เกี่ยวกับฉัน

รูปภาพของฉัน
เมือง, พิษณุโลก, Thailand

วันศุกร์ที่ 11 เมษายน พ.ศ. 2568

EP.52 จิตเวชหัวข้อ 12: โรคการปรับตัวผิดปกติ (Adjustment Disorders) - F43.2

Psych. Topic 12 : Adjustment Disorders - F43.2

🧠 เมื่อใจเราปรับตัวไม่ทัน... โรคการปรับตัวผิดปกติ (F43.2) คืออะไร?
รู้เท่าทันอารมณ์ เปลี่ยนความเครียดให้กลายเป็นพลังบวก

🧬 พยาธิสภาพ

        โรคนี้เกิดจากภาวะเครียดที่ "มากเกินไป" หรือ "นานเกินไป" จนใจและร่างกายเริ่มรับมือไม่ไหว ทำให้เกิดอาการทางอารมณ์ เช่น ซึมเศร้า กังวล หรือแสดงพฤติกรรมเปลี่ยนไปอย่างชัดเจนหลังเจอเหตุการณ์กระทบใจ เช่น การเปลี่ยนงาน การเลิกกับคนรัก หรือการสูญเสียคนสำคัญ

🔍 ปัจจัยที่ทำให้เกิด

  • เหตุการณ์กระทบจิตใจรุนแรง เช่น อกหัก ตกงาน สูญเสีย
  • มีประวัติสุขภาพจิตไม่ดีมาก่อน
  • ขาดคนให้กำลังใจหรือสภาพแวดล้อมไม่สนับสนุน

💊 การรักษา

  • พูดคุยกับจิตแพทย์หรือนักจิตวิทยา (การบำบัดพูดช่วยได้มาก!)
  • อาจใช้ยาคลายกังวลหรือยาต้านเศร้าในบางกรณี
  • ปรับพฤติกรรม เพิ่มกิจกรรมผ่อนคลาย เช่น ออกกำลังกาย ฝึกหายใจ

🩺 การพยาบาล

  • รับฟังด้วยใจ ไม่ตัดสิน
  • ประเมินความเสี่ยงในการทำร้ายตนเอง
  • ส่งเสริมให้ผู้ป่วยได้ระบายความรู้สึกและได้รับการบำบัดที่เหมาะสม
  • แนะนำเทคนิคผ่อนคลาย เช่น การหายใจลึกๆ หรือสมาธิสั้นๆ

👨‍👩‍👧‍👦 การดูแลสำหรับบุคคลทั่วไป

  • หากคุณรู้สึกเครียดจนชีวิตประจำวันเสีย สมาธิหลุดง่าย หรืออารมณ์แปรปรวน อย่าเก็บไว้คนเดียว! พูดคุยกับคนที่ไว้ใจหรือปรึกษาผู้เชี่ยวชาญทันที
  • หาเวลาพักใจ ออกกำลังกายบ้าง ทำกิจกรรมที่คุณชอบ
  • อย่าลืมว่า “การขอความช่วยเหลือ ไม่ใช่ความอ่อนแอ แต่คือพลังของคนเข้มแข็ง”

🧠 วินิจฉัยการพยาบาล: โรคการปรับตัวผิดปกติ (F43.2)

  1. F43.2F1 มีภาวะเสี่ยงต่อการทำร้ายตนเองหรือฆ่าตัวตาย (Risk for self-harm or suicide)
  2. F43.2F2 มีภาวะซึมเศร้า (Depressed mood)
  3. F43.2F3 มีความวิตกกังวลมากเกินไป (Excessive anxiety)
  4. F43.2F4 มีการตอบสนองต่อความเครียดที่ไม่เหมาะสม (Maladaptive response to stress)
  5. F43.2F5 มีรูปแบบการนอนหลับที่ผิดปกติ (Disturbed sleep pattern)
  6. F43.2F6 มีความบกพร่องในการดูแลตนเอง (Impaired self-care ability)
  7. F43.2F7 มีความรู้สึกโดดเดี่ยวและขาดการสนับสนุนทางสังคม (Social isolation and lack of support)
  8. F43.2F8 ขาดความรู้และทักษะในการจัดการกับอารมณ์ (Deficient knowledge and coping skills)
  9. F43.2F9 มีความไม่พร้อมในการกลับไปใช้ชีวิตตามปกติ (Readiness for enhanced psychosocial adaptation)
  10. F43.2F10 ต้องการการวางแผนจำหน่ายและติดตามต่อเนื่อง (Discharge planning and follow-up care)
............................................................................

F43.2F1: มีภาวะเสี่ยงต่อการทำร้ายตนเองหรือฆ่าตัวตาย (Risk for self-harm or suicide)

📝 Assessment (การประเมิน)

S:

  • ไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้ว”
  • เหนื่อยกับทุกอย่าง”
  • ไม่มีใครเข้าใจเลย”

O:

  • สีหน้าเศร้า ไม่สบตา
  • พูดช้าหรือเงียบผิดปกติ
  • อยู่คนเดียว ไม่ร่วมกิจกรรม
  • มีประวัติพยายามทำร้ายตนเอง
  • สังเกตพบวางแผนหรือมีอุปกรณ์ทำร้ายตนเอง

🎯 Goals (เป้าหมาย)

  • ผู้ป่วยปลอดภัย ไม่ทำร้ายตนเอง
  • ผู้ป่วยสามารถระบายความรู้สึกได้
  • ผู้ป่วยรู้จักวิธีรับมือกับอารมณ์เชิงลบ

Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)

  • ไม่มีพฤติกรรมหรือความคิดทำร้ายตนเอง
  • ผู้ป่วยมีสีหน้าผ่อนคลายมากขึ้น
  • ผู้ป่วยสามารถพูดคุยและขอความช่วยเหลือได้เมื่อรู้สึกเครียด

🩺 Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)

  • F43.2F1I-1: เฝ้าระวังผู้ป่วยตลอด 24 ชั่วโมงในช่วงภาวะวิกฤต
  • F43.2F1I-2: ประเมินความเสี่ยงต่อการฆ่าตัวตายโดยใช้แบบประเมินมาตรฐาน
  • F43.2F1I-3: เก็บสิ่งของมีคม ยา หรือวัตถุอันตรายออกจากห้องผู้ป่วย
  • F43.2F1I-4: พูดคุยกับผู้ป่วยอย่างเข้าใจ เปิดโอกาสให้ระบายความรู้สึก
  • F43.2F1I-5: ส่งเสริมให้ผู้ป่วยพบจิตแพทย์/นักจิตวิทยา เพื่อรับการบำบัด
  • F43.2F1I-6: สนับสนุนให้ครอบครัวมีส่วนร่วมในการดูแล และให้ข้อมูลเรื่องความปลอดภัย
  • F43.2F1I-7: สังเกตพฤติกรรมที่เปลี่ยนไป เช่น การแยกตัว พูดลาผู้คน หรือแจกของสำคัญ
  • F43.2F1I-8: แนะนำเทคนิคผ่อนคลาย เช่น หายใจลึก ฝึกสมาธิ หรือกิจกรรมสร้างสรรค์
  • F43.2F1I-9: บันทึกอาการและพฤติกรรมอย่างต่อเนื่องทุกกะ
  • F43.2F1I-10: วางแผนดูแลระยะยาวร่วมกับทีมสุขภาพจิตก่อนจำหน่าย

💬 Response (การตอบสนอง)

  • F43.2F1R-1: ผู้ป่วยไม่แสดงพฤติกรรมหรือคำพูดที่บ่งชี้ว่าคิดทำร้ายตนเอง
  • F43.2F1R-2: ผู้ป่วยสามารถเล่าความรู้สึกได้ และยอมรับการช่วยเหลือ
  • F43.2F1R-3: สีหน้าผ่อนคลายมากขึ้น มีการสบตาและพูดคุย
  • F43.2F1R-4: ครอบครัวเข้าใจวิธีเฝ้าระวังและให้กำลังใจอย่างเหมาะสม
  • F43.2F1R-5: ผู้ป่วยมีความรู้เรื่องการจัดการอารมณ์ และยินดีรับการติดตามต่อเนื่อง

..............................................................................

F43.2F2: มีภาวะซึมเศร้า (Depressed mood)

📝 Assessment (การประเมิน)

S:

  • ไม่อยากทำอะไรเลย”
  • เหนื่อย ท้อแท้ ไม่รู้จะอยู่ไปทำไม”
  • ไม่มีใครเข้าใจ”

O:

  • สีหน้าเศร้า น้ำเสียงเรียบ ไม่มีอารมณ์ร่วม
  • นั่งเฉย ไม่ร่วมกิจกรรม
  • นอนมากหรือไม่นอนเลย
  • รับประทานอาหารน้อยลง
  • น้ำหนักลดลงชัดเจน

🎯 Goals (เป้าหมาย)

  • ผู้ป่วยสามารถระบายความรู้สึกเศร้าได้อย่างเหมาะสม
  • ผู้ป่วยสามารถมีส่วนร่วมในกิจกรรมอย่างน้อยวันละ 1 ครั้ง
  • อารมณ์ผู้ป่วยดีขึ้นตามลำดับภายใน 7 วัน

Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)

  • ผู้ป่วยแสดงความรู้สึกทางอารมณ์ได้โดยไม่ปิดกั้น
  • สีหน้า ท่าทาง และการพูดคุยดีขึ้น
  • มีส่วนร่วมในกิจกรรมอย่างน้อยวันละ 1 ครั้ง
  • รับประทานอาหารและนอนหลับได้ดีขึ้น

🩺 Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)

  • F43.2F2I-1: ประเมินระดับอารมณ์ทุกวัน ด้วยแบบประเมินมาตรฐาน เช่น PHQ-9
  • F43.2F2I-2: อยู่ใกล้ชิด ให้กำลังใจ และสนับสนุนโดยไม่เร่งรัดให้ผู้ป่วยพูด
  • F43.2F2I-3: ส่งเสริมการมีส่วนร่วมในกิจกรรมกลุ่มที่ผู้ป่วยสนใจ เช่น ดนตรี ศิลปะ
  • F43.2F2I-4: สนับสนุนให้มีตารางกิจวัตรประจำวันที่คงที่ เช่น การตื่นนอน รับประทานอาหาร
  • F43.2F2I-5: ประสานจิตแพทย์เพื่อพิจารณาการให้ยาต้านซึมเศร้าเมื่อเหมาะสม
  • F43.2F2I-6: แนะนำเทคนิคการผ่อนคลาย เช่น หายใจลึก โยคะเบาๆ หรือทำสมาธิ
  • F43.2F2I-7: สังเกตพฤติกรรมที่อาจนำไปสู่การทำร้ายตนเองร่วมด้วย
  • F43.2F2I-8: สนับสนุนให้ครอบครัวร่วมพูดคุย ให้กำลังใจ และไม่ตำหนิผู้ป่วย
  • F43.2F2I-9: บันทึกความเปลี่ยนแปลงด้านอารมณ์และพฤติกรรมอย่างต่อเนื่อง
  • F43.2F2I-10: วางแผนการฟื้นฟูระยะยาวและติดตามผลหลังจำหน่าย

💬 Response (การตอบสนอง)

  • F43.2F2R-1: ผู้ป่วยสามารถบอกความรู้สึกตนเองได้โดยไม่ปิดบัง
  • F43.2F2R-2: สีหน้าและการแสดงออกของผู้ป่วยดูผ่อนคลายขึ้น
  • F43.2F2R-3: ผู้ป่วยร่วมทำกิจกรรมหรือสนทนากับผู้อื่นอย่างน้อยวันละ 1 ครั้ง
  • F43.2F2R-4: ผู้ป่วยรับประทานอาหารและนอนหลับได้ตามปกติมากขึ้น
  • F43.2F2R-5: ครอบครัวมีบทบาทร่วมในการดูแล ฟังและสนับสนุนอย่างเหมาะสม

......................................................................................

F43.2F3: มีความวิตกกังวลมากเกินไป (Excessive anxiety)

📝 Assessment (การประเมิน)

S:

  • กลัวว่าจะเกิดเรื่องไม่ดี”
  • คิดมาก หยุดคิดไม่ได้”
  • นอนไม่หลับ เพราะกังวลตลอดเวลา”

O:

  • กระสับกระส่าย อยู่ไม่นิ่ง
  • พูดเร็วหรือพูดซ้ำๆ เรื่องที่กังวล
  • เหงื่อออก มือสั่น ใจเต้นเร็ว
  • นอนไม่หลับหรือหลับไม่สนิท
  • เลี่ยงสถานการณ์ที่เกี่ยวข้องกับความกังวล

🎯 Goals (เป้าหมาย)

  • ผู้ป่วยสามารถระบุสิ่งที่ทำให้วิตกกังวลได้
  • ผู้ป่วยมีระดับความวิตกกังวลลดลงภายใน 5-7 วัน
  • ผู้ป่วยมีเทคนิคการจัดการความกังวลได้อย่างเหมาะสม

Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)

  • ผู้ป่วยรายงานว่ารู้สึกสงบขึ้น
  • ไม่มีพฤติกรรมกระวนกระวายหรือหลีกเลี่ยงสิ่งกระตุ้น
  • นอนหลับได้อย่างน้อย 4-6 ชั่วโมง/คืน
  • มีทักษะรับมือกับความเครียดที่เหมาะสม

🩺 Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)

  • F43.2F3I-1: ประเมินระดับความวิตกกังวลโดยใช้แบบประเมิน เช่น GAD-7
  • F43.2F3I-2: พูดคุยให้กำลังใจ รับฟังโดยไม่ตัดสิน เพื่อให้ผู้ป่วยรู้สึกปลอดภัย
  • F43.2F3I-3: สอนเทคนิคการหายใจช้าและลึก เพื่อควบคุมอารมณ์
  • F43.2F3I-4: ส่งเสริมการทำกิจกรรมที่ผ่อนคลาย เช่น วาดภาพ เดินเบาๆ
  • F43.2F3I-5: วางแผนกิจวัตรประจำวันร่วมกับผู้ป่วย เพื่อลดความไม่แน่นอน
  • F43.2F3I-6: ประสานจิตแพทย์เพื่อประเมินการให้ยาคลายความวิตกกังวล
  • F43.2F3I-7: ให้คำแนะนำครอบครัวเกี่ยวกับวิธีพูดคุยและสนับสนุนผู้ป่วย
  • F43.2F3I-8: สังเกตอาการทางกาย เช่น ใจสั่น เหงื่อออก ที่อาจสัมพันธ์กับความวิตกกังวล
  • F43.2F3I-9: บันทึกความถี่และความรุนแรงของอาการวิตกกังวลอย่างต่อเนื่อง
  • F43.2F3I-10: แนะนำให้ฝึกสมาธิหรือใช้แอปพลิเคชันช่วยผ่อนคลายจิตใจ

💬 Response (การตอบสนอง)

  • F43.2F3R-1: ผู้ป่วยสามารถบอกได้ว่าสิ่งใดเป็นสาเหตุของความวิตกกังวล
  • F43.2F3R-2: ผู้ป่วยรายงานว่าอาการใจสั่น/กระวนกระวายลดลง
  • F43.2F3R-3: ผู้ป่วยสามารถใช้เทคนิคหายใจหรือสมาธิเพื่อควบคุมอารมณ์ได้
  • F43.2F3R-4: นอนหลับได้ดีขึ้นอย่างน้อยคืนละ 4-6 ชั่วโมง
  • F43.2F3R-5: ผู้ป่วยมีสีหน้าและพฤติกรรมผ่อนคลายมากขึ้น

........................................................................

F43.2F4: มีการตอบสนองต่อความเครียดที่ไม่เหมาะสม (Maladaptive response to stress)

📝 Assessment (การประเมิน)

S:

  • รู้สึกหมดหนทาง ไม่รู้จะจัดการยังไง”
  • พอเครียดก็มักจะตะคอกหรือทำร้ายคนอื่น”
  • ชอบอยู่คนเดียว ไม่อยากพูดกับใครเวลามีปัญหา”

O:

  • หลีกเลี่ยงการเข้าสังคม หรือหยุดงาน/เรียนโดยไม่มีเหตุผล
  • มีพฤติกรรมก้าวร้าว หรือไม่เหมาะสมต่อสถานการณ์
  • มีการใช้สารเสพติดหรือแอลกอฮอล์เพื่อระบายเครียด
  • แสดงความเฉื่อยชา ไม่แสดงอารมณ์ใดๆ
  • แยกตัว ไม่พูดคุยกับครอบครัวหรือเพื่อน

🎯 Goals (เป้าหมาย)

  • ผู้ป่วยสามารถระบุปัญหาและวิธีตอบสนองต่อความเครียดของตนได้
  • ผู้ป่วยใช้วิธีจัดการกับความเครียดที่เหมาะสมภายใน 1 สัปดาห์
  • ผู้ป่วยมีความสามารถในการสื่อสารอารมณ์ได้ดีขึ้น
  • ผู้ป่วยกลับมาทำกิจวัตรประจำวันได้ตามปกติ

Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)

  • ผู้ป่วยไม่แสดงพฤติกรรมรุนแรงหรือทำร้ายผู้อื่น
  • ผู้ป่วยรายงานว่าสามารถควบคุมอารมณ์ได้ดีขึ้น
  • ผู้ป่วยมีส่วนร่วมในกิจกรรมกับผู้อื่นอย่างน้อย 1 ครั้ง/วัน
  • ไม่มีการใช้แอลกอฮอล์หรือสารเสพติดเพื่อระบายเครียด
  • มีการแสดงออกถึงอารมณ์อย่างเหมาะสม

🩺 Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)

  • F43.2F4I-1: ประเมินวิธีที่ผู้ป่วยใช้ตอบสนองต่อความเครียดในอดีตและปัจจุบัน
  • F43.2F4I-2: ส่งเสริมให้ผู้ป่วยพูดคุย เปิดใจถึงความเครียดและอารมณ์
  • F43.2F4I-3: สอนวิธีจัดการความเครียด เช่น การหายใจลึก ผ่อนคลายกล้ามเนื้อ
  • F43.2F4I-4: สร้างตารางกิจกรรมประจำวันร่วมกับผู้ป่วยเพื่อลดความว่างและความคิดฟุ้งซ่าน
  • F43.2F4I-5: หลีกเลี่ยงการตำหนิพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม แต่เน้นการสะท้อนกลับอย่างสร้างสรรค์
  • F43.2F4I-6: ให้ผู้ป่วยทดลองพฤติกรรมใหม่ๆ ที่เหมาะสมแทนพฤติกรรมเก่า เช่น แทนการตะโกนเป็นการนับถอยหลัง
  • F43.2F4I-7: ส่งเสริมให้มีส่วนร่วมในกลุ่มบำบัดหรือกิจกรรมกลุ่มเพื่อฝึกทักษะทางสังคม
  • F43.2F4I-8: ให้คำแนะนำครอบครัวในการเข้าใจพฤติกรรมและสนับสนุนอย่างเหมาะสม
  • F43.2F4I-9: ประเมินความเสี่ยงต่อการใช้สารเสพติด และให้คำแนะนำป้องกัน
  • F43.2F4I-10: ประสานกับทีมสหวิชาชีพ (จิตแพทย์ นักจิตวิทยา นักสังคมสงเคราะห์)

💬 Response (การตอบสนอง)

  • F43.2F4R-1: ผู้ป่วยสามารถพูดถึงอารมณ์และความเครียดได้อย่างเปิดเผย
  • F43.2F4R-2: พฤติกรรมรุนแรงลดลง หรือไม่มีเลยในช่วงที่อยู่ในความดูแล
  • F43.2F4R-3: ผู้ป่วยมีส่วนร่วมในกิจกรรมอย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอ
  • F43.2F4R-4: ผู้ป่วยเลือกวิธีตอบสนองต่อความเครียดที่ไม่ใช้ความรุนแรง
  • F43.2F4R-5: ครอบครัวรายงานว่าผู้ป่วยสามารถควบคุมอารมณ์ได้ดีขึ้นเมื่อมีปัญหา

....................................................................................

F43.2F5: มีรูปแบบการนอนหลับที่ผิดปกติ (Disturbed sleep pattern)

📝 Assessment (การประเมิน)

S:

  • นอนไม่ค่อยหลับ ตื่นกลางดึกบ่อย”
  • หลับยาก แม้จะง่วงก็ยังนอนไม่หลับ”
  • ตื่นมาแล้วรู้สึกไม่สดชื่น”

O:

  • ใต้ตาคล้ำ เหนื่อยล้า
  • มีพฤติกรรมง่วงซึมหรือหลับระหว่างวัน
  • สมาธิสั้นลง อารมณ์หงุดหงิด
  • ผู้ป่วยรายงานว่านอนหลับน้อยกว่า 4-5 ชั่วโมง/คืน

🎯 Goals (เป้าหมาย)

  • ผู้ป่วยสามารถหลับได้อย่างน้อย 6-8 ชั่วโมงต่อคืนภายใน 1 สัปดาห์
  • ผู้ป่วยรู้สึกพักผ่อนเพียงพอเมื่อตื่น
  • ลดพฤติกรรมการตื่นกลางดึกบ่อยครั้ง
  • ปรับพฤติกรรมก่อนนอนให้เหมาะสม

Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)

  • ผู้ป่วยหลับสนิทอย่างน้อย 6 ชั่วโมงต่อคืน
  • ไม่มีรายงานการตื่นกลางดึกเกิน 1 ครั้ง
  • ผู้ป่วยรู้สึกสดชื่นและมีพลังหลังตื่นนอน
  • ไม่มีพฤติกรรมง่วงนอนระหว่างวัน

🩺 Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)

  • F43.2F5I-1: ประเมินสาเหตุของการนอนไม่หลับ เช่น ความเครียด ความวิตกกังวล หรือการใช้ยาบางชนิด
  • F43.2F5I-2: ให้ความรู้เรื่อง “สุขอนามัยการนอน” เช่น งดกาแฟก่อนนอน งดใช้มือถือ
  • F43.2F5I-3: ส่งเสริมให้ผู้ป่วยเข้านอนและตื่นนอนเป็นเวลาเดียวกันทุกวัน
  • F43.2F5I-4: จัดสภาพแวดล้อมให้เหมาะสมกับการนอน เช่น ห้องเงียบ อุณหภูมิเหมาะสม
  • F43.2F5I-5: ส่งเสริมกิจกรรมผ่อนคลายก่อนนอน เช่น อาบน้ำอุ่น ฟังเพลงเบาๆ หรือฝึกหายใจลึก
  • F43.2F5I-6: หลีกเลี่ยงการนอนกลางวันนานเกินไป
  • F43.2F5I-7: หากมีอาการรุนแรงหรือเรื้อรัง พิจารณาส่งต่อพบแพทย์เพื่อพิจารณาใช้ยาช่วยนอนหลับ
  • F43.2F5I-8: จัดกิจกรรมระหว่างวันเพื่อให้ร่างกายได้ใช้พลังงาน และรู้สึกง่วงตามธรรมชาติ
  • F43.2F5I-9: ติดตามบันทึกการนอนหลับ (Sleep Diary) อย่างน้อย 3-5 วัน เพื่อประเมินแนวโน้ม
  • F43.2F5I-10: ส่งเสริมให้ครอบครัวสนับสนุนการปรับพฤติกรรมการนอนอย่างต่อเนื่อง

💬 Response (การตอบสนอง)

  • F43.2F5R-1: ผู้ป่วยรายงานว่านอนหลับได้ดีขึ้น และตื่นน้อยลง
  • F43.2F5R-2: จำนวนชั่วโมงการนอนเพิ่มขึ้นเป็นอย่างน้อย 6 ชั่วโมง/คืน
  • F43.2F5R-3: อารมณ์ดีขึ้น สมาธิดีขึ้นในช่วงกลางวัน
  • F43.2F5R-4: ไม่มีพฤติกรรมง่วงซึมหรือหลับระหว่างวัน
  • F43.2F5R-5: ผู้ป่วยและครอบครัวเข้าใจวิธีการดูแลสุขภาพการนอนหลับอย่างเหมาะสม

.............................................................................

F43.2F6: มีความบกพร่องในการดูแลตนเอง (Impaired self-care ability)

📝 Assessment (การประเมิน)

S:

  • ไม่อยากทำอะไรเลย แม้แต่ลุกมาอาบน้ำ”
  • เบื่อ ไม่อยากกินข้าว ไม่อยากแต่งตัว”

O:

  • สังเกตว่าผู้ป่วยไม่อาบน้ำ ไม่เปลี่ยนเสื้อผ้า
  • ไม่รับประทานอาหารเองหรือรับประทานน้อยมาก
  • ผมเผ้ายุ่งเหยิง กลิ่นตัวแรง
  • ห้องพักหรือบริเวณส่วนตัวไม่สะอาด
  • ปฏิเสธกิจกรรมประจำวัน

🎯 Goals (เป้าหมาย)

  • ผู้ป่วยสามารถดูแลตนเองในด้านพื้นฐานได้ เช่น การอาบน้ำ รับประทานอาหาร และแต่งกาย
  • ผู้ป่วยมีความตั้งใจในการทำกิจกรรมประจำวัน
  • ผู้ป่วยมีพฤติกรรมที่แสดงถึงการเห็นคุณค่าในตนเองเพิ่มขึ้น

Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)

  • ผู้ป่วยอาบน้ำ เปลี่ยนเสื้อผ้า และดูแลสุขอนามัยตนเองได้อย่างน้อยวันละครั้ง
  • รับประทานอาหารได้อย่างน้อย 3 มื้อ/วัน
  • ผู้ป่วยร่วมมือในกิจกรรมการดูแลตนเองโดยไม่ต้องกระตุ้นมาก
  • มีการแสดงออกทางพฤติกรรมที่ดีขึ้น เช่น ยิ้ม พูดคุยกับผู้อื่น

🩺 Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)

  • F43.2F6I-1: ประเมินระดับความสามารถของผู้ป่วยในการดูแลตนเองเบื้องต้น เช่น การกิน การอาบน้ำ
  • F43.2F6I-2: กระตุ้นให้ผู้ป่วยทำกิจกรรมประจำวัน เช่น ล้างหน้า แปรงฟัน โดยให้กำลังใจและคำชมเมื่อทำได้
  • F43.2F6I-3: จัดตารางกิจกรรมการดูแลตนเองเป็นเวลา เช่น อาบน้ำตอนเช้า รับประทานอาหารตรงเวลา
  • F43.2F6I-4: จัดสิ่งแวดล้อมให้ปลอดภัยและเอื้อต่อการดูแลตนเอง เช่น ห้องน้ำสะอาด มีแสงสว่างเพียงพอ
  • F43.2F6I-5: ส่งเสริมให้ผู้ป่วยเลือกเสื้อผ้าเอง เพื่อเพิ่มความรู้สึกควบคุมชีวิตของตนเอง
  • F43.2F6I-6: ทำกิจกรรมกลุ่มหรือกิจกรรมง่ายๆ ที่ช่วยฟื้นฟูความมั่นใจ เช่น กิจกรรมศิลปะ ดนตรี หรือเกมเบาๆ
  • F43.2F6I-7: ประเมินภาวะร่วม เช่น ซึมเศร้า หรือความคิดไม่เห็นคุณค่าในตนเอง และรายงานแพทย์
  • F43.2F6I-8: ให้ครอบครัวมีส่วนร่วมในการกระตุ้นและสนับสนุนการดูแลตนเองของผู้ป่วยอย่างสม่ำเสมอ
  • F43.2F6I-9: ให้คำปรึกษาและให้กำลังใจอย่างต่อเนื่องเพื่อลดความรู้สึกล้มเหลวของผู้ป่วย
  • F43.2F6I-10: ส่งต่อผู้ป่วยไปยังทีมสหวิชาชีพ เช่น นักกิจกรรมบำบัด หรือจิตแพทย์ หากจำเป็น

💬 Response (การตอบสนอง)

  • F43.2F6R-1: ผู้ป่วยสามารถอาบน้ำ แปรงฟัน และแต่งกายเองได้อย่างน้อยวันละครั้ง
  • F43.2F6R-2: ผู้ป่วยรับประทานอาหารได้ครบทุกมื้อและน้ำหนักคงที่
  • F43.2F6R-3: ผู้ป่วยมีการแสดงออกทางอารมณ์ที่ดีขึ้น เช่น ยิ้ม สนทนา หรือเข้าร่วมกิจกรรม
  • F43.2F6R-4: ผู้ป่วยมีความมั่นใจในการทำกิจกรรมของตนเองเพิ่มขึ้น
  • F43.2F6R-5: ครอบครัวให้การสนับสนุนและมีบทบาทในการดูแลอย่างต่อเนื่อง

................................................................................

F43.2F7: มีความรู้สึกโดดเดี่ยวและขาดการสนับสนุนทางสังคม (Social isolation and lack of support)

📝 Assessment (การประเมิน)

S:

  • รู้สึกไม่มีใครเข้าใจ”
  • ไม่มีเพื่อน ไม่มีใครให้คุยด้วย”
  • รู้สึกว่าตัวเองอยู่คนเดียวในโลกนี้”

O:

  • ผู้ป่วยแยกตัว ไม่พูดคุยกับผู้อื่น
  • ไม่มีญาติเข้าเยี่ยมหรือมีผู้ดูแลที่ขาดการมีส่วนร่วม
  • หลีกเลี่ยงกิจกรรมกลุ่มหรือสื่อสารน้อยมาก
  • มีพฤติกรรมเศร้าซึม ขาดความกระตือรือร้น

🎯 Goals (เป้าหมาย)

  • ผู้ป่วยสามารถสื่อสารและมีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่นได้
  • ผู้ป่วยรู้สึกได้รับการสนับสนุนจากบุคคลรอบข้าง
  • ผู้ป่วยเข้าร่วมกิจกรรมกลุ่มหรือกิจกรรมทางสังคมได้

Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)

  • ผู้ป่วยสามารถพูดคุยกับบุคลากรหรือเพื่อนร่วมกลุ่มวันละอย่างน้อย 1-2 ครั้ง
  • ผู้ป่วยเข้าร่วมกิจกรรมกลุ่มอย่างน้อยวันละ 1 ครั้ง
  • ผู้ป่วยแสดงความรู้สึกว่ายังมีคนที่ห่วงใยหรือเข้าใจตนเอง

🩺 Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)

  • F43.2F7I-1: ประเมินระดับความรู้สึกโดดเดี่ยว และความสัมพันธ์ทางสังคมของผู้ป่วย
  • F43.2F7I-2: พูดคุยกับผู้ป่วยด้วยน้ำเสียงที่อบอุ่น ให้ความรู้สึกปลอดภัย
  • F43.2F7I-3: สนับสนุนให้ผู้ป่วยเล่าความรู้สึกและประสบการณ์ส่วนตัวโดยไม่ตัดสิน
  • F43.2F7I-4: จัดกิจกรรมกลุ่ม เช่น เกม งานฝีมือ หรือสนทนากลุ่ม เพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์
  • F43.2F7I-5: ส่งเสริมให้ผู้ป่วยติดต่อหรือรับการเยี่ยมจากครอบครัว/ญาติ หากเหมาะสม
  • F43.2F7I-6: สร้างโอกาสให้ผู้ป่วยมีบทบาทเล็กๆ เช่น การช่วยเตรียมกิจกรรม เพื่อเสริมคุณค่าในตนเอง
  • F43.2F7I-7: ประสานนักสังคมสงเคราะห์เพื่อวางแผนช่วยเหลือและสร้างเครือข่ายสนับสนุน
  • F43.2F7I-8: สร้างตารางกิจกรรมที่มีโอกาสพบปะผู้คน เพื่อให้ผู้ป่วยคุ้นชินกับปฏิสัมพันธ์
  • F43.2F7I-9: ให้ข้อมูลเกี่ยวกับกลุ่มช่วยเหลือ หรือเครือข่ายผู้ป่วย เช่น ชมรมหรือชุมชนในพื้นที่
  • F43.2F7I-10: ประเมินผลการตอบสนองและปรับกิจกรรมให้เหมาะกับบุคลิกภาพของผู้ป่วย

💬 Response (การตอบสนอง)

  • F43.2F7R-1: ผู้ป่วยสามารถสนทนาหรือแสดงความรู้สึกกับบุคลากรหรือสมาชิกในกลุ่มได้
  • F43.2F7R-2: ผู้ป่วยเข้าร่วมกิจกรรมกลุ่มได้อย่างต่อเนื่องและเต็มใจ
  • F43.2F7R-3: ผู้ป่วยรายงานความรู้สึกว่ามีคนห่วงใยหรือเข้าใจมากขึ้น
  • F43.2F7R-4: ผู้ป่วยมีสีหน้าและท่าทางที่ผ่อนคลายมากขึ้นระหว่างกิจกรรม
  • F43.2F7R-5: ครอบครัวหรือเพื่อนแสดงบทบาทสนับสนุนที่ชัดเจนขึ้น

....................................................................................

F43.2F8: ขาดความรู้และทักษะในการจัดการกับอารมณ์ (Deficient knowledge and coping skills)

📝 Assessment (การประเมิน)

S:

  • ไม่รู้จะรับมือกับความเครียดอย่างไร”
  • ไม่สามารถจัดการกับอารมณ์ตนเองได้”
  • ทุกครั้งที่รู้สึกเครียดก็ทำให้รู้สึกแย่ลง”

O:

  • การแสดงออกทางอารมณ์ที่ไม่เหมาะสม เช่น การโกรธหรือร้องไห้โดยไม่มีสาเหตุ
  • ไม่มีทักษะในการจัดการกับอารมณ์ เช่น การหายใจลึกๆ หรือการใช้เทคนิคผ่อนคลาย
  • มักแสดงอารมณ์ที่รุนแรงในสถานการณ์ที่ไม่จำเป็น

🎯 Goals (เป้าหมาย)

  • ผู้ป่วยสามารถรับรู้และแยกแยะอารมณ์ตนเองได้
  • ผู้ป่วยสามารถใช้เทคนิคการจัดการกับอารมณ์อย่างน้อย 1-2 วิธีในแต่ละวัน
  • ผู้ป่วยสามารถพูดคุยเกี่ยวกับอารมณ์ของตนเองกับผู้อื่นได้อย่างชัดเจนและเหมาะสม

Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)

  • ผู้ป่วยสามารถรายงานวิธีการจัดการกับอารมณ์ที่ได้ผลในแต่ละสถานการณ์
  • ผู้ป่วยสามารถใช้ทักษะการจัดการอารมณ์ในสถานการณ์ที่เครียดได้
  • ผู้ป่วยสามารถอธิบายวิธีจัดการกับความเครียดได้ชัดเจน

🩺 Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)

  • F43.2F8I-1: ประเมินระดับความเครียดและอารมณ์ของผู้ป่วยในแต่ละวัน
  • F43.2F8I-2: สอนเทคนิคการจัดการอารมณ์ เช่น การหายใจลึกๆ หรือการทำสมาธิ
  • F43.2F8I-3: ส่งเสริมให้ผู้ป่วยบันทึกอารมณ์ของตนเองในแต่ละวัน เพื่อช่วยในการระบุความรู้สึก
  • F43.2F8I-4: ให้คำแนะนำเกี่ยวกับวิธีผ่อนคลาย เช่น การทำกิจกรรมที่ชอบหรือการออกกำลังกาย
  • F43.2F8I-5: ฝึกให้ผู้ป่วยพูดคุยเกี่ยวกับอารมณ์ของตนเองในสถานการณ์ที่เหมาะสม
  • F43.2F8I-6: แนะนำกลยุทธ์การปรับทัศนคติ เช่น การมองเห็นแง่ดีในสถานการณ์ที่ยากลำบาก
  • F43.2F8I-7: ให้คำแนะนำเกี่ยวกับการมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางสังคมเพื่อเสริมสร้างความมั่นคงทางอารมณ์
  • F43.2F8I-8: ประเมินผลการใช้งานเทคนิคการจัดการอารมณ์ที่สอนให้กับผู้ป่วย

💬 Response (การตอบสนอง)

  • F43.2F8R-1: ผู้ป่วยสามารถแสดงอารมณ์ในสถานการณ์ต่างๆ ได้อย่างเหมาะสม
  • F43.2F8R-2: ผู้ป่วยสามารถระบุและบันทึกอารมณ์ของตนเองในแต่ละวันได้
  • F43.2F8R-3: ผู้ป่วยสามารถใช้เทคนิคการหายใจลึกหรือทำสมาธิได้ในขณะเครียด
  • F43.2F8R-4: ผู้ป่วยมีความรู้สึกสงบลงหลังจากใช้ทักษะการจัดการอารมณ์
  • F43.2F8R-5: ผู้ป่วยแสดงทักษะในการพูดคุยเกี่ยวกับความรู้สึกของตนเองกับผู้อื่น

....................................................................................

F43.2F9: ความไม่พร้อมในการกลับไปใช้ชีวิตตามปกติ (Readiness for enhanced psychosocial adaptation)

📝 Assessment (การประเมิน)

S:

  • รู้สึกเหมือนยังไม่พร้อมที่จะกลับไปทำกิจวัตรประจำวัน”
  • ไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นจากตรงไหนในชีวิตหลังจากผ่านความเครียด”
  • ไม่มั่นใจว่าจะสามารถปรับตัวให้กลับไปเป็นเหมือนเดิมได้หรือไม่”

O:

  • ความวิตกกังวลเกี่ยวกับการกลับสู่ชีวิตปกติ
  • การแสดงออกทางอารมณ์ที่ไม่มั่นคง เช่น อารมณ์แปรปรวนหรือเหนื่อยล้า
  • การพึ่งพาคนอื่นมากเกินไปในการรับมือกับปัญหา

🎯 Goals (เป้าหมาย)

  • ผู้ป่วยมีความมั่นใจในการปรับตัวกลับสู่ชีวิตประจำวัน
  • ผู้ป่วยสามารถแสดงทักษะการจัดการความเครียดและอารมณ์ได้ด้วยตนเอง
  • ผู้ป่วยรู้สึกพร้อมที่จะเผชิญกับความท้าทายในชีวิตและกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้

Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)

  • ผู้ป่วยสามารถตั้งเป้าหมายระยะสั้นในการกลับไปใช้ชีวิตประจำวัน
  • ผู้ป่วยสามารถแสดงทักษะในการรับมือกับความเครียดและปัญหาประจำวันได้
  • ผู้ป่วยมีการแสดงออกทางอารมณ์ที่มั่นคงและพร้อมต่อสถานการณ์

🩺 Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)

  • F43.2F9I-1: ประเมินระดับความพร้อมของผู้ป่วยในการปรับตัวกลับสู่ชีวิตปกติ โดยการสนทนาเกี่ยวกับความรู้สึกและความกังวลของผู้ป่วย
  • F43.2F9I-2: สนับสนุนการตั้งเป้าหมายระยะสั้นสำหรับการปรับตัว เช่น การกลับไปทำงานหรือเข้าร่วมกิจกรรมสังคม
  • F43.2F9I-3: ให้คำแนะนำเกี่ยวกับการสร้างทักษะการจัดการความเครียด เช่น การฝึกสมาธิ การออกกำลังกาย หรือการหายใจลึกๆ
  • F43.2F9I-4: จัดกิจกรรมเพื่อกระตุ้นให้ผู้ป่วยเริ่มต้นการทำกิจวัตรประจำวัน เช่น การวางแผนการทำงานหรือการเข้าร่วมกิจกรรมสังคมในระดับที่ยอมรับได้
  • F43.2F9I-5: ส่งเสริมให้ผู้ป่วยติดต่อกับครอบครัวหรือเพื่อนฝูงเพื่อสนับสนุนทางสังคมและลดความรู้สึกโดดเดี่ยว
  • F43.2F9I-6: ประเมินการปรับตัวของผู้ป่วยเป็นระยะๆ เพื่อให้คำแนะนำเพิ่มเติมหากจำเป็น

💬 Response (การตอบสนอง)

  • F43.2F9R-1: ผู้ป่วยสามารถระบุเป้าหมายในชีวิตประจำวันและเริ่มดำเนินการตามนั้นได้
  • F43.2F9R-2: ผู้ป่วยแสดงความมั่นใจในการจัดการกับสถานการณ์ประจำวันและลดความวิตกกังวล
  • F43.2F9R-3: ผู้ป่วยสามารถใช้เทคนิคการจัดการความเครียดอย่างน้อย 1 วิธีในแต่ละวัน
  • F43.2F9R-4: ผู้ป่วยเริ่มติดต่อกับครอบครัวและเพื่อนฝูงมากขึ้นเพื่อการสนับสนุนทางสังคม
  • F43.2F9R-5: ผู้ป่วยมีการปรับตัวทางจิตใจที่ดีขึ้นและรู้สึกพร้อมที่จะกลับไปใช้ชีวิตประจำวันตามปกติ

..........................................................................

F43.2F10: ต้องการการวางแผนจำหน่ายและติดตามต่อเนื่อง (Discharge planning and follow-up care)

📝 Assessment (การประเมิน)

S:

  • รู้สึกวิตกกังวลเกี่ยวกับการกลับไปสู่ชีวิตปกติหลังจากออกจากโรงพยาบาล”
  • กังวลว่าความเครียดจะกลับมาใหม่หากไม่ได้รับการสนับสนุนอย่างต่อเนื่อง”
  • ต้องการคำแนะนำในการดูแลตนเองหลังจากออกจากโรงพยาบาล”

O:

  • แสดงอาการวิตกกังวลและเครียดเกี่ยวกับการกลับไปใช้ชีวิตปกติ
  • ต้องการคำแนะนำเกี่ยวกับการวางแผนการดูแลตัวเองในระยะยาว
  • ต้องการการสนับสนุนทางอารมณ์และจิตใจหลังจากออกจากโรงพยาบาล

🎯 Goals (เป้าหมาย)

  • ผู้ป่วยสามารถกำหนดแผนการดูแลตัวเองหลังจากออกจากโรงพยาบาล
  • ผู้ป่วยสามารถจัดการกับความเครียดและอารมณ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • ผู้ป่วยสามารถติดตามผลการรักษาและรับการสนับสนุนจากทีมดูแลสุขภาพหลังการจำหน่าย

Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)

  • ผู้ป่วยสามารถระบุแผนการดูแลตัวเองที่ชัดเจนหลังจากออกจากโรงพยาบาล
  • ผู้ป่วยมีความเข้าใจเกี่ยวกับการติดตามผลการรักษาและการรับการสนับสนุนต่อเนื่อง
  • ผู้ป่วยไม่แสดงอาการวิตกกังวลหรือเครียดเกี่ยวกับการออกจากโรงพยาบาล

🩺 Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)

  • F43.2F10I-1: ประเมินความพร้อมของผู้ป่วยในการกลับไปใช้ชีวิตประจำวัน และให้คำแนะนำเกี่ยวกับการดูแลตัวเองในระยะยาว
  • F43.2F10I-2: วางแผนการติดตามผลการรักษาหลังการจำหน่าย โดยกำหนดวันนัดพบหรือการสนับสนุนทางจิตใจ
  • F43.2F10I-3: ให้ข้อมูลเกี่ยวกับแหล่งการสนับสนุนทางสังคม เช่น กลุ่มสนับสนุน หรือบริการที่สามารถให้คำแนะนำและความช่วยเหลือเพิ่มเติม
  • F43.2F10I-4: สอนเทคนิคการจัดการความเครียดและการดูแลตนเอง เช่น การฝึกการหายใจลึก ๆ หรือการผ่อนคลาย
  • F43.2F10I-5: อธิบายเกี่ยวกับการรักษาต่อเนื่องและการใช้ยา (หากมี) หลังจากการจำหน่ายเพื่อป้องกันการเกิดซ้ำ
  • F43.2F10I-6: ตรวจสอบแผนการติดตามและปรับแผนการดูแลตามความจำเป็นหลังจากการจำหน่าย

💬 Response (การตอบสนอง)

  • F43.2F10R-1: ผู้ป่วยสามารถอธิบายแผนการดูแลตัวเองหลังจากออกจากโรงพยาบาลและแสดงความเข้าใจในกระบวนการติดตามผล
  • F43.2F10R-2: ผู้ป่วยสามารถจัดการกับความเครียดได้ดีขึ้นโดยใช้เทคนิคการจัดการที่ได้เรียนรู้
  • F43.2F10R-3: ผู้ป่วยแสดงความมั่นใจในการกลับไปใช้ชีวิตประจำวันและรู้สึกพร้อมรับการสนับสนุนจากทีมดูแลสุขภาพ
  • F43.2F10R-4: ผู้ป่วยไม่แสดงอาการวิตกกังวลหรือเครียดเมื่อกลับไปใช้ชีวิตประจำวัน และรู้สึกว่ามีแหล่งการสนับสนุนต่อเนื่อง
  • F43.2F10R-5: ผู้ป่วยติดตามผลการรักษาตามแผนที่กำหนดและไม่มีอาการทางจิตใจที่รุนแรง

........................................................................................

📚 เอกสารอ้างอิง

  • American Psychiatric Association. (2022). Diagnostic and Statistical Manual of Mental Disorders, 5th Edition, Text Revision (DSM-5-TR).
  • Doenges, M. E., Moorhouse, M. F., & Murr, A. C. (2022). Nursing Care Plans: Guidelines for Individualizing Client Care Across the Life Span (11th ed.).
  • World Health Organization. (2019). ICD-11 for Mortality and Morbidity Statistics: Adjustment Disorder.
  • กองสุขภาพจิตสังคม กรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข. (2562). แนวทางการดูแลผู้ป่วยโรคเครียดจากปัญหาชีวิตและการปรับตัว.

................................................................