ยังอยากทำได้ 1 เรื่อง
……………………………………………………………..
F60.6F3 มีความวิตกกังวลและกลัวการถูกปฏิเสธอย่างรุนแรง
(Severe anxiety and fear of rejection) หลีกเลี่ยงทุกสถานการณ์ที่มีคนอื่นเข้ามาเกี่ยวข้อง
แม้เพียงการทักทายธรรมดา
🔍 Assessment (การประเมิน)
S:
- “ผมกลัวคนอื่นจะมองว่าผมแปลก”
- “ผมไม่อยากให้ใครมาคุยกับผมเลย”
O:
- ผู้ป่วยหลบสายตา ไม่ตอบสนองเมื่อมีคนทัก
- ปฏิเสธเข้าร่วมกิจกรรมกลุ่มทุกชนิด
- สีหน้าวิตกกังวล เหงื่อออก มือสั่นเมื่อถูกถามคำถาม
- เดินหลบเลี่ยงเมื่อเห็นคนแปลกหน้าเข้าใกล้
🎯 Goals (เป้าหมาย)
- ผู้ป่วยสามารถควบคุมความวิตกกังวลได้ในระดับหนึ่ง
- กล้าเผชิญหน้าและทักทายบุคคลในสถานการณ์ที่ปลอดภัย
- พัฒนาความมั่นใจในการเข้าสังคมแบบค่อยเป็นค่อยไป
- แสดงออกถึงการยอมรับตนเองและไม่กลัวการถูกปฏิเสธ
📊 Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)
- ผู้ป่วยตอบสนองต่อการสนทนาอย่างน้อยวันละ 1 ครั้ง
- แสดงพฤติกรรมสงบขึ้นเมื่อต้องพูดคุยกับผู้อื่น
- ยอมเข้าร่วมกิจกรรมกลุ่มอย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 ครั้ง
- รายงานตนเองว่าความกลัวลดลงระดับ 2 ใน 5 หรือมากกว่า
🛠️ Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)
- F60.6F3I-1: ประเมินระดับความวิตกกังวลทุกวันโดยใช้มาตรวัดความวิตก (Anxiety scale)
- F60.6F3I-2: พูดคุยกับผู้ป่วยในบรรยากาศที่ผ่อนคลาย โดยไม่บังคับให้เปิดเผยทันที
- F60.6F3I-3: ส่งเสริมให้ผู้ป่วยระบายความรู้สึกเกี่ยวกับความกลัวการถูกปฏิเสธ
- F60.6F3I-4: สร้างความสัมพันธ์ที่ไว้วางใจผ่านการพูดคุยสม่ำเสมอ
- F60.6F3I-5: แนะนำการหายใจช้าและลึกเมื่อตื่นตระหนก เพื่อช่วยลดอาการกังวลเฉียบพลัน
- F60.6F3I-6: ฝึกผู้ป่วยให้เริ่มทักทายบุคลากรในรูปแบบง่าย เช่น พยักหน้า ยิ้ม
- F60.6F3I-7: สนับสนุนให้ผู้ป่วยเข้าร่วมกิจกรรมกลุ่มเล็ก ๆ ที่ปลอดภัย
- F60.6F3I-8: ให้กำลังใจเมื่อผู้ป่วยมีความพยายามเข้าหาคนอื่น แม้เพียงเล็กน้อย
- F60.6F3I-9: ส่งต่อผู้เชี่ยวชาญด้านจิตวิทยาเพื่อทำพฤติกรรมบำบัด (CBT)
- F60.6F3I-10: สอนครอบครัวให้เข้าใจธรรมชาติของโรค และวิธีสนับสนุนโดยไม่กดดัน
✅ Response (การตอบสนอง)
- F60.6F3R-1: ผู้ป่วยสามารถพยักหน้าหรือสบตากับพยาบาลได้
- F60.6F3R-2: ความวิตกกังวลลดลงตามรายงานตนเอง
- F60.6F3R-3: ผู้ป่วยเข้าร่วมกิจกรรมกลุ่มเล็กอย่างน้อย 1 ครั้ง
- F60.6F3R-4: แสดงออกถึงความมั่นใจในการอยู่ร่วมกับคนอื่นมากขึ้น
- F60.6F3R-5: ผู้ป่วยสามารถพูดคุยสั้น ๆ กับบุคลากรโดยไม่หลบเลี่ยง
…………………………………………………………………
F60.6F4 มีปัญหาในการสร้างความสัมพันธ์ทางสังคม
(Impaired social interaction) ไม่สามารถสร้างหรือรักษาความสัมพันธ์กับผู้อื่นได้อย่างเหมาะสม
🔍 Assessment (การประเมิน)
S:
- “ผมไม่รู้จะเริ่มพูดกับใครยังไง”
- “ผมกลัวคนจะไม่ชอบผม”
O:
- ผู้ป่วยหลีกเลี่ยงการเข้าสังคม ไม่เข้ากิจกรรมกลุ่ม
- สื่อสารสั้น กระท่อนกระแท่น เมื่อถูกถามเรื่องส่วนตัว
- ขาดการสบตา หรือแสดงท่าทางไม่มั่นใจ
- มีพฤติกรรมเก็บตัว ไม่แสดงอารมณ์ตอบสนองทางสังคม
🎯 Goals (เป้าหมาย)
- ผู้ป่วยเริ่มมีปฏิสัมพันธ์กับบุคลากรอย่างน้อยวันละ 1 ครั้ง
- แสดงท่าทางเปิดเผยและตอบสนองทางสังคมที่เหมาะสมเพิ่มขึ้น
- เข้าร่วมกิจกรรมกลุ่มเล็กอย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 ครั้ง
- พัฒนาทักษะการสื่อสารพื้นฐานในสถานการณ์ทางสังคม
- ลดพฤติกรรมหลีกเลี่ยงสังคมลง
📊 Evaluate
Criteria (เกณฑ์การประเมิน)
- ผู้ป่วยตอบสนองทางสังคมในสถานการณ์ต่าง ๆ อย่างเหมาะสม
- สามารถเริ่มสนทนาได้อย่างน้อย 1 ครั้งต่อวัน
- เข้าร่วมกิจกรรมกลุ่มโดยสมัครใจเพิ่มขึ้น
- รายงานตนเองว่ารู้สึกมั่นใจมากขึ้นในการเข้าสังคม
🛠️
Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)
- F60.6F4I-1: ประเมินพฤติกรรมการสื่อสารและท่าทางสังคมทุกวัน
- F60.6F4I-2: ส่งเสริมให้ผู้ป่วยเริ่มสนทนาโดยใช้ประโยคง่าย ๆ เช่น “สวัสดี” หรือถามชื่อ
- F60.6F4I-3: จัดกิจกรรมกลุ่มเล็ก ๆ ที่ปลอดภัยและเหมาะสมให้ผู้ป่วยเข้าร่วม
- F60.6F4I-4: ฝึกทักษะการสื่อสารด้วยบทบาทสมมติ (Role-play) ในสถานการณ์จำลอง
- F60.6F4I-5: ให้กำลังใจและยกย่องความพยายามของผู้ป่วยในการเข้าสังคม
- F60.6F4I-6: สนับสนุนให้ผู้ป่วยบันทึกความรู้สึกหลังจากเข้าร่วมกิจกรรมทางสังคม
- F60.6F4I-7: ให้คำแนะนำครอบครัวและผู้ดูแลในการสนับสนุนการสื่อสารของผู้ป่วย
- F60.6F4I-8: ประสานงานกับนักจิตวิทยาหรือผู้เชี่ยวชาญเพื่อทำ CBT หรือบำบัดทักษะสังคม
- F60.6F4I-9: สอนเทคนิคผ่อนคลายเพื่อลดความวิตกกังวลขณะเข้าสังคม เช่น การหายใจลึก
- F60.6F4I-10: จัดสภาพแวดล้อมที่สงบและไม่กดดันเมื่อต้องการฝึกปฏิสัมพันธ์
✅ Response (การตอบสนอง)
- F60.6F4R-1: ผู้ป่วยเริ่มพูดคุยกับบุคลากรอย่างน้อยวันละ 1 ครั้ง
- F60.6F4R-2: แสดงท่าทางเปิดเผย เช่น สบตา และยิ้มในสถานการณ์ทางสังคม
- F60.6F4R-3: เข้าร่วมกิจกรรมกลุ่มเล็ก ๆ อย่างสม่ำเสมอ
- F60.6F4R-4: รายงานว่ารู้สึกมั่นใจและผ่อนคลายขึ้นเมื่อต้องสื่อสาร
- F60.6F4R-5: ลดพฤติกรรมหลีกเลี่ยงและเก็บตัวลง
…………………………………………….
F60.6F5 ขาดความมั่นใจในตนเอง
(Low self-esteem) พูดตำหนิตนเองเสมอ
เชื่อว่าตนเองไม่มีคุณค่า ไม่เหมาะสมกับสังคม
🔍 Assessment (การประเมิน)
S:
- “ผมทำอะไรไม่ดีพอ”
- “ผมไม่มีค่าเลย”
- “ไม่มีใครอยากอยู่ใกล้ผม”
O:
- ผู้ป่วยพูดตำหนิตัวเองบ่อยครั้ง
- ท่าทางไม่มั่นใจ เช่น ก้มหน้า หลีกเลี่ยงการสบตา
- ไม่กล้าแสดงความคิดเห็นหรือแสดงออกในกลุ่ม
- เก็บตัว หลีกเลี่ยงกิจกรรมสังคม
🎯 Goals (เป้าหมาย)
- ผู้ป่วยแสดงความมั่นใจในตนเองเพิ่มขึ้น
- ลดการพูดตำหนิตนเองลง
- ผู้ป่วยสามารถแสดงความคิดเห็นได้อย่างเหมาะสม
- เข้าร่วมกิจกรรมกลุ่มอย่างสมัครใจ
- พัฒนาทักษะการยอมรับตนเองและความคิดบวก
📊 Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)
- ผู้ป่วยแสดงพฤติกรรมและคำพูดที่เป็นบวกต่อตนเอง
- รายงานความรู้สึกมั่นใจในตนเองเพิ่มขึ้น
- มีส่วนร่วมในกิจกรรมกลุ่มอย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 ครั้ง
- ลดการพูดตำหนิตัวเองเหลือน้อยกว่า 2 ครั้งต่อวัน
- สามารถสื่อสารความต้องการและความรู้สึกได้อย่างเหมาะสม
🛠️ Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)
- F60.6F5I-1: ประเมินคำพูดและพฤติกรรมที่แสดงออกถึงความมั่นใจในตนเองทุกวัน
- F60.6F5I-2: ช่วยให้ผู้ป่วยระบุและเปลี่ยนความคิดลบเกี่ยวกับตนเองเป็นความคิดเชิงบวก
- F60.6F5I-3: ส่งเสริมการชมเชยและให้กำลังใจเมื่แผู้ป่วยแสดงพฤติกรรมมั่นใจ
- F60.6F5I-4: จัดกิจกรรมกลุ่มที่เสริมสร้างความมั่นใจ เช่น การพูดในที่สาธารณะเล็กๆ
- F60.6F5I-5: สอนเทคนิคการพูดกับตัวเองในเชิงบวก (Positive self-talk)
- F60.6F5I-6: กระตุ้นให้ผู้ป่วยจดบันทึกความสำเร็จและข้อดีของตนเองในแต่ละวัน
- F60.6F5I-7: ให้คำปรึกษาและสนับสนุนด้านอารมณ์เมื่อผู้ป่วยแสดงอาการวิตกกังวล
- F60.6F5I-8: ประสานงานกับนักจิตวิทยาเพื่อบำบัดพฤติกรรมทางความคิด (CBT)
- F60.6F5I-9: สอนเทคนิคผ่อนคลายเพื่อลดความเครียดและความวิตกกังวล
- F60.6F5I-10: สนับสนุนให้ครอบครัวและคนรอบข้างส่งเสริมความมั่นใจของผู้ป่วย
✅ Response (การตอบสนอง)
- F60.6F5R-1: ผู้ป่วยลดการพูดตำหนิตัวเองเหลือน้อยกว่า 2 ครั้งต่อวัน
- F60.6F5R-2: แสดงความมั่นใจเพิ่มขึ้น เช่น การสบตาและแสดงความคิดเห็น
- F60.6F5R-3: รายงานความรู้สึกดีขึ้นเกี่ยวกับตนเองและมีความหวังมากขึ้น
- F60.6F5R-4: เข้าร่วมกิจกรรมกลุ่มและมีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่นมากขึ้น
- F60.6F5R-5: แสดงท่าทีผ่อนคลายและลดความวิตกกังวลในสถานการณ์ต่าง ๆ
……………………………………………..
F60.6F6 ขาดทักษะในการเผชิญปัญหา
(Ineffective coping skills)ไม่สามารถรับมือกับความเครียดหรือสถานการณ์ใหม่ๆ
ได้อย่างเหมาะสม
🔍 Assessment (การประเมิน)
S:
- “ผมไม่รู้จะจัดการกับปัญหานี้ยังไง”
- “ผมรู้สึกเครียดและสับสนมาก”
O:
- ไม่สามารถตัดสินใจแก้ปัญหาได้เอง
- หลีกเลี่ยงสถานการณ์ที่มีความเครียด
- แสดงพฤติกรรมเก็บตัวหรือวิตกกังวลเมื่อเจอความกดดัน
- มีอาการวิตกกังวลหรือซึมเศร้าแทรกซ้อน
🎯 Goals (เป้าหมาย)
- ผู้ป่วยสามารถใช้ทักษะการเผชิญปัญหาอย่างเหมาะสม
- ลดความวิตกกังวลและความเครียดในสถานการณ์ต่าง ๆ
- ผู้ป่วยแสดงพฤติกรรมรับมือกับปัญหาได้ดีขึ้น
- มีความมั่นใจในการตัดสินใจและแก้ไขปัญหา
- พัฒนาทักษะในการจัดการกับความเครียดและสถานการณ์ใหม่ ๆ
📊 Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)
- ผู้ป่วยรายงานความสามารถในการจัดการกับปัญหาได้ดีขึ้น
- ลดอาการวิตกกังวลและหลีกเลี่ยงสถานการณ์น้อยลง
- มีการตัดสินใจที่เหมาะสมและเป็นประโยชน์ต่อสุขภาพจิต
- มีส่วนร่วมในการฝึกทักษะการเผชิญปัญหาอย่างสม่ำเสมอ
- แสดงพฤติกรรมผ่อนคลายเมื่อต้องเจอสถานการณ์เครียด
🛠️ Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)
- F60.6F6I-1: ประเมินระดับความเครียดและพฤติกรรมการรับมือของผู้ป่วยทุกวัน
- F60.6F6I-2: สอนและฝึกเทคนิคการแก้ปัญหา (Problem-solving skills) ทีละขั้นตอน
- F60.6F6I-3: แนะนำวิธีผ่อนคลาย เช่น การหายใจลึก ๆ หรือการทำสมาธิ
- F60.6F6I-4: กระตุ้นให้ผู้ป่วยแบ่งปันปัญหาและความรู้สึกกับทีมพยาบาล
- F60.6F6I-5: ส่งเสริมการตั้งเป้าหมายเล็ก ๆ เพื่อสร้างความมั่นใจในการแก้ไขปัญหา
- F60.6F6I-6: จัดกิจกรรมกลุ่มเพื่อฝึกทักษะการเผชิญปัญหาและการสื่อสาร
- F60.6F6I-7: ประสานงานกับนักจิตวิทยาหรือผู้เชี่ยวชาญเพื่อบำบัดเพิ่มเติม
- F60.6F6I-8: ติดตามและปรับแผนการดูแลตามความก้าวหน้าของผู้ป่วย
- F60.6F6I-9: สอนเทคนิคการจัดการความคิดลบ (Cognitive restructuring)
- F60.6F6I-10: สนับสนุนให้ครอบครัวช่วยเสริมทักษะการเผชิญปัญหาแก่ผู้ป่วย
✅ Response (การตอบสนอง)
- F60.6F6R-1: ผู้ป่วยรายงานความสามารถในการจัดการปัญหาดีขึ้น
- F60.6F6R-2: ลดพฤติกรรมหลีกเลี่ยงสถานการณ์ที่มีความเครียด
- F60.6F6R-3: แสดงท่าทีผ่อนคลายเมื่อเผชิญสถานการณ์เครียด
- F60.6F6R-4: มีการตัดสินใจและแก้ไขปัญหาอย่างเหมาะสม
- F60.6F6R-5: ผู้ป่วยมีส่วนร่วมในกิจกรรมฝึกทักษะและสื่อสารมากขึ้น
…………………………………………….
F60.6F7 ขาดความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับโรคและการดูแลตนเอง
(Deficient knowledge about the disorder and self-care) ไม่เข้าใจว่าพฤติกรรมที่เกิดขึ้นเป็นอาการของโรค
และไม่รู้วิธีดูแลตนเอง
🔍 Assessment (การประเมิน)
S:
- “ผมไม่เข้าใจว่าพฤติกรรมแบบนี้คือโรค”
- “ผมไม่รู้ว่าจะดูแลตัวเองยังไง”
O:
- ผู้ป่วยไม่สามารถอธิบายลักษณะอาการโรคได้
- ไม่ปฏิบัติตามคำแนะนำในการดูแลตนเอง
- มีพฤติกรรมที่อาจทำให้สุขภาพแย่ลง เช่น หลีกเลี่ยงการติดต่อกับผู้อื่น
- มีคำถามหรือความสับสนเกี่ยวกับโรคและวิธีดูแลตนเอง
🎯 Goals (เป้าหมาย)
- ผู้ป่วยเข้าใจลักษณะและอาการของโรคอย่างถูกต้อง
- ผู้ป่วยสามารถปฏิบัติตัวและดูแลตนเองตามคำแนะนำได้
- ลดพฤติกรรมเสี่ยงที่เกิดจากความไม่เข้าใจโรค
- ผู้ป่วยแสดงความมั่นใจในการจัดการกับโรคของตน
- ครอบครัวมีความรู้เพื่อสนับสนุนการดูแลอย่างเหมาะสม
📊 Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)
- ผู้ป่วยสามารถอธิบายอาการและโรคได้ถูกต้อง
- ปฏิบัติตามคำแนะนำในการดูแลตนเองอย่างสม่ำเสมอ
- มีพฤติกรรมที่ช่วยส่งเสริมสุขภาพจิตและลดอาการหลีกเลี่ยง
- ครอบครัวมีความเข้าใจและช่วยสนับสนุนได้ดี
- ผู้ป่วยแสดงความมั่นใจในการดูแลตนเองและการสื่อสารกับทีมพยาบาล
🛠️ Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)
- F60.6F7I-1: ประเมินความรู้ของผู้ป่วยเกี่ยวกับโรคและการดูแลตนเองเป็นระยะ
- F60.6F7I-2: ให้คำอธิบายอย่างง่ายเกี่ยวกับภาวะบุคลิกภาพผิดปกติแบบหลีกเลี่ยงและผลกระทบ
- F60.6F7I-3: สอนวิธีปฏิบัติตัวและดูแลตนเองที่เหมาะสม เช่น การจัดการความเครียดและการสื่อสาร
- F60.6F7I-4: ใช้วัสดุการเรียนรู้ เช่น แผ่นพับ หรือวีดีโอ เพื่อเพิ่มความเข้าใจ
- F60.6F7I-5: สนับสนุนให้ผู้ป่วยถามคำถามและแลกเปลี่ยนความรู้กับทีมพยาบาล
- F60.6F7I-6: จัดให้ครอบครัวเข้าร่วมการให้ความรู้และสนับสนุนการดูแล
- F60.6F7I-7: ติดตามและทบทวนความเข้าใจของผู้ป่วยเป็นประจำ
- F60.6F7I-8: แนะนำแหล่งข้อมูลหรือกลุ่มสนับสนุนที่เหมาะสม
✅ Response (การตอบสนอง)
- F60.6F7R-1: ผู้ป่วยสามารถอธิบายอาการและโรคได้อย่างถูกต้อง
- F60.6F7R-2: ปฏิบัติตามคำแนะนำดูแลตนเองได้อย่างสม่ำเสมอ
- F60.6F7R-3: ลดพฤติกรรมหลีกเลี่ยงที่ส่งผลเสียต่อสุขภาพ
- F60.6F7R-4: ครอบครัวมีส่วนร่วมและสนับสนุนการดูแลอย่างเหมาะสม
- F60.6F7R-5: ผู้ป่วยแสดงความมั่นใจในการจัดการกับโรคและการสื่อสารกับทีมดูแล
………………………………………………………………………………………
F60.6F8 ขาดแรงจูงใจในการเข้าร่วมกิจกรรมการรักษา (Ineffective
health maintenance due to low motivation)
ไม่เต็มใจหรือหลีกเลี่ยงการเข้ารับการบำบัดหรือพบจิตแพทย์
🔍 Assessment (การประเมิน)
S:
- “ไม่อยากไปพบจิตแพทย์”
- “รู้สึกว่าไม่มีประโยชน์กับการรักษา”
O:
- ผู้ป่วยเลี่ยงหรือไม่มาตามนัดบำบัด
- แสดงท่าทีเฉยเมยหรือไม่ร่วมมือในกิจกรรมรักษา
- มีความวิตกกังวลหรือกลัวการถูกวิจารณ์
- ขาดการสื่อสารหรือแสดงอารมณ์ต่อต้านทีมรักษา
🎯 Goals (เป้าหมาย)
- ผู้ป่วยมีแรงจูงใจและยินยอมเข้าร่วมกิจกรรมบำบัด
- ผู้ป่วยแสดงพฤติกรรมร่วมมือและสื่อสารอย่างเปิดเผย
- ลดความวิตกกังวลและความกลัวเกี่ยวกับการรักษา
- ผู้ป่วยเรียนรู้และเห็นคุณค่าของการรักษา
- เพิ่มโอกาสในการฟื้นฟูสุขภาพจิตอย่างต่อเนื่อง
📊 Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)
- ผู้ป่วยเข้าร่วมกิจกรรมบำบัดตามนัด
- มีการสื่อสารและแสดงท่าทีร่วมมือกับทีมรักษา
- ผู้ป่วยรายงานความรู้สึกต่อการรักษาได้ดีขึ้น
- ลดพฤติกรรมหลีกเลี่ยงและต่อต้าน
- ผู้ป่วยสามารถอธิบายประโยชน์ของการรักษาได้
- 🛠️ Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)
- F60.6F8I-1: สร้างความสัมพันธ์เชิงบวกกับผู้ป่วยด้วยความเห็นอกเห็นใจและไม่ตัดสิน
- F60.6F8I-2: อธิบายขั้นตอนและประโยชน์ของการรักษาอย่างชัดเจนและเข้าใจง่าย
- F60.6F8I-3: สนับสนุนให้ผู้ป่วยแสดงความรู้สึกและความกังวลเกี่ยวกับการรักษา
- F60.6F8I-4: ใช้เทคนิคการกระตุ้นแรงจูงใจ เช่น การตั้งเป้าหมายเล็กๆ ที่ทำได้จริง
- F60.6F8I-5: ประสานงานกับครอบครัวหรือผู้ดูแลเพื่อสนับสนุนผู้ป่วยในการเข้าร่วมกิจกรรม
- F60.6F8I-6: จัดกิจกรรมบำบัดที่เหมาะสมกับความสนใจและความสามารถของผู้ป่วย
- F60.6F8I-7: ติดตามและให้กำลังใจอย่างสม่ำเสมอ
- F60.6F8I-8: ให้ข้อมูลแหล่งช่วยเหลือเพิ่มเติม เช่น กลุ่มสนับสนุนหรือคลินิกจิตเวช
✅ Response (การตอบสนอง)
- F60.6F8R-1: ผู้ป่วยเข้าร่วมกิจกรรมบำบัดตามนัดและอย่างสม่ำเสมอ
- F60.6F8R-2: ผู้ป่วยแสดงความร่วมมือและเปิดใจสื่อสารกับทีมรักษา
- F60.6F8R-3: ผู้ป่วยลดความวิตกกังวลและความกลัวเกี่ยวกับการรักษา
- F60.6F8R-4: ผู้ป่วยสามารถอธิบายประโยชน์และความสำคัญของการรักษา
- F60.6F8R-5: ครอบครัวหรือผู้ดูแลสนับสนุนผู้ป่วยได้ดีขึ้น
……………………………………………………………………………
F60.6F9 ต้องการการวางแผนจำหน่ายและเตรียมความพร้อมในการกลับสู่สังคม
(Readiness for enhanced social adaptation and discharge planning) ต้องได้รับการสนับสนุนในการวางแผนใช้ชีวิตหลังจำหน่าย
ฝึกการปรับตัวทางสังคมอย่างค่อยเป็นค่อยไป
🔍 Assessment (การประเมิน)
S:
- “กลัวไม่พร้อมที่จะอยู่กับคนอื่น”
- “ไม่มั่นใจว่าจะจัดการชีวิตได้ดีหลังออกจากโรงพยาบาล”
O:
- ผู้ป่วยหลีกเลี่ยงการเข้าสังคมหรือกิจกรรมกลุ่ม
- แสดงอาการวิตกกังวลหรือเครียดเมื่อพูดถึงการกลับบ้าน
- ขาดแผนการดูแลตนเองหลังจำหน่าย
- ครอบครัวยังไม่มีความพร้อมช่วยสนับสนุน
🎯 Goals (เป้าหมาย)
- ผู้ป่วยมีแผนการดูแลตนเองและปรับตัวทางสังคมที่เหมาะสม
- ผู้ป่วยและครอบครัวเข้าใจและยอมรับแผนการจำหน่าย
- ผู้ป่วยเริ่มฝึกทักษะการปรับตัวทางสังคมอย่างค่อยเป็นค่อยไป
- ลดความวิตกกังวลเกี่ยวกับการกลับสู่สังคม
- ผู้ป่วยสามารถจัดการกับสถานการณ์ใหม่ได้ดีขึ้น
📊 Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)
- ผู้ป่วยและครอบครัวสามารถอธิบายแผนการจำหน่ายและดูแลตนเองได้
- ผู้ป่วยเข้าร่วมกิจกรรมฝึกทักษะสังคมตามแผน
- ผู้ป่วยแสดงความมั่นใจและลดความวิตกกังวล
- ครอบครัวมีส่วนร่วมและสนับสนุนการดูแล
- ไม่มีเหตุการณ์เสี่ยงหรือปัญหาการปรับตัวหลังจำหน่าย
🛠️ Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)
- F60.6F9I-1: ประเมินความพร้อมของผู้ป่วยและครอบครัวสำหรับการกลับบ้าน
- F60.6F9I-2: ให้ข้อมูลและอธิบายแผนการจำหน่ายอย่างชัดเจน
- F60.6F9I-3: สอนและฝึกทักษะการปรับตัวทางสังคมทีละขั้นตอน
- F60.6F9I-4: สนับสนุนผู้ป่วยให้ระบายความรู้สึกและความวิตกกังวล
- F60.6F9I-5: ประสานงานกับทีมสหวิชาชีพเพื่อจัดการช่วยเหลือหลังจำหน่าย
- F60.6F9I-6: เตรียมครอบครัวให้พร้อมในการดูแลและสนับสนุน
- F60.6F9I-7: ให้คำแนะนำแหล่งช่วยเหลือและกลุ่มสนับสนุนในชุมชน
- F60.6F9I-8: ติดตามผลและประเมินการปรับตัวหลังกลับบ้านอย่างสม่ำเสมอ
✅ Response (การตอบสนอง)
- F60.6F9R-1: ผู้ป่วยและครอบครัวแสดงความเข้าใจและยอมรับแผนจำหน่าย
- F60.6F9R-2: ผู้ป่วยเริ่มปรับตัวและเข้าร่วมกิจกรรมทางสังคมได้ดีขึ้น
- F60.6F9R-3: ความวิตกกังวลเกี่ยวกับการกลับบ้านลดลง
- F60.6F9R-4: ครอบครัวสนับสนุนและช่วยเหลือผู้ป่วยอย่างเหมาะสม
- F60.6F9R-5: ไม่มีปัญหาหรือเหตุการณ์เสี่ยงหลังการจำหน่าย
……………………………………………….
F60.6F10 ต้องการการติดตามดูแลต่อเนื่องและเสริมแรงบวกในระยะยาว
(Need for long-term follow-up and positive reinforcement) ควรมีการนัดหมายติดตามประเมินอารมณ์และพฤติกรรม
พร้อมส่งเสริมความสำเร็จเล็กๆ เพื่อสร้างความมั่นใจ
🔍 Assessment (การประเมิน)
S:
- “รู้สึกกลัวและกังวลเวลาพูดคุยกับคนอื่น”
- “ไม่มั่นใจในตัวเอง แม้ทำอะไรสำเร็จเล็กๆ ก็ไม่เห็นค่า”
O:
- มีพฤติกรรมหลีกเลี่ยงการเข้าสังคมซ้ำ ๆ
- ขาดการติดตามดูแลหลังออกจากโรงพยาบาล
- อารมณ์ไม่มั่นคง มีความวิตกกังวลสูง
🎯 Goals (เป้าหมาย)
- ผู้ป่วยได้รับการติดตามดูแลอย่างสม่ำเสมอ
- ผู้ป่วยได้รับการเสริมแรงบวกเพื่อสร้างความมั่นใจ
- อารมณ์และพฤติกรรมมีแนวโน้มดีขึ้นในระยะยาว
- ลดพฤติกรรมหลีกเลี่ยงและเพิ่มการมีส่วนร่วมทางสังคม
- ผู้ป่วยมีทักษะในการจัดการความเครียดมากขึ้น
📊 Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)
- ผู้ป่วยมารับการนัดติดตามตามกำหนด
- ผู้ป่วยรายงานความรู้สึกมั่นใจมากขึ้น
- พฤติกรรมหลีกเลี่ยงลดลงอย่างชัดเจน
- ผู้ป่วยสามารถระบุความสำเร็จเล็ก ๆ ที่เกิดขึ้นได้
- ทีมพยาบาลได้รับรายงานความก้าวหน้าของผู้ป่วย
🛠️ Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)
- F60.6F10I-1: นัดหมายติดตามผลประเมินอารมณ์และพฤติกรรมเป็นระยะ
- F60.6F10I-2: สร้างบรรยากาศเชิงบวกในระหว่างการดูแล
- F60.6F10I-3: ชื่นชมและเสริมแรงบวกสำหรับความสำเร็จเล็ก ๆ ของผู้ป่วย
- F60.6F10I-4: สอนทักษะการจัดการความเครียดและความวิตกกังวล
- F60.6F10I-5: ประสานงานกับครอบครัวและชุมชนเพื่อสนับสนุนผู้ป่วย
- F60.6F10I-6: จัดกลุ่มสนับสนุนหรือกิจกรรมทางสังคมเพื่อเพิ่มความมั่นใจ
- F60.6F10I-7: ติดตามและบันทึกพัฒนาการของผู้ป่วยในแต่ละนัด
✅ Response (การตอบสนอง)
- F60.6F10R-1: ผู้ป่วยมารับการติดตามตามนัดอย่างสม่ำเสมอ
- F60.6F10R-2: ผู้ป่วยแสดงความมั่นใจและพอใจในตนเองมากขึ้น
- F60.6F10R-3: พฤติกรรมหลีกเลี่ยงลดลงและผู้ป่วยมีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่นเพิ่มขึ้น
- F60.6F10R-4: ผู้ป่วยใช้ทักษะจัดการความเครียดได้อย่างเหมาะสม
- F60.6F10R-5: ครอบครัวและชุมชนมีส่วนร่วมสนับสนุนผู้ป่วยอย่างต่อเนื่อง
…………………………………………………………
เอกสารอ้างอิง
- สมาคมจิตแพทย์แห่งประเทศไทย. (2561). คู่มือวินิจฉัยและการรักษาภาวะบุคลิกภาพผิดปกติ. กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์สุขภาพใจ.
- อุทุมพร พานิชย์ชัย. (2564). การดูแลผู้ป่วยจิตเวชในโรงพยาบาลทั่วไป. วารสารการพยาบาลศาสตร์, 35(2), 112-120.
- American Psychiatric Association. (2013). Diagnostic and Statistical Manual of Mental Disorders (5th ed.) (DSM-5). Washington, DC: American Psychiatric Publishing.
- Millon, T., & Davis, R. D. (1996). Disorders of Personality: DSM-IV and Beyond (2nd ed.). New York: Wiley.
……………………………………………………………