เกี่ยวกับฉัน

รูปภาพของฉัน
เมือง, พิษณุโลก, Thailand

วันพุธที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2568

EP.80 จิตเวชหัวข้อ 40 : โรคบุคลิกภาพไม่แน่นอน (Borderline Personality Disorder) F60.3

 

Psych. Topic 40 : Borderline Personality Disorder : F60.3

🧠 โรคบุคลิกภาพไม่แน่นอน (F60.3)

  • อารมณ์แปรปรวน — รักแรง เกลียดแรง กลัวถูกทิ้ง” โรคทางใจ ที่หลายคนไม่รู้ว่าตัวเองเป็น...แต่ทรมานมาก

1️⃣ ความหมายของโรคนี้

  • โรคบุคลิกภาพไม่แน่นอน (Borderline Personality Disorder: BPD) คือ ภาวะที่มีอารมณ์แปรปรวนรุนแรง กลัวถูกทอดทิ้ง ความสัมพันธ์ขึ้นๆ ลงๆ มักทำร้ายตัวเอง หรือคิดฆ่าตัวตาย

2️⃣ พยาธิสภาพ

  • สมองส่วนที่ควบคุมอารมณ์และความเครียดทำงานผิดปกติ
  • สมองหลั่งสารสื่อประสาท (เซโรโทนิน) ต่ำกว่าปกติ

3️⃣ มักเริ่มเป็นช่วงอายุ?

  • เริ่มแสดงอาการชัดเจนช่วง วัยรุ่น - วัยผู้ใหญ่ตอนต้น (อายุ 18-30 ปี)
  • พบในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย

4️⃣ ปัจจัยเสี่ยง

  • ประสบการณ์วัยเด็กที่เจ็บปวด: ถูกทอดทิ้ง ละเลย ถูกทำร้าย
  • พันธุกรรม: มีคนในครอบครัวป่วย
  • ความไม่มั่นคงทางอารมณ์ในครอบครัว

5️⃣ อาการที่พบบ่อย

  • อารมณ์เหวี่ยงง่าย โมโห เสียใจ รวดเร็ว
  • กลัวถูกทิ้งแบบรุนแรงแม้ไม่มีเหตุผล
  • ความสัมพันธ์เปลี่ยนเร็ว จาก “รักสุดใจ” เป็น “เกลียดสุดขีด”
  • รู้สึกว่างเปล่า ไม่มีค่า
  • ทำร้ายตัวเอง หรือคิดฆ่าตัวตายบ่อยๆ

6️⃣ แนวทางการรักษา

  • 💊 ยาควบคุมอารมณ์ ลดซึมเศร้า ลดความกังวล
  • 🗣️ จิตบำบัด (DBT) เพื่อฝึกจัดการอารมณ์และความคิด
  • 🏥 พบแพทย์สม่ำเสมอ ป้องกันอาการรุนแรง

7️⃣ การพยาบาล

  • 👂 รับฟังด้วยใจ ไม่ตัดสิน
  • 🧘‍♀️ สอนเทคนิคผ่อนคลาย ลดอารมณ์รุนแรง
  • 🩺 ประเมินความเสี่ยงต่อการทำร้ายตัวเอง
  • 📌 ดูแลความปลอดภัยในทุกสถานการณ์

8️⃣ การดูแลสำหรับคนรอบข้าง

  • ❤️ อย่าด่าว่า — ฟังด้วยใจ
  • 🚫 อย่าทำให้รู้สึกถูกทอดทิ้ง
  • 🌟 พูดให้กำลังใจ เตือนให้ไปพบแพทย์
  • 🏡 สร้างความมั่นคงทางใจให้เขารู้ว่า “คุณไม่หายไปไหน”

……………………………………………………

วินิจฉัยการพยาบาลผู้ป่วยโรคบุคลิกภาพไม่แน่นอน (F60.3)

  1. F60.3F1 เสี่ยงต่อการทำร้ายตนเองหรือฆ่าตัวตาย (Risk for Self-harm or Suicide)
  2. F60.3F2 มีพฤติกรรมทำร้ายร่างกายตนเองซ้ำๆ (Self-injury Behavior)
  3. F60.3F3 ควบคุมอารมณ์โกรธไม่ได้ เสี่ยงต่อความรุนแรงต่อผู้อื่นและตนเอง (Risk for Violence Related to Uncontrolled Anger)
  4. F60.3F4 มีภาวะซึมเศร้า วิตกกังวลอย่างรุนแรงร่วมด้วย (Depressed Mood with Severe Anxiety)
  5. F60.3F5 แบบแผนการเผชิญปัญหาไม่เหมาะสม ควบคุมอารมณ์ไม่ได้ (Ineffective Coping Related to Emotional Dysregulation)
  6. F60.3F6มีรูปแบบความสัมพันธ์กับผู้อื่นแบบไม่มั่นคง สลับระหว่างรักและเกลียดอย่างรวดเร็ว (Disturbed Personal Relationships Pattern)
  7. F60.3F7 รู้สึกว่าตนเองไร้ค่า ไม่มีความหมายในชีวิต (Chronic Low Self-esteem)
  8. F60.3F8 ขาดทักษะในการจัดการความเครียดและการควบคุมอารมณ์ (Deficient Emotional Regulation Skills)
  9. F60.3F9 ขาดความรู้เกี่ยวกับโรค การรักษา และการดูแลตนเองอย่างต่อเนื่อง (Deficient Knowledge Regarding Illness, Treatment, and Self-care)
  10. F60.3F10 เสี่ยงต่อการขาดความต่อเนื่องในการรักษาหลังจำหน่าย (Risk for Non-adherence to Treatment After Discharge)

………………………….

F60.3F1 เสี่ยงต่อการทำร้ายตนเองหรือฆ่าตัวตาย (Risk for Self-harm or Suicide)

🔍 Assessment (การประเมิน)

S:

  • ผู้ป่วยพูดว่า “อยากตาย”, “ไม่มีใครรัก”, “ไม่อยากอยู่แล้ว”
  • แสดงความกลัวว่าจะถูกทอดทิ้ง ถูกปฏิเสธ

O:

  • สีหน้าเศร้า ซึม ร้องไห้บ่อย
  • มีรอยบาดแผลจากการกรีดแขนหรือทำร้ายตัวเอง
  • เก็บตัว ไม่พูด ไม่ร่วมกิจกรรม
  • พูดถึงแผนการทำร้ายตนเองหรือฆ่าตัวตาย
  • พฤติกรรมกระวนกระวาย เครียด วิตกกังวล

🎯 Goals (เป้าหมาย)

  • ผู้ป่วยปลอดภัย ไม่ทำร้ายตนเองหรือฆ่าตัวตาย
  • สามารถบอกความรู้สึกและปัญหาอย่างสร้างสรรค์
  • เรียนรู้วิธีจัดการอารมณ์และลดความคิดทำร้ายตนเอง

✅ Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)

  • ผู้ป่วยไม่มีพฤติกรรมทำร้ายตนเองตลอดระยะเวลาการดูแล
  • บอกความรู้สึกและความต้องการได้อย่างเหมาะสม
  • มีแผนจัดการอารมณ์และขอความช่วยเหลือเมื่อเกิดความเครียด

🩺 Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)

  • F60.3F1I-1: ประเมินความเสี่ยงต่อการทำร้ายตนเองทุกวันและเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงอารมณ์
  • F60.3F1I-2: จัดสภาพแวดล้อมให้ปลอดภัย เก็บของมีคมหรือสิ่งที่อาจใช้ทำร้ายตนเอง
  • F60.3F1I-3: ดูแลใกล้ชิดในช่วงที่มีความเสี่ยงสูง ไม่ปล่อยให้อยู่ลำพัง
  • F60.3F1I-4: สนับสนุนให้ระบายความรู้สึกโดยไม่มีการตัดสิน เช่น การพูดคุย เขียน ระบายสี
  • F60.3F1I-5: สอนเทคนิคการผ่อนคลาย เช่น หายใจช้าๆ การนั่งสมาธิ การนวดตนเอง
  • F60.3F1I-6: ให้ความรู้เกี่ยวกับโรค ความคิดทำร้ายตนเองเป็นเพียงอารมณ์ชั่วคราว ไม่ถาวร
  • F60.3F1I-7: กระตุ้นให้ผู้ป่วยระบุบุคคลที่ไว้ใจ เช่น ครอบครัว เพื่อน หรือเจ้าหน้าที่ เพื่อขอความช่วยเหลือ
  • F60.3F1I-8: ประสานทีมสหสาขาวิชาชีพ เช่น จิตแพทย์ นักจิตวิทยา เพื่อดูแลต่อเนื่อง
  • F60.3F1I-9: วางแผนดูแลต่อเนื่องหลังจำหน่าย เช่น นัดพบแพทย์ นัดบำบัด
  • F60.3F1I-10: ให้ข้อมูลเบอร์โทรฉุกเฉิน เช่น สายด่วนสุขภาพจิต 1323

💚 Response (การตอบสนอง)

  • F60.3F1R-1: ผู้ป่วยไม่มีพฤติกรรมทำร้ายตนเองระหว่างอยู่ในความดูแล
  • F60.3F1R-2: ผู้ป่วยสามารถบอกอารมณ์ ความรู้สึก และขอความช่วยเหลือได้
  • F60.3F1R-3: ผู้ป่วยใช้วิธีผ่อนคลายและจัดการความเครียดแทนการทำร้ายตัวเอง
  • F60.3F1R-4: ผู้ป่วยมีแผนดูแลตัวเองหลังจำหน่ายและรับรู้ถึงแหล่งช่วยเหลือ

…………………………………….

F60.3F2 มีพฤติกรรมทำร้ายร่างกายตนเองซ้ำๆ (Self-injury Behavior)

🔍 Assessment (การประเมิน)

S:

  • ผู้ป่วยพูดว่า “การกรีดแขนทำให้รู้สึกดีขึ้น”
  • รู้สึกเจ็บตัว ดีกว่าเจ็บในใจ”
  • บ่นว่าควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้

O:

  • มีรอยแผลที่แขน ขา หรือส่วนอื่นของร่างกาย
  • พบเครื่องมือที่ใช้ทำร้ายตัวเอง เช่น มีด ใบมีด กรรไกร
  • สีหน้าเศร้า ซึม เครียด กระวนกระวาย
  • มีพฤติกรรมเก็บตัว หรือแยกตัวจากกลุ่ม

🎯 Goals (เป้าหมาย)

  • ผู้ป่วยลดหรือหยุดพฤติกรรมทำร้ายร่างกายตนเอง
  • แสดงออกทางอารมณ์ด้วยวิธีที่ปลอดภัยและเหมาะสม
  • มีทักษะจัดการอารมณ์โดยไม่ต้องทำร้ายตนเอง

✅ Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)

  • ไม่มีพฤติกรรมทำร้ายร่างกายตนเองระหว่างการรักษา
  • ผู้ป่วยบอกได้ถึงอารมณ์ที่กระตุ้นให้ทำร้ายตัวเอง
  • เลือกใช้วิธีระบายอารมณ์เชิงบวกแทนพฤติกรรมทำร้ายตนเอง

🩺 Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)

  • F60.3F2I-1: ประเมินสภาพร่างกาย รอยแผล หรืออาการบาดเจ็บทุกวัน
  • F60.3F2I-2: จัดสภาพแวดล้อมให้ปลอดภัย เก็บของมีคม หรือสิ่งที่เสี่ยงต่อการทำร้ายตนเอง
  • F60.3F2I-3: สังเกตพฤติกรรมและอารมณ์ที่นำไปสู่การทำร้ายตนเอง
  • F60.3F2I-4: อยู่ใกล้ชิดในช่วงที่อารมณ์แปรปรวนหรือเสี่ยงสูง
  • F60.3F2I-5: สอนทักษะจัดการอารมณ์ เช่น หายใจลึก การใช้ลูกบอลบีบมือ การวาดรูป หรือเขียนไดอารี่
  • F60.3F2I-6: ส่งเสริมให้ระบุความรู้สึกและอธิบายความต้องการอย่างเปิดเผย
  • F60.3F2I-7: กระตุ้นให้สร้างความสัมพันธ์กับคนที่ไว้ใจ เช่น ครอบครัว เพื่อน หรือเจ้าหน้าที่
  • F60.3F2I-8: ให้คำแนะนำในการเข้าร่วมกลุ่มสนับสนุน หรือกลุ่มบำบัดพฤติกรรม
  • F60.3F2I-9: วางแผนต่อเนื่องหลังจำหน่าย เช่น นัดพบจิตแพทย์ นักจิตวิทยา
  • F60.3F2I-10: ให้ข้อมูลช่องทางช่วยเหลือ เช่น สายด่วนสุขภาพจิต 1323

💚 Response (การตอบสนอง)

  • F60.3F2R-1: ผู้ป่วยไม่มีพฤติกรรมทำร้ายตนเองระหว่างอยู่ในการดูแล
  • F60.3F2R-2: ผู้ป่วยสามารถอธิบายอารมณ์ ความเครียด หรือปัจจัยที่กระตุ้นพฤติกรรมได้
  • F60.3F2R-3: ผู้ป่วยใช้วิธีจัดการอารมณ์อย่างปลอดภัย เช่น การระบายอารมณ์ผ่านกิจกรรมสร้างสรรค์
  • F60.3F2R-4: ผู้ป่วยระบุบุคคลหรือแหล่งช่วยเหลือที่สามารถติดต่อได้เมื่อรู้สึกเครียด
  • F60.3F2R-5: ผู้ป่วยร่วมมือในการวางแผนดูแลต่อเนื่องหลังจำหน่าย

…………………………………………

F60.3F3 — ควบคุมอารมณ์โกรธไม่ได้ เสี่ยงต่อความรุนแรงต่อผู้อื่นและตนเอง (Risk for Violence Related to Uncontrolled Anger)

🔍 Assessment (การประเมิน)

S:

  • ผู้ป่วยพูดว่า “โกรธง่ายมาก ควบคุมตัวเองไม่ได้”
  • อยากทำร้ายคนอื่น” หรือ “รู้สึกโมโหจนทนไม่ไหว”
  • บ่นว่าถูกกระตุ้นง่ายจากคำพูดหรือพฤติกรรมของผู้อื่น

O:

  • สีหน้าโกรธ เสียงดัง ตะโกน ดุด่า
  • ทุบตี ขว้างปาสิ่งของ หรือทำร้ายสิ่งแวดล้อม
  • กระวนกระวาย เดินไปมา กำมือแน่น
  • มีประวัติทำร้ายตนเองหรือผู้อื่นเมื่ออารมณ์รุนแรง

🎯 Goals (เป้าหมาย)

  • ผู้ป่วยไม่แสดงพฤติกรรมรุนแรงต่อผู้อื่นและตนเอง
  • ผู้ป่วยสามารถรับรู้อารมณ์โกรธและใช้วิธีจัดการอย่างเหมาะสม
  • ลดความถี่และความรุนแรงของการระเบิดอารมณ์

✅ Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)

  • ผู้ป่วยไม่มีพฤติกรรมรุนแรงตลอดระยะเวลาการดูแล
  • ผู้ป่วยแสดงออกอารมณ์โกรธด้วยวิธีที่ปลอดภัย
  • ใช้ทักษะผ่อนคลายเมื่อตนเองเริ่มรู้สึกโกรธหรือถูกกระตุ้น
  • มีแผนจัดการอารมณ์ที่ผู้ป่วยยอมรับและใช้ได้จริง

🩺 Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)

  • F60.3F3I-1: ประเมินสัญญาณเตือนก่อนเกิดความรุนแรง เช่น เสียงดัง กำมือ เดินเร็ว
  • F60.3F3I-2: จัดสภาพแวดล้อมให้ปลอดภัย เก็บของแข็ง ของมีคม หรือสิ่งที่อาจใช้ทำร้าย
  • F60.3F3I-3: ให้แยกผู้ป่วยออกจากสิ่งเร้าหรือสถานการณ์ที่กระตุ้นความโกรธ
  • F60.3F3I-4: อยู่ดูแลใกล้ชิด หลีกเลี่ยงการโต้เถียงหรือใช้น้ำเสียงข่ม
  • F60.3F3I-5: สอนเทคนิคผ่อนคลาย เช่น หายใจลึกๆ การนับเลขถอยหลัง การกำมือและคลายมือ
  • F60.3F3I-6: ชวนผู้ป่วยพูดถึงอารมณ์ของตนเองและเหตุการณ์ที่ทำให้โกรธ
  • F60.3F3I-7: เสริมแรงเชิงบวกทุกครั้งที่ผู้ป่วยควบคุมอารมณ์ได้
  • F60.3F3I-8: สอนผู้ป่วยเลือกวิธีจัดการความโกรธ เช่น เขียน ระบายสี เดินช้าๆ ฟังเพลง
  • F60.3F3I-9: ประสานนักจิตวิทยา หรือกลุ่มบำบัดควบคุมอารมณ์ (Anger Management Group)
  • F60.3F3I-10: วางแผนติดตามและให้ข้อมูลช่องทางช่วยเหลือ เช่น เบอร์สายด่วนสุขภาพจิต 1323

💚 Response (การตอบสนอง)

  • F60.3F3R-1: ผู้ป่วยไม่มีพฤติกรรมรุนแรงต่อผู้อื่นและตนเองระหว่างการดูแล
  • F60.3F3R-2: ผู้ป่วยสามารถระบุสัญญาณเตือนเมื่อเริ่มรู้สึกโกรธได้
  • F60.3F3R-3: ผู้ป่วยเลือกใช้วิธีผ่อนคลาย เช่น หายใจลึก หรือเดินออกจากสถานการณ์แทนการระเบิดอารมณ์
  • F60.3F3R-4: ความถี่และความรุนแรงของอารมณ์โกรธลดลงอย่างชัดเจน
  • F60.3F3R-5: ผู้ป่วยร่วมมือกับแผนการดูแลต่อเนื่องหลังจำหน่าย

…………………………………………………

F60.3F4 — มีภาวะซึมเศร้า วิตกกังวลอย่างรุนแรงร่วมด้วย (Depressed Mood with Severe Anxiety)

🔍 Assessment (การประเมิน)

S:

  • ผู้ป่วยพูดว่า “เครียดมาก… เหนื่อย ไม่อยากมีชีวิต”
  • รู้สึกไร้ค่า ไม่มีความหวัง”
  • บ่นว่าคิดมาก วิตกกังวลกับทุกเรื่อง

O:

  • สีหน้าเศร้า ซึม น้ำตาคลอ ร้องไห้บ่อย
  • พูดช้า ตอบช้า หรือเงียบ ไม่พูด
  • กระสับกระส่าย นั่งไม่ติด วิตกกังวลตลอดเวลา
  • นอนหลับยาก เบื่ออาหาร หรือรับประทานมากผิดปกติ
  • ร่างกายอ่อนเพลีย ไม่มีแรง

🎯 Goals (เป้าหมาย)

  • ลดระดับความวิตกกังวลและอาการซึมเศร้า
  • ผู้ป่วยสามารถจัดการความคิดและอารมณ์ได้ดีขึ้น
  • กลับมามีกิจวัตรปกติ เช่น รับประทานอาหาร นอนหลับ และทำกิจกรรม

✅ Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)

  • ผู้ป่วยรายงานว่าระดับความวิตกกังวลและซึมเศร้าลดลง
  • มีส่วนร่วมในกิจกรรมหรือพูดคุยกับผู้อื่น
  • พฤติกรรมการนอนหลับและรับประทานอาหารดีขึ้น
  • ผู้ป่วยสามารถบอกวิธีจัดการความเครียดได้

🩺 Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)

  • F60.3F4I-1: ประเมินระดับความวิตกกังวลและภาวะซึมเศร้าอย่างสม่ำเสมอ (เช้า-เย็น หรือเมื่อมีอาการเปลี่ยนแปลง)
  • F60.3F4I-2: ดูแลสภาพแวดล้อมให้เงียบ สงบ ลดสิ่งเร้า ลดความตึงเครียด
  • F60.3F4I-3: รับฟังอย่างตั้งใจโดยไม่ตัดสิน เปิดโอกาสให้ระบายความรู้สึก
  • F60.3F4I-4: สอนเทคนิคการผ่อนคลาย เช่น หายใจช้าๆ การนับเลข การวาดภาพ การฟังเพลงผ่อนคลาย
  • F60.3F4I-5: ส่งเสริมให้ร่วมทำกิจกรรมเบาๆ เช่น เดินเล่น จัดดอกไม้ วาดรูป
  • F60.3F4I-6: ช่วยจัดกิจวัตรประจำวันที่เหมาะสม เช่น เวลาตื่น เวลานอน และเวลารับประทานอาหาร
  • F60.3F4I-7: สนับสนุนให้สื่อสารกับครอบครัว หรือผู้ที่ไว้ใจ เพื่อแบ่งปันความรู้สึก
  • F60.3F4I-8: ประสานนักจิตวิทยา หรือกลุ่มสนับสนุนในการให้คำปรึกษาเพิ่มเติม
  • F60.3F4I-9: ติดตามอาการอย่างต่อเนื่อง และประเมินความเสี่ยงซ้ำ
  • F60.3F4I-10: ให้ข้อมูลเกี่ยวกับช่องทางช่วยเหลือ เช่น สายด่วนสุขภาพจิต 1323

💚 Response (การตอบสนอง)

  • F60.3F4R-1: ผู้ป่วยรายงานว่าความวิตกกังวลและอาการซึมเศร้าลดลง
  • F60.3F4R-2: ผู้ป่วยสามารถใช้เทคนิคผ่อนคลายเมื่อรู้สึกเครียดหรือเศร้า
  • F60.3F4R-3: มีพฤติกรรมทางสังคมเพิ่มขึ้น เช่น พูดคุย เข้าร่วมกิจกรรม
  • F60.3F4R-4: การนอนหลับและการรับประทานอาหารกลับสู่ภาวะปกติ
  • F60.3F4R-5: ผู้ป่วยมีแผนดูแลตนเองและพร้อมติดตามการรักษาต่อเนื่องหลังจำหน่าย

………………………………………………

F60.3F5 — แบบแผนการเผชิญปัญหาไม่เหมาะสม ควบคุมอารมณ์ไม่ได้ (Ineffective Coping Related to Emotional Dysregulation)

🔍 Assessment (การประเมิน)

S:

  • ผู้ป่วยพูดว่า “เวลามีปัญหาไม่รู้จะทำยังไง นอกจากร้องไห้หรือทำร้ายตัวเอง”
  • หนีปัญหา ไม่อยากเผชิญหน้า”
  • บ่นว่าควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้ รู้สึกหงุดหงิด โกรธง่าย

O:

  • แสดงพฤติกรรมหนีปัญหา เช่น เก็บตัว แยกตัว
  • มีพฤติกรรมระบายอารมณ์ที่ไม่เหมาะสม เช่น กรีดแขน ตะโกน ทุบตีสิ่งของ
  • กระวนกระวาย เครียด วิตกกังวล
  • ปฏิเสธการมีส่วนร่วมกับกิจกรรมหรือปฏิเสธการช่วยเหลือ

🎯 Goals (เป้าหมาย)

  • ผู้ป่วยเรียนรู้วิธีจัดการอารมณ์และปัญหาอย่างเหมาะสม
  • ลดการใช้วิธีเผชิญปัญหาที่ไม่เหมาะสม เช่น การทำร้ายตัวเองหรือหลีกเลี่ยง
  • ผู้ป่วยสามารถรับมือกับความเครียดหรือความขัดแย้งได้ดีขึ้น

✅ Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)

  • ผู้ป่วยลดหรือเลิกพฤติกรรมจัดการปัญหาที่ไม่เหมาะสม
  • สามารถระบุปัญหาและเลือกวิธีแก้ไขอย่างเหมาะสม
  • แสดงออกทางอารมณ์ในเชิงบวกมากขึ้น
  • เข้าร่วมกิจกรรมหรือยอมรับความช่วยเหลือจากผู้อื่น

🩺 Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)

  • F60.3F5I-1: ประเมินพฤติกรรมการเผชิญปัญหาในอดีตและปัจจุบันอย่างละเอียด
  • F60.3F5I-2: เฝ้าระวังสัญญาณความเครียดสูงและพฤติกรรมระบายอารมณ์ที่ไม่เหมาะสม
  • F60.3F5I-3: สอนเทคนิคจัดการอารมณ์ เช่น หายใจลึก นับเลข ถอยห่างจากสถานการณ์
  • F60.3F5I-4: ช่วยให้ผู้ป่วยระบุความรู้สึก เช่น รู้ว่า “กำลังโกรธ”, “กำลังเศร้า” เพื่อจัดการได้ทัน
  • F60.3F5I-5: ช่วยสร้างกิจวัตรประจำวันที่ช่วยลดความเครียด เช่น เดินเล่น ฟังเพลง วาดรูป
  • F60.3F5I-6: ฝึกให้ลองใช้วิธีแก้ปัญหาอย่างค่อยเป็นค่อยไป เช่น ตั้งเป้าหมายเล็กๆ ก่อน
  • F60.3F5I-7: กระตุ้นให้พูดคุยกับคนที่ไว้ใจ เช่น ครอบครัว หรือเจ้าหน้าที่
  • F60.3F5I-8: เชื่อมโยงเข้ากลุ่มบำบัดพฤติกรรมหรือกลุ่มสนับสนุน (DBT Group, Anger Management)
  • F60.3F5I-9: วางแผนติดตามประเมินพฤติกรรมการเผชิญปัญหาอย่างสม่ำเสมอ
  • F60.3F5I-10: ให้ข้อมูลแหล่งช่วยเหลือและสายด่วนสุขภาพจิต 1323 สำหรับขอคำปรึกษาเมื่อมีความเครียด

💚 Response (การตอบสนอง)

  • F60.3F5R-1: ผู้ป่วยลดหรือเลิกใช้พฤติกรรมเผชิญปัญหาที่ไม่เหมาะสม
  • F60.3F5R-2: ผู้ป่วยสามารถบอกความรู้สึกของตัวเองและระบุปัญหาที่เผชิญได้
  • F60.3F5R-3: ผู้ป่วยเลือกใช้ทักษะการผ่อนคลายหรือแก้ปัญหาที่เหมาะสมแทน
  • F60.3F5R-4: ผู้ป่วยมีความมั่นใจและพร้อมรับมือกับสถานการณ์ตึงเครียดในอนาคต
  • F60.3F5R-5: ผู้ป่วยร่วมมือกับแผนดูแลต่อเนื่อง และเข้าร่วมกิจกรรมช่วยเหลือทางสังคม

……………………………………………………

F60.3F6 — มีรูปแบบความสัมพันธ์กับผู้อื่นแบบไม่มั่นคง สลับระหว่างรักและเกลียดอย่างรวดเร็ว (Disturbed Personal Relationships Pattern)

🔍 Assessment (การประเมิน)

S:

  • ผู้ป่วยพูดว่า “บางทีก็รักมาก แต่บางทีก็เกลียดมาก”
  • กลัวถูกทอดทิ้ง แต่ก็โกรธเวลารู้สึกไม่สำคัญ”
  • บ่นว่าความสัมพันธ์กับคนรอบข้างทำให้เครียด

O:

  • มีพฤติกรรมเปลี่ยนแปลงความรู้สึกต่อบุคคลเดียวกันรวดเร็ว เช่น จากสนิทเป็นเกลียด
  • โต้เถียง ตำหนิ หรือโกรธคนใกล้ชิดบ่อยครั้ง
  • แสดงความยึดติดหรือเรียกร้องความสนใจเกินปกติ
  • เก็บตัว แยกตัว เมื่อรู้สึกผิดหวังในความสัมพันธ์

🎯 Goals (เป้าหมาย)

  • ผู้ป่วยตระหนักถึงรูปแบบความสัมพันธ์ที่ไม่มั่นคงของตนเอง
  • พัฒนาความสามารถในการสร้างและรักษาความสัมพันธ์ที่มั่นคง
  • ลดพฤติกรรมเปลี่ยนแปลงอารมณ์ต่อคนรอบข้างอย่างรวดเร็ว

✅ Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)

  • ผู้ป่วยสามารถสื่อสารความต้องการและความรู้สึกอย่างเหมาะสม
  • ความถี่ของพฤติกรรมรัก-เกลียดลดลงอย่างชัดเจน
  • ผู้ป่วยแสดงความสัมพันธ์กับคนรอบข้างด้วยความเข้าใจและมั่นคงมากขึ้น
  • ผู้ป่วยสามารถจัดการความกลัวการถูกทอดทิ้งได้ดีขึ้น

🩺 Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)

  • F60.3F6I-1: ประเมินรูปแบบความสัมพันธ์ในอดีตและปัจจุบันของผู้ป่วยอย่างละเอียด
  • F60.3F6I-2: สังเกตสัญญาณความโกรธ การตำหนิ หรือพฤติกรรมเรียกร้องที่รุนแรง
  • F60.3F6I-3: ฝึกให้ผู้ป่วยระบุความรู้สึก เช่น “รู้สึกโดดเดี่ยว” แทนการแสดงออกด้วยความโกรธ
  • F60.3F6I-4: สอนทักษะการสื่อสารเชิงสร้างสรรค์ เช่น ใช้ “ฉันรู้สึก...” แทน “คุณทำให้...”
  • F60.3F6I-5: อธิบายเรื่องวงจรความรัก-ความเกลียดใน BPD เพื่อให้ผู้ป่วยตระหนักและเข้าใจ
  • F60.3F6I-6: สนับสนุนให้มองความสัมพันธ์ในมุมกลาง ไม่ใช่สุดโต่งแค่ดีหรือแย่
  • F60.3F6I-7: กระตุ้นให้สร้างความสัมพันธ์กับบุคคลที่ไว้ใจ เช่น ครอบครัว เพื่อน หรือเจ้าหน้าที่
  • F60.3F6I-8: ประสานให้เข้าร่วมกลุ่มบำบัดด้านความสัมพันธ์ (Interpersonal Skills Group)
  • F60.3F6I-9: ประเมินความคืบหน้าในการปรับรูปแบบความสัมพันธ์อย่างสม่ำเสมอ
  • F60.3F6I-10: ให้ข้อมูลแหล่งช่วยเหลือ เช่น นักจิตวิทยา กลุ่มสนับสนุน หรือสายด่วนสุขภาพจิต 1323

💚 Response (การตอบสนอง)

  • F60.3F6R-1: ผู้ป่วยลดพฤติกรรมเปลี่ยนแปลงอารมณ์ต่อคนรอบข้างอย่างรวดเร็ว
  • F60.3F6R-2: ผู้ป่วยสามารถสื่อสารความรู้สึกและความต้องการได้อย่างเหมาะสม
  • F60.3F6R-3: ผู้ป่วยมีความสัมพันธ์ที่มั่นคงและปลอดภัยมากขึ้น
  • F60.3F6R-4: ผู้ป่วยเข้าใจวงจรความสัมพันธ์ใน BPD และสามารถจัดการได้
  • F60.3F6R-5: ผู้ป่วยร่วมมือในแผนดูแลต่อเนื่องและพัฒนาเครือข่ายสนับสนุนทางสังคม

…………………………………………………….

F60.3F7 — รู้สึกว่าตนเองไร้ค่า ไม่มีความหมายในชีวิต (Chronic Low Self-esteem)

🔍 Assessment (การประเมิน)

S:

  • ผู้ป่วยพูดว่า “ฉันไม่มีค่าเลย”
  • ไม่มีใครต้องการฉัน” หรือ “ชีวิตฉันไม่มีความหมาย”
  • บ่นว่ารู้สึกผิด เสียใจ ผิดหวังในตัวเองตลอดเวลา

O:

  • สีหน้าเศร้า ร้องไห้ ซึม ไม่มองตา
  • พูดตำหนิตัวเองซ้ำๆ หรือปฏิเสธคำชม
  • ปลีกตัว แยกตัว ไม่อยากร่วมกิจกรรม
  • แสดงพฤติกรรมทำร้ายตนเองหรือพูดถึงการทำร้ายตัวเอง

🎯 Goals (เป้าหมาย)

  • ผู้ป่วยตระหนักถึงคุณค่าในตัวเองมากขึ้น
  • ลดความคิดด้านลบต่อตนเอง
  • พัฒนาความมั่นใจและเห็นคุณค่าในความสามารถของตน

✅ Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)

  • ผู้ป่วยลดการพูดตำหนิตัวเองหรือคิดว่าตัวเองไร้ค่า
  • แสดงออกถึงความภูมิใจในตนเอง หรือยอมรับข้อดีของตน
  • มีส่วนร่วมในกิจกรรม และเปิดรับคำชมเชย
  • มีทัศนคติเชิงบวกต่อตนเองและอนาคตมากขึ้น

🩺 Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)

  • F60.3F7I-1: ประเมินความถี่และความรุนแรงของความคิดว่าตนเองไร้ค่า
  • F60.3F7I-2: เฝ้าระวังความคิดทำร้ายตัวเองหรือความคิดฆ่าตัวตายร่วมด้วย
  • F60.3F7I-3: เน้นการรับฟังและสะท้อนคุณค่าที่ผู้ป่วยอาจมองไม่เห็นในตนเอง
  • F60.3F7I-4: ให้ข้อเสนอแนะเชิงบวกเมื่อผู้ป่วยทำสิ่งที่ดีหรือประสบความสำเร็จเล็กๆ
  • F60.3F7I-5: ฝึกผู้ป่วยเขียน “ข้อดีของตัวเอง” หรือ “สิ่งที่ทำได้ดีในแต่ละวัน”
  • F60.3F7I-6: สอนเทคนิคเปลี่ยนความคิดลบเป็นความคิดสร้างสรรค์ เช่น การตั้งคำถามกับความคิดลบ
  • F60.3F7I-7: สนับสนุนให้มีปฏิสัมพันธ์กับบุคคลที่ไว้ใจ หรือเข้ากลุ่มสนับสนุน
  • F60.3F7I-8: เชื่อมโยงกับนักจิตวิทยา กลุ่ม CBT หรือ DBT เพื่อเสริมสร้างความเชื่อมั่น
  • F60.3F7I-9: ประเมินและติดตามความเปลี่ยนแปลงด้านความคิดและความรู้สึกต่อเนื่อง
  • F60.3F7I-10: ให้ข้อมูลแหล่งช่วยเหลือ เช่น สายด่วนสุขภาพจิต 1323 หรือบริการให้คำปรึกษา

💚 Response (การตอบสนอง)

  • F60.3F7R-1: ผู้ป่วยลดความถี่ของการพูดตำหนิตนเองหรือความคิดด้านลบ
  • F60.3F7R-2: ผู้ป่วยสามารถระบุข้อดีของตนเองอย่างน้อย 2-3 ข้อ
  • F60.3F7R-3: แสดงความพึงพอใจหรือยอมรับในความสามารถของตนบางด้าน
  • F60.3F7R-4: ผู้ป่วยเข้าร่วมกิจกรรมหรือปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่นมากขึ้น
  • F60.3F7R-5: มีความคิดเชิงบวกต่ออนาคตและมีแผนดูแลตนเองต่อเนื่อง

……………………………………………………………..

F60.3F8 — ขาดทักษะในการจัดการความเครียดและการควบคุมอารมณ์ (Deficient Emotional Regulation Skills)

🔍 Assessment (การประเมิน)

S:

  • ผู้ป่วยบอกว่า “ฉันควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้เลย”
  • เวลาเครียดจะระเบิดง่าย รู้สึกหมดหนทาง”
  • บอกว่าไม่รู้วิธีจัดการกับความโกรธหรือความวิตกกังวล

O:

  • มีอาการโกรธหรือตกใจง่ายกะทันหัน
  • แสดงพฤติกรรมก้าวร้าวหรือถอนตัวเมื่อเครียด
  • สังเกตการเปลี่ยนแปลงอารมณ์รวดเร็วและรุนแรง
  • มีพฤติกรรมระบายอารมณ์ไม่เหมาะสม เช่น ตะโกน ทำร้ายสิ่งของ

🎯 Goals (เป้าหมาย)

  • ผู้ป่วยสามารถควบคุมและจัดการอารมณ์ได้ดีขึ้น
  • ลดพฤติกรรมตอบสนองทางอารมณ์ที่รุนแรงหรือไม่เหมาะสม
  • เสริมสร้างทักษะการผ่อนคลายและรับมือกับความเครียดอย่างมีประสิทธิภาพ

✅ Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)

  • ผู้ป่วยแสดงความสามารถในการระบุและจัดการอารมณ์ตนเอง
  • ลดพฤติกรรมตอบสนองทางอารมณ์ที่รุนแรง เช่น โกรธหรือหงุดหงิดมาก
  • มีวิธีผ่อนคลายที่เหมาะสมเมื่อต้องเผชิญความเครียด
  • ผู้ป่วยแสดงพฤติกรรมตอบสนองเชิงบวกในสถานการณ์ตึงเครียดมากขึ้น

🩺 Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)

  • F60.3F8I-1: ประเมินความสามารถในการควบคุมอารมณ์และการตอบสนองต่อความเครียดของผู้ป่วยสม่ำเสมอ
  • F60.3F8I-2: สอนเทคนิคการผ่อนคลาย เช่น การหายใจลึก การนั่งสมาธิ หรือการฝึกกล้ามเนื้อผ่อนคลาย
  • F60.3F8I-3: ฝึกให้ผู้ป่วยรับรู้และระบุอารมณ์ของตนเอง (Emotional Awareness)
  • F60.3F8I-4: สอนทักษะจัดการความโกรธและความวิตกกังวล เช่น การนับเลข การถอยห่างจากสถานการณ์
  • F60.3F8I-5: สนับสนุนให้ใช้การสื่อสารเชิงบวกและสร้างสรรค์แทนการตอบโต้ด้วยความรุนแรง
  • F60.3F8I-6: ส่งเสริมกิจกรรมผ่อนคลาย เช่น ฟังเพลง เดินเล่น หรือทำงานอดิเรกที่ชอบ
  • F60.3F8I-7: ประสานงานนักจิตวิทยาหรือผู้เชี่ยวชาญเพื่อฝึกอบรมทักษะควบคุมอารมณ์ (เช่น DBT)
  • F60.3F8I-8: สร้างแผนจัดการความเครียดส่วนบุคคลร่วมกับผู้ป่วยและครอบครัว
  • F60.3F8I-9: สังเกตและรายงานพฤติกรรมเสี่ยงหรือความเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
  • F60.3F8I-10: ให้ข้อมูลสายด่วนสุขภาพจิตและช่องทางขอความช่วยเหลือเพิ่มเติม

💚 Response (การตอบสนอง)

  • F60.3F8R-1: ผู้ป่วยรายงานว่าควบคุมอารมณ์ได้ดีขึ้นเมื่อเผชิญสถานการณ์ตึงเครียด
  • F60.3F8R-2: ผู้ป่วยใช้เทคนิคผ่อนคลายหรือจัดการความเครียดได้อย่างเหมาะสม
  • F60.3F8R-3: ลดพฤติกรรมตอบสนองรุนแรง เช่น การตะโกน หรือทำร้ายสิ่งของ
  • F60.3F8R-4: มีการสื่อสารเชิงบวกมากขึ้นในความสัมพันธ์กับผู้อื่น
  • F60.3F8R-5: ผู้ป่วยพร้อมรับการรักษาต่อเนื่องและพัฒนาทักษะควบคุมอารมณ์เพิ่มเติม

…………………………………………………………….

F60.3F9 — ขาดความรู้เกี่ยวกับโรค การรักษา และการดูแลตนเองอย่างต่อเนื่อง (Deficient Knowledge Regarding Illness, Treatment, and Self-care)

🔍 Assessment (การประเมิน)

S:

  • ผู้ป่วยบอกว่า “ไม่เข้าใจโรคนี้เลย”
  • ไม่รู้ว่าจะดูแลตัวเองยังไง”
  • สับสนเกี่ยวกับยาและการรักษา

O:

  • ขาดการเข้าร่วมกิจกรรมหรือการรักษาอย่างสม่ำเสมอ
  • พฤติกรรมไม่ปฏิบัติตามคำแนะนำทางการแพทย์
  • มีคำถามหรือความกังวลเกี่ยวกับโรคและการรักษา

🎯 Goals (เป้าหมาย)

  • ผู้ป่วยเข้าใจลักษณะโรคและผลกระทบของโรคได้ดีขึ้น
  • ผู้ป่วยรับรู้ความสำคัญของการรักษาและดูแลตนเองอย่างต่อเนื่อง
  • ผู้ป่วยปฏิบัติตามแผนการรักษาและคำแนะนำของทีมสุขภา

✅ Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)

  • ผู้ป่วยสามารถอธิบายโรคและการรักษาได้อย่างถูกต้อง
  • มีการใช้ยาหรือเข้ารับการรักษาตามคำแนะนำ
  • ผู้ป่วยแสดงความเข้าใจในการจัดการอาการและดูแลตนเอง
  • ผู้ป่วยสอบถามข้อมูลและแสดงความสนใจในการเรียนรู้เพิ่มเติม

🩺 Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)

  • F60.3F9I-1: ประเมินระดับความรู้เกี่ยวกับโรค การรักษา และการดูแลตนเองของผู้ป่วย
  • F60.3F9I-2: ให้ข้อมูลง่าย ๆ และชัดเจนเกี่ยวกับโรค BPD และผลกระทบต่อชีวิตประจำวัน
  • F60.3F9I-3: อธิบายวิธีการใช้ยาและผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นอย่างชัดเจน
  • F60.3F9I-4: สอนเทคนิคการดูแลตนเอง เช่น การจัดการอารมณ์ และวิธีลดความเครียด
  • F60.3F9I-5: สนับสนุนให้ผู้ป่วยจดบันทึกคำถามหรือข้อสงสัยสำหรับพบแพทย์หรือพยาบาล
  • F60.3F9I-6: จัดทำสื่อการสอนที่เข้าใจง่าย เช่น ใบความรู้ หรือวิดีโอสั้น
  • F60.3F9I-7: กระตุ้นให้ผู้ป่วยเข้าร่วมกลุ่มสนับสนุนหรือกิจกรรมเสริมความรู้
  • F60.3F9I-8: ติดตามและทบทวนความเข้าใจของผู้ป่วยอย่างสม่ำเสมอ
  • F60.3F9I-9: ให้ข้อมูลช่องทางติดต่อสายด่วนสุขภาพจิตและบริการสนับสนุนต่าง ๆ
  • F60.3F9I-10: ประสานงานกับครอบครัวเพื่อช่วยสนับสนุนการเรียนรู้และดูแลผู้ป่วย

💚 Response (การตอบสนอง)

  • F60.3F9R-1: ผู้ป่วยสามารถอธิบายโรคและการรักษาได้อย่างถูกต้อง
  • F60.3F9R-2: ผู้ป่วยแสดงความสนใจและความเข้าใจในการดูแลตนเองมากขึ้น
  • F60.3F9R-3: ปฏิบัติตามคำแนะนำและแผนการรักษาอย่างสม่ำเสมอ
  • F60.3F9R-4: ผู้ป่วยสามารถตั้งคำถามและสื่อสารกับทีมสุขภาพได้ดีขึ้น
  • F60.3F9R-5: ครอบครัวและผู้ดูแลให้ความร่วมมือในการสนับสนุนผู้ป่วย

………………………………………………………

F60.3F10 — เสี่ยงต่อการขาดความต่อเนื่องในการรักษาหลังจำหน่าย (Risk for Non-adherence to Treatment After Discharge)

🔍 Assessment (การประเมิน)

S:

  • ผู้ป่วยบอกว่า “ฉันอาจจะหยุดยา หรือเลิกพบหมอหลังออกจากโรงพยาบาล”
  • เหนื่อยหรือไม่มั่นใจว่าจะทำตามคำแนะนำได้”
  • กังวลเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายหรือการเดินทาง

O:

  • ขาดการนัดหมายติดตามผลหลังจำหน่าย
  • ประวัติหยุดยา หรือไม่ปฏิบัติตามคำแนะนำทางการแพทย์
  • มีปัญหาด้านการสื่อสารกับทีมสุขภาพ
  • สภาพแวดล้อมครอบครัวหรือสังคมที่ไม่สนับสนุน

🎯 Goals (เป้าหมาย)

  • ผู้ป่วยปฏิบัติตามแผนการรักษาหลังจำหน่ายอย่างต่อเนื่อง
  • ลดความเสี่ยงที่จะเกิดอาการกำเริบหรือกลับเป็นซ้ำ
  • ผู้ป่วยและครอบครัวรับรู้ความสำคัญของการรักษาต่อเนื่อง

✅ Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)

  • ผู้ป่วยเข้ารับการนัดหมายติดตามผลตามแผน
  • รับประทานยาและปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างสม่ำเสมอ
  • ครอบครัวหรือผู้ดูแลสนับสนุนการดูแลหลังจำหน่าย
  • ผู้ป่วยรายงานความพึงพอใจและความเข้าใจในแผนการรักษา

🩺 Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)

  • F60.3F10I-1: ประเมินความเข้าใจและความตั้งใจในการปฏิบัติตามแผนการรักษาหลังจำหน่าย
  • F60.3F10I-2: อธิบายความสำคัญของการรักษาต่อเนื่องและผลเสียของการหยุดยาเอง
  • F60.3F10I-3: จัดทำตารางนัดหมายติดตามผลและแจ้งเตือนล่วงหน้าให้ผู้ป่วยและครอบครัว
  • F60.3F10I-4: สอนการจัดการยาอย่างถูกต้องและเตรียมอุปกรณ์ช่วยจำ เช่น กล่องยา
  • F60.3F10I-5: ประสานงานกับหน่วยบริการชุมชนหรือผู้ดูแลเพื่อสนับสนุนผู้ป่วย
  • F60.3F10I-6: แนะนำช่องทางติดต่อทีมสุขภาพกรณีเกิดปัญหาหรืออาการกำเริบ
  • F60.3F10I-7: ให้ข้อมูลสายด่วนสุขภาพจิตและบริการสนับสนุนเพิ่มเติม
  • F60.3F10I-8: ส่งเสริมการมีส่วนร่วมของครอบครัวในการดูแลหลังจำหน่าย
  • F60.3F10I-9: ติดตามและประเมินการปฏิบัติตามแผนการรักษาอย่างต่อเนื่อง
  • F60.3F10I-10: กระตุ้นให้ผู้ป่วยพูดคุยและแจ้งปัญหาที่พบระหว่างการรักษา

💚 Response (การตอบสนอง)

  • F60.3F10R-1: ผู้ป่วยนัดหมายติดตามผลตามแผนอย่างสม่ำเสมอ
  • F60.3F10R-2: ผู้ป่วยรับประทานยาและปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างถูกต้อง
  • F60.3F10R-3: ครอบครัวและผู้ดูแลให้ความร่วมมือในการสนับสนุนผู้ป่วย
  • F60.3F10R-4: ผู้ป่วยแจ้งอาการหรือปัญหาได้ทันท่วงที
  • F60.3F10R-5: ลดอัตราการกลับเป็นซ้ำหรืออาการกำเริบหลังจำหน่าย

……………………………………………………….

เอกสารอ้างอิง

  • สุขุม ล้อมเศรษฐ์, และคณะ. (2563).คู่มือการดูแลผู้ป่วยโรคบุคลิกภาพไม่แน่นอน.กรุงเทพฯ: โรงพยาบาลศิริราช.(คู่มือครอบคลุมการประเมินและการดูแลพยาบาล BPD สำหรับพยาบาลและบุคลากรสุขภาพ)
  • พญ.นันทกา สุวรรณสมบัติ. (2562).การดูแลผู้ป่วยโรคบุคลิกภาพผิดปกติแบบไม่แน่นอน.วารสารพยาบาลวิชาการ, 34(2), 25-35.(บทความวิชาการที่อธิบายการวินิจฉัยและกระบวนการพยาบาลอย่างละเอียด)
  • American Psychiatric Association. (2013).Diagnostic and Statistical Manual of Mental Disorders (5th ed.) — DSM-5.
  • Washington, DC: American Psychiatric Publishing.(Standard reference for diagnosis and classification of borderline personality disorder globally.)
  • Linehan, M. M. (1993).Cognitive-Behavioral Treatment of Borderline Personality Disorder.New York: Guilford Press.
  • (คลาสสิกงานวิจัยและแนวทางการรักษาโดยใช้ Dialectical Behavior Therapy (DBT) ซึ่งใช้แพร่หลายทั่วโลก)

……………………………………………….. 


วันอังคารที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2568

EP.79 จิตเวชหัวข้อ 39 : โรควิตกกังวลแบบปนเป (Mixed Anxiety and Depressive Disorder) F41.2


 
🧠 โรควิตกกังวลแบบปนเป (F41.2) "เครียดก็ไม่ใช่... ซึมเศร้าก็ไม่เชิง แต่รู้สึกแย่ไปหมดทั้งใจและกาย"

1. ความหมายของโรค

  • ภาวะที่ ความวิตกกังวลและอารมณ์เศร้า มาอยู่ในคนเดียวกัน
  • ไม่ถึงเกณฑ์วินิจฉัยโรคซึมเศร้าแบบเต็มรูปแบบ แต่กระทบชีวิตประจำวันชัดเจน

2. พยาธิสภาพ

  • สมองมีการเปลี่ยนแปลงสารสื่อประสาท เช่น เซโรโทนิน (Serotonin)
  • ส่งผลต่อการควบคุมอารมณ์ การนอน ความคิด และพฤติกรรม

3. ช่วงอายุที่พบมาก

  • พบได้ทุกวัย แต่มักเจอใน วัยทำงาน (25–50 ปี) และผู้ที่มีความเครียดสะสม

4. ปัจจัยที่กระตุ้นให้เกิด

  • ความเครียดสะสมจากงานหรือครอบครัว
  • การสูญเสียหรือผิดหวังรุนแรง
  • พันธุกรรมหรือเคยป่วยโรคทางจิตเวชมาก่อน
  • การดื่มแอลกอฮอล์ / ใช้สารเสพติด

5. อาการที่สังเกตได้

  • 😟 วิตกกังวลเกินเหตุ
  • 😞 รู้สึกเศร้า หมดพลัง ไม่มีสมาธิ
  • 🛌 นอนไม่หลับ เบื่ออาหาร
  • ❤️‍🔥 ใจสั่น เหงื่อออก เหนื่อยง่ายโดยไม่ทราบสาเหตุ
  • 💭 คิดลบกับตัวเอง ไม่อยากเข้าสังคม

6. การรักษา

  • 💊 ยา (เช่น ยากลุ่ม SSRI)
  • 🧠 จิตบำบัด เช่น CBT
  • 🏃‍♀️ ปรับพฤติกรรม กิน-นอน-ออกกำลังกาย
  • 🚫 หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์/คาเฟอีน

7. การพยาบาล

  • 👩‍⚕️ สร้างความไว้วางใจ ให้พื้นที่พูดระบาย
  • 📋 ประเมินอาการทั้งทางร่างกายและจิตใจ
  • 🗣️ กระตุ้นให้แสดงความรู้สึกโดยไม่ตัดสิน
  • 📌 สอนเทคนิคผ่อนคลาย เช่น หายใจลึกๆ
  • 🤝 ประสานจิตแพทย์หากอาการไม่ดีขึ้น

8. การดูแลตนเองและคนใกล้ตัว

  • 👂 ฟังด้วยใจ ไม่ตัดบท ไม่รีบให้คำแนะนำ
  • 🧘‍♂️ ทำกิจกรรมที่ช่วยผ่อนคลาย เช่น เดินเล่น ฟังเพลง
  • 💬 พูดคุยกับคนที่ไว้ใจ หรือขอคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญ
  • 📞 หากอาการรุนแรง ควรพบจิตแพทย์ หรือโทรสายด่วนสุขภาพจิต 1323

.........................................................................

🧠 วินิจฉัยการพยาบาล (Nursing Diagnoses) F41.2: Mixed Anxiety and Depressive Disorder

  1. F41.2F1 มีความเสี่ยงต่อการทำร้ายตนเองหรือฆ่าตัวตาย (Risk for self-harm or suicideสังเกตพฤติกรรม หลีกเลี่ยงการอยู่คนเดียว ประเมินความคิดฆ่าตัวตายทันที
  2. F41.2F2 มีภาวะซึมเศร้า (Depressed mood) รู้สึกเศร้า ท้อแท้ หมดพลัง ไม่มีความหวัง อาจร้องไห้บ่อย ต้องการการสนับสนุนทางอารมณ์
  3. F41.2F3 มีความวิตกกังวลเกินควบคุม (Excessive anxiety) กังวลเรื่องเล็กน้อยมากเกินไป มีอาการทางกาย เช่น ใจสั่น เหงื่อออก หายใจเร็ว
  4. F41.2F4 มีความผิดปกติในการนอนหลับ (Sleep disturbance) หลับยาก ตื่นกลางดึก ฝันร้าย หรือไม่รู้สึกพักผ่อนหลังตื่นนอน
  5. F41.2F5 เสี่ยงต่อภาวะโภชนาการไม่เพียงพอ (Risk for imbalanced nutrition) เบื่ออาหาร น้ำหนักลด หรือรับประทานมากผิดปกติ ต้องดูแลโภชนาการอย่างเหมาะสม
  6. F41.2F6 มีปัญหาในการดูแลตนเอง (Impaired self-care ability) ละเลยการแต่งตัว อาบน้ำ หรือกิจวัตรประจำวัน ต้องกระตุ้นและช่วยเหลือ
  7. F41.2F7 มีความรู้สึกด้อยคุณค่า (Low self-esteem) พูดถึงตัวเองในแง่ลบ มองตนเองไร้ค่า ต้องเสริมสร้างความมั่นใจและคุณค่าในตนเอง
  8. F41.2F8 มีปัญหาในการเข้าสังคม (Social isolation) หลีกเลี่ยงการพบปะ ไม่พูดคุยกับคนรอบข้าง ต้องส่งเสริมกิจกรรมและการมีปฏิสัมพันธ์
  9. F41.2F9 ขาดความรู้ในการดูแลตนเอง (Deficient knowledge about self-care and illness) ไม่เข้าใจว่าอาการเกิดจากอะไร รู้สึกสับสน ไม่รู้วิธีจัดการอารมณ์ ต้องให้ความรู้และคำแนะนำที่เข้าใจง่าย
  10. F41.2F10 วางแผนจำหน่ายไม่เพียงพอ (Ineffective discharge planning) ขาดแผนดูแลต่อที่บ้าน ไม่รู้จะทำอย่างไรต่อ ต้องประสานทีมสหวิชาชีพและวางแผนต่อเนื่อง

........................................................................................

F41.2F1: มีความเสี่ยงต่อการทำร้ายตนเองหรือฆ่าตัวตาย (Risk for self-harm or suicide)

📌 Assessment (การประเมิน)

S:

  • ผู้ป่วยพูดว่า “ไม่อยากอยู่แล้ว” หรือ “ตายไปน่าจะดีกว่า”
  • แสดงอารมณ์เศร้า ท้อแท้ ไม่เห็นคุณค่าของตัวเอง

O:

  • สีหน้าเศร้า พูดช้า ไม่สบตา
  • เก็บตัว ไม่พูดคุยกับผู้อื่น
  • มีบาดแผล หรือรอยกรีดตามร่างกาย
  • มีประวัติพยายามฆ่าตัวตาย หรือพูดถึงการทำร้ายตนเอง
  • มีของใช้หรืออุปกรณ์ที่อาจใช้ทำร้ายตนเอง เช่น มีดยาว, ยานอนหลับ

🎯 Goals (เป้าหมาย)

  • ผู้ป่วยปลอดภัย ไม่ทำร้ายตนเอง
  • ผู้ป่วยแสดงออกถึงความหวังและต้องการมีชีวิตอยู่
  • ผู้ป่วยมีความร่วมมือในการบำบัดฟื้นฟูจิตใจ

📏 Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)

  • ไม่มีพฤติกรรมหรือคำพูดเกี่ยวกับการทำร้ายตนเอง
  • อยู่ร่วมกับผู้อื่นได้ โดยไม่แยกตัว
  • มีท่าทีสงบ พูดคุยได้ดีขึ้น
  • แสดงความเข้าใจว่าได้รับการดูแลและเห็นคุณค่าของตนเองมากขึ้น

🛠️ Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)

  • F41.2F1I-1: ประเมินความเสี่ยงในการฆ่าตัวตายทันทีเมื่อรับใหม่ ด้วยคำถามตรง เช่น “คุณเคยคิดอยากตายไหม?”
  • F41.2F1I-2: ดูแลไม่ให้ผู้ป่วยอยู่คนเดียว โดยเฉพาะช่วงอารมณ์แปรปรวนหรือกลางคืน
  • F41.2F1I-3: เก็บสิ่งของที่อาจใช้ทำร้ายตนเองให้พ้นมือผู้ป่วย เช่น มีด เชือก ยา
  • F41.2F1I-4: สื่อสารด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน จริงใจ ไม่ตัดสินความรู้สึกของผู้ป่วย
  • F41.2F1I-5: สร้างความไว้วางใจ ให้ผู้ป่วยรู้ว่ามีคนพร้อมรับฟังเสมอ
  • F41.2F1I-6: ประสานทีมจิตแพทย์ทันทีหากผู้ป่วยมีแนวโน้มทำร้ายตนเอง
  • F41.2F1I-7: สนับสนุนให้ผู้ป่วยระบายความรู้สึกผ่านการพูด การเขียน หรือกิจกรรมศิลปะ
  • F41.2F1I-8: ส่งเสริมให้ญาติหรือคนใกล้ชิดมีส่วนร่วมในการเฝ้าระวังและให้กำลังใจผู้ป่วย
  • F41.2F1I-9: จัดสภาพแวดล้อมให้สงบ ปลอดภัย และลดสิ่งกระตุ้นทางลบ
  • F41.2F1I-10: ประเมินอารมณ์ผู้ป่วยอย่างต่อเนื่องทุกเวร โดยเฉพาะหลังได้รับข่าวร้ายหรือเยี่ยมญาติ

✅ Response (การตอบสนอง)

  • F41.2F1R-1: ผู้ป่วยไม่มีพฤติกรรมหรือคำพูดเกี่ยวกับการทำร้ายตนเอง
  • F41.2F1R-2: ผู้ป่วยสามารถร่วมกิจกรรมกับบุคคลอื่นได้บ้าง โดยไม่แยกตัว
  • F41.2F1R-3: ผู้ป่วยเริ่มแสดงความรู้สึกและเปิดใจมากขึ้น
  • F41.2F1R-4: ผู้ป่วยยอมรับการดูแลจากบุคลากร และเข้าใจความสำคัญของตนเอง
  • F41.2F1R-5: ผู้ป่วยมีอารมณ์สงบลง สีหน้าผ่อนคลายขึ้น

…………………………………………………………….

F41.2F2: มีภาวะซึมเศร้า (Depressed mood)

📌 Assessment (การประเมิน)

S:

  • ผู้ป่วยพูดว่า “รู้สึกหมดหวังในชีวิต” หรือ “ไม่มีแรงทำอะไรเลย”
  • บ่นว่าเบื่อ เหนื่อย ไม่อยากตื่นมาทำอะไรอีก

O:

  • สีหน้าเศร้า นิ่งเงียบ พูดน้อย
  • ร้องไห้บ่อย ไม่มีสมาธิ
  • ปฏิเสธกิจกรรมต่าง ๆ แม้จะเคยชอบมาก่อน
  • ใช้เวลานอนมากกว่าปกติ หรือไม่หลับเลย

🎯 Goals (เป้าหมาย)

  • ผู้ป่วยแสดงออกถึงอารมณ์ดีขึ้น
  • ผู้ป่วยเริ่มมีความหวังและมีกิจกรรมที่สนใจ
  • ผู้ป่วยสื่อสารอารมณ์ตนเองได้มากขึ้น
  • ลดอาการเศร้าและการร้องไห้

📏 Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)

  • ผู้ป่วยมีสีหน้าและพฤติกรรมแสดงความผ่อนคลาย
  • พูดคุยมากขึ้นและสื่อสารอารมณ์ได้ดีขึ้น
  • เข้าร่วมกิจกรรมง่ายๆ ได้โดยไม่ต่อต้าน
  • จำนวนครั้งของการร้องไห้ลดลง

🛠️ Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)

  • F41.2F2I-1: ประเมินระดับอารมณ์โดยใช้เครื่องมือ เช่น PHQ-9 หรือการสังเกตพฤติกรรมอย่างต่อเนื่อง
  • F41.2F2I-2: รับฟังด้วยความเข้าใจ ไม่ตัดสินความรู้สึกของผู้ป่วย
  • F41.2F2I-3: อยู่เป็นเพื่อนในช่วงที่ผู้ป่วยมีอารมณ์เศร้าหนัก เพื่อให้รู้สึกว่าไม่โดดเดี่ยว
  • F41.2F2I-4: กระตุ้นให้ผู้ป่วยระบายความรู้สึกผ่านคำพูดหรือกิจกรรมที่ชอบ เช่น วาดภาพ เขียนไดอารี่
  • F41.2F2I-5: จัดตารางกิจกรรมง่ายๆ ร่วมกับผู้ป่วย เช่น เดินเล่น ฟังเพลง ทำสมาธิ
  • F41.2F2I-6: ส่งเสริมให้ผู้ป่วยประเมินความสำเร็จเล็กๆ ในแต่ละวัน เพื่อเพิ่มความรู้สึกมีคุณค่าในตนเอง
  • F41.2F2I-7: สนับสนุนให้มีคนในครอบครัวหรือเพื่อนมาเยี่ยม พูดคุยให้กำลังใจ
  • F41.2F2I-8: ให้คำแนะนำเรื่องอาหาร การนอน และการดูแลสุขภาพจิตอย่างเหมาะสม
  • F41.2F2I-9: ประสานจิตแพทย์เพื่อปรับแผนการดูแลหรือใช้ยา หากอาการไม่ดีขึ้น
  • F41.2F2I-10: ประเมินซ้ำอย่างต่อเนื่องเพื่อดูพัฒนาการของอารมณ์ผู้ป่วย

✅ Response (การตอบสนอง)

  • F41.2F2R-1: ผู้ป่วยมีสีหน้าและท่าทางที่ดีขึ้น พูดคุยได้มากขึ้น
  • F41.2F2R-2: ผู้ป่วยร้องไห้น้อยลงและร่วมกิจกรรมง่ายๆ ได้
  • F41.2F2R-3: ผู้ป่วยสามารถบอกความรู้สึกตนเองได้ชัดเจนขึ้น
  • F41.2F2R-4: ผู้ป่วยเริ่มวางแผนอนาคตหรือเป้าหมายเล็กๆ
  • F41.2F2R-5: ผู้ป่วยยอมรับการรักษาและเปิดใจมากขึ้น

……………………………………………………………………

F41.2F3: มีความวิตกกังวลเกินควบคุม (Excessive Anxiety)

📌 Assessment (การประเมิน)

S:

  • ผู้ป่วยพูดว่า “กังวลตลอดเวลา หยุดคิดไม่ได้”
  • รู้สึกไม่สบายใจแม้ไม่มีเหตุให้เครียด
  • บ่นว่าเหนื่อยง่าย ใจสั่น มือเย็น หรือเหงื่อออก

O:

  • สังเกตเห็นอาการหายใจเร็ว ใจสั่น มือสั่น
  • แสดงพฤติกรรมกระวนกระวาย เดินไปมา หรือกัดเล็บ
  • ความดันหรือชีพจรสูงกว่าปกติขณะวิตก
  • มีอาการนอนไม่หลับ หรือสะดุ้งกลางคืนบ่อย

🎯 Goals (เป้าหมาย)

  • ลดระดับความวิตกกังวลให้อยู่ในเกณฑ์ควบคุมได้
  • ผู้ป่วยสามารถจัดการความคิดได้ดีขึ้น
  • ผู้ป่วยเรียนรู้และใช้วิธีผ่อนคลายได้ด้วยตนเอง
  • อาการทางกายลดลงอย่างชัดเจน

📏 Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)

  • ผู้ป่วยรายงานว่า “รู้สึกกังวลน้อยลง”
  • อาการทางกาย เช่น ใจสั่น/เหงื่อ/หายใจเร็ว ลดลง
  • ผู้ป่วยใช้เทคนิคผ่อนคลายได้ด้วยตัวเอง
  • นอนหลับได้ดีขึ้น ไม่สะดุ้งตื่นกลางดึกบ่อย

🛠️ Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)

  • F41.2F3I-1: ประเมินระดับความวิตกกังวล โดยใช้คำถามชี้เฉพาะ เช่น “ตอนนี้คุณรู้สึกไม่สบายใจแค่ไหน (0-10)”
  • F41.2F3I-2: อยู่เป็นเพื่อนเมื่อผู้ป่วยแสดงอาการวิตกกังวลมาก เพื่อให้รู้สึกปลอดภัย
  • F41.2F3I-3: สอนการหายใจลึกและช้า เพื่อควบคุมการหายใจและลดใจสั่น
  • F41.2F3I-4: แนะนำเทคนิคผ่อนคลาย เช่น Progressive Muscle Relaxation หรือฟังเสียงธรรมชาติ
  • F41.2F3I-5: สังเกตอาการทางกาย เช่น ความดัน หัวใจเต้นเร็ว และบันทึกผล
  • F41.2F3I-6: สร้างตารางกิจกรรมง่ายๆ ที่ช่วยเบี่ยงเบนความคิด เช่น เดินเล่น ฟังเพลง อ่านหนังสือ
  • F41.2F3I-7: สนับสนุนให้ผู้ป่วยเขียนบันทึกความรู้สึก เพื่อลดความตึงเครียดจากความคิดในใจ
  • F41.2F3I-8: จำกัดข่าวสารหรือสื่อที่กระตุ้นความกังวล เช่น ข่าวร้ายหรือเนื้อหาดราม่า
  • F41.2F3I-9: พูดคุยแบบเปิดใจ ช่วยผู้ป่วยแยกแยะสิ่งที่ “คิดไปเอง” กับ “ความจริง”
  • F41.2F3I-10: ประสานจิตแพทย์หากอาการไม่ดีขึ้นหรือมีความเสี่ยงร่วม เช่น นอนไม่หลับเรื้อรัง

✅ Response (การตอบสนอง)

  • F41.2F3R-1: ผู้ป่วยรายงานว่ารู้สึกผ่อนคลายมากขึ้นหลังใช้เทคนิคหายใจช้า
  • F41.2F3R-2: อาการใจสั่น เหงื่อออก หายใจเร็ว ลดลงชัดเจน
  • F41.2F3R-3: ผู้ป่วยสามารถมีสมาธิจดจ่อกับกิจกรรมง่ายๆ ได้บ้าง
  • F41.2F3R-4: ผู้ป่วยหลับได้ง่ายขึ้น และไม่สะดุ้งตื่นบ่อย
  • F41.2F3R-5: ผู้ป่วยแสดงท่าทีสงบมากขึ้นและเปิดใจพูดคุยได้

……………………………………………………

F41.2F4: มีความผิดปกติในการนอนหลับ (Sleep disturbance)

📌 Assessment (การประเมิน)

S:

  • ผู้ป่วยบ่นว่า “นอนไม่หลับเลย” หรือ “ตื่นบ่อย ฝันร้าย”
  • พูดว่า “ตื่นมาแล้วไม่รู้สึกพักผ่อน”

O:

  • สังเกตเห็นว่าผู้ป่วยดูอ่อนเพลีย ง่วงตลอดเวลา
  • ใต้ตาคล้ำ สมาธิสั้น พูดช้าหรือดูเหนื่อย
  • บางรายอาจนอนกลางวันมากกว่าปกติ

🎯 Goals (เป้าหมาย)

  • ผู้ป่วยสามารถนอนได้อย่างต่อเนื่องอย่างน้อย 5–6 ชั่วโมงต่อคืน
  • ผู้ป่วยรู้สึกพักผ่อนหลังตื่นนอน
  • ลดอาการหลับยาก ตื่นกลางดึก หรือฝันร้ายลง
  • ผู้ป่วยเรียนรู้วิธีดูแลสุขอนามัยการนอน (sleep hygiene)

📏 Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)

  • ผู้ป่วยรายงานว่านอนได้ดีขึ้น และตื่นมารู้สึกสดชื่น
  • ไม่มีอาการตื่นกลางดึกหรือฝันร้ายติดต่อกันหลายคืน
  • ผู้ป่วยลดการพึ่งยานอนหลับหรือใช้เฉพาะตามแผนรักษา
  • ผู้ป่วยปฏิบัติตามแนวทางการนอนที่แนะนำได้อย่างเหมาะสม

🛠️ Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)

  • F41.2F4I-1: ประเมินรูปแบบการนอนของผู้ป่วย เช่น เวลานอนจริง ระยะเวลาหลับ ตื่นกลางดึกบ่อยแค่ไหน
  • F41.2F4I-2: แนะนำหลักการ sleep hygiene เช่น เข้านอนตรงเวลา งดใช้มือถือก่อนนอน
  • F41.2F4I-3: กระตุ้นให้ทำกิจกรรมกลางวัน เช่น เดิน ออกกำลังกายเล็กน้อย เพื่อให้เหนื่อยตามธรรมชาติ
  • F41.2F4I-4: หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มกระตุ้น เช่น กาแฟ ชา หรือเครื่องดื่มหวาน ก่อนเข้านอน 4–6 ชม.
  • F41.2F4I-5: จัดสิ่งแวดล้อมให้เหมาะกับการนอน เช่น ปิดไฟ ลดเสียง รักษาอุณหภูมิห้องให้นอนสบาย
  • F41.2F4I-6: สอนเทคนิคผ่อนคลายก่อนนอน เช่น หายใจลึก ฟังเสียงธรรมชาติ นั่งสมาธิ
  • F41.2F4I-7: หลีกเลี่ยงการนอนกลางวันนานเกินไป เพื่อส่งเสริมวงจรการนอนตามธรรมชาติ
  • F41.2F4I-8: ประเมินผลข้างเคียงของยา (ถ้ามี) ที่อาจรบกวนการนอน เช่น ยากระตุ้นหรือยาซึม
  • F41.2F4I-9: สนับสนุนให้ผู้ป่วยจดบันทึกการนอน (sleep diary) เพื่อวิเคราะห์และปรับพฤติกรรม
  • F41.2F4I-10: ประสานจิตแพทย์เพื่อปรับยา/แนวทางหากอาการนอนไม่หลับไม่ดีขึ้นภายใน 3–5 วัน

✅ Response (การตอบสนอง)

  • F41.2F4R-1: ผู้ป่วยสามารถหลับได้ต่อเนื่องนานกว่า 5 ชั่วโมง/คืน
  • F41.2F4R-2: ผู้ป่วยรายงานว่ารู้สึกพักผ่อนหลังตื่น ไม่มีอาการเพลีย
  • F41.2F4R-3: ผู้ป่วยหลีกเลี่ยงสิ่งรบกวนการนอนได้ดีขึ้น เช่น ไม่เล่นมือถือก่อนนอน
  • F41.2F4R-4: ผู้ป่วยมีพฤติกรรมการนอนที่เป็นระบบ เช่น นอนตรงเวลา ตื่นตรงเวลา
  • F41.2F4R-5: ไม่มีการใช้ยานอนหลับเกินคำแนะนำจากแพทย์

…………………………………………………………….

F41.2F5: เสี่ยงต่อภาวะโภชนาการไม่เพียงพอ (Risk for imbalanced nutrition: less than body requirements)

📌 Assessment (การประเมิน)

S:

  • ผู้ป่วยบ่นว่า “ไม่อยากกินอะไรเลย” หรือ “กินแล้วไม่รู้รส”
  • บางรายกินจุกจิกทั้งวัน หรือกินมากผิดปกติเมื่อเครียด

O:

  • สังเกตว่าอาหารที่รับไว้ไม่ถูกแตะหรือละทิ้งมื้อบ่อย
  • น้ำหนักลด หรือเพิ่มอย่างรวดเร็วโดยไม่มีเหตุอื่น
  • ผู้ป่วยมีอาการอ่อนเพลีย หน้าซีด ผิวแห้ง

🎯 Goals (เป้าหมาย)

  • ผู้ป่วยมีน้ำหนักตัวอยู่ในเกณฑ์เหมาะสม
  • ผู้ป่วยรับประทานอาหารได้เพียงพอกับความต้องการของร่างกาย
  • ผู้ป่วยเข้าใจวิธีดูแลโภชนาการของตนเองอย่างเหมาะสม
  • ป้องกันภาวะขาดสารอาหารหรือภาวะแทรกซ้อนที่เกี่ยวข้อง

📏 Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)

  • น้ำหนักตัวคงที่หรือเพิ่มขึ้นตามเกณฑ์
  • ผู้ป่วยรับประทานอาหารครบทุกมื้อ
  • ผู้ป่วยไม่มีอาการอ่อนเพลียจากการขาดสารอาหาร
  • ผู้ป่วยแสดงความเข้าใจเกี่ยวกับอาหารที่เหมาะสมกับภาวะของตนเอง

🛠️ Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)

  • F41.2F5I-1: ชั่งน้ำหนักทุกวันหรือสัปดาห์ละ 2 ครั้ง ในเวลาเดียวกันเพื่อประเมินแนวโน้ม
  • F41.2F5I-2: ประเมินความอยากอาหารและพฤติกรรมการกินในแต่ละวัน
  • F41.2F5I-3: ปรึกษานักโภชนาการเพื่อจัดเมนูอาหารที่เหมาะกับสภาวะจิตใจและร่างกายของผู้ป่วย
  • F41.2F5I-4: จัดอาหารในบรรยากาศผ่อนคลาย ไม่บังคับ ให้เลือกได้เองบางส่วน
  • F41.2F5I-5: แบ่งอาหารเป็นมื้อย่อย 5–6 มื้อ หากผู้ป่วยรับประทานได้น้อยแต่บ่อย
  • F41.2F5I-6: สนับสนุนให้รับประทานอาหารที่มีพลังงานและโปรตีนสูง เช่น นม ถั่ว ไข่
  • F41.2F5I-7: หลีกเลี่ยงอาหารที่กระตุ้นหรือทำให้อารมณ์แปรปรวน เช่น เครื่องดื่มคาเฟอีนสูง
  • F41.2F5I-8: สังเกตอาการข้างเคียงจากยาที่อาจส่งผลต่อความอยากอาหาร
  • F41.2F5I-9: จัดกิจกรรมเบาๆ ก่อนมื้ออาหาร เช่น เดินช้าๆ ฟังเพลง เพื่อกระตุ้นความหิว
  • F41.2F5I-10: ให้กำลังใจเมื่อผู้ป่วยพยายามรับประทาน และชื่นชมพฤติกรรมเชิงบวกเสมอ

✅ Response (การตอบสนอง)

  • F41.2F5R-1: ผู้ป่วยรับประทานอาหารได้เพียงพอกับความต้องการในแต่ละวัน
  • F41.2F5R-2: น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นหรือคงที่ในเกณฑ์เหมาะสม
  • F41.2F5R-3: ไม่มีอาการอ่อนเพลีย หรือภาวะขาดสารอาหาร
  • F41.2F5R-4: ผู้ป่วยมีสีหน้าสดใสและพลังงานในการทำกิจกรรมดีขึ้น
  • F41.2F5R-5: ผู้ป่วยสามารถเลือกอาหารที่เหมาะสมกับตนเองได้

………………………………………………………….

F41.2F6: มีปัญหาในการดูแลตนเอง (Impaired self-care ability)

📌 Assessment (การประเมิน)

S:

  • ผู้ป่วยพูดว่า “ไม่อยากอาบน้ำ ไม่อยากทำอะไรเลย”
  • บ่นว่าเหนื่อย เบื่อ ไม่อยากลุกจากเตียง

O:

  • ผู้ป่วยแต่งกายไม่เรียบร้อย ผมยุ่ง หรือใส่เสื้อผ้าซ้ำหลายวัน
  • กลิ่นตัวแรง หรือเล็บยาวสกปรก
  • ไม่อาบน้ำ ล้างหน้า แปรงฟันเป็นประจำ
  • ไม่ทำกิจวัตรประจำวัน เช่น กินข้าว เข้าห้องน้ำตรงเวลา

🎯 Goals (เป้าหมาย)

  • ผู้ป่วยสามารถดูแลตนเองในกิจวัตรประจำวันได้
  • ผู้ป่วยรับรู้ถึงความสำคัญของการดูแลสุขอนามัย
  • ผู้ป่วยมีแรงจูงใจในการดูแลร่างกายและสิ่งแวดล้อมของตนเอง
  • ผู้ป่วยเริ่มมีพฤติกรรมการดูแลตนเองอย่างต่อเนื่อง

📏 Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)

  • ผู้ป่วยอาบน้ำ แปรงฟัน แต่งกายได้ด้วยตนเอง
  • ผู้ป่วยแสดงความพึงพอใจในภาพลักษณ์ของตนเอง
  • ผู้ป่วยสามารถทำกิจวัตรอย่างสม่ำเสมอ (อาบน้ำวันละครั้ง แต่งตัวเปลี่ยนเสื้อผ้า)
  • สิ่งแวดล้อมรอบตัวผู้ป่วยสะอาดและเป็นระเบียบมากขึ้น

🛠️ Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)

  • F41.2F6I-1: ประเมินความสามารถในการดูแลตนเองทั้ง 4 ด้าน: การกิน การอาบน้ำ การแต่งตัว การขับถ่าย
  • F41.2F6I-2: พูดคุยให้เข้าใจถึงความสำคัญของสุขอนามัยและผลดีต่ออารมณ์
  • F41.2F6I-3: วางแผนตารางกิจวัตรประจำวัน เช่น เวลาอาบน้ำ แปรงฟัน เปลี่ยนเสื้อผ้า
  • F41.2F6I-4: กระตุ้นให้ผู้ป่วยทำกิจกรรมง่าย ๆ ก่อน เช่น ล้างหน้า หวีผม เพื่อสร้างความรู้สึกสำเร็จ
  • F41.2F6I-5: จัดสิ่งแวดล้อมให้เอื้อต่อการดูแลตนเอง เช่น ห้องน้ำสะอาด มีอุปกรณ์พร้อม
  • F41.2F6I-6: สนับสนุนด้วยคำพูดเชิงบวกทุกครั้งเมื่อผู้ป่วยพยายามดูแลตนเอง
  • F41.2F6I-7: ให้ผู้ป่วยเลือกเสื้อผ้า หรือของใช้ที่ชอบ เพื่อเพิ่มความสนใจในการดูแลร่างกาย
  • F41.2F6I-8: ถ้าผู้ป่วยไม่สามารถทำเองได้ ให้ช่วยอย่างเหมาะสมโดยไม่ทำแทนทั้งหมด
  • F41.2F6I-9: ติดตามประเมินพฤติกรรมการดูแลตนเองทุกวัน
  • F41.2F6I-10: ประสานทีมสุขภาพจิต หากมีแนวโน้มภาวะซึมเศร้ารุนแรงร่วม

✅ Response (การตอบสนอง)

  • F41.2F6R-1: ผู้ป่วยอาบน้ำ แปรงฟัน และเปลี่ยนเสื้อผ้าทุกวัน
  • F41.2F6R-2: ผู้ป่วยแสดงออกถึงความพึงพอใจเมื่อดูแลตนเองได้
  • F41.2F6R-3: ผู้ป่วยสามารถทำกิจวัตรพื้นฐานได้อย่างต่อเนื่องโดยไม่ต้องเตือน
  • F41.2F6R-4: ผู้ป่วยดูสะอาดและมีความมั่นใจมากขึ้น
  • F41.2F6R-5: ผู้ป่วยมีแรงจูงใจในการดูแลสุขภาพตนเองเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

……………………………………….

F41.2F7: มีความรู้สึกด้อยคุณค่า (Low self-esteem)

📌 Assessment (การประเมิน)

S:

  • ผู้ป่วยพูดว่า “ฉันไม่มีค่าเลย” หรือ “ใครจะสนใจฉัน”
  • แสดงความรู้สึกผิดตลอดเวลา หรือคิดว่าตนเองเป็นภาระผู้อื่น

O:

  • หลีกเลี่ยงการสบตา พูดเสียงเบา
  • มีท่าทีซึม ไม่กล้าแสดงความคิดเห็น
  • ไม่กล้ารับคำชม หรือปฏิเสธคำชม เช่น “ไม่จริงหรอกค่ะ”

🎯 Goals (เป้าหมาย)

  • ผู้ป่วยแสดงออกถึงการเห็นคุณค่าในตนเองมากขึ้น
  • ผู้ป่วยกล้าแสดงความคิดเห็นหรือเข้าร่วมกิจกรรม
  • ผู้ป่วยสามารถพูดถึงจุดแข็งของตนเองได้
  • ลดความคิดลบต่อตนเองลงอย่างเห็นได้ชัด

📏 Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)

  • ผู้ป่วยยอมรับจุดเด่นของตนเองได้อย่างน้อย 1-2 อย่าง
  • ผู้ป่วยเข้าร่วมกิจกรรมกลุ่มหรือพูดคุยอย่างเปิดเผยมากขึ้น
  • ลดพฤติกรรมพูดลบเกี่ยวกับตนเองลง
  • แสดงความมั่นใจมากขึ้น เช่น กล้าสบตา พูดเสียงดังขึ้น

🛠️ Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)

  • F41.2F7I-1: ประเมินคำพูดและพฤติกรรมที่สะท้อนความรู้สึกด้อยคุณค่าของผู้ป่วย
  • F41.2F7I-2: รับฟังด้วยความเข้าใจ ไม่ตัดสิน ช่วยสะท้อนความรู้สึกอย่างตรงไปตรงมา
  • F41.2F7I-3: กระตุ้นให้พูดถึงความสำเร็จในอดีต หรือสิ่งที่ตนเองเคยภาคภูมิใจ
  • F41.2F7I-4: ชมในสิ่งที่ผู้ป่วยทำได้ แม้เป็นเรื่องเล็ก เช่น “วันนี้แต่งตัวเรียบร้อยมากค่ะ”
  • F41.2F7I-5: ตั้งเป้าหมายง่ายๆ ที่ผู้ป่วยสามารถทำได้และให้กำลังใจเมื่อทำสำเร็จ
  • F41.2F7I-6: ให้ผู้ป่วยเขียน “ข้อดีของตัวเอง” 3 ข้อในแต่ละวัน (เช่น ใจดี มีน้ำใจ)
  • F41.2F7I-7: จัดกิจกรรมกลุ่มหรือกิจกรรมศิลปะ เพื่อให้ผู้ป่วยได้แสดงตนเองในเชิงบวก
  • F41.2F7I-8: หลีกเลี่ยงการใช้คำพูดที่ประชด เหน็บแนมหรือเปรียบเทียบ
  • F41.2F7I-9: กระตุ้นให้พูดถึงแผนในอนาคต เพื่อเสริมภาพลักษณ์ที่ดีต่อตนเอง
  • F41.2F7I-10: ประสานนักจิตวิทยาหรือจิตแพทย์ หากผู้ป่วยมีพฤติกรรมทำร้ายตนเอง

✅ Response (การตอบสนอง)

  • F41.2F7R-1: ผู้ป่วยพูดถึงตนเองในเชิงบวกหรือยอมรับคำชมได้
  • F41.2F7R-2: ผู้ป่วยกล้าสบตา ยิ้มมากขึ้น และพูดเสียงดังขึ้น
  • F41.2F7R-3: เข้าร่วมกิจกรรมกลุ่มหรือพูดแสดงความคิดเห็นบ้าง
  • F41.2F7R-4: พฤติกรรมพูดลบเกี่ยวกับตนเองลดลง
  • F41.2F7R-5: ผู้ป่วยแสดงให้เห็นถึงความมั่นใจในตนเองเพิ่มขึ้น

.....................................................

F41.2F8: มีปัญหาในการเข้าสังคม (Social isolation)

📌 Assessment (การประเมิน)

S:

  • ผู้ป่วยบอกว่า “ไม่อยากพบใครเลย” หรือ “ไม่ชอบพูดกับคนอื่น”
  • รู้สึกกลัวหรือกังวลเวลาต้องเจอผู้คน

O:

  • หลีกเลี่ยงการเข้ากลุ่ม ไม่ร่วมกิจกรรมกับผู้อื่น
  • พูดน้อย หรือไม่ตอบสนองเมื่อมีคนถาม
  • อยู่แต่ในห้องหรือมุมที่ไม่พบปะใคร

🎯 Goals (เป้าหมาย)

  • ผู้ป่วยเริ่มมีการสื่อสารและปฏิสัมพันธ์กับคนรอบข้างมากขึ้น
  • ผู้ป่วยรู้สึกปลอดภัยและมั่นใจเมื่ออยู่กับผู้อื่น
  • ผู้ป่วยเข้าร่วมกิจกรรมกลุ่มได้อย่างน้อย 1 ครั้งต่อสัปดาห์
  • ลดพฤติกรรมหลีกเลี่ยงสังคมอย่างชัดเจน

📏 Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)

  • ผู้ป่วยตอบรับการสนทนาและเริ่มพูดคุยกับผู้อื่น
  • ผู้ป่วยเข้าร่วมกิจกรรมกลุ่มหรือกิจกรรมสังคมอย่างน้อย 1 ครั้ง
  • ผู้ป่วยรายงานความรู้สึกดีขึ้นเมื่ออยู่กับคนอื่น
  • พฤติกรรมหลีกเลี่ยงลดลง เช่น ไม่ปิดประตูห้อง ไม่หลบสายตา

🛠️ Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)

  • F41.2F8I-1: ประเมินระดับความวิตกกังวลเกี่ยวกับการเข้าสังคมของผู้ป่วย
  • F41.2F8I-2: สร้างความสัมพันธ์เชิงบวกด้วยการพูดคุยแบบส่วนตัวก่อน เพื่อให้ผู้ป่วยรู้สึกปลอดภัย
  • F41.2F8I-3: ส่งเสริมให้ผู้ป่วยเข้าร่วมกิจกรรมกลุ่มเล็กๆ ที่สนใจ เช่น งานศิลปะ หรือเกมง่าย ๆ
  • F41.2F8I-4: สนับสนุนและให้กำลังใจเมื่อผู้ป่วยพยายามเข้าร่วมกิจกรรมสังคม
  • F41.2F8I-5: สอนเทคนิคการผ่อนคลาย เช่น หายใจลึก เมื่อรู้สึกกังวลในสถานการณ์สังคม
  • F41.2F8I-6: จัดสิ่งแวดล้อมให้เหมาะสม ลดเสียงดังหรือสิ่งรบกวนในบริเวณกิจกรรม
  • F41.2F8I-7: ส่งต่อผู้ป่วยให้ได้รับการบำบัดทางจิตวิทยาแบบกลุ่มหากจำเป็น
  • F41.2F8I-8: ให้ข้อมูลและชวนครอบครัวหรือเพื่อนสนิทช่วยสนับสนุนการเข้าสังคม
  • F41.2F8I-9: ติดตามและบันทึกพฤติกรรมการเข้าสังคมเป็นระยะ
  • F41.2F8I-10: สร้างแรงจูงใจโดยตั้งเป้าหมายเล็ก ๆ ในแต่ละวัน

✅ Response (การตอบสนอง)

  • F41.2F8R-1: ผู้ป่วยเริ่มพูดคุยและตอบรับการสนทนา
  • F41.2F8R-2: ผู้ป่วยเข้าร่วมกิจกรรมกลุ่มอย่างน้อย 1 ครั้งต่อสัปดาห์
  • F41.2F8R-3: ผู้ป่วยรายงานความรู้สึกปลอดภัยและมั่นใจเมื่ออยู่กับคนอื่น
  • F41.2F8R-4: พฤติกรรมหลีกเลี่ยงสังคมลดลงอย่างเห็นได้ชัด
  • F41.2F8R-5: ผู้ป่วยแสดงความร่วมมือในการดูแลและบำบัดต่อเนื่อง

.........................................................

F41.2F9: ขาดความรู้ในการดูแลตนเอง (Deficient knowledge about self-care and illness)

📌 Assessment (การประเมิน)

S:

  • ผู้ป่วยพูดว่า “ไม่เข้าใจว่าทำไมรู้สึกแบบนี้” หรือ “ไม่รู้จะจัดการกับความเครียดยังไง”
  • มีความสับสนเกี่ยวกับอาการและวิธีดูแลตนเอง

O:

  • ผู้ป่วยมีคำถามเกี่ยวกับโรคและยา
  • มีพฤติกรรมที่เสี่ยง เช่น งดยา หลีกเลี่ยงกิจกรรม
  • ขาดความร่วมมือในการรักษา

🎯 Goals (เป้าหมาย)

  • ผู้ป่วยเข้าใจสาเหตุและอาการของโรควิตกกังวลแบบปนเป
  • ผู้ป่วยสามารถอธิบายวิธีดูแลตนเองและจัดการอารมณ์ได้
  • ผู้ป่วยมีพฤติกรรมที่ส่งเสริมสุขภาพและการรักษา
  • ลดความสับสนและเพิ่มความมั่นใจในการดูแลตนเอง

📏 Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)

  • ผู้ป่วยสามารถเล่าอาการและสาเหตุของโรคได้อย่างถูกต้อง
  • ผู้ป่วยปฏิบัติตามคำแนะนำเรื่องยาและการดูแลตนเอง
  • ผู้ป่วยใช้เทคนิคผ่อนคลายและจัดการอารมณ์ได้
  • ผู้ป่วยแสดงพฤติกรรมที่เหมาะสม เช่น มาตรวจตามนัด รับประทานยา

🛠️ Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)

  • F41.2F9I-1: ประเมินความเข้าใจของผู้ป่วยเกี่ยวกับโรคและวิธีดูแลตนเอง
  • F41.2F9I-2: อธิบายข้อมูลเกี่ยวกับโรควิตกกังวลแบบปนเป ด้วยภาษาง่าย ๆ และตัวอย่างชัดเจน
  • F41.2F9I-3: สอนเทคนิคการจัดการอารมณ์ เช่น การหายใจลึก การผ่อนคลายกล้ามเนื้อ
  • F41.2F9I-4: ให้เอกสารหรือสื่อการเรียนรู้ที่เข้าใจง่าย เช่น รูปภาพ วิดีโอ
  • F41.2F9I-5: ตอบคำถามและแก้ไขความเข้าใจผิดอย่างใจเย็น
  • F41.2F9I-6: ส่งเสริมให้ผู้ป่วยซักถามและบอกเล่าความรู้สึกอย่างเปิดเผย
  • F41.2F9I-7: จัดกิจกรรมกลุ่มแลกเปลี่ยนความรู้กับผู้ป่วยคนอื่น
  • F41.2F9I-8: ประสานทีมสหวิชาชีพ เช่น นักจิตวิทยา นักโภชนาการ เพื่อเสริมความรู้
  • F41.2F9I-9: ตรวจสอบความเข้าใจซ้ำเป็นระยะ
  • F41.2F9I-10: ให้กำลังใจและชมเชยเมื่อผู้ป่วยปฏิบัติตามคำแนะนำได้ดี

✅ Response (การตอบสนอง)

  • F41.2F9R-1: ผู้ป่วยอธิบายโรคและอาการได้ถูกต้อง
  • F41.2F9R-2: ผู้ป่วยปฏิบัติตามคำแนะนำเรื่องยาและการดูแลตนเอง
  • F41.2F9R-3: ใช้เทคนิคผ่อนคลายเมื่อมีอาการวิตกกังวล
  • F41.2F9R-4: ผู้ป่วยแสดงความมั่นใจในการดูแลตนเองเพิ่มขึ้น
  • F41.2F9R-5: มีพฤติกรรมร่วมมือในการรักษาและตรวจติดตามอย่างต่อเนื่อง

........................................................

F41.2F10: วางแผนจำหน่ายไม่เพียงพอ (Ineffective discharge planning)

📌 Assessment (การประเมิน)

S:

  • ผู้ป่วยหรือญาติพูดว่า “ไม่รู้จะทำอย่างไรเมื่อกลับบ้าน”
  • กังวลหรือวิตกเกี่ยวกับการดูแลตนเองหลังจำหน่าย

O:

  • ไม่มีแผนการดูแลต่อเนื่องชัดเจน
  • ขาดข้อมูลการนัดหมาย การใช้ยา หรือการดูแลสุขภาพ
  • ญาติไม่เข้าใจบทบาทหรือหน้าที่ในการดูแล

🎯 Goals (เป้าหมาย)

  • ผู้ป่วยและญาติมีความเข้าใจแผนการดูแลต่อเนื่องหลังจำหน่าย
  • จัดทำแผนดูแลต่อเนื่องที่เหมาะสมและครอบคลุม
  • ประสานทีมสหวิชาชีพเพื่อการดูแลครบวงจร
  • ลดความเสี่ยงและภาวะแทรกซ้อนหลังจำหน่าย

📏 Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)

  • ผู้ป่วยและญาติอธิบายขั้นตอนการดูแลตนเองที่บ้านได้
  • มีแผนการนัดหมายติดตามผลชัดเจน
  • ผู้ป่วยรับยาถูกต้องและเข้าใจวิธีใช้ยา
  • ทีมสหวิชาชีพได้ประสานงานเรียบร้อยแล้ว
  • ไม่มีเหตุการณ์ฉุกเฉินหรือกลับเข้าโรงพยาบาลซ้ำในระยะสั้น

🛠️ Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)

  • F41.2F10I-1: ประเมินความเข้าใจและความพร้อมของผู้ป่วยและญาติในการดูแลที่บ้าน
  • F41.2F10I-2: ให้ข้อมูลชัดเจนเกี่ยวกับโรค วิธีดูแล การใช้ยา และการปฏิบัติตัวหลังจำหน่าย
  • F41.2F10I-3: วางแผนการนัดหมายติดตามผลกับแพทย์และทีมสหวิชาชีพ
  • F41.2F10I-4: ประสานงานกับนักจิตวิทยา นักโภชนาการ หรือนักกายภาพบำบัดตามความจำเป็น
  • F41.2F10I-5: จัดเตรียมเอกสารและคู่มือการดูแลสำหรับผู้ป่วยและญาติ
  • F41.2F10I-6: สอนญาติและผู้ป่วยถึงสัญญาณอันตรายที่ต้องแจ้งทีมรักษาทันที
  • F41.2F10I-7: แนะนำกลุ่มสนับสนุน หรือแหล่งช่วยเหลือในชุมชน
  • F41.2F10I-8: ตรวจสอบความเข้าใจซ้ำและตอบคำถามอย่างละเอียด
  • F41.2F10I-9: ติดตามผลหลังจำหน่ายทางโทรศัพท์หรือเยี่ยมบ้าน
  • F41.2F10I-10: วางแผนปรับแผนการดูแลตามผลตอบรับและความต้องการของผู้ป่วย

✅ Response (การตอบสนอง)

  • F41.2F10R-1: ผู้ป่วยและญาติเข้าใจและสามารถปฏิบัติตามแผนดูแลที่บ้านได้
  • F41.2F10R-2: ผู้ป่วยรับยาถูกต้องและใช้ยาตามคำแนะนำ
  • F41.2F10R-3: ผู้ป่วยมาตรวจติดตามตามนัดหมายครบถ้วน
  • F41.2F10R-4: ลดการกลับมาโรงพยาบาลซ้ำจากภาวะแทรกซ้อน
  • F41.2F10R-5: ผู้ป่วยรู้จักสัญญาณอันตรายและแจ้งทีมรักษาทันเวลา

......................................................................

เอกสารอ้างอิง

  • กระทรวงสาธารณสุข. (2564). คู่มือการดูแลผู้ป่วยจิตเวชเบื้องต้น: วิตกกังวลและซึมเศร้า. สำนักโรคไม่ติดต่อและสุขภาพจิต, กรมสุขภาพจิต. [Online] เข้าถึงได้จาก: https://www.dmh.go.th
  • สมาคมจิตแพทย์แห่งประเทศไทย. (2563). แนวทางเวชปฏิบัติ โรควิตกกังวลและภาวะซึมเศร้า. กรุงเทพฯ: สมาคมจิตแพทย์แห่งประเทศไทย.
  • American Psychiatric Association. (2013). Diagnostic and Statistical Manual of Mental Disorders (DSM-5), 5th Edition. Arlington, VA: American Psychiatric Publishing.
  • World Health Organization. (2019). International Classification of Diseases 11th Revision (ICD-11). Geneva: WHO. Available at: https://icd.who.int/

.......................................................................