Psych. Topic 14 : Anorexia Nervosa, Bulimia Nervosa - F50
🎯 รู้ทัน! โรคการกินผิดปกติ (Eating
Disorders - F50) พบบ่อยในวัยรุ่น
ผู้หญิง และคนที่มีความเครียดสูง
🧠 พยาธิสภาพ / สาเหตุ
โรคนี้เกิดจากความผิดปกติของพฤติกรรมการกิน เช่น กินน้อยมาก (Anorexia), กินมากเกินและล้วงอาเจียน (Bulimia),
หรือกินจุกจิกควบคุมไม่ได้ (Binge Eating) ➡️
มักมีสาเหตุจากความเครียด, ภาวะซึมเศร้า,
ความกดดันจากสังคมเรื่องรูปร่าง
🧠 ปัจจัยที่ทำให้เกิด
🔸 ความกังวลเรื่องรูปร่างหรือน้ำหนัก
🔸 ภาวะเครียด หรือถูกบูลลี่
🔸 มีบุคคลในครอบครัวเคยเป็นโรคนี้
🔸 ใช้โซเชียลมีเดียบ่อยเกินไป
🧠 การรักษา : ต้องรักษาทั้งร่างกายและจิตใจ
✅ ปรึกษาจิตแพทย์หรือนักจิตวิทยา
✅ รับประทานอาหารตามคำแนะนำ
✅ ใช้ยาในบางกรณี เช่น ยาต้านซึมเศร้า
✅ การบำบัดแบบกลุ่มหรือครอบครัว
🧠 การพยาบาล
🤝 สังเกตสัญญาณเตือน เช่น
น้ำหนักลดเร็ว ผิวซีด อ่อนเพลีย
🤝 ให้คำแนะนำด้านโภชนาการและสุขภาพจิต
🤝 รับฟังผู้ป่วยอย่างไม่ตัดสิน
🤝 ส่งต่อทีมจิตเวชเพื่อประเมินและดูแลต่อเนื่อง
🧠 การดูแลตนเองสำหรับบุคคลทั่วไป
✨อย่าตัดสินตัวเองจากรูปร่าง
✨ทานอาหารให้ครบ 5 หมู่
✨ดูแลสุขภาพจิตด้วยการนอนพักผ่อนให้เพียงพอ
✨ลดเวลาอยู่กับโซเชียล
✨หากรู้สึกควบคุมการกินไม่ได้
ควรรีบปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ
✨ใส่ใจตั้งแต่สัญญาณแรก รักษาได้ทันก่อนสายเกินไป
………………………………………………………………
🔎 วินิจฉัยการพยาบาลผู้ป่วยโรคการกินผิดปกติ (Eating
Disorders – F50)
- F50F1 มีภาวะขาดสารอาหารและน้ำอย่างรุนแรง (Severe malnutrition and dehydration) ร่างกายอ่อนเพลีย ความดันต่ำ ชีพจรเต้นช้า ต้องได้รับสารอาหารและน้ำทันทีทางหลอดเลือด
- F50F2 มีภาวะไม่สมดุลของอิเล็กโตรไลต์ (Electrolyte imbalance) มีอาการใจสั่น กล้ามเนื้ออ่อนแรง เสี่ยงหัวใจเต้นผิดจังหวะ
- F50F3 มีความเสี่ยงต่อการทำร้ายตนเองหรือฆ่าตัวตาย (Risk of self-harm or suicide) ผู้ป่วยมักมีภาวะซึมเศร้า รู้สึกไร้ค่า ต้องได้รับการประเมินสุขภาพจิตทันที
- F50F4 มีภาพลักษณ์ผิดเพี้ยนเกี่ยวกับร่างกายตนเอง (Distorted body image) มองว่าตนเองอ้วนแม้น้ำหนักต่ำกว่าเกณฑ์มาก ต้องใช้การบำบัดความคิด
- F50F5 มีรูปแบบการกินอาหารผิดปกติ (Disordered eating behavior) กินมากไป/กินน้อยไป หรืออาเจียนหลังอาหาร ต้องดูแลให้รับประทานอย่างปลอดภัย
- F50F6 มีความรู้สึกโดดเดี่ยวและขาดการสนับสนุนจากครอบครัว (Feelings of isolation and lack of family support) ผู้ป่วยรู้สึกว่าไม่มีใครเข้าใจ อาจต่อต้านการรักษา
- F50F7 มีภาวะแทรกซ้อนทางร่างกาย (Physical complications) เช่น ผมร่วง กระดูกพรุน ประจำเดือนขาด ต้องได้รับการติดตามอาการ
- F50F8 ขาดความรู้เกี่ยวกับโรคและการดูแลตนเอง (Knowledge deficit about the illness and self-care) ไม่เข้าใจโรคหรือผลกระทบต่อสุขภาพ ต้องให้ความรู้ทั้งผู้ป่วยและครอบครัว
- F50F9 ขาดแรงจูงใจในการฟื้นฟู (Lack of motivation for recovery) ไม่เห็นปัญหา ไม่อยากเปลี่ยนพฤติกรรม ต้องใช้เทคนิคสร้างแรงจูงใจ
- F50F10 ต้องการการวางแผนจำหน่ายและติดตามต่อเนื่อง (Needs discharge planning and follow-up care) เพื่อป้องกันการกลับมาเป็นซ้ำ ต้องจัดทีมดูแลหลังออกจากโรงพยาบาล
………………………………………………………..
F50F1 มีภาวะขาดสารอาหารและน้ำอย่างรุนแรง
(Severe malnutrition and dehydration)
📋 Assessment (การประเมิน)
S:
- รู้สึกเวียนศีรษะ อ่อนแรง เหนื่อยง่าย
- ไม่มีแรงจะลุกเดินหรือทำกิจกรรม
- ปากแห้ง ลิ้นแห้ง
O:
- น้ำหนักลดมากเกิน 10% ในเวลาอันสั้น
- ความดันโลหิตต่ำ <90/60 mmHg
- ชีพจรช้ากว่า 60 ครั้ง/นาที
- ผิวแห้งเย็น ปลายมือซีด
- ผลแลปพบอิเล็กโตรไลต์ต่ำ และโปรตีนในเลือดต่ำ
🎯 Goals (เป้าหมาย)
- ผู้ป่วยได้รับสารอาหารและน้ำอย่างเหมาะสม
- สัญญาณชีพอยู่ในเกณฑ์ปกติ
- ไม่มีภาวะแทรกซ้อนจากภาวะขาดน้ำและสารอาหาร
- ผู้ป่วยมีแรงพอทำกิจวัตรประจำวันได้
📊 Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)
- น้ำหนักเพิ่มขึ้นอย่างน้อย 0.5 กก./สัปดาห์
- ความดันโลหิต ≥ 90/60 mmHg และชีพจร 60–100 ครั้ง/นาที
- ผิวพรรณและริมฝีปากชุ่มชื้น
- ผู้ป่วยรับประทานอาหารและดื่มน้ำได้มากขึ้น
✅ Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)
- F50F1I-1: ชั่งน้ำหนักตัวผู้ป่วยทุกเช้าในเวลาเดียวกัน เพื่อติดตามการเปลี่ยนแปลงน้ำหนัก
- F50F1I-2: เฝ้าระวังและบันทึกสัญญาณชีพทุก 4 ชั่วโมง
- F50F1I-3: ให้สารน้ำและสารอาหารทางหลอดเลือดตามแผนการรักษาของแพทย์
- F50F1I-4: ประเมินอาการขาดน้ำ เช่น ผิวแห้ง ปากแห้ง ปัสสาวะน้อย
- F50F1I-5: ตรวจระดับอิเล็กโตรไลต์ในเลือด และรายงานความผิดปกติ
- F50F1I-6: จัดอาหารตามคำแนะนำของนักโภชนาการและสังเกตการรับประทาน
- F50F1I-7: ส่งเสริมให้ผู้ป่วยดื่มน้ำและรับประทานอาหารทีละน้อย แต่บ่อยครั้ง
- F50F1I-8: ประเมินความสามารถในการกลืนหรือมีภาวะสำลักหรือไม่
- F50F1I-9: สอนครอบครัวเรื่องสัญญาณอันตรายของภาวะขาดน้ำและสารอาหาร
- F50F1I-10: วางแผนฟื้นฟูโภชนาการระยะยาวร่วมกับทีมสหวิชาชีพ
💬 Response (การตอบสนองของผู้ป่วย)
- F50F1R-1: น้ำหนักเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องและอยู่ในเกณฑ์ปลอดภัย
- F50F1R-2: สัญญาณชีพคงที่ในระดับปกติ
- F50F1R-3: ผู้ป่วยรู้สึกมีแรงขึ้น และสามารถลุกนั่งหรือเดินได้
- F50F1R-4: ผิวและริมฝีปากชุ่มชื้น ไม่มีอาการขาดน้ำ
- F50F1R-5: ผู้ป่วยสามารถรับประทานอาหารได้โดยไม่อาเจียนหรือปฏิเสธอาหาร
………………………………………………………
F50F2 มีภาวะไม่สมดุลของอิเล็กโตรไลต์
(Electrolyte Imbalance)
📋 Assessment (การประเมิน)
S:
- ใจสั่น หน้ามืด มึนงง
- รู้สึกเหนื่อยง่าย กล้ามเนื้ออ่อนแรง
- ชา/ตะคริวตามแขนขา
O:
- คลื่นไฟฟ้าหัวใจ (EKG) ผิดปกติ
- ตรวจเลือดพบระดับโพแทสเซียม โซเดียม หรือแมกนีเซียมผิดปกติ
- ปัสสาวะลดลง หรือมีสีเข้ม
- หายใจหอบ อ่อนแรง
- ชีพจรเต้นผิดปกติ
🎯 Goals (เป้าหมาย)
- ผู้ป่วยมีระดับอิเล็กโตรไลต์อยู่ในเกณฑ์ปกติ
- ไม่มีภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะหรือช็อก
- อาการกล้ามเนื้ออ่อนแรงหรือใจสั่นลดลง
- ผู้ป่วยรับสารน้ำและโภชนาการที่เหมาะสม
📊 Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)
- ผลตรวจเลือด: โพแทสเซียม/โซเดียม/แมกนีเซียมอยู่ในเกณฑ์ปกติ
- ไม่มีอาการใจสั่นหรือกล้ามเนื้ออ่อนแรง
- คลื่นไฟฟ้าหัวใจปกติ
- ผู้ป่วยรับประทานอาหาร/ดื่มน้ำได้ดี
✅ Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)
- F50F2I-1: เฝ้าระวังและบันทึกสัญญาณชีพทุก 4 ชั่วโมง โดยเฉพาะชีพจรและความดัน
- F50F2I-2: ประเมิน EKG อย่างต่อเนื่อง เพื่อเฝ้าระวังภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ
- F50F2I-3: ตรวจระดับอิเล็กโตรไลต์ในเลือดตามแผนการรักษา
- F50F2I-4: ให้สารน้ำและอิเล็กโตรไลต์ทางหลอดเลือดตามคำสั่งแพทย์
- F50F2I-5: ประเมินสัญญาณของอาการแทรกซ้อน เช่น ใจสั่น มือเท้าชา ตะคริว
- F50F2I-6: ให้คำแนะนำด้านอาหารที่ช่วยปรับสมดุลเกลือแร่ เช่น กล้วย น้ำส้ม โยเกิร์ต
- F50F2I-7: เฝ้าระวังการใช้ยาที่มีผลต่ออิเล็กโตรไลต์ เช่น ยาขับปัสสาวะ
- F50F2I-8: สังเกตปริมาณและสีของปัสสาวะเพื่อประเมินภาวะขาดน้ำ
- F50F2I-9: สอนผู้ป่วยและญาติเรื่องอาการเตือนของภาวะอิเล็กโตรไลต์ผิดปกติ
- F50F2I-10: ส่งเสริมให้ผู้ป่วยรับประทานอาหารที่เหมาะสมตามแผนโภชนาการ
💬 Response (การตอบสนองของผู้ป่วย)
- F50F2R-1: ผู้ป่วยไม่มีอาการใจสั่นหรือช็อก
- F50F2R-2: ค่าอิเล็กโตรไลต์ในเลือดกลับสู่เกณฑ์ปกติ
- F50F2R-3: กล้ามเนื้อแข็งแรงขึ้น ไม่มีอาการชาหรือตะคริว
- F50F2R-4: คลื่นไฟฟ้าหัวใจอยู่ในเกณฑ์ปกติ
- F50F2R-5: ผู้ป่วยรับประทานอาหารและดื่มน้ำได้อย่างเหมาะสม
…………………………………………………………………….
F50F3 มีความเสี่ยงต่อการทำร้ายตนเองหรือฆ่าตัวตาย
(Risk of self-harm or suicide)
📋 Assessment (การประเมิน)
S:
- ผู้ป่วยพูดว่า “ไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้ว” หรือ “ไม่มีค่าอะไรเลย”
- รู้สึกหมดหวัง ไม่อยากอยู่ต่อ
- บ่นว่าอยากนอนหลับไปแล้วไม่ตื่น
O:
- สีหน้าเศร้าหมอง พูดน้อย ตอบช้า
- แยกตัว ไม่อยากพูดคุย
- มีรอยแผลหรือพฤติกรรมทำร้ายตนเอง เช่น ข่วน กรีด
- ประวัติพยายามฆ่าตัวตายมาก่อน
🎯 Goals (เป้าหมาย)
- ผู้ป่วยปลอดภัยจากการทำร้ายตนเอง
- ผู้ป่วยสามารถพูดคุยระบายความรู้สึกได้
- มีบุคคลที่ผู้ป่วยไว้วางใจคอยสนับสนุน
- ผู้ป่วยได้รับการประเมินและดูแลจากทีมสุขภาพจิต
📊 Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)
- ผู้ป่วยไม่มีพฤติกรรมทำร้ายตนเอง
- ผู้ป่วยพูดคุยกับบุคลากรสุขภาพได้
- มีแผนการดูแลสุขภาพจิตอย่างต่อเนื่อง
- ครอบครัว/ญาติเข้ามามีส่วนร่วมในการดูแล
✅ Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)
- F50F3I-1: ประเมินความเสี่ยงต่อการฆ่าตัวตายอย่างละเอียด (เช่น แบบประเมิน Columbia-Suicide Severity Rating Scale)
- F50F3I-2: เฝ้าระวังผู้ป่วยอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะในช่วง 24-72 ชม.แรกที่เข้ารับการรักษา
- F50F3I-3: เอาสิ่งของที่อาจใช้ทำร้ายตัวเองออกจากพื้นที่ เช่น ของมีคม สายไฟ เชือก
- F50F3I-4: เปิดโอกาสให้ผู้ป่วยระบายความรู้สึกด้วยความเข้าใจ โดยไม่ตัดสิน
- F50F3I-5: แจ้งทีมสุขภาพจิต (จิตแพทย์/พยาบาลจิตเวช) เพื่อประเมินและวางแผนการรักษา
- F50F3I-6: สื่อสารกับญาติ/ผู้ดูแลให้เข้าใจถึงอาการและความเสี่ยงของผู้ป่วย
- F50F3I-7: จัดกิจกรรมเบาๆ ที่ช่วยคลายความเครียด เช่น วาดภาพ ฟังเพลง พูดคุย
- F50F3I-8: ส่งเสริมความสัมพันธ์กับคนรอบข้างที่ปลอดภัยและให้กำลังใจ
- F50F3I-9: สนับสนุนให้ผู้ป่วยมีส่วนร่วมในแผนการรักษาเพื่อเสริมความรู้สึกมีคุณค่า
- F50F3I-10: บันทึกความก้าวหน้าทางอารมณ์และพฤติกรรมผู้ป่วยอย่างต่อเนื่อง
💬 Response (การตอบสนองของผู้ป่วย)
- F50F3R-1: ผู้ป่วยไม่มีพฤติกรรมหรือคำพูดที่บ่งชี้ว่าจะทำร้ายตัวเอง
- F50F3R-2: ผู้ป่วยสามารถพูดคุยและแสดงความรู้สึกได้อย่างเปิดเผย
- F50F3R-3: มีการเชื่อมโยงกับทีมสุขภาพจิตและเริ่มแผนการดูแล
- F50F3R-4: ครอบครัว/ญาติมีส่วนร่วมในการดูแลและให้การสนับสนุน
- F50F3R-5: ผู้ป่วยเข้าร่วมกิจกรรมคลายเครียดและมีปฏิสัมพันธ์กับคนรอบข้างมากขึ้น
………………………………………………………………….
F50F4 มีภาพลักษณ์ผิดเพี้ยนเกี่ยวกับร่างกายตนเอง
(Distorted body image)
📋 Assessment (การประเมิน)
S:
- ผู้ป่วยพูดว่า “ฉันยังอ้วนอยู่” หรือ “ฉันไม่สวยเพราะยังผอมไม่พอ”
- ปฏิเสธอาหารแม้มีน้ำหนักต่ำกว่าเกณฑ์
- แสดงความไม่พอใจต่อรูปร่างของตนเอง
O:
- น้ำหนักตัวต่ำกว่ามาตรฐาน >15%
- ส่องกระจกบ่อย ตรวจสอบร่างกายตัวเองบ่อยผิดปกติ
- หลีกเลี่ยงการชั่งน้ำหนัก/ไม่ยอมดูตัวเองในกระจก
- พฤติกรรมควบคุมอาหารรุนแรง เช่น ออกกำลังกายมากเกินไป หรืออดอาหาร
🎯 Goals (เป้าหมาย)
- ผู้ป่วยสามารถรับรู้รูปร่างของตนเองได้อย่างสมจริงมากขึ้น
- ลดความคิดเชิงลบเกี่ยวกับรูปร่างตัวเอง
- เปิดใจยอมรับกระบวนการฟื้นฟูและการบำบัด
- มีพฤติกรรมการกินและควบคุมอาหารที่ปลอดภัย
📊 Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)
- ผู้ป่วยยอมรับรูปร่างของตนได้ดีขึ้น
- ลดพฤติกรรมตรวจสอบหรือวิจารณ์รูปร่างบ่อยเกินไป
- เข้าร่วมกิจกรรมบำบัดได้อย่างสม่ำเสมอ
- มีพฤติกรรมการกินที่สมดุลและเหมาะสม
✅ Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)
- F50F4I-1: ประเมินภาพลักษณ์ตนเองของผู้ป่วย โดยการพูดคุย เปิดใจ และใช้เครื่องมือทางจิตวิทยา
- F50F4I-2: สนับสนุนให้ผู้ป่วยบันทึกความรู้สึกเกี่ยวกับรูปร่างของตนเองอย่างสม่ำเสมอ
- F50F4I-3: หลีกเลี่ยงการโฟกัสน้ำหนักหรือรูปร่างในระหว่างการสนทนา
- F50F4I-4: กระตุ้นให้ผู้ป่วยแสดงออกถึงสิ่งดีๆ เกี่ยวกับตนเองที่ไม่ใช่เรื่องรูปร่าง
- F50F4I-5: ให้ความรู้เรื่อง “ภาพลักษณ์ของร่างกาย” (Body Image) และความเป็นจริงของร่างกายที่เหมาะสม
- F50F4I-6: ประสานนักจิตวิทยาหรือนักบำบัดด้านพฤติกรรม เพื่อช่วยบำบัดความคิดผิดเพี้ยน
- F50F4I-7: ส่งเสริมให้ผู้ป่วยเข้าร่วมกลุ่มสนับสนุนหรือกิจกรรมที่เสริมสร้างความภาคภูมิใจในตนเอง
- F50F4I-8: เฝ้าระวังพฤติกรรมที่บ่งชี้ว่าผู้ป่วยยังไม่ยอมรับรูปร่างของตน เช่น หลีกเลี่ยงการกิน หรือหมกมุ่นกับรูปร่าง
- F50F4I-9: ส่งเสริมการสื่อสารเชิงบวกกับตัวเอง (Positive self-talk)
- F50F4I-10: ติดตามผลและบันทึกความเปลี่ยนแปลงด้านความคิดและพฤติกรรมของผู้ป่วย
💬 Response (การตอบสนองของผู้ป่วย)
- F50F4R-1: ผู้ป่วยสามารถพูดถึงรูปร่างของตนเองโดยไม่ตัดสินตนเองในแง่ลบ
- F50F4R-2: ลดพฤติกรรมการวิจารณ์รูปร่าง/น้ำหนักตนเอง
- F50F4R-3: ผู้ป่วยเข้าร่วมการบำบัดและกิจกรรมที่เน้นความภาคภูมิใจในตนเอง
- F50F4R-4: มีความมั่นใจในการแสดงออกทางสังคมมากขึ้น
- F50F4R-5: ผู้ป่วยยอมรับกระบวนการรักษา และมีพฤติกรรมการกินที่ปลอดภัยขึ้น
………………………………………………………..
F50F5 มีรูปแบบการกินอาหารผิดปกติ (Disordered eating behavior)
📋 Assessment (การประเมิน)
S:
- ผู้ป่วยบอกว่า “ฉันกินแล้วรู้สึกผิด ต้องเอาออก”
- บอกว่าควบคุมการกินไม่ได้ หิวตลอดเวลา หรือไม่อยากกินเลย
- มีความกลัวอ้วนหรือรู้สึกผิดหลังรับประทานอาหาร
O:
- น้ำหนักเปลี่ยนแปลงรวดเร็ว
- พบพฤติกรรมซ่อนอาหาร กินลับ ๆ หรือเข้าห้องน้ำทันทีหลังอาหาร
- ปาก/นิ้วมือมีรอยแดงจากการอาเจียน
- กินอาหารไม่สม่ำเสมอหรืออดอาหารเป็นช่วง ๆ
🎯 Goals (เป้าหมาย)
- ผู้ป่วยมีพฤติกรรมการกินที่ปลอดภัยและเหมาะสม
- หลีกเลี่ยงพฤติกรรมอาเจียนหรือควบคุมอาหารผิดปกติ
- รับประทานอาหารอย่างมีแบบแผนตามคำแนะนำ
- ยอมรับการช่วยเหลือจากทีมสุขภาพ
📊 Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)
- ผู้ป่วยรับประทานอาหารตรงเวลาและตามแผน
- ไม่มีการอาเจียน/ใช้ยาถ่ายหลังรับประทาน
- น้ำหนักคงที่หรือเพิ่มขึ้นตามเป้าหมาย
- ผู้ป่วยมีทัศนคติที่ดีขึ้นต่อการกินอาหาร
✅ Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)
- F50F5I-1: เฝ้าสังเกตพฤติกรรมการกินในแต่ละมื้ออย่างใกล้ชิดโดยไม่ตำหนิ
- F50F5I-2: วางแผนมื้ออาหารให้สม่ำเสมอและมีปริมาณที่เหมาะสม ร่วมกับนักโภชนาการ
- F50F5I-3: หลีกเลี่ยงการให้ผู้ป่วยอยู่ลำพังในห้องน้ำทันทีหลังอาหาร
- F50F5I-4: สนับสนุนให้ผู้ป่วยพูดคุยเกี่ยวกับความรู้สึกผิดหรือความเครียดเกี่ยวกับการกิน
- F50F5I-5: ประเมินและบันทึกน้ำหนัก น้ำ และพฤติกรรมการกินเป็นประจำ
- F50F5I-6: สนับสนุนการทำกิจกรรมหลังอาหารที่ไม่เกี่ยวกับรูปร่าง เช่น อ่านหนังสือ ฟังเพลง
- F50F5I-7: ให้คำแนะนำเกี่ยวกับการกินที่ปลอดภัยและป้องกันการย้อนกลับของพฤติกรรม
- F50F5I-8: ประสานงานนักจิตวิทยาหรือนักบำบัดเพื่อจัดการพฤติกรรมเสี่ยง
💬 Response (การตอบสนองของผู้ป่วย)
- F50F5R-1: ผู้ป่วยรับประทานอาหารครบ 3 มื้อโดยไม่หลีกเลี่ยงหรืออาเจียน
- F50F5R-2: ไม่มีพฤติกรรมหลบซ่อนอาหารหรือใช้วิธีควบคุมอาหารผิดปกติ
- F50F5R-3: น้ำหนักคงที่หรือเพิ่มขึ้นอย่างปลอดภัย
- F50F5R-4: ผู้ป่วยมีทัศนคติเชิงบวกเกี่ยวกับการกินมากขึ้น
- F50F5R-5: เข้าร่วมกิจกรรมกลุ่มหรือการบำบัดอย่างสม่ำเสมอ
…………………………………………………………..
F50F6 มีความรู้สึกโดดเดี่ยวและขาดการสนับสนุนจากครอบครัว (Feelings of isolation and lack of family support)
📋 Assessment (การประเมิน)
S:
- ผู้ป่วยกล่าวว่า “ไม่มีใครเข้าใจฉัน” หรือ “ครอบครัวไม่สนใจฉันเลย”
- รู้สึกหมดหวัง ขาดแรงจูงใจในการเข้าร่วมการรักษา
O:
- ผู้ป่วยเก็บตัว เงียบ ไม่เข้าสังคม
- ปฏิเสธเข้าร่วมกิจกรรมกลุ่มหรือการบำบัดร่วมกับผู้อื่น
- มีสีหน้าซึมเศร้า ตอบสนองช้า
🎯 Goals (เป้าหมาย)
- ผู้ป่วยรู้สึกได้รับความเข้าใจและการสนับสนุน
- มีส่วนร่วมในการรักษาและกิจกรรมกลุ่ม
- เปิดใจพูดคุยกับบุคลากรทางสุขภาพ
- ครอบครัวหรือบุคคลใกล้ชิดมีส่วนร่วมในการดูแล
📊 Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)
- ผู้ป่วยเริ่มพูดคุยมากขึ้น และร่วมกิจกรรมกลุ่ม
- มีทัศนคติที่ดีขึ้นต่อบุคลากรและแผนการรักษา
- ครอบครัวมีส่วนร่วมในการเข้าร่วมกิจกรรม/การให้คำปรึกษา
- ผู้ป่วยแสดงออกว่ารู้สึกว่า "มีคนอยู่เคียงข้าง"
✅ Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)
- F50F6I-1: สร้างความสัมพันธ์แบบไว้วางใจกับผู้ป่วย เพื่อให้รู้สึกปลอดภัยในการเปิดใจ
- F50F6I-2: รับฟังผู้ป่วยโดยไม่ตัดสิน ส่งเสริมให้พูดความรู้สึกที่แท้จริง
- F50F6I-3: ส่งเสริมให้เข้าร่วมกิจกรรมกลุ่มกับผู้ป่วยรายอื่น เพื่อลดความโดดเดี่ยว
- F50F6I-4: ประเมินเครือข่ายทางสังคมและความสัมพันธ์ของผู้ป่วยกับครอบครัว
- F50F6I-5: ประสานนักสังคมสงเคราะห์หรือผู้ให้คำปรึกษาครอบครัวเพื่อสร้างความเข้าใจ
- F50F6I-6: กระตุ้นครอบครัวให้มีส่วนร่วมในการรักษา เช่น ร่วมประชุมหรือทำกิจกรรมกับผู้ป่วย
- F50F6I-7: ส่งเสริมทักษะการสื่อสารระหว่างผู้ป่วยและครอบครัว
- F50F6I-8: ให้ข้อมูลเกี่ยวกับกลุ่มสนับสนุนผู้ป่วย Eating Disorders
💬 Response (การตอบสนองของผู้ป่วย)
- F50F6R-1: ผู้ป่วยพูดคุยเปิดใจกับบุคลากรหรือเพื่อนร่วมกลุ่ม
- F50F6R-2: เข้าร่วมกิจกรรมกลุ่มอย่างสม่ำเสมอ
- F50F6R-3: ครอบครัวมีการเข้าร่วมประชุมหรือรับรู้แผนการรักษา
- F50F6R-4: ผู้ป่วยแสดงทัศนคติว่าตนเองไม่ได้อยู่เพียงลำพัง
- F50F6R-5: มีอารมณ์และแรงจูงใจที่ดีขึ้นในการเข้าร่วมการรักษา
…………………………………………………………
F50F7 มีภาวะแทรกซ้อนทางร่างกาย
(Physical complications)
📋 Assessment (การประเมิน)
S:
- ผู้ป่วยบ่นว่า “ผมร่วงเยอะมาก” / “รู้สึกอ่อนเพลียง่าย”
- ประจำเดือนขาดนานหลายเดือน
O:
- ผิวหนังแห้ง เล็บเปราะ ผมบาง
- ไม่มีประจำเดือนนานกว่า 3 เดือน
- น้ำหนักต่ำกว่ามาตรฐาน
- ผลตรวจเลือดพบภาวะฮอร์โมนผิดปกติ / ความหนาแน่นของกระดูกลดลง
🎯 Goals (เป้าหมาย)
- ผู้ป่วยมีภาวะทางกายภาพดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง
- ภาวะแทรกซ้อนลดลงหรือควบคุมได้
- ผู้ป่วยรับรู้ถึงผลกระทบของภาวะขาดสารอาหาร
- มีส่วนร่วมในแผนการฟื้นฟูสุขภาพ
📊 Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)
- ผมร่วงลดลง ผิวหนังและเล็บแข็งแรงขึ้น
- เริ่มมีประจำเดือนกลับมาเป็นปกติ
- ผลเลือดและค่าความหนาแน่นกระดูกดีขึ้น
- ผู้ป่วยมีอารมณ์และแรงจูงใจดีขึ้น
✅ Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)
- F50F7I-1: ประเมินอาการทางกาย เช่น ผมร่วง ผิวแห้ง อาการกระดูกพรุน และการมีประจำเดือน
- F50F7I-2: เฝ้าระวังผลเลือดที่เกี่ยวข้อง เช่น แคลเซียม ฮอร์โมน และความหนาแน่นของกระดูก
- F50F7I-3: ให้คำแนะนำด้านโภชนาการที่เหมาะสม เพื่อฟื้นฟูร่างกาย
- F50F7I-4: ให้คำปรึกษาร่วมกับนักกำหนดอาหารเพื่อวางแผนการรับประทานอาหาร
- F50F7I-5: ให้ข้อมูลเกี่ยวกับผลกระทบระยะยาวของการขาดสารอาหารต่ออวัยวะต่างๆ
- F50F7I-6: ส่งเสริมการออกกำลังกายอย่างปลอดภัย เพื่อเสริมสร้างมวลกระดูก (ตามคำแนะนำแพทย์)
- F50F7I-7: ติดตามการกลับมาของประจำเดือนและบันทึกในระบบอย่างต่อเนื่อง
- F50F7I-8: ประสานแพทย์เฉพาะทาง เช่น สูตินรีแพทย์ หรือแพทย์กระดูก หากพบภาวะแทรกซ้อนชัดเจน
💬 Response (การตอบสนองของผู้ป่วย)
- F50F7R-1: ผมร่วงลดลงและสภาพผิวพรรณดีขึ้น
- F50F7R-2: ผู้ป่วยมีประจำเดือนกลับมาอย่างสม่ำเสมอ
- F50F7R-3: ผลตรวจค่าทางห้องปฏิบัติการอยู่ในเกณฑ์ปกติหรือดีขึ้น
- F50F7R-4: ผู้ป่วยเข้าใจถึงผลกระทบของโรคต่อร่างกายและมีแรงจูงใจดูแลตนเอง
- F50F7R-5: ร่วมมือในการติดตามอาการและเข้ารับการตรวจอย่างต่อเนื่อง
……………………………………………………………
F50F8 ขาดความรู้เกี่ยวกับโรคและการดูแลตนเอง (Knowledge deficit about the illness and self-care)
📋 Assessment (การประเมิน)
S:
- ผู้ป่วยบอกว่า “ไม่เข้าใจว่าโรคนี้ทำให้เกิดผลกระทบต่อร่างกายอย่างไร”
- ครอบครัวไม่ทราบวิธีดูแลผู้ป่วยอย่างถูกต้อง
- ผู้ป่วยอาจไม่รับรู้ถึงความสำคัญของการรับประทานอาหารที่เหมาะสม
O:
- ขาดข้อมูลเกี่ยวกับโรคการกินผิดปกติและการดูแลตนเอง
- พฤติกรรมการรับประทานอาหารผิดปกติยังคงอยู่
- ไม่มีการปรึกษาแพทย์หรือพยาบาลเกี่ยวกับวิธีการดูแลตนเองอย่างถูกต้อง
🎯 Goals (เป้าหมาย)
- ผู้ป่วยและครอบครัวเข้าใจโรคและผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการกินผิดปกติ
- ผู้ป่วยสามารถดูแลตนเองได้อย่างเหมาะสม
- ครอบครัวสามารถสนับสนุนการรักษาของผู้ป่วยได้อย่างถูกต้อง
- ผู้ป่วยมีความรู้และการปฏิบัติที่ดีขึ้นในการดูแลสุขภาพและการรับประทานอาหาร
📊 Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)
- ผู้ป่วยสามารถอธิบายโรคและผลกระทบที่เกิดขึ้นกับร่างกาย
- ผู้ป่วยและครอบครัวสามารถปฏิบัติตามคำแนะนำได้อย่างถูกต้อง
- ผู้ป่วยเริ่มปรับพฤติกรรมการรับประทานอาหารให้เป็นปกติ
- ครอบครัวให้การสนับสนุนผู้ป่วยในการรักษาอย่างมีประสิทธิภาพ
✅ Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)
- F50F8I-1: ประเมินความเข้าใจของผู้ป่วยและครอบครัวเกี่ยวกับโรคและการดูแลตนเอง
- F50F8I-2: อธิบายเกี่ยวกับโรคการกินผิดปกติและผลกระทบต่อสุขภาพให้ผู้ป่วยและครอบครัวเข้าใจ
- F50F8I-3: จัดทำแผนการให้ความรู้เกี่ยวกับการดูแลตนเอง เช่น การรับประทานอาหารที่เหมาะสม การออกกำลังกายที่ปลอดภัย
- F50F8I-4: จัดการประชุมระหว่างผู้ป่วยและครอบครัวเพื่ออธิบายเกี่ยวกับวิธีการสนับสนุนผู้ป่วย
- F50F8I-5: ใช้สื่อการเรียนการสอน เช่น วิดีโอ หนังสือ หรือแผ่นพับ เพื่อเพิ่มความเข้าใจเกี่ยวกับโรคและการดูแลตนเอง
- F50F8I-6: ส่งเสริมให้ผู้ป่วยและครอบครัวเข้าร่วมโปรแกรมการให้คำปรึกษาและกลุ่มสนับสนุน
💬 Response (การตอบสนองของผู้ป่วย)
- F50F8R-1: ผู้ป่วยสามารถอธิบายโรคการกินผิดปกติและผลกระทบต่อร่างกายได้
- F50F8R-2: ครอบครัวเริ่มสนับสนุนผู้ป่วยตามคำแนะนำที่ได้รับจากพยาบาล
- F50F8R-3: ผู้ป่วยปรับพฤติกรรมการรับประทานอาหารให้เป็นปกติและเหมาะสม
- F50F8R-4: ผู้ป่วยและครอบครัวมีความมั่นใจในการดูแลสุขภาพและสามารถดูแลตนเองได้ดีขึ้น
- F50F8R-5: ผู้ป่วยเข้าร่วมโปรแกรมการให้คำปรึกษาและมีส่วนร่วมในการบำบัดความคิด
…………………………………………………………………..
F50F9: ขาดแรงจูงใจในการฟื้นฟู
(Lack of motivation for recovery)
📋 Assessment (การประเมิน)
S:
- ผู้ป่วยบอกว่า “ฉันไม่คิดว่ามีปัญหาอะไร”
- ผู้ป่วยแสดงท่าทีกังวลและต่อต้านการรักษา
- ผู้ป่วยไม่เห็นความจำเป็นในการปรับพฤติกรรมการรับประทานอาหาร
- ไม่มีความกระตือรือร้นในการทำตามแผนการรักษาหรือการบำบัด
O:
- ผู้ป่วยยังคงมีพฤติกรรมการกินที่ผิดปกติ
- การตอบสนองจากผู้ป่วยในการรักษาต่ำ
- ผู้ป่วยแสดงอาการปฏิเสธการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม
🎯 Goals (เป้าหมาย)
- ผู้ป่วยเริ่มรับรู้ถึงปัญหาของตนเองและเห็นความสำคัญของการฟื้นฟู
- ผู้ป่วยมีแรงจูงใจในการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม
- ผู้ป่วยสามารถทำตามแผนการรักษาได้อย่างเต็มที่
- ผู้ป่วยมีความมั่นใจในการฟื้นฟูและตัดสินใจในการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม
📊 Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)
- ผู้ป่วยแสดงท่าทีที่เป็นบวกต่อการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม
- ผู้ป่วยเริ่มมีความกระตือรือร้นในการรักษาและฟื้นฟู
- ผู้ป่วยเริ่มปรับพฤติกรรมการกินให้เหมาะสม
- ผู้ป่วยมีการติดตามแผนการรักษาและแสดงความสนใจในผลลัพธ์
- ผู้ป่วยสามารถพูดคุยเกี่ยวกับความสำคัญของการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม
✅ Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)
- F50F9I-1: ใช้เทคนิคการสนทนาแบบเปิด (open-ended questions) เพื่อช่วยให้ผู้ป่วยพิจารณาความสำคัญของการรักษา
- F50F9I-2: ช่วยผู้ป่วยตั้งเป้าหมายเล็ก ๆ ที่สามารถทำได้จริงในแต่ละวันเพื่อสร้างความสำเร็จที่เป็นรูปธรรม
- F50F9I-3: ใช้การสนับสนุนทางอารมณ์ (emotional support) เพื่อให้ผู้ป่วยรู้สึกได้รับการยอมรับและไม่โดดเดี่ยว
- F50F9I-4: ส่งเสริมให้ผู้ป่วยเห็นถึงผลดีของการเปลี่ยนแปลงในระยะยาว เช่น การมีสุขภาพดีขึ้นและความมั่นใจที่มากขึ้น
- F50F9I-5: ให้ข้อมูลเกี่ยวกับการบำบัดและการรักษาที่สามารถช่วยให้ผู้ป่วยฟื้นฟูได้
- F50F9I-6: ใช้การเสริมสร้างความเชื่อมั่นในตนเอง (self-esteem) เพื่อช่วยกระตุ้นให้ผู้ป่วยเห็นค่าของการดูแลตัวเอง
💬 Response (การตอบสนอง)
- F50F9R-1: ผู้ป่วยเริ่มพูดถึงเป้าหมายส่วนตัวและเห็นคุณค่าของการฟื้นฟู
- F50F9R-2: ผู้ป่วยเริ่มร่วมมือกับทีมแพทย์และพยาบาลในการปรับพฤติกรรมการกิน
- F50F9R-3: ผู้ป่วยแสดงท่าทีที่เป็นบวกและมีความมุ่งมั่นในการรักษา
- F50F9R-4: ผู้ป่วยเริ่มมีความพยายามในการติดตามแผนการรักษาและการบำบัดอย่างเต็มที่
- F50F9R-5: ผู้ป่วยเริ่มเห็นถึงความสำเร็จเล็ก ๆ ในการปรับพฤติกรรมและมีแรงจูงใจในการฟื้นฟูมากขึ้น
………………………………………………………………..
F50F10: ต้องการการวางแผนจำหน่ายและติดตามต่อเนื่อง
(Needs discharge planning and follow-up care)
📋 Assessment (การประเมิน)
S:
- ผู้ป่วยแสดงความกังวลเกี่ยวกับการกลับไปใช้ชีวิตประจำวันหลังออกจากโรงพยาบาล
- ผู้ป่วยบอกว่า “ฉันไม่แน่ใจว่าจะจัดการกับอาหารและการกินที่บ้านได้ยังไง”
- ผู้ป่วยไม่มีแผนการดูแลตัวเองหลังการรักษา
O:
- ผู้ป่วยต้องการการดูแลอย่างใกล้ชิดหลังออกจากโรงพยาบาล
- ผู้ป่วยแสดงความสนใจในการมีการติดตามอาการหลังจำหน่าย
- ผู้ป่วยยังคงมีความวิตกกังวลเกี่ยวกับการรักษาในระยะยาว
🎯 Goals (เป้าหมาย)
- ผู้ป่วยสามารถเข้าใจแผนการดูแลหลังการจำหน่ายและการติดตามอาการ
- ผู้ป่วยสามารถดำเนินชีวิตประจำวันได้ตามปกติหลังจากได้รับการรักษา
- ผู้ป่วยมีความมั่นใจในการดูแลตัวเองหลังออกจากโรงพยาบาล
- ผู้ป่วยได้รับการสนับสนุนจากทีมแพทย์และครอบครัวหลังการจำหน่าย
- ผู้ป่วยสามารถบอกขั้นตอนการติดตามและคำแนะนำในการดูแลสุขภาพหลังจำหน่ายได้
📊 Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)
- ผู้ป่วยแสดงความเข้าใจแผนการดูแลและการติดตามหลังจำหน่าย
- ผู้ป่วยสามารถปฏิบัติตามคำแนะนำในการดูแลตัวเองหลังการจำหน่ายได้
- ผู้ป่วยเข้ารับการติดตามตามนัดหมายและแสดงท่าทีที่ดีต่อการรักษา
- ผู้ป่วยมีการปรับพฤติกรรมที่ดีขึ้นหลังออกจากโรงพยาบาล
- ผู้ป่วยได้รับการสนับสนุนจากครอบครัวและทีมดูแลอย่างต่อเนื่อง
✅ Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)
- F50F10I-1: จัดทำแผนการจำหน่ายและกำหนดการติดตามที่ชัดเจนแก่ผู้ป่วย
- F50F10I-2: สร้างการสนับสนุนจากครอบครัวและทีมดูแลหลังการจำหน่าย
- F50F10I-3: ให้คำแนะนำเกี่ยวกับการดูแลตนเองและการจัดการพฤติกรรมการกินในชีวิตประจำวัน
- F50F10I-4: จัดการนัดหมายการติดตามหลังออกจากโรงพยาบาลและตรวจสอบอาการ
- F50F10I-5: ให้การสนับสนุนด้านจิตใจเพื่อให้ผู้ป่วยมีความมั่นใจในการฟื้นฟูหลังออกจากโรงพยาบาล
- F50F10I-6: ให้คำแนะนำในการติดต่อเจ้าหน้าที่ดูแลสุขภาพหากมีปัญหาหลังการจำหน่าย
💬 Response (การตอบสนอง)
- F50F10R-1: ผู้ป่วยเข้าใจแผนการดูแลหลังจำหน่ายและการติดตามอาการ
- F50F10R-2: ผู้ป่วยสามารถจัดการกับการกินในชีวิตประจำวันได้ดีขึ้น
- F50F10R-3: ผู้ป่วยเข้ารับการติดตามตามนัดหมายและรายงานอาการได้อย่างตรงเวลา
- F50F10R-4: ผู้ป่วยแสดงความมั่นใจและพร้อมในการปรับพฤติกรรมการกินในระยะยาว
- F50F10R-5: ผู้ป่วยได้รับการสนับสนุนจากครอบครัวและทีมดูแลอย่างต่อเนื่องหลังการจำหน่าย
………………………………………………………..
เอกสารอ้างอิง
- พิทักษ์, ก. (2562). การดูแลผู้ป่วยโรคการกินผิดปกติในโรงพยาบาล. สถาบันพยาบาลศาสตร์แห่งประเทศไทย.
- สำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (2559). คู่มือการดูแลผู้ป่วยโรคจิตเวชที่มีภาวะการกินผิดปกติ. กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์สุขภาพ.
- Fairburn, C. G., & Harrison, P. J. (2003). Eating disorders. The Lancet, 361(9355), 407-416. https://doi.org/10.1016/S0140-6736(03)12378-1
- American Psychiatric Association. (2013). Diagnostic and statistical manual of mental disorders (5th ed.). Arlington, VA: American Psychiatric Association.
………………………………………………………………