Psych.
Topic 24 : Post-Traumatic Stress Disorder - PTSD- F43.1
🎥 โรคเครียดหลังเหตุการณ์สะเทือนใจ (PTSD)
- F43.1
🟢 ไม่ใช่แค่ความเครียดทั่วไป
แต่อาจส่งผลต่อชีวิตประจำวันได้แบบไม่รู้ตัว!
🧠 พยาธิสภาพ / ใครเสี่ยงบ้าง?
PTSD เกิดจากจิตใจตอบสนองต่อเหตุการณ์รุนแรง เช่น อุบัติเหตุ
การถูกทำร้าย หรือภัยพิบัติ มักพบในช่วงอายุ 20–40 ปี โดยเฉพาะคนที่เคยผ่านเหตุการณ์สะเทือนใจโดยตร
🧠 อาการที่พบบ่อย
- 🟢 นอนไม่หลับ ฝันร้าย
- 🟢 หวาดระแวง หงุดหงิดง่าย
- 🟢 รู้สึกเหมือนเหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นซ้ำ
- 🟢 เลี่ยงสถานที่หรือคนที่ทำให้นึกถึงเหตุการณ์นั้น
🧠ปัจจัยเสี่ยง
- 📌 เคยเผชิญเหตุการณ์รุนแรง
- 📌 เคยมีปัญหาทางจิตเวชมาก่อน
- 📌 ขาดการสนับสนุนจากครอบครัว/สังคม
- 📌 ความเครียดสะสมเรื้อรัง
🧠การรักษา
- ✅ จิตบำบัด (เช่น CBT)
- ✅ การใช้ยา (ภายใต้การดูแลแพทย์)
- ✅ การทำกิจกรรมฟื้นฟูจิตใจ
- ✅ การรักษาเร็ว ช่วยลดความรุนแรงของโรคได้
🧠การพยาบาล
- 👩⚕️ รับฟังโดยไม่ตัดสิน
- 👩⚕️ สังเกตพฤติกรรมที่เปลี่ยนไป
- 👩⚕️ ให้ความรู้เกี่ยวกับโรคแก่ผู้ป่วยและครอบครัว
- 👩⚕️ ส่งเสริมการแสดงออกทางอารมณ์อย่างเหมาะสม
🧠การดูแลตัวเองสำหรับบุคคลทั่วไป
- 🌿 อย่าเก็บไว้คนเดียว – คุยกับคนที่ไว้ใจ
- 🌿 หากนอนไม่หลับ ฝันร้าย หรือใจสั่นตลอดเวลาเกิน 1 เดือน → ควรพบจิตแพทย์
- 🌿 หลีกเลี่ยงแอลกอฮอล์-สารเสพติด
- 🌿 ลองฝึกผ่อนคลาย เช่น หายใจลึกๆ เดินเล่น ฟังเพลง
🧠✨ “ความเจ็บปวดทางใจ มองไม่เห็น...แต่รักษาได้”
อย่าลังเลที่จะขอความช่วยเหลือ เพราะสุขภาพจิตคือเรื่องสำคัญ 💬
...........................................
ข้อวินิจฉัยการพยาบาล สำหรับผู้ป่วยโรคเครียดหลังเหตุการณ์สะเทือน
- F43.1F1 มีความเสี่ยงต่อการทำร้ายตนเองหรือฆ่าตัวตาย (Risk for self-harm or suicide)
- F43.1F2 มีความวิตกกังวลและตื่นกลัวมากเกินไปจากการรำลึกถึงเหตุการณ์สะเทือนใจ (Severe anxiety and flashbacks related to traumatic event)
- F43.1F3 มีภาวะซึมเศร้า (Depressed mood)
- F43.1F4 มีปัญหาการนอนหลับ เช่น นอนไม่หลับ ฝันร้าย (Sleep disturbance such as insomnia or nightmares)
- F43.1F5 มีการตอบสนองทางอารมณ์รุนแรง เช่น โมโหง่าย ฉุนเฉียว (Emotional dysregulation such as irritability or anger outbursts)
- F43.1F6 มีการแยกตัว หลีกเลี่ยงผู้คนหรือกิจกรรมที่เคยสนใจ (Social withdrawal and avoidance behavior)
- F43.1F7 ขาดแรงจูงใจในการดูแลตนเองหรือปฏิบัติกิจวัตรประจำวัน (Lack of motivation for self-care and daily routines)
- F43.1F8 มีการเปลี่ยนแปลงการรับรู้ เช่น ความรู้สึกแยกตัวออกจากความเป็นจริง (Altered perception such as dissociation or depersonalization)
- F43.1F9 ต้องการการดูแลต่อเนื่องเพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนและส่งเสริมการปรับตัว (Needs for ongoing care to prevent complications and promote adaptation)
- F43.1F10 วางแผนจำหน่ายโดยเน้นการดูแลทางจิตใจ การติดตามผล และการสนับสนุนจากครอบครัว (Discharge planning focused on mental health support, follow-up care, and family involvement)
...............................................................................
F43.1F1 มีความเสี่ยงต่อการทำร้ายตนเองหรือฆ่าตัวตาย
(Risk for self-harm or suicide)
✅ Assessment (การประเมิน)
S:
- ผู้ป่วยพูดว่า “ไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้ว”
- บอกว่า “ไม่มีใครเข้าใจ” หรือ “ไม่รู้จะอยู่ไปทำไม”
O:
- สีหน้าเศร้า ไม่พูดคุย ไม่สบตา
- มีประวัติพยายามทำร้ายตนเองหรือคิดฆ่าตัวตาย
- แยกตัว ไม่สนใจกิจกรรมรอบตัว
- พฤติกรรมเสี่ยง เช่น ไม่กินข้าว หลับตลอดวัน
🎯 Goals (เป้าหมาย)
- ผู้ป่วยปลอดภัย ไม่ทำร้ายตนเองหรือฆ่าตัวตาย
- ผู้ป่วยสามารถระบายความรู้สึกและสื่อสารความเครียดได้
- ผู้ป่วยได้รับการดูแลใกล้ชิดและตอบสนองต่อการช่วยเหลือ
📏 Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)
- ผู้ป่วยไม่แสดงพฤติกรรมหรือคำพูดที่เกี่ยวข้องกับการฆ่าตัวตาย
- ผู้ป่วยแจ้งขอความช่วยเหลือเมื่อรู้สึกเครียดหรือหดหู่
- ผู้ป่วยยอมมีส่วนร่วมในการพูดคุยหรือกิจกรรมอย่างน้อย 1 ครั้งต่อวัน
🩺 Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)
- F43.1F1I-1: เฝ้าระวังผู้ป่วยอย่างใกล้ชิดตลอด 24 ชั่วโมง โดยไม่ปล่อยให้อยู่คนเดียวในระยะวิกฤต
- F43.1F1I-2: เก็บของมีคมหรือสิ่งของที่อาจใช้ทำร้ายตนเองออกจากพื้นที่ของผู้ป่วย
- F43.1F1I-3: ประเมินความเสี่ยงในการฆ่าตัวตายเป็นรายวัน เช่น ถามตรงๆ ว่ามีความคิดอยากตายหรือไม่
- F43.1F1I-4: สร้างความไว้วางใจให้ผู้ป่วยรู้สึกปลอดภัย พร้อมรับฟังโดยไม่ตัดสิน
- F43.1F1I-5: แจ้งทีมสหวิชาชีพทันทีหากพบพฤติกรรมหรือคำพูดเสี่ยง
- F43.1F1I-6: กระตุ้นให้ผู้ป่วยพูดคุยระบายความเครียดผ่านกิจกรรม เช่น วาดภาพ หรือเขียนบันทึก
- F43.1F1I-7: ประสานญาติหรือผู้ดูแลให้มีส่วนร่วมในการเฝ้าระวังและสนับสนุนจิตใจ
- F43.1F1I-8: วางแผนร่วมกับทีมจิตแพทย์เรื่องการใช้ยาและการบำบัดอย่างเหมาะสม
✅ Response (การตอบสนอง)
- F43.1F1R-1: ผู้ป่วยปลอดภัย ไม่มีพฤติกรรมหรือคำพูดเกี่ยวกับการฆ่าตัวตาย
- F43.1F1R-2: ผู้ป่วยสามารถพูดถึงความรู้สึกหรือเหตุผลที่ทำให้เครียดได้อย่างเปิดเผย
- F43.1F1R-3: ผู้ป่วยยอมเข้าร่วมกิจกรรมหรือพูดคุยกับพยาบาลวันละอย่างน้อย 1 ครั้ง
- F43.1F1R-4: ผู้ป่วยมีสีหน้าผ่อนคลายและพูดคุยกับบุคคลรอบข้างมากขึ้น
- F43.1F1R-5: ผู้ป่วยสามารถระบุแผนเฝ้าระวังตนเองร่วมกับทีมพยาบาลได้
………………………………………………………………………….
F43.1F2 มีความวิตกกังวลและตื่นกลัวมากเกินไปจากการรำลึกถึงเหตุการณ์สะเทือนใจ
(Severe anxiety and flashbacks related to traumatic event)
✅ Assessment (การประเมิน)
S:
- ผู้ป่วยพูดว่า “รู้สึกกลัวเหมือนตอนนั้นกลับมาอีก”
- มีอาการตกใจง่าย หวาดผวา เมื่อได้ยินเสียงหรือเห็นสิ่งกระตุ้น
- บ่นว่าใจสั่น หายใจไม่อิ่ม เมื่อรำลึกถึงเหตุการณ์เดิม
O:
- มีอาการเหงื่อออก ใจเต้นเร็ว กระสับกระส่าย
- แสดงพฤติกรรมหวาดกลัวเมื่อมีสิ่งกระตุ้นคล้ายเหตุการณ์เดิม
- มีพฤติกรรมซ้ำๆ เช่น หลบมุม กอดตัวเอง
🎯 Goals (เป้าหมาย)
- ผู้ป่วยลดระดับความวิตกกังวลลง
- ผู้ป่วยสามารถควบคุมอารมณ์เมื่อมีสิ่งกระตุ้นได้
- ผู้ป่วยมีทักษะจัดการความเครียดด้วยตนเองเบื้องต้น
📏 Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)
- อัตราการเต้นหัวใจและการหายใจอยู่ในเกณฑ์ปกติเมื่อมีสิ่งกระตุ้น
- ผู้ป่วยสามารถบอกวิธีผ่อนคลายที่ใช้ได้ผลสำหรับตนเอง
- ผู้ป่วยเข้าร่วมกิจกรรมลดความเครียดตามแผนการพยาบาล
🩺 Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)
- F43.1F2I-1: ประเมินระดับความวิตกกังวลโดยใช้เครื่องมือที่เหมาะสม เช่น GAD-7
- F43.1F2I-2: อยู่ใกล้ชิดกับผู้ป่วยเมื่อมีอาการวิตกกังวลรุนแรง เพื่อสร้างความมั่นคงทางใจ
- F43.1F2I-3: ใช้เทคนิคผ่อนคลาย เช่น การหายใจลึก ๆ การนวดเบา ๆ หรือการนั่งสมาธิ
- F43.1F2I-4: ให้ผู้ป่วยหลีกเลี่ยงสิ่งกระตุ้นที่เชื่อมโยงกับเหตุการณ์เดิมในช่วงเริ่มต้น
- F43.1F2I-5: สอนเทคนิคควบคุมตนเอง เช่น grounding technique หรือการเบี่ยงเบนความสนใจ
- F43.1F2I-6: สนับสนุนให้ผู้ป่วยแสดงความรู้สึกในรูปแบบที่ปลอดภัย เช่น พูดคุยหรือเขียนบันทึก
- F43.1F2I-7: ประสานนักจิตวิทยาหรือจิตแพทย์เพื่อประเมินแนวทางการบำบัดเชิงลึก
- F43.1F2I-8: ส่งเสริมให้ผู้ป่วยเข้าร่วมกลุ่มบำบัด (support group) หากเหมาะสม
✅ Response (การตอบสนอง)
- F43.1F2R-1: ผู้ป่วยสามารถควบคุมอารมณ์ได้เมื่อเจอสิ่งกระตุ้น
- F43.1F2R-2: อาการทางกาย เช่น ใจสั่น เหงื่อออก ลดลงหลังใช้เทคนิคผ่อนคลาย
- F43.1F2R-3: ผู้ป่วยเข้าร่วมกิจกรรมลดความเครียดอย่างต่อเนื่อง
- F43.1F2R-4: ผู้ป่วยสามารถระบุสิ่งกระตุ้นและหลีกเลี่ยงได้อย่างเหมาะสม
- F43.1F2R-5: ผู้ป่วยมีสีหน้าและพฤติกรรมผ่อนคลายมากขึ้น
……………………………………………………..
F43.1F3: มีภาวะซึมเศร้า
(Depressed mood)
✅ Assessment (การประเมิน)
S:
- ผู้ป่วยพูดว่า “รู้สึกไม่มีค่า ไม่อยากตื่นมาเจอวันใหม่”
- บอกว่า “ไม่มีใครสนใจ หรือรักเราอีกแล้ว”
- บ่นว่าเบื่อทุกสิ่ง ไม่อยากทำอะไรเลย
O:
- สีหน้าเศร้า พูดน้อย ไม่สบตา
- นั่งเฉย ไม่ตอบสนองต่อสิ่งรอบตัว
- น้ำหนักลดลง หรือนอนมาก/นอนไม่หลับ
🎯 Goals (เป้าหมาย)
- ผู้ป่วยสามารถแสดงความรู้สึกออกมาได้อย่างปลอดภัย
- ผู้ป่วยมีพฤติกรรมตอบสนองต่อกิจกรรมที่จัดให้
- ผู้ป่วยแสดงอารมณ์ดีขึ้น และมีเป้าหมายในชีวิต
📏 Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)
- ผู้ป่วยแสดงสีหน้าและอารมณ์ดีขึ้น
- ผู้ป่วยเข้าร่วมกิจกรรมกับผู้อื่นอย่างน้อยวันละ 1 ครั้ง
- ผู้ป่วยสามารถพูดถึงความรู้สึกเศร้าหรือสิ้นหวังกับพยาบาลได้โดยไม่ปิดกั้น
🩺 Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)
- F43.1F3I-1: ประเมินระดับภาวะซึมเศร้า เช่น PHQ-9 หรือเครื่องมือที่เหมาะสม
- F43.1F3I-2: อยู่กับผู้ป่วยโดยไม่ตัดสินใจหรือเร่งให้ “หายเศร้า”
- F43.1F3I-3: สนับสนุนให้ผู้ป่วยพูดคุยหรือระบายความรู้สึกอย่างเปิดเผย
- F43.1F3I-4: ชวนผู้ป่วยเข้าร่วมกิจกรรมเบาๆ ตามความสนใจ เช่น ระบายสี รดน้ำต้นไม้
- F43.1F3I-5: สื่อสารอย่างให้กำลังใจ เน้นคุณค่าในตัวผู้ป่วย
- F43.1F3I-6: เฝ้าระวังพฤติกรรมเบื่ออาหาร นอนไม่หลับ และให้คำแนะนำด้านสุขภาพ
- F43.1F3I-7: ประสานจิตแพทย์เพื่อวางแผนการรักษาด้วยยาและจิตบำบัด
- F43.1F3I-8: เชิญครอบครัวหรือผู้ใกล้ชิดมาร่วมให้กำลังใจในช่วงสำคัญ
✅ Response (การตอบสนอง)
- F43.1F3R-1: ผู้ป่วยยอมเปิดใจพูดถึงความรู้สึกเศร้าอย่างตรงไปตรงมา
- F43.1F3R-2: ผู้ป่วยมีสีหน้าและพฤติกรรมตอบสนองต่อสิ่งรอบตัวมากขึ้น
- F43.1F3R-3: ผู้ป่วยยอมเข้าร่วมกิจกรรมเล็กๆ อย่างน้อยวันละ 1 ครั้ง
- F43.1F3R-4: ผู้ป่วยสามารถมองเห็นเป้าหมายในชีวิตและแผนฟื้นฟูสุขภาพจิต
- F43.1F3R-5: ผู้ป่วยมีความหวังและความมั่นใจในการใช้ชีวิตประจำวัน
……………………………………………………………………………
F43.1F4: รูปแบบการนอนหลับถูกรบกวน
(Disturbed sleep pattern)
✅ Assessment (การประเมิน)
S:
- ผู้ป่วยพูดว่า “นอนไม่ค่อยหลับ ฝันร้ายบ่อยมาก”
- บ่นว่านอนหลับไม่ต่อเนื่อง ตื่นกลางดึกบ่อย
- บอกว่า “ตื่นมาทีไร รู้สึกเหนื่อยทุกครั้ง”
O:
- ใต้ตาคล้ำ เหนื่อยล้า ง่วงซึมระหว่างวัน
- อารมณ์แปรปรวน หงุดหงิดง่าย
- สังเกตว่าผู้ป่วยงีบหลับตอนกลางวันซ้ำๆ
🎯 Goals (เป้าหมาย)
- ผู้ป่วยสามารถนอนหลับต่อเนื่องอย่างน้อย 4–6 ชั่วโมงต่อคืน
- ผู้ป่วยลดจำนวนครั้งของฝันร้ายและการตื่นกลางดึก
- ผู้ป่วยรู้สึกสดชื่นและมีพลังงานหลังตื่นนอน
📏 Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)
- ผู้ป่วยรายงานว่านอนหลับได้ดีขึ้นภายใน 3–5 วัน
- จำนวนครั้งที่ตื่นกลางคืนลดลง
- ผู้ป่วยไม่งีบหลับในระหว่างวัน หรือมีอาการเหนื่อยน้อยลง
🩺 Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)
- F43.1F4I-1: ประเมินรูปแบบการนอน การใช้ยา และพฤติกรรมก่อนนอน
- F43.1F4I-2: สอนเทคนิคช่วยผ่อนคลายก่อนนอน เช่น หายใจลึก ฟังเสียงธรรมชาติ
- F43.1F4I-3: จัดสภาพแวดล้อมให้นอนหลับง่าย เช่น ปิดไฟ ลดเสียงรบกวน
- F43.1F4I-4: ให้ผู้ป่วยหลีกเลี่ยงคาเฟอีน แอลกอฮอล์ หรือการใช้จอมือถือก่อนนอน
- F43.1F4I-5: แนะนำให้ผู้ป่วยเข้านอนและตื่นในเวลาเดียวกันทุกวัน
- F43.1F4I-6: หากฝันร้ายบ่อย ให้พูดคุยกับผู้ป่วยอย่างอ่อนโยน เพื่อช่วยลดความกลัว
- F43.1F4I-7: ประสานจิตแพทย์หรือแพทย์ประจำเพื่อพิจารณาการใช้ยานอนหลับหากจำเป็น
✅ Response (การตอบสนอง)
- F43.1F4R-1: ผู้ป่วยนอนหลับต่อเนื่อง ≥ 4 ชั่วโมงต่อคืนภายใน 3 วัน
- F43.1F4R-2: จำนวนฝันร้ายลดลง และไม่รบกวนการนอน
- F43.1F4R-3: ผู้ป่วยมีสีหน้าสดใสหลังตื่นนอน และมีสมาธิระหว่างวัน
- F43.1F4R-4: ผู้ป่วยปฏิบัติตามกิจวัตรการนอนที่เหมาะสมอย่างสม่ำเสมอ
…………………………………………………………….
F43.1F5: การแยกตัวทางสังคม
(Social isolation)
✅ Assessment (การประเมิน)
S:
- ผู้ป่วยพูดว่า “ไม่อยากคุยกับใคร รู้สึกไม่มีใครเข้าใจ”
- บอกว่า “แค่อยากอยู่คนเดียว ไม่อยากยุ่งกับใครเลย”
- บ่นว่าไม่มีเพื่อนหรือคนที่ไว้ใจได้
O:
- ผู้ป่วยนั่งเงียบ แยกตัวจากกิจกรรมกลุ่ม
- ปฏิเสธการเข้าร่วมกิจกรรมบำบัดหรือสันทนาการ
- ไม่สบตา ไม่ตอบสนองต่อคำชวนพูดคุย
🎯 Goals (เป้าหมาย)
- ผู้ป่วยสามารถสื่อสารหรือพูดคุยกับบุคลากรหรือผู้อื่นได้
- ผู้ป่วยเข้าร่วมกิจกรรมกลุ่มอย่างน้อยวันละ 1 ครั้ง
- ผู้ป่วยรู้สึกมีคุณค่าและยอมรับตนเองในสังคมมากขึ้น
📏 Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)
- ผู้ป่วยแสดงพฤติกรรมเข้าหาผู้อื่น เช่น การพูดคุย ทักทาย
- ผู้ป่วยร่วมกิจกรรมกลุ่มหรือกิจกรรมบำบัดอย่างต่อเนื่อง
- ผู้ป่วยสามารถบอกถึงประโยชน์ของการมีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น
🩺 Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)
- F43.1F5I-1: ประเมินเหตุผลของการแยกตัว เช่น ความรู้สึกผิด กลัวถูกตัดสิน หรือความไม่ไว้วางใจ
- F43.1F5I-2: พยาบาลอยู่ใกล้ชิดกับผู้ป่วย ให้ความรู้สึกปลอดภัยและไว้ใจ
- F43.1F5I-3: ชวนผู้ป่วยพูดคุยทีละน้อยในหัวข้อที่ไม่กดดัน เช่น งานอดิเรก หรือเรื่องทั่วไป
- F43.1F5I-4: ส่งเสริมให้ผู้ป่วยเข้าร่วมกิจกรรมกลุ่มขนาดเล็กที่ไม่บีบบังคับ
- F43.1F5I-5: ให้คำชมเมื่อผู้ป่วยแสดงพฤติกรรมเข้าสังคม แม้เพียงเล็กน้อย
- F43.1F5I-6: ประสานนักกิจกรรมบำบัด/นักจิตวิทยาเพื่อออกแบบกิจกรรมที่เหมาะสมกับผู้ป่วย
- F43.1F5I-7: เชิญครอบครัวหรือผู้ใกล้ชิดมาเยี่ยมเพื่อเสริมแรงใจในการเปิดใจต่อคนรอบข้าง
✅ Response (การตอบสนอง)
- F43.1F5R-1: ผู้ป่วยสามารถพูดคุยกับพยาบาลหรือเพื่อนร่วมกลุ่มอย่างน้อยวันละ 1 ครั้ง
- F43.1F5R-2: ผู้ป่วยเข้าร่วมกิจกรรมกลุ่มเล็กด้วยความสมัครใจ
- F43.1F5R-3: ผู้ป่วยแสดงความรู้สึกมั่นใจขึ้นเมื่ออยู่ในกลุ่ม
- F43.1F5R-4: ผู้ป่วยยอมรับว่าการมีปฏิสัมพันธ์ช่วยให้รู้สึกดีขึ้น
……………………………………………………………………………….
F43.1F6: มีความบกพร่องในการเผชิญและปรับตัวต่อเหตุการณ์ (Ineffective
coping)
✅ Assessment (การประเมิน)
S:
- ผู้ป่วยพูดว่า “ไม่รู้จะรับมือกับชีวิตอย่างไร”
- บ่นว่าไม่สามารถจัดการกับความเครียดจากอดีตได้
- บอกว่า “ไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหนเมื่อเจอปัญหาหนักๆ”
O:
- ผู้ป่วยหลีกเลี่ยงสถานการณ์ที่อาจทำให้เกิดความเครียด
- มีพฤติกรรมหลีกเลี่ยง เช่น การไม่ตอบสนองหรือไม่ทำกิจกรรมใดๆ
- มักปฏิเสธข้อเสนอในการขอความช่วยเหลือหรือเข้าร่วมกิจกรรม
🎯 Goals (เป้าหมาย)
- ผู้ป่วยสามารถรับมือกับความเครียดได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- ผู้ป่วยใช้กลยุทธ์ในการเผชิญปัญหาหรือความเครียดอย่างเหมาะสม
- ผู้ป่วยสามารถแสดงอารมณ์หรือปัญหาที่ต้องการขอความช่วยเหลือได้
📏 Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)
- ผู้ป่วยสามารถระบุวิธีการเผชิญปัญหาหรือวิธีการปรับตัวที่มีประสิทธิภาพ
- ผู้ป่วยมีพฤติกรรมที่พร้อมจะรับมือกับความเครียดและปัญหาที่เกิดขึ้น
- ผู้ป่วยยอมรับข้อเสนอแนะและใช้วิธีการจัดการที่เป็นประโยชน์ต่อการฟื้นฟู
🩺 Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)
- F43.1F6I-1: ประเมินสภาพแวดล้อมที่กระตุ้นความเครียดหรือเหตุการณ์ที่ทำให้ผู้ป่วยรู้สึกไม่สามารถรับมือได้
- F43.1F6I-2: ชวนผู้ป่วยพูดถึงวิธีการที่ใช้ในการเผชิญปัญหาหรือความเครียดในอดีต
- F43.1F6I-3: แนะนำเทคนิคการผ่อนคลาย เช่น การหายใจลึก หรือการใช้เทคนิคการฝึกสติ
- F43.1F6I-4: ส่งเสริมให้ผู้ป่วยตั้งเป้าหมายเล็กๆ ที่สามารถทำได้ในแต่ละวัน
- F43.1F6I-5: สอนวิธีการบริหารจัดการอารมณ์เมื่อเกิดความเครียดหรือความวิตกกังวล
- F43.1F6I-6: สร้างโอกาสให้ผู้ป่วยได้ฝึกใช้วิธีเผชิญปัญหากับสถานการณ์ที่ไม่รุนแรงในชีวิตประจำวัน
- F43.1F6I-7: ชักชวนให้ผู้ป่วยเข้าร่วมกิจกรรมที่ส่งเสริมการพัฒนาทักษะในการจัดการความเครียด เช่น กิจกรรมฝึกสมาธิ
✅ Response (การตอบสนอง)
- F43.1F6R-1: ผู้ป่วยสามารถระบุวิธีการที่ใช้ในการเผชิญปัญหาหรือความเครียดได้ชัดเจนขึ้น
- F43.1F6R-2: ผู้ป่วยยอมรับการใช้เทคนิคผ่อนคลายและเริ่มฝึกการหายใจลึกหรือการฝึกสติ
- F43.1F6R-3: ผู้ป่วยเริ่มตั้งเป้าหมายเล็กๆ และทำให้สำเร็จได้ในแต่ละวัน
- F43.1F6R-4: ผู้ป่วยสามารถจัดการกับอารมณ์และความเครียดในสถานการณ์ที่ค่อยๆ เริ่มต้น
……………………………………………………………………………….
F43.1F7: ความรู้สึกผิดและตำหนิตนเอง
(Feelings of guilt and self-blame)
✅ Assessment (การประเมิน)
S:
- ผู้ป่วยพูดว่า “มันเป็นความผิดของฉันที่เกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น”
- บอกว่า “รู้สึกผิดที่ไม่สามารถช่วยคนอื่นได้”
- มักจะบอกว่า “ถ้าฉันทำอะไรแตกต่างออกไป คงจะไม่เกิดเรื่องแบบนี้”
O:
- ผู้ป่วยแสดงความรู้สึกผิดในหลายๆ เรื่อง หรือเหตุการณ์ในอดีต
- สังเกตเห็นการหลีกเลี่ยงกิจกรรมที่อาจทำให้เกิดความรู้สึกผิด เช่น การร่วมงานสังคม
- ผู้ป่วยแสดงท่าทางเศร้าและรู้สึกกดดันจากความผิดพลาดในอดีต
🎯 Goals (เป้าหมาย)
- ผู้ป่วยสามารถพูดถึงเหตุการณ์ในอดีตโดยไม่รู้สึกผิดหรือพยายามตำหนิตนเอง
- ผู้ป่วยสามารถรับรู้ว่าตนเองไม่สามารถควบคุมทุกสิ่งทุกอย่างได้
- ผู้ป่วยสามารถยอมรับความผิดพลาดในอดีตและเริ่มเรียนรู้จากมัน
📏 Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)
- ผู้ป่วยสามารถพูดถึงเหตุการณ์ในอดีตโดยไม่รู้สึกผิด
- ผู้ป่วยสามารถรับรู้และยอมรับความจริงเกี่ยวกับเหตุการณ์นั้นๆ
- ผู้ป่วยแสดงพฤติกรรมที่ลดความรู้สึกผิดและไม่ตำหนิตนเองในแต่ละวัน
🩺 Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)
- F43.1F7I-1: พูดคุยกับผู้ป่วยเกี่ยวกับความรู้สึกผิดและสาเหตุที่ทำให้เกิดความรู้สึกนั้น
- F43.1F7I-2: ช่วยผู้ป่วยมองความผิดพลาดในอดีตในแง่มุมที่มีการเรียนรู้และการเติบโตจากประสบการณ์นั้น
- F43.1F7I-3: สอนวิธีการมองเหตุการณ์ต่างๆ ในแง่บวก เช่น การให้อภัยตัวเองและการยอมรับความผิดพลาด
- F43.1F7I-4: สอนเทคนิคในการจัดการอารมณ์ที่เกิดจากความรู้สึกผิด เช่น การฝึกสติ การหายใจลึก
- F43.1F7I-5: ช่วยผู้ป่วยตั้งเป้าหมายการพัฒนาตนเองที่ช่วยลดความรู้สึกผิด เช่น การทำสิ่งที่ดีเพื่อชดเชยกับความผิดพลาด
- F43.1F7I-6: จัดการสภาพแวดล้อมให้อยู่ในสภาวะที่ปลอดภัยและสนับสนุนความคิดที่เป็นบวก
- F43.1F7I-7: ประสานงานกับจิตแพทย์หรือนักจิตวิทยาเพื่อให้คำแนะนำในการจัดการกับความรู้สึกผิดอย่างมีประสิทธิภาพ
✅ Response (การตอบสนอง)
- F43.1F7R-1: ผู้ป่วยเริ่มพูดถึงเหตุการณ์ในอดีตโดยไม่รู้สึกผิดหรือตำหนิตนเอง
- F43.1F7R-2: ผู้ป่วยเริ่มรับรู้ว่าตนเองไม่ได้เป็นผู้ควบคุมทุกเหตุการณ์ในชีวิต
- F43.1F7R-3: ผู้ป่วยสามารถแสดงความรู้สึกเกี่ยวกับเหตุการณ์ต่างๆ โดยไม่รู้สึกท้อแท้
- F43.1F7R-4: ผู้ป่วยมีความสามารถในการให้อภัยตัวเองและยอมรับความผิดพลาดในอดีต
…………………………………………………………..
F43.1F8 มีการเปลี่ยนแปลงการรับรู้
เช่น ความรู้สึกแยกตัวออกจากความเป็นจริง (Altered perception such as
dissociation or depersonalization)
✅ Assessment (การประเมิน)
S:
- ผู้ป่วยบอกว่า “รู้สึกเหมือนตัวเองไม่ใช่ตัวเอง”
- พูดว่า “ไม่รู้สึกเชื่อมโยงกับสิ่งที่เกิดขึ้นจริงๆ”
- กล่าวว่า “รู้สึกเหมือนมีอาการหลุดออกจากตัวเองในบางครั้ง”
O:
- ผู้ป่วยมีท่าทางเหม่อลอยหรือไม่สามารถแสดงอารมณ์ตามปกติ
- สังเกตเห็นการตอบสนองที่ช้าและเหมือนขาดการรับรู้ในสถานการณ์
- ผู้ป่วยไม่สามารถจำรายละเอียดเกี่ยวกับเหตุการณ์หรือประสบการณ์ได้ในบางครั้ง
🎯 Goals (เป้าหมาย)
- ผู้ป่วยสามารถรับรู้และแยกแยะระหว่างความจริงกับความรู้สึกที่เกิดจากการหลุดออกจากตัวเอง
- ผู้ป่วยสามารถแสดงความรู้สึกของตนเองได้อย่างชัดเจนและมีการเชื่อมโยงกับโลกภายนอก
- ผู้ป่วยรู้สึกมั่นคงและปลอดภัยมากขึ้นเมื่อเผชิญกับความรู้สึกแยกตัวออกจากความเป็นจริง
📏 Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)
- ผู้ป่วยสามารถอธิบายความรู้สึกของการแยกตัวออกจากความเป็นจริงหรือความรู้สึกหลุดออกจากตัวเอง
- ผู้ป่วยแสดงความสามารถในการรับรู้สถานการณ์และมีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่นอย่างมีความหมาย
- ผู้ป่วยเริ่มมีอาการที่ค่อยๆ ดีขึ้น เช่น ลดอาการหลุดออกจากตัวเองหรือลดการประสบกับเหตุการณ์ที่ทำให้เกิดการแยกตัว
🩺 Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)
- F43.1F8I-1: ประเมินความรู้สึกของผู้ป่วยเกี่ยวกับการแยกตัวจากความเป็นจริงหรือความหลุดออกจากตัวเอง
- F43.1F8I-2: ช่วยผู้ป่วยเข้าใจเกี่ยวกับปรากฏการณ์การแยกตัวออกจากความเป็นจริง และอธิบายว่านี่เป็นส่วนหนึ่งของการตอบสนองทางจิตใจที่เกิดจากความเครียด
- F43.1F8I-3: สอนเทคนิคการตั้งสติ เช่น การฝึกหายใจลึก การทบทวนสิ่งที่อยู่ในปัจจุบัน และการยึดโยงกับโลกภายนอก
- F43.1F8I-4: กระตุ้นให้ผู้ป่วยตั้งเป้าหมายเล็กๆ เพื่อเชื่อมต่อกับสิ่งแวดล้อม เช่น การออกไปข้างนอก การสนทนากับคนอื่น
- F43.1F8I-5: สร้างสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัย และให้การสนับสนุนจากการมีปฏิสัมพันธ์กับบุคลากรที่ดูแล
- F43.1F8I-6: ประสานงานกับนักจิตวิทยาหรือจิตแพทย์ เพื่อการรักษาที่เกี่ยวข้องกับความรู้สึกแยกตัวจากความเป็นจริง
✅ Response (การตอบสนอง)
- F43.1F8R-1: ผู้ป่วยสามารถอธิบายความรู้สึกของตนเองเกี่ยวกับการแยกตัวออกจากความเป็นจริงได้ดีขึ้น
- F43.1F8R-2: ผู้ป่วยแสดงการยึดโยงกับสถานการณ์ปัจจุบันและสามารถระบุสิ่งที่เกิดขึ้นรอบตัวได้ชัดเจน
- F43.1F8R-3: ผู้ป่วยสามารถรับรู้ความรู้สึกของตนเองและแสดงออกอย่างเหมาะสม
- F43.1F8R-4: ผู้ป่วยเริ่มรู้สึกมั่นคงและปลอดภัยมากขึ้นในการเผชิญหน้ากับความรู้สึกแยกตัวออกจากความเป็นจริง
……………………………………………………………………….
F43.1F9 ต้องการการดูแลต่อเนื่องเพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนและส่งเสริมการปรับตัว
(Needs for ongoing care to prevent complications and promote adaptation)
✅ Assessment (การประเมิน)
S:
- ผู้ป่วยรายงานว่า “รู้สึกเครียดมากในบางครั้งและกลัวว่าจะไม่สามารถปรับตัวได้”
- กล่าวว่า “ไม่แน่ใจว่าจะจัดการกับความรู้สึกนี้อย่างไรในระยะยาว”
- บอกว่า “ยังรู้สึกเครียดและไม่มีความมั่นใจในอนาคต”
O:
- ผู้ป่วยดูมีความวิตกกังวลในระยะยาวเกี่ยวกับผลกระทบของ PTSD
- สังเกตเห็นการไม่สามารถกลับสู่กิจวัตรประจำวันได้อย่างปกติ
- ผู้ป่วยแสดงอาการเครียดและขาดการมีปฏิสัมพันธ์ทางสังคมอย่างต่อเนื่อง
🎯 Goals (เป้าหมาย)
- ผู้ป่วยสามารถปรับตัวและจัดการกับอาการ PTSD ในระยะยาวได้
- ผู้ป่วยเริ่มกลับมามีกิจวัตรประจำวันที่ดีขึ้น เช่น การทำงานหรือการมีส่วนร่วมในกิจกรรมสังคม
- ผู้ป่วยสามารถยอมรับการบำบัดและรักษาเพื่อการปรับตัวในอนาคต
📏 Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)
- ผู้ป่วยเริ่มกลับมามีกิจวัตรประจำวันและสามารถทำกิจกรรมต่างๆ ได้
- ผู้ป่วยแสดงการปรับตัวที่ดีขึ้น เช่น การรับการบำบัดและเข้าร่วมกิจกรรมสังคม
- ผู้ป่วยมีความรู้สึกว่าตนเองสามารถจัดการกับ PTSD ได้ดีกว่าเดิม
🩺 Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)
- F43.1F9I-1: จัดให้มีการติดตามการรักษาอย่างต่อเนื่องเพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนจาก PTSD
- F43.1F9I-2: ส่งเสริมให้ผู้ป่วยมีการปรับตัวในชีวิตประจำวัน โดยการสนับสนุนให้ทำกิจกรรมที่ส่งเสริมสุขภาพจิต
- F43.1F9I-3: กระตุ้นให้ผู้ป่วยมีการรักษาทางจิตเวชหรือการบำบัดอย่างต่อเนื่องเพื่อเสริมสร้างความมั่นคงทางจิตใจ
- F43.1F9I-4: ช่วยผู้ป่วยพัฒนาทักษะการจัดการกับความเครียด เช่น การฝึกการผ่อนคลายหรือการหายใจลึก
- F43.1F9I-5: จัดสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยและสนับสนุนให้ผู้ป่วยสามารถปรับตัวได้ดีขึ้น
- F43.1F9I-6: ประสานงานกับทีมแพทย์และผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจิตในการประเมินและจัดการการรักษาอย่างต่อเนื่อง
✅ Response (การตอบสนอง)
- F43.1F9R-1: ผู้ป่วยสามารถเข้าร่วมกิจกรรมประจำวันได้โดยไม่รู้สึกเครียดหรือวิตกกังวลมากเกินไป
- F43.1F9R-2: ผู้ป่วยเริ่มแสดงทักษะในการจัดการกับความเครียดและสามารถปรับตัวในสถานการณ์ต่างๆ ได้
- F43.1F9R-3: ผู้ป่วยแสดงความมั่นใจในการรับการรักษาและสามารถทำกิจกรรมทางสังคมได้มากขึ้น
- F43.1F9R-4: ผู้ป่วยรู้สึกว่าการปรับตัวและการบำบัดที่ได้รับนั้นมีประสิทธิภาพในการจัดการกับ PTSD
…………………………………………………………………..
F43.1F10 วางแผนจำหน่ายโดยเน้นการดูแลทางจิตใจ
การติดตามผล และการสนับสนุนจากครอบครัว (Discharge planning focused on
mental health support, follow-up care, and family involvement)
✅ Assessment (การประเมิน)
S:
- ผู้ป่วยแสดงความกังวลเกี่ยวกับการกลับไปสู่ชีวิตประจำวันหลังการรักษา
- ผู้ป่วยบอกว่า “รู้สึกไม่มั่นใจในการจัดการกับ PTSD โดยไม่มีกลุ่มสนับสนุน”
- กล่าวถึงความกลัวว่าจะไม่สามารถรับมือกับความเครียดจากการเผชิญกับสถานการณ์ในอนาคตได้
O:
- ผู้ป่วยดูวิตกกังวลเกี่ยวกับการกลับบ้านและมีท่าทางเครียด
- ผู้ป่วยมีความรู้สึกว่าการฟื้นตัวทางจิตใจไม่สมบูรณ์และกลัวจะเกิดอาการซ้ำ
- ผู้ป่วยแสดงท่าทางระมัดระวังในการพูดถึงครอบครัวและการกลับไปที่บ้าน
🎯 Goals (เป้าหมาย)
- ผู้ป่วยสามารถรับมือกับ PTSD ได้ด้วยการสนับสนุนจากครอบครัวและการบำบัดที่เหมาะสม
- ผู้ป่วยสามารถรับรู้ความสำคัญของการติดตามผลการรักษาอย่างต่อเนื่องหลังการจำหน่าย
- ครอบครัวสามารถให้การสนับสนุนทางจิตใจแก่ผู้ป่วยในระยะยาวและช่วยในการฟื้นฟูจิตใจของผู้ป่วย
📏 Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)
- ผู้ป่วยสามารถอธิบายแผนการดูแลและการติดตามผลหลังการจำหน่าย
- ผู้ป่วยและครอบครัวแสดงความเข้าใจในการบำบัดและการสนับสนุนทางจิตใจในอนาคต
- ครอบครัวมีความพร้อมในการสนับสนุนและช่วยเหลือผู้ป่วยในระยะยาว
🩺 Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)
- F43.1F10I-1: อธิบายแผนการดูแลหลังการจำหน่ายให้กับผู้ป่วยและครอบครัว รวมถึงการติดตามผลทางจิตใจ
- F43.1F10I-2: แนะนำการพบแพทย์หรือนักจิตวิทยาเป็นประจำเพื่อการบำบัดต่อเนื่องหลังการจำหน่าย
- F43.1F10I-3: จัดให้มีการสอนทักษะในการจัดการกับความเครียดและการจัดการกับอารมณ์ให้กับผู้ป่วยและครอบครัว
- F43.1F10I-4: ให้คำแนะนำเกี่ยวกับการดูแลจิตใจผู้ป่วยในระยะยาว เช่น การมีปฏิสัมพันธ์กับกลุ่มสนับสนุนหรือกลุ่มคนที่เคยมีประสบการณ์คล้ายกัน
- F43.1F10I-5: กระตุ้นให้ครอบครัวมีส่วนร่วมในการติดตามผลและการดูแลผู้ป่วยหลังการจำหน่าย
- F43.1F10I-6: จัดสรรทรัพยากรและบริการที่สามารถช่วยสนับสนุนการดูแลต่อเนื่องหลังการจำหน่าย เช่น โทรศัพท์สายด่วนหรือการพบปะกับนักบำบัด
✅ Response (การตอบสนอง)
- F43.1F10R-1: ผู้ป่วยสามารถอธิบายแผนการดูแลหลังการจำหน่ายและเข้าใจการติดตามผล
- F43.1F10R-2: ผู้ป่วยเริ่มแสดงความมั่นใจในการรับการดูแลและบำบัดต่อเนื่องหลังการจำหน่าย
- F43.1F10R-3: ครอบครัวเริ่มมีส่วนร่วมในการดูแลผู้ป่วยและช่วยสนับสนุนการฟื้นฟูจิตใจของผู้ป่วย
- F43.1F10R-4: ผู้ป่วยแสดงท่าทางที่ดีขึ้นในการจัดการกับความเครียดและมีความพร้อมในการกลับสู่ชีวิตปกติ
………………………………………………………………….
เอกสารอ้างอิง
- ชาคริต สุทธิอำพล, & พวงทิพย์ ตันสุพรรณ. (2562). การดูแลผู้ป่วยโรคเครียดหลังเหตุการณ์สะเทือนใจ (Post-Traumatic Stress Disorder - PTSD). วารสารการพยาบาลและการดูแลสุขภาพ, 34(1), 45-58.
- สุนีย์ บุญมา. (2561). โรคเครียดหลังเหตุการณ์สะเทือนใจ: การวินิจฉัยและการรักษา. วารสารการแพทย์ไทย, 103(2), 129-136.
- American Psychiatric Association. (2013). Diagnostic and statistical manual of mental disorders (5th ed.). American Psychiatric Association.
- Bryant, R. A., & Harvey, A. G. (2000). The impact of post-traumatic stress disorder on the quality of life of trauma survivors. Journal of Traumatic Stress, 13(3), 465-474.
…………………………………………………………………………