เกี่ยวกับฉัน

รูปภาพของฉัน
เมือง, พิษณุโลก, Thailand

วันอาทิตย์ที่ 13 เมษายน พ.ศ. 2568

EP.54 จิตเวชหัวข้อ 14 : โรคการกินผิดปกติ (Eating Disorders) - F50

 

Psych. Topic 14 : Anorexia Nervosa, Bulimia Nervosa - F50

🎯 รู้ทัน! โรคการกินผิดปกติ (Eating Disorders - F50)  พบบ่อยในวัยรุ่น ผู้หญิง และคนที่มีความเครียดสูง

🧠 พยาธิสภาพ / สาเหตุ

โรคนี้เกิดจากความผิดปกติของพฤติกรรมการกิน เช่น กินน้อยมาก (Anorexia), กินมากเกินและล้วงอาเจียน (Bulimia), หรือกินจุกจิกควบคุมไม่ได้ (Binge Eating)  ➡️ มักมีสาเหตุจากความเครียด, ภาวะซึมเศร้า, ความกดดันจากสังคมเรื่องรูปร่าง

🧠 ปัจจัยที่ทำให้เกิด

🔸 ความกังวลเรื่องรูปร่างหรือน้ำหนัก
🔸 ภาวะเครียด หรือถูกบูลลี่
🔸 มีบุคคลในครอบครัวเคยเป็นโรคนี้
🔸 ใช้โซเชียลมีเดียบ่อยเกินไป

🧠 การรักษา : ต้องรักษาทั้งร่างกายและจิตใจ

ปรึกษาจิตแพทย์หรือนักจิตวิทยา
รับประทานอาหารตามคำแนะนำ
ใช้ยาในบางกรณี เช่น ยาต้านซึมเศร้า
การบำบัดแบบกลุ่มหรือครอบครัว

🧠 การพยาบาล

🤝 สังเกตสัญญาณเตือน เช่น น้ำหนักลดเร็ว ผิวซีด อ่อนเพลีย
🤝 ให้คำแนะนำด้านโภชนาการและสุขภาพจิต
🤝 รับฟังผู้ป่วยอย่างไม่ตัดสิน
🤝 ส่งต่อทีมจิตเวชเพื่อประเมินและดูแลต่อเนื่อง

🧠 การดูแลตนเองสำหรับบุคคลทั่วไป

อย่าตัดสินตัวเองจากรูปร่าง
ทานอาหารให้ครบ 5 หมู่
ดูแลสุขภาพจิตด้วยการนอนพักผ่อนให้เพียงพอ
ลดเวลาอยู่กับโซเชียล
หากรู้สึกควบคุมการกินไม่ได้ ควรรีบปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ

ใส่ใจตั้งแต่สัญญาณแรก รักษาได้ทันก่อนสายเกินไป

………………………………………………………………

🔎 วินิจฉัยการพยาบาลผู้ป่วยโรคการกินผิดปกติ (Eating Disorders – F50)

  1. F50F1 มีภาวะขาดสารอาหารและน้ำอย่างรุนแรง (Severe malnutrition and dehydration) ร่างกายอ่อนเพลีย ความดันต่ำ ชีพจรเต้นช้า ต้องได้รับสารอาหารและน้ำทันทีทางหลอดเลือด
  2. F50F2 มีภาวะไม่สมดุลของอิเล็กโตรไลต์ (Electrolyte imbalance) มีอาการใจสั่น กล้ามเนื้ออ่อนแรง เสี่ยงหัวใจเต้นผิดจังหวะ
  3. F50F3 มีความเสี่ยงต่อการทำร้ายตนเองหรือฆ่าตัวตาย (Risk of self-harm or suicide) ผู้ป่วยมักมีภาวะซึมเศร้า รู้สึกไร้ค่า ต้องได้รับการประเมินสุขภาพจิตทันที
  4. F50F4 มีภาพลักษณ์ผิดเพี้ยนเกี่ยวกับร่างกายตนเอง (Distorted body image) มองว่าตนเองอ้วนแม้น้ำหนักต่ำกว่าเกณฑ์มาก ต้องใช้การบำบัดความคิด
  5. F50F5 มีรูปแบบการกินอาหารผิดปกติ (Disordered eating behavior) กินมากไป/กินน้อยไป หรืออาเจียนหลังอาหาร ต้องดูแลให้รับประทานอย่างปลอดภัย
  6. F50F6 มีความรู้สึกโดดเดี่ยวและขาดการสนับสนุนจากครอบครัว (Feelings of isolation and lack of family support) ผู้ป่วยรู้สึกว่าไม่มีใครเข้าใจ อาจต่อต้านการรักษา
  7. F50F7 มีภาวะแทรกซ้อนทางร่างกาย (Physical complications) เช่น ผมร่วง กระดูกพรุน ประจำเดือนขาด ต้องได้รับการติดตามอาการ
  8. F50F8 ขาดความรู้เกี่ยวกับโรคและการดูแลตนเอง (Knowledge deficit about the illness and self-care) ไม่เข้าใจโรคหรือผลกระทบต่อสุขภาพ ต้องให้ความรู้ทั้งผู้ป่วยและครอบครัว
  9. F50F9 ขาดแรงจูงใจในการฟื้นฟู (Lack of motivation for recovery) ไม่เห็นปัญหา ไม่อยากเปลี่ยนพฤติกรรม ต้องใช้เทคนิคสร้างแรงจูงใจ
  10. F50F10 ต้องการการวางแผนจำหน่ายและติดตามต่อเนื่อง (Needs discharge planning and follow-up care) เพื่อป้องกันการกลับมาเป็นซ้ำ ต้องจัดทีมดูแลหลังออกจากโรงพยาบาล

………………………………………………………..

F50F1 มีภาวะขาดสารอาหารและน้ำอย่างรุนแรง (Severe malnutrition and dehydration)

📋 Assessment (การประเมิน)

S:

  • รู้สึกเวียนศีรษะ อ่อนแรง เหนื่อยง่าย
  • ไม่มีแรงจะลุกเดินหรือทำกิจกรรม
  • ปากแห้ง ลิ้นแห้ง

O:

  • น้ำหนักลดมากเกิน 10% ในเวลาอันสั้น
  • ความดันโลหิตต่ำ <90/60 mmHg
  • ชีพจรช้ากว่า 60 ครั้ง/นาที
  • ผิวแห้งเย็น ปลายมือซีด
  • ผลแลปพบอิเล็กโตรไลต์ต่ำ และโปรตีนในเลือดต่ำ

🎯 Goals (เป้าหมาย)

  • ผู้ป่วยได้รับสารอาหารและน้ำอย่างเหมาะสม
  • สัญญาณชีพอยู่ในเกณฑ์ปกติ
  • ไม่มีภาวะแทรกซ้อนจากภาวะขาดน้ำและสารอาหาร
  • ผู้ป่วยมีแรงพอทำกิจวัตรประจำวันได้

📊 Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)

  • น้ำหนักเพิ่มขึ้นอย่างน้อย 0.5 กก./สัปดาห์
  • ความดันโลหิต ≥ 90/60 mmHg และชีพจร 60–100 ครั้ง/นาที
  • ผิวพรรณและริมฝีปากชุ่มชื้น
  • ผู้ป่วยรับประทานอาหารและดื่มน้ำได้มากขึ้น

✅ Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)

  • F50F1I-1: ชั่งน้ำหนักตัวผู้ป่วยทุกเช้าในเวลาเดียวกัน เพื่อติดตามการเปลี่ยนแปลงน้ำหนัก
  • F50F1I-2: เฝ้าระวังและบันทึกสัญญาณชีพทุก 4 ชั่วโมง
  • F50F1I-3: ให้สารน้ำและสารอาหารทางหลอดเลือดตามแผนการรักษาของแพทย์
  • F50F1I-4: ประเมินอาการขาดน้ำ เช่น ผิวแห้ง ปากแห้ง ปัสสาวะน้อย
  • F50F1I-5: ตรวจระดับอิเล็กโตรไลต์ในเลือด และรายงานความผิดปกติ
  • F50F1I-6: จัดอาหารตามคำแนะนำของนักโภชนาการและสังเกตการรับประทาน
  • F50F1I-7: ส่งเสริมให้ผู้ป่วยดื่มน้ำและรับประทานอาหารทีละน้อย แต่บ่อยครั้ง
  • F50F1I-8: ประเมินความสามารถในการกลืนหรือมีภาวะสำลักหรือไม่
  • F50F1I-9: สอนครอบครัวเรื่องสัญญาณอันตรายของภาวะขาดน้ำและสารอาหาร
  • F50F1I-10: วางแผนฟื้นฟูโภชนาการระยะยาวร่วมกับทีมสหวิชาชีพ

💬 Response (การตอบสนองของผู้ป่วย)

  • F50F1R-1: น้ำหนักเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องและอยู่ในเกณฑ์ปลอดภัย
  • F50F1R-2: สัญญาณชีพคงที่ในระดับปกติ
  • F50F1R-3: ผู้ป่วยรู้สึกมีแรงขึ้น และสามารถลุกนั่งหรือเดินได้
  • F50F1R-4: ผิวและริมฝีปากชุ่มชื้น ไม่มีอาการขาดน้ำ
  • F50F1R-5: ผู้ป่วยสามารถรับประทานอาหารได้โดยไม่อาเจียนหรือปฏิเสธอาหาร

………………………………………………………

F50F2 มีภาวะไม่สมดุลของอิเล็กโตรไลต์ (Electrolyte Imbalance)
📋 Assessment (การประเมิน)

S:

  • ใจสั่น หน้ามืด มึนงง
  • รู้สึกเหนื่อยง่าย กล้ามเนื้ออ่อนแรง
  • ชา/ตะคริวตามแขนขา

O:

  • คลื่นไฟฟ้าหัวใจ (EKG) ผิดปกติ
  • ตรวจเลือดพบระดับโพแทสเซียม โซเดียม หรือแมกนีเซียมผิดปกติ
  • ปัสสาวะลดลง หรือมีสีเข้ม
  • หายใจหอบ อ่อนแรง
  • ชีพจรเต้นผิดปกติ

🎯 Goals (เป้าหมาย)

  • ผู้ป่วยมีระดับอิเล็กโตรไลต์อยู่ในเกณฑ์ปกติ
  • ไม่มีภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะหรือช็อก
  • อาการกล้ามเนื้ออ่อนแรงหรือใจสั่นลดลง
  • ผู้ป่วยรับสารน้ำและโภชนาการที่เหมาะสม

📊 Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)

  • ผลตรวจเลือด: โพแทสเซียม/โซเดียม/แมกนีเซียมอยู่ในเกณฑ์ปกติ
  • ไม่มีอาการใจสั่นหรือกล้ามเนื้ออ่อนแรง
  • คลื่นไฟฟ้าหัวใจปกติ
  • ผู้ป่วยรับประทานอาหาร/ดื่มน้ำได้ดี

✅ Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)

  • F50F2I-1: เฝ้าระวังและบันทึกสัญญาณชีพทุก 4 ชั่วโมง โดยเฉพาะชีพจรและความดัน
  • F50F2I-2: ประเมิน EKG อย่างต่อเนื่อง เพื่อเฝ้าระวังภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ
  • F50F2I-3: ตรวจระดับอิเล็กโตรไลต์ในเลือดตามแผนการรักษา
  • F50F2I-4: ให้สารน้ำและอิเล็กโตรไลต์ทางหลอดเลือดตามคำสั่งแพทย์
  • F50F2I-5: ประเมินสัญญาณของอาการแทรกซ้อน เช่น ใจสั่น มือเท้าชา ตะคริว
  • F50F2I-6: ให้คำแนะนำด้านอาหารที่ช่วยปรับสมดุลเกลือแร่ เช่น กล้วย น้ำส้ม โยเกิร์ต
  • F50F2I-7: เฝ้าระวังการใช้ยาที่มีผลต่ออิเล็กโตรไลต์ เช่น ยาขับปัสสาวะ
  • F50F2I-8: สังเกตปริมาณและสีของปัสสาวะเพื่อประเมินภาวะขาดน้ำ
  • F50F2I-9: สอนผู้ป่วยและญาติเรื่องอาการเตือนของภาวะอิเล็กโตรไลต์ผิดปกติ
  • F50F2I-10: ส่งเสริมให้ผู้ป่วยรับประทานอาหารที่เหมาะสมตามแผนโภชนาการ

💬 Response (การตอบสนองของผู้ป่วย)

  • F50F2R-1: ผู้ป่วยไม่มีอาการใจสั่นหรือช็อก
  • F50F2R-2: ค่าอิเล็กโตรไลต์ในเลือดกลับสู่เกณฑ์ปกติ
  • F50F2R-3: กล้ามเนื้อแข็งแรงขึ้น ไม่มีอาการชาหรือตะคริว
  • F50F2R-4: คลื่นไฟฟ้าหัวใจอยู่ในเกณฑ์ปกติ
  • F50F2R-5: ผู้ป่วยรับประทานอาหารและดื่มน้ำได้อย่างเหมาะสม

…………………………………………………………………….

F50F3 มีความเสี่ยงต่อการทำร้ายตนเองหรือฆ่าตัวตาย (Risk of self-harm or suicide)

📋 Assessment (การประเมิน)

S:

  • ผู้ป่วยพูดว่า “ไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้ว” หรือ “ไม่มีค่าอะไรเลย”
  • รู้สึกหมดหวัง ไม่อยากอยู่ต่อ
  • บ่นว่าอยากนอนหลับไปแล้วไม่ตื่น

O:

  • สีหน้าเศร้าหมอง พูดน้อย ตอบช้า
  • แยกตัว ไม่อยากพูดคุย
  • มีรอยแผลหรือพฤติกรรมทำร้ายตนเอง เช่น ข่วน กรีด
  • ประวัติพยายามฆ่าตัวตายมาก่อน

🎯 Goals (เป้าหมาย)

  • ผู้ป่วยปลอดภัยจากการทำร้ายตนเอง
  • ผู้ป่วยสามารถพูดคุยระบายความรู้สึกได้
  • มีบุคคลที่ผู้ป่วยไว้วางใจคอยสนับสนุน
  • ผู้ป่วยได้รับการประเมินและดูแลจากทีมสุขภาพจิต

📊 Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)

  • ผู้ป่วยไม่มีพฤติกรรมทำร้ายตนเอง
  • ผู้ป่วยพูดคุยกับบุคลากรสุขภาพได้
  • มีแผนการดูแลสุขภาพจิตอย่างต่อเนื่อง
  • ครอบครัว/ญาติเข้ามามีส่วนร่วมในการดูแล

✅ Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)

  • F50F3I-1: ประเมินความเสี่ยงต่อการฆ่าตัวตายอย่างละเอียด (เช่น แบบประเมิน Columbia-Suicide Severity Rating Scale)
  • F50F3I-2: เฝ้าระวังผู้ป่วยอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะในช่วง 24-72 ชม.แรกที่เข้ารับการรักษา
  • F50F3I-3: เอาสิ่งของที่อาจใช้ทำร้ายตัวเองออกจากพื้นที่ เช่น ของมีคม สายไฟ เชือก
  • F50F3I-4: เปิดโอกาสให้ผู้ป่วยระบายความรู้สึกด้วยความเข้าใจ โดยไม่ตัดสิน
  • F50F3I-5: แจ้งทีมสุขภาพจิต (จิตแพทย์/พยาบาลจิตเวช) เพื่อประเมินและวางแผนการรักษา
  • F50F3I-6: สื่อสารกับญาติ/ผู้ดูแลให้เข้าใจถึงอาการและความเสี่ยงของผู้ป่วย
  • F50F3I-7: จัดกิจกรรมเบาๆ ที่ช่วยคลายความเครียด เช่น วาดภาพ ฟังเพลง พูดคุย
  • F50F3I-8: ส่งเสริมความสัมพันธ์กับคนรอบข้างที่ปลอดภัยและให้กำลังใจ
  • F50F3I-9: สนับสนุนให้ผู้ป่วยมีส่วนร่วมในแผนการรักษาเพื่อเสริมความรู้สึกมีคุณค่า
  • F50F3I-10: บันทึกความก้าวหน้าทางอารมณ์และพฤติกรรมผู้ป่วยอย่างต่อเนื่อง

💬 Response (การตอบสนองของผู้ป่วย)

  • F50F3R-1: ผู้ป่วยไม่มีพฤติกรรมหรือคำพูดที่บ่งชี้ว่าจะทำร้ายตัวเอง
  • F50F3R-2: ผู้ป่วยสามารถพูดคุยและแสดงความรู้สึกได้อย่างเปิดเผย
  • F50F3R-3: มีการเชื่อมโยงกับทีมสุขภาพจิตและเริ่มแผนการดูแล
  • F50F3R-4: ครอบครัว/ญาติมีส่วนร่วมในการดูแลและให้การสนับสนุน
  • F50F3R-5: ผู้ป่วยเข้าร่วมกิจกรรมคลายเครียดและมีปฏิสัมพันธ์กับคนรอบข้างมากขึ้น

………………………………………………………………….

F50F4 มีภาพลักษณ์ผิดเพี้ยนเกี่ยวกับร่างกายตนเอง (Distorted body image)

📋 Assessment (การประเมิน)

S:

  • ผู้ป่วยพูดว่า “ฉันยังอ้วนอยู่” หรือ “ฉันไม่สวยเพราะยังผอมไม่พอ”
  • ปฏิเสธอาหารแม้มีน้ำหนักต่ำกว่าเกณฑ์
  • แสดงความไม่พอใจต่อรูปร่างของตนเอง

O:

  • น้ำหนักตัวต่ำกว่ามาตรฐาน >15%
  • ส่องกระจกบ่อย ตรวจสอบร่างกายตัวเองบ่อยผิดปกติ
  • หลีกเลี่ยงการชั่งน้ำหนัก/ไม่ยอมดูตัวเองในกระจก
  • พฤติกรรมควบคุมอาหารรุนแรง เช่น ออกกำลังกายมากเกินไป หรืออดอาหาร

🎯 Goals (เป้าหมาย)

  • ผู้ป่วยสามารถรับรู้รูปร่างของตนเองได้อย่างสมจริงมากขึ้น
  • ลดความคิดเชิงลบเกี่ยวกับรูปร่างตัวเอง
  • เปิดใจยอมรับกระบวนการฟื้นฟูและการบำบัด
  • มีพฤติกรรมการกินและควบคุมอาหารที่ปลอดภัย

📊 Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)

  • ผู้ป่วยยอมรับรูปร่างของตนได้ดีขึ้น
  • ลดพฤติกรรมตรวจสอบหรือวิจารณ์รูปร่างบ่อยเกินไป
  • เข้าร่วมกิจกรรมบำบัดได้อย่างสม่ำเสมอ
  • มีพฤติกรรมการกินที่สมดุลและเหมาะสม

✅ Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)

  • F50F4I-1: ประเมินภาพลักษณ์ตนเองของผู้ป่วย โดยการพูดคุย เปิดใจ และใช้เครื่องมือทางจิตวิทยา
  • F50F4I-2: สนับสนุนให้ผู้ป่วยบันทึกความรู้สึกเกี่ยวกับรูปร่างของตนเองอย่างสม่ำเสมอ
  • F50F4I-3: หลีกเลี่ยงการโฟกัสน้ำหนักหรือรูปร่างในระหว่างการสนทนา
  • F50F4I-4: กระตุ้นให้ผู้ป่วยแสดงออกถึงสิ่งดีๆ เกี่ยวกับตนเองที่ไม่ใช่เรื่องรูปร่าง
  • F50F4I-5: ให้ความรู้เรื่อง “ภาพลักษณ์ของร่างกาย” (Body Image) และความเป็นจริงของร่างกายที่เหมาะสม
  • F50F4I-6: ประสานนักจิตวิทยาหรือนักบำบัดด้านพฤติกรรม เพื่อช่วยบำบัดความคิดผิดเพี้ยน
  • F50F4I-7: ส่งเสริมให้ผู้ป่วยเข้าร่วมกลุ่มสนับสนุนหรือกิจกรรมที่เสริมสร้างความภาคภูมิใจในตนเอง
  • F50F4I-8: เฝ้าระวังพฤติกรรมที่บ่งชี้ว่าผู้ป่วยยังไม่ยอมรับรูปร่างของตน เช่น หลีกเลี่ยงการกิน หรือหมกมุ่นกับรูปร่าง
  • F50F4I-9: ส่งเสริมการสื่อสารเชิงบวกกับตัวเอง (Positive self-talk)
  • F50F4I-10: ติดตามผลและบันทึกความเปลี่ยนแปลงด้านความคิดและพฤติกรรมของผู้ป่วย

💬 Response (การตอบสนองของผู้ป่วย)

  • F50F4R-1: ผู้ป่วยสามารถพูดถึงรูปร่างของตนเองโดยไม่ตัดสินตนเองในแง่ลบ
  • F50F4R-2: ลดพฤติกรรมการวิจารณ์รูปร่าง/น้ำหนักตนเอง
  • F50F4R-3: ผู้ป่วยเข้าร่วมการบำบัดและกิจกรรมที่เน้นความภาคภูมิใจในตนเอง
  • F50F4R-4: มีความมั่นใจในการแสดงออกทางสังคมมากขึ้น
  • F50F4R-5: ผู้ป่วยยอมรับกระบวนการรักษา และมีพฤติกรรมการกินที่ปลอดภัยขึ้น

………………………………………………………..

F50F5 มีรูปแบบการกินอาหารผิดปกติ (Disordered eating behavior)

📋 Assessment (การประเมิน)

S:

  • ผู้ป่วยบอกว่า “ฉันกินแล้วรู้สึกผิด ต้องเอาออก”
  • บอกว่าควบคุมการกินไม่ได้ หิวตลอดเวลา หรือไม่อยากกินเลย
  • มีความกลัวอ้วนหรือรู้สึกผิดหลังรับประทานอาหาร

O:

  • น้ำหนักเปลี่ยนแปลงรวดเร็ว
  • พบพฤติกรรมซ่อนอาหาร กินลับ ๆ หรือเข้าห้องน้ำทันทีหลังอาหาร
  • ปาก/นิ้วมือมีรอยแดงจากการอาเจียน
  • กินอาหารไม่สม่ำเสมอหรืออดอาหารเป็นช่วง ๆ

🎯 Goals (เป้าหมาย)

  • ผู้ป่วยมีพฤติกรรมการกินที่ปลอดภัยและเหมาะสม
  • หลีกเลี่ยงพฤติกรรมอาเจียนหรือควบคุมอาหารผิดปกติ
  • รับประทานอาหารอย่างมีแบบแผนตามคำแนะนำ
  • ยอมรับการช่วยเหลือจากทีมสุขภาพ

📊 Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)

  • ผู้ป่วยรับประทานอาหารตรงเวลาและตามแผน
  • ไม่มีการอาเจียน/ใช้ยาถ่ายหลังรับประทาน
  • น้ำหนักคงที่หรือเพิ่มขึ้นตามเป้าหมาย
  • ผู้ป่วยมีทัศนคติที่ดีขึ้นต่อการกินอาหาร

✅ Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)

  • F50F5I-1: เฝ้าสังเกตพฤติกรรมการกินในแต่ละมื้ออย่างใกล้ชิดโดยไม่ตำหนิ
  • F50F5I-2: วางแผนมื้ออาหารให้สม่ำเสมอและมีปริมาณที่เหมาะสม ร่วมกับนักโภชนาการ
  • F50F5I-3: หลีกเลี่ยงการให้ผู้ป่วยอยู่ลำพังในห้องน้ำทันทีหลังอาหาร
  • F50F5I-4: สนับสนุนให้ผู้ป่วยพูดคุยเกี่ยวกับความรู้สึกผิดหรือความเครียดเกี่ยวกับการกิน
  • F50F5I-5: ประเมินและบันทึกน้ำหนัก น้ำ และพฤติกรรมการกินเป็นประจำ
  • F50F5I-6: สนับสนุนการทำกิจกรรมหลังอาหารที่ไม่เกี่ยวกับรูปร่าง เช่น อ่านหนังสือ ฟังเพลง
  • F50F5I-7: ให้คำแนะนำเกี่ยวกับการกินที่ปลอดภัยและป้องกันการย้อนกลับของพฤติกรรม
  • F50F5I-8: ประสานงานนักจิตวิทยาหรือนักบำบัดเพื่อจัดการพฤติกรรมเสี่ยง

💬 Response (การตอบสนองของผู้ป่วย)

  • F50F5R-1: ผู้ป่วยรับประทานอาหารครบ 3 มื้อโดยไม่หลีกเลี่ยงหรืออาเจียน
  • F50F5R-2: ไม่มีพฤติกรรมหลบซ่อนอาหารหรือใช้วิธีควบคุมอาหารผิดปกติ
  • F50F5R-3: น้ำหนักคงที่หรือเพิ่มขึ้นอย่างปลอดภัย
  • F50F5R-4: ผู้ป่วยมีทัศนคติเชิงบวกเกี่ยวกับการกินมากขึ้น
  • F50F5R-5: เข้าร่วมกิจกรรมกลุ่มหรือการบำบัดอย่างสม่ำเสมอ

…………………………………………………………..

F50F6 มีความรู้สึกโดดเดี่ยวและขาดการสนับสนุนจากครอบครัว (Feelings of isolation and lack of family support)

📋 Assessment (การประเมิน)

S:

  • ผู้ป่วยกล่าวว่า “ไม่มีใครเข้าใจฉัน” หรือ “ครอบครัวไม่สนใจฉันเลย”
  • รู้สึกหมดหวัง ขาดแรงจูงใจในการเข้าร่วมการรักษา

O:

  • ผู้ป่วยเก็บตัว เงียบ ไม่เข้าสังคม
  • ปฏิเสธเข้าร่วมกิจกรรมกลุ่มหรือการบำบัดร่วมกับผู้อื่น
  • มีสีหน้าซึมเศร้า ตอบสนองช้า

🎯 Goals (เป้าหมาย)

  • ผู้ป่วยรู้สึกได้รับความเข้าใจและการสนับสนุน
  • มีส่วนร่วมในการรักษาและกิจกรรมกลุ่ม
  • เปิดใจพูดคุยกับบุคลากรทางสุขภาพ
  • ครอบครัวหรือบุคคลใกล้ชิดมีส่วนร่วมในการดูแล

📊 Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)

  • ผู้ป่วยเริ่มพูดคุยมากขึ้น และร่วมกิจกรรมกลุ่ม
  • มีทัศนคติที่ดีขึ้นต่อบุคลากรและแผนการรักษา
  • ครอบครัวมีส่วนร่วมในการเข้าร่วมกิจกรรม/การให้คำปรึกษา
  • ผู้ป่วยแสดงออกว่ารู้สึกว่า "มีคนอยู่เคียงข้าง"

✅ Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)

  • F50F6I-1: สร้างความสัมพันธ์แบบไว้วางใจกับผู้ป่วย เพื่อให้รู้สึกปลอดภัยในการเปิดใจ
  • F50F6I-2: รับฟังผู้ป่วยโดยไม่ตัดสิน ส่งเสริมให้พูดความรู้สึกที่แท้จริง
  • F50F6I-3: ส่งเสริมให้เข้าร่วมกิจกรรมกลุ่มกับผู้ป่วยรายอื่น เพื่อลดความโดดเดี่ยว
  • F50F6I-4: ประเมินเครือข่ายทางสังคมและความสัมพันธ์ของผู้ป่วยกับครอบครัว
  • F50F6I-5: ประสานนักสังคมสงเคราะห์หรือผู้ให้คำปรึกษาครอบครัวเพื่อสร้างความเข้าใจ
  • F50F6I-6: กระตุ้นครอบครัวให้มีส่วนร่วมในการรักษา เช่น ร่วมประชุมหรือทำกิจกรรมกับผู้ป่วย
  • F50F6I-7: ส่งเสริมทักษะการสื่อสารระหว่างผู้ป่วยและครอบครัว
  • F50F6I-8: ให้ข้อมูลเกี่ยวกับกลุ่มสนับสนุนผู้ป่วย Eating Disorders

💬 Response (การตอบสนองของผู้ป่วย)

  • F50F6R-1: ผู้ป่วยพูดคุยเปิดใจกับบุคลากรหรือเพื่อนร่วมกลุ่ม
  • F50F6R-2: เข้าร่วมกิจกรรมกลุ่มอย่างสม่ำเสมอ
  • F50F6R-3: ครอบครัวมีการเข้าร่วมประชุมหรือรับรู้แผนการรักษา
  • F50F6R-4: ผู้ป่วยแสดงทัศนคติว่าตนเองไม่ได้อยู่เพียงลำพัง
  • F50F6R-5: มีอารมณ์และแรงจูงใจที่ดีขึ้นในการเข้าร่วมการรักษา

…………………………………………………………

F50F7 มีภาวะแทรกซ้อนทางร่างกาย (Physical complications)

📋 Assessment (การประเมิน)

S:

  • ผู้ป่วยบ่นว่า “ผมร่วงเยอะมาก” / “รู้สึกอ่อนเพลียง่าย”
  • ประจำเดือนขาดนานหลายเดือน

O:

  • ผิวหนังแห้ง เล็บเปราะ ผมบาง
  • ไม่มีประจำเดือนนานกว่า 3 เดือน
  • น้ำหนักต่ำกว่ามาตรฐาน
  • ผลตรวจเลือดพบภาวะฮอร์โมนผิดปกติ / ความหนาแน่นของกระดูกลดลง

🎯 Goals (เป้าหมาย)

  • ผู้ป่วยมีภาวะทางกายภาพดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง
  • ภาวะแทรกซ้อนลดลงหรือควบคุมได้
  • ผู้ป่วยรับรู้ถึงผลกระทบของภาวะขาดสารอาหาร
  • มีส่วนร่วมในแผนการฟื้นฟูสุขภาพ

📊 Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)

  • ผมร่วงลดลง ผิวหนังและเล็บแข็งแรงขึ้น
  • เริ่มมีประจำเดือนกลับมาเป็นปกติ
  • ผลเลือดและค่าความหนาแน่นกระดูกดีขึ้น
  • ผู้ป่วยมีอารมณ์และแรงจูงใจดีขึ้น

✅ Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)

  • F50F7I-1: ประเมินอาการทางกาย เช่น ผมร่วง ผิวแห้ง อาการกระดูกพรุน และการมีประจำเดือน
  • F50F7I-2: เฝ้าระวังผลเลือดที่เกี่ยวข้อง เช่น แคลเซียม ฮอร์โมน และความหนาแน่นของกระดูก
  • F50F7I-3: ให้คำแนะนำด้านโภชนาการที่เหมาะสม เพื่อฟื้นฟูร่างกาย
  • F50F7I-4: ให้คำปรึกษาร่วมกับนักกำหนดอาหารเพื่อวางแผนการรับประทานอาหาร
  • F50F7I-5: ให้ข้อมูลเกี่ยวกับผลกระทบระยะยาวของการขาดสารอาหารต่ออวัยวะต่างๆ
  • F50F7I-6: ส่งเสริมการออกกำลังกายอย่างปลอดภัย เพื่อเสริมสร้างมวลกระดูก (ตามคำแนะนำแพทย์)
  • F50F7I-7: ติดตามการกลับมาของประจำเดือนและบันทึกในระบบอย่างต่อเนื่อง
  • F50F7I-8: ประสานแพทย์เฉพาะทาง เช่น สูตินรีแพทย์ หรือแพทย์กระดูก หากพบภาวะแทรกซ้อนชัดเจน

💬 Response (การตอบสนองของผู้ป่วย)

  • F50F7R-1: ผมร่วงลดลงและสภาพผิวพรรณดีขึ้น
  • F50F7R-2: ผู้ป่วยมีประจำเดือนกลับมาอย่างสม่ำเสมอ
  • F50F7R-3: ผลตรวจค่าทางห้องปฏิบัติการอยู่ในเกณฑ์ปกติหรือดีขึ้น
  • F50F7R-4: ผู้ป่วยเข้าใจถึงผลกระทบของโรคต่อร่างกายและมีแรงจูงใจดูแลตนเอง
  • F50F7R-5: ร่วมมือในการติดตามอาการและเข้ารับการตรวจอย่างต่อเนื่อง

……………………………………………………………

F50F8 ขาดความรู้เกี่ยวกับโรคและการดูแลตนเอง (Knowledge deficit about the illness and self-care)

📋 Assessment (การประเมิน)

S:

  • ผู้ป่วยบอกว่า “ไม่เข้าใจว่าโรคนี้ทำให้เกิดผลกระทบต่อร่างกายอย่างไร”
  • ครอบครัวไม่ทราบวิธีดูแลผู้ป่วยอย่างถูกต้อง
  • ผู้ป่วยอาจไม่รับรู้ถึงความสำคัญของการรับประทานอาหารที่เหมาะสม

O:

  • ขาดข้อมูลเกี่ยวกับโรคการกินผิดปกติและการดูแลตนเอง
  • พฤติกรรมการรับประทานอาหารผิดปกติยังคงอยู่
  • ไม่มีการปรึกษาแพทย์หรือพยาบาลเกี่ยวกับวิธีการดูแลตนเองอย่างถูกต้อง

🎯 Goals (เป้าหมาย)

  • ผู้ป่วยและครอบครัวเข้าใจโรคและผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการกินผิดปกติ
  • ผู้ป่วยสามารถดูแลตนเองได้อย่างเหมาะสม
  • ครอบครัวสามารถสนับสนุนการรักษาของผู้ป่วยได้อย่างถูกต้อง
  • ผู้ป่วยมีความรู้และการปฏิบัติที่ดีขึ้นในการดูแลสุขภาพและการรับประทานอาหาร

📊 Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)

  • ผู้ป่วยสามารถอธิบายโรคและผลกระทบที่เกิดขึ้นกับร่างกาย
  • ผู้ป่วยและครอบครัวสามารถปฏิบัติตามคำแนะนำได้อย่างถูกต้อง
  • ผู้ป่วยเริ่มปรับพฤติกรรมการรับประทานอาหารให้เป็นปกติ
  • ครอบครัวให้การสนับสนุนผู้ป่วยในการรักษาอย่างมีประสิทธิภาพ

✅ Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)

  • F50F8I-1: ประเมินความเข้าใจของผู้ป่วยและครอบครัวเกี่ยวกับโรคและการดูแลตนเอง
  • F50F8I-2: อธิบายเกี่ยวกับโรคการกินผิดปกติและผลกระทบต่อสุขภาพให้ผู้ป่วยและครอบครัวเข้าใจ
  • F50F8I-3: จัดทำแผนการให้ความรู้เกี่ยวกับการดูแลตนเอง เช่น การรับประทานอาหารที่เหมาะสม การออกกำลังกายที่ปลอดภัย
  • F50F8I-4: จัดการประชุมระหว่างผู้ป่วยและครอบครัวเพื่ออธิบายเกี่ยวกับวิธีการสนับสนุนผู้ป่วย
  • F50F8I-5: ใช้สื่อการเรียนการสอน เช่น วิดีโอ หนังสือ หรือแผ่นพับ เพื่อเพิ่มความเข้าใจเกี่ยวกับโรคและการดูแลตนเอง
  • F50F8I-6: ส่งเสริมให้ผู้ป่วยและครอบครัวเข้าร่วมโปรแกรมการให้คำปรึกษาและกลุ่มสนับสนุน

💬 Response (การตอบสนองของผู้ป่วย)

  • F50F8R-1: ผู้ป่วยสามารถอธิบายโรคการกินผิดปกติและผลกระทบต่อร่างกายได้
  • F50F8R-2: ครอบครัวเริ่มสนับสนุนผู้ป่วยตามคำแนะนำที่ได้รับจากพยาบาล
  • F50F8R-3: ผู้ป่วยปรับพฤติกรรมการรับประทานอาหารให้เป็นปกติและเหมาะสม
  • F50F8R-4: ผู้ป่วยและครอบครัวมีความมั่นใจในการดูแลสุขภาพและสามารถดูแลตนเองได้ดีขึ้น
  • F50F8R-5: ผู้ป่วยเข้าร่วมโปรแกรมการให้คำปรึกษาและมีส่วนร่วมในการบำบัดความคิด

…………………………………………………………………..

F50F9: ขาดแรงจูงใจในการฟื้นฟู (Lack of motivation for recovery)

📋 Assessment (การประเมิน)

S:

  • ผู้ป่วยบอกว่า “ฉันไม่คิดว่ามีปัญหาอะไร”
  • ผู้ป่วยแสดงท่าทีกังวลและต่อต้านการรักษา
  • ผู้ป่วยไม่เห็นความจำเป็นในการปรับพฤติกรรมการรับประทานอาหาร
  • ไม่มีความกระตือรือร้นในการทำตามแผนการรักษาหรือการบำบัด

O:

  • ผู้ป่วยยังคงมีพฤติกรรมการกินที่ผิดปกติ
  • การตอบสนองจากผู้ป่วยในการรักษาต่ำ
  • ผู้ป่วยแสดงอาการปฏิเสธการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม

🎯 Goals (เป้าหมาย)

  • ผู้ป่วยเริ่มรับรู้ถึงปัญหาของตนเองและเห็นความสำคัญของการฟื้นฟู
  • ผู้ป่วยมีแรงจูงใจในการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม
  • ผู้ป่วยสามารถทำตามแผนการรักษาได้อย่างเต็มที่
  • ผู้ป่วยมีความมั่นใจในการฟื้นฟูและตัดสินใจในการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม

📊 Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)

  • ผู้ป่วยแสดงท่าทีที่เป็นบวกต่อการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม
  • ผู้ป่วยเริ่มมีความกระตือรือร้นในการรักษาและฟื้นฟู
  • ผู้ป่วยเริ่มปรับพฤติกรรมการกินให้เหมาะสม
  • ผู้ป่วยมีการติดตามแผนการรักษาและแสดงความสนใจในผลลัพธ์
  • ผู้ป่วยสามารถพูดคุยเกี่ยวกับความสำคัญของการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม

✅ Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)

  • F50F9I-1: ใช้เทคนิคการสนทนาแบบเปิด (open-ended questions) เพื่อช่วยให้ผู้ป่วยพิจารณาความสำคัญของการรักษา
  • F50F9I-2: ช่วยผู้ป่วยตั้งเป้าหมายเล็ก ๆ ที่สามารถทำได้จริงในแต่ละวันเพื่อสร้างความสำเร็จที่เป็นรูปธรรม
  • F50F9I-3: ใช้การสนับสนุนทางอารมณ์ (emotional support) เพื่อให้ผู้ป่วยรู้สึกได้รับการยอมรับและไม่โดดเดี่ยว
  • F50F9I-4: ส่งเสริมให้ผู้ป่วยเห็นถึงผลดีของการเปลี่ยนแปลงในระยะยาว เช่น การมีสุขภาพดีขึ้นและความมั่นใจที่มากขึ้น
  • F50F9I-5: ให้ข้อมูลเกี่ยวกับการบำบัดและการรักษาที่สามารถช่วยให้ผู้ป่วยฟื้นฟูได้
  • F50F9I-6: ใช้การเสริมสร้างความเชื่อมั่นในตนเอง (self-esteem) เพื่อช่วยกระตุ้นให้ผู้ป่วยเห็นค่าของการดูแลตัวเอง

💬 Response (การตอบสนอง)

  • F50F9R-1: ผู้ป่วยเริ่มพูดถึงเป้าหมายส่วนตัวและเห็นคุณค่าของการฟื้นฟู
  • F50F9R-2: ผู้ป่วยเริ่มร่วมมือกับทีมแพทย์และพยาบาลในการปรับพฤติกรรมการกิน
  • F50F9R-3: ผู้ป่วยแสดงท่าทีที่เป็นบวกและมีความมุ่งมั่นในการรักษา
  • F50F9R-4: ผู้ป่วยเริ่มมีความพยายามในการติดตามแผนการรักษาและการบำบัดอย่างเต็มที่
  • F50F9R-5: ผู้ป่วยเริ่มเห็นถึงความสำเร็จเล็ก ๆ ในการปรับพฤติกรรมและมีแรงจูงใจในการฟื้นฟูมากขึ้น

………………………………………………………………..

F50F10: ต้องการการวางแผนจำหน่ายและติดตามต่อเนื่อง (Needs discharge planning and follow-up care)

📋 Assessment (การประเมิน)

S:

  • ผู้ป่วยแสดงความกังวลเกี่ยวกับการกลับไปใช้ชีวิตประจำวันหลังออกจากโรงพยาบาล
  • ผู้ป่วยบอกว่า “ฉันไม่แน่ใจว่าจะจัดการกับอาหารและการกินที่บ้านได้ยังไง”
  • ผู้ป่วยไม่มีแผนการดูแลตัวเองหลังการรักษา

O:

  • ผู้ป่วยต้องการการดูแลอย่างใกล้ชิดหลังออกจากโรงพยาบาล
  • ผู้ป่วยแสดงความสนใจในการมีการติดตามอาการหลังจำหน่าย
  • ผู้ป่วยยังคงมีความวิตกกังวลเกี่ยวกับการรักษาในระยะยาว

🎯 Goals (เป้าหมาย)

  • ผู้ป่วยสามารถเข้าใจแผนการดูแลหลังการจำหน่ายและการติดตามอาการ
  • ผู้ป่วยสามารถดำเนินชีวิตประจำวันได้ตามปกติหลังจากได้รับการรักษา
  • ผู้ป่วยมีความมั่นใจในการดูแลตัวเองหลังออกจากโรงพยาบาล
  • ผู้ป่วยได้รับการสนับสนุนจากทีมแพทย์และครอบครัวหลังการจำหน่าย
  • ผู้ป่วยสามารถบอกขั้นตอนการติดตามและคำแนะนำในการดูแลสุขภาพหลังจำหน่ายได้

📊 Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)

  • ผู้ป่วยแสดงความเข้าใจแผนการดูแลและการติดตามหลังจำหน่าย
  • ผู้ป่วยสามารถปฏิบัติตามคำแนะนำในการดูแลตัวเองหลังการจำหน่ายได้
  • ผู้ป่วยเข้ารับการติดตามตามนัดหมายและแสดงท่าทีที่ดีต่อการรักษา
  • ผู้ป่วยมีการปรับพฤติกรรมที่ดีขึ้นหลังออกจากโรงพยาบาล
  • ผู้ป่วยได้รับการสนับสนุนจากครอบครัวและทีมดูแลอย่างต่อเนื่อง

✅ Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)

  • F50F10I-1: จัดทำแผนการจำหน่ายและกำหนดการติดตามที่ชัดเจนแก่ผู้ป่วย
  • F50F10I-2: สร้างการสนับสนุนจากครอบครัวและทีมดูแลหลังการจำหน่าย
  • F50F10I-3: ให้คำแนะนำเกี่ยวกับการดูแลตนเองและการจัดการพฤติกรรมการกินในชีวิตประจำวัน
  • F50F10I-4: จัดการนัดหมายการติดตามหลังออกจากโรงพยาบาลและตรวจสอบอาการ
  • F50F10I-5: ให้การสนับสนุนด้านจิตใจเพื่อให้ผู้ป่วยมีความมั่นใจในการฟื้นฟูหลังออกจากโรงพยาบาล
  • F50F10I-6: ให้คำแนะนำในการติดต่อเจ้าหน้าที่ดูแลสุขภาพหากมีปัญหาหลังการจำหน่าย

💬 Response (การตอบสนอง)

  • F50F10R-1: ผู้ป่วยเข้าใจแผนการดูแลหลังจำหน่ายและการติดตามอาการ
  • F50F10R-2: ผู้ป่วยสามารถจัดการกับการกินในชีวิตประจำวันได้ดีขึ้น
  • F50F10R-3: ผู้ป่วยเข้ารับการติดตามตามนัดหมายและรายงานอาการได้อย่างตรงเวลา
  • F50F10R-4: ผู้ป่วยแสดงความมั่นใจและพร้อมในการปรับพฤติกรรมการกินในระยะยาว
  • F50F10R-5: ผู้ป่วยได้รับการสนับสนุนจากครอบครัวและทีมดูแลอย่างต่อเนื่องหลังการจำหน่าย

………………………………………………………..

เอกสารอ้างอิง

  • พิทักษ์, ก. (2562). การดูแลผู้ป่วยโรคการกินผิดปกติในโรงพยาบาล. สถาบันพยาบาลศาสตร์แห่งประเทศไทย.
  • สำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (2559). คู่มือการดูแลผู้ป่วยโรคจิตเวชที่มีภาวะการกินผิดปกติ. กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์สุขภาพ.
  • Fairburn, C. G., & Harrison, P. J. (2003). Eating disorders. The Lancet, 361(9355), 407-416. https://doi.org/10.1016/S0140-6736(03)12378-1
  • American Psychiatric Association. (2013). Diagnostic and statistical manual of mental disorders (5th ed.). Arlington, VA: American Psychiatric Association.

………………………………………………………………