เกี่ยวกับฉัน

รูปภาพของฉัน
เมือง, พิษณุโลก, Thailand

วันพฤหัสบดีที่ 7 สิงหาคม พ.ศ. 2568

EP.94 Med. Topic 14 โรคตับอักเสบเรื้อรัง (ไวรัสบี/ซี) : B18 [Chronic Viral Hepatitis]


 🎯 รู้ทัน! ตับอักเสบเรื้อรัง (ไวรัสบี/ซี)

"ภัยเงียบที่ไม่เจ็บ…แต่เสี่ยงตับแข็ง-มะเร็ง!"

1. ความหมายของโรค

  • ตับอักเสบเรื้อรังคือภาวะที่ตับอักเสบอยู่นานเกิน 6 เดือน โดยมีสาเหตุหลักจากการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบ B หรือ C ที่ทำลายเซลล์ตับอย่างช้า ๆ

2. พยาธิสภาพ

  • ไวรัสเข้าไปในตับ เซลล์ตับอักเสบ แผลเป็นในตับ (พังผืด) เสี่ยง “ตับแข็ง” และ “มะเร็งตับ

3. ช่วงอายุที่พบบ่อย

  • มักพบในวัยทำงานอายุ 30-60 ปี แต่บางรายติดตั้งแต่เด็กโดยไม่รู้ตัว

4. ปัจจัยเสี่ยงที่ต้องระวัง

  • 💡การใช้เข็มฉีดยาร่วมกับผู้อื่น
  • 💡การสัก เจาะผิวหนังโดยไม่สะอาด
  • 💡มีเพศสัมพันธ์ไม่ป้องกัน
  • 💡การคลอดจากแม่ที่ติดเชื้อไวรัส

5.  ส่วนใหญ่ไม่มีอาการ แต่บางคนอาจมีอาการดังนี้

  • 😕 อ่อนเพลียเรื้อรัง
  • 😕 เบื่ออาหาร
  • 😕 คลื่นไส้
  • 😕 ตัวเหลือง ตาเหลือง
  • 😕 ถ้าเริ่มมีอาการ = โรคอาจลุกลามแล้ว!

6. แนวทางการรักษา

  • 💊ตรวจเลือดหาการติดเชื้อ
  • 💊ใช้ยาต้านไวรัสเพื่อควบคุมไม่ให้ลุกลาม
  • 💊ตรวจติดตามค่าเอนไซม์ตับและอัลตราซาวด์ตับเป็นระยะ

7. การพยาบาล (สำหรับพยาบาล)

  • 🩺 เฝ้าระวังภาวะแทรกซ้อน เช่น ตับแข็ง-มะเร็ง
  • 🩺 ส่งเสริมการตรวจติดตามทุก 6 เดือน
  • 🩺 ให้คำแนะนำผู้ป่วยเรื่องการกินยา การใช้ชีวิต และการป้องกันไม่ให้แพร่เชื้อ

8. การดูแลสำหรับบุคคลทั่วไป

  • หลีกเลี่ยงการใช้เข็ม/ของมีคมร่วมกับผู้อื่น
  • มีเพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัย
  • ฉีดวัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบบี
  • ตรวจคัดกรองเลือด หากมีคนในครอบครัวติดเชื้อ
  • งดเหล้า ลดไขมัน ตับจะฟื้นตัวได้ดีขึ้น

........................................................

วินิจฉัยการพยาบาล (Nursing Diagnoses)

  1. B18F1 มีความเสี่ยงต่อภาวะเลือดออกผิดปกติ จากการทำงานของตับลดลง (Risk for bleeding related to impaired liver function)
  2. B18F2 มีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ จากภูมิคุ้มกันที่ลดลงและการสะสมของสารพิษในร่างกาย (Risk for infection related to decreased immunity and accumulation of toxins)
  3. B18F3 มีอาการอ่อนเพลียเรื้อรังจากการเผาผลาญพลังงานของร่างกายลดลง (Fatigue related to decreased metabolic function of the liver)
  4. B18F4 มีความผิดปกติของการรับประทานอาหาร จากอาการคลื่นไส้ เบื่ออาหาร (Imbalanced nutrition: less than body requirements related to nausea and anorexia)
  5. B18F5 มีความวิตกกังวลเกี่ยวกับการวินิจฉัยและผลการรักษา (Anxiety related to diagnosis and treatment outcomes)
  6. B18F6 มีความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อน เช่น ตับแข็งหรือมะเร็งตับ (Risk for complications such as liver cirrhosis or hepatocellular carcinoma)
  7. B18F7 ขาดความรู้เกี่ยวกับโรค การใช้ยา และการปฏิบัติตัวในการป้องกันการแพร่เชื้อ (Deficient knowledge regarding disease, medication use, and prevention of transmission)
  8. B18F8 ต้องการแผนการจำหน่ายที่ชัดเจน เพื่อดูแลตนเองและมาตรวจติดตามอย่างต่อเนื่อง (Readiness for enhanced self-care and discharge planning with follow-up care needs)

..........................................................

B18F1: มีความเสี่ยงต่อภาวะเลือดออกผิดปกติ จากการทำงานของตับลดลง (Risk for bleeding related to impaired liver function)

🔍 Assessment (การประเมิน)

S:

  • ผู้ป่วยบอกว่า “รู้สึกช้ำง่าย เวลาแปรงฟันเลือดออกบ่อย”
  • มีประวัติเลือดออกผิดปกติหรือมีญาติเป็นโรคเลือด

O:

  • ตรวจพบรอยช้ำ (ecchymosis) ตามร่างกาย
  • เหงือกมีเลือดซึม
  • ผลเลือดแสดงค่าการแข็งตัวของเลือดผิดปกติ (INR/PT สูงกว่าปกติ)
  • เกล็ดเลือดต่ำ
  • ตับบวมโตจากอัลตราซาวด์

🎯 Goals (เป้าหมาย)

  • ผู้ป่วยไม่มีเลือดออกผิดปกติขณะนอนโรงพยาบาล
  • ป้องกันไม่ให้เกิดภาวะแทรกซ้อนจากการเสียเลือด
  • ให้ความรู้แก่ผู้ป่วยเพื่อลดพฤติกรรมเสี่ยงต่อการเลือดออก

📏 Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)

  • ไม่มีรอยช้ำหรือเลือดออกใหม่เกิดขึ้น
  • ค่าการแข็งตัวของเลือดอยู่ในเกณฑ์ที่แพทย์กำหนด
  • ผู้ป่วยสามารถอธิบายวิธีป้องกันเลือดออกได้ถูกต้อง

🛠️ Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)

  • B18F1I-1: เฝ้าระวังอาการเลือดออก เช่น เลือดออกตามไรฟัน ปัสสาวะ/อุจจาระมีเลือด รอยช้ำผิดปกติ
  • B18F1I-2: ประเมินค่าเกล็ดเลือดและผล INR/PT อย่างสม่ำเสมอ ตามแผนการรักษา
  • B18F1I-3: หลีกเลี่ยงการใช้ของมีคม เช่น เข็มฉีดยา/กรรไกรโกนหนวด โดยไม่จำเป็น
  • B18F1I-4: หลีกเลี่ยงการให้ยาทางกล้ามเนื้อ (IM) หรือสวนอวัยวะที่อาจทำให้เลือดออกได้
  • B18F1I-5: แนะนำให้ใช้แปรงสีฟันขนอ่อน และระมัดระวังเวลาแปรงฟันหรือโกนหนวด
  • B18F1I-6: ให้ความรู้แก่ผู้ป่วย/ญาติเรื่องสัญญาณของการมีเลือดออกและการปฏิบัติตัวเมื่อเกิดอาการ
  • B18F1I-7: ส่งเสริมให้ผู้ป่วยหลีกเลี่ยงกิจกรรมที่มีความเสี่ยงต่อการกระทบกระแทก

✅ Response (การตอบสนองของผู้ป่วย)

  • B18F1R-1: ไม่มีรอยฟกช้ำหรือเลือดออกผิดปกติในช่วงพักรักษา
  • B18F1R-2: ผลเกล็ดเลือดและ INR อยู่ในเกณฑ์ที่ปลอดภัยตามคำแนะนำแพทย์
  • B18F1R-3: ผู้ป่วยสามารถดูแลตนเองโดยหลีกเลี่ยงสิ่งที่กระตุ้นให้เกิดเลือดออก
  • B18F1R-4: ไม่มีภาวะแทรกซ้อนจากการเสียเลือด เช่น ความดันต่ำ หน้ามืด

........................................................................

B18F2: มีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ จากภูมิคุ้มกันที่ลดลงและการสะสมของสารพิษในร่างกาย(Risk for infection related to decreased immunity and accumulation of toxins)

🔍 Assessment (การประเมิน)

S:

  • ผู้ป่วยบอกว่า “รู้สึกอ่อนเพลีย เป็นหวัดบ่อย”
  • มีประวัติเป็นไข้หรือมีการติดเชื้อซ้ำในช่วงหลัง

O:

  • ไข้ ≥ 37.5°C
  • เม็ดเลือดขาวต่ำ (WBC ต่ำ)
  • ผิวหนัง ซีด แห้ง หรือมีแผล
  • สัญญาณชีพเปลี่ยน เช่น ชีพจรเร็ว หายใจเร็ว
  • อาการแสดงของภาวะติดเชื้อ เช่น ปัสสาวะแสบขัด เสมหะข้น เป็นต้น

🎯 Goals (เป้าหมาย)

  • ผู้ป่วยไม่มีภาวะติดเชื้อแทรกซ้อนขณะรักษา
  • ลดโอกาสการติดเชื้อจากภายนอก
  • ส่งเสริมภูมิคุ้มกันของร่างกายให้ดีขึ้น

📏 Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)

  • สัญญาณชีพคงที่ ไม่มีไข้
  • ผลตรวจเม็ดเลือดขาวอยู่ในเกณฑ์ปลอดภัย
  • ไม่มีรอยโรคหรืออาการแสดงของการติดเชื้อ
  • ผู้ป่วยสามารถอธิบายวิธีป้องกันการติดเชื้อได้

🛠️ Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)

  • B18F2I-1: ตรวจวัดอุณหภูมิร่างกายทุก 4 ชั่วโมง เพื่อเฝ้าระวังการติดเชื้อ
  • B18F2I-2: สังเกตอาการติดเชื้อ เช่น ไข้ หนาวสั่น ปัสสาวะขุ่น เสมหะผิดปกติ ผิวหนังมีแผลหรือบวมแดง
  • B18F2I-3: ประเมินผลเลือด เช่น เม็ดเลือดขาว และ CRP ตามแผนการรักษา
  • B18F2I-4: รักษาสุขอนามัย เช่น ล้างมือก่อนสัมผัสผู้ป่วย และแนะนำญาติให้ปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด
  • B18F2I-5: ทำความสะอาดอุปกรณ์และพื้นที่โดยรอบอย่างสม่ำเสมอ เพื่อลดการสะสมของเชื้อโรค
  • B18F2I-6: จำกัดผู้เยี่ยมไข้ และคัดกรองอาการป่วยของผู้มาเยี่ยม เพื่อป้องกันการนำเชื้อเข้าสู่หอผู้ป่วย
  • B18F2I-7: ส่งเสริมการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ช่วยเสริมภูมิคุ้มกัน เช่น โปรตีน วิตามินซี

✅ Response (การตอบสนองของผู้ป่วย)

  • B18F2R-1: ไม่มีไข้หรืออาการแสดงของการติดเชื้อระหว่างพักรักษา
  • B18F2R-2: ผลเม็ดเลือดขาวกลับมาอยู่ในเกณฑ์ปกติหรือดีขึ้นตามลำดับ
  • B18F2R-3: ผู้ป่วยและญาติสามารถอธิบายวิธีการป้องกันการติดเชื้อได้อย่างถูกต้อง
  • B18F2R-4: ไม่มีภาวะแทรกซ้อน เช่น ปอดอักเสบ หรือทางเดินปัสสาวะอักเสบระหว่างรักษา

....................................................................

B18F3: มีอาการอ่อนเพลียเรื้อรังจากการเผาผลาญพลังงานของร่างกายลดลง (Fatigue related to decreased metabolic function of the liver)

🔍 Assessment (การประเมิน)

S:

  • ผู้ป่วยบอกว่า “เหนื่อยง่าย ทำอะไรนิดเดียวก็เพลีย”
  • รู้สึกไม่มีแรง แม้หลังพักผ่อนเต็มที่

O:

  • สีหน้าอิดโรย
  • ไม่สามารถทำกิจกรรมได้ตามปกติ
  • นอนพักระหว่างวันมากกว่าปกติ
  • ผลตรวจแสดงภาวะโปรตีนต่ำ (Albumin ต่ำ)

🎯 Goals (เป้าหมาย)

  • ลดความรู้สึกอ่อนเพลียของผู้ป่วย
  • ผู้ป่วยสามารถทำกิจวัตรประจำวันได้มากขึ้น
  • ส่งเสริมสมรรถภาพร่างกายและจิตใจของผู้ป่วยอย่างปลอดภัย

📏 Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)

  • ผู้ป่วยรายงานว่าอาการอ่อนเพลียลดลง
  • ผู้ป่วยสามารถทำกิจกรรมเล็กน้อยได้โดยไม่เหนื่อยเกินไป
  • ภาวะโภชนาการและพลังงานของร่างกายดีขึ้น (ตรวจค่าทางห้องปฏิบัติการ)

🛠️ Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)

  • B18F3I-1: ประเมินระดับความเหนื่อยล้า โดยใช้เครื่องมือประเมิน เช่น Fatigue Scale หรือคำบอกเล่าผู้ป่วย
  • B18F3I-2: วางแผนให้ผู้ป่วยพักผ่อนสลับกับทำกิจกรรมเบา ๆ เช่น เดินช้า ๆ หรือฝึกหายใจ
  • B18F3I-3: จัดลำดับกิจกรรมประจำวันจาก “สำคัญที่สุด” ไป “น้อยที่สุด” เพื่อป้องกันการใช้พลังงานเกินจำเป็น
  • B18F3I-4: แนะนำให้หลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ต้องใช้แรงมาก หรือยืนนานโดยไม่พัก
  • B18F3I-5: ส่งเสริมการรับประทานอาหารที่มีพลังงานสูง โปรตีนเพียงพอ และย่อยง่าย เช่น ไข่ นม เต้าหู้
  • B18F3I-6: ให้กำลังใจผู้ป่วย บรรเทาความวิตกกังวลที่อาจเพิ่มความเหนื่อยล้า เช่น ความเครียดจากโรค
  • B18F3I-7: ประสานงานกับนักกำหนดอาหารหรือนักกายภาพบำบัด เพื่อวางแผนเสริมสร้างสมรรถภาพร่างกาย

✅ Response (การตอบสนองของผู้ป่วย)

  • B18F3R-1: ผู้ป่วยรายงานว่าอ่อนเพลียน้อยลง และรู้สึกมีแรงขึ้นหลังการดูแลต่อเนื่อง
  • B18F3R-2: ผู้ป่วยสามารถทำกิจกรรมเบา ๆ เช่น เดิน กินข้าว อาบน้ำ โดยไม่เหนื่อยมาก
  • B18F3R-3: ค่าทางห้องปฏิบัติการ เช่น Albumin และพลังงานโดยรวมของร่างกาย ดีขึ้นตามลำดับ
  • B18F3R-4: ผู้ป่วยมีทัศนคติบวกต่อการฟื้นตัว และร่วมมือในการดูแลตนเองมากขึ้น

...........................................................................

B18F4: มีความผิดปกติของการรับประทานอาหาร จากอาการคลื่นไส้ เบื่ออาหาร (Imbalanced nutrition: less than body requirements related to nausea and anorexia)

🔍 Assessment (การประเมิน)

S:

  • ผู้ป่วยบอกว่า “กินไม่ค่อยลง รู้สึกคลื่นไส้ตลอด”
  • บ่นว่า “เบื่ออาหาร น้ำหนักลด”

O:

  • รับประทานอาหารได้น้อยกว่าปกติ
  • น้ำหนักลดลงจากครั้งก่อน
  • ผลตรวจแสดงภาวะโภชนาการบกพร่อง (เช่น albumin ต่ำ)
  • ลักษณะร่างกายซูบผอม ไม่กระฉับกระเฉง

🎯 Goals (เป้าหมาย)

  • ผู้ป่วยรับประทานอาหารได้เพิ่มขึ้น
  • น้ำหนักตัวคงที่หรือเพิ่มขึ้นอย่างเหมาะสม
  • อาการคลื่นไส้ เบื่ออาหารลดลง
  • มีพลังงานเพียงพอในการทำกิจวัตรประจำวัน

📏 Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)

  • รับประทานอาหารได้มากขึ้นในแต่ละมื้อ
  • น้ำหนักเพิ่มขึ้น 0.5–1 กก./สัปดาห์
  • ระดับอัลบูมินดีขึ้น
  • ไม่มีอาการคลื่นไส้หรือเบื่ออาหาร

🛠️ Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)

  • B18F4I1: ประเมินภาวะโภชนาการ น้ำหนักตัว และพฤติกรรมการกินอาหารของผู้ป่วย
  • B18F4I2: วางแผนร่วมกับนักโภชนาการในการจัดเมนูอาหารที่เหมาะสม ย่อยง่าย และถูกปากผู้ป่วย
  • B18F4I3: แนะนำให้ผู้ป่วยรับประทานอาหารเป็นมื้อเล็กๆ แต่บ่อยครั้ง ลดความอิ่มแน่น
  • B18F4I4: ให้คำแนะนำเกี่ยวกับการหลีกเลี่ยงอาหารที่มีกลิ่นแรงหรือกระตุ้นคลื่นไส้ เช่น อาหารทอด อาหารมัน
  • B18F4I5: จัดสิ่งแวดล้อมขณะรับประทานอาหารให้น่าอยู่ ลดกลิ่นที่รบกวน เช่น เปิดพัดลม ระบายอากาศ
  • B18F4I6: ส่งเสริมให้มีการพักผ่อนก่อนและหลังรับประทานอาหารอย่างเพียงพอ
  • B18F4I7: ประเมินและติดตามผลข้างเคียงของยา เช่น ยาต้านไวรัส ที่อาจมีผลต่อระบบทางเดินอาหาร
  • B18F4I8: สนับสนุนด้านจิตใจ ให้กำลังใจในการดูแลสุขภาพและการกินอาหาร

✅ Response (การตอบสนอง)

  • B18F4R1: ผู้ป่วยรับประทานอาหารได้ดีขึ้น ไม่มีคลื่นไส้
  • B18F4R2: น้ำหนักเพิ่มขึ้นตามเป้าหมาย
  • B18F4R3: ระดับสารอาหารในเลือด เช่น albumin ดีขึ้น
  • B18F4R4: ผู้ป่วยแจ้งว่ารู้สึกมีพลังงานมากขึ้นและไม่เบื่ออาหาร
  • B18F4R5: ผู้ป่วยมีส่วนร่วมในการเลือกอาหารและดูแลตนเองด้านโภชนาการ

...............................................................................

B18F5: มีความวิตกกังวลเกี่ยวกับการวินิจฉัยและผลการรักษา (Anxiety related to diagnosis and treatment outcomes)

📌 Assessment (การประเมิน)

S:

  • ผู้ป่วยกล่าวว่า "กลัวว่าจะรักษาไม่หาย"
  • แสดงความกังวลเรื่องผลเลือดและการติดเชื้อแพร่สู่ครอบครัว

O:

  • สีหน้าเคร่งเครียด ไม่สบตา
  • พูดน้อยลง ถอนหายใจบ่อย
  • นอนหลับไม่สนิท
  • ชีพจรเต้นเร็วขึ้น

🎯 Goals (เป้าหมาย)

  • ผู้ป่วยลดความวิตกกังวลลงภายใน 3 วัน
  • ผู้ป่วยสามารถพูดถึงความรู้สึกและความเข้าใจเกี่ยวกับโรคได้
  • มีพฤติกรรมผ่อนคลายเพิ่มขึ้น เช่น พูดคุย ยิ้ม หายใจลึก

📏 Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)

  • ผู้ป่วยรายงานว่ารู้สึกเครียดน้อยลง
  • มีการถาม-ตอบเกี่ยวกับโรคได้อย่างเข้าใจ
  • พฤติกรรมแสดงออกสงบขึ้น เช่น พูดคุยมากขึ้น สีหน้าผ่อนคลาย

✅ Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)

  • B18F5I-1 สร้างสัมพันธภาพที่ดี ให้ผู้ป่วยรู้สึกปลอดภัยในการพูดคุย
  • B18F5I-2 รับฟังอย่างตั้งใจ ไม่ตัดสิน ให้ผู้ป่วยระบายความรู้สึก
  • B18F5I-3 ให้ข้อมูลเกี่ยวกับโรค การรักษา และผลข้างเคียงอย่างตรงไปตรงมา
  • B18F5I-4 กระตุ้นให้ซักถามข้อสงสัยเพิ่มเติม เพื่อเพิ่มความมั่นใจ
  • B18F5I-5 สอนเทคนิคผ่อนคลาย เช่น หายใจลึก นับลมหายใจ
  • B18F5I-6 แนะนำให้ผู้ป่วยมีส่วนร่วมในการวางแผนการดูแล
  • B18F5I-7 ประเมินซ้ำหากมีอาการวิตกกังวลรุนแรง และส่งปรึกษานักจิตวิทยา/จิตแพทย์
  • B18F5I-8 สนับสนุนให้ครอบครัวให้กำลังใจผู้ป่วยอย่างเข้าใจ

✨ Response (การตอบสนอง)

  • B18F5R-1 ผู้ป่วยสามารถบอกความรู้สึกกังวลและสิ่งที่กลัวได้
  • B18F5R-2 สีหน้าผ่อนคลาย พูดคุยมากขึ้น มีการยิ้มบ้าง
  • B18F5R-3 ผู้ป่วยมีความเข้าใจเกี่ยวกับโรคและการรักษาอย่างถูกต้อง
  • B18F5R-4 นอนหลับดีขึ้น พฤติกรรมวิตกกังวลลดลง
  • B18F5R-5 ผู้ป่วยแสดงความร่วมมือในการดูแลตนเองและทำตามคำแนะนำ

..........................................................................

B18F6: มีความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อน เช่น ตับแข็งหรือมะเร็งตับ (Risk for complications such as liver cirrhosis or hepatocellular carcinoma)

🔎 Assessment (การประเมิน)

S :

  • ผู้ป่วยกังวลเกี่ยวกับภาวะแทรกซ้อนของโรค
  • ญาติสอบถามเรื่องโอกาสในการเกิดมะเร็งตับ

O :

  • มีประวัติการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีหรือซีเรื้อรัง
  • ผลตรวจ ALT/AST สูงกว่าปกติ
  • ค่า viral load หรือ HBsAg/HCV RNA เป็นบวก
  • ยังไม่ได้รับการตรวจคัดกรองภาวะแทรกซ้อนอย่างสม่ำเสมอ

🎯 Goals (เป้าหมาย)

  • ผู้ป่วยมีความรู้เกี่ยวกับภาวะแทรกซ้อนของโรค
  • ผู้ป่วยได้รับการตรวจติดตามและเฝ้าระวังภาวะแทรกซ้อนอย่างเหมาะสม
  • ลดโอกาสเกิดภาวะตับแข็งหรือมะเร็งตับ

📏 Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)

  • ผู้ป่วยสามารถอธิบายภาวะแทรกซ้อนและวิธีป้องกันได้
  • ผู้ป่วยเข้ารับการตรวจติดตามตามนัด
  • ผลตรวจไม่มีแนวโน้มแย่ลง เช่น AFP ปกติ, ไม่มีสัญญาณของตับแข็ง

🩺 Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)

  • B18F6I-1: ให้ความรู้เกี่ยวกับโรคตับอักเสบเรื้อรัง และภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้น
  • B18F6I-2: ประเมินผลเลือดและการทำงานของตับอย่างสม่ำเสมอ เช่น ALT, AST, AFP
  • B18F6I-3: ส่งเสริมการตรวจอัลตราซาวนด์ช่องท้องทุก 6 เดือน
  • B18F6I-4: แนะนำหลีกเลี่ยงแอลกอฮอล์และยาที่มีพิษต่อตับ
  • B18F6I-5: ส่งเสริมให้รับวัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบชนิดอื่น (ถ้ายังไม่เคยได้รับ)
  • B18F6I-6: ให้คำปรึกษาเรื่องการใช้ยาต้านไวรัสตามแผนการรักษา
  • B18F6I-7: ประสานแพทย์เพื่อเฝ้าระวังสัญญาณตับแข็งหรือมะเร็งตับในระยะเริ่มต้น
  • B18F6I-8: สร้างความร่วมมือกับครอบครัวเพื่อดูแลต่อเนื่องที่บ้าน

✅ Response (การตอบสนอง)

  • B18F6R-1: ผู้ป่วยเข้าใจถึงความเสี่ยงและแนวทางป้องกันภาวะแทรกซ้อน
  • B18F6R-2: ผู้ป่วยปฏิบัติตัวได้ถูกต้อง เช่น งดเหล้า รับการตรวจตามนัด
  • B18F6R-3: ผลติดตามค่าตับและอัลตราซาวนด์ยังอยู่ในเกณฑ์ปกติ
  • B18F6R-4: ไม่มีภาวะแทรกซ้อนเกิดขึ้นในระยะเวลาติดตาม
  • B18F6R-5: ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตดีขึ้น และมีแรงจูงใจในการดูแลสุขภาพต่อเนื่อง

...................................................................

B18F7: ขาดความรู้เกี่ยวกับโรค การใช้ยา และการปฏิบัติตัวในการป้องกันการแพร่เชื้อ (Deficient knowledge regarding disease, medication use, and prevention of transmission)

🔍 Assessment (การประเมิน)

S:

  • ผู้ป่วยถามคำถามน้อย หรือแสดงท่าทีสับสนเรื่องโรคและยา
  • บอกว่า “ไม่เข้าใจโรคนี้ดีนัก” หรือ “ไม่รู้วิธีป้องกันไม่ให้แพร่เชื้อ”

O:

  • ผู้ป่วยรับประทานยาไม่สม่ำเสมอ
  • ไม่ปฏิบัติตามคำแนะนำเรื่องสุขอนามัย
  • ไม่มีการสวมถุงมือหรือใช้มาตรการป้องกันเวลาติดต่อกับผู้อื่น
  • ไม่มีเอกสารหรือข้อมูลความรู้เกี่ยวกับโรคให้ผู้ป่วย

🎯 Goals (เป้าหมาย)

  • ผู้ป่วยมีความรู้และเข้าใจเกี่ยวกับโรคตับอักเสบเรื้อรัง
  • ผู้ป่วยสามารถปฏิบัติตามคำแนะนำการใช้ยาได้ถูกต้อง
  • ผู้ป่วยปฏิบัติตัวได้อย่างเหมาะสมเพื่อป้องกันการแพร่เชื้อ
  • ผู้ป่วยและครอบครัวสามารถดูแลตนเองและป้องกันผู้อื่นได้อย่างปลอดภัย

📏 Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)

  • ผู้ป่วยสามารถอธิบายสาเหตุของโรคและวิธีการรักษาได้
  • รับประทานยาและปฏิบัติตามคำแนะนำครบถ้วน
  • แสดงพฤติกรรมการป้องกันการแพร่เชื้อที่ถูกต้อง เช่น การล้างมือ สวมถุงมือ
  • ไม่มีรายงานการแพร่เชื้อเพิ่มในครอบครัวหรือชุมชน

🛠️ Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)

  • B18F7I-1: ประเมินความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับโรคและการใช้ยา โดยสอบถามคำถามเพื่อวัดความเข้าใจ
  • B18F7I-2: ให้ข้อมูลและคำอธิบายเรื่องโรคไวรัสตับอักเสบเรื้อรังอย่างง่าย เข้าใจง่าย
  • B18F7I-3: สอนวิธีการใช้ยาอย่างถูกต้อง รวมถึงการรับประทานเวลาที่เหมาะสมและผลข้างเคียงที่ควรระวัง
  • B18F7I-4: ให้ความรู้เรื่องการป้องกันการแพร่เชื้อ เช่น ล้างมือ สวมถุงมือ ไม่ใช้ของส่วนตัวร่วมกัน
  • B18F7I-5: แจกเอกสารหรือสื่อการเรียนรู้ที่เหมาะสม เช่น แผ่นพับ วิดีโอสั้น
  • B18F7I-6: กระตุ้นให้ผู้ป่วยและครอบครัวซักถามข้อสงสัยและร่วมวางแผนการดูแลตนเอง
  • B18F7I-7: ติดตามและประเมินผลความเข้าใจและการปฏิบัติตัวในแต่ละวัน

✅ Response (การตอบสนอง)

  • B18F7R-1: ผู้ป่วยสามารถอธิบายโรคและการใช้ยาได้อย่างถูกต้อง
  • B18F7R-2: ผู้ป่วยรับประทานยาได้ตามแผนที่กำหนดโดยไม่มีข้อผิดพลาด
  • B18F7R-3: ผู้ป่วยแสดงพฤติกรรมการป้องกันการแพร่เชื้อที่เหมาะสม
  • B18F7R-4: ครอบครัวและผู้ป่วยร่วมมือในการดูแลและป้องกันเชื้อ
  • B18F7R-5: ไม่มีรายงานการติดเชื้อใหม่ในครอบครัวหรือชุมชน

………………………………………………………………….

🩺 วินิจฉัยการพยาบาล

B18F8: ต้องการแผนการจำหน่ายที่ชัดเจน เพื่อดูแลตนเองและมาตรวจติดตามอย่างต่อเนื่อง (Readiness for enhanced self-care and discharge planning with follow-up care needs)

🔍 Assessment (การประเมิน)

S:

  • ผู้ป่วยถามว่า “จะต้องดูแลตัวเองอย่างไรหลังออกจากโรงพยาบาล?”
  • กังวลเรื่องการนัดตรวจและการปฏิบัติตัวที่บ้าน

O:

  • ผู้ป่วยยังไม่สามารถอธิบายแผนการดูแลตนเองได้ชัดเจน
  • ไม่มีการบันทึกนัดตรวจติดตาม
  • ครอบครัวขาดความรู้เรื่องการดูแลผู้ป่วยที่บ้าน

🎯 Goals (เป้าหมาย)

  • ผู้ป่วยและครอบครัวเข้าใจแผนการดูแลตนเองหลังจำหน่าย
  • ผู้ป่วยสามารถปฏิบัติตามคำแนะนำได้อย่างถูกต้อง
  • ผู้ป่วยเข้ารับการตรวจติดตามตามนัดอย่างสม่ำเสมอ
  • ครอบครัวมีส่วนร่วมในการดูแลและสนับสนุนผู้ป่วย

📏 Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)

  • ผู้ป่วยสามารถอธิบายแผนการดูแลตนเองและนัดหมายได้
  • ผู้ป่วยปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างถูกต้อง
  • ผู้ป่วยเข้ารับการตรวจตามนัดครบถ้วน
  • ครอบครัวมีความรู้และทักษะการดูแลผู้ป่วยที่บ้าน

🛠️ Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)

  • B18F8I-1: สอบถามและประเมินความเข้าใจของผู้ป่วยและครอบครัวเกี่ยวกับโรคและการดูแลตนเอง
  • B18F8I-2: จัดทำแผนการจำหน่ายที่ชัดเจน รวมถึงการรับประทานยา โภชนาการ และการหลีกเลี่ยงพฤติกรรมเสี่ยง
  • B18F8I-3: จัดการนัดหมายตรวจติดตามและแจ้งผู้ป่วยล่วงหน้า
  • B18F8I-4: สอนการสังเกตอาการผิดปกติที่ต้องรีบแจ้งแพทย์
  • B18F8I-5: ให้เอกสารคำแนะนำที่เข้าใจง่าย และช่องทางติดต่อในกรณีฉุกเฉิน
  • B18F8I-6: สนับสนุนให้ครอบครัวเข้าร่วมอบรมหรือให้ความรู้ในการดูแล
  • B18F8I-7: ติดตามผลการปฏิบัติตัวของผู้ป่วยหลังจำหน่ายผ่านโทรศัพท์หรือเยี่ยมบ้าน

✅ Response (การตอบสนอง)

  • B18F8R-1: ผู้ป่วยและครอบครัวสามารถอธิบายแผนการดูแลตนเองและการนัดตรวจติดตามได้
  • B18F8R-2: ผู้ป่วยปฏิบัติตามแผนดูแลตนเองอย่างถูกต้อง
  • B18F8R-3: ผู้ป่วยเข้ารับการตรวจติดตามตามนัดครบถ้วน
  • B18F8R-4: ครอบครัวให้การสนับสนุนและดูแลผู้ป่วยอย่างเหมาะสม
  • B18F8R-5: ลดภาวะแทรกซ้อนและการกลับมารักษาซ้ำในโรงพยาบาล

…………………………………………………………………..

เอกสารอ้างอิง (References)

  • ราชวิทยาลัยอายุรแพทย์แห่งประเทศไทย. (2564). แนวทางเวชปฏิบัติการวินิจฉัยและรักษาโรคไวรัสตับอักเสบบีและซี. กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์ราชวิทยาลัยอายุรแพทย์ฯ.(Clinical Practice Guidelines for Diagnosis and Treatment of Hepatitis B and C, Royal College of Physicians of Thailand, 2021)
  • กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข. (2563). โรคไวรัสตับอักเสบเรื้อรัง: แนวทางการดูแลและป้องกัน. กรุงเทพฯ: กรมควบคุมโรค.
  • (Chronic Viral Hepatitis: Care and Prevention Guidelines, Department of Disease Control, Ministry of Public Health, Thailand, 2020)
  • European Association for the Study of the Liver (EASL). (2017). EASL 2017 Clinical Practice Guidelines on the management of hepatitis B virus infection. Journal of Hepatology, 67(2), 370-398.(https://doi.org/10.1016/j.jhep.2017.03.021)
  • American Association for the Study of Liver Diseases (AASLD). (2018). Hepatitis C Guidance: AASLD-IDSA Recommendations for Testing, Managing, and Treating Hepatitis C Virus Infection. Hepatology, 67(4), 1473-1505.(https://doi.org/10.1002/hep.29813)

………………………………………………………………..

Bottom of Form