เกี่ยวกับฉัน

รูปภาพของฉัน
เมือง, พิษณุโลก, Thailand

วันอังคารที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2568

EP.56 จิตเวชหัวข้อ 16: ภาวะที่ต้องการเปลี่ยนเพศให้ตรงกับตัวตนที่รู้สึก (Transsexualism) - F64.0

 

Psych. Topic 16 : Transsexualism - F64.0

🎯 ภาวะที่ต้องการเปลี่ยนเพศให้ตรงกับตัวตนที่รู้สึก (Transsexualism - F64.0)
เมื่อร่างกายไม่ตรงกับใจ เราไม่ได้แปลก...แค่ต้องการความเข้าใจและการดูแลที่เหมาะสม

🧠พยาธิสภาพ / สาเหตุ

  • เกิดจาก ความไม่สอดคล้องกันระหว่างเพศกำเนิดกับเพศที่รู้สึกเป็นจริงในใจ
  • มีผลต่อความรู้สึก ความคิด และการใช้ชีวิตประจำวัน

⚠️ปัจจัยที่ทำให้เกิด

  • 💙ฮอร์โมนช่วงตั้งครรภ์
  • 💙พันธุกรรม
  • 💙สภาพแวดล้อมและการเลี้ยงดู
  • 💙ความเครียดหรือประสบการณ์ในวัยเด็ก

💊การรักษา

  • จิตบำบัด: เพื่อเข้าใจตัวเองมากขึ้น
  • ฮอร์โมนบำบัด: ช่วยให้รูปลักษณ์ใกล้เคียงเพศที่ต้องการ
  • การผ่าตัดแปลงเพศ: สำหรับบางรายที่ต้องการเปลี่ยนร่างกายให้ตรงกับใจ
  • การสนับสนุนจากครอบครัวและสังคม

🩺การพยาบาล

  • รับฟังอย่างเข้าใจ ไม่ตัดสิน
  • ดูแลทั้งสุขภาพกาย-ใจ
  • สนับสนุนการเข้าถึงบริการทางการแพทย์และจิตใจ
  • ให้ข้อมูลที่ถูกต้อง ปลอดภัย

🤝การดูแลสำหรับบุคคลทั่วไป

  • 💙อย่าตัดสินจากภายนอก ทุกคนมีสิทธิ์เป็นในแบบที่ตัวเองเลือก
  • 💙หากรู้สึกสับสนเรื่องเพศ ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ
  • 💙รักและเข้าใจตนเอง ไม่จำเป็นต้องรีบตัดสินใจ
  • 💙หมั่นสังเกตสุขภาพจิต หากมีอาการเครียด วิตก หดหู่ ควรรีบพบผู้เชี่ยวชาญ

………………………………………………………………….

🔎 การวินิจฉัยการพยาบาลสำหรับภาวะที่ต้องการเปลี่ยนเพศให้ตรงกับตัวตนที่รู้สึก (Transsexualism - F64.0)

  1. F64.0F1 มีภาวะซึมเศร้า (Depressed mood) เกิดจากความไม่สอดคล้องของเพศกำเนิดกับอัตลักษณ์ทางเพศ ความรู้สึกโดดเดี่ยว ถูกตีตรา หรือไม่เป็นที่ยอมรับ
  2. F64.0F2 มีความเสี่ยงต่อการทำร้ายตนเองหรือฆ่าตัวตาย (Risk for self-harm or suicide) จากความเครียดทางอารมณ์ ความรู้สึกถูกปฏิเสธ หรือถูกเลือกปฏิบัติ
  3. F64.0F3 มีความวิตกกังวลเกี่ยวกับร่างกายหรือภาพลักษณ์ตนเอง (Body image disturbance) ไม่พอใจกับเพศสรีระของตนเอง ส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวันและความมั่นใจ
  4. F64.0F4 มีความขัดแย้งในบทบาททางเพศและครอบครัว (Impaired social interaction) รู้สึกอึดอัดหรือกดดันเมื่อต้องปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น โดยเฉพาะในบทบาทที่ไม่ต้องการ
  5. F64.0F5 ขาดความรู้ในการดูแลตนเองเกี่ยวกับกระบวนการเปลี่ยนเพศ (Deficient knowledge about transition process) ไม่เข้าใจขั้นตอนการรักษา การเปลี่ยนแปลงทางกายภาพ หรือการใช้ฮอร์โมน
  6. F64.0F6 ขาดการสนับสนุนทางจิตใจและสังคม (Ineffective coping and lack of support system) ไม่มีคนรับฟังหรือกลุ่มสนับสนุน ส่งผลต่อภาวะเครียดและสุขภาพจิต
  7. F64.0F7 มีความเสี่ยงต่อผลข้างเคียงจากการใช้ฮอร์โมนหรือผ่าตัด (Risk for complications from hormone therapy or surgery) หากไม่มีการติดตามประเมินอย่างใกล้ชิดจากทีมสหวิชาชีพ
  8. F64.0F8 มีความต้องการในการวางแผนดูแลระยะยาว (Need for long-term care planning) ต้องมีแผนการดูแลทางสุขภาพทั้งกายและใจอย่างต่อเนื่องหลังการแปลงเพศ
  9. F64.0F9 ขาดทักษะในการเข้าถึงบริการสุขภาพอย่างเหมาะสม (Ineffective health-seeking behavior) ไม่รู้ช่องทางการขอรับบริการ หรือลังเลเพราะกลัวการตี
  10. F64.0F10 มีความต้องการสนับสนุนก่อนจำหน่ายจากโรงพยาบาล (Readiness for enhanced self-care before discharge) เตรียมความพร้อมด้านความรู้ จิตใจ และแนวทางการปฏิบัติตัวในชีวิตประจำวัน

...................................................................

F64.0F1: มีภาวะซึมเศร้า (Depressed mood)

📝 Assessment (การประเมิน)

S: (Subjective Data)

  • ผู้ป่วยพูดว่า “รู้สึกไม่อยากมีชีวิตอยู่”
  • บ่นว่าไม่มีใครเข้าใจ ไม่อยากพบใคร
  • รู้สึกไม่สบายใจกับร่างกายตัวเอง

O: (Objective Data)

  • สีหน้าเศร้าหมอง เงียบ ไม่สบตา
  • นอนมาก/น้อยผิดปกติ
  • เบื่ออาหาร น้ำหนักลด
  • มีประวัติการแยกตัวจากสังคม

🎯 Goals (เป้าหมาย)

  • ผู้ป่วยสามารถระบายความรู้สึกได้อย่างปลอดภัย
  • ผู้ป่วยมีอารมณ์ดีขึ้น ไม่คิดทำร้ายตนเอง
  • ผู้ป่วยรู้สึกมีคุณค่าและยอมรับตนเองมากขึ้น

📊 Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)

  • ผู้ป่วยสามารถพูดคุยระบายอารมณ์กับพยาบาลหรือบุคคลใกล้ชิด
  • คะแนนแบบประเมินภาวะซึมเศร้าลดลง
  • ไม่มีพฤติกรรมหรือความคิดฆ่าตัวตาย
  • ร่วมกิจกรรมหรือเข้าสังคมได้มากขึ้น

👩‍⚕️ Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)

  • F64.0F1I-1: ประเมินภาวะซึมเศร้าโดยใช้แบบประเมินมาตรฐาน เช่น PHQ-9 เพื่อวัดระดับความรุนแรง
  • F64.0F1I-2: สร้างความสัมพันธ์ที่ไว้วางใจ รับฟังอย่างตั้งใจ โดยไม่ตัดสิน
  • F64.0F1I-3: เฝ้าระวังพฤติกรรมทำร้ายตนเอง เช่น เก็บของมีคม แจ้งทีมจิตเวชหากพบความเสี่ยง
  • F64.0F1I-4: ส่งเสริมให้ผู้ป่วยพูดคุยเกี่ยวกับความรู้สึกตัวตนทางเพศของตนอย่างปลอดภัย
  • F64.0F1I-5: สนับสนุนให้เข้าร่วมกลุ่มบำบัด หรือกลุ่มสนับสนุน LGBTQ+
  • F64.0F1I-6: ให้ข้อมูลเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงเพศอย่างถูกต้อง เพื่อลดความสับสนและความเครียด
  • F64.0F1I-7: ประสานงานกับทีมจิตแพทย์ นักจิตวิทยา หรือนักสังคมสงเคราะห์เพื่อดูแลแบบองค์รวม
  • F64.0F1I-8: ส่งเสริมกิจกรรมที่ผู้ป่วยชอบและรู้สึกภาคภูมิใจในตนเอง เช่น งานอดิเรก
  • F64.0F1I-9: สนับสนุนให้ครอบครัวและคนใกล้ชิดเข้าร่วมกิจกรรมการดูแลร่วม
  • F64.0F1I-10: ประเมินการนอน การกิน และน้ำหนักตัวเพื่อดูความเปลี่ยนแปลงร่วมกับอารมณ์

Response (การตอบสนอง)

  • F64.0F1R-1: ผู้ป่วยไม่มีแนวคิดหรือพฤติกรรมทำร้ายตนเอง
  • F64.0F1R-2: ผู้ป่วยสามารถพูดถึงความรู้สึกเศร้า และรับการช่วยเหลือได้
  • F64.0F1R-3: ผู้ป่วยร่วมทำกิจกรรมในกลุ่มสนับสนุน หรือกิจกรรมทางสังคม
  • F64.0F1R-4: คะแนนประเมินภาวะซึมเศร้าลดลงอย่างมีนัยสำคัญ
  • F64.0F1R-5: ผู้ป่วยมีสีหน้าและท่าทางดีขึ้น พูดคุยกับบุคลากรด้วยท่าทีเปิดใจ

..............................................

F64.0F2 มีความเสี่ยงต่อการทำร้ายตนเองหรือฆ่าตัวตาย (Risk for self-harm or suicide)

📝 Assessment (การประเมิน)

S: (Subjective Data)

  • ผู้ป่วยกล่าวว่า “บางทีก็คิดว่าหายไปจากโลกนี้คงดีกว่า”
  • รู้สึกว่าไม่มีใครเข้าใจ ไม่เป็นที่ยอมรับ
  • บ่นว่าเหนื่อย ล้า ไม่มีแรงใจ

O: (Objective Data)

  • สีหน้าเศร้าหมอง หลบตา ไม่พูดคุย
  • เก็บตัว ไม่เข้าร่วมกิจกรรมใด ๆ
  • เคยมีประวัติพยายามทำร้ายตนเอง
  • มีพฤติกรรมเสี่ยง เช่น ใช้สารเสพติด หรือทำร้ายร่างกายเบื้องต้น

🎯 Goals (เป้าหมาย)

  • ผู้ป่วยปลอดภัย ไม่มีพฤติกรรมหรือแนวคิดทำร้ายตนเอง
  • ผู้ป่วยสามารถพูดถึงปัญหาและความรู้สึกของตนเองได้
  • ผู้ป่วยมีแรงจูงใจในการมีชีวิตอยู่ และเห็นคุณค่าในตนเอง

📊 Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)

  • ไม่มีแนวคิด/พฤติกรรมฆ่าตัวตายหรือทำร้ายตนเอง
  • ผู้ป่วยรายงานความรู้สึกดีขึ้นเมื่อได้รับการสนับสนุน
  • ผู้ป่วยแสดงพฤติกรรมแสวงหาความช่วยเหลือเมื่อรู้สึกแย่
  • ผู้ป่วยมีแผนชีวิตหรือเป้าหมายที่ชัดเจนมากขึ้น

👩‍⚕️ Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)

  • F64.0F2I-1: ประเมินความเสี่ยงฆ่าตัวตายด้วยแบบประเมินมาตรฐาน เช่น Columbia Suicide Severity Rating Scale (C-SSRS)
  • F64.0F2I-2: เฝ้าระวังใกล้ชิด โดยเฉพาะช่วงเวลาวิกฤต หรือเมื่อผู้ป่วยมีอารมณ์แปรปรวน
  • F64.0F2I-3: เก็บของมีคมหรือสิ่งของที่สามารถทำร้ายตนเองได้ออกจากบริเวณผู้ป่วย
  • F64.0F2I-4: สร้างสัมพันธภาพเชิงบวก ใช้น้ำเสียงนุ่มนวล สื่อสารด้วยความเข้าใจ
  • F64.0F2I-5: สนับสนุนให้ผู้ป่วยระบายความรู้สึก ไม่ตัดสินหรือวิจารณ์
  • F64.0F2I-6: ประสานทีมจิตแพทย์ นักจิตวิทยา เพื่อวางแผนการดูแลทางจิตใจ
  • F64.0F2I-7: ส่งเสริมให้ผู้ป่วยเข้าร่วมกลุ่มสนับสนุน หรือพูดคุยกับผู้ที่มีประสบการณ์ใกล้เคียง
  • F64.0F2I-8: ให้ข้อมูลเกี่ยวกับการจัดการกับความเครียด เช่น เทคนิคผ่อนคลาย หรือการทำสมาธิ
  • F64.0F2I-9: ส่งเสริมการมีเป้าหมายในชีวิต เช่น การเรียน งาน ความฝันส่วนตัว
  • F64.0F2I-10: เชื่อมโยงเครือข่ายครอบครัวหรือบุคคลที่ไว้วางใจให้เข้ามามีส่วนร่วมในการดูแล

Response (การตอบสนอง)

  • F64.0F2R-1: ผู้ป่วยไม่มีความคิดหรือพฤติกรรมฆ่าตัวตาย
  • F64.0F2R-2: ผู้ป่วยพูดถึงปัญหาและความรู้สึกของตนเองอย่างเปิดเผย
  • F64.0F2R-3: ผู้ป่วยยอมรับการดูแลจากทีมสุขภาพจิตอย่างต่อเนื่อง
  • F64.0F2R-4: ผู้ป่วยมีแผนเป้าหมายในชีวิต เช่น ต้องการเรียนต่อหรือทำงาน
  • F64.0F2R-5: ผู้ป่วยมีสีหน้าผ่อนคลาย และเข้าร่วมกิจกรรมได้มากขึ้น

...................................................

F64.0F3 มีความวิตกกังวลเกี่ยวกับร่างกายหรือภาพลักษณ์ตนเอง (Body image disturbance)

📝 Assessment (การประเมิน)

S: (Subjective Data)

  • ผู้ป่วยกล่าวว่า “ไม่ชอบรูปร่างตัวเองเลย”
  • รู้สึกแย่เวลามองตัวเองในกระจก”
  • บ่นว่าไม่มีความมั่นใจเมื่อต้องเข้าสังคม

O: (Objective Data)

  • หลีกเลี่ยงการเข้าสังคมหรือพบปะผู้คน
  • มีพฤติกรรมปกปิดรูปร่างเกินปกติ เช่น ใส่เสื้อผ้าหนา/หลวม
  • สีหน้าไม่มั่นใจ หลีกเลี่ยงการสบตา
  • มีการพูดถึงการเปลี่ยนแปลงร่างกายแบบหมกมุ่น

🎯 Goals (เป้าหมาย)

  • ผู้ป่วยเข้าใจและยอมรับภาพลักษณ์ของตนเอง
  • ผู้ป่วยมีความมั่นใจในรูปลักษณ์ภายนอกและสามารถเข้าสังคมได้
  • ผู้ป่วยสามารถพูดถึงภาพลักษณ์ของตนเองได้โดยไม่รู้สึกผิดหรืออาย

📊 Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)

  • ผู้ป่วยลดการพูดในเชิงลบเกี่ยวกับรูปร่างของตนเอง
  • ผู้ป่วยกล้าแสดงออกมากขึ้นในสังคม
  • ผู้ป่วยยอมรับรูปร่างตนเองแม้ยังไม่ผ่านการผ่าตัด
  • ผู้ป่วยแสดงทัศนคติเชิงบวกต่อแผนการดูแลหรือการเปลี่ยนแปลงที่วางไว้

👩‍⚕️ Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)

  • F64.0F3I-1: สร้างสัมพันธภาพเชิงบวก เปิดโอกาสให้ผู้ป่วยพูดถึงความรู้สึกโดยไม่ตัดสิน
  • F64.0F3I-2: ประเมินความคิด ความเชื่อเกี่ยวกับภาพลักษณ์ และผลกระทบที่เกิดขึ้น
  • F64.0F3I-3: ส่งเสริมการสะท้อนคุณค่าในตัวเองที่ไม่ได้ขึ้นอยู่กับรูปร่าง เช่น ความสามารถ ความเมตตา
  • F64.0F3I-4: แนะนำกิจกรรมที่เสริมความมั่นใจ เช่น ฝึกการพูด การแต่งตัวให้เหมาะกับเพศสภาพ
  • F64.0F3I-5: สนับสนุนให้พบผู้เชี่ยวชาญ เช่น จิตแพทย์ นักจิตวิทยา หรือนักบำบัดเฉพาะทาง
  • F64.0F3I-6: ให้ข้อมูลเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงทางกายภาพในกระบวนการเปลี่ยนเพศ อย่างตรงไปตรงมา
  • F64.0F3I-7: เชื่อมโยงผู้ป่วยกับกลุ่มสนับสนุน (Support group) ของผู้ที่มีประสบการณ์ใกล้เคียง
  • F64.0F3I-8: สนับสนุนการตั้งเป้าหมายที่ชัดเจนเกี่ยวกับภาพลักษณ์ และวางแผนร่วมกันอย่างเป็นขั้นตอน

Response (การตอบสนอง)

  • F64.0F3R-1: ผู้ป่วยแสดงออกถึงการยอมรับในรูปร่างตนเองมากขึ้น
  • F64.0F3R-2: ผู้ป่วยกล้าเผชิญหน้ากับสังคมหรือสถานการณ์ที่เคยหลีกเลี่ยง
  • F64.0F3R-3: ผู้ป่วยมีพฤติกรรมดูแลตนเอง เช่น แต่งตัว แต่งหน้า หรือออกกำลังกาย
  • F64.0F3R-4: ผู้ป่วยพูดถึงตนเองด้วยคำเชิงบวกมากขึ้น
  • F64.0F3R-5: ผู้ป่วยร่วมวางแผนการเปลี่ยนแปลงภาพลักษณ์กับทีมสุขภาพด้วยทัศนคติที่ดี

...........................................

F64.0F4 มีความขัดแย้งในบทบาททางเพศและครอบครัว (Impaired social interaction)

📝 Assessment (การประเมิน)

S: (Subjective Data)

  • ผู้ป่วยบอกว่า “รู้สึกไม่สบายใจเวลาต้องทำตัวเหมือนเพศกำเนิด”
  • ไม่อยากเข้าร่วมกิจกรรมครอบครัว เพราะรู้สึกไม่ใช่ตัวเอง”
  • ไม่รู้จะคุยกับใครได้เลย”

O: (Objective Data)

  • หลีกเลี่ยงการมีปฏิสัมพันธ์กับครอบครัว/เพื่อน
  • เงียบ ไม่แสดงความรู้สึก และแยกตัว
  • มีความเครียดหรือความรู้สึกผิดเมื่อต้องแสดงบทบาททางเพศที่ไม่ต้องการ
  • ขาดความมั่นใจในการเข้าสังคม

🎯 Goals (เป้าหมาย)

  • ผู้ป่วยสามารถมีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่นได้โดยไม่รู้สึกกดดัน
  • ผู้ป่วยแสดงออกในบทบาททางเพศที่สอดคล้องกับอัตลักษณ์ตนเอง
  • ผู้ป่วยมีความมั่นใจในสังคมและครอบครัวมากขึ้น

📊 Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)

  • ผู้ป่วยกล้าเข้าสังคมมากขึ้น
  • ผู้ป่วยสามารถแสดงตนในแบบที่ต้องการโดยไม่รู้สึกผิด
  • ผู้ป่วยสามารถพูดคุยกับครอบครัวหรือเพื่อนอย่างเปิดเผย
  • ผู้ป่วยมีสีหน้าและท่าทางที่แสดงความผ่อนคลายขึ้นเมื่อเข้าสังคม

👩‍⚕️ Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)

  • F64.0F4I-1: สร้างสัมพันธภาพที่ไว้วางใจ ให้ผู้ป่วยรู้สึกปลอดภัยเมื่อต้องสื่อสาร
  • F64.0F4I-2: กระตุ้นให้ผู้ป่วยพูดถึงประสบการณ์ที่รู้สึกไม่สบายใจเกี่ยวกับบทบาททางเพศ
  • F64.0F4I-3: สนับสนุนให้ผู้ป่วยได้แสดงออกในแบบที่สอดคล้องกับอัตลักษณ์ของตน
  • F64.0F4I-4: สอนทักษะการสื่อสารเชิงบวกและการจัดการความขัดแย้ง
  • F64.0F4I-5: ให้ข้อมูลเกี่ยวกับสิทธิของบุคคลหลากหลายทางเพศในบริบทครอบครัวและสังคม
  • F64.0F4I-6: เชื่อมโยงผู้ป่วยกับกลุ่มสนับสนุนที่ให้กำลังใจ เช่น LGBTQ+ support group
  • F64.0F4I-7: สนับสนุนให้ครอบครัวมีส่วนร่วมในกระบวนการดูแลเพื่อสร้างความเข้าใจและยอมรับ
  • F64.0F4I-8: ประเมินและส่งต่อหากมีภาวะซึมเศร้าหรือวิตกกังวลรุนแรงร่วมด้วย

Response (การตอบสนอง)

  • F64.0F4R-1: ผู้ป่วยสามารถเข้าร่วมกิจกรรมกับผู้อื่นได้โดยไม่รู้สึกเครียด
  • F64.0F4R-2: ผู้ป่วยแสดงออกตามอัตลักษณ์ทางเพศของตนเองอย่างมั่นใจ
  • F64.0F4R-3: ความสัมพันธ์ระหว่างผู้ป่วยกับครอบครัวดีขึ้น
  • F64.0F4R-4: ผู้ป่วยมีสีหน้าและพฤติกรรมที่แสดงถึงความผ่อนคลายเมื่อเข้าสังคม
  • F64.0F4R-5: ผู้ป่วยสามารถพูดคุยและแสดงความรู้สึกโดยไม่รู้สึกถูกตัดสิน

...................................................................................

F64.0F5 ขาดความรู้ในการดูแลตนเองเกี่ยวกับกระบวนการเปลี่ยนเพศ (Deficient knowledge about transition process)

📝 Assessment (การประเมิน)

S: (Subjective Data)

  • ไม่แน่ใจว่าต้องเริ่มกระบวนการเปลี่ยนเพศยังไง”
  • กลัวผลข้างเคียงของการใช้ฮอร์โมน”
  • ไม่รู้ว่าเปลี่ยนเพศแล้วต้องดูแลตัวเองอย่างไร”

O: (Objective Data)

  • มีคำถามจำนวนมากเกี่ยวกับขั้นตอนการรักษา
  • ไม่สามารถอธิบายกระบวนการเปลี่ยนเพศ หรือผลที่ตามมาได้
  • แสดงท่าทีลังเลหรือวิตกเมื่อต้องตัดสินใจในการรักษา

🎯 Goals (เป้าหมาย)

  • ผู้ป่วยมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับกระบวนการเปลี่ยนเพศ
  • ผู้ป่วยสามารถตัดสินใจเรื่องการรักษาได้อย่างมีข้อมูลครบถ้วน
  • ผู้ป่วยสามารถดูแลตนเองได้อย่างเหมาะสมหลังเข้าสู่กระบวนการเปลี่ยนเพศ

📊 Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)

  • ผู้ป่วยสามารถอธิบายขั้นตอนการเปลี่ยนเพศและการดูแลตนเองได้
  • ผู้ป่วยมีความเข้าใจถึงข้อดี-ข้อเสียของการใช้ฮอร์โมน
  • ผู้ป่วยสามารถตั้งคำถามหรือพูดคุยกับบุคลากรทางการแพทย์ได้อย่างมั่นใจ

👩‍⚕️ Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)

  • F64.0F5I-1: ประเมินระดับความรู้และความเข้าใจของผู้ป่วยเกี่ยวกับกระบวนการเปลี่ยนเพศ
  • F64.0F5I-2: ให้ข้อมูลที่ถูกต้องเกี่ยวกับการเปลี่ยนเพศ ทั้งด้านการแพทย์ กฎหมาย และจิตใจ
  • F64.0F5I-3: อธิบายขั้นตอนการใช้ฮอร์โมน การผ่าตัด และผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น
  • F64.0F5I-4: ให้เอกสารหรือแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือ เช่น คู่มือจากแพทย์ สมาคมผู้เชี่ยวชาญ
  • F64.0F5I-5: ส่งเสริมให้ผู้ป่วยถามคำถามและแสดงความรู้สึกโดยไม่ถูกตัดสิน
  • F64.0F5I-6: เชื่อมโยงผู้ป่วยกับผู้ให้คำปรึกษาหรือคลินิกเฉพาะทางด้านเพศวิถี
  • F64.0F5I-7: จัดให้มีการพบปะกลุ่มผู้เปลี่ยนเพศเพื่อแชร์ประสบการณ์จริง
  • F64.0F5I-8: ประเมินซ้ำหลังให้ข้อมูล เพื่อดูว่าผู้ป่วยเข้าใจและสามารถนำไปปฏิบัติได้หรือไม่

Response (การตอบสนอง)

  • F64.0F5R-1: ผู้ป่วยสามารถอธิบายกระบวนการเปลี่ยนเพศและการดูแลตนเองได้
  • F64.0F5R-2: ผู้ป่วยมีท่าทีมั่นใจและพร้อมในการวางแผนการรักษา
  • F64.0F5R-3: ผู้ป่วยตั้งคำถามอย่างตรงประเด็น แสดงถึงความเข้าใจในข้อมูล
  • F64.0F5R-4: ผู้ป่วยเลือกแนวทางการรักษาได้อย่างมีข้อมูลและปลอดภัย
  • F64.0F5R-5: ผู้ป่วยมีพฤติกรรมการดูแลตนเองที่สอดคล้องกับขั้นตอนการรักษา

...............................................................................

F64.0F6 ขาดการสนับสนุนทางจิตใจและสังคม (Ineffective coping and lack of support system)

📝 Assessment (การประเมิน)

S: (Subjective Data)

  • ไม่มีใครเข้าใจสิ่งที่ฉันรู้สึกเลย”
  • รู้สึกโดดเดี่ยว เหมือนไม่มีที่ให้ยืนในสังคม”
  • กลัวครอบครัวจะไม่ยอมรับเมื่อรู้ว่าฉันอยากเปลี่ยนเพศ”

O: (Objective Data)

  • ไม่มีบุคคลอ้างอิงหรือผู้ดูแล
  • หลีกเลี่ยงกิจกรรมทางสังคมหรือการมีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น
  • มีพฤติกรรมวิตกกังวล/ซึมเศร้าอย่างต่อเนื่อง

🎯 Goals (เป้าหมาย)

  • ผู้ป่วยสามารถจัดการกับความเครียดได้อย่างเหมาะสม
  • ผู้ป่วยได้รับการสนับสนุนทางจิตใจและสังคม
  • ผู้ป่วยสามารถเข้าร่วมกิจกรรมที่เสริมสร้างกำลังใจได้

📊 Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)

  • ผู้ป่วยแสดงพฤติกรรมการเผชิญปัญหาที่เหมาะสม
  • ผู้ป่วยมีบุคคลหรือกลุ่มสนับสนุนที่ติดต่อสื่อสารได้
  • ผู้ป่วยมีความรู้สึกมั่นคงทางอารมณ์และลดความเครียด

👩‍⚕️ Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)

  • F64.0F6I-1: ประเมินระดับความเครียด และความสามารถในการเผชิญปัญหาของผู้ป่วย
  • F64.0F6I-2: สร้างสัมพันธภาพแบบเปิดใจ รับฟังอย่างไม่ตัดสิน
  • F64.0F6I-3: แนะนำกลุ่มสนับสนุน เช่น กลุ่ม LGBTQ+, กลุ่มออนไลน์, หรือองค์กรที่ให้คำปรึกษา
  • F64.0F6I-4: ให้ความรู้เรื่องการหาวิธีผ่อนคลาย เช่น การฝึกหายใจลึก สมาธิ หรือกิจกรรมสร้างสรรค์
  • F64.0F6I-5: กระตุ้นให้ผู้ป่วยเข้าร่วมกิจกรรมกลุ่มหรืองานสังคมที่ไม่กดดัน
  • F64.0F6I-6: ประสานทีมสุขภาพจิตให้คำปรึกษาอย่างต่อเนื่อง
  • F64.0F6I-7: เชิญครอบครัวหรือผู้ใกล้ชิดที่ไว้ใจได้เข้ามามีส่วนร่วมในการดูแล
  • F64.0F6I-8: ติดตามการเปลี่ยนแปลงด้านอารมณ์และพฤติกรรมหลังได้รับการสนับสนุน

Response (การตอบสนอง)

  • F64.0F6R-1: ผู้ป่วยมีบุคคลหรือกลุ่มที่สามารถให้กำลังใจและรับฟังได้
  • F64.0F6R-2: ผู้ป่วยแสดงความสามารถในการจัดการความเครียดได้ดีขึ้น
  • F64.0F6R-3: ผู้ป่วยเข้าร่วมกิจกรรมหรือกลุ่มสนับสนุนอย่างสม่ำเสมอ
  • F64.0F6R-4: ผู้ป่วยมีทัศนคติที่ดีขึ้นต่อการเปลี่ยนแปลงในชีวิต
  • F64.0F6R-5: ระดับความเครียดและความรู้สึกโดดเดี่ยวลดลงอย่างเห็นได้ชัด

..........................................................................................

F64.0F7 มีความเสี่ยงต่อผลข้างเคียงจากการใช้ฮอร์โมนหรือผ่าตัด (Risk for complications from hormone therapy or surgery)

📝 Assessment (การประเมิน)

S: (Subjective Data)

  • กังวลว่าฮอร์โมนจะมีผลข้างเคียงกับร่างกาย”
  • ยังไม่แน่ใจว่าหลังผ่าตัดจะต้องดูแลตัวเองอย่างไร”

O: (Objective Data)

  • ยังไม่มีการนัดหมายติดตามกับทีมแพทย์อย่างต่อเนื่อง
  • ผู้ป่วยเริ่มใช้ฮอร์โมนโดยไม่ได้รับคำแนะนำจากแพทย์
  • ไม่มีประวัติรับการประเมินร่างกายก่อนผ่าตัด

🎯 Goals (เป้าหมาย)

  • ผู้ป่วยสามารถดูแลตนเองอย่างเหมาะสมเมื่อใช้ฮอร์โมนหรือหลังการผ่าตัด
  • ผู้ป่วยได้รับการประเมินและติดตามจากทีมสหวิชาชีพ
  • ลดความเสี่ยงการเกิดผลข้างเคียงที่เป็นอันตราย

📊 Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)

  • ผู้ป่วยมีความรู้เกี่ยวกับผลข้างเคียงและการดูแลตนเอง
  • ผู้ป่วยได้รับการติดตามประเมินจากแพทย์และทีมสุขภาพ
  • ไม่พบภาวะแทรกซ้อนจากฮอร์โมนหรือการผ่าตัด

👩‍⚕️ Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)

  • F64.0F7I-1: ประเมินความเข้าใจของผู้ป่วยเกี่ยวกับการใช้ฮอร์โมนและการผ่าตัดแปลงเพศ
  • F64.0F7I-2: ให้ข้อมูลที่ถูกต้องเกี่ยวกับผลข้างเคียงของฮอร์โมน เช่น เสี่ยงหลอดเลือดอุดตัน ตับทำงานผิดปกติ หรือความดันโลหิตสูง
  • F64.0F7I-3: แนะนำให้ตรวจเลือดและร่างกายตามระยะเพื่อประเมินผลของฮอร์โมน
  • F64.0F7I-4: ให้คำแนะนำการดูแลหลังผ่าตัด เช่น การทำแผล การป้องกันติดเชื้อ และสัญญาณเตือนภาวะแทรกซ้อน
  • F64.0F7I-5: ประสานแพทย์และทีมสหวิชาชีพ เช่น อายุรแพทย์ จิตแพทย์ และศัลยแพทย์
  • F64.0F7I-6: แนะนำให้ผู้ป่วยหลีกเลี่ยงการซื้อฮอร์โมนเองโดยไม่มีใบสั่งแพทย์
  • F64.0F7I-7: ส่งเสริมให้ผู้ป่วยจดบันทึกการใช้ยา อาการข้างเคียง และการพบแพทย์
  • F64.0F7I-8: กระตุ้นให้ผู้ป่วยมีส่วนร่วมในการตัดสินใจรักษา และซักถามเมื่อมีข้อสงสัย

Response (การตอบสนอง)

  • F64.0F7R-1: ผู้ป่วยสามารถอธิบายผลข้างเคียงของฮอร์โมนและวิธีป้องกันได้
  • F64.0F7R-2: ผู้ป่วยได้รับการตรวจประเมินจากทีมแพทย์อย่างต่อเนื่อง
  • F64.0F7R-3: ไม่พบภาวะแทรกซ้อนจากฮอร์โมนหรือการผ่าตัด
  • F64.0F7R-4: ผู้ป่วยปฏิบัติตามคำแนะนำการดูแลตนเองหลังผ่าตัดได้อย่างเหมาะสม
  • F64.0F7R-5: ผู้ป่วยมีความมั่นใจและตัดสินใจร่วมกับทีมรักษาอย่างมีข้อมูล

...............................................................................

F64.0F8 มีความต้องการในการวางแผนดูแลระยะยาว (Need for long-term care planning)

📝 Assessment (การประเมิน)

S: (Subjective Data)

  • กังวลเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพในระยะยาวหลังการผ่าตัด”
  • ยังไม่มั่นใจว่าต้องดูแลตนเองอย่างไรในอนาคตหลังการแปลงเพศ”

O: (Objective Data)

  • ไม่มีแผนการดูแลทางสุขภาพที่ชัดเจนหลังการแปลงเพศ
  • ผู้ป่วยได้รับการดูแลระยะสั้นจากทีมแพทย์ แต่ยังขาดการติดตามหลังการผ่าตัด
  • ผู้ป่วยไม่ได้รับการประเมินความต้องการทางด้านจิตใจในระยะยาว

🎯 Goals (เป้าหมาย)

  • ผู้ป่วยได้รับแผนการดูแลสุขภาพที่ครอบคลุมทั้งทางร่างกายและจิตใจ
  • ผู้ป่วยสามารถดูแลตนเองได้อย่างเหมาะสมในระยะยาว
  • ผู้ป่วยได้รับการติดตามและประเมินสุขภาพอย่างต่อเนื่อง

📊 Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน

  • ผู้ป่วยมีแผนการดูแลสุขภาพที่ชัดเจน
  • ผู้ป่วยได้รับการติดตามสุขภาพโดยทีมสหวิชาชีพ
  • ไม่มีปัญหาหรือภาวะแทรกซ้อนที่เกิดจากการผ่าตัดหรือการใช้ฮอร์โมน
  • สุขภาพจิตของผู้ป่วยได้รับการดูแลอย่างต่อเนื่องและปรับปรุง

👩‍⚕️ Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)

  • F64.0F8I-1: ประเมินสุขภาพทางกายและจิตใจของผู้ป่วยในระยะยาว หลังการแปลงเพศ
  • F64.0F8I-2: ร่วมกับทีมสหวิชาชีพวางแผนการดูแลทั้งทางกายและจิตใจหลังการผ่าตัด
  • F64.0F8I-3: สร้างแผนการติดตามการใช้ฮอร์โมนและการตรวจสุขภาพประจำปี
  • F64.0F8I-4: จัดหากลุ่มสนับสนุนหรือคำแนะนำด้านจิตใจสำหรับผู้ป่วย เช่น การพบจิตแพทย์หรือนักบำบัด
  • F64.0F8I-5: ให้คำแนะนำเกี่ยวกับการปฏิบัติตัวและการปรับตัวในสังคม
  • F64.0F8I-6: สอนการดูแลร่างกายหลังการผ่าตัดและการรับประทานยาฮอร์โมนอย่างถูกวิธี
  • F64.0F8I-7: กระตุ้นให้ผู้ป่วยทำการตรวจร่างกายอย่างสม่ำเสมอเพื่อเฝ้าระวังภาวะแทรกซ้อน
  • F64.0F8I-8: แนะนำให้ผู้ป่วยมีการติดตามการเปลี่ยนแปลงทางจิตใจ และปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเมื่อจำเป็น

Response (การตอบสนอง)

  • F64.0F8R-1: ผู้ป่วยมีแผนการดูแลสุขภาพที่ชัดเจนและสามารถปฏิบัติตามได้
  • F64.0F8R-2: ผู้ป่วยได้รับการติดตามจากทีมสหวิชาชีพอย่างต่อเนื่อง
  • F64.0F8R-3: ผู้ป่วยไม่มีภาวะแทรกซ้อนจากการผ่าตัดหรือการใช้ฮอร์โมน
  • F64.0F8R-4: สุขภาพจิตของผู้ป่วยมีการพัฒนา และรู้สึกมั่นใจในการปรับตัว
  • F64.0F8R-5: ผู้ป่วยมีความสามารถในการดูแลตัวเองทั้งทางร่างกายและจิตใจในระยะยาว

...................................................................................

F64.0F9 ขาดทักษะในการเข้าถึงบริการสุขภาพอย่างเหมาะสม (Ineffective health-seeking behavior)

📝 Assessment (การประเมิน)

S: (Subjective Data)

  • ไม่รู้ว่าควรติดต่อที่ไหนเพื่อขอรับบริการการแปลงเพศ”
  • กลัวการถูกตีตราหรือไม่เป็นที่ยอมรับในสถานพยาบาล”

O: (Objective Data)

  • ผู้ป่วยยังไม่ได้รับการแนะนำเกี่ยวกับบริการสุขภาพที่เกี่ยวข้องกับการแปลงเพศ
  • ผู้ป่วยลังเลที่จะขอรับบริการจากสถานพยาบาลเนื่องจากความกลัวหรือความไม่มั่นใจ
  • ผู้ป่วยไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับสิทธิ์ในการรับบริการสุขภาพที่เกี่ยวข้องกับการแปลงเพศ

🎯 Goals (เป้าหมาย)

  • ผู้ป่วยสามารถเข้าถึงบริการสุขภาพที่เหมาะสมเกี่ยวกับการแปลงเพศได้
  • ผู้ป่วยมีความเข้าใจในช่องทางการขอรับบริการสุขภาพที่เกี่ยวข้อง
  • ผู้ป่วยรู้สึกมั่นใจและไม่กลัวการถูกตีตราในการเข้ารับบริการ

📊 Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)

  • ผู้ป่วยได้รับข้อมูลที่ชัดเจนเกี่ยวกับช่องทางการเข้าถึงบริการสุขภาพ
  • ผู้ป่วยสามารถติดต่อและเข้ารับบริการได้ตามความต้องการ
  • ผู้ป่วยมีทักษะในการตัดสินใจเลือกบริการสุขภาพที่เหมาะสม
  • ผู้ป่วยรู้สึกสะดวกและมั่นใจในการขอรับบริการ

👩‍⚕️ Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)

  • F64.0F9I-1: ให้ข้อมูลเกี่ยวกับช่องทางการเข้าถึงบริการสุขภาพที่เกี่ยวข้องกับการแปลงเพศ
  • F64.0F9I-2: สอนวิธีการขอรับบริการสุขภาพที่เหมาะสมสำหรับผู้ป่วยในการแปลงเพศ
  • F64.0F9I-3: สนับสนุนให้ผู้ป่วยติดต่อผู้ให้บริการสุขภาพที่มีประสบการณ์ในด้านนี้
  • F64.0F9I-4: ให้คำแนะนำเกี่ยวกับสิทธิในการเข้าถึงบริการสุขภาพที่เกี่ยวข้องกับการแปลงเพศ
  • F64.0F9I-5: แนะนำให้ผู้ป่วยเข้าร่วมกลุ่มสนับสนุนที่มีประสบการณ์เพื่อเพิ่มความมั่นใจในการขอรับบริการ
  • F64.0F9I-6: ช่วยให้ผู้ป่วยรู้สึกมั่นใจในการเลือกบริการสุขภาพที่เหมาะสมและลดความกลัวจากการถูกตีตรา
  • F64.0F9I-7: ให้คำแนะนำเกี่ยวกับการติดต่อทีมแพทย์ที่สามารถให้คำปรึกษาและดูแลผู้ป่วยได้อย่างเหมาะสม

Response (การตอบสนอง)

  • F64.0F9R-1: ผู้ป่วยสามารถติดต่อสถานพยาบาลที่มีบริการการแปลงเพศได้อย่างมั่นใจ
  • F64.0F9R-2: ผู้ป่วยมีความเข้าใจเกี่ยวกับช่องทางการขอรับบริการสุขภาพที่เกี่ยวข้อง
  • F64.0F9R-3: ผู้ป่วยรู้สึกมั่นใจในการขอรับบริการสุขภาพโดยไม่กลัวการถูกตีตรา
  • F64.0F9R-4: ผู้ป่วยสามารถเข้ารับบริการสุขภาพที่เหมาะสมกับความต้องการได้
  • F64.0F9R-5: ผู้ป่วยได้รับการสนับสนุนจากกลุ่มหรือเครือข่ายที่ช่วยในการตัดสินใจเกี่ยวกับบริการสุขภาพ

.................................................................................

F64.0F10 มีความต้องการสนับสนุนก่อนจำหน่ายจากโรงพยาบาล (Readiness for enhanced self-care before discharge)

📝 Assessment (การประเมิน)

S: (Subjective Data)

  • รู้สึกพร้อมที่จะกลับไปดูแลตัวเองหลังการรักษา แต่ยังมีข้อสงสัยเกี่ยวกับวิธีการดูแลตัวเองหลังจากจำหน่าย”
  • ต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการดูแลตนเองในชีวิตประจำวันหลังการแปลงเพศ”

O: (Objective Data)

  • ผู้ป่วยมีความเข้าใจบางส่วนเกี่ยวกับการดูแลตัวเอง แต่ยังขาดความรู้ในบางด้าน
  • ผู้ป่วยแสดงความต้องการที่ชัดเจนในการรับข้อมูลเพิ่มเติมก่อนจำหน่าย
  • ผู้ป่วยมีความรู้สึกวิตกกังวลเกี่ยวกับการปฏิบัติตัวในชีวิตประจำวันหลังจำหน่าย

🎯 Goals (เป้าหมาย)

  • ผู้ป่วยสามารถดูแลตัวเองได้อย่างมีประสิทธิภาพหลังจำหน่าย
  • ผู้ป่วยได้รับข้อมูลและความรู้ที่เพียงพอเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพหลังการแปลงเพศ
  • ผู้ป่วยมีความมั่นใจในการดูแลตัวเองในชีวิตประจำวันหลังจำหน่าย
  • ผู้ป่วยสามารถปฏิบัติตามคำแนะนำเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพที่เหมาะสม

📊 Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)

  • ผู้ป่วยสามารถอธิบายแนวทางการดูแลตัวเองในชีวิตประจำวันหลังจากจำหน่ายได้
  • ผู้ป่วยมีความรู้เกี่ยวกับการดูแลสุขภาพหลังการแปลงเพศและการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงทางร่างกาย
  • ผู้ป่วยรู้สึกมั่นใจในการรับมือกับความท้าทายในชีวิตประจำวันหลังการรักษา
  • ผู้ป่วยสามารถระบุแหล่งข้อมูลหรือผู้ที่สามารถให้ความช่วยเหลือเพิ่มเติมในกรณีที่จำเป็น

👩‍⚕️ Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)

  • F64.0F10I-1: ให้ข้อมูลเกี่ยวกับการดูแลตนเองหลังการแปลงเพศ เช่น การดูแลแผล การใช้ยา และการติดตามผล
  • F64.0F10I-2: สอนการปฏิบัติตัวในชีวิตประจำวัน เช่น การเลือกรับประทานอาหาร การออกกำลังกายที่เหมาะสม
  • F64.0F10I-3: ให้คำแนะนำเกี่ยวกับการสังเกตอาการหรือสัญญาณที่ต้องพบแพทย์หลังการแปลงเพศ
  • F64.0F10I-4: ให้การสนับสนุนทางจิตใจและอารมณ์เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงทางร่างกายและการปรับตัวเข้าสู่ชีวิตประจำวัน
  • F64.0F10I-5: แนะนำการเข้าร่วมกลุ่มสนับสนุนหรือแหล่งข้อมูลที่สามารถช่วยเสริมสร้างความมั่นใจในการดูแลตัวเอง
  • F64.0F10I-6: ตรวจสอบความเข้าใจของผู้ป่วยเกี่ยวกับข้อมูลการดูแลตนเองหลังการรักษา

Response (การตอบสนอง)

  • F64.0F10R-1: ผู้ป่วยสามารถอธิบายวิธีการดูแลตัวเองในชีวิตประจำวันหลังจำหน่ายได้
  • F64.0F10R-2: ผู้ป่วยรู้สึกมั่นใจในการดูแลแผลและติดตามผลการรักษาหลังการแปลงเพศ
  • F64.0F10R-3: ผู้ป่วยสามารถปฏิบัติตามคำแนะนำเกี่ยวกับการออกกำลังกายและการรับประทานอาหารได้อย่างเหมาะสม
  • F64.0F10R-4: ผู้ป่วยมีความมั่นใจในตนเองและสามารถปรับตัวกับการเปลี่ยนแปลงทางร่างกายและจิตใจได้
  • F64.0F10R-5: ผู้ป่วยสามารถติดต่อแหล่งข้อมูลเพิ่มเติมหรือผู้ที่สามารถให้คำปรึกษาเมื่อมีความจำเป็น

...............................................................................

เอกสารอ้างอิง

  • วงศ์บูรณา, น., & ชลธิชา, จ. (2563). การดูแลผู้ป่วยที่มีภาวะบุคคลต้องการเปลี่ยนเพศ: แนวทางการปฏิบัติสำหรับบุคลากรทางการแพทย์. กรุงเทพมหานคร: สำนักพิมพ์การแพทย์ไทย.
  • สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ. (2564). คู่มือการดูแลผู้ป่วยภาวะบุคคลต้องการเปลี่ยนเพศ. สืบค้นจาก https://www.nhso.go.th
  • Bockting, W., & Coleman, E. (2007). Development of gender identity and the transgender individual: Implications for treatment. In J. L. Green, D. L. McHugh, & R. J. Blanchard (Eds.), Handbook of gender and sexualities (pp. 425-445). New York: Springer.
  • Wylie, K., & Bradley, S. (2016). Transgender healthcare: A practical guide. Oxford: Oxford University Press.

............................................................