เกี่ยวกับฉัน

รูปภาพของฉัน
เมือง, พิษณุโลก, Thailand

วันพฤหัสบดีที่ 7 สิงหาคม พ.ศ. 2568

EP.95 Med. Topic 15 โรคโรคตับแข็ง : K74 [Liver Cirrhosis]

 



🎯 รู้ทัน! "โรคตับแข็ง" : K74
📌 โรคเงียบที่ไม่แสดงอาการ...แต่ทำลายชีวิตได้!

1️⃣ ความหมายของโรค

    🔔 ตับแข็ง คือ ภาวะที่เซลล์ตับถูกทำลายและถูกแทนที่ด้วยพังผืด ส่งผลให้ตับทำงานได้น้อยลงเรื่อย ๆ จนอาจวายและเสียชีวิตได้

2️⃣ พยาธิสภาพ

  • 💥 เซลล์ตับถูกทำลายเรื้อรัง
  • 💥 เกิดพังผืดรอบตับ ตับแข็งและไหลเวียนเลือดผิดปกติ
  • 💥 มีผลต่อการสร้างโปรตีน เลือดแข็งตัว และการกำจัดของเสีย

3️⃣ ช่วงอายุที่พบบ่อย

  • 🔔 พบมากใน ผู้ใหญ่ช่วงอายุ 40–60 ปี โดยเฉพาะผู้ที่ดื่มสุราจัดหรือมีโรคตับเรื้อรัง

4️⃣ ปัจจัยเสี่ยง

  • 💥 ดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำ
  • 💥 ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบี หรือ ซี
  • 💥 ภาวะไขมันพอกตับ
  • 💥 พฤติกรรมกินหวานจัด อ้วน เบาหวาน

5️⃣ อาการเตือน

  • 💚 อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร
  • 💚 น้ำหนักลดลง หน้าท้องโต
  • 💚 ตัวเหลือง ตาเหลือง
  • 💚 ผิวแห้ง คัน มีรอยช้ำง่าย
  • 💚 บวมขา เลือดออกง่าย ท้องมา

6️⃣ การรักษา

  • 🔔 หยุดสาเหตุ เช่น เลิกดื่มสุรา
  • 🔔 รับประทานยาเพื่อลดอาการ
  • 🔔 เจาะน้ำในช่องท้อง
  • 🔔 กรณีรุนแรง อาจต้อง ปลูกถ่ายตับ

7️⃣ การพยาบาล

  • 📍ติดตามอาการบวม ท้องมาน
  • 📍ดูแลอาหาร ลดเค็ม งดโปรตีนมากเกิน
  • 📍เฝ้าระวังภาวะแทรกซ้อน เช่น เลือดออกทางเดินอาหาร
  • 📍ส่งเสริมจิตใจและครอบครัว

8️⃣ การดูแลตนเองสำหรับประชาชน

  • เลี่ยงแอลกอฮอล์ ทุกชนิด
  • ฉีดวัคซีนไวรัสตับอักเสบบี
  • หมั่นตรวจสุขภาพตับเป็นประจำ
  • ควบคุมโรคเรื้อรัง เช่น เบาหวาน ไขมัน
  • หากมีอาการเสี่ยง รีบพบแพทย์ทันที

………………………………………………..

🩺 วินิจฉัยการพยาบาลผู้ป่วยโรคตับแข็ง (Liver Cirrhosis : K74)

  1. K74F1 เสี่ยงต่อภาวะเลือดออกมากผิดปกติ เนื่องจากตับสร้างสารช่วยการแข็งตัวของเลือดได้น้อยลง (K74F1 Risk for excessive bleeding related to decreased synthesis of clotting factors by the liver)
  2.  K74F2 เสี่ยงต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อนทางสมอง (Encephalopathy) จากการคั่งของแอมโมเนียในร่างกาย (K74F2 Risk for hepatic encephalopathy related to accumulation of ammonia in the body)
  3. K74F3 มีภาวะบวมและท้องมาน เนื่องจากโปรตีนในเลือดต่ำและความดันพอร์ทัลสูง (K74F3 Fluid volume excess (edema and ascites) related to hypoalbuminemia and portal hypertension)
  4. K74F4 เสี่ยงต่อการติดเชื้อ เนื่องจากภูมิคุ้มกันต่ำและมีของเหลวคั่งในช่องท้อง (K74F4 Risk for infection related to impaired immunity and ascitic fluid accumulation)
  5. K74F5 ขาดสารอาหาร เนื่องจากเบื่ออาหาร คลื่นไส้ และการเผาผลาญผิดปกติ (K74F5 Imbalanced nutrition: less than body requirements related to anorexia, nausea, and altered metabolism)
  6. K74F6 ความวิตกกังวลและเศร้าใจเกี่ยวกับโรคที่เป็นอยู่และผลกระทบต่อชีวิต (K74F6 Anxiety and emotional distress related to chronic illness and lifestyle impact)
  7. K74F7 ขาดความรู้เกี่ยวกับโรค การดูแลตนเอง และการป้องกันภาวะแทรกซ้อน (K74F7 Deficient knowledge related to disease process, self-care, and prevention of complications)
  8. K74F8 วางแผนการดูแลต่อเนื่องที่บ้าน เพื่อป้องกันการกลับมาเป็นซ้ำและรักษาคุณภาพชีวิต (K74F8 Readiness for enhanced self-care and discharge planning to prevent recurrence and maintain quality of life)

…………………………………………………………

Bottom of Form

K74F1 เสี่ยงต่อภาวะเลือดออกมากผิดปกติ เนื่องจากตับสร้างสารช่วยการแข็งตัวของเลือดได้น้อยลง (Risk for excessive bleeding related to decreased synthesis of clotting factors by the liver)

🔍 Assessment (การประเมิน)

S:

  • ผู้ป่วยรายงานว่ามีเลือดออกตามไรฟันหรือจมูก
  • ผู้ป่วยรู้สึกเวียนศีรษะหรืออ่อนเพลีย

O:

  • ตรวจพบจุดเลือดออกใต้ผิวหนัง (petechiae)
  • ฟกช้ำง่ายตามร่างกาย
  • ค่า PT, INR สูงกว่าปกติ
  • เกล็ดเลือดต่ำ (Thrombocytopenia)
  • มีเลือดออกในเหงือก / อุจจาระดำ
  • ตับโตหรือแข็งเมื่อคลำ
  • มีประวัติตับแข็งร่วมกับการใช้ยาต้านการแข็งตัวของเลือด

🎯 Goals (เป้าหมาย)

  • ผู้ป่วยไม่มีเลือดออกผิดปกติระหว่างอยู่โรงพยาบาล
  • ผู้ป่วยมีภาวะเลือดแข็งตัวอยู่ในเกณฑ์ปลอดภัย
  • ผู้ป่วยเข้าใจวิธีป้องกันภาวะเลือดออกด้วยตนเอง

📊 Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)

  • ไม่พบเลือดออกใหม่หรือจุดฟกช้ำเพิ่ม
  • ค่า PT, INR ใกล้เคียงเกณฑ์เป้าหมาย
  • ผู้ป่วยสามารถอธิบายวิธีป้องกันเลือดออกได้ถูกต้อง

🛏️ Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)

  • K74F1I-1: ประเมินจุดฟกช้ำ จุดเลือดออกใต้ผิวหนัง และเลือดออกผิดปกติทุกเวร
  • K74F1I-2: ตรวจติดตามค่า PT, INR, และเกล็ดเลือดอย่างสม่ำเสมอตามแผนการรักษา
  • K74F1I-3: หลีกเลี่ยงการฉีดยากล้ามเนื้อ หรือหัตถการที่เสี่ยงต่อการมีเลือดออก
  • K74F1I-4: ให้คำแนะนำผู้ป่วยหลีกเลี่ยงการใช้ของมีคม และกิจกรรมที่เสี่ยงต่อการกระแทก
  • K74F1I-5: ให้ผู้ป่วยใช้แปรงสีฟันขนนุ่ม และหลีกเลี่ยงไหมขัดฟัน
  • K74F1I-6: แจ้งแพทย์หากพบอาการเลือดออกผิดปกติทันที
  • K74F1I-7: ประเมินสัญญาณชีพและอาการเปลี่ยนแปลงทางระบบไหลเวียนโลหิต เช่น ความดันต่ำ ชีพจรเบา
  • K74F1I-8: ให้ความรู้ครอบครัวเกี่ยวกับภาวะเสี่ยงและการดูแลป้องกันเลือดออกที่บ้าน

✅ Response (การตอบสนอง)

  • K74F1R-1: ไม่พบภาวะเลือดออกใหม่หรือจุดฟกช้ำเพิ่ม
  • K74F1R-2: ค่า PT, INR อยู่ในระดับควบคุมได้
  • K74F1R-3: ผู้ป่วยหลีกเลี่ยงพฤติกรรมเสี่ยงต่อการเลือดออกได้อย่างเหมาะสม
  • K74F1R-4: ครอบครัวเข้าใจและช่วยดูแลผู้ป่วยร่วมกันได้อย่างปลอดภัย

………………………………………………………………..

K74F2: เสี่ยงต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อนทางสมอง (Encephalopathy) จากการคั่งของแอมโมเนียในร่างกาย (Risk for hepatic encephalopathy related to accumulation of ammonia in the body)

🔍 Assessment (การประเมิน)

S:

  • ผู้ป่วยรู้สึกสับสน พูดช้าหรือจำอะไรไม่ได้ชั่วขณะ
  • ญาติรายงานว่าผู้ป่วยมีพฤติกรรมเปลี่ยนไป เช่น หงุดหงิดง่าย ง่วงซึม

O:

  • สังเกตเห็นอาการง่วงซึมหรือพูดจาไม่รู้เรื่อง
  • ตรวจพบ asterixis (มือสั่นพับลงเวลายื่นแขน)
  • ค่าระดับแอมโมเนียในเลือดสูง
  • ผลประเมิน GCS ลดลงจากเดิม
  • มีประวัติท้องผูก หรือหยุดใช้ยาระบาย (Lactulose)

🎯 Goals (เป้าหมาย)

  • ผู้ป่วยมีระดับความรู้สึกตัวเป็นปกติหรือดีขึ้น
  • ผู้ป่วยไม่แสดงอาการของภาวะสมองเสื่อมเฉียบพลัน
  • ระดับแอมโมเนียในเลือดลดลงอยู่ในเกณฑ์ปลอดภัย

📊 Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)

  • ผู้ป่วยตอบสนองต่อคำถามได้เหมาะสม
  • ไม่พบอาการสับสนหรือพูดช้าลง
  • ค่าระดับแอมโมเนียลดลงตามแผนการรักษา

🛏️ Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)

  • K74F2I-1: ประเมินระดับความรู้สึกตัวและพฤติกรรมทุกเวร ด้วย GCS หรือแบบประเมิน confusion scale
  • K74F2I-2: ติดตามผลแล็บระดับแอมโมเนีย และรายงานแพทย์ทันทีหากพบค่าสูงกว่าปกติ
  • K74F2I-3: ดูแลให้ผู้ป่วยรับประทานหรือลดยา Lactulose ตามแผนการรักษาอย่างเคร่งครัด
  • K74F2I-4: สังเกตอาการแทรกซ้อน เช่น มือสั่น เดินเซ หรือพูดไม่ชัด
  • K74F2I-5: ส่งเสริมการขับถ่ายให้สม่ำเสมออย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง เพื่อลดแอมโมเนีย
  • K74F2I-6: หลีกเลี่ยงอาหารที่มีโปรตีนสูงโดยไม่จำเป็น (โดยเฉพาะในระยะที่มีอาการมาก)
  • K74F2I-7: ให้ความรู้ญาติและผู้ดูแลเกี่ยวกับสัญญาณเตือนของ encephalopathy
  • K74F2I-8: เตรียมอุปกรณ์ความปลอดภัยข้างเตียง ป้องกันการพลัดตกหกล้มกรณีผู้ป่วยมีอาการสับสน

✅ Response (การตอบสนอง)

  • K74F2R-1: ผู้ป่วยมีระดับความรู้สึกตัวดีขึ้น ตอบคำถามได้ถูกต้อง
  • K74F2R-2: ไม่พบอาการสับสน พฤติกรรมเปลี่ยน หรือมือสั่น
  • K74F2R-3: ผู้ป่วยขับถ่ายสม่ำเสมอ และระดับแอมโมเนียลดลง
  • K74F2R-4: ญาติสามารถสังเกตอาการผิดปกติและรายงานได้ถูกต้อง

……………………………………………………………………

K74F3: มีภาวะบวมและท้องมาน เนื่องจากโปรตีนในเลือดต่ำและความดันพอร์ทัลสูง (Fluid volume excess (edema and ascites) related to hypoalbuminemia and portal hypertension)

🔍 Assessment (การประเมิน)

S:

  • ผู้ป่วยรู้สึกแน่นท้อง หายใจไม่สะดวกเมื่อนอนราบ
  • บ่นว่าใส่เสื้อผ้าเดิมไม่ได้เพราะท้องโตขึ้น

O:

  • ตรวจพบบวมที่ขาทั้งสองข้าง
  • หน้าท้องโต ตึง ผิวมันวาว
  • มีเสียงเคาะโปร่งที่ช่องท้อง (shifting dullness)
  • น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นจากเดิม
  • ค่าอัลบูมินต่ำ (Hypoalbuminemia)
  • มีรายงานการเจาะระบายน้ำในช่องท้อง (Paracentesis)

🎯 Goals (เป้าหมาย)

  • ผู้ป่วยไม่มีอาการหายใจลำบากจากท้องมาน
  • อาการบวมลดลง และน้ำหนักตัวลดลงในเกณฑ์ที่ปลอดภัย
  • ผู้ป่วยสามารถปฏิบัติตนเพื่อลดอาการบวมได้ถูกต้อง

📊 Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)

  • หน้าท้องนิ่มลง และเส้นรอบเอวลดลง
  • น้ำหนักลดลงอย่างเหมาะสม (≤ 1 กก./วัน)
  • ผู้ป่วยไม่มีอาการแน่นท้อง หายใจลำบาก
  • ผู้ป่วยสามารถจำกัดปริมาณน้ำและโซเดียมได้ตามแผน

🛏️ Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)

  • K74F3I-1: ชั่งน้ำหนักตัวทุกเช้าในเวลาเดียวกัน และบันทึกเพื่อเปรียบเทียบ
  • K74F3I-2: วัดเส้นรอบเอวหรือหน้าท้องทุกวัน เพื่อติดตามภาวะท้องมาน
  • K74F3I-3: ประเมินระดับบวมบริเวณเท้า ขา และกดรอยบุ๋มทุกเวร
  • K74F3I-4: จัดท่านอนศีรษะสูง (High Fowler’s) เพื่อลดแรงดันในช่องท้องและช่วยการหายใจ
  • K74F3I-5: ควบคุมปริมาณน้ำและโซเดียมตามแผนการรักษา
  • K74F3I-6: ดูแลหลังเจาะระบายน้ำในช่องท้อง สังเกตอาการข้างเคียงและภาวะแทรกซ้อน
  • K74F3I-7: ให้ความรู้เรื่องอาหารลดเค็ม และวิธีสังเกตอาการบวมที่บ้าน
  • K74F3I-8: รายงานแพทย์ทันทีหากน้ำหนักเพิ่มเร็วผิดปกติหรือหายใจลำบากมากขึ้น

✅ Response (การตอบสนอง)

  • K74F3R-1: น้ำหนักลดลง ≤ 1 กิโลกรัม/วัน อย่างปลอดภัย
  • K74F3R-2: หน้าท้องนิ่มลง เส้นรอบเอวลดลง
  • K74F3R-3: ผู้ป่วยหายใจสะดวกขึ้น นอนราบได้ดีขึ้น
  • K74F3R-4: ผู้ป่วยและครอบครัวปฏิบัติตามคำแนะนำเรื่องอาหารและการจำกัดน้ำได้อย่างถูกต้อง

……………………………………………………………………

K74F4 : เสี่ยงต่อการติดเชื้อ เนื่องจากภูมิคุ้มกันต่ำและมีของเหลวคั่งในช่องท้อง (Risk for infection related to impaired immunity and ascitic fluid accumulation)

🩺 Assessment (การประเมิน)

S:

  • ผู้ป่วยรู้สึกอ่อนเพลีย ไม่มีแรง
  • บ่นว่ามีไข้ หนาวสั่นเป็นระยะ

O:

  • มีของเหลวคั่งในช่องท้อง (ascites)
  • เม็ดเลือดขาวต่ำ (WBC ต่ำ)
  • มีไข้ (Temp > 37.8°C)
  • ตรวจพบการอักเสบหรือการติดเชื้อ เช่น peritonitis
  • มีบาดแผลหรือสายสวนต่างๆ ที่อาจเป็นแหล่งติดเชื้อ

🎯 Goals (เป้าหมาย)

  • ผู้ป่วยไม่มีสัญญาณของการติดเชื้อ
  • ควบคุมการติดเชื้อได้เร็ว ไม่ลุกลาม
  • ผู้ป่วยมีความรู้ในการดูแลตนเองเพื่อป้องกันการติดเชื้อ

📏 Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)

  • อุณหภูมิร่างกายอยู่ในเกณฑ์ปกติ (<37.5°C)
  • ไม่มีอาการบวมแดงหรือมีหนองที่บาดแผล
  • ผลตรวจ CBC: WBC ปกติ
  • ไม่มีอาการเจ็บปวดท้องหรือแน่นท้องจากภาวะ peritonitis

✅ Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)

  • K74F4I1 สังเกตอาการไข้ หนาวสั่น ปวดท้อง และอาการอักเสบอื่นๆ เป็นระยะ
  • K74F4I2 วัดอุณหภูมิร่างกายทุก 4 ชั่วโมง และบันทึกผล
  • K74F4I3 ดูแลบาดแผลหรือสายสวนอย่างปลอดเชื้อ (aseptic technique)
  • K74F4I4 ส่งเสริมการล้างมือของผู้ป่วยและผู้ดูแล
  • K74F4I5 ประเมินผลเลือด (CBC, CRP) และวิเคราะห์น้ำในช่องท้องเมื่อสงสัยติดเชื้อ
  • K74F4I6 ให้ยาปฏิชีวนะตามแผนการรักษาอย่างถูกต้องและตรงเวลา
  • K74F4I7 ให้ความรู้เรื่องสัญญาณเตือนของการติดเชื้อ และวิธีป้องกัน
  • K74F4I8 แจ้งแพทย์ทันทีเมื่อพบอาการบ่งชี้ติดเชื้อ

💬 Response (การตอบสนอง)

  • K74F4R1 ผู้ป่วยไม่มีไข้ อุณหภูมิในเกณฑ์ปกติ
  • K74F4R2 ผลเลือด WBC ปรับดีขึ้น และไม่มีสัญญาณการติดเชื้อ
  • K74F4R3 ผู้ป่วยเข้าใจวิธีป้องกันการติดเชื้อ และสามารถดูแลแผลหรืออุปกรณ์ได้อย่างถูกต้อง
  • K74F4R4 ไม่มีภาวะแทรกซ้อนจากการติดเชื้อ เช่น ภาวะเยื่อบุช่องท้องอักเสบ (peritonitis)

……………………………………………………….

K74F5 ขาดสารอาหาร เนื่องจากเบื่ออาหาร คลื่นไส้ และการเผาผลาญผิดปกติ (Imbalanced nutrition: less than body requirements related to anorexia, nausea, and altered metabolism)

Assessment (การประเมิน)

S:

  • ผู้ป่วยบ่นว่าเบื่ออาหาร รับประทานได้น้อย
  • รู้สึกคลื่นไส้หลังรับประทานอาหาร
  • รู้สึกอ่อนเพลีย ไม่มีแรง

O:

  • น้ำหนักลดมากกว่า 5% ภายใน 1 เดือน
  • BMI < 18.5 kg/m²
  • ผิวแห้ง ซีด กล้ามเนื้อลีบ
  • ตรวจพบ Albumin < 3.5 g/dL

Goals (เป้าหมาย)

  • ผู้ป่วยได้รับสารอาหารเพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย
  • น้ำหนักคงที่หรือเพิ่มขึ้นภายใน 2 สัปดาห์
  • ลดอาการคลื่นไส้ เบื่ออาหาร
  • ผู้ป่วยสามารถเลือกอาหารที่เหมาะสมได้ด้วยตนเอง

Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)

  • น้ำหนักเพิ่มขึ้นหรือคงที่ภายใน 2 สัปดาห์
  • รับประทานอาหารได้ไม่น้อยกว่า 75% ของที่จัดให้
  • อาการคลื่นไส้ลดลง
  • Albumin ≥ 3.5 g/dL ภายใน 4 สัปดาห์

Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)

  • K74F5I1 ประเมินสภาวะโภชนาการ (น้ำหนัก ส่วนสูง BMI, การเปลี่ยนแปลงน้ำหนัก, Albumin)
  • K74F5I2 บันทึกปริมาณอาหารและของเหลวที่รับในแต่ละวันอย่างต่อเนื่อง
  • K74F5I3 แนะนำการรับประทานอาหารอ่อน ย่อยง่าย และแบ่งมื้อย่อย 5-6 มื้อ/วัน
  • K74F5I4 ส่งเสริมการรับประทานอาหารที่โปรตีนสูงแต่ไม่เกินคำแนะนำ แนะนำไข่ขาว เนื้อปลา เต้าหู้
  • K74F5I5 จัดสิ่งแวดล้อมให้เหมาะสมขณะรับประทานอาหาร เพื่อลดอาการคลื่นไส้
  • K74F5I6 ปรึกษาแพทย์เพื่อพิจารณาให้วิตามินและเกลือแร่เสริมตามความจำเป็น
  • K74F5I7 ส่งปรึกษานักโภชนาการเพื่อวางแผนอาหารเฉพาะราย
  • K74F5I8 ประเมินและเฝ้าระวังภาวะขาดสารอาหารอย่างต่อเนื่อง

Response (การตอบสนอง)

  • K74F5R1 ผู้ป่วยรับประทานอาหารได้ดีขึ้น ไม่มีอาการคลื่นไส้
  • K74F5R2 น้ำหนักเพิ่มขึ้น 1–2 กก. ภายใน 2 สัปดาห์
  • K74F5R3 ผู้ป่วยเข้าใจการเลือกอาหารที่เหมาะสม และสามารถปฏิบัติตามได้
  • K74F5R4 ค่า Albumin เพิ่มขึ้นใกล้ระดับปกติ

……………………………………………………………………..

K74F6: ความวิตกกังวลและเศร้าใจเกี่ยวกับโรคที่เป็นอยู่และผลกระทบต่อชีวิต (Anxiety and emotional distress related to chronic illness and lifestyle impact)

🩺 Assessment (การประเมิน)

S :

  • ผู้ป่วยบอกว่า "กลัวว่าตัวเองจะไม่หาย"
  • รู้สึกกังวล เครียด ซึมเศร้า นอนไม่หลับ

O :

  • สังเกตว่าผู้ป่วยเงียบ ไม่พูดคุย
  • สีหน้าเคร่งเครียด ตอบสนองช้า
  • สัญญาณชีพปกติหรือตื่นเต้นเล็กน้อย เช่น หัวใจเต้นเร็ว
  • คะแนนประเมินความวิตกกังวล (เช่น HADS) อยู่ในเกณฑ์มีความเสี่ยง

🎯 Goals (เป้าหมาย)

  • ผู้ป่วยสามารถระบายความรู้สึกและอารมณ์ได้
  • ระดับความวิตกกังวลลดลง
  • ผู้ป่วยมีทัศนคติเชิงบวกและสามารถปรับตัวกับโรคได้

📋 Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมินผล)

  • ผู้ป่วยสามารถสื่อสารความรู้สึกได้อย่างเปิดเผย
  • ระดับคะแนนประเมินความเครียด/วิตกกังวลลดลง
  • ผู้ป่วยมีพฤติกรรมผ่อนคลายและนอนหลับดีขึ้น
  • ผู้ป่วยแสดงความเข้าใจเกี่ยวกับโรคและแนวทางการดูแลตนเอง

👩‍⚕️ Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)

  • K74F6I1: ประเมินระดับความวิตกกังวล และปัจจัยที่กระตุ้นความเครียดเป็นรายบุคคล
  • K74F6I2: สร้างความไว้วางใจ เปิดโอกาสให้ผู้ป่วยระบายความรู้สึกโดยไม่ตัดสิน
  • K74F6I3: ให้ข้อมูลเกี่ยวกับโรค การรักษา และพยากรณ์โรคอย่างเหมาะสมตามความเข้าใจของผู้ป่วย
  • K74F6I4: แนะนำเทคนิคผ่อนคลาย เช่น หายใจลึก นั่งสมาธิ หรือฟังเพลง
  • K74F6I5: ส่งเสริมให้ครอบครัวเข้ามามีส่วนร่วมในการสนับสนุนทางอารมณ์
  • K74F6I6: พิจารณาให้ปรึกษานักจิตวิทยาหรือจิตแพทย์ หากมีภาวะซึมเศร้าหรือวิตกกังวลมาก
  • K74F6I7: ติดตามประเมินซ้ำและปรับแผนการพยาบาลตามพฤติกรรมตอบสนองของผู้ป่วย

✅ Response (การตอบสนอง)

  • K74F6R1: ผู้ป่วยสามารถพูดถึงความกังวลใจและความกลัวได้
  • K74F6R2: ระดับความวิตกกังวลลดลง สีหน้าผ่อนคลาย พฤติกรรมสงบขึ้น
  • K74F6R3: ผู้ป่วยแสดงความเข้าใจในโรคและสามารถมีส่วนร่วมในการดูแลตนเอง
  • K74F6R4: ผู้ป่วยนอนหลับได้ดีขึ้นและรับประทานอาหารได้มากขึ้น

………………………………………………………………………

K74F7 ขาดความรู้เกี่ยวกับโรค การดูแลตนเอง และการป้องกันภาวะแทรกซ้อน (K74F7 Deficient knowledge related to disease process, self-care, and prevention of complications)

Assessment (การประเมิน)

S:

  • ผู้ป่วยกล่าวว่า “ไม่รู้ว่าต้องกินอาหารแบบไหน”
  • ผู้ป่วยถามว่า “โรคนี้รักษาหายไหม ต้องทำอะไรต่อ”

O:

  • พบว่าผู้ป่วยขาดความเข้าใจเกี่ยวกับโรคและการดูแล
  • ไม่มีสมาชิกในครอบครัวให้ข้อมูลเกี่ยวกับการดูแลโรค
  • ไม่มีบันทึกการเข้าร่วมการให้คำแนะนำหรือการศึกษาโรค
  • ผู้ป่วยไม่สามารถอธิบายวิธีป้องกันภาวะแทรกซ้อน เช่น ท้องมาน เลือดออกในทางเดินอาหาร

Goals (เป้าหมาย)

  • ผู้ป่วยและครอบครัวมีความเข้าใจเกี่ยวกับโรคตับแข็ง
  • ผู้ป่วยสามารถปฏิบัติตนในการดูแลตนเองและป้องกันภาวะแทรกซ้อนได้อย่างเหมาะสม

Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)

  • ผู้ป่วยสามารถอธิบายเกี่ยวกับโรคตับแข็ง สาเหตุ อาการ และแนวทางป้องกันภาวะแทรกซ้อนได้
  • ผู้ป่วยสามารถปฏิบัติตามคำแนะนำ เช่น เลือกรับประทานอาหาร งดแอลกอฮอล์ มาพบแพทย์ตามนัด

Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)

  • K74F7I1: ประเมินระดับความรู้ ความเข้าใจของผู้ป่วยและญาติเกี่ยวกับโรคตับแข็ง
  • K74F7I2: จัดเตรียมสื่อการสอน เช่น แผ่นพับ/ภาพประกอบ เพื่อใช้ในการให้ความรู้
  • K74F7I3: ให้ความรู้เกี่ยวกับสาเหตุ อาการ การดำเนินโรค และภาวะแทรกซ้อนที่สำคัญ
  • K74F7I4: แนะนำการปฏิบัติตน เช่น รับประทานอาหารย่อยง่าย งดอาหารเค็ม งดแอลกอฮอล์
  • K74F7I5: อธิบายการสังเกตอาการเตือนของภาวะแทรกซ้อน เช่น ท้องบวม อาเจียนเป็นเลือด สับสน
  • K74F7I6: สนับสนุนให้ผู้ป่วยและญาติสอบถามหรือจดบันทึกข้อสงสัย เพื่อเสริมความเข้าใจ
  • K74F7I7: ประสานทีมสหสาขาวิชาชีพ เช่น โภชนากร หรือสังคมสงเคราะห์ หากผู้ป่วยต้องการความช่วยเหลือ
  • K74F7I8: นัดหมายการติดตามความเข้าใจของผู้ป่วยในครั้งถัดไป

Response (การตอบสนอง)

  • K74F7R1: ผู้ป่วยสามารถอธิบายโรคตับแข็งและภาวะแทรกซ้อนได้ถูกต้อง
  • K74F7R2: ผู้ป่วยแสดงความเข้าใจและยินดีปฏิบัติตามคำแนะนำ เช่น งดแอลกอฮอล์ รับประทานอาหารเหมาะสม
  • K74F7R3: ผู้ป่วยมีความมั่นใจในการดูแล

……………………………………………………………..

 K74F8 วางแผนการดูแลต่อเนื่องที่บ้าน เพื่อป้องกันการกลับมาเป็นซ้ำและรักษาคุณภาพชีวิต (Readiness for enhanced self-care and discharge planning to prevent recurrence and maintain quality of life)

🔍 Assessment (การประเมิน)

S:

  • ผู้ป่วยกล่าวว่า “อยากกลับไปดูแลตัวเองให้ดีขึ้น ไม่อยากนอนโรงพยาบาลอีก”
  • ครอบครัวมีความพร้อมในการช่วยดูแลที่บ้าน

O:

  • ผู้ป่วยมีอาการคงที่ ไม่มีภาวะแทรกซ้อน
  • ผลแล็บค่าตับดีขึ้น
  • มีการนัดติดตามการรักษาอย่างสม่ำเสมอ

🎯 Goals (เป้าหมาย)

  • ผู้ป่วยและครอบครัวสามารถวางแผนดูแลตนเองที่บ้านได้อย่างเหมาะสม
  • ลดความเสี่ยงการกลับมาเป็นซ้ำ
  • รักษาคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยได้ต่อเนื่อง

📊 Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมินผล)

  • ผู้ป่วยปฏิบัติตามแผนการดูแลตนเองที่บ้านได้ถูกต้อง
  • ไม่มีการกลับมาเป็นซ้ำหรือแทรกซ้อนในระยะเวลา 3 เดือน
  • ผู้ดูแลสามารถให้การดูแลตามแผนได้ต่อเนื่อง

🛡️ Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)

  • K74F8I1: ประเมินความพร้อมของผู้ป่วยและครอบครัวในการดูแลที่บ้าน
  • K74F8I2: จัดทำแผนจำหน่ายผู้ป่วยโดยร่วมกับทีมสหสาขาวิชาชีพ
  • K74F8I3: ให้ความรู้เรื่องการดูแลตนเอง เช่น การรับประทานอาหาร การเลี่ยงแอลกอฮอล์ การกินยาอย่างต่อเนื่อง
  • K74F8I4: แนะนำการสังเกตอาการเตือน เช่น บวม เหลือง เลือดออกง่าย
  • K74F8I5: ส่งเสริมให้มีสมุดติดตามสุขภาพ หรือแอปฯ สำหรับบันทึกอาการ/การกินยา
  • K74F8I6: ประสานกับทีมเยี่ยมบ้าน (Home visit) หรือระบบติดตามออนไลน์
  • K74F8I7: ให้ข้อมูลช่องทางปรึกษาแพทย์/พยาบาลเมื่อต้องการความช่วยเหลือ
  • K74F8I8: ติดตามผลนัดหมายการตรวจเลือดและอัลตราซาวด์เป็นระยะ

✅ Response (การตอบสนอง)

  • K74F8R1: ผู้ป่วยสามารถอธิบายวิธีดูแลตนเองที่บ้านได้
  • K74F8R2: ครอบครัวมีบทบาทร่วมดูแลและติดตามอาการ
  • K74F8R3: ผู้ป่วยปฏิบัติตามแผนการดูแลที่บ้านได้อย่างต่อเนื่อง
  • K74F8R4: ไม่พบอาการกลับมาเป็นซ้ำในช่วงติดตาม

……………………………………………………………….

📚 เอกสารอ้างอิง

  • สมาคมโรคตับแห่งประเทศไทย (The Thai Association for the Study of the Liver - THASL)คู่มือการดูแลผู้ป่วยโรคตับแข็ง  https://www.thasl.org แหล่งข้อมูลวิชาการเกี่ยวกับโรคตับ รวมถึงแนวทางการดูแลรักษาโรคตับแข็งที่เหมาะสมกับบริบทประเทศไทย
  • กองการพยาบาล กระทรวงสาธารณสุข แนวทางการพยาบาลผู้ป่วยโรคระบบทางเดินอาหาร (ใช้ในโรงพยาบาลรัฐทั่วประเทศ)มีแนวทางปฏิบัติการพยาบาลที่ครอบคลุมการประเมิน วางแผน และให้การดูแลผู้ป่วยตับแข็งอย่างเป็นระบบ
  • World Gastroenterology Organisation (WGO) Global Guidelines: Liver Cirrhosis  https://www.worldgastroenterology.org
  • National Institute for Health and Care Excellence (NICE) Cirrhosis in Over 16s: Assessment and Management  https://www.nice.org.uk/guidance/ng50

……………………………………………………….