1️⃣ ความหมายของโรค
🔔 ตับแข็ง คือ ภาวะที่เซลล์ตับถูกทำลายและถูกแทนที่ด้วยพังผืด ส่งผลให้ตับทำงานได้น้อยลงเรื่อย ๆ จนอาจวายและเสียชีวิตได้
2️⃣
พยาธิสภาพ
- 💥 เซลล์ตับถูกทำลายเรื้อรัง
- 💥 เกิดพังผืดรอบตับ → ตับแข็งและไหลเวียนเลือดผิดปกติ
- 💥 มีผลต่อการสร้างโปรตีน เลือดแข็งตัว และการกำจัดของเสีย
3️⃣
ช่วงอายุที่พบบ่อย
- 🔔 พบมากใน ผู้ใหญ่ช่วงอายุ 40–60 ปี โดยเฉพาะผู้ที่ดื่มสุราจัดหรือมีโรคตับเรื้อรัง
4️⃣
ปัจจัยเสี่ยง
- 💥 ดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำ
- 💥 ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบี หรือ ซี
- 💥 ภาวะไขมันพอกตับ
- 💥 พฤติกรรมกินหวานจัด อ้วน เบาหวาน
5️⃣
อาการเตือน
- 💚 อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร
- 💚 น้ำหนักลดลง หน้าท้องโต
- 💚 ตัวเหลือง ตาเหลือง
- 💚 ผิวแห้ง คัน มีรอยช้ำง่าย
- 💚 บวมขา เลือดออกง่าย ท้องมา
6️⃣
การรักษา
- 🔔 หยุดสาเหตุ เช่น เลิกดื่มสุรา
- 🔔 รับประทานยาเพื่อลดอาการ
- 🔔 เจาะน้ำในช่องท้อง
- 🔔 กรณีรุนแรง → อาจต้อง ปลูกถ่ายตับ
7️⃣
การพยาบาล
- 📍ติดตามอาการบวม ท้องมาน
- 📍ดูแลอาหาร ลดเค็ม งดโปรตีนมากเกิน
- 📍เฝ้าระวังภาวะแทรกซ้อน เช่น เลือดออกทางเดินอาหาร
- 📍ส่งเสริมจิตใจและครอบครัว
8️⃣
การดูแลตนเองสำหรับประชาชน
- ✅ เลี่ยงแอลกอฮอล์ ทุกชนิด
- ✅ ฉีดวัคซีนไวรัสตับอักเสบบี
- ✅ หมั่นตรวจสุขภาพตับเป็นประจำ
- ✅ ควบคุมโรคเรื้อรัง เช่น เบาหวาน ไขมัน
- ✅ หากมีอาการเสี่ยง → รีบพบแพทย์ทันที
………………………………………………..
🩺 วินิจฉัยการพยาบาลผู้ป่วยโรคตับแข็ง (Liver
Cirrhosis : K74)
- K74F1 เสี่ยงต่อภาวะเลือดออกมากผิดปกติ เนื่องจากตับสร้างสารช่วยการแข็งตัวของเลือดได้น้อยลง (K74F1 Risk for excessive bleeding related to decreased synthesis of clotting factors by the liver)
- K74F2 เสี่ยงต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อนทางสมอง (Encephalopathy) จากการคั่งของแอมโมเนียในร่างกาย (K74F2 Risk for hepatic encephalopathy related to accumulation of ammonia in the body)
- K74F3 มีภาวะบวมและท้องมาน เนื่องจากโปรตีนในเลือดต่ำและความดันพอร์ทัลสูง (K74F3 Fluid volume excess (edema and ascites) related to hypoalbuminemia and portal hypertension)
- K74F4 เสี่ยงต่อการติดเชื้อ เนื่องจากภูมิคุ้มกันต่ำและมีของเหลวคั่งในช่องท้อง (K74F4 Risk for infection related to impaired immunity and ascitic fluid accumulation)
- K74F5 ขาดสารอาหาร เนื่องจากเบื่ออาหาร คลื่นไส้ และการเผาผลาญผิดปกติ (K74F5 Imbalanced nutrition: less than body requirements related to anorexia, nausea, and altered metabolism)
- K74F6 ความวิตกกังวลและเศร้าใจเกี่ยวกับโรคที่เป็นอยู่และผลกระทบต่อชีวิต (K74F6 Anxiety and emotional distress related to chronic illness and lifestyle impact)
- K74F7 ขาดความรู้เกี่ยวกับโรค การดูแลตนเอง และการป้องกันภาวะแทรกซ้อน (K74F7 Deficient knowledge related to disease process, self-care, and prevention of complications)
- K74F8 วางแผนการดูแลต่อเนื่องที่บ้าน เพื่อป้องกันการกลับมาเป็นซ้ำและรักษาคุณภาพชีวิต (K74F8 Readiness for enhanced self-care and discharge planning to prevent recurrence and maintain quality of life)
…………………………………………………………
K74F1 เสี่ยงต่อภาวะเลือดออกมากผิดปกติ
เนื่องจากตับสร้างสารช่วยการแข็งตัวของเลือดได้น้อยลง (Risk for excessive
bleeding related to decreased synthesis of clotting factors by the liver)
🔍 Assessment (การประเมิน)
S:
- ผู้ป่วยรายงานว่ามีเลือดออกตามไรฟันหรือจมูก
- ผู้ป่วยรู้สึกเวียนศีรษะหรืออ่อนเพลีย
O:
- ตรวจพบจุดเลือดออกใต้ผิวหนัง (petechiae)
- ฟกช้ำง่ายตามร่างกาย
- ค่า PT, INR สูงกว่าปกติ
- เกล็ดเลือดต่ำ (Thrombocytopenia)
- มีเลือดออกในเหงือก / อุจจาระดำ
- ตับโตหรือแข็งเมื่อคลำ
- มีประวัติตับแข็งร่วมกับการใช้ยาต้านการแข็งตัวของเลือด
🎯 Goals (เป้าหมาย)
- ผู้ป่วยไม่มีเลือดออกผิดปกติระหว่างอยู่โรงพยาบาล
- ผู้ป่วยมีภาวะเลือดแข็งตัวอยู่ในเกณฑ์ปลอดภัย
- ผู้ป่วยเข้าใจวิธีป้องกันภาวะเลือดออกด้วยตนเอง
📊 Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)
- ไม่พบเลือดออกใหม่หรือจุดฟกช้ำเพิ่ม
- ค่า PT, INR ใกล้เคียงเกณฑ์เป้าหมาย
- ผู้ป่วยสามารถอธิบายวิธีป้องกันเลือดออกได้ถูกต้อง
🛏️ Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)
- K74F1I-1: ประเมินจุดฟกช้ำ จุดเลือดออกใต้ผิวหนัง และเลือดออกผิดปกติทุกเวร
- K74F1I-2: ตรวจติดตามค่า PT, INR, และเกล็ดเลือดอย่างสม่ำเสมอตามแผนการรักษา
- K74F1I-3: หลีกเลี่ยงการฉีดยากล้ามเนื้อ หรือหัตถการที่เสี่ยงต่อการมีเลือดออก
- K74F1I-4: ให้คำแนะนำผู้ป่วยหลีกเลี่ยงการใช้ของมีคม และกิจกรรมที่เสี่ยงต่อการกระแทก
- K74F1I-5: ให้ผู้ป่วยใช้แปรงสีฟันขนนุ่ม และหลีกเลี่ยงไหมขัดฟัน
- K74F1I-6: แจ้งแพทย์หากพบอาการเลือดออกผิดปกติทันที
- K74F1I-7: ประเมินสัญญาณชีพและอาการเปลี่ยนแปลงทางระบบไหลเวียนโลหิต เช่น ความดันต่ำ ชีพจรเบา
- K74F1I-8: ให้ความรู้ครอบครัวเกี่ยวกับภาวะเสี่ยงและการดูแลป้องกันเลือดออกที่บ้าน
✅ Response (การตอบสนอง)
- K74F1R-1: ไม่พบภาวะเลือดออกใหม่หรือจุดฟกช้ำเพิ่ม
- K74F1R-2: ค่า PT, INR อยู่ในระดับควบคุมได้
- K74F1R-3: ผู้ป่วยหลีกเลี่ยงพฤติกรรมเสี่ยงต่อการเลือดออกได้อย่างเหมาะสม
- K74F1R-4: ครอบครัวเข้าใจและช่วยดูแลผู้ป่วยร่วมกันได้อย่างปลอดภัย
………………………………………………………………..
K74F2: เสี่ยงต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อนทางสมอง
(Encephalopathy) จากการคั่งของแอมโมเนียในร่างกาย (Risk
for hepatic encephalopathy related to accumulation of ammonia in the body)
🔍 Assessment (การประเมิน)
S:
- ผู้ป่วยรู้สึกสับสน พูดช้าหรือจำอะไรไม่ได้ชั่วขณะ
- ญาติรายงานว่าผู้ป่วยมีพฤติกรรมเปลี่ยนไป เช่น หงุดหงิดง่าย ง่วงซึม
O:
- สังเกตเห็นอาการง่วงซึมหรือพูดจาไม่รู้เรื่อง
- ตรวจพบ asterixis (มือสั่นพับลงเวลายื่นแขน)
- ค่าระดับแอมโมเนียในเลือดสูง
- ผลประเมิน GCS ลดลงจากเดิม
- มีประวัติท้องผูก หรือหยุดใช้ยาระบาย (Lactulose)
🎯 Goals (เป้าหมาย)
- ผู้ป่วยมีระดับความรู้สึกตัวเป็นปกติหรือดีขึ้น
- ผู้ป่วยไม่แสดงอาการของภาวะสมองเสื่อมเฉียบพลัน
- ระดับแอมโมเนียในเลือดลดลงอยู่ในเกณฑ์ปลอดภัย
📊 Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)
- ผู้ป่วยตอบสนองต่อคำถามได้เหมาะสม
- ไม่พบอาการสับสนหรือพูดช้าลง
- ค่าระดับแอมโมเนียลดลงตามแผนการรักษา
🛏️ Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)
- K74F2I-1: ประเมินระดับความรู้สึกตัวและพฤติกรรมทุกเวร ด้วย GCS หรือแบบประเมิน confusion scale
- K74F2I-2: ติดตามผลแล็บระดับแอมโมเนีย และรายงานแพทย์ทันทีหากพบค่าสูงกว่าปกติ
- K74F2I-3: ดูแลให้ผู้ป่วยรับประทานหรือลดยา Lactulose ตามแผนการรักษาอย่างเคร่งครัด
- K74F2I-4: สังเกตอาการแทรกซ้อน เช่น มือสั่น เดินเซ หรือพูดไม่ชัด
- K74F2I-5: ส่งเสริมการขับถ่ายให้สม่ำเสมออย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง เพื่อลดแอมโมเนีย
- K74F2I-6: หลีกเลี่ยงอาหารที่มีโปรตีนสูงโดยไม่จำเป็น (โดยเฉพาะในระยะที่มีอาการมาก)
- K74F2I-7: ให้ความรู้ญาติและผู้ดูแลเกี่ยวกับสัญญาณเตือนของ encephalopathy
- K74F2I-8: เตรียมอุปกรณ์ความปลอดภัยข้างเตียง ป้องกันการพลัดตกหกล้มกรณีผู้ป่วยมีอาการสับสน
✅ Response (การตอบสนอง)
- K74F2R-1: ผู้ป่วยมีระดับความรู้สึกตัวดีขึ้น ตอบคำถามได้ถูกต้อง
- K74F2R-2: ไม่พบอาการสับสน พฤติกรรมเปลี่ยน หรือมือสั่น
- K74F2R-3: ผู้ป่วยขับถ่ายสม่ำเสมอ และระดับแอมโมเนียลดลง
- K74F2R-4: ญาติสามารถสังเกตอาการผิดปกติและรายงานได้ถูกต้อง
……………………………………………………………………
K74F3: มีภาวะบวมและท้องมาน
เนื่องจากโปรตีนในเลือดต่ำและความดันพอร์ทัลสูง (Fluid volume excess
(edema and ascites) related to hypoalbuminemia and portal hypertension)
🔍 Assessment (การประเมิน)
S:
- ผู้ป่วยรู้สึกแน่นท้อง หายใจไม่สะดวกเมื่อนอนราบ
- บ่นว่าใส่เสื้อผ้าเดิมไม่ได้เพราะท้องโตขึ้น
O:
- ตรวจพบบวมที่ขาทั้งสองข้าง
- หน้าท้องโต ตึง ผิวมันวาว
- มีเสียงเคาะโปร่งที่ช่องท้อง (shifting dullness)
- น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นจากเดิม
- ค่าอัลบูมินต่ำ (Hypoalbuminemia)
- มีรายงานการเจาะระบายน้ำในช่องท้อง (Paracentesis)
🎯 Goals (เป้าหมาย)
- ผู้ป่วยไม่มีอาการหายใจลำบากจากท้องมาน
- อาการบวมลดลง และน้ำหนักตัวลดลงในเกณฑ์ที่ปลอดภัย
- ผู้ป่วยสามารถปฏิบัติตนเพื่อลดอาการบวมได้ถูกต้อง
📊 Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)
- หน้าท้องนิ่มลง และเส้นรอบเอวลดลง
- น้ำหนักลดลงอย่างเหมาะสม (≤ 1 กก./วัน)
- ผู้ป่วยไม่มีอาการแน่นท้อง หายใจลำบาก
- ผู้ป่วยสามารถจำกัดปริมาณน้ำและโซเดียมได้ตามแผน
🛏️ Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)
- K74F3I-1: ชั่งน้ำหนักตัวทุกเช้าในเวลาเดียวกัน และบันทึกเพื่อเปรียบเทียบ
- K74F3I-2: วัดเส้นรอบเอวหรือหน้าท้องทุกวัน เพื่อติดตามภาวะท้องมาน
- K74F3I-3: ประเมินระดับบวมบริเวณเท้า ขา และกดรอยบุ๋มทุกเวร
- K74F3I-4: จัดท่านอนศีรษะสูง (High Fowler’s) เพื่อลดแรงดันในช่องท้องและช่วยการหายใจ
- K74F3I-5: ควบคุมปริมาณน้ำและโซเดียมตามแผนการรักษา
- K74F3I-6: ดูแลหลังเจาะระบายน้ำในช่องท้อง สังเกตอาการข้างเคียงและภาวะแทรกซ้อน
- K74F3I-7: ให้ความรู้เรื่องอาหารลดเค็ม และวิธีสังเกตอาการบวมที่บ้าน
- K74F3I-8: รายงานแพทย์ทันทีหากน้ำหนักเพิ่มเร็วผิดปกติหรือหายใจลำบากมากขึ้น
✅ Response (การตอบสนอง)
- K74F3R-1: น้ำหนักลดลง ≤ 1 กิโลกรัม/วัน อย่างปลอดภัย
- K74F3R-2: หน้าท้องนิ่มลง เส้นรอบเอวลดลง
- K74F3R-3: ผู้ป่วยหายใจสะดวกขึ้น นอนราบได้ดีขึ้น
- K74F3R-4: ผู้ป่วยและครอบครัวปฏิบัติตามคำแนะนำเรื่องอาหารและการจำกัดน้ำได้อย่างถูกต้อง
……………………………………………………………………
K74F4 : เสี่ยงต่อการติดเชื้อ
เนื่องจากภูมิคุ้มกันต่ำและมีของเหลวคั่งในช่องท้อง (Risk for infection
related to impaired immunity and ascitic fluid accumulation)
🩺 Assessment (การประเมิน)
S:
- ผู้ป่วยรู้สึกอ่อนเพลีย ไม่มีแรง
- บ่นว่ามีไข้ หนาวสั่นเป็นระยะ
O:
- มีของเหลวคั่งในช่องท้อง (ascites)
- เม็ดเลือดขาวต่ำ (WBC ต่ำ)
- มีไข้ (Temp > 37.8°C)
- ตรวจพบการอักเสบหรือการติดเชื้อ เช่น peritonitis
- มีบาดแผลหรือสายสวนต่างๆ ที่อาจเป็นแหล่งติดเชื้อ
🎯 Goals (เป้าหมาย)
- ผู้ป่วยไม่มีสัญญาณของการติดเชื้อ
- ควบคุมการติดเชื้อได้เร็ว ไม่ลุกลาม
- ผู้ป่วยมีความรู้ในการดูแลตนเองเพื่อป้องกันการติดเชื้อ
📏 Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)
- อุณหภูมิร่างกายอยู่ในเกณฑ์ปกติ (<37.5°C)
- ไม่มีอาการบวมแดงหรือมีหนองที่บาดแผล
- ผลตรวจ CBC: WBC ปกติ
- ไม่มีอาการเจ็บปวดท้องหรือแน่นท้องจากภาวะ peritonitis
✅ Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)
- K74F4I1 สังเกตอาการไข้ หนาวสั่น ปวดท้อง และอาการอักเสบอื่นๆ เป็นระยะ
- K74F4I2 วัดอุณหภูมิร่างกายทุก 4 ชั่วโมง และบันทึกผล
- K74F4I3 ดูแลบาดแผลหรือสายสวนอย่างปลอดเชื้อ (aseptic technique)
- K74F4I4 ส่งเสริมการล้างมือของผู้ป่วยและผู้ดูแล
- K74F4I5 ประเมินผลเลือด (CBC, CRP) และวิเคราะห์น้ำในช่องท้องเมื่อสงสัยติดเชื้อ
- K74F4I6 ให้ยาปฏิชีวนะตามแผนการรักษาอย่างถูกต้องและตรงเวลา
- K74F4I7 ให้ความรู้เรื่องสัญญาณเตือนของการติดเชื้อ และวิธีป้องกัน
- K74F4I8 แจ้งแพทย์ทันทีเมื่อพบอาการบ่งชี้ติดเชื้อ
💬 Response (การตอบสนอง)
- K74F4R1 ผู้ป่วยไม่มีไข้ อุณหภูมิในเกณฑ์ปกติ
- K74F4R2 ผลเลือด WBC ปรับดีขึ้น และไม่มีสัญญาณการติดเชื้อ
- K74F4R3 ผู้ป่วยเข้าใจวิธีป้องกันการติดเชื้อ และสามารถดูแลแผลหรืออุปกรณ์ได้อย่างถูกต้อง
- K74F4R4 ไม่มีภาวะแทรกซ้อนจากการติดเชื้อ เช่น ภาวะเยื่อบุช่องท้องอักเสบ (peritonitis)
……………………………………………………….
K74F5 ขาดสารอาหาร เนื่องจากเบื่ออาหาร
คลื่นไส้ และการเผาผลาญผิดปกติ (Imbalanced nutrition: less than body
requirements related to anorexia, nausea, and altered metabolism)
Assessment (การประเมิน)
S:
- ผู้ป่วยบ่นว่าเบื่ออาหาร รับประทานได้น้อย
- รู้สึกคลื่นไส้หลังรับประทานอาหาร
- รู้สึกอ่อนเพลีย ไม่มีแรง
O:
- น้ำหนักลดมากกว่า 5% ภายใน 1 เดือน
- BMI < 18.5 kg/m²
- ผิวแห้ง ซีด กล้ามเนื้อลีบ
- ตรวจพบ Albumin < 3.5 g/dL
Goals (เป้าหมาย)
- ผู้ป่วยได้รับสารอาหารเพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย
- น้ำหนักคงที่หรือเพิ่มขึ้นภายใน 2 สัปดาห์
- ลดอาการคลื่นไส้ เบื่ออาหาร
- ผู้ป่วยสามารถเลือกอาหารที่เหมาะสมได้ด้วยตนเอง
Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)
- น้ำหนักเพิ่มขึ้นหรือคงที่ภายใน 2 สัปดาห์
- รับประทานอาหารได้ไม่น้อยกว่า 75% ของที่จัดให้
- อาการคลื่นไส้ลดลง
- Albumin ≥ 3.5 g/dL ภายใน 4 สัปดาห์
Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)
- K74F5I1 ประเมินสภาวะโภชนาการ (น้ำหนัก ส่วนสูง BMI, การเปลี่ยนแปลงน้ำหนัก, Albumin)
- K74F5I2 บันทึกปริมาณอาหารและของเหลวที่รับในแต่ละวันอย่างต่อเนื่อง
- K74F5I3 แนะนำการรับประทานอาหารอ่อน ย่อยง่าย และแบ่งมื้อย่อย 5-6 มื้อ/วัน
- K74F5I4 ส่งเสริมการรับประทานอาหารที่โปรตีนสูงแต่ไม่เกินคำแนะนำ แนะนำไข่ขาว เนื้อปลา เต้าหู้
- K74F5I5 จัดสิ่งแวดล้อมให้เหมาะสมขณะรับประทานอาหาร เพื่อลดอาการคลื่นไส้
- K74F5I6 ปรึกษาแพทย์เพื่อพิจารณาให้วิตามินและเกลือแร่เสริมตามความจำเป็น
- K74F5I7 ส่งปรึกษานักโภชนาการเพื่อวางแผนอาหารเฉพาะราย
- K74F5I8 ประเมินและเฝ้าระวังภาวะขาดสารอาหารอย่างต่อเนื่อง
Response (การตอบสนอง)
- K74F5R1 ผู้ป่วยรับประทานอาหารได้ดีขึ้น ไม่มีอาการคลื่นไส้
- K74F5R2 น้ำหนักเพิ่มขึ้น 1–2 กก. ภายใน 2 สัปดาห์
- K74F5R3 ผู้ป่วยเข้าใจการเลือกอาหารที่เหมาะสม และสามารถปฏิบัติตามได้
- K74F5R4 ค่า Albumin เพิ่มขึ้นใกล้ระดับปกติ
……………………………………………………………………..
K74F6: ความวิตกกังวลและเศร้าใจเกี่ยวกับโรคที่เป็นอยู่และผลกระทบต่อชีวิต
(Anxiety and emotional distress related to chronic illness and lifestyle
impact)
🩺 Assessment (การประเมิน)
S :
- ผู้ป่วยบอกว่า "กลัวว่าตัวเองจะไม่หาย"
- รู้สึกกังวล เครียด ซึมเศร้า นอนไม่หลับ
O :
- สังเกตว่าผู้ป่วยเงียบ ไม่พูดคุย
- สีหน้าเคร่งเครียด ตอบสนองช้า
- สัญญาณชีพปกติหรือตื่นเต้นเล็กน้อย เช่น หัวใจเต้นเร็ว
- คะแนนประเมินความวิตกกังวล (เช่น HADS) อยู่ในเกณฑ์มีความเสี่ยง
🎯 Goals (เป้าหมาย)
- ผู้ป่วยสามารถระบายความรู้สึกและอารมณ์ได้
- ระดับความวิตกกังวลลดลง
- ผู้ป่วยมีทัศนคติเชิงบวกและสามารถปรับตัวกับโรคได้
📋 Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมินผล)
- ผู้ป่วยสามารถสื่อสารความรู้สึกได้อย่างเปิดเผย
- ระดับคะแนนประเมินความเครียด/วิตกกังวลลดลง
- ผู้ป่วยมีพฤติกรรมผ่อนคลายและนอนหลับดีขึ้น
- ผู้ป่วยแสดงความเข้าใจเกี่ยวกับโรคและแนวทางการดูแลตนเอง
👩⚕️ Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)
- K74F6I1: ประเมินระดับความวิตกกังวล และปัจจัยที่กระตุ้นความเครียดเป็นรายบุคคล
- K74F6I2: สร้างความไว้วางใจ เปิดโอกาสให้ผู้ป่วยระบายความรู้สึกโดยไม่ตัดสิน
- K74F6I3: ให้ข้อมูลเกี่ยวกับโรค การรักษา และพยากรณ์โรคอย่างเหมาะสมตามความเข้าใจของผู้ป่วย
- K74F6I4: แนะนำเทคนิคผ่อนคลาย เช่น หายใจลึก นั่งสมาธิ หรือฟังเพลง
- K74F6I5: ส่งเสริมให้ครอบครัวเข้ามามีส่วนร่วมในการสนับสนุนทางอารมณ์
- K74F6I6: พิจารณาให้ปรึกษานักจิตวิทยาหรือจิตแพทย์ หากมีภาวะซึมเศร้าหรือวิตกกังวลมาก
- K74F6I7: ติดตามประเมินซ้ำและปรับแผนการพยาบาลตามพฤติกรรมตอบสนองของผู้ป่วย
✅ Response (การตอบสนอง)
- K74F6R1: ผู้ป่วยสามารถพูดถึงความกังวลใจและความกลัวได้
- K74F6R2: ระดับความวิตกกังวลลดลง สีหน้าผ่อนคลาย พฤติกรรมสงบขึ้น
- K74F6R3: ผู้ป่วยแสดงความเข้าใจในโรคและสามารถมีส่วนร่วมในการดูแลตนเอง
- K74F6R4: ผู้ป่วยนอนหลับได้ดีขึ้นและรับประทานอาหารได้มากขึ้น
………………………………………………………………………
K74F7 ขาดความรู้เกี่ยวกับโรค
การดูแลตนเอง และการป้องกันภาวะแทรกซ้อน (K74F7 Deficient knowledge
related to disease process, self-care, and prevention of complications)
Assessment (การประเมิน)
S:
- ผู้ป่วยกล่าวว่า “ไม่รู้ว่าต้องกินอาหารแบบไหน”
- ผู้ป่วยถามว่า “โรคนี้รักษาหายไหม ต้องทำอะไรต่อ”
O:
- พบว่าผู้ป่วยขาดความเข้าใจเกี่ยวกับโรคและการดูแล
- ไม่มีสมาชิกในครอบครัวให้ข้อมูลเกี่ยวกับการดูแลโรค
- ไม่มีบันทึกการเข้าร่วมการให้คำแนะนำหรือการศึกษาโรค
- ผู้ป่วยไม่สามารถอธิบายวิธีป้องกันภาวะแทรกซ้อน เช่น ท้องมาน เลือดออกในทางเดินอาหาร
Goals (เป้าหมาย)
- ผู้ป่วยและครอบครัวมีความเข้าใจเกี่ยวกับโรคตับแข็ง
- ผู้ป่วยสามารถปฏิบัติตนในการดูแลตนเองและป้องกันภาวะแทรกซ้อนได้อย่างเหมาะสม
Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)
- ผู้ป่วยสามารถอธิบายเกี่ยวกับโรคตับแข็ง สาเหตุ อาการ และแนวทางป้องกันภาวะแทรกซ้อนได้
- ผู้ป่วยสามารถปฏิบัติตามคำแนะนำ เช่น เลือกรับประทานอาหาร งดแอลกอฮอล์ มาพบแพทย์ตามนัด
Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)
- K74F7I1: ประเมินระดับความรู้ ความเข้าใจของผู้ป่วยและญาติเกี่ยวกับโรคตับแข็ง
- K74F7I2: จัดเตรียมสื่อการสอน เช่น แผ่นพับ/ภาพประกอบ เพื่อใช้ในการให้ความรู้
- K74F7I3: ให้ความรู้เกี่ยวกับสาเหตุ อาการ การดำเนินโรค และภาวะแทรกซ้อนที่สำคัญ
- K74F7I4: แนะนำการปฏิบัติตน เช่น รับประทานอาหารย่อยง่าย งดอาหารเค็ม งดแอลกอฮอล์
- K74F7I5: อธิบายการสังเกตอาการเตือนของภาวะแทรกซ้อน เช่น ท้องบวม อาเจียนเป็นเลือด สับสน
- K74F7I6: สนับสนุนให้ผู้ป่วยและญาติสอบถามหรือจดบันทึกข้อสงสัย เพื่อเสริมความเข้าใจ
- K74F7I7: ประสานทีมสหสาขาวิชาชีพ เช่น โภชนากร หรือสังคมสงเคราะห์ หากผู้ป่วยต้องการความช่วยเหลือ
- K74F7I8: นัดหมายการติดตามความเข้าใจของผู้ป่วยในครั้งถัดไป
Response (การตอบสนอง)
- K74F7R1: ผู้ป่วยสามารถอธิบายโรคตับแข็งและภาวะแทรกซ้อนได้ถูกต้อง
- K74F7R2: ผู้ป่วยแสดงความเข้าใจและยินดีปฏิบัติตามคำแนะนำ เช่น งดแอลกอฮอล์ รับประทานอาหารเหมาะสม
- K74F7R3: ผู้ป่วยมีความมั่นใจในการดูแล
……………………………………………………………..
K74F8
วางแผนการดูแลต่อเนื่องที่บ้าน
เพื่อป้องกันการกลับมาเป็นซ้ำและรักษาคุณภาพชีวิต (Readiness for enhanced
self-care and discharge planning to prevent recurrence and maintain quality of
life)
🔍 Assessment (การประเมิน)
S:
- ผู้ป่วยกล่าวว่า “อยากกลับไปดูแลตัวเองให้ดีขึ้น ไม่อยากนอนโรงพยาบาลอีก”
- ครอบครัวมีความพร้อมในการช่วยดูแลที่บ้าน
O:
- ผู้ป่วยมีอาการคงที่ ไม่มีภาวะแทรกซ้อน
- ผลแล็บค่าตับดีขึ้น
- มีการนัดติดตามการรักษาอย่างสม่ำเสมอ
🎯 Goals (เป้าหมาย)
- ผู้ป่วยและครอบครัวสามารถวางแผนดูแลตนเองที่บ้านได้อย่างเหมาะสม
- ลดความเสี่ยงการกลับมาเป็นซ้ำ
- รักษาคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยได้ต่อเนื่อง
📊 Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมินผล)
- ผู้ป่วยปฏิบัติตามแผนการดูแลตนเองที่บ้านได้ถูกต้อง
- ไม่มีการกลับมาเป็นซ้ำหรือแทรกซ้อนในระยะเวลา 3 เดือน
- ผู้ดูแลสามารถให้การดูแลตามแผนได้ต่อเนื่อง
🛡️ Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)
- K74F8I1: ประเมินความพร้อมของผู้ป่วยและครอบครัวในการดูแลที่บ้าน
- K74F8I2: จัดทำแผนจำหน่ายผู้ป่วยโดยร่วมกับทีมสหสาขาวิชาชีพ
- K74F8I3: ให้ความรู้เรื่องการดูแลตนเอง เช่น การรับประทานอาหาร การเลี่ยงแอลกอฮอล์ การกินยาอย่างต่อเนื่อง
- K74F8I4: แนะนำการสังเกตอาการเตือน เช่น บวม เหลือง เลือดออกง่าย
- K74F8I5: ส่งเสริมให้มีสมุดติดตามสุขภาพ หรือแอปฯ สำหรับบันทึกอาการ/การกินยา
- K74F8I6: ประสานกับทีมเยี่ยมบ้าน (Home visit) หรือระบบติดตามออนไลน์
- K74F8I7: ให้ข้อมูลช่องทางปรึกษาแพทย์/พยาบาลเมื่อต้องการความช่วยเหลือ
- K74F8I8: ติดตามผลนัดหมายการตรวจเลือดและอัลตราซาวด์เป็นระยะ
✅ Response (การตอบสนอง)
- K74F8R1: ผู้ป่วยสามารถอธิบายวิธีดูแลตนเองที่บ้านได้
- K74F8R2: ครอบครัวมีบทบาทร่วมดูแลและติดตามอาการ
- K74F8R3: ผู้ป่วยปฏิบัติตามแผนการดูแลที่บ้านได้อย่างต่อเนื่อง
- K74F8R4: ไม่พบอาการกลับมาเป็นซ้ำในช่วงติดตาม
……………………………………………………………….
📚 เอกสารอ้างอิง
- สมาคมโรคตับแห่งประเทศไทย (The Thai Association for the Study of the Liver - THASL)คู่มือการดูแลผู้ป่วยโรคตับแข็ง https://www.thasl.org แหล่งข้อมูลวิชาการเกี่ยวกับโรคตับ รวมถึงแนวทางการดูแลรักษาโรคตับแข็งที่เหมาะสมกับบริบทประเทศไทย
- กองการพยาบาล กระทรวงสาธารณสุข แนวทางการพยาบาลผู้ป่วยโรคระบบทางเดินอาหาร (ใช้ในโรงพยาบาลรัฐทั่วประเทศ)มีแนวทางปฏิบัติการพยาบาลที่ครอบคลุมการประเมิน วางแผน และให้การดูแลผู้ป่วยตับแข็งอย่างเป็นระบบ
- World Gastroenterology Organisation (WGO) Global Guidelines: Liver Cirrhosis https://www.worldgastroenterology.org
- National Institute for Health and Care Excellence (NICE) Cirrhosis in Over 16s: Assessment and Management https://www.nice.org.uk/guidance/ng50
……………………………………………………….