เกี่ยวกับฉัน

รูปภาพของฉัน
เมือง, พิษณุโลก, Thailand

วันพฤหัสบดีที่ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2568

EP.71 จิตเวชหัวข้อ 31 : โรคการใช้สารระเหย (Inhalant Use Disorder) : F18


Psych. Topic 31 : Inhalant Use Disorder : F18

🧠 โรคการใช้สารระเหย (ICD-10: F18) คืออะไร?

 สารระเหยอยู่ใกล้ตัวเรามากกว่าที่คิด เช่น น้ำยาล้างเล็บ  สีทาบ้าน  กาว  สเปรย์ฉีดผม เมื่อ สูดดมซ้ำๆ อาจทำให้รู้สึก “เคลิ้ม” หรือ “ไฮ” ชั่วคราว แต่… ผลเสียกลับอยู่กับเราไปนาน

 อันตรายที่อาจเกิดขึ้น: วิงเวียน คลื่นไส้ ประสาทหลอน ความจำเสื่อม อารมณ์แปรปรวน ก้าวร้าว เสี่ยงต่อ โรคสมอง หัวใจ และอาจถึงชีวิต

พยาธิสภาพ / พบในช่วงอายุใดบ่อย?

  • 🔍 โรคนี้เกิดจากการสูดดมสารเคมีระเหย เช่น ทินเนอร์ กาว น้ำยาล้างเล็บ
  • 📌 มักพบใน วัยรุ่นอายุ 12–20 ปี เพราะเข้าถึงง่าย ราคาถูก และอยากลอง

ใช้สารแล้วมีอาการ:

  • มึนงง เคลิบเคลิ้ม
  • วิงเวียน อาเจียน
  • พูดช้า เดินเซ
  • ประสาทหลอน อารมณ์แปรปรวน
  • ใช้บ่อย = เสี่ยง "สมองเสื่อม หัวใจล้มเหลว" หรือเสียชีวิตเฉียบพลัน

ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดโรค

  • อยากรู้อยากลอง โดยเฉพาะในวัยรุ่น
  • ขาดความรู้เรื่องอันตราย
  • เข้าถึงง่าย (ของใช้ในบ้านทั่วไป)
  • ปัญหาครอบครัว/ความเครียด
  • ไม่มีใครสังเกตเห็นพฤติกรรม

แนวทางการรักษา

  • หยุดใช้สารทันที (Detox)
  • ให้คำปรึกษาทางจิตใจ (counseling)
  • เข้าร่วมกลุ่มบำบัด หรือบำบัดในสถานพยาบาล
  • ยิ่งรักษาเร็ว โอกาสฟื้นตัวสูง

การพยาบาล

  • ประเมินอาการและพฤติกรรมอย่างสม่ำเสมอ
  • สร้างความไว้วางใจในการพูดคุย
  • ให้ความรู้แก่ผู้ป่วยและครอบครัว
  • ประสานส่งต่อทีมจิตแพทย์หรือนักบำบัดสารเสพติด

วิธีดูแลตัวเอง & คนใกล้ตัว

  • สังเกตพฤติกรรมเปลี่ยนแปลง เช่น ชอบอยู่คนเดียว พกของแปลกๆ มีกลิ่นสารเคมี
  • พูดคุยด้วยความเข้าใจ ไม่กล่าวโทษ
  • หลีกเลี่ยงการเก็บสารระเหยในที่เข้าถึงง่าย
  • หากสงสัย รีบพาไปพบแพทย์หรือขอคำปรึกษา

……………………………………………………

✨“เคลิ้มแค่ชั่วคราว…แต่อันตรายอาจอยู่ตลอดชีวิต”
อย่าปล่อยให้ "แค่อยากลอง" พาเขาหายไปจากชีวิตคุณ 💔
รู้ทัน โรคการใช้สารระเหย ก่อนสายเกินไป!

#InhalantUseDisorder #รู้ทันภัยเงียบ #วัยรุ่นต้องรู้ #สารระเหยอันตราย #เลิกก่อนพัง #รู้ไว้ไม่เสี่ยง #พยาบาลแชร์ความรู้ #Reelsเพื่อสังคม #สุขภาพจิต #วัยรุ่นยุคใหม่ใส่ใจสุขภาพ #MentalHealthAwareness

……………………………………….

🏥 วินิจฉัยการพยาบาลผู้ป่วยโรคการใช้สารระเหย (ICD-10: F18)

  1. F18F1 มีความเสี่ยงต่อภาวะระบบหายใจล้มเหลวหรือหัวใจเต้นผิดจังหวะจากการใช้สารระเหย (Risk for respiratory failure or cardiac arrhythmia related to inhalant use)
  2. F18F2 มีความสับสน มึนงง หรือหมดสติจากฤทธิ์ของสารระเหย (Acute confusion or altered consciousness related to volatile substance intoxication)
  3. F18F3 มีพฤติกรรมเสี่ยงที่อาจเป็นอันตรายต่อตนเองหรือผู้อื่น เช่น อารมณ์รุนแรง ประสาทหลอน (Risk for violence or self-harm related to hallucinatory behavior or emotional instability)
  4. F18F4 มีภาวะซึมเศร้าหรืออารมณ์แปรปรวนร่วมกับการใช้สารระเหย (Depressed mood or mood instability associated with inhalant use)
  5. F18F5 ขาดแรงจูงใจในการหยุดใช้สารระเหยหรือขาดความร่วมมือในการบำบัด (Ineffective coping or lack of motivation for substance cessation)
  6. F18F6 มีการขาดสารอาหารหรือภาวะขาดน้ำเนื่องจากละเลยการกินอาหาร/ดื่มน้ำขณะใช้สาร (Imbalanced nutrition or fluid volume deficit related to neglect of self-care during substance use)
  7. F18F7 มีความเสี่ยงต่อการบาดเจ็บซ้ำซ้อน เช่น หกล้ม ขับรถในขณะมึนเมา (Risk for injury due to impaired judgment or coordination during inhalant use)
  8. F18F8 ขาดความรู้เกี่ยวกับผลกระทบของสารระเหยต่อร่างกายและจิตใจ (Deficient knowledge regarding physical and psychological effects of inhalant use)
  9. F18F9 ขาดการสนับสนุนจากครอบครัวหรือสังคม ส่งผลให้เสี่ยงต่อการกลับไปใช้ซ้ำ (Impaired social support or risk for relapse due to lack of family or community involvement)
  10. F18F10 มีความต้องการการดูแลต่อเนื่องและการส่งต่อไปยังหน่วยบริการฟื้นฟูสมรรถภาพ (Readiness for enhanced community care and referral for rehabilitation services)

................................................................................Bottom of Form

F18F1: มีความเสี่ยงต่อภาวะระบบหายใจล้มเหลวหรือหัวใจเต้นผิดจังหวะจากการใช้สารระเหย (Risk for respiratory failure or cardiac arrhythmia related to inhalant use)

🔎 Assessment (การประเมิน)

S:

  • ผู้ป่วยบ่นแน่นหน้าอก หายใจไม่อิ่ม
  • มีอาการเวียนศีรษะหลังจากสูดดมสารระเหย

O:

  • หายใจเร็ว (Respiratory Rate > 22 ครั้ง/นาที)
  • ชีพจรเต้นเร็วหรือไม่สม่ำเสมอ
  • ระดับออกซิเจนในเลือดต่ำ (SpO₂ < 94%)
  • สีผิวซีดหรือเขียวคล้ำบริเวณริมฝีปาก/ปลายนิ้ว
  • มีเสียงหวีดหรือกรนขณะหายใจ

🎯 Goals (เป้าหมาย)

  • ผู้ป่วยหายใจได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • ไม่มีภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะหรือภาวะหายใจล้มเหลว
  • สัญญาณชีพคงที่ในเกณฑ์ปกติ
  • ระดับออกซิเจนในเลือดอยู่ ≥ 95%

📊 Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)

  • RR: 12–20 ครั้ง/นาที
  • HR: 60–100 ครั้ง/นาที และสม่ำเสมอ
  • SpO₂ ≥ 95% โดยไม่ใช้ออกซิเจนเสริม
  • ผู้ป่วยรู้สึกหายใจสะดวกขึ้นภายใน 24 ชั่วโมง

🏥 Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)

  • F18F1I-1: ประเมินสัญญาณชีพทุก 2–4 ชั่วโมง เพื่อเฝ้าระวังภาวะผิดปกติ
  • F18F1I-2: เฝ้าระวังระดับออกซิเจนในเลือดด้วย pulse oximeter อย่างสม่ำเสมอ
  • F18F1I-3: จัดท่านอนศีรษะสูง (High Fowler’s position) เพื่อลดภาวะหายใจลำบาก
  • F18F1I-4: ให้การดูแลเรื่องการใช้ออกซิเจนเสริมตามแผนการรักษา
  • F18F1I-5: หลีกเลี่ยงสิ่งกระตุ้น เช่น กลิ่นฉุนหรือควัน
  • F18F1I-6: เฝ้าระวังการเต้นของหัวใจด้วยเครื่อง ECG หากมีอาการผิดปกติ
  • F18F1I-7: ประสานแพทย์ทันทีเมื่อพบสัญญาณชีพผิดปกติหรือภาวะฉุกเฉิน
  • F18F1I-8: ให้ความรู้แก่ผู้ป่วยและญาติเรื่องอาการอันตรายที่ต้องแจ้งพยาบาลทันที
  • F18F1I-9: สังเกตพฤติกรรมเสี่ยงต่อการกลับไปใช้สารซ้ำภายในระยะเฝ้าระวัง
  • F18F1I-10: จัดสภาพแวดล้อมให้ปลอดภัยจากสารระเหยและสิ่งล่อใจ

✅ Response (การตอบสนองของผู้ป่วย)

  • F18F1R-1: ผู้ป่วยไม่มีอาการแน่นหน้าอกหรือหอบเหนื่อย
  • F18F1R-2: RR และ HR อยู่ในเกณฑ์ปกติ
  • F18F1R-3: SpO₂ ≥ 95% โดยไม่ต้องใช้ออกซิเจนเสริม
  • F18F1R-4: ผู้ป่วยสามารถบอกอาการเตือนที่ควรแจ้งพยาบาลได้ถูกต้อง
  • F18F1R-5: ไม่มีสัญญาณของหัวใจเต้นผิดจังหวะหรือหายใจล้มเหลวภายใน 48 ชั่วโมง

…………………………………………………………………………………

F18F2: มีความสับสน มึนงง หรือหมดสติจากฤทธิ์ของสารระเหย (Acute confusion or altered consciousness related to volatile substance intoxication)

🔍 Assessment (การประเมิน)

S:

  • ญาติแจ้งว่าผู้ป่วยพูดจาไม่รู้เรื่อง จดจำสิ่งรอบตัวไม่ได้
  • ผู้ป่วยบ่นว่ารู้สึกเบลอ สับสน หรือเวียนหัว

O:

  • ผู้ป่วยตอบสนองช้าหรือไม่สื่อสารได้ตามปกติ
  • ระดับรู้สึกตัวเปลี่ยนแปลง (เช่น ใช้ GCS ต่ำกว่าปกติ)
  • เดินเซ สูญเสียการทรงตัว
  • มีประวัติใช้สารระเหยภายใน 24 ชั่วโมง

🎯 Goals (เป้าหมาย)

  • ผู้ป่วยมีระดับความรู้สึกตัวดีขึ้น
  • ผู้ป่วยสื่อสารได้เข้าใจและตอบสนองต่อสิ่งเร้าได้ถูกต้อง
  • ป้องกันการเกิดอันตรายจากการสับสน เช่น หกล้ม หรือทำร้ายตัวเอง

📊 Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)

  • GCS ≥ 14 ภายใน 24 ชั่วโมง
  • ผู้ป่วยรู้จักตนเอง เวลา สถานที่ (Oriented x3)
  • ไม่มีพฤติกรรมก้าวร้าว สับสน หรือพูดจาเพ้อเจ้อ
  • ไม่มีเหตุการณ์หกล้ม บาดเจ็บ หรือทำร้ายตนเอง

🏥 Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)

  • F18F2I-1: ประเมินระดับความรู้สึกตัวและพฤติกรรมทุก 2–4 ชั่วโมง
  • F18F2I-2: จัดสภาพแวดล้อมให้ปลอดภัย เช่น เก็บของมีคม วางที่กั้นเตียง
  • F18F2I-3: พูดคุยช้าๆ ชัดเจน และให้ข้อมูลซ้ำหากผู้ป่วยสับสน
  • F18F2I-4: ประสานแพทย์เมื่อมีระดับรู้สึกตัวลดลงหรือไม่ตอบสนอง
  • F18F2I-5: เฝ้าระวังอาการข้างเคียงจากสารระเหย เช่น ชักหรือหมดสติ
  • F18F2I-6: เฝ้าระวังพฤติกรรมก้าวร้าวหรือเสี่ยงอันตรายตนเอง/ผู้อื่น
  • F18F2I-7: ให้ผู้ป่วยพักในห้องเงียบ ลดสิ่งกระตุ้นทางเสียงและแสง
  • F18F2I-8: ส่งเสริมให้ญาติเข้ามาอยู่ใกล้เพื่อช่วยให้ผู้ป่วยรู้สึกปลอดภัย
  • F18F2I-9: จัดกิจกรรมเบาๆ กระตุ้นการรับรู้ เช่น สนทนา ฟังเพลงเบาๆ
  • F18F2I-10: บันทึกอาการเปลี่ยนแปลงเพื่อใช้ติดตามและวางแผนดูแลต่อเนื่อง

✅ Response (การตอบสนอง)

  • F18F2R-1: ผู้ป่วยรู้จักตนเอง เวลา สถานที่ ถูกต้อง
  • F18F2R-2: ไม่มีอาการสับสน พูดจาเพ้อเจ้อ หรือแสดงพฤติกรรมผิดปกติ
  • F18F2R-3: ไม่มีเหตุการณ์หกล้มหรือพฤติกรรมเสี่ยงอันตราย
  • F18F2R-4: ผู้ป่วยสามารถร่วมมือในการสื่อสารและการดูแลตนเองได้
  • F18F2R-5: ญาติหรือผู้ดูแลเข้าใจวิธีดูแลผู้ป่วยเมื่อกลับบ้าน

………………………………………………………………………………………….

F18F3 มีพฤติกรรมเสี่ยงที่อาจเป็นอันตรายต่อตนเองหรือผู้อื่น (Risk for violence or self-harm related to hallucinatory behavior or emotional instability)

🔍 Assessment (การประเมิน)

S:

  • ผู้ป่วยบ่นว่า “มีคนจะมาทำร้าย” หรือ “ได้ยินเสียงสั่งให้ทำร้ายคนอื่น”
  • ญาติแจ้งว่าผู้ป่วยมีพฤติกรรมก้าวร้าว ขว้างปาข้าวของ

O:

  • สังเกตว่าผู้ป่วยมีสีหน้าเครียด ดวงตากวาดมองไปมา พูดคนเดียว
  • ผู้ป่วยมีพฤติกรรมรุนแรง เช่น ทุบตีของ หรือแสดงอาการควบคุมอารมณ์ไม่ได้
  • มีประวัติพฤติกรรมก้าวร้าวหรือทำร้ายตนเอง/ผู้อื่นมาก่อน

🎯 Goals (เป้าหมาย)

  • ผู้ป่วยไม่แสดงพฤติกรรมรุนแรง หรือทำร้ายตนเองและผู้อื่น
  • ผู้ป่วยควบคุมอารมณ์ได้ดีขึ้น และมีความปลอดภัย
  • ลดความถี่ของอาการประสาทหลอนหรือพฤติกรรมก้าวร้าว

📊 Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)

  • ไม่มีพฤติกรรมทำร้ายตนเองหรือผู้อื่นตลอดช่วงเฝ้าระวัง
  • ผู้ป่วยสามารถตอบสนองต่อคำแนะนำได้ดี
  • ระดับอารมณ์และพฤติกรรมสงบลงภายใน 24-48 ชั่วโมง
  • ไม่มีเหตุการณ์รุนแรงเกิดขึ้นในช่วงดูแลรักษา

🏥 Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)

  • 18F3I-1: ประเมินพฤติกรรมเสี่ยงทำร้ายตนเอง/ผู้อื่นทุก 2 ชั่วโมง
  • 18F3I-2: จัดสภาพแวดล้อมปลอดภัย เก็บสิ่งของมีคม/อันตรายให้พ้นมือ
  • 18F3I-3: จัดห้องให้ผู้ป่วยอยู่ในบริเวณเฝ้าระวังพิเศษ (เช่น ห้องพิเศษหรือติดเตียงใกล้พยาบาล)
  • 18F3I-4: อยู่กับผู้ป่วยตลอดเมื่อแสดงพฤติกรรมผิดปกติ เพื่อลดการตอบสนองต่อประสาทหลอน
  • 18F3I-5: ใช้เทคนิคพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลแต่มั่นคง เพื่อปลอบใจและควบคุมสถานการณ์
  • 18F3I-6: เฝ้าระวังอาการประสาทหลอน และประสานแพทย์เพื่อประเมินทางจิตเวช
  • 18F3I-7: บันทึกพฤติกรรมทุกครั้งที่มีความรุนแรงหรือพูดถึงการทำร้าย
  • 18F3I-8: ส่งเสริมให้ผู้ป่วยระบายอารมณ์ด้วยวิธีที่ปลอดภัย เช่น วาดภาพ เขียนบันทึก
  • 18F3I-9: ให้ญาติหรือผู้ดูแลใกล้ชิดร่วมดูแลผู้ป่วยอย่างเหมาะสม
  • 18F3I-10: ประเมินความจำเป็นในการให้ยาเพื่อลดอาการรุนแรงตามแผนแพทย์

✅ Response (การตอบสนอง)

  • F18F3R-1: ผู้ป่วยไม่มีพฤติกรรมรุนแรงหรือทำร้ายตนเองตลอดวัน
  • F18F3R-2: อารมณ์ผู้ป่วยสงบขึ้น และสามารถพูดคุยได้อย่างปลอดภัย
  • F18F3R-3: ผู้ป่วยให้ความร่วมมือกับทีมสุขภาพโดยไม่ต่อต้าน
  • F18F3R-4: ญาติสามารถมีส่วนร่วมในการดูแลอย่างเข้าใจ
  • F18F3R-5: ไม่มีเหตุการณ์ฉุกเฉินหรือความรุนแรงซ้ำเกิดขึ้นอีก

……………………………………………………………………..

F18F4 มีภาวะซึมเศร้าหรืออารมณ์แปรปรวนร่วมกับการใช้สารระเหย (Depressed mood or mood instability associated with inhalant use)

Assessment (การประเมิน)

S:

  • ผู้ป่วยบอกว่า “รู้สึกเศร้า เหนื่อยใจ ไม่มีความสุข”
  • รู้สึกโกรธง่ายหรืออารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ
  • บ่นว่าไม่มีแรงใจทำสิ่งต่างๆ

O:

  • สังเกตผู้ป่วยแสดงสีหน้าเศร้าหรือหงุดหงิด
  • มีพฤติกรรมถอนตัวจากสังคมหรือไม่สนใจกิจกรรมที่เคยชอบ
  • น้ำหนักลดลงหรือเพิ่มขึ้นผิดปกติ
  • นอนไม่หลับหรือหลับมากเกินไป
  • มีความคิดหรือพูดถึงการทำร้ายตนเอง

Goals (เป้าหมาย)

  • ผู้ป่วยแสดงอารมณ์มั่นคงขึ้น มีความสุขและสงบ
  • ลดอาการซึมเศร้าหรืออารมณ์แปรปรวนได้ชัดเจน
  • ผู้ป่วยสามารถสื่อสารความรู้สึกและความต้องการได้ดีขึ้น
  • ป้องกันการเกิดพฤติกรรมทำร้ายตนเองหรือคิดฆ่าตัวตาย

Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)

  • ผู้ป่วยแสดงอารมณ์ที่สงบและมีความสุขมากขึ้น
  • ความถี่ของอารมณ์แปรปรวนน้อยลง
  • ไม่มีความคิดหรือพฤติกรรมทำร้ายตนเอง
  • ผู้ป่วยสามารถเข้าร่วมกิจกรรมและสื่อสารได้ดี
  • อาการนอนหลับและรับประทานอาหารดีขึ้น

Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)

  • F18F4I-1: ประเมินอารมณ์และความเสี่ยงซึมเศร้าทุกวัน
  • F18F4I-2: ฟังและสนับสนุนผู้ป่วยให้แสดงออกถึงความรู้สึกอย่างเปิดเผย
  • F18F4I-3: จัดกิจกรรมบำบัดเพื่อส่งเสริมอารมณ์ เช่น ดนตรี วาดภาพ หรือพูดคุยกลุ่ม
  • F18F4I-4: ประสานงานกับจิตแพทย์เพื่อพิจารณาการใช้ยาและการบำบัดทางจิตใจ
  • F18F4I-5: ให้คำแนะนำเรื่องการดูแลตนเอง เช่น การนอนหลับพักผ่อนและโภชนาการ
  • F18F4I-6: เฝ้าระวังอาการคิดฆ่าตัวตายหรือพฤติกรรมเสี่ยง
  • F18F4I-7: สนับสนุนการมีส่วนร่วมของครอบครัวในการดูแลและให้กำลังใจ
  • F18F4I-8: จัดสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยและอบอุ่น เพื่อลดความเครียด

Response (การตอบสนอง)

  • F18F4R-1: ผู้ป่วยแสดงอารมณ์ที่มั่นคงและสงบขึ้น
  • F18F4R-2: ความคิดหรือพฤติกรรมทำร้ายตนเองลดลงหรือไม่มีเลย
  • F18F4R-3: ผู้ป่วยสามารถสื่อสารความรู้สึกและต้องการได้ดีขึ้น
  • F18F4R-4: ผู้ป่วยเข้าร่วมกิจกรรมบำบัดอย่างเต็มใจ
  • F18F4R-5: ครอบครัวและผู้ดูแลมีส่วนร่วมและให้การสนับสนุน

……………………………………………………………………………..

F18F5 ขาดแรงจูงใจในการหยุดใช้สารระเหยหรือขาดความร่วมมือในการบำบัด (Ineffective coping or lack of motivation for substance cessation)

Assessment (การประเมิน)

S:

  • ผู้ป่วยบอกว่า “ไม่อยากเลิก ใช้แล้วรู้สึกดีขึ้น”
  • แสดงท่าทีไม่สนใจคำแนะนำหรือการรักษา
  • รู้สึกท้อแท้หรือสิ้นหวังที่จะเลิกใช้สารระเหย

O:

  • ขาดการมีส่วนร่วมในการบำบัดหรือกิจกรรมบำบัด
  • มีพฤติกรรมปกปิดการใช้สารระเหย
  • แสดงอารมณ์หงุดหงิดหรือปฏิเสธการช่วยเหลือ
  • มีประวัติใช้สารระเหยซ้ำหลายครั้งหลังการรักษา

Goals (เป้าหมาย)

  • ผู้ป่วยแสดงความตั้งใจและแรงจูงใจในการหยุดใช้สารระเหย
  • ผู้ป่วยมีความร่วมมือในการบำบัดและการดูแลรักษา
  • ลดพฤติกรรมการใช้สารระเหยซ้ำ
  • ผู้ป่วยเรียนรู้ทักษะการรับมือกับความเครียดอย่างเหมาะสม

Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)

  • ผู้ป่วยยอมรับและเข้าร่วมการบำบัดอย่างสม่ำเสมอ
  • แสดงท่าทีเชิงบวกต่อการเลิกใช้สารระเหย
  • ลดจำนวนครั้งหรือหยุดใช้สารระเหย
  • ผู้ป่วยสามารถแสดงวิธีรับมือกับความเครียดได้ดีขึ้น
  • มีการสื่อสารและความร่วมมือกับทีมรักษาและครอบครัว

Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)

  • F18F5I-1: ประเมินความรู้และทัศนคติของผู้ป่วยต่อการเลิกใช้สารระเหย
  • F18F5I-2: ให้ข้อมูลข้อดีและผลเสียของการใช้สารระเหยและการเลิกใช้
  • F18F5I-3: สนับสนุนและสร้างความมั่นใจให้ผู้ป่วยเชื่อมั่นในความสามารถของตนเอง
  • F18F5I-4: ส่งเสริมการมีส่วนร่วมของผู้ป่วยในการวางแผนบำบัดและตั้งเป้าหมายเล็กๆ
  • F18F5I-5: ใช้เทคนิคการฟังอย่างตั้งใจและให้กำลังใจผู้ป่วย
  • F18F5I-6: จัดกิจกรรมบำบัดทางเลือก เช่น กิจกรรมกลุ่ม สนับสนุนการเลิกใช้สารระเหย
  • F18F5I-7: ประสานงานกับทีมจิตแพทย์และผู้เชี่ยวชาญเพื่อเสริมแรงจูงใจ
  • F18F5I-8: ส่งเสริมการมีส่วนร่วมของครอบครัวและคนใกล้ชิดในการสนับสนุน

Response (การตอบสนอง)

  • F18F5R-1: ผู้ป่วยแสดงความตั้งใจและแรงจูงใจในการเลิกใช้สารระเหย
  • F18F5R-2: ผู้ป่วยเข้าร่วมการบำบัดอย่างสม่ำเสมอและร่วมมือดี
  • F18F5R-3: จำนวนการใช้สารระเหยลดลงหรือหยุดใช้
  • F18F5R-4: ผู้ป่วยแสดงทักษะรับมือกับความเครียดที่ดีขึ้น
  • F18F5R-5: ครอบครัวและผู้ดูแลให้การสนับสนุนและร่วมมือกับทีมรักษา

………………………………………………………………………………

F18F6 ขาดสารอาหารหรือภาวะขาดน้ำเนื่องจากละเลยการกินอาหาร/ดื่มน้ำขณะใช้สาร (Imbalanced nutrition or fluid volume deficit related to neglect of self-care during substance use)

Assessment (การประเมิน)

S:

  • ผู้ป่วยบ่นรู้สึกเหนื่อย ไม่มีแรง หรือรู้สึกปากแห้ง
  • บอกว่าละเลยการกินอาหารหรือดื่มน้ำช่วงใช้สารระเหย
  • แสดงอาการเวียนหัวหรือหน้ามืด

O:

  • น้ำหนักตัวลดลงเมื่อเทียบกับเดิม
  • ผิวแห้ง ปากแห้ง หรือตาแห้ง
  • ความดันโลหิตต่ำ ชีพจรเบาหรือเร็วผิดปกติ
  • ปัสสาวะน้อยหรือสีเข้ม
  • พบภาวะขาดน้ำและโภชนาการไม่เพียงพอ

Goals (เป้าหมาย)

  • ผู้ป่วยได้รับสารอาหารและน้ำเพียงพอ
  • ป้องกันและแก้ไขภาวะขาดน้ำและภาวะโภชนาการไม่สมดุล
  • ผู้ป่วยสามารถดูแลตนเองด้านอาหารและน้ำได้ดีขึ้น
  • ลดอาการอ่อนเพลียและป้องกันภาวะแทรกซ้อน

Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)

  • ผู้ป่วยกินอาหารและดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 3 มื้อหรือเพียงพอต่อความต้องการ
  • น้ำหนักตัวคงที่หรือเพิ่มขึ้น
  • ผิวหนังและเยื่อเมือกชุ่มชื้น
  • ความดันโลหิตและชีพจรอยู่ในเกณฑ์ปกติ
  • ปัสสาวะปกติไม่ขาดน้ำ

Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)

  • F18F6I-1: ประเมินน้ำหนักตัวและสัญญาณชีพทุกวัน
  • F18F6I-2: กระตุ้นและส่งเสริมให้ผู้ป่วยกินอาหารและดื่มน้ำเพียงพอ
  • F18F6I-3: ให้คำแนะนำเรื่องอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูงและน้ำมากๆ
  • F18F6I-4: ตรวจสอบภาวะขาดน้ำ เช่น ดูสีปัสสาวะและผิวหนัง
  • F18F6I-5: จัดอาหารที่ชอบและเหมาะสมกับสภาพร่างกายผู้ป่วย
  • F18F6I-6: ประสานงานกับนักโภชนาการเพื่อวางแผนอาหารที่เหมาะสม
  • F18F6I-7: เฝ้าระวังอาการแทรกซ้อนจากภาวะขาดน้ำและโภชนาการไม่เพียงพอ
  • F18F6I-8: ส่งเสริมให้ผู้ป่วยมีความรู้เรื่องการดูแลตนเองด้านอาหารและน้ำ

Response (การตอบสนอง)

  • F18F6R-1: ผู้ป่วยกินอาหารและดื่มน้ำได้เพียงพอในแต่ละวัน
  • F18F6R-2: น้ำหนักตัวคงที่หรือเพิ่มขึ้นเล็กน้อย
  • F18F6R-3: ผิวหนังและเยื่อเมือกชุ่มชื้น ไม่มีอาการขาดน้ำ
  • F18F6R-4: สัญญาณชีพอยู่ในเกณฑ์ปกติ
  • F18F6R-5: ผู้ป่วยแสดงพฤติกรรมการดูแลตนเองด้านอาหารและน้ำดีขึ้น

…………………………………………………………………………..

F18F7 มีความเสี่ยงต่อการบาดเจ็บซ้ำซ้อน เช่น หกล้ม ขับรถในขณะมึนเมา (Risk for injury due to impaired judgment or coordination during inhalant use)

Assessment (การประเมิน)

S:

  • ผู้ป่วยบอกว่ามึนงงหรือรู้สึกไม่มั่นคงเวลาเดิน
  • แจ้งว่ามีอารมณ์หรือพฤติกรรมเสี่ยง เช่น ขับรถขณะเมาสารระเหย
  • ผู้ป่วยกังวลเรื่องการบาดเจ็บหรือเคยประสบอุบัติเหตุมาก่อน

O:

  • ท่าทางไม่สมดุล เดินเซ หรือหกล้มบ่อย
  • สัญญาณชีพผิดปกติ เช่น ความดันต่ำ ชีพจรเร็ว
  • มีแผลฟกช้ำหรือรอยช้ำตามร่างกาย
  • ผลการตรวจสมรรถภาพทางกาย เช่น การประเมินการทรงตัวแย่

Goals (เป้าหมาย)

  • ป้องกันการบาดเจ็บและอุบัติเหตุที่เกิดจากการใช้สารระเหย
  • ผู้ป่วยมีความปลอดภัยในการเคลื่อนไหวและกิจกรรมประจำวัน
  • ลดพฤติกรรมเสี่ยงที่อาจนำไปสู่อันตราย
  • ผู้ป่วยตระหนักถึงความเสี่ยงและปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัด

Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)

  • ไม่มีอุบัติเหตุหรือบาดเจ็บใหม่ระหว่างการรักษา
  • ผู้ป่วยสามารถควบคุมพฤติกรรมเสี่ยงได้ดีขึ้น
  • มีความมั่นคงในการเดินและเคลื่อนไหว
  • ผู้ป่วยรายงานความรู้สึกปลอดภัยและความมั่นใจมากขึ้น
  • ปฏิบัติตามคำแนะนำด้านความปลอดภัย

Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)

  • F18F7I-1: ประเมินความสามารถในการทรงตัวและพฤติกรรมเสี่ยงทุกวัน
  • F18F7I-2: ให้คำแนะนำและเตือนเรื่องอันตรายของการขับรถหรือทำกิจกรรมเสี่ยงในขณะมึนเมา
  • F18F7I-3: จัดสิ่งแวดล้อมให้ปลอดภัย ลดสิ่งกีดขวางและจัดแสงสว่างเพียงพอ
  • F18F7I-4: เฝ้าระวังสัญญาณบาดเจ็บและรายงานอุบัติเหตุทันที
  • F18F7I-5: ส่งเสริมให้ผู้ป่วยพักผ่อนและงดกิจกรรมที่เสี่ยงจนกว่าจะฟื้นตัว
  • F18F7I-6: สอนทักษะการจัดการตนเองและการป้องกันอุบัติเหตุ
  • F18F7I-7: ประสานงานกับทีมจิตเวชเพื่อให้คำปรึกษาและบำบัดพฤติกรรมเสี่ยง
  • F18F7I-8: ให้ครอบครัวหรือผู้ดูแลเข้าใจอาการและวิธีช่วยเหลือ

Response (การตอบสนอง)

  • F18F7R-1: ผู้ป่วยไม่มีอุบัติเหตุหรือบาดเจ็บซ้ำซ้อน
  • F18F7R-2: ผู้ป่วยสามารถเดินและเคลื่อนไหวอย่างมั่นคงมากขึ้น
  • F18F7R-3: ผู้ป่วยตระหนักและหลีกเลี่ยงพฤติกรรมเสี่ยงได้ดีขึ้น
  • F18F7R-4: ผู้ป่วยรายงานความรู้สึกปลอดภัยและมั่นใจในกิจกรรมประจำวัน
  • F18F7R-5: ครอบครัวและผู้ดูแลร่วมมือและช่วยดูแลอย่างเหมาะสม

………………………………………………………………………………….

F18F8 ขาดความรู้เกี่ยวกับผลกระทบของสารระเหยต่อร่างกายและจิตใจ (Deficient knowledge regarding physical and psychological effects of inhalant use)

Assessment (การประเมิน)

S:

  • ผู้ป่วยบอกว่าไม่ทราบผลเสียของสารระเหย
  • แสดงความไม่เข้าใจเกี่ยวกับอันตรายที่อาจเกิดขึ้น
  • มีคำถามเกี่ยวกับผลกระทบทางกายและจิตใจ

O:

  • ขาดข้อมูลหรือความรู้ในเอกสารการรักษา
  • ไม่มีท่าทีหรือความตั้งใจที่จะเปลี่ยนพฤติกรรม
  • พบพฤติกรรมใช้สารต่อเนื่องแม้ทราบผลกระทบเบื้องต้น

Goals (เป้าหมาย)

  • ผู้ป่วยมีความรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับผลกระทบของสารระเหยต่อร่างกายและจิตใจ
  • ผู้ป่วยตระหนักถึงความเสี่ยงและผลเสียจากการใช้สารระเหย
  • ผู้ป่วยมีแรงจูงใจที่จะลดหรือเลิกใช้สารระเหย
  • ผู้ป่วยสามารถตอบคำถามและแสดงพฤติกรรมที่ปลอดภัยขึ้น

Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)

  • ผู้ป่วยอธิบายผลกระทบทางกายและจิตใจของสารระเหยได้อย่างถูกต้อง
  • แสดงความเข้าใจและยอมรับข้อมูลที่ได้รับ
  • มีพฤติกรรมลดหรือเลิกใช้สารระเหย
  • แสดงท่าทีสนใจและพร้อมรับคำแนะนำ
  • สามารถตั้งคำถามและแลกเปลี่ยนข้อมูลอย่างเหมาะสม

Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)

  • F18F8I-1: ประเมินความรู้พื้นฐานของผู้ป่วยเกี่ยวกับสารระเหยและผลกระทบ
  • F18F8I-2: ให้ข้อมูลและสื่อการสอนที่เข้าใจง่ายเกี่ยวกับผลกระทบทางร่างกายและจิตใจ
  • F18F8I-3: ใช้วิธีสอนที่เหมาะสม เช่น วีดีโอ ภาพประกอบ หรือบทสนทนา
  • F18F8I-4: กระตุ้นให้ผู้ป่วยตั้งคำถามและแสดงความคิดเห็น
  • F18F8I-5: เน้นย้ำความสำคัญของการเลิกใช้สารระเหยและผลดีของการเลิก
  • F18F8I-6: สนับสนุนผู้ป่วยในการวางแผนและตั้งเป้าหมายในการเลิกใช้สาร
  • F18F8I-7: ประสานงานกับทีมสุขภาพจิตเพื่อเสริมแรงสนับสนุนด้านจิตใจ
  • F18F8I-8: ให้ข้อมูลแก่ครอบครัวเพื่อช่วยสนับสนุนผู้ป่วย

Response (การตอบสนอง)

  • F18F8R-1: ผู้ป่วยสามารถอธิบายผลกระทบของสารระเหยได้ถูกต้อง
  • F18F8R-2: ผู้ป่วยแสดงความเข้าใจและพร้อมเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม
  • F18F8R-3: มีการตั้งคำถามและสนทนาเกี่ยวกับการใช้สารอย่างเหมาะสม
  • F18F8R-4: ผู้ป่วยเริ่มลดการใช้สารระเหยหรือแสดงความตั้งใจเลิกใช้
  • F18F8R-5: ครอบครัวและผู้ดูแลช่วยสนับสนุนและติดตามผลอย่างต่อเนื่อง

……………………………………………………………………..

F18F9 ขาดการสนับสนุนจากครอบครัวหรือสังคม ส่งผลให้เสี่ยงต่อการกลับไปใช้ซ้ำ (Impaired social support or risk for relapse due to lack of family or community involvement)

Assessment (การประเมิน)

S:

  • ผู้ป่วยรู้สึกโดดเดี่ยว ไม่มีใครช่วยเหลือ
  • แจ้งว่าได้รับการสนับสนุนน้อยจากครอบครัวหรือเพื่อน
  • แสดงความกังวลเรื่องการกลับไปใช้สารซ้ำ

O:

  • ไม่มีผู้ดูแลหรือครอบครัวในระหว่างการรักษา
  • ขาดการติดต่อกับกลุ่มสนับสนุนหรือชุมชน
  • พฤติกรรมหลบเลี่ยงการพบปะสังคมหรือกิจกรรมกลุ่ม

Goals (เป้าหมาย)

  • ผู้ป่วยได้รับการสนับสนุนทางสังคมที่เพียงพอ
  • ผู้ป่วยมีเครือข่ายช่วยเหลือ เช่น ครอบครัว เพื่อน หรือกลุ่มบำบัด
  • ลดความเสี่ยงของการกลับไปใช้สารระเหยซ้ำ
  • ผู้ป่วยรู้สึกมั่นคงและได้รับการดูแลในสังคม

Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)

  • ผู้ป่วยรายงานว่ามีคนสนับสนุนและช่วยเหลือ
  • ผู้ป่วยเข้าร่วมกิจกรรมกลุ่มหรือชุมชนสนับสนุน
  • ลดจำนวนครั้งหรือความถี่ในการใช้สารระเหยซ้ำ
  • แสดงความมั่นใจและมีแผนรับมือเมื่อต้องเผชิญสถานการณ์เสี่ยง
  • ครอบครัวและเครือข่ายมีบทบาทในกระบวนการรักษา

Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)

  • F18F9I-1: ประเมินสภาพครอบครัวและเครือข่ายสังคมของผู้ป่วย
  • F18F9I-2: ให้คำแนะนำและสนับสนุนครอบครัวในการมีส่วนร่วมกับผู้ป่วย
  • F18F9I-3: ส่งเสริมการเข้าร่วมกลุ่มบำบัด หรือกลุ่มสนับสนุนผู้ใช้สาร
  • F18F9I-4: ประสานงานกับชุมชนหรือองค์กรช่วยเหลือเพื่อสร้างเครือข่ายสนับสนุน
  • F18F9I-5: สอนผู้ป่วยและครอบครัววิธีการรับมือและป้องกันการกลับไปใช้สารซ้ำ
  • F18F9I-6: ติดตามผลการเข้าร่วมกิจกรรมและประเมินความพึงพอใจของผู้ป่วย
  • F18F9I-7: สนับสนุนให้ผู้ป่วยมีส่วนร่วมในกิจกรรมสังคมที่เสริมสร้างสุขภาพจิต
  • F18F9I-8: ให้คำปรึกษาด้านการปรับความสัมพันธ์ในครอบครัวหากมีความขัดแย้ง

Response (การตอบสนอง)

  • F18F9R-1: ผู้ป่วยรายงานว่ารู้สึกได้รับการสนับสนุนจากครอบครัวและชุมชนมากขึ้น
  • F18F9R-2: ผู้ป่วยเข้าร่วมกิจกรรมกลุ่มสนับสนุนอย่างต่อเนื่อง
  • F18F9R-3: ลดจำนวนการใช้สารระเหยหรือไม่มีการกลับไปใช้ซ้ำ
  • F18F9R-4: ครอบครัวและเครือข่ายมีส่วนร่วมในการดูแลและติดตามผู้ป่วย
  • F18F9R-5: ผู้ป่วยแสดงความมั่นใจในการรับมือกับสถานการณ์เสี่ยง

……………………………………………………………………

F18F10 มีความต้องการการดูแลต่อเนื่องและการส่งต่อไปยังหน่วยบริการฟื้นฟูสมรรถภาพ (Readiness for enhanced community care and referral for rehabilitation services)

Assessment (การประเมิน)

S:

  • ผู้ป่วยแสดงความต้องการได้รับการดูแลเพิ่มเติม
  • รับรู้ความจำเป็นของการฟื้นฟูสมรรถภาพ
  • แสดงความพร้อมหรือมีข้อกังวลเกี่ยวกับการส่งต่อ

O:

  • มีประวัติการรักษาและฟื้นฟูที่ไม่ครบถ้วน
  • ขาดเครือข่ายสนับสนุนที่เพียงพอในชุมชน
  • มีอาการหรือภาวะแทรกซ้อนที่ต้องติดตามระยะยาว

Goals (เป้าหมาย)

  • ผู้ป่วยได้รับการดูแลต่อเนื่องอย่างเหมาะสม
  • ผู้ป่วยได้รับการส่งต่อไปยังหน่วยบริการฟื้นฟูสมรรถภาพที่เหมาะสม
  • ผู้ป่วยมีความรู้และเข้าใจขั้นตอนการฟื้นฟู
  • ลดโอกาสกลับไปใช้สารระเหยซ้ำ

Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)

  • ผู้ป่วยเข้ารับบริการฟื้นฟูสมรรถภาพตามนัดหมาย
  • ผู้ป่วยแสดงความเข้าใจและความร่วมมือในกระบวนการฟื้นฟู
  • การติดตามผลพบการปรับปรุงทางร่างกายและจิตใจ
  • ผู้ป่วยมีเครือข่ายสนับสนุนในชุมชนเพิ่มขึ้น
  • ลดอัตราการกลับไปใช้สารระเหยซ้ำ

Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)

  • F18F10I-1: ประเมินความพร้อมและความต้องการของผู้ป่วยในการดูแลต่อเนื่อง
  • F18F10I-2: ให้ข้อมูลและให้คำปรึกษาเกี่ยวกับขั้นตอนและประโยชน์ของการฟื้นฟูสมรรถภาพ
  • F18F10I-3: ประสานงานกับหน่วยงานฟื้นฟูสมรรถภาพในชุมชนหรือโรงพยาบาล
  • F18F10I-4: สนับสนุนผู้ป่วยเตรียมตัวและปรับตัวก่อนการส่งต่อ
  • F18F10I-5: ติดตามผลการส่งต่อและความต่อเนื่องของการดูแล
  • F18F10I-6: ประเมินและให้กำลังใจผู้ป่วยในการรักษาและฟื้นฟูสมรรถภาพ
  • F18F10I-7: ส่งเสริมการสร้างเครือข่ายสนับสนุนในชุมชน
  • F18F10I-8: ประสานงานกับครอบครัวเพื่อช่วยสนับสนุนผู้ป่วยในกระบวนการฟื้นฟู

Response (การตอบสนอง)

  • F18F10R-1: ผู้ป่วยแสดงความร่วมมือและมีความเข้าใจในกระบวนการฟื้นฟู
  • F18F10R-2: ผู้ป่วยเข้ารับบริการฟื้นฟูสมรรถภาพตามนัดหมายอย่างต่อเนื่อง
  • F18F10R-3: ผู้ป่วยมีอาการทางร่างกายและจิตใจดีขึ้น
  • F18F10R-4: ผู้ป่วยมีเครือข่ายสนับสนุนในชุมชนมากขึ้น
  • F18F10R-5: ลดโอกาสกลับไปใช้สารระเหยซ้ำอย่างมีนัยสำคัญ

………………………………………………………………………..

เอกสารอ้างอิง

  • สมาคมจิตเวชแห่งประเทศไทย. (2562). คู่มือการดูแลผู้ป่วยติดสารเสพติด. กรุงเทพฯ: สมาคมจิตเวชแห่งประเทศไทย.(แหล่งข้อมูลมาตรฐานสำหรับการดูแลผู้ป่วยติดสารเสพติดในประเทศไทย ครอบคลุมทั้งด้านการประเมินและการดูแลอย่างครบถ้วน)
  • สำนักงานคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และยาเสพติด. (2564). แนวทางการดูแลผู้ติดสารระเหย. กรุงเทพฯ: สำนักงานคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และยาเสพติด. (แนวทางการปฏิบัติการพยาบาลและการฟื้นฟูสมรรถภาพสำหรับผู้ใช้สารระเหยในระบบสุขภาพไทย)
  • American Psychiatric Association. (2022). Diagnostic and Statistical Manual of Mental Disorders (5th ed., text rev.). Washington, DC: APA. (DSM-5-TR provides diagnostic criteria and guidance for mental health disorders including substance use disorders such as inhalant use disorder)
  • National Institute on Drug Abuse (NIDA). (2023). Inhalants DrugFacts. Retrieved from  https://www.drugabuse.gov/publications/drugfacts/inhalants (Reliable source providing comprehensive information on inhalant use, health effects, and treatment strategies)

……………………………………………………………………………....