Psych. Topic 10 : Delusional Disorder - F22
🎯 เข้าใจ “โรคจิตหลงผิด” เช็กอาการ ดูแลถูกวิธี
ช่วยผู้ป่วยได้อย่างเข้าใจ 💬
🧠พยาธิสภาพคืออะไร?
โรคจิตหลงผิด (F22) คือภาวะที่สมองมีความผิดปกติ
ทำให้ผู้ป่วยเชื่อในสิ่งที่ไม่จริง เช่น คิดว่ามีคนตาม หรือมีคนจะทำร้าย
ทั้งที่ไม่มีหลักฐานใด ๆ
⚠️ปัจจัยที่ทำให้เกิดโรค
- ความเครียดเรื้อรัง
- พันธุกรรม (ถ้ามีคนในครอบครัวเป็น)
- การใช้สารเสพติดหรือแอลกอฮอล์
- ความผิดปกติของสารสื่อประสาทในสมอง
💊การรักษาทำอย่างไร?
- ใช้ยารักษาทางจิตเวชตามแพทย์สั่ง
- จิตบำบัดเพื่อช่วยให้ผู้ป่วยแยกแยะความจริง
- การดูแลจากครอบครัวอย่างต่อเนื่อง
👩⚕️แนวทางการพยาบาล
- รับฟังอย่างไม่โต้แย้ง
- ประเมินความคิดหลงผิดอย่างปลอดภัย
- กระตุ้นให้รับยาและติดตามการรักษา
- สร้างความไว้วางใจเพื่อให้ผู้ป่วยร่วมมือ
🤝บุคคลทั่วไปดูแลอย่างไร?
- อย่าเถียงกับผู้ป่วยเรื่องความเชื่อผิด ๆ
- รับฟังด้วยความเข้าใจและใจเย็น
- พาผู้ป่วยไปพบจิตแพทย์โดยไม่บังคับ
- สังเกตอาการ หากเริ่มมีพฤติกรรมเสี่ยงหรือหลงผิดมากขึ้น ควรขอความช่วยเหลือจากบุคลากรทางการแพทย์ทันที
.....................................................
🎥✨
"บางคนไม่ได้เพ้อฝัน...แต่เขากำลังหลงอยู่ในโลกที่เขาเชื่อว่าจริง"
เข้าใจ โรคจิตหลงผิด (F22) ให้มากขึ้น
เพื่อดูแลคนที่คุณรัก...อย่างถูกวิธี 💙
#โรคจิตหลงผิด #F22
#จิตเวชต้องรู้ #MentalHealthMatters #เข้าใจไม่ตัดสิน
#สุขภาพจิต #พยาบาลไทย #ห่วงใยสุขภาพใจ #ดูแลใจคนรอบข้าง #Reelsเพื่อสุขภาพ #ความรู้สุขภาพใจ
......................................................
วินิจฉัยการพยาบาลผู้ป่วยโรคจิตหลงผิด
(Delusional Disorder)
- F22F1 เสี่ยงต่อการทำร้ายตนเองหรือผู้อื่น (Risk for harm to self or others)
- F22F2 รับรู้ความเป็นจริงบกพร่อง (Impaired reality perception)
- F22F3 มีความวิตกกังวลและความหวาดระแวง (Anxiety and suspiciousness)
- F22F4 มีพฤติกรรมสื่อสารไม่เหมาะสม (Impaired communication behavior)
- F22F5 มีความผิดปกติในการนอนหลับ (Disturbed sleep pattern)
- F22F6 ขาดความร่วมมือในการรักษา (Noncompliance with treatment plan)
- F22F7 ขาดความรู้ในการดูแลตนเอง (Deficient knowledge related to self-care)
- F22F8 เสี่ยงต่อผลข้างเคียงจากยา (Risk for adverse drug effects)
- F22F9 ขาดระบบสนับสนุนทางสังคม (Ineffective social support system)
- F22F10 เตรียมพร้อมสำหรับการจำหน่ายและการติดตามผล (Readiness for discharge and follow-up)
F22F1: เสี่ยงต่อการทำร้ายตนเองหรือผู้อื่น
(Risk for harm to self or others)
🩺 Assessment (การประเมิน)
S:
- ผู้ป่วยพูดว่า “มีคนจะทำร้ายฉัน”
- ผู้ป่วยแสดงความไม่ไว้ใจคนรอบข้าง
O:
- ผู้ป่วยเดินวน สายตามองรอบตัวตลอดเวลา
- พฤติกรรมระแวง หรือมีท่าทีป้องกันตัว
- แสดงสีหน้าเครียด กระวนกระวาย
- มีประวัติเคยพยายามทำร้ายตนเองหรือผู้อื่น
🎯 Goals (เป้าหมาย)
- ผู้ป่วยปลอดภัย ไม่ทำร้ายตนเองหรือผู้อื่น
- ผู้ป่วยแสดงพฤติกรรมสงบมากขึ้น
- ผู้ป่วยร่วมมือในการดูแลรักษาได้ดีขึ้น
📌 Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)
- ไม่มีพฤติกรรมก้าวร้าว หรือทำร้ายตนเอง
- ผู้ป่วยอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัย
- ผู้ป่วยสามารถแจ้งความต้องการหรืออารมณ์ของตนได้
- ผู้ป่วยตอบสนองต่อการสนทนาและคำแนะนำอย่างเหมาะสม
🛡️ Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)
- F22F1I-1: ประเมินความเสี่ยงต่อการทำร้ายตนเองหรือผู้อื่นทุกครั้งเมื่อเริ่มเวร
- F22F1I-2: ดูแลให้ผู้ป่วยอยู่ในพื้นที่ปลอดภัย ลดสิ่งกระตุ้นที่ก่อให้เกิดความหวาดระแวง
- F22F1I-3: อยู่ใกล้ชิดผู้ป่วยเมื่อแสดงพฤติกรรมกระวนกระวาย หรือพูดจาหลุดจากความจริง
- F22F1I-4: หลีกเลี่ยงการโต้เถียงกับผู้ป่วยเกี่ยวกับความเชื่อที่ผิด เพื่อไม่ให้ผู้ป่วยต่อต้าน
- F22F1I-5: ส่งเสริมให้ผู้ป่วยระบายความรู้สึก และฟังอย่างตั้งใจโดยไม่ตัดสิน
- F22F1I-6: แจ้งแพทย์ทันทีหากพบพฤติกรรมรุนแรง หรือมีความเสี่ยงเร่งด่วน
- F22F1I-7: สนับสนุนให้ครอบครัวมีส่วนร่วมในการดูแลและเข้าใจพฤติกรรมของผู้ป่วย
- F22F1I-8: สังเกตผลข้างเคียงจากยา เช่น กระวนกระวาย หรือซึมเศร้า
- F22F1I-9: บันทึกพฤติกรรมที่อาจเป็นอันตรายไว้อย่างละเอียด เพื่อประเมินแนวโน้มความเสี่ยง
- F22F1I-10: วางแผนร่วมกับทีมสหวิชาชีพเพื่อดูแลผู้ป่วยแบบองค์รวม
✅ Response (การตอบสนอง)
- F22F1R-1: ผู้ป่วยไม่แสดงพฤติกรรมก้าวร้าวหรือทำร้ายตนเองในช่วงเวลาที่อยู่ในการดูแล
- F22F1R-2: ผู้ป่วยแสดงพฤติกรรมสงบมากขึ้นและอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้
- F22F1R-3: ผู้ป่วยมีการพูดคุยระบายความรู้สึกมากขึ้น
- F22F1R-4: ผู้ป่วยได้รับยาและไม่มีอาการข้างเคียงที่รุนแรง
- F22F1R-5: ครอบครัวสามารถมีส่วนร่วมในการดูแลและเข้าใจพฤติกรรมของผู้ป่วยได้ดีขึ้น
………………………………………………
F22F2: รับรู้ความเป็นจริงบกพร่อง
(Impaired reality perception)
🩺 Assessment (การประเมิน)
S:
- ผู้ป่วยพูดว่า “มีคนใส่กล้องในห้องฉัน”
- ผู้ป่วยยืนยันว่ามีคนตามติดชีวิตเขาตลอดเวลา
O:
- ผู้ป่วยพูดคุยกับคนที่ไม่มีอยู่จริง
- สีหน้าเคร่งเครียด แสดงอารมณ์สับสน
- ปฏิเสธข้อมูลหรือคำอธิบายจากบุคลากร
- ไม่สามารถแยกแยะเหตุการณ์จริงกับสิ่งที่คิดเองได้
🎯 Goals (เป้าหมาย)
- ผู้ป่วยสามารถแยกแยะความจริงกับความคิดหลงผิดได้ดีขึ้น
- ผู้ป่วยมีพฤติกรรมตอบสนองต่อสถานการณ์ได้เหมาะสม
- ผู้ป่วยลดความเชื่อในสิ่งที่ไม่มีอยู่จริงลงได้บ้าง
- ผู้ป่วยร่วมมือกับแผนการรักษาอย่างต่อเนื่อง
📌 Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)
- ผู้ป่วยลดความเชื่อในความคิดหลงผิด
- ผู้ป่วยไม่แสดงพฤติกรรมตามความคิดหลงผิด
- ผู้ป่วยสามารถพูดคุยกับบุคลากรโดยไม่พาดพิงถึงสิ่งที่ไม่มีอยู่จริง
- ผู้ป่วยตอบสนองกับคำแนะนำได้อย่างเหมาะสม
🛡️ Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)
- F22F2I-1: ประเมินความถี่และรูปแบบของความคิดหลงผิดทุกวัน เพื่อเฝ้าระวังอาการ
- F22F2I-2: พูดคุยกับผู้ป่วยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ไม่ขัดแย้งกับความเชื่อของผู้ป่วยโดยตรง
- F22F2I-3: หลีกเลี่ยงการยืนยันหรือปฏิเสธความคิดหลงผิด แต่เน้นข้อเท็จจริงที่ตรวจสอบได้
- F22F2I-4: ส่งเสริมให้ผู้ป่วยพูดถึงความรู้สึกและความคิดของตนอย่างเปิดเผย
- F22F2I-5: สร้างกิจกรรมเบี่ยงเบนความสนใจ เช่น งานฝีมือ ฟังเพลง เดินเล่น
- F22F2I-6: ประเมินปฏิกิริยาตอบสนองของผู้ป่วยต่อการใช้ยาและแจ้งแพทย์หากมีอาการกำเริบ
- F22F2I-7: สื่อสารกับทีมสหวิชาชีพเพื่อวางแผนดูแลผู้ป่วยร่วมกัน
- F22F2I-8: ให้คำแนะนำแก่ญาติในการเข้าใจพฤติกรรมและความเชื่อของผู้ป่วยอย่างไม่ตัดสิน
- F22F2I-9: จัดสภาพแวดล้อมให้ปลอดภัย ลดสิ่งกระตุ้นที่อาจเพิ่มความสับสน
- F22F2I-10: ส่งเสริมการมีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่นในสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยและเหมาะสม
✅ Response (การตอบสนอง)
- F22F2R-1: ผู้ป่วยสามารถรับฟังคำชี้แจงข้อเท็จจริงโดยไม่แสดงความต่อต้าน
- F22F2R-2: ผู้ป่วยลดการพูดถึงสิ่งที่ไม่มีอยู่จริงลง
- F22F2R-3: ผู้ป่วยแสดงพฤติกรรมที่เหมาะสมต่อสถานการณ์มากขึ้น
- F22F2R-4: ผู้ป่วยเข้าร่วมกิจกรรมเบี่ยงเบนความสนใจได้อย่างต่อเนื่อง
- F22F2R-5: ญาติเริ่มเข้าใจและสามารถสื่อสารกับผู้ป่วยได้อย่างเหมาะสมมากขึ้น
………………………………………………………….
F22F3: มีความวิตกกังวลและความหวาดระแวง
(Anxiety and Suspiciousness)
🩺 Assessment (การประเมิน)
S:
- ผู้ป่วยพูดว่า “มีคนจ้องทำร้ายฉัน”
- ผู้ป่วยกล่าวว่า “รู้สึกไม่ปลอดภัยเลย อยู่ที่นี่ไม่ไว้ใจใคร”
O:
- แสดงอาการวิตกกังวล เช่น มือสั่น เหงื่อออก
- สังเกตว่าผู้ป่วยหลบตา ไม่ไว้วางใจบุคลากร
- เดินไปมา กระสับกระส่าย
- มีท่าทีระวังตัว พูดน้อย ไม่สุงสิงกับใคร
🎯 Goals (เป้าหมาย)
- ลดระดับความวิตกกังวลของผู้ป่วย
- ผู้ป่วยรู้สึกปลอดภัยมากขึ้นในสภาพแวดล้อมที่ได้รับการดูแล
- ผู้ป่วยมีความไว้ใจต่อบุคลากรทางการแพทย์มากขึ้น
- ผู้ป่วยแสดงพฤติกรรมที่สงบขึ้น
📌 Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)
- ผู้ป่วยแสดงสีหน้าและพฤติกรรมสงบมากขึ้น
- ผู้ป่วยพูดคุยกับบุคลากรได้โดยไม่แสดงความหวาดระแวง
- ผู้ป่วยมีท่าทีเปิดใจ และยอมรับการช่วยเหลือ
- ผู้ป่วยเข้าร่วมกิจกรรมที่เหมาะสมร่วมกับผู้อื่นได้
🛡️ Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)
- F22F3I-1: ประเมินระดับความวิตกกังวลทุกเวร ด้วยแบบประเมินหรือการสังเกตพฤติกรรม
- F22F3I-2: อยู่ใกล้ชิดและแสดงความพร้อมในการดูแล เพื่อสร้างความรู้สึกปลอดภัย
- F22F3I-3: พูดคุยด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล ใช้คำพูดที่ไม่กระตุ้นความระแวง
- F22F3I-4: หลีกเลี่ยงการพูดหรือทำพฤติกรรมที่อาจตีความได้ว่าคุกคาม
- F22F3I-5: ส่งเสริมการทำกิจกรรมผ่อนคลาย เช่น ฟังเพลง ฝึกหายใจลึกๆ
- F22F3I-6: สังเกตการเปลี่ยนแปลงด้านอารมณ์ และรายงานแพทย์หากมีอาการมากขึ้น
- F22F3I-7: ให้ข้อมูลที่ชัดเจน สั้น และตรงประเด็น เพื่อไม่ให้ผู้ป่วยสับสน
- F22F3I-8: ให้ผู้ป่วยมีส่วนร่วมในการวางแผนการดูแล เพื่อสร้างความเชื่อมั่น
- F22F3I-9: กระตุ้นให้ผู้ป่วยระบายความรู้สึก โดยไม่ตัดสิน
- F22F3I-10: แนะนำญาติในการดูแลอย่างเข้าใจ ไม่ซ้ำเติมอาการวิตกกังวล
✅ Response (การตอบสนอง)
- F22F3R-1: ผู้ป่วยลดความหวาดระแวงและไว้ใจบุคลากรมากขึ้น
- F22F3R-2: ผู้ป่วยแสดงพฤติกรรมที่สงบ สีหน้าและท่าทางผ่อนคลาย
- F22F3R-3: ผู้ป่วยพูดคุยระบายความรู้สึกได้มากขึ้น
- F22F3R-4: ผู้ป่วยร่วมกิจกรรมกับบุคลากรหรือผู้ป่วยอื่นได้บ้าง
- F22F3R-5: ญาติเริ่มมีความเข้าใจในการสื่อสารกับผู้ป่วยมากขึ้น
………………………………………………………………………
F22F4: มีพฤติกรรมสื่อสารไม่เหมาะสม
(Impaired communication behavior)
🩺 Assessment (การประเมิน)
S:
- ผู้ป่วยพูดไม่เป็นเรื่องราว ตอบไม่ตรงคำถาม
- ผู้ป่วยพูดซ้ำประโยคเดิม หรือใช้คำแปลก ๆ
O:
- ผู้ป่วยพูดด้วยน้ำเสียงดัง หงุดหงิด หรือกระแทกเสียง
- พูดคุยกับคนที่ไม่มีอยู่จริง
- ขาดการสบตา หรือแสดงสีหน้าไม่สัมพันธ์กับคำพูด
- ขัดจังหวะผู้อื่นหรือพูดคนเดียวเป็นเวลานาน
🎯 Goals (เป้าหมาย)
- ผู้ป่วยสามารถสื่อสารได้เหมาะสมขึ้น
- ลดพฤติกรรมการสื่อสารที่รุนแรงหรือไม่เหมาะสม
- ผู้ป่วยเข้าใจการพูดคุยของผู้อื่นได้ดีขึ้น
- พัฒนาทักษะการสื่อสารให้เหมาะกับสถานการณ์
📌 Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)
- ผู้ป่วยพูดคุยโต้ตอบได้เหมาะสมกับบริบท
- ลดพฤติกรรมการพูดรุนแรงหรือพูดซ้ำ ๆ
- ผู้ป่วยสามารถร่วมกิจกรรมสนทนาแบบกลุ่มได้
- แสดงความร่วมมือในการฝึกทักษะการสื่อสาร
🛡️ Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)
- F22F4I-1: ประเมินลักษณะการสื่อสารของผู้ป่วย เช่น ความต่อเนื่องของคำพูด น้ำเสียง ท่าทาง
- F22F4I-2: ใช้คำพูดชัดเจน สั้น กระชับ เพื่อให้ผู้ป่วยเข้าใจง่าย
- F22F4I-3: ให้เวลาผู้ป่วยตอบสนอง ไม่เร่งรัด และไม่ตัดบท
- F22F4I-4: หลีกเลี่ยงการแสดงท่าทีรำคาญเมื่อผู้ป่วยพูดซ้ำหรือไม่เข้าเรื่อง
- F22F4I-5: ฝึกให้ผู้ป่วยพูดในหัวข้อที่กำหนดร่วมกับเจ้าหน้าที่ (structured communication)
- F22F4I-6: ให้คำชมหรือเสริมแรงเมื่อผู้ป่วยสื่อสารได้เหมาะสม
- F22F4I-7: สังเกตพฤติกรรมร่วม เช่น อารมณ์ ความคิด เพื่อประเมินปัจจัยที่ส่งผลต่อการสื่อสาร
- F22F4I-8: แนะนำกิจกรรมที่ส่งเสริมการพูดคุย เช่น เกมฝึกการสื่อสาร
- F22F4I-9: ให้ข้อมูลแก่ญาติในการสื่อสารกับผู้ป่วยอย่างอดทนและสร้างความเข้าใจ
- F22F4I-10: ประสานนักกิจกรรมบำบัดหรือจิตแพทย์หากพฤติกรรมสื่อสารมีผลกระทบต่อการดูแล
✅ Response (การตอบสนอง)
- F22F4R-1: ผู้ป่วยสามารถสื่อสารตอบโต้ได้ดีขึ้นในบางช่วงเวลา
- F22F4R-2: ผู้ป่วยพูดโต้ตอบในหัวข้อที่เหมาะสมมากขึ้น
- F22F4R-3: ผู้ป่วยมีพฤติกรรมพูดที่รุนแรงหรือน่ารำคาญลดลง
- F22F4R-4: ผู้ป่วยร่วมกิจกรรมการพูดคุยโดยไม่ต่อต้าน
- F22F4R-5: ญาติและผู้ดูแลสามารถปรับวิธีการสื่อสารกับผู้ป่วยได้อย่างเหมาะสม
………………………………………………………………………..
F22F5: มีความผิดปกติในการนอนหลับ
(Disturbed sleep pattern)
🩺 Assessment (การประเมิน)
S:
- ผู้ป่วยบ่นว่านอนไม่หลับ หลับยาก ตื่นบ่อย ฝันร้าย
- รู้สึกเหนื่อย อ่อนเพลีย ไม่สดชื่นหลังตื่นนอน
O:
- ผู้ป่วยมีรอยคล้ำใต้ตา ดูอ่อนเพลีย
- ง่วงซึมระหว่างวัน
- มีพฤติกรรมหงุดหงิด ฉุนเฉียวง่าย
- นอนไม่เป็นเวลา หรือเดินวนไปมาในเวลากลางคืน
🎯 Goals (เป้าหมาย)
- ผู้ป่วยสามารถนอนหลับได้อย่างต่อเนื่อง
- ลดพฤติกรรมรบกวนการนอนหลับ
- ผู้ป่วยรู้สึกสดชื่นหลังตื่นนอน
- พัฒนาพฤติกรรมการนอนให้เป็นระบบ
📌 Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)
- ผู้ป่วยนอนหลับได้ไม่น้อยกว่า 5-6 ชั่วโมงต่อคืน
- ตื่นกลางคืนลดลง
- พฤติกรรมหงุดหงิดลองลงเมื่อพักผ่อนเพียงพอ
- ผู้ป่วยมีความพึงพอใจในการนอนหลับ
🛡️ Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)
- F22F5I-1: ประเมินปัจจัยที่ส่งผลต่อการนอน เช่น เสียงรบกวน ความเครียด ยา
- F22F5I-2: ส่งเสริมให้ผู้ป่วยทำกิจวัตรที่สม่ำเสมอก่อนนอน เช่น อาบน้ำอุ่น ฟังเพลงเบา ๆ
- F22F5I-3: แนะนำให้หลีกเลี่ยงคาเฟอีนและอาหารมื้อหนักก่อนนอน
- F22F5I-4: จัดสิ่งแวดล้อมให้เหมาะสม เช่น ปรับแสง เสียง และอุณหภูมิให้เงียบสงบ
- F22F5I-5: ส่งเสริมให้ผู้ป่วยออกกำลังกายเบา ๆ ตอนกลางวัน
- F22F5I-6: หลีกเลี่ยงการนอนหลับระหว่างวันเกิน 30 นาที
- F22F5I-7: แนะนำเทคนิคผ่อนคลาย เช่น หายใจลึก ๆ หรือสมาธิสั้น
- F22F5I-8: เฝ้าระวังผลข้างเคียงจากยา เช่น ยากลุ่ม antipsychotics ที่อาจรบกวนการนอน
- F22F5I-9: หากจำเป็น แจ้งแพทย์พิจารณาปรับยาให้นอนหลับได้ดีขึ้น
- F22F5I-10: ประเมินและติดตามความเปลี่ยนแปลงด้านพฤติกรรมการนอนอย่างสม่ำเสมอ
✅ Response (การตอบสนอง)
- F22F5R-1: ผู้ป่วยสามารถนอนหลับได้นานขึ้น และตื่นกลางคืนลดลง
- F22F5R-2: ผู้ป่วยมีพฤติกรรมสงบก่อนนอน เช่น อาบน้ำ อ่านหนังสือ
- F22F5R-3: แสดงอารมณ์สดชื่นหลังตื่นนอน ไม่มีอาการง่วงกลางวัน
- F22F5R-4: ผู้ป่วยรายงานว่านอนหลับได้ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง
- F22F5R-5: พฤติกรรมหงุดหงิดหรือวิตกกังวลที่เกี่ยวกับการนอนลดลง
…………………………………………………………….
F22F6: ขาดความร่วมมือในการรักษา
(Noncompliance with treatment plan)
🩺 Assessment (การประเมิน)
S:
- ผู้ป่วยปฏิเสธการใช้ยา อ้างว่าไม่ป่วย
- พูดว่าไม่จำเป็นต้องพบแพทย์ ไม่ยอมมารับการรักษา
- แสดงความไม่ไว้วางใจทีมรักษา
O:
- ขาดนัด ตอบสนองต่อคำแนะนำทางการแพทย์น้อย
- ไม่รับประทานยา หรือแอบทิ้งยา
- มีอาการทางจิตกลับมาเป็นซ้ำ
🎯 Goals (เป้าหมาย)
- ผู้ป่วยมีทัศนคติที่ดีขึ้นต่อการรักษา
- ให้ความร่วมมือในการรับประทานยา และติดตามการรักษา
- ครอบครัวมีส่วนร่วมในการสนับสนุนการรักษา
- ลดโอกาสการกลับเป็นซ้ำของอาการ
📌 Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)
- ผู้ป่วยรับประทานยาตามแพทย์สั่งอย่างสม่ำเสมอ
- ไม่ขาดนัดติดตาม
- สื่อสารกับทีมรักษาอย่างเปิดเผยและร่วมมือ
- อาการของโรคอยู่ในภาวะควบคุมได้
🛡️ Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)
- F22F6I-1: ประเมินเหตุผลที่ผู้ป่วยไม่ร่วมมือ เช่น ความเชื่อผิด ความกลัวผลข้างเคียง
- F22F6I-2: ให้ข้อมูลเกี่ยวกับโรคและประโยชน์ของการรักษาอย่างเข้าใจง่าย
- F22F6I-3: สร้างสัมพันธภาพที่ไว้วางใจ ให้ผู้ป่วยรู้สึกปลอดภัย
- F22F6I-4: ชี้ให้เห็นผลกระทบหากไม่รักษา เช่น การกำเริบของอาการ หรือภาวะแทรกซ้อน
- F22F6I-5: ร่วมกับครอบครัวในการสนับสนุนและติดตามการรับประทานยา
- F22F6I-6: กระตุ้นให้ผู้ป่วยตั้งเป้าหมายสุขภาพของตนเอง
- F22F6I-7: ประเมินผลข้างเคียงของยา และประสานแพทย์หากจำเป็นต้องปรับยา
- F22F6I-8: ใช้เทคนิคจูงใจ เช่น Motivational Interviewing เพื่อเสริมแรงเชิงบวก
- F22F6I-9: สร้างกิจวัตรที่ผู้ป่วยสามารถจดจำเวลาในการรับประทานยาได้ง่าย
✅ Response (การตอบสนอง)
- F22F6R-1: ผู้ป่วยรับประทานยาได้อย่างต่อเนื่องโดยไม่ปฏิเสธ
- F22F6R-2: ผู้ป่วยมีส่วนร่วมในการวางแผนการรักษา
- F22F6R-3: ครอบครัวเข้าใจโรคและช่วยสนับสนุนผู้ป่วยอย่างเหมาะสม
- F22F6R-4: ผู้ป่วยมาติดตามการรักษาตามนัด และพูดคุยเปิดใจกับทีมดูแล
- F22F6R-5: อาการทางจิตของผู้ป่วยมีแนวโน้มดีขึ้นหรือคงที่
……………………………………………………………..
F22F7: ขาดความรู้ในการดูแลตนเอง
(Deficient knowledge related to self-care)
🩺 Assessment (การประเมิน)
S:
- ผู้ป่วยไม่เข้าใจวิธีการดูแลตัวเอง เช่น การรับประทานยาอย่างถูกต้อง
- ไม่รู้จักการจัดการกับอาการหรือภาวะที่เกิดจากโรค
- ขาดความรู้ในการรับมือกับผลข้างเคียงของยา
O:
- ผู้ป่วยไม่ได้ถามหรือแสดงความสนใจเกี่ยวกับการรักษา
- พูดถึงการรักษาหรือการดูแลตนเองในทางที่ผิด
- ไม่ปฏิบัติตามคำแนะนำจากทีมดูแล
🎯 Goals (เป้าหมาย)
- ผู้ป่วยเข้าใจและสามารถปฏิบัติตามแผนการดูแลตนเองได้
- ผู้ป่วยสามารถรับประทานยาอย่างถูกต้องและเข้าใจการรักษา
- ผู้ป่วยแสดงความรู้เกี่ยวกับการดูแลตัวเอง เช่น การจัดการกับผลข้างเคียง
- ผู้ป่วยสามารถดูแลตนเองได้ดีขึ้นตามคำแนะนำจากทีมดูแล
📌 Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)
- ผู้ป่วยสามารถอธิบายวิธีการดูแลตัวเองที่เหมาะสมได้
- ผู้ป่วยรับประทานยาตามแผนการรักษาอย่างสม่ำเสมอ
- ผู้ป่วยไม่มีปัญหากับผลข้างเคียงจากยา
- ผู้ป่วยมีความมั่นใจในการดูแลตนเอง
🛡️ Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)
- F22F7I-1: ให้ข้อมูลเกี่ยวกับโรคและวิธีการดูแลตัวเองอย่างชัดเจน และเข้าใจง่าย
- F22F7I-2: สอนวิธีการรับประทานยาและปฏิบัติตามแผนการรักษา
- F22F7I-3: แนะนำวิธีจัดการกับผลข้างเคียงจากยา เช่น อาการข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น
- F22F7I-4: สร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ป่วยในการดูแลตนเอง
- F22F7I-5: กระตุ้นให้ผู้ป่วยถามคำถามหากไม่เข้าใจเกี่ยวกับการรักษาหรือยาที่ใช้
- F22F7I-6: ช่วยสร้างกิจวัตรประจำวันที่สามารถติดตามการรับประทานยาได้ง่าย
- F22F7I-7: ให้ข้อมูลเกี่ยวกับการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมหรือวิธีการรับมือกับโรค
✅ Response (การตอบสนอง)
- F22F7R-1: ผู้ป่วยสามารถอธิบายวิธีการรับประทานยาและปฏิบัติตามแผนการรักษา
- F22F7R-2: ผู้ป่วยรับประทานยาอย่างสม่ำเสมอและตรงเวลา
- F22F7R-3: ผู้ป่วยสามารถจัดการกับผลข้างเคียงจากยาได้ดี
- F22F7R-4: ผู้ป่วยแสดงความมั่นใจในการดูแลตนเองและปรับตัวได้ดีขึ้น
- F22F7R-5: ผู้ป่วยแสดงทัศนคติเชิงบวกเกี่ยวกับการดูแลตัวเองและการรักษา
………………………………………………………………………..
F22F8: เสี่ยงต่อผลข้างเคียงจากยา
(Risk for adverse drug effects)
🩺 Assessment (การประเมิน)
S:
- ผู้ป่วยมีประวัติการใช้ยาในปริมาณมากหรือยาที่มีผลข้างเคียงรุนแรง
- ผู้ป่วยมีอาการผิดปกติที่เกี่ยวข้องกับการใช้ยา เช่น ง่วงนอน มึนงง หรือสับสน
- ผู้ป่วยไม่รับรู้หรือไม่เข้าใจถึงผลข้างเคียงของยา
- ประวัติการแพ้ยาหรือการตอบสนองที่ไม่ดีต่อยาในอดีต
O:
- ผู้ป่วยแสดงอาการผิดปกติ เช่น คลื่นไส้ อาเจียน เวียนศีรษะ หรืออาการทางระบบประสาท
- ผู้ป่วยไม่สามารถแจ้งผลข้างเคียงจากยาที่ใช้ได้
- การตรวจพบอาการข้างเคียงจากการใช้ยาที่มีผลต่อร่างกายหรือจิตใจ
- บันทึกการใช้ยาที่ไม่ตรงตามกำหนดหรือเกินขนาดที่แพทย์กำหนด
🎯 Goals (เป้าหมาย)
- ผู้ป่วยเข้าใจเกี่ยวกับผลข้างเคียงของยาและวิธีการหลีกเลี่ยง
- ผู้ป่วยสามารถสังเกตและรายงานผลข้างเคียงจากยาได้อย่างถูกต้อง
- ผู้ป่วยใช้ยาได้อย่างถูกต้องและไม่มีปัญหาจากการใช้ยา
- ผู้ป่วยลดความเสี่ยงจากผลข้างเคียงของยาและปฏิบัติตามคำแนะนำจากทีมแพทย์
📌 Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)
- ผู้ป่วยไม่แสดงอาการผลข้างเคียงจากยา
- ผู้ป่วยสามารถรายงานผลข้างเคียงได้หากมีการเปลี่ยนแปลง
- ผู้ป่วยใช้ยาอย่างถูกต้องและตรงตามแผนการรักษา
- ผู้ป่วยสามารถหลีกเลี่ยงผลข้างเคียงจากยาได้
🛡️ Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)
- F22F8I-1: อธิบายให้ผู้ป่วยทราบถึงผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นจากยาและวิธีการหลีกเลี่ยง
- F22F8I-2: สอนวิธีการสังเกตอาการที่เกิดจากผลข้างเคียงจากยาและการรายงานต่อทีมแพทย์
- F22F8I-3: ให้ข้อมูลเกี่ยวกับการปรับขนาดยาหรือการหยุดยาเมื่อเกิดผลข้างเคียงที่รุนแรง
- F22F8I-4: กระตุ้นให้ผู้ป่วยรายงานทุกอาการข้างเคียงหรือปัญหาที่เกิดจากการใช้ยา
- F22F8I-5: ตรวจสอบการใช้ยาของผู้ป่วยทุกครั้งเพื่อให้แน่ใจว่าผู้ป่วยใช้ยาอย่างถูกต้อง
- F22F8I-6: ให้คำแนะนำเกี่ยวกับวิธีการใช้ยาอย่างถูกต้อง เช่น เวลาที่ต้องใช้ยา การจัดเก็บยาให้ปลอดภัย
- F22F8I-7: ตรวจสอบผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นกับผู้ป่วยจากยาอย่างสม่ำเสมอ
✅ Response (การตอบสนอง)
- F22F8R-1: ผู้ป่วยสามารถรายงานผลข้างเคียงที่เกิดขึ้นจากการใช้ยาได้ถูกต้อง
- F22F8R-2: ผู้ป่วยไม่มีอาการข้างเคียงจากยา หรือหากมีสามารถจัดการได้อย่างเหมาะสม
- F22F8R-3: ผู้ป่วยใช้ยาอย่างถูกต้องและตรงตามแผนการรักษา
- F22F8R-4: ผู้ป่วยสามารถสังเกตและรายงานผลข้างเคียงจากยาได้ทันทีหากมีการเปลี่ยนแปลง
- F22F8R-5: ผู้ป่วยสามารถปฏิบัติตามคำแนะนำในการดูแลตนเองเพื่อหลีกเลี่ยงผลข้างเคียงจากยา
…………………………………………………………………..
F22F9: ขาดระบบสนับสนุนทางสังคม
(Ineffective social support system)
🩺 Assessment (การประเมิน)
S:
- ผู้ป่วยไม่มีครอบครัวหรือเพื่อนสนิทที่สามารถให้การสนับสนุนทางสังคม
- ผู้ป่วยแยกตัวจากสังคมหรือมีความรู้สึกโดดเดี่ยว
- ผู้ป่วยประสบปัญหาในการสร้างหรือรักษาความสัมพันธ์กับผู้อื่น
- ผู้ป่วยไม่สามารถขอความช่วยเหลือจากผู้อื่นเมื่อเผชิญกับปัญหา
O:
- ผู้ป่วยไม่สามารถให้ข้อมูลเกี่ยวกับเครือข่ายสนับสนุนทางสังคม
- การติดต่อกับเพื่อนหรือครอบครัวมีน้อยหรือไม่สามารถติดต่อได้
- ผู้ป่วยไม่มีส่วนร่วมในกิจกรรมทางสังคม เช่น การพูดคุยกับเพื่อนหรือการเข้าร่วมกิจกรรมในชุมชน
- ผู้ป่วยแสดงความวิตกกังวลเมื่อพูดถึงการมีเครือข่ายสนับสนุน
🎯 Goals (เป้าหมาย)
- ผู้ป่วยสามารถสร้างและรักษาความสัมพันธ์ที่ดีกับครอบครัวหรือเพื่อน
- ผู้ป่วยมีการสนับสนุนจากเครือข่ายทางสังคมที่เหมาะสม
- ผู้ป่วยสามารถขอความช่วยเหลือจากผู้อื่นเมื่อเผชิญกับปัญหา
- ผู้ป่วยมีความรู้สึกเชื่อมโยงกับคนอื่นและลดความรู้สึกโดดเดี่ยว
ผู้ป่วยมีการมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางสังคม
📌 Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)
- ผู้ป่วยสามารถแสดงข้อมูลเกี่ยวกับเครือข่ายสนับสนุนทางสังคมได้
- ผู้ป่วยมีความสัมพันธ์ที่ดีขึ้นกับครอบครัวหรือเพื่อน
- ผู้ป่วยสามารถขอความช่วยเหลือจากผู้อื่นได้เมื่อจำเป็น
- ผู้ป่วยเข้าร่วมกิจกรรมทางสังคมอย่างสม่ำเสมอ
🛡️ Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)
- F22F9I-1: ส่งเสริมให้ผู้ป่วยสร้างและรักษาความสัมพันธ์ที่ดีในครอบครัวและกับเพื่อน
- F22F9I-2: ให้คำแนะนำในการเข้าร่วมกิจกรรมสังคมที่เหมาะสมและสนับสนุนการสร้างเครือข่ายทางสังคม
- F22F9I-3: สอนทักษะการสื่อสารและการสร้างความสัมพันธ์กับผู้อื่น
- F22F9I-4: แนะนำให้ผู้ป่วยเข้าร่วมกลุ่มสนับสนุนหรือกิจกรรมทางสังคมในชุมชน
- F22F9I-5: ให้ข้อมูลเกี่ยวกับการขอความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญหรือหน่วยงานต่างๆ เมื่อเผชิญปัญหาหรือความเครียด
- F22F9I-6: สนับสนุนให้ผู้ป่วยเรียนรู้วิธีการให้และรับการสนับสนุนจากผู้อื่น
- F22F9I-7: จัดให้ผู้ป่วยมีการพูดคุยกับบุคคลที่เชื่อถือได้ เช่น นักจิตวิทยาหรือที่ปรึกษา
✅ Response (การตอบสนอง)
- F22F9R-1: ผู้ป่วยมีความสัมพันธ์ที่ดีขึ้นกับครอบครัวหรือเพื่อน
- F22F9R-2: ผู้ป่วยเข้าร่วมกิจกรรมทางสังคมและแสดงความพึงพอใจในความสัมพันธ์ใหม่ที่เกิดขึ้น
- F22F9R-3: ผู้ป่วยสามารถขอความช่วยเหลือจากผู้อื่นได้เมื่อเผชิญปัญหา
- F22F9R-4: ผู้ป่วยรู้สึกเชื่อมโยงกับผู้อื่นและลดความรู้สึกโดดเดี่ยว
- F22F9R-5: ผู้ป่วยสามารถสร้างเครือข่ายสนับสนุนทางสังคมที่เหมาะสมกับตนเอง
………………………………………………………
F22F10: เตรียมพร้อมสำหรับการจำหน่ายและการติดตามผล
(Readiness for discharge and follow-up)
🩺 Assessment (การประเมิน)
S:
- ผู้ป่วยแสดงความพร้อมและความเข้าใจในการรับการรักษาต่อเนื่องหลังการจำหน่าย
- ผู้ป่วยสามารถระบุแหล่งการสนับสนุนหรือผู้ช่วยเหลือหลังจากการจำหน่ายได้
- ผู้ป่วยมีการติดตามแผนการรักษาและยาที่ถูกต้อง
- ผู้ป่วยแสดงความรู้และทักษะในการจัดการอาการของโรคหรือความวิตกกังวลหลังจำหน่าย
- ผู้ป่วยแสดงความมั่นใจในการปฏิบัติตามแผนการดูแลต่อเนื่อง
O:
- ผู้ป่วยยอมรับคำแนะนำในการติดตามผลหลังจำหน่าย
- ผู้ป่วยสามารถตั้งคำถามเกี่ยวกับแผนการรักษาหรือการติดตามผล
- ผู้ป่วยไม่มีความวิตกกังวลมากเกินไปเกี่ยวกับการติดตามผลหลังจำหน่าย
- ผู้ป่วยสามารถระบุแหล่งข้อมูลที่สามารถขอความช่วยเหลือในกรณีฉุกเฉินได้
🎯 Goals (เป้าหมาย)
- ผู้ป่วยพร้อมสำหรับการจำหน่ายและสามารถปฏิบัติตามแผนการรักษาต่อเนื่องได้
- ผู้ป่วยสามารถบอกชื่อของแพทย์หรือผู้ให้บริการที่ดูแลต่อเนื่องหลังจำหน่าย
- ผู้ป่วยสามารถติดตามการใช้ยาและการรักษาต่อเนื่องได้อย่างถูกต้อง
- ผู้ป่วยมีการตั้งเป้าหมายในการปรับตัวหลังจำหน่ายและมีแผนการดูแลตนเอง
- ผู้ป่วยมีการรู้จักแหล่งการสนับสนุนและการติดตามผลจากทีมดูแลทางการแพทย์
📌 Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)
- ผู้ป่วยสามารถระบุแผนการรักษาหลังจำหน่ายได้อย่างถูกต้อง
- ผู้ป่วยยอมรับการติดตามผลอย่างต่อเนื่อง
- ผู้ป่วยมีความมั่นใจในการจัดการโรคหลังจำหน่าย
- ผู้ป่วยสามารถขอความช่วยเหลือจากแหล่งสนับสนุนทางการแพทย์ได้
- ผู้ป่วยมีความรู้ในการปฏิบัติตามคำแนะนำจากแพทย์
🛡️ Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)
- F22F10I-1: อธิบายแผนการรักษาหลังการจำหน่ายให้ผู้ป่วยเข้าใจอย่างชัดเจน
- F22F10I-2: ชี้แจงถึงการติดตามผลการรักษาและการใช้ยาอย่างถูกต้องหลังจำหน่าย
- F22F10I-3: ส่งเสริมให้ผู้ป่วยตั้งคำถามและปรึกษาผู้ให้บริการทางการแพทย์เกี่ยวกับแผนการดูแล
- F22F10I-4: จัดเตรียมข้อมูลติดต่อของผู้ให้บริการทางการแพทย์และแหล่งการสนับสนุน
- F22F10I-5: สอนทักษะในการรับมือกับอาการและสัญญาณที่อาจเกิดขึ้นหลังจำหน่าย
- F22F10I-6: สนับสนุนให้ผู้ป่วยมีแผนการดูแลตนเองและรู้จักวิธีการขอความช่วยเหลือในกรณีฉุกเฉิน
- F22F10I-7: กำหนดการติดตามผลหลังการจำหน่ายและแนะนำให้ผู้ป่วยยืนยันการนัดหมาย
✅ Response (การตอบสนอง)
- F22F10R-1: ผู้ป่วยสามารถอธิบายแผนการรักษาหลังจำหน่ายได้อย่างถูกต้อง
- F22F10R-2: ผู้ป่วยรับรู้และเข้าใจการใช้ยาและวิธีการติดตามผลอย่างถูกต้อง
- F22F10R-3: ผู้ป่วยรู้สึกมั่นใจในการดูแลตนเองหลังจำหน่าย
- F22F10R-4: ผู้ป่วยสามารถติดต่อผู้ให้บริการทางการแพทย์หากมีปัญหาหรือคำถาม
- F22F10R-5: ผู้ป่วยมีการติดตามผลและปรับแผนการดูแลอย่างเหมาะสมตามคำแนะนำ
……………………………………………………………..
เอกสารอ้างอิง:
- สมาคมจิตแพทย์แห่งประเทศไทย. (2561). แนวทางการรักษาผู้ป่วยโรคจิตหลงผิด. วารสารจิตเวชศาสตร์, 63(3), 123-130.
- วราภรณ์ ศรีพัฒนานุสรณ์. (2563). การพยาบาลผู้ป่วยโรคจิตหลงผิด: การประเมินและการดูแล. วารสารพยาบาลศาสตร์, 48(2), 45-52.
- American Psychiatric Association. (2013). Diagnostic and statistical manual of mental disorders (5th ed.). Arlington, VA: American Psychiatric Publishing.
- Muench, J., & Hamer, A. M. (2018). Adverse effects of antipsychotic medications. American Family Physician, 97(10), 658-666.