เกี่ยวกับฉัน

รูปภาพของฉัน
เมือง, พิษณุโลก, Thailand

วันพุธที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2568

EP.62 จิตเวชหัวข้อ 22 : ภาวะปัญญาอ่อนระดับเล็กน้อย (Mild Intellectual Disabilities) - F70

 

Psych. Topic 22 : Mild Intellectual Disability, IQ 50-69 - F70

🧠 ภาวะปัญญาอ่อนระดับเล็กน้อย (Mild Intellectual Disability)
ผู้ที่มีพัฒนาการทางสติปัญญาช้ากว่าคนทั่วไปเล็กน้อย แต่ ยังดูแลตัวเองได้ และใช้ชีวิตประจำวันได้เป็นส่วนใหญ่

  • 🔹 เรียนรู้ช้า ต้องใช้เวลามากขึ้น
  • 🔹 พูด-เข้าใจคำพูดช้ากว่าปกติ
  • 🔹 ต้องการคำแนะนำในการเรียนหรือทำงาน
  • 🔹 ชีวิตประจำวันอาจต้องมีคนช่วยเป็นบางครั้ง

🔍พยาธิสภาพ / สาเหตุ

  • 🧠 สมองทำงานช้ากว่าปกติตั้งแต่กำเนิด หรือเกิดจากความผิดปกติขณะตั้งครรภ์/คลอด เช่น ขาดออกซิเจน การติดเชื้อ หรือพันธุกรรม

⚠️ปัจจัยที่ทำให้เกิด

  • 🧠 พันธุกรรม (ดาวน์ซินโดรม ฯลฯ)
  • 🧠 การได้รับสารพิษหรือแอลกอฮอล์ในครรภ์
  • 🧠 การคลอดก่อนกำหนด / น้ำหนักแรกเกิดต่ำ
  • 🧠 การบาดเจ็บทางสมองในวัยเด็ก

💊การรักษา

  • 🌈 ยังไม่มีวิธีรักษาให้หายขาด แต่สามารถ ฝึกทักษะด้านภาษา สังคม
  • 🌈 การดูแลตนเอง ได้ผ่านการเรียนรู้และบำบัดที่เหมาะสม

👩‍⚕️การพยาบาล

  • สื่อสารช้าๆ ใช้คำง่ายๆ และให้กำลังใจ
  • ส่งเสริมความสามารถในการทำกิจวัตรประจำวัน
  • ทำงานร่วมกับครอบครัวและทีมสหวิชาชีพในการดูแลระยะยาว

💙การดูแลสำหรับบุคคลทั่วไป

  • 🌟 อย่าตัดสินว่าเขา “โง่” หรือ “ขี้เกียจ”
  • 🌟 ให้โอกาสและความเข้าใจ สนับสนุนเขาให้พัฒนาเต็มศักยภาพ
  • 🌟 ใช้คำพูดเชิงบวก และเปิดพื้นที่ให้เขาแสดงความสามารถ

🧠 วินิจฉัยการพยาบาลผู้ป่วยภาวะปัญญาอ่อนระดับเล็กน้อย (F70)

  1. F70F1 มีความเสี่ยงต่อการบาดเจ็บตนเองหรือผู้อื่น (Risk for injury to self or others) ผู้ป่วยอาจไม่เข้าใจอันตรายรอบตัว หรือควบคุมอารมณ์ได้ยาก ต้องประเมินพฤติกรรมและสภาพแวดล้อมอย่างใกล้ชิด
  2. F70F2 มีภาวะวิตกกังวลจากการอยู่ในสภาพแวดล้อมใหม่ (Anxiety related to unfamiliar environment) เมื่อเข้าโรงพยาบาล ผู้ป่วยอาจรู้สึกสับสน วิตกกังวล ต้องใช้วิธีพูดที่เข้าใจง่ายและให้ความรู้สึกปลอดภัย
  3. F70F3 มีภาวะการสื่อสารบกพร่อง (Impaired verbal communication) เนื่องจากมีพัฒนาการล่าช้า อาจพูดหรือเข้าใจได้ช้ากว่าปกติ ต้องใช้ภาษาง่าย ช้า และชัดเจน
  4. F70F4 มีความบกพร่องในการดูแลตนเอง (Self-care deficit) ผู้ป่วยอาจยังต้องช่วยเหลือในเรื่องการกิน แต่งตัว หรือการสุขอนามัย ควรส่งเสริมให้ทำได้ด้วยตนเองตามศักยภาพ
  5. F70F5 มีพฤติกรรมทางสังคมที่ไม่เหมาะสม (Impaired social interaction) อาจมีพฤติกรรมไม่เหมาะสมในที่สาธารณะ เพราะขาดทักษะทางสังคม ต้องสอนแบบตัวอย่างและให้กำลังใจ
  6. F70F6 ขาดความรู้เกี่ยวกับภาวะของตนเองและการดูแลต่อเนื่อง (Deficient knowledge about condition and self-care) ทั้งตัวผู้ป่วยและครอบครัวควรได้รับข้อมูลที่เข้าใจง่าย เกี่ยวกับโรค การดูแล และสิทธิการเข้ารับบริการ
  7. F70F7 มีความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนจากพฤติกรรมซ้ำซาก เช่น กัดเล็บ ดึงผม (Risk for complications from repetitive behaviors) พฤติกรรมเหล่านี้หากไม่ควบคุม อาจนำไปสู่แผลหรือการติดเชื้อ ควรสังเกตและเบี่ยงเบนพฤติกรรม
  8. F70F8 ครอบครัวมีความเครียดจากภาระในการดูแล (Caregiver role strain) ผู้ดูแลอาจเหนื่อยล้าและขาดแรงสนับสนุน ต้องให้คำแนะนำ การเยียวยาใจ และเชื่อมโยงกับหน่วยงานช่วยเหลือ
  9. F70F9 ขาดการวางแผนเพื่อพัฒนาทักษะชีวิตหลังจำหน่าย (Ineffective discharge planning for life skills development) ต้องประเมินความสามารถในการใช้ชีวิตหลังออกจากโรงพยาบาล และวางแผนฝึกทักษะอย่างต่อเนื่อง
  10. F70F10 ความเสี่ยงต่อการขาดการติดตามดูแลภายหลังจำหน่าย (Risk for ineffective follow-up care) หากไม่มีการติดตาม อาการอาจแย่ลง ต้องจัดทำแผนดูแลร่วมกับครอบครัวและหน่วยบริการในชุมชน
...................................................

Bottom of Form

🧠 F70F1 – ความเสี่ยงต่อการบาดเจ็บตนเองหรือผู้อื่น (Risk for injury to self or others in Mild Intellectual Disabilities)

🩺 Assessment (การประเมิน)

S:

  • ผู้ป่วยบ่นว่า “ไม่อยากอยู่แล้ว”
  • ครอบครัวรายงานว่าผู้ป่วยมีพฤติกรรมก้าวร้าวใส่คนรอบข้างเมื่อถูกขัดใจ

O:

  • ผู้ป่วยเดินวน กัดเล็บ ดึงผมตัวเอง
  • มีท่าทางหงุดหงิด ตอบสนองไวต่อเสียงหรือคำพูด
  • มีรอยแดงที่ข้อมือจากการเกาแรง
  • มีประวัติทำร้ายตัวเองหรือผู้อื่น
  • พฤติกรรมควบคุมอารมณ์ได้น้อย และมีการใช้ของใช้ผิดวัตถุประสงค์ เช่น ขว้างของ

🎯 Goals (เป้าหมาย)

  • ผู้ป่วยไม่เกิดการบาดเจ็บตนเองหรือผู้อื่นในช่วงเข้ารับการรักษา
  • ผู้ป่วยแสดงพฤติกรรมที่เหมาะสมมากขึ้นเมื่อมีสิ่งกระตุ้นทางอารมณ์
  • ผู้ป่วยสามารถควบคุมอารมณ์เบื้องต้นได้ด้วยการฝึกทักษะหรือคำแนะนำ

✅ Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมินผล)

  • ผู้ป่วยไม่มีบาดแผลใหม่เกิดขึ้น
  • ไม่มีรายงานหรือสังเกตเห็นการทำร้ายผู้อื่น
  • ผู้ป่วยสามารถสงบอารมณ์ได้เมื่อได้รับคำแนะนำ
  • ผู้ป่วยตอบสนองต่อวิธีเบี่ยงเบนพฤติกรรมอย่างเหมาะสม

🛡️ Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)

  • F70F1I-1: ประเมินพฤติกรรมเสี่ยงและระดับความก้าวร้าวของผู้ป่วยทุกวัน
  • F70F1I-2: จัดสิ่งแวดล้อมให้ปลอดภัย เช่น เก็บของมีคม/สิ่งของแตกหักได้ออกจากห้อง
  • F70F1I-3: เฝ้าสังเกตอารมณ์และพฤติกรรมใกล้ชิด โดยเฉพาะช่วงเวลาเครียดหรือหลังถูกกระตุ้น
  • F70F1I-4: ใช้ภาษาชัดเจนและเสียงนุ่มนวลเมื่อสื่อสารกับผู้ป่วย เพื่อลดความตึงเครียด
  • F70F1I-5: สอนเทคนิคการควบคุมอารมณ์ เช่น หายใจช้าๆ การนับ 1–10 หรือออกจากสถานการณ์
  • F70F1I-6: ให้ผู้ป่วยมีส่วนร่วมในการเลือกกิจกรรมผ่อนคลาย เช่น วาดภาพ เล่นดนตรี หรือเล่นกับของเล่นที่ปลอดภัย
  • F70F1I-7: พูดคุยและให้กำลังใจอย่างสม่ำเสมอ เพื่อเสริมความมั่นใจในตนเอง
  • F70F1I-8: ประสานกับทีมสุขภาพจิตหากพบแนวโน้มทำร้ายตนเองรุนแรงขึ้น
  • F70F1I-9: ให้ครอบครัวมีส่วนร่วมในการสังเกตและดูแลอย่างใกล้ชิด
  • F70F1I-10: บันทึกพฤติกรรมเสี่ยงและการตอบสนองของผู้ป่วยทุกครั้ง เพื่อวางแผนดูแลต่อเนื่อง

🪷 Response (การตอบสนอง)

  • F70F1R-1: ผู้ป่วยไม่มีบาดแผลใหม่ และไม่ทำร้ายตนเองหรือผู้อื่น
  • F70F1R-2: ผู้ป่วยสามารถหยุดพฤติกรรมก้าวร้าวเมื่อได้รับคำแนะนำอย่างนุ่มนวล
  • F70F1R-3: ผู้ป่วยเลือกใช้วิธีควบคุมอารมณ์ที่ได้รับการฝึก เช่น นับเลข หรือหลีกเลี่ยง
  • F70F1R-4: ครอบครัวให้ข้อมูลว่าผู้ป่วยมีพฤติกรรมสงบขึ้นเมื่อกลับบ้าน
  • F70F1R-5: ผู้ป่วยร่วมกิจกรรมผ่อนคลายโดยไม่แสดงพฤติกรรมรุนแรง

………………………………………………………….

🧠F70F2 – ภาวะวิตกกังวลจากการอยู่ในสภาพแวดล้อมใหม่ (Anxiety related to unfamiliar environment in Mild Intellectual Disabilities)

🩺 Assessment (การประเมิน)

S:

  • ผู้ป่วยพูดว่า “กลัว ไม่อยากอยู่ที่นี่”
  • ผู้ป่วยถามซ้ำบ่อยว่า “เมื่อไหร่จะได้กลับบ้าน”

O:

  • ผู้ป่วยแสดงอาการกระสับกระส่าย เดินวน หายใจเร็ว
  • หลีกเลี่ยงการสบตาหรือพูดคุยกับบุคคลแปลกหน้า
  • มือสั่น เหงื่อออก และมีพฤติกรรมถดถอย เช่น กอดตุ๊กตาหรือขอพยาบาลอยู่ใกล้

🎯 Goals (เป้าหมาย)

  • ผู้ป่วยรู้สึกปลอดภัยและลดความวิตกกังวล
  • ผู้ป่วยสามารถปรับตัวกับสิ่งแวดล้อมใหม่ได้ดีขึ้น
  • ผู้ป่วยแสดงพฤติกรรมที่ผ่อนคลายมากขึ้นระหว่างการดูแลในโรงพยาบาล

✅ Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมินผล)

  • ผู้ป่วยหยุดแสดงอาการกระสับกระส่ายภายใน 24 ชั่วโมง
  • ผู้ป่วยเริ่มพูดคุยกับบุคคลรอบข้างโดยไม่แสดงความหวาดกลัว
  • ผู้ป่วยอยู่ในห้องพักโดยไม่มีพฤติกรรมร้องไห้หรือถามซ้ำมากเกินไป
  • ผู้ป่วยสามารถทำกิจวัตรประจำวันในโรงพยาบาลได้ด้วยตนเอง

🛡️ Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)

  • F70F2I-1: ประเมินระดับความวิตกกังวลและพฤติกรรมที่แสดงออกทุก 4 ชั่วโมง
  • F70F2I-2: แนะนำตนเองอย่างชัดเจน พร้อมบอกชื่อ-หน้าที่ เพื่อให้ผู้ป่วยรู้สึกคุ้นเคย
  • F70F2I-3: พาผู้ป่วยเยี่ยมชมพื้นที่รอบๆ เช่น ห้องพัก ห้องน้ำ เพื่อให้รู้จักสิ่งแวดล้อม
  • F70F2I-4: ใช้คำพูดที่ง่าย ชัดเจน และอธิบายสิ่งที่จะเกิดขึ้นล่วงหน้าเสมอ
  • F70F2I-5: ให้ผู้ป่วยเก็บสิ่งของส่วนตัวหรือของเล่นที่คุ้นเคยไว้ใกล้ตัว เช่น ตุ๊กตา
  • F70F2I-6: จัดให้มีผู้ดูแลหรือคนในครอบครัวอยู่ด้วยในช่วงเริ่มแรก (หากเป็นไปได้)
  • F70F2I-7: จัดสภาพแวดล้อมให้เงียบสงบ ลดสิ่งเร้าหรือเสียงดังรบกวน
  • F70F2I-8: ชวนผู้ป่วยทำกิจกรรมง่ายๆ เช่น วาดภาพ เล่นบล็อก เพื่อผ่อนคลาย
  • F70F2I-9: พูดให้กำลังใจ และชมเมื่อผู้ป่วยสามารถปรับตัวได้ดีขึ้น
  • F70F2I-10: ประสานนักจิตวิทยาเด็กหรือทีมสุขภาพจิตเพื่อช่วยดูแลร่วมกรณีมีอาการรุนแรง

🪷 Response (การตอบสนอง)

  • F70F2R-1: ผู้ป่วยสงบลง และสามารถพูดคุยกับพยาบาลได้โดยไม่หลบสายตา
  • F70F2R-2: ผู้ป่วยสามารถอยู่ในห้องพักคนเดียวได้อย่างปลอดภัย
  • F70F2R-3: ผู้ป่วยลดพฤติกรรมร้องไห้ ซักถามซ้ำ หรือเดินวน
  • F70F2R-4: ผู้ป่วยเข้าร่วมกิจกรรมกับพยาบาลหรือบุคคลอื่นโดยไม่ปฏิเสธ
  • F70F2R-5: ผู้ป่วยบอกว่ารู้สึก “สบายใจ” หรือ “ไม่กลัวแล้ว” เมื่ออยู่ในโรงพยาบาล

……………………………………………………………….

🗣️F70F3 – ภาวะการสื่อสารบกพร่อง Impaired verbal communication in Mild Intellectual Disabilities)

🩺 Assessment (การประเมิน)

S:

  • ผู้ป่วยพูดน้อย ตอบคำถามช้า หรือใช้คำไม่ชัด
  • ผู้ป่วยแสดงท่าทีหงุดหงิดเมื่อพยายามจะพูดแล้วคนอื่นไม่เข้าใจ

O:

  • ผู้ป่วยไม่สบตา หลีกเลี่ยงการตอบคำถาม
  • ใช้ภาษากาย เช่น ชี้นิ้ว พยักหน้า หรือส่ายหน้า แทนการพูด
  • ใช้คำศัพท์ซ้ำ หรือมีพฤติกรรมพูดวนในเรื่องเดิม

🎯 Goals (เป้าหมาย)

  • ผู้ป่วยสามารถสื่อสารความต้องการพื้นฐานได้อย่างเข้าใจ
  • ผู้ป่วยมีความร่วมมือในการโต้ตอบหรือใช้ภาษาทางเลือก
  • ผู้ป่วยมีพฤติกรรมลดความหงุดหงิดจากการสื่อสาร

✅ Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)

  • ผู้ป่วยสามารถสื่อสารด้วยคำง่าย ๆ หรือภาษากายได้ชัดเจนขึ้น
  • ผู้ป่วยแสดงความพยายามพูดหรือสื่อสารโดยไม่หงุดหงิด
  • ผู้ป่วยตอบสนองต่อคำถามอย่างเหมาะสมแม้จะพูดไม่ชัด

🛡️ Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)

  • F70F3I-1: ประเมินระดับความสามารถด้านการสื่อสาร ทั้งการพูด ฟัง เข้าใจ และตอบสนอง
  • F70F3I-2: ใช้ภาษาง่าย ชัดเจน พูดช้า และเน้นน้ำเสียงที่อบอุ่น
  • F70F3I-3: พูดกับผู้ป่วยทีละประโยค หลีกเลี่ยงคำซับซ้อนหรือคำสั่งที่มีหลายขั้นตอน
  • F70F3I-4: ใช้ภาพประกอบ ท่าทาง หรือบัตรคำ เพื่อช่วยการสื่อสาร
  • F70F3I-5: ให้เวลาผู้ป่วยในการตอบสนอง ไม่เร่งรีบ
  • F70F3I-6: สนับสนุนการใช้ภาษาทางเลือก เช่น การชี้ภาพ บัตรสัญลักษณ์ หรือแอปช่วยพูด
  • F70F3I-7: กระตุ้นการสื่อสารเชิงบวก โดยการชมเชยเมื่อผู้ป่วยพยายามพูด
  • F70F3I-8: สอนบุคลากรและผู้ดูแลใกล้ชิดให้ใช้รูปแบบการสื่อสารเดียวกัน
  • F70F3I-9: ประสานนักกิจกรรมบำบัดหรือนักบำบัดการพูดกรณีสื่อสารได้จำกัดมาก
  • F70F3I-10: บันทึกคำที่ผู้ป่วยใช้บ่อยหรือสื่อสารเข้าใจง่าย เพื่อให้บุคคลากรใช้ร่วมกัน

🪷 Response (การตอบสนอง)

  • F70F3R-1: ผู้ป่วยสามารถสื่อสารความต้องการพื้นฐานได้ เช่น “หิวน้ำ” “ปวดท้อง”
  • F70F3R-2: ผู้ป่วยมีสีหน้าสงบ และร่วมมือมากขึ้นเมื่อต้องสื่อสาร
  • F70F3R-3: ผู้ป่วยใช้ภาพหรือภาษากายช่วยสื่อสารอย่างสม่ำเสมอ
  • F70F3R-4: ผู้ป่วยพยายามพูดหรือมีการโต้ตอบในบทสนทนา
  • F70F3R-5: ผู้ป่วยแสดงความพึงพอใจเมื่อตนเองสื่อสารแล้วคนอื่นเข้าใจ

…………………………………………………………………….

🧼F70F4 – ความบกพร่องในการดูแลตนเอง (Self-care deficit in Mild Intellectual Disabilities)

🩺 Assessment (การประเมิน)

S:

  • ผู้ป่วยพูดว่า “ทำไม่เป็น” หรือ “ต้องให้แม่ช่วย”
  • แสดงความกังวลเมื่อถูกขอให้ทำสิ่งต่างๆ ด้วยตนเอง

O:

  • ผู้ป่วยต้องได้รับการช่วยเหลือในการอาบน้ำ แปรงฟัน แต่งตัว หรือรับประทานอาหาร
  • สังเกตเห็นเสื้อผ้าไม่เรียบร้อย ฟันสกปรก ผิวหนังแห้ง หรือมีกลิ่นตัว
  • ขาดทักษะการใช้ช้อนส้อม หรือไม่สามารถดูแลสุขอนามัยตนเองได้ต่อเนื่อง

🎯 Goals (เป้าหมาย)

  • ผู้ป่วยสามารถทำกิจวัตรประจำวันพื้นฐานได้ด้วยตนเองตามศักยภาพ
  • ผู้ป่วยมีความมั่นใจในการช่วยเหลือตนเอง
  • ผู้ป่วยได้รับการดูแลด้านสุขอนามัยอย่างเหมาะสม

✅ Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)

  • ผู้ป่วยสามารถแปรงฟัน อาบน้ำ หรือแต่งตัวได้บางส่วน
  • ผู้ป่วยพยายามทำกิจกรรมด้วยตนเองก่อนขอความช่วยเหลือ
  • สุขภาพกายของผู้ป่วยดีขึ้น เช่น ผิวสะอาด ฟันสะอาด เสื้อผ้าเรียบร้อย

🛡️ Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)

  • F70F4I-1: ประเมินความสามารถของผู้ป่วยในการดูแลตนเองแต่ละด้าน เช่น การกิน การอาบน้ำ การแต่งตัว
  • F70F4I-2: แบ่งกิจกรรมออกเป็นขั้นตอนย่อย และแนะนำให้ทำทีละขั้นตอน
  • F70F4I-3: ใช้คำพูดง่าย ๆ และแสดงตัวอย่างการปฏิบัติจริง เช่น การแปรงฟัน หรือใส่เสื้อผ้า
  • F70F4I-4: ส่งเสริมให้ผู้ป่วยทำกิจกรรมด้วยตนเองก่อน ถ้าทำไม่ได้จึงช่วยเหลือบางส่วน
  • F70F4I-5: ให้คำชมและกำลังใจทุกครั้งที่ผู้ป่วยพยายามหรือทำได้เอง
  • F70F4I-6: จัดกิจวัตรประจำวันให้มีความสม่ำเสมอ เพื่อสร้างความคุ้นเคยและลดความสับสน
  • F70F4I-7: ประสานนักกิจกรรมบำบัดเพื่อพัฒนาทักษะการดูแลตนเองของผู้ป่วย
  • F70F4I-8: สอนญาติหรือผู้ดูแลให้ใช้แนวทางเดียวกันในการส่งเสริมการดูแลตนเอง

🪷 Response (การตอบสนอง)

  • F70F4R-1: ผู้ป่วยสามารถอาบน้ำ แปรงฟัน หรือแต่งตัวได้อย่างน้อย 1 กิจกรรมด้วยตนเอง
  • F70F4R-2: ผู้ป่วยแสดงความพยายามและไม่ปฏิเสธการดูแลตนเอง
  • F70F4R-3: ผู้ป่วยมีสุขอนามัยดีขึ้นและสม่ำเสมอ
  • F70F4R-4: ผู้ป่วยมีความมั่นใจมากขึ้นเมื่อต้องทำสิ่งต่างๆ ด้วยตนเอง
  • F70F4R-5: ผู้ป่วยลดพฤติกรรมพึ่งพาผู้อื่นในกิจวัตรประจำวัน

...........................................................................

🧠F70F5 – พฤติกรรมทางสังคมไม่เหมาะสม (Impaired social interaction in Mild Intellectual Disabilities)

🩺 Assessment (การประเมิน)

S:

  • ผู้ป่วยพูดว่า “ไม่มีใครคุยกับเรา” หรือ “หนูไม่อยากอยู่กับใคร”
  • ผู้ป่วยแสดงความไม่เข้าใจเมื่อมีคนตำหนิพฤติกรรมของตน

O:

  • ผู้ป่วยมีพฤติกรรมไม่เหมาะสมในที่สาธารณะ เช่น ตะโกนเสียงดัง ดึงเสื้อผู้อื่น หรือแสดงความก้าวร้าว
  • ผู้ป่วยแสดงพฤติกรรมแยกตัว ไม่ร่วมกิจกรรม
  • ขาดการสบตา พูดแทรก หรือใช้ภาษากายไม่เหมาะสม

🎯 Goals (เป้าหมาย)

  • ผู้ป่วยสามารถแสดงพฤติกรรมทางสังคมอย่างเหมาะสมตามสถานการณ์
  • ผู้ป่วยสามารถมีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่นอย่างเหมาะสม
  • ผู้ป่วยเรียนรู้และปรับตัวเมื่อมีคนแนะนำพฤติกรรมที่เหมาะสม

✅ Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)

  • ผู้ป่วยลดพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมในสถานการณ์ทางสังคม
  • ผู้ป่วยแสดงออกทางสังคมได้อย่างเหมาะสม เช่น การทักทาย ฟังผู้อื่น ไม่พูดแทรก
  • ผู้ป่วยสามารถเข้าร่วมกิจกรรมกลุ่มได้โดยไม่ถูกรบกวนจากพฤติกรรมตนเอง

🛡️ Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)

  • F70F5I-1: ประเมินลักษณะพฤติกรรมทางสังคมที่ไม่เหมาะสม และสถานการณ์ที่กระตุ้นให้เกิดพฤติกรรม
  • F70F5I-2: สร้างบรรยากาศปลอดภัยและไม่ตัดสิน เพื่อให้ผู้ป่วยรู้สึกยอมรับ
  • F70F5I-3: ใช้บทบาทสมมุติหรือสถานการณ์จำลอง เพื่อสอนพฤติกรรมทางสังคมที่เหมาะสม
  • F70F5I-4: ให้คำชี้แนะทันทีอย่างสุภาพเมื่อมีพฤติกรรมไม่เหมาะสม พร้อมบอกวิธีที่ควรทำแทน
  • F70F5I-5: เสริมแรงเชิงบวก เช่น ชมเชย หรือให้รางวัลเมื่อผู้ป่วยแสดงพฤติกรรมเหมาะสม
  • F70F5I-6: สังเกตและบันทึกความก้าวหน้าในการปรับพฤติกรรมของผู้ป่วย
  • F70F5I-7: สนับสนุนให้ผู้ป่วยเข้าร่วมกิจกรรมกลุ่มอย่างเหมาะสมตามระดับความสามารถ
  • F70F5I-8: สอนผู้ดูแลหรือครอบครัวให้เสริมแรงในแนวทางเดียวกัน เพื่อส่งเสริมพฤติกรรมที่ดี

🌱 Response (การตอบสนอง)

  • F70F5R-1: ผู้ป่วยลดพฤติกรรมไม่เหมาะสมลงอย่างเห็นได้ชัด
  • F70F5R-2: ผู้ป่วยเริ่มทักทาย หรือร่วมกิจกรรมกลุ่มด้วยพฤติกรรมที่เหมาะสม
  • F70F5R-3: ผู้ป่วยสามารถฟังผู้อื่น และไม่พูดแทรกบ่อยครั้ง
  • F70F5R-4: ผู้ป่วยยอมรับคำแนะนำโดยไม่โต้เถียงหรือโกรธ
  • F70F5R-5: ผู้ป่วยได้รับการยอมรับมากขึ้นจากคนรอบข้าง

..............................................................................

🧠F70F6 – ขาดความรู้เกี่ยวกับภาวะของตนเองและการดูแลต่อเนื่อง (Deficient knowledge about condition and self-care in Mild Intellectual Disabilities)

🩺 Assessment (การประเมิน)

S:

  • ผู้ป่วยหรือญาติกล่าวว่า “ไม่รู้ว่าโรคนี้คืออะไร”
  • ญาติถามว่า “ต้องดูแลเขายังไงให้ปลอดภัย”

O:

  • ผู้ป่วยมีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมต่อการดูแลตนเอง เช่น ไม่ล้างมือ ไม่แปรงฟัน
  • ญาติไม่สามารถอธิบายเกี่ยวกับภาวะโรค หรือสิทธิในการรับบริการสุขภาพ
  • ไม่มีเอกสารความรู้เกี่ยวกับโรคหรือการดูแลติดตัวผู้ป่วย

🎯 Goals (เป้าหมาย)

  • ผู้ป่วยและญาติได้รับความรู้เกี่ยวกับภาวะปัญญาอ่อนระดับเล็กน้อย
  • ผู้ป่วยและญาติเข้าใจวิธีดูแลตนเองและเข้าถึงบริการที่เหมาะสม
  • ผู้ป่วยสามารถปฏิบัติตนตามคำแนะนำได้ตามศักยภาพ

✅ Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)

  • ญาติสามารถอธิบายเกี่ยวกับภาวะโรคและแนวทางดูแลต่อเนื่องได้ถูกต้อง
  • ผู้ป่วยปฏิบัติตามคำแนะนำได้บางส่วนตามความสามารถ
  • ผู้ป่วยและญาติรู้สิทธิการเข้ารับบริการและใช้สิทธิเหมาะสม

🛡️ Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)

  • F70F6I-1: ประเมินระดับความรู้ของผู้ป่วยและญาติก่อนให้ข้อมูล
  • F70F6I-2: ให้ความรู้เกี่ยวกับภาวะปัญญาอ่อนระดับเล็กน้อย โดยใช้ภาษาที่เข้าใจง่าย และภาพประกอบ
  • F70F6I-3: สอนวิธีดูแลผู้ป่วยในชีวิตประจำวัน เช่น การรับประทานยา สุขอนามัย การเฝ้าระวังอารมณ์
  • F70F6I-4: ให้ข้อมูลสิทธิการรักษาพยาบาลและการเข้าถึงบริการ เช่น บัตรทอง, สิทธิผู้พิการ
  • F70F6I-5: จัดทำใบแนะนำหรือเอกสารประกอบที่อ่านง่าย สำหรับผู้ป่วยและครอบครัว
  • F70F6I-6: เชิญนักสังคมสงเคราะห์หรือทีมสหวิชาชีพร่วมให้ข้อมูลเพิ่มเติมกรณีซับซ้อน
  • F70F6I-7: ติดตามความเข้าใจของผู้ป่วยและญาติหลังการให้ข้อมูลโดยใช้คำถามสั้นๆ
  • F70F6I-8: สนับสนุนให้ญาติพูดคุย แนะนำ และทบทวนความรู้ให้กับผู้ป่วยเป็นประจำ

🌱 Response (การตอบสนอง)

  • F70F6R-1: ญาติสามารถอธิบายโรคและการดูแลเบื้องต้นได้ถูกต้อง
  • F70F6R-2: ผู้ป่วยเริ่มดูแลตนเองบางอย่างได้ เช่น ล้างมือ, เปลี่ยนเสื้อผ้า
  • F70F6R-3: ผู้ป่วยและญาติแสดงท่าทีพร้อมเข้าร่วมกิจกรรมความรู้หรือรับบริการต่อเนื่อง
  • F70F6R-4: ญาติสามารถใช้สิทธิการรักษาพยาบาลและเข้าถึงบริการสาธารณสุข
  • F70F6R-5: ผู้ป่วยได้รับการดูแลที่เหมาะสมจากครอบครัวต่อเนื่องที่บ้าน

.................................................................................

🧠F70F7 – ความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนจากพฤติกรรมซ้ำซาก เช่น กัดเล็บ ดึงผม (Risk for complications from repetitive behaviors in Mild Intellectual Disabilities)

🩺 Assessment (การประเมิน)

S:

  • ผู้ป่วยมีพฤติกรรมกัดเล็บ ดึงผม หรือทำซ้ำๆ ในสถานการณ์เครียด
  • ญาติหรือผู้ดูแลบ่นเกี่ยวกับการที่ผู้ป่วยไม่สามารถควบคุมพฤติกรรมได้

O:

  • ผู้ป่วยมีแผลที่เล็บหรือหนังศีรษะจากพฤติกรรมซ้ำซาก
  • พฤติกรรมทำให้ผู้ป่วยมีอาการเจ็บปวดหรือบาดเจ็บที่ผิวหนัง
  • พฤติกรรมไม่เหมาะสมเกิดขึ้นซ้ำๆ ในทุกสถานการณ์ที่มีความเครียดหรือวิตกกังวล

🎯 Goals (เป้าหมาย)

  • ลดพฤติกรรมกัดเล็บ ดึงผม และพฤติกรรมซ้ำซากอื่นๆ
  • ป้องกันการเกิดแผลหรือการติดเชื้อจากพฤติกรรมซ้ำซาก
  • สอนและสนับสนุนให้ผู้ป่วยสามารถเบี่ยงเบนพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมได้
  • ผู้ป่วยสามารถจัดการกับความเครียดได้โดยไม่ต้องพึ่งพาพฤติกรรมซ้ำซาก

✅ Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)

  • พฤติกรรมกัดเล็บหรือดึงผมลดลงอย่างชัดเจน
  • ไม่มีแผลหรือการติดเชื้อจากพฤติกรรมซ้ำซาก
  • ผู้ป่วยสามารถแสดงพฤติกรรมเบี่ยงเบนที่เหมาะสมเมื่อรู้สึกเครียด
  • ครอบครัวสามารถใช้เทคนิคในการควบคุมพฤติกรรมซ้ำซากได้

🛡️ Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)

  • F70F7I-1: ประเมินพฤติกรรมซ้ำซากและปัจจัยที่ทำให้เกิดพฤติกรรมนั้นๆ เช่น สถานการณ์เครียด
  • F70F7I-2: สอนเทคนิคการเบี่ยงเบนพฤติกรรม เช่น การใช้มือหรือนิ้วจับของเล่น หรือสิ่งที่ทำให้สนใจ
  • F70F7I-3: ให้คำแนะนำในการใช้เทคนิคผ่อนคลาย เช่น การหายใจลึกๆ หรือการทำสมาธิเพื่อลดความเครียด
  • F70F7I-4: จัดการสิ่งแวดล้อมให้เหมาะสม เช่น ลดปัจจัยกระตุ้นความเครียด และทำให้ผู้ป่วยรู้สึกปลอดภัย
  • F70F7I-5: ควบคุมและดูแลแผลจากพฤติกรรมซ้ำซาก เช่น การรักษาแผลหรือการให้ยาปฏิชีวนะป้องกันการติดเชื้อ
  • F70F7I-6: สนับสนุนให้ครอบครัวมีบทบาทในการฝึกและควบคุมพฤติกรรมซ้ำซากที่บ้าน

🌱 Response (การตอบสนอง)

  • F70F7R-1: พฤติกรรมกัดเล็บ ดึงผมลดลงอย่างชัดเจน
  • F70F7R-2: ผู้ป่วยไม่แสดงพฤติกรรมซ้ำซากเมื่อเผชิญกับสถานการณ์เครียด
  • F70F7R-3: ไม่มีแผลหรือการติดเชื้อที่เกิดจากพฤติกรรมซ้ำซาก
  • F70F7R-4: ผู้ป่วยสามารถใช้เทคนิคเบี่ยงเบนพฤติกรรมได้ดี เช่น จับของเล่นหรือหายใจลึก
  • F70F7R-5: ครอบครัวมีความมั่นใจในการควบคุมพฤติกรรมซ้ำซากของผู้ป่วยที่บ้าน

..................................................................................

🧠F70F8 – ครอบครัวมีความเครียดจากภาระในการดูแล (Caregiver role strain in Mild Intellectual Disabilities)

🩺 Assessment (การประเมิน)

S:

  • ผู้ดูแลรู้สึกเหนื่อยล้าและเครียดจากการดูแลผู้ป่วย
  • ผู้ดูแลรายงานว่าขาดเวลาในการพักผ่อนและกิจกรรมส่วนตัว
  • ผู้ดูแลรู้สึกว่าไม่มีการสนับสนุนหรือความช่วยเหลือจากภายนอก

O:

  • ผู้ดูแลมีสัญญาณของความเครียด เช่น การนอนไม่หลับหรืออารมณ์แปรปรวน
  • ผู้ดูแลแสดงความกังวลเกี่ยวกับภาระที่ต้องดูแลผู้ป่วยในระยะยาว
  • ผู้ดูแลขาดทักษะในการจัดการกับความเครียด

🎯 Goals (เป้าหมาย)

  • ลดความเครียดจากภาระการดูแล
  • ส่งเสริมการพักผ่อนและสนับสนุนผู้ดูแลในการดูแลตนเอง
  • เพิ่มความรู้และทักษะในการจัดการความเครียดของผู้ดูแล
  • จัดหาการสนับสนุนจากหน่วยงานช่วยเหลือหรือกลุ่มสนับสนุน
  • ให้ผู้ดูแลมีเวลาพักผ่อนและมีการสื่อสารกับบุคคลภายนอกเพื่อลดภาระทางอารมณ์

✅ Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)

  • ผู้ดูแลมีการลดความเครียดจากการดูแล
  • ผู้ดูแลสามารถพักผ่อนและมีเวลาส่วนตัวมากขึ้น
  • ผู้ดูแลสามารถใช้กลยุทธ์การจัดการความเครียดได้ดีขึ้น
  • ผู้ดูแลได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานช่วยเหลือหรือกลุ่มสนับสนุน
  • ผู้ดูแลรู้สึกมั่นใจและได้รับกำลังใจในการดำเนินการดูแลต่อไป

🛡️ Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)

  • F70F8I-1: ประเมินระดับความเครียดของผู้ดูแลโดยใช้แบบสอบถามหรือสัมภาษณ์
  • F70F8I-2: ให้คำแนะนำเกี่ยวกับการจัดการความเครียด เช่น เทคนิคการหายใจลึกๆ หรือการทำสมาธิ
  • F70F8I-3: แนะนำผู้ดูแลให้มีเวลาพักผ่อนและแบ่งเวลาในการดูแลตนเอง
  • F70F8I-4: เชื่อมโยงผู้ดูแลกับกลุ่มสนับสนุนหรือหน่วยงานที่ให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ดูแล
  • F70F8I-5: สนับสนุนให้ผู้ดูแลมีการพูดคุยหรือพบปะกับบุคคลภายนอกเพื่อบรรเทาความเครียด
  • F70F8I-6: ให้ความรู้เกี่ยวกับวิธีการดูแลผู้ป่วยในรูปแบบที่ไม่ทำให้ผู้ดูแลรู้สึกเหนื่อยล้าจนเกินไป

🌱 Response (การตอบสนอง)

  • F70F8R-1: ผู้ดูแลรู้สึกเครียดลดลงหลังได้รับคำแนะนำและการสนับสนุน
  • F70F8R-2: ผู้ดูแลมีเวลาพักผ่อนมากขึ้นและไม่รู้สึกเหนื่อยล้าเกินไป
  • F70F8R-3: ผู้ดูแลสามารถใช้เทคนิคการจัดการความเครียดได้ดีขึ้น
  • F70F8R-4: ผู้ดูแลได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานช่วยเหลือหรือกลุ่มสนับสนุนอย่างต่อเนื่อง
  • F70F8R-5: ผู้ดูแลรู้สึกมั่นใจมากขึ้นในการดูแลผู้ป่วยและสามารถจัดการกับภาระได้ดีขึ้น

………………………………………………………………………………….

🧠 F70F9 – ขาดการวางแผนเพื่อพัฒนาทักษะชีวิตหลังจำหน่าย (Ineffective discharge planning for life skills development in Mild Intellectual Disabilities)

🩺 Assessment (การประเมิน)

S:

  • ผู้ป่วยหรือครอบครัวไม่แน่ใจว่าจะพัฒนาทักษะชีวิตอย่างไรหลังออกจากโรงพยาบาล
  • ผู้ป่วยยังขาดทักษะการดูแลตนเองในด้านการทำกิจวัตรประจำวัน เช่น การทำอาหารหรือการจัดการการเงิน
  • ผู้ดูแลไม่ทราบวิธีการฝึกทักษะชีวิตให้กับผู้ป่วย

O:

  • ผู้ป่วยสามารถทำกิจกรรมบางอย่างได้ แต่ยังต้องการความช่วยเหลือมากในหลายๆ ด้าน
  • ผู้ดูแลอาจขาดความเข้าใจเกี่ยวกับการฝึกทักษะชีวิต
  • ไม่มีแผนการฝึกทักษะชีวิตที่ชัดเจนและสามารถทำได้ในชีวิตประจำวัน

🎯 Goals (เป้าหมาย)

  • สร้างแผนการพัฒนาทักษะชีวิตสำหรับผู้ป่วยหลังออกจากโรงพยาบาล
  • ส่งเสริมให้ผู้ป่วยสามารถพัฒนาทักษะการดูแลตนเองได้ตามศักยภาพ
  • ให้ความรู้และการฝึกทักษะแก่ครอบครัวในการช่วยเหลือผู้ป่วย
  • จัดเตรียมแผนการฝึกทักษะชีวิตที่สามารถนำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้จริง
  • ติดตามความก้าวหน้าในการพัฒนาทักษะชีวิตของผู้ป่วยและปรับปรุงแผนตามความจำเป็น

✅ Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)

  • ผู้ป่วยสามารถฝึกทักษะชีวิตพื้นฐานได้ เช่น การทำอาหาร การทำความสะอาด
  • ครอบครัวมีความเข้าใจเกี่ยวกับการฝึกทักษะชีวิตและสามารถสนับสนุนผู้ป่วยได้
  • ผู้ป่วยสามารถทำกิจวัตรประจำวันได้ด้วยตนเองหรือได้รับการช่วยเหลือจากครอบครัวในระดับที่เหมาะสม
  • แผนการฝึกทักษะชีวิตได้รับการปรับปรุงตามความต้องการของผู้ป่วย
  • ผู้ป่วยมีความพึงพอใจในกระบวนการพัฒนาทักษะชีวิตหลังจำหน่าย

🛡️ Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)

  • F70F9I-1: ประเมินทักษะชีวิตพื้นฐานที่ผู้ป่วยสามารถทำได้และพื้นที่ที่ต้องการการพัฒนา
  • F70F9I-2: ร่วมกับทีมพยาบาลและครอบครัวในการพัฒนาแผนการฝึกทักษะชีวิตที่เหมาะสมสำหรับผู้ป่วย
  • F70F9I-3: ฝึกทักษะการทำกิจกรรมในชีวิตประจำวัน เช่น การเตรียมอาหาร การทำความสะอาดบ้าน หรือการจัดการการเงิน
  • F70F9I-4: ให้คำแนะนำและข้อมูลเกี่ยวกับการสนับสนุนทางสังคมและบริการที่สามารถช่วยเหลือผู้ป่วยหลังออกจากโรงพยาบาล
  • F70F9I-5: สอนและสนับสนุนครอบครัวในการช่วยฝึกทักษะชีวิตให้กับผู้ป่วยอย่างมีประสิทธิภาพ
  • F70F9I-6: กำหนดการติดตามผลและปรับแผนการฝึกทักษะชีวิตตามผลการประเมิน

🌱 Response (การตอบสนอง)

  • F70F9R-1: ผู้ป่วยมีทักษะในการทำกิจกรรมประจำวันเพิ่มขึ้นตามแผนการฝึก
  • F70F9R-2: ครอบครัวสามารถช่วยเหลือและฝึกทักษะชีวิตให้กับผู้ป่วยได้ดียิ่งขึ้น
  • F70F9R-3: ผู้ป่วยและครอบครัวมีความมั่นใจในการจัดการกับชีวิตหลังออกจากโรงพยาบาล
  • F70F9R-4: แผนการฝึกทักษะชีวิตได้รับการปรับปรุงเพื่อให้เหมาะสมกับความสามารถและความต้องการของผู้ป่วย
  • F70F9R-5: ผู้ป่วยมีความพึงพอใจและมีความก้าวหน้าในการพัฒนาทักษะชีวิตหลังจำหน่าย

………………………………………………………………………

🧠F70F10 – ความเสี่ยงต่อการขาดการติดตามดูแลภายหลังจำหน่าย  (Risk for ineffective follow-up care in Mild Intellectual Disabilities)

🩺 Assessment (การประเมิน)

S:

  • ผู้ป่วยไม่มีแผนการติดตามดูแลหลังออกจากโรงพยาบาล
  • ครอบครัวหรือผู้ดูแลไม่รู้ว่าจะต้องติดตามหรือให้การดูแลอย่างไรหลังการจำหน่าย
  • ผู้ป่วยอาจมีความเสี่ยงที่จะกลับมาอาการแย่ลงหากไม่ได้รับการดูแลอย่างต่อเนื่อง
  • ไม่มีแหล่งสนับสนุนหรือการเชื่อมโยงกับบริการสุขภาพในชุมชน

O:

  • ผู้ป่วยจำเป็นต้องมีการติดตามผลอย่างต่อเนื่องเพื่อป้องกันอาการแย่ลง
  • ผู้ป่วยอาจขาดการสนับสนุนจากบริการสุขภาพภายนอก
  • ครอบครัวต้องการการช่วยเหลือในการดูแลผู้ป่วยหลังจากออกจากโรงพยาบาล

🎯 Goals (เป้าหมาย)

  • สร้างแผนการติดตามดูแลที่ชัดเจนร่วมกับครอบครัวและหน่วยบริการในชุมชน
  • ให้ข้อมูลเกี่ยวกับวิธีการติดตามและการดูแลหลังออกจากโรงพยาบาลแก่ผู้ป่วยและครอบครัว
  • เชื่อมโยงผู้ป่วยกับบริการสนับสนุนในชุมชน เช่น บริการสุขภาพชุมชน หรือหน่วยงานช่วยเหลือที่เกี่ยวข้อง
  • ตรวจสอบและประเมินผลการติดตามดูแลหลังการจำหน่าย
  • ส่งเสริมให้ผู้ป่วยและครอบครัวมีส่วนร่วมในการตัดสินใจเรื่องการติดตามดูแล

✅ Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)

  • ผู้ป่วยได้รับการติดตามดูแลจากหน่วยบริการในชุมชน
  • ครอบครัวมีความเข้าใจในการติดตามดูแลผู้ป่วยหลังออกจากโรงพยาบาล
  • แผนการติดตามดูแลได้รับการจัดเตรียมและนำไปปฏิบัติ
  • ผู้ป่วยได้รับการดูแลที่เหมาะสมและไม่แย่ลงหลังการจำหน่าย
  • ครอบครัวสามารถให้การสนับสนุนในการติดตามดูแลอย่างต่อเนื่อง

🛡️ Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)

  • F70F10I-1: จัดทำแผนการติดตามดูแลร่วมกับครอบครัวและหน่วยบริการในชุมชน
  • F70F10I-2: ให้ข้อมูลเกี่ยวกับการติดตามผลหลังออกจากโรงพยาบาล เช่น การนัดหมายเพื่อพบแพทย์หรือการใช้บริการในชุมชน
  • F70F10I-3: ประสานงานกับหน่วยบริการในชุมชนเพื่อให้แน่ใจว่าแผนการติดตามดูแลได้รับการดำเนินการ
  • F70F10I-4: สนับสนุนให้ครอบครัวมีส่วนร่วมในการติดตามผลและการดูแลผู้ป่วย
  • F70F10I-5: ติดตามผลการดำเนินการแผนติดตามดูแลหลังการจำหน่าย และประเมินการดำเนินการเป็นระยะ
  • F70F10I-6: จัดเตรียมแหล่งข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการดูแลผู้ป่วยหลังออกจากโรงพยาบาล เช่น เบอร์ติดต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

🌱 Response (การตอบสนอง)

  • F70F10R-1: ผู้ป่วยได้รับการติดตามดูแลตามแผนที่กำหนดและสถานะสุขภาพไม่แย่ลง
  • F70F10R-2: ครอบครัวมีความเข้าใจในกระบวนการติดตามและสามารถดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • F70F10R-3: แผนการติดตามดูแลได้รับการปรับปรุงให้เหมาะสมตามความต้องการของผู้ป่วย
  • F70F10R-4: การเชื่อมโยงกับหน่วยบริการในชุมชนได้ผลดีและผู้ป่วยได้รับการสนับสนุนที่จำเป็น
  • F70F10R-5: ผู้ป่วยและครอบครัวรู้สึกมั่นใจและได้รับการสนับสนุนในการดูแลภายหลังจำหน่าย

………………………………………………………………………

เอกสารอ้างอิง

  • กระทรวงสาธารณสุข. (2559). แนวทางการพัฒนาทักษะชีวิตสำหรับผู้ที่มีภาวะปัญญาอ่อน. กรุงเทพมหานคร: สำนักพัฒนาสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข.
  • สุทธิรัตน์ สนิทวงศ์. (2562). การดูแลผู้ป่วยภาวะปัญญาอ่อนในสังคมไทย. วารสารการพยาบาล, 37(4), 34-40.
  • World Health Organization (WHO). (2019). International Classification of Diseases 10th Revision (ICD-10). World Health Organization. Available at: https://www.who.int/classifications/icd/en/
  • Hassiotis, A., & Hall, I. (2018). Intellectual Disabilities and Clinical Nursing Practice. Oxford University Press.

…………………………………………………………………………….