"ภัยเงียบที่ไม่เจ็บ…แต่เสี่ยงตับแข็ง-มะเร็ง!"
1. ความหมายของโรค
- ตับอักเสบเรื้อรังคือภาวะที่ตับอักเสบอยู่นานเกิน 6 เดือน โดยมีสาเหตุหลักจากการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบ B หรือ C ที่ทำลายเซลล์ตับอย่างช้า ๆ
2. พยาธิสภาพ
- ไวรัสเข้าไปในตับ → เซลล์ตับอักเสบ → แผลเป็นในตับ (พังผืด) → เสี่ยง “ตับแข็ง” และ “มะเร็งตับ
3. ช่วงอายุที่พบบ่อย
- มักพบในวัยทำงานอายุ 30-60 ปี แต่บางรายติดตั้งแต่เด็กโดยไม่รู้ตัว
4. ปัจจัยเสี่ยงที่ต้องระวัง
- 💡การใช้เข็มฉีดยาร่วมกับผู้อื่น
- 💡การสัก เจาะผิวหนังโดยไม่สะอาด
- 💡มีเพศสัมพันธ์ไม่ป้องกัน
- 💡การคลอดจากแม่ที่ติดเชื้อไวรัส
5.
ส่วนใหญ่ไม่มีอาการ แต่บางคนอาจมีอาการดังนี้
- 😕 อ่อนเพลียเรื้อรัง
- 😕 เบื่ออาหาร
- 😕 คลื่นไส้
- 😕 ตัวเหลือง ตาเหลือง
- 😕 ถ้าเริ่มมีอาการ = โรคอาจลุกลามแล้ว!
6. แนวทางการรักษา
- 💊ตรวจเลือดหาการติดเชื้อ
- 💊ใช้ยาต้านไวรัสเพื่อควบคุมไม่ให้ลุกลาม
- 💊ตรวจติดตามค่าเอนไซม์ตับและอัลตราซาวด์ตับเป็นระยะ
7. การพยาบาล (สำหรับพยาบาล)
- 🩺 เฝ้าระวังภาวะแทรกซ้อน เช่น ตับแข็ง-มะเร็ง
- 🩺 ส่งเสริมการตรวจติดตามทุก 6 เดือน
- 🩺 ให้คำแนะนำผู้ป่วยเรื่องการกินยา การใช้ชีวิต และการป้องกันไม่ให้แพร่เชื้อ
8. การดูแลสำหรับบุคคลทั่วไป
- ✅หลีกเลี่ยงการใช้เข็ม/ของมีคมร่วมกับผู้อื่น
- ✅มีเพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัย
- ✅ฉีดวัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบบี
- ✅ตรวจคัดกรองเลือด หากมีคนในครอบครัวติดเชื้อ
- ✅งดเหล้า ลดไขมัน ตับจะฟื้นตัวได้ดีขึ้น
........................................................
วินิจฉัยการพยาบาล (Nursing Diagnoses)
- B18F1 มีความเสี่ยงต่อภาวะเลือดออกผิดปกติ จากการทำงานของตับลดลง (Risk for bleeding related to impaired liver function)
- B18F2 มีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ จากภูมิคุ้มกันที่ลดลงและการสะสมของสารพิษในร่างกาย (Risk for infection related to decreased immunity and accumulation of toxins)
- B18F3 มีอาการอ่อนเพลียเรื้อรังจากการเผาผลาญพลังงานของร่างกายลดลง (Fatigue related to decreased metabolic function of the liver)
- B18F4 มีความผิดปกติของการรับประทานอาหาร จากอาการคลื่นไส้ เบื่ออาหาร (Imbalanced nutrition: less than body requirements related to nausea and anorexia)
- B18F5 มีความวิตกกังวลเกี่ยวกับการวินิจฉัยและผลการรักษา (Anxiety related to diagnosis and treatment outcomes)
- B18F6 มีความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อน เช่น ตับแข็งหรือมะเร็งตับ (Risk for complications such as liver cirrhosis or hepatocellular carcinoma)
- B18F7 ขาดความรู้เกี่ยวกับโรค การใช้ยา และการปฏิบัติตัวในการป้องกันการแพร่เชื้อ (Deficient knowledge regarding disease, medication use, and prevention of transmission)
- B18F8 ต้องการแผนการจำหน่ายที่ชัดเจน เพื่อดูแลตนเองและมาตรวจติดตามอย่างต่อเนื่อง (Readiness for enhanced self-care and discharge planning with follow-up care needs)
..........................................................
B18F1: มีความเสี่ยงต่อภาวะเลือดออกผิดปกติ
จากการทำงานของตับลดลง (Risk for bleeding related to impaired liver
function)
🔍 Assessment (การประเมิน)
S:
- ผู้ป่วยบอกว่า “รู้สึกช้ำง่าย เวลาแปรงฟันเลือดออกบ่อย”
- มีประวัติเลือดออกผิดปกติหรือมีญาติเป็นโรคเลือด
O:
- ตรวจพบรอยช้ำ (ecchymosis) ตามร่างกาย
- เหงือกมีเลือดซึม
- ผลเลือดแสดงค่าการแข็งตัวของเลือดผิดปกติ (INR/PT สูงกว่าปกติ)
- เกล็ดเลือดต่ำ
- ตับบวมโตจากอัลตราซาวด์
🎯 Goals (เป้าหมาย)
- ผู้ป่วยไม่มีเลือดออกผิดปกติขณะนอนโรงพยาบาล
- ป้องกันไม่ให้เกิดภาวะแทรกซ้อนจากการเสียเลือด
- ให้ความรู้แก่ผู้ป่วยเพื่อลดพฤติกรรมเสี่ยงต่อการเลือดออก
📏 Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)
- ไม่มีรอยช้ำหรือเลือดออกใหม่เกิดขึ้น
- ค่าการแข็งตัวของเลือดอยู่ในเกณฑ์ที่แพทย์กำหนด
- ผู้ป่วยสามารถอธิบายวิธีป้องกันเลือดออกได้ถูกต้อง
🛠️ Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)
- B18F1I-1: เฝ้าระวังอาการเลือดออก เช่น เลือดออกตามไรฟัน ปัสสาวะ/อุจจาระมีเลือด รอยช้ำผิดปกติ
- B18F1I-2: ประเมินค่าเกล็ดเลือดและผล INR/PT อย่างสม่ำเสมอ ตามแผนการรักษา
- B18F1I-3: หลีกเลี่ยงการใช้ของมีคม เช่น เข็มฉีดยา/กรรไกรโกนหนวด โดยไม่จำเป็น
- B18F1I-4: หลีกเลี่ยงการให้ยาทางกล้ามเนื้อ (IM) หรือสวนอวัยวะที่อาจทำให้เลือดออกได้
- B18F1I-5: แนะนำให้ใช้แปรงสีฟันขนอ่อน และระมัดระวังเวลาแปรงฟันหรือโกนหนวด
- B18F1I-6: ให้ความรู้แก่ผู้ป่วย/ญาติเรื่องสัญญาณของการมีเลือดออกและการปฏิบัติตัวเมื่อเกิดอาการ
- B18F1I-7: ส่งเสริมให้ผู้ป่วยหลีกเลี่ยงกิจกรรมที่มีความเสี่ยงต่อการกระทบกระแทก
✅ Response (การตอบสนองของผู้ป่วย)
- B18F1R-1: ไม่มีรอยฟกช้ำหรือเลือดออกผิดปกติในช่วงพักรักษา
- B18F1R-2: ผลเกล็ดเลือดและ INR อยู่ในเกณฑ์ที่ปลอดภัยตามคำแนะนำแพทย์
- B18F1R-3: ผู้ป่วยสามารถดูแลตนเองโดยหลีกเลี่ยงสิ่งที่กระตุ้นให้เกิดเลือดออก
- B18F1R-4: ไม่มีภาวะแทรกซ้อนจากการเสียเลือด เช่น ความดันต่ำ หน้ามืด
........................................................................
B18F2: มีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ
จากภูมิคุ้มกันที่ลดลงและการสะสมของสารพิษในร่างกาย(Risk for infection
related to decreased immunity and accumulation of toxins)
🔍 Assessment (การประเมิน)
S:
- ผู้ป่วยบอกว่า “รู้สึกอ่อนเพลีย เป็นหวัดบ่อย”
- มีประวัติเป็นไข้หรือมีการติดเชื้อซ้ำในช่วงหลัง
O:
- ไข้ ≥ 37.5°C
- เม็ดเลือดขาวต่ำ (WBC ต่ำ)
- ผิวหนัง ซีด แห้ง หรือมีแผล
- สัญญาณชีพเปลี่ยน เช่น ชีพจรเร็ว หายใจเร็ว
- อาการแสดงของภาวะติดเชื้อ เช่น ปัสสาวะแสบขัด เสมหะข้น เป็นต้น
🎯 Goals (เป้าหมาย)
- ผู้ป่วยไม่มีภาวะติดเชื้อแทรกซ้อนขณะรักษา
- ลดโอกาสการติดเชื้อจากภายนอก
- ส่งเสริมภูมิคุ้มกันของร่างกายให้ดีขึ้น
📏 Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)
- สัญญาณชีพคงที่ ไม่มีไข้
- ผลตรวจเม็ดเลือดขาวอยู่ในเกณฑ์ปลอดภัย
- ไม่มีรอยโรคหรืออาการแสดงของการติดเชื้อ
- ผู้ป่วยสามารถอธิบายวิธีป้องกันการติดเชื้อได้
🛠️ Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)
- B18F2I-1: ตรวจวัดอุณหภูมิร่างกายทุก 4 ชั่วโมง เพื่อเฝ้าระวังการติดเชื้อ
- B18F2I-2: สังเกตอาการติดเชื้อ เช่น ไข้ หนาวสั่น ปัสสาวะขุ่น เสมหะผิดปกติ ผิวหนังมีแผลหรือบวมแดง
- B18F2I-3: ประเมินผลเลือด เช่น เม็ดเลือดขาว และ CRP ตามแผนการรักษา
- B18F2I-4: รักษาสุขอนามัย เช่น ล้างมือก่อนสัมผัสผู้ป่วย และแนะนำญาติให้ปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด
- B18F2I-5: ทำความสะอาดอุปกรณ์และพื้นที่โดยรอบอย่างสม่ำเสมอ เพื่อลดการสะสมของเชื้อโรค
- B18F2I-6: จำกัดผู้เยี่ยมไข้ และคัดกรองอาการป่วยของผู้มาเยี่ยม เพื่อป้องกันการนำเชื้อเข้าสู่หอผู้ป่วย
- B18F2I-7: ส่งเสริมการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ช่วยเสริมภูมิคุ้มกัน เช่น โปรตีน วิตามินซี
✅ Response (การตอบสนองของผู้ป่วย)
- B18F2R-1: ไม่มีไข้หรืออาการแสดงของการติดเชื้อระหว่างพักรักษา
- B18F2R-2: ผลเม็ดเลือดขาวกลับมาอยู่ในเกณฑ์ปกติหรือดีขึ้นตามลำดับ
- B18F2R-3: ผู้ป่วยและญาติสามารถอธิบายวิธีการป้องกันการติดเชื้อได้อย่างถูกต้อง
- B18F2R-4: ไม่มีภาวะแทรกซ้อน เช่น ปอดอักเสบ หรือทางเดินปัสสาวะอักเสบระหว่างรักษา
....................................................................
B18F3: มีอาการอ่อนเพลียเรื้อรังจากการเผาผลาญพลังงานของร่างกายลดลง
(Fatigue related to decreased metabolic function of the liver)
🔍 Assessment (การประเมิน)
S:
- ผู้ป่วยบอกว่า “เหนื่อยง่าย ทำอะไรนิดเดียวก็เพลีย”
- รู้สึกไม่มีแรง แม้หลังพักผ่อนเต็มที่
O:
- สีหน้าอิดโรย
- ไม่สามารถทำกิจกรรมได้ตามปกติ
- นอนพักระหว่างวันมากกว่าปกติ
- ผลตรวจแสดงภาวะโปรตีนต่ำ (Albumin ต่ำ)
🎯 Goals (เป้าหมาย)
- ลดความรู้สึกอ่อนเพลียของผู้ป่วย
- ผู้ป่วยสามารถทำกิจวัตรประจำวันได้มากขึ้น
- ส่งเสริมสมรรถภาพร่างกายและจิตใจของผู้ป่วยอย่างปลอดภัย
📏 Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)
- ผู้ป่วยรายงานว่าอาการอ่อนเพลียลดลง
- ผู้ป่วยสามารถทำกิจกรรมเล็กน้อยได้โดยไม่เหนื่อยเกินไป
- ภาวะโภชนาการและพลังงานของร่างกายดีขึ้น (ตรวจค่าทางห้องปฏิบัติการ)
🛠️ Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)
- B18F3I-1: ประเมินระดับความเหนื่อยล้า โดยใช้เครื่องมือประเมิน เช่น Fatigue Scale หรือคำบอกเล่าผู้ป่วย
- B18F3I-2: วางแผนให้ผู้ป่วยพักผ่อนสลับกับทำกิจกรรมเบา ๆ เช่น เดินช้า ๆ หรือฝึกหายใจ
- B18F3I-3: จัดลำดับกิจกรรมประจำวันจาก “สำคัญที่สุด” ไป “น้อยที่สุด” เพื่อป้องกันการใช้พลังงานเกินจำเป็น
- B18F3I-4: แนะนำให้หลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ต้องใช้แรงมาก หรือยืนนานโดยไม่พัก
- B18F3I-5: ส่งเสริมการรับประทานอาหารที่มีพลังงานสูง โปรตีนเพียงพอ และย่อยง่าย เช่น ไข่ นม เต้าหู้
- B18F3I-6: ให้กำลังใจผู้ป่วย บรรเทาความวิตกกังวลที่อาจเพิ่มความเหนื่อยล้า เช่น ความเครียดจากโรค
- B18F3I-7: ประสานงานกับนักกำหนดอาหารหรือนักกายภาพบำบัด เพื่อวางแผนเสริมสร้างสมรรถภาพร่างกาย
✅ Response (การตอบสนองของผู้ป่วย)
- B18F3R-1: ผู้ป่วยรายงานว่าอ่อนเพลียน้อยลง และรู้สึกมีแรงขึ้นหลังการดูแลต่อเนื่อง
- B18F3R-2: ผู้ป่วยสามารถทำกิจกรรมเบา ๆ เช่น เดิน กินข้าว อาบน้ำ โดยไม่เหนื่อยมาก
- B18F3R-3: ค่าทางห้องปฏิบัติการ เช่น Albumin และพลังงานโดยรวมของร่างกาย ดีขึ้นตามลำดับ
- B18F3R-4: ผู้ป่วยมีทัศนคติบวกต่อการฟื้นตัว และร่วมมือในการดูแลตนเองมากขึ้น
...........................................................................
B18F4: มีความผิดปกติของการรับประทานอาหาร
จากอาการคลื่นไส้ เบื่ออาหาร (Imbalanced nutrition: less than body
requirements related to nausea and anorexia)
🔍 Assessment (การประเมิน)
S:
- ผู้ป่วยบอกว่า “กินไม่ค่อยลง รู้สึกคลื่นไส้ตลอด”
- บ่นว่า “เบื่ออาหาร น้ำหนักลด”
O:
- รับประทานอาหารได้น้อยกว่าปกติ
- น้ำหนักลดลงจากครั้งก่อน
- ผลตรวจแสดงภาวะโภชนาการบกพร่อง (เช่น albumin ต่ำ)
- ลักษณะร่างกายซูบผอม ไม่กระฉับกระเฉง
🎯 Goals (เป้าหมาย)
- ผู้ป่วยรับประทานอาหารได้เพิ่มขึ้น
- น้ำหนักตัวคงที่หรือเพิ่มขึ้นอย่างเหมาะสม
- อาการคลื่นไส้ เบื่ออาหารลดลง
- มีพลังงานเพียงพอในการทำกิจวัตรประจำวัน
📏 Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)
- รับประทานอาหารได้มากขึ้นในแต่ละมื้อ
- น้ำหนักเพิ่มขึ้น 0.5–1 กก./สัปดาห์
- ระดับอัลบูมินดีขึ้น
- ไม่มีอาการคลื่นไส้หรือเบื่ออาหาร
🛠️ Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)
- B18F4I1: ประเมินภาวะโภชนาการ น้ำหนักตัว และพฤติกรรมการกินอาหารของผู้ป่วย
- B18F4I2: วางแผนร่วมกับนักโภชนาการในการจัดเมนูอาหารที่เหมาะสม ย่อยง่าย และถูกปากผู้ป่วย
- B18F4I3: แนะนำให้ผู้ป่วยรับประทานอาหารเป็นมื้อเล็กๆ แต่บ่อยครั้ง ลดความอิ่มแน่น
- B18F4I4: ให้คำแนะนำเกี่ยวกับการหลีกเลี่ยงอาหารที่มีกลิ่นแรงหรือกระตุ้นคลื่นไส้ เช่น อาหารทอด อาหารมัน
- B18F4I5: จัดสิ่งแวดล้อมขณะรับประทานอาหารให้น่าอยู่ ลดกลิ่นที่รบกวน เช่น เปิดพัดลม ระบายอากาศ
- B18F4I6: ส่งเสริมให้มีการพักผ่อนก่อนและหลังรับประทานอาหารอย่างเพียงพอ
- B18F4I7: ประเมินและติดตามผลข้างเคียงของยา เช่น ยาต้านไวรัส ที่อาจมีผลต่อระบบทางเดินอาหาร
- B18F4I8: สนับสนุนด้านจิตใจ ให้กำลังใจในการดูแลสุขภาพและการกินอาหาร
✅ Response (การตอบสนอง)
- B18F4R1: ผู้ป่วยรับประทานอาหารได้ดีขึ้น ไม่มีคลื่นไส้
- B18F4R2: น้ำหนักเพิ่มขึ้นตามเป้าหมาย
- B18F4R3: ระดับสารอาหารในเลือด เช่น albumin ดีขึ้น
- B18F4R4: ผู้ป่วยแจ้งว่ารู้สึกมีพลังงานมากขึ้นและไม่เบื่ออาหาร
- B18F4R5: ผู้ป่วยมีส่วนร่วมในการเลือกอาหารและดูแลตนเองด้านโภชนาการ
...............................................................................
B18F5: มีความวิตกกังวลเกี่ยวกับการวินิจฉัยและผลการรักษา
(Anxiety related to diagnosis and treatment outcomes)
📌 Assessment (การประเมิน)
S:
- ผู้ป่วยกล่าวว่า "กลัวว่าจะรักษาไม่หาย"
- แสดงความกังวลเรื่องผลเลือดและการติดเชื้อแพร่สู่ครอบครัว
O:
- สีหน้าเคร่งเครียด ไม่สบตา
- พูดน้อยลง ถอนหายใจบ่อย
- นอนหลับไม่สนิท
- ชีพจรเต้นเร็วขึ้น
🎯 Goals (เป้าหมาย)
- ผู้ป่วยลดความวิตกกังวลลงภายใน 3 วัน
- ผู้ป่วยสามารถพูดถึงความรู้สึกและความเข้าใจเกี่ยวกับโรคได้
- มีพฤติกรรมผ่อนคลายเพิ่มขึ้น เช่น พูดคุย ยิ้ม หายใจลึก
📏 Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)
- ผู้ป่วยรายงานว่ารู้สึกเครียดน้อยลง
- มีการถาม-ตอบเกี่ยวกับโรคได้อย่างเข้าใจ
- พฤติกรรมแสดงออกสงบขึ้น เช่น พูดคุยมากขึ้น สีหน้าผ่อนคลาย
✅ Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)
- B18F5I-1 สร้างสัมพันธภาพที่ดี ให้ผู้ป่วยรู้สึกปลอดภัยในการพูดคุย
- B18F5I-2 รับฟังอย่างตั้งใจ ไม่ตัดสิน ให้ผู้ป่วยระบายความรู้สึก
- B18F5I-3 ให้ข้อมูลเกี่ยวกับโรค การรักษา และผลข้างเคียงอย่างตรงไปตรงมา
- B18F5I-4 กระตุ้นให้ซักถามข้อสงสัยเพิ่มเติม เพื่อเพิ่มความมั่นใจ
- B18F5I-5 สอนเทคนิคผ่อนคลาย เช่น หายใจลึก นับลมหายใจ
- B18F5I-6 แนะนำให้ผู้ป่วยมีส่วนร่วมในการวางแผนการดูแล
- B18F5I-7 ประเมินซ้ำหากมีอาการวิตกกังวลรุนแรง และส่งปรึกษานักจิตวิทยา/จิตแพทย์
- B18F5I-8 สนับสนุนให้ครอบครัวให้กำลังใจผู้ป่วยอย่างเข้าใจ
✨ Response (การตอบสนอง)
- B18F5R-1 ผู้ป่วยสามารถบอกความรู้สึกกังวลและสิ่งที่กลัวได้
- B18F5R-2 สีหน้าผ่อนคลาย พูดคุยมากขึ้น มีการยิ้มบ้าง
- B18F5R-3 ผู้ป่วยมีความเข้าใจเกี่ยวกับโรคและการรักษาอย่างถูกต้อง
- B18F5R-4 นอนหลับดีขึ้น พฤติกรรมวิตกกังวลลดลง
- B18F5R-5 ผู้ป่วยแสดงความร่วมมือในการดูแลตนเองและทำตามคำแนะนำ
..........................................................................
B18F6: มีความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อน
เช่น ตับแข็งหรือมะเร็งตับ (Risk for complications such as liver
cirrhosis or hepatocellular carcinoma)
🔎 Assessment (การประเมิน)
S :
- ผู้ป่วยกังวลเกี่ยวกับภาวะแทรกซ้อนของโรค
- ญาติสอบถามเรื่องโอกาสในการเกิดมะเร็งตับ
O :
- มีประวัติการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีหรือซีเรื้อรัง
- ผลตรวจ ALT/AST สูงกว่าปกติ
- ค่า viral load หรือ HBsAg/HCV RNA เป็นบวก
- ยังไม่ได้รับการตรวจคัดกรองภาวะแทรกซ้อนอย่างสม่ำเสมอ
🎯 Goals (เป้าหมาย)
- ผู้ป่วยมีความรู้เกี่ยวกับภาวะแทรกซ้อนของโรค
- ผู้ป่วยได้รับการตรวจติดตามและเฝ้าระวังภาวะแทรกซ้อนอย่างเหมาะสม
- ลดโอกาสเกิดภาวะตับแข็งหรือมะเร็งตับ
📏 Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)
- ผู้ป่วยสามารถอธิบายภาวะแทรกซ้อนและวิธีป้องกันได้
- ผู้ป่วยเข้ารับการตรวจติดตามตามนัด
- ผลตรวจไม่มีแนวโน้มแย่ลง เช่น AFP ปกติ, ไม่มีสัญญาณของตับแข็ง
🩺 Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)
- B18F6I-1: ให้ความรู้เกี่ยวกับโรคตับอักเสบเรื้อรัง และภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้น
- B18F6I-2: ประเมินผลเลือดและการทำงานของตับอย่างสม่ำเสมอ เช่น ALT, AST, AFP
- B18F6I-3: ส่งเสริมการตรวจอัลตราซาวนด์ช่องท้องทุก 6 เดือน
- B18F6I-4: แนะนำหลีกเลี่ยงแอลกอฮอล์และยาที่มีพิษต่อตับ
- B18F6I-5: ส่งเสริมให้รับวัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบชนิดอื่น (ถ้ายังไม่เคยได้รับ)
- B18F6I-6: ให้คำปรึกษาเรื่องการใช้ยาต้านไวรัสตามแผนการรักษา
- B18F6I-7: ประสานแพทย์เพื่อเฝ้าระวังสัญญาณตับแข็งหรือมะเร็งตับในระยะเริ่มต้น
- B18F6I-8: สร้างความร่วมมือกับครอบครัวเพื่อดูแลต่อเนื่องที่บ้าน
✅ Response (การตอบสนอง)
- B18F6R-1: ผู้ป่วยเข้าใจถึงความเสี่ยงและแนวทางป้องกันภาวะแทรกซ้อน
- B18F6R-2: ผู้ป่วยปฏิบัติตัวได้ถูกต้อง เช่น งดเหล้า รับการตรวจตามนัด
- B18F6R-3: ผลติดตามค่าตับและอัลตราซาวนด์ยังอยู่ในเกณฑ์ปกติ
- B18F6R-4: ไม่มีภาวะแทรกซ้อนเกิดขึ้นในระยะเวลาติดตาม
- B18F6R-5: ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตดีขึ้น และมีแรงจูงใจในการดูแลสุขภาพต่อเนื่อง
...................................................................
B18F7: ขาดความรู้เกี่ยวกับโรค
การใช้ยา และการปฏิบัติตัวในการป้องกันการแพร่เชื้อ (Deficient knowledge
regarding disease, medication use, and prevention of transmission)
🔍 Assessment (การประเมิน)
S:
- ผู้ป่วยถามคำถามน้อย หรือแสดงท่าทีสับสนเรื่องโรคและยา
- บอกว่า “ไม่เข้าใจโรคนี้ดีนัก” หรือ “ไม่รู้วิธีป้องกันไม่ให้แพร่เชื้อ”
O:
- ผู้ป่วยรับประทานยาไม่สม่ำเสมอ
- ไม่ปฏิบัติตามคำแนะนำเรื่องสุขอนามัย
- ไม่มีการสวมถุงมือหรือใช้มาตรการป้องกันเวลาติดต่อกับผู้อื่น
- ไม่มีเอกสารหรือข้อมูลความรู้เกี่ยวกับโรคให้ผู้ป่วย
🎯 Goals (เป้าหมาย)
- ผู้ป่วยมีความรู้และเข้าใจเกี่ยวกับโรคตับอักเสบเรื้อรัง
- ผู้ป่วยสามารถปฏิบัติตามคำแนะนำการใช้ยาได้ถูกต้อง
- ผู้ป่วยปฏิบัติตัวได้อย่างเหมาะสมเพื่อป้องกันการแพร่เชื้อ
- ผู้ป่วยและครอบครัวสามารถดูแลตนเองและป้องกันผู้อื่นได้อย่างปลอดภัย
📏 Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)
- ผู้ป่วยสามารถอธิบายสาเหตุของโรคและวิธีการรักษาได้
- รับประทานยาและปฏิบัติตามคำแนะนำครบถ้วน
- แสดงพฤติกรรมการป้องกันการแพร่เชื้อที่ถูกต้อง เช่น การล้างมือ สวมถุงมือ
- ไม่มีรายงานการแพร่เชื้อเพิ่มในครอบครัวหรือชุมชน
🛠️ Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)
- B18F7I-1: ประเมินความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับโรคและการใช้ยา โดยสอบถามคำถามเพื่อวัดความเข้าใจ
- B18F7I-2: ให้ข้อมูลและคำอธิบายเรื่องโรคไวรัสตับอักเสบเรื้อรังอย่างง่าย เข้าใจง่าย
- B18F7I-3: สอนวิธีการใช้ยาอย่างถูกต้อง รวมถึงการรับประทานเวลาที่เหมาะสมและผลข้างเคียงที่ควรระวัง
- B18F7I-4: ให้ความรู้เรื่องการป้องกันการแพร่เชื้อ เช่น ล้างมือ สวมถุงมือ ไม่ใช้ของส่วนตัวร่วมกัน
- B18F7I-5: แจกเอกสารหรือสื่อการเรียนรู้ที่เหมาะสม เช่น แผ่นพับ วิดีโอสั้น
- B18F7I-6: กระตุ้นให้ผู้ป่วยและครอบครัวซักถามข้อสงสัยและร่วมวางแผนการดูแลตนเอง
- B18F7I-7: ติดตามและประเมินผลความเข้าใจและการปฏิบัติตัวในแต่ละวัน
✅ Response (การตอบสนอง)
- B18F7R-1: ผู้ป่วยสามารถอธิบายโรคและการใช้ยาได้อย่างถูกต้อง
- B18F7R-2: ผู้ป่วยรับประทานยาได้ตามแผนที่กำหนดโดยไม่มีข้อผิดพลาด
- B18F7R-3: ผู้ป่วยแสดงพฤติกรรมการป้องกันการแพร่เชื้อที่เหมาะสม
- B18F7R-4: ครอบครัวและผู้ป่วยร่วมมือในการดูแลและป้องกันเชื้อ
- B18F7R-5: ไม่มีรายงานการติดเชื้อใหม่ในครอบครัวหรือชุมชน
………………………………………………………………….
🩺 วินิจฉัยการพยาบาล
B18F8: ต้องการแผนการจำหน่ายที่ชัดเจน
เพื่อดูแลตนเองและมาตรวจติดตามอย่างต่อเนื่อง (Readiness for enhanced
self-care and discharge planning with follow-up care needs)
🔍 Assessment (การประเมิน)
S:
- ผู้ป่วยถามว่า “จะต้องดูแลตัวเองอย่างไรหลังออกจากโรงพยาบาล?”
- กังวลเรื่องการนัดตรวจและการปฏิบัติตัวที่บ้าน
O:
- ผู้ป่วยยังไม่สามารถอธิบายแผนการดูแลตนเองได้ชัดเจน
- ไม่มีการบันทึกนัดตรวจติดตาม
- ครอบครัวขาดความรู้เรื่องการดูแลผู้ป่วยที่บ้าน
🎯 Goals (เป้าหมาย)
- ผู้ป่วยและครอบครัวเข้าใจแผนการดูแลตนเองหลังจำหน่าย
- ผู้ป่วยสามารถปฏิบัติตามคำแนะนำได้อย่างถูกต้อง
- ผู้ป่วยเข้ารับการตรวจติดตามตามนัดอย่างสม่ำเสมอ
- ครอบครัวมีส่วนร่วมในการดูแลและสนับสนุนผู้ป่วย
📏 Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)
- ผู้ป่วยสามารถอธิบายแผนการดูแลตนเองและนัดหมายได้
- ผู้ป่วยปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างถูกต้อง
- ผู้ป่วยเข้ารับการตรวจตามนัดครบถ้วน
- ครอบครัวมีความรู้และทักษะการดูแลผู้ป่วยที่บ้าน
🛠️ Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)
- B18F8I-1: สอบถามและประเมินความเข้าใจของผู้ป่วยและครอบครัวเกี่ยวกับโรคและการดูแลตนเอง
- B18F8I-2: จัดทำแผนการจำหน่ายที่ชัดเจน รวมถึงการรับประทานยา โภชนาการ และการหลีกเลี่ยงพฤติกรรมเสี่ยง
- B18F8I-3: จัดการนัดหมายตรวจติดตามและแจ้งผู้ป่วยล่วงหน้า
- B18F8I-4: สอนการสังเกตอาการผิดปกติที่ต้องรีบแจ้งแพทย์
- B18F8I-5: ให้เอกสารคำแนะนำที่เข้าใจง่าย และช่องทางติดต่อในกรณีฉุกเฉิน
- B18F8I-6: สนับสนุนให้ครอบครัวเข้าร่วมอบรมหรือให้ความรู้ในการดูแล
- B18F8I-7: ติดตามผลการปฏิบัติตัวของผู้ป่วยหลังจำหน่ายผ่านโทรศัพท์หรือเยี่ยมบ้าน
✅ Response (การตอบสนอง)
- B18F8R-1: ผู้ป่วยและครอบครัวสามารถอธิบายแผนการดูแลตนเองและการนัดตรวจติดตามได้
- B18F8R-2: ผู้ป่วยปฏิบัติตามแผนดูแลตนเองอย่างถูกต้อง
- B18F8R-3: ผู้ป่วยเข้ารับการตรวจติดตามตามนัดครบถ้วน
- B18F8R-4: ครอบครัวให้การสนับสนุนและดูแลผู้ป่วยอย่างเหมาะสม
- B18F8R-5: ลดภาวะแทรกซ้อนและการกลับมารักษาซ้ำในโรงพยาบาล
…………………………………………………………………..
เอกสารอ้างอิง (References)
- ราชวิทยาลัยอายุรแพทย์แห่งประเทศไทย. (2564). แนวทางเวชปฏิบัติการวินิจฉัยและรักษาโรคไวรัสตับอักเสบบีและซี. กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์ราชวิทยาลัยอายุรแพทย์ฯ.(Clinical Practice Guidelines for Diagnosis and Treatment of Hepatitis B and C, Royal College of Physicians of Thailand, 2021)
- กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข. (2563). โรคไวรัสตับอักเสบเรื้อรัง: แนวทางการดูแลและป้องกัน. กรุงเทพฯ: กรมควบคุมโรค.
- (Chronic Viral Hepatitis: Care and Prevention Guidelines, Department of Disease Control, Ministry of Public Health, Thailand, 2020)
- European Association for the Study of the Liver (EASL). (2017). EASL 2017 Clinical Practice Guidelines on the management of hepatitis B virus infection. Journal of Hepatology, 67(2), 370-398.(https://doi.org/10.1016/j.jhep.2017.03.021)
- American Association for the Study of Liver Diseases (AASLD). (2018). Hepatitis C Guidance: AASLD-IDSA Recommendations for Testing, Managing, and Treating Hepatitis C Virus Infection. Hepatology, 67(4), 1473-1505.(https://doi.org/10.1002/hep.29813)
………………………………………………………………..