Psych.
Topic 22 : Mild Intellectual Disability, IQ 50-69 - F70
🧠 ภาวะปัญญาอ่อนระดับเล็กน้อย (Mild
Intellectual Disability)
ผู้ที่มีพัฒนาการทางสติปัญญาช้ากว่าคนทั่วไปเล็กน้อย แต่ ยังดูแลตัวเองได้
และใช้ชีวิตประจำวันได้เป็นส่วนใหญ่
- 🔹 เรียนรู้ช้า ต้องใช้เวลามากขึ้น
- 🔹 พูด-เข้าใจคำพูดช้ากว่าปกติ
- 🔹 ต้องการคำแนะนำในการเรียนหรือทำงาน
- 🔹 ชีวิตประจำวันอาจต้องมีคนช่วยเป็นบางครั้ง
🔍พยาธิสภาพ / สาเหตุ
- 🧠 สมองทำงานช้ากว่าปกติตั้งแต่กำเนิด หรือเกิดจากความผิดปกติขณะตั้งครรภ์/คลอด เช่น ขาดออกซิเจน การติดเชื้อ หรือพันธุกรรม
⚠️ปัจจัยที่ทำให้เกิด
- 🧠 พันธุกรรม (ดาวน์ซินโดรม ฯลฯ)
- 🧠 การได้รับสารพิษหรือแอลกอฮอล์ในครรภ์
- 🧠 การคลอดก่อนกำหนด / น้ำหนักแรกเกิดต่ำ
- 🧠 การบาดเจ็บทางสมองในวัยเด็ก
💊การรักษา
- 🌈 ยังไม่มีวิธีรักษาให้หายขาด แต่สามารถ ฝึกทักษะด้านภาษา สังคม
- 🌈 การดูแลตนเอง ได้ผ่านการเรียนรู้และบำบัดที่เหมาะสม
👩⚕️การพยาบาล
- ✨สื่อสารช้าๆ ใช้คำง่ายๆ และให้กำลังใจ
- ✨ส่งเสริมความสามารถในการทำกิจวัตรประจำวัน
- ✨ทำงานร่วมกับครอบครัวและทีมสหวิชาชีพในการดูแลระยะยาว
💙การดูแลสำหรับบุคคลทั่วไป
- 🌟 อย่าตัดสินว่าเขา “โง่” หรือ “ขี้เกียจ”
- 🌟 ให้โอกาสและความเข้าใจ สนับสนุนเขาให้พัฒนาเต็มศักยภาพ
- 🌟 ใช้คำพูดเชิงบวก และเปิดพื้นที่ให้เขาแสดงความสามารถ
🧠 วินิจฉัยการพยาบาลผู้ป่วยภาวะปัญญาอ่อนระดับเล็กน้อย
(F70)
- F70F1 มีความเสี่ยงต่อการบาดเจ็บตนเองหรือผู้อื่น (Risk for injury to self or others) ผู้ป่วยอาจไม่เข้าใจอันตรายรอบตัว หรือควบคุมอารมณ์ได้ยาก ต้องประเมินพฤติกรรมและสภาพแวดล้อมอย่างใกล้ชิด
- F70F2 มีภาวะวิตกกังวลจากการอยู่ในสภาพแวดล้อมใหม่ (Anxiety related to unfamiliar environment) เมื่อเข้าโรงพยาบาล ผู้ป่วยอาจรู้สึกสับสน วิตกกังวล ต้องใช้วิธีพูดที่เข้าใจง่ายและให้ความรู้สึกปลอดภัย
- F70F3 มีภาวะการสื่อสารบกพร่อง (Impaired verbal communication) เนื่องจากมีพัฒนาการล่าช้า อาจพูดหรือเข้าใจได้ช้ากว่าปกติ ต้องใช้ภาษาง่าย ช้า และชัดเจน
- F70F4 มีความบกพร่องในการดูแลตนเอง (Self-care deficit) ผู้ป่วยอาจยังต้องช่วยเหลือในเรื่องการกิน แต่งตัว หรือการสุขอนามัย ควรส่งเสริมให้ทำได้ด้วยตนเองตามศักยภาพ
- F70F5 มีพฤติกรรมทางสังคมที่ไม่เหมาะสม (Impaired social interaction) อาจมีพฤติกรรมไม่เหมาะสมในที่สาธารณะ เพราะขาดทักษะทางสังคม ต้องสอนแบบตัวอย่างและให้กำลังใจ
- F70F6 ขาดความรู้เกี่ยวกับภาวะของตนเองและการดูแลต่อเนื่อง (Deficient knowledge about condition and self-care) ทั้งตัวผู้ป่วยและครอบครัวควรได้รับข้อมูลที่เข้าใจง่าย เกี่ยวกับโรค การดูแล และสิทธิการเข้ารับบริการ
- F70F7 มีความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนจากพฤติกรรมซ้ำซาก เช่น กัดเล็บ ดึงผม (Risk for complications from repetitive behaviors) พฤติกรรมเหล่านี้หากไม่ควบคุม อาจนำไปสู่แผลหรือการติดเชื้อ ควรสังเกตและเบี่ยงเบนพฤติกรรม
- F70F8 ครอบครัวมีความเครียดจากภาระในการดูแล (Caregiver role strain) ผู้ดูแลอาจเหนื่อยล้าและขาดแรงสนับสนุน ต้องให้คำแนะนำ การเยียวยาใจ และเชื่อมโยงกับหน่วยงานช่วยเหลือ
- F70F9 ขาดการวางแผนเพื่อพัฒนาทักษะชีวิตหลังจำหน่าย (Ineffective discharge planning for life skills development) ต้องประเมินความสามารถในการใช้ชีวิตหลังออกจากโรงพยาบาล และวางแผนฝึกทักษะอย่างต่อเนื่อง
- F70F10 ความเสี่ยงต่อการขาดการติดตามดูแลภายหลังจำหน่าย (Risk for ineffective follow-up care) หากไม่มีการติดตาม อาการอาจแย่ลง ต้องจัดทำแผนดูแลร่วมกับครอบครัวและหน่วยบริการในชุมชน
🧠 F70F1 – ความเสี่ยงต่อการบาดเจ็บตนเองหรือผู้อื่น
(Risk for injury to self or others in Mild Intellectual Disabilities)
🩺 Assessment (การประเมิน)
S:
- ผู้ป่วยบ่นว่า “ไม่อยากอยู่แล้ว”
- ครอบครัวรายงานว่าผู้ป่วยมีพฤติกรรมก้าวร้าวใส่คนรอบข้างเมื่อถูกขัดใจ
O:
- ผู้ป่วยเดินวน กัดเล็บ ดึงผมตัวเอง
- มีท่าทางหงุดหงิด ตอบสนองไวต่อเสียงหรือคำพูด
- มีรอยแดงที่ข้อมือจากการเกาแรง
- มีประวัติทำร้ายตัวเองหรือผู้อื่น
- พฤติกรรมควบคุมอารมณ์ได้น้อย และมีการใช้ของใช้ผิดวัตถุประสงค์ เช่น ขว้างของ
🎯 Goals (เป้าหมาย)
- ผู้ป่วยไม่เกิดการบาดเจ็บตนเองหรือผู้อื่นในช่วงเข้ารับการรักษา
- ผู้ป่วยแสดงพฤติกรรมที่เหมาะสมมากขึ้นเมื่อมีสิ่งกระตุ้นทางอารมณ์
- ผู้ป่วยสามารถควบคุมอารมณ์เบื้องต้นได้ด้วยการฝึกทักษะหรือคำแนะนำ
✅ Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมินผล)
- ผู้ป่วยไม่มีบาดแผลใหม่เกิดขึ้น
- ไม่มีรายงานหรือสังเกตเห็นการทำร้ายผู้อื่น
- ผู้ป่วยสามารถสงบอารมณ์ได้เมื่อได้รับคำแนะนำ
- ผู้ป่วยตอบสนองต่อวิธีเบี่ยงเบนพฤติกรรมอย่างเหมาะสม
🛡️ Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)
- F70F1I-1: ประเมินพฤติกรรมเสี่ยงและระดับความก้าวร้าวของผู้ป่วยทุกวัน
- F70F1I-2: จัดสิ่งแวดล้อมให้ปลอดภัย เช่น เก็บของมีคม/สิ่งของแตกหักได้ออกจากห้อง
- F70F1I-3: เฝ้าสังเกตอารมณ์และพฤติกรรมใกล้ชิด โดยเฉพาะช่วงเวลาเครียดหรือหลังถูกกระตุ้น
- F70F1I-4: ใช้ภาษาชัดเจนและเสียงนุ่มนวลเมื่อสื่อสารกับผู้ป่วย เพื่อลดความตึงเครียด
- F70F1I-5: สอนเทคนิคการควบคุมอารมณ์ เช่น หายใจช้าๆ การนับ 1–10 หรือออกจากสถานการณ์
- F70F1I-6: ให้ผู้ป่วยมีส่วนร่วมในการเลือกกิจกรรมผ่อนคลาย เช่น วาดภาพ เล่นดนตรี หรือเล่นกับของเล่นที่ปลอดภัย
- F70F1I-7: พูดคุยและให้กำลังใจอย่างสม่ำเสมอ เพื่อเสริมความมั่นใจในตนเอง
- F70F1I-8: ประสานกับทีมสุขภาพจิตหากพบแนวโน้มทำร้ายตนเองรุนแรงขึ้น
- F70F1I-9: ให้ครอบครัวมีส่วนร่วมในการสังเกตและดูแลอย่างใกล้ชิด
- F70F1I-10: บันทึกพฤติกรรมเสี่ยงและการตอบสนองของผู้ป่วยทุกครั้ง เพื่อวางแผนดูแลต่อเนื่อง
🪷 Response (การตอบสนอง)
- F70F1R-1: ผู้ป่วยไม่มีบาดแผลใหม่ และไม่ทำร้ายตนเองหรือผู้อื่น
- F70F1R-2: ผู้ป่วยสามารถหยุดพฤติกรรมก้าวร้าวเมื่อได้รับคำแนะนำอย่างนุ่มนวล
- F70F1R-3: ผู้ป่วยเลือกใช้วิธีควบคุมอารมณ์ที่ได้รับการฝึก เช่น นับเลข หรือหลีกเลี่ยง
- F70F1R-4: ครอบครัวให้ข้อมูลว่าผู้ป่วยมีพฤติกรรมสงบขึ้นเมื่อกลับบ้าน
- F70F1R-5: ผู้ป่วยร่วมกิจกรรมผ่อนคลายโดยไม่แสดงพฤติกรรมรุนแรง
………………………………………………………….
🧠F70F2 – ภาวะวิตกกังวลจากการอยู่ในสภาพแวดล้อมใหม่
(Anxiety related to unfamiliar environment in Mild Intellectual
Disabilities)
🩺 Assessment (การประเมิน)
S:
- ผู้ป่วยพูดว่า “กลัว ไม่อยากอยู่ที่นี่”
- ผู้ป่วยถามซ้ำบ่อยว่า “เมื่อไหร่จะได้กลับบ้าน”
O:
- ผู้ป่วยแสดงอาการกระสับกระส่าย เดินวน หายใจเร็ว
- หลีกเลี่ยงการสบตาหรือพูดคุยกับบุคคลแปลกหน้า
- มือสั่น เหงื่อออก และมีพฤติกรรมถดถอย เช่น กอดตุ๊กตาหรือขอพยาบาลอยู่ใกล้
🎯 Goals (เป้าหมาย)
- ผู้ป่วยรู้สึกปลอดภัยและลดความวิตกกังวล
- ผู้ป่วยสามารถปรับตัวกับสิ่งแวดล้อมใหม่ได้ดีขึ้น
- ผู้ป่วยแสดงพฤติกรรมที่ผ่อนคลายมากขึ้นระหว่างการดูแลในโรงพยาบาล
✅ Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมินผล)
- ผู้ป่วยหยุดแสดงอาการกระสับกระส่ายภายใน 24 ชั่วโมง
- ผู้ป่วยเริ่มพูดคุยกับบุคคลรอบข้างโดยไม่แสดงความหวาดกลัว
- ผู้ป่วยอยู่ในห้องพักโดยไม่มีพฤติกรรมร้องไห้หรือถามซ้ำมากเกินไป
- ผู้ป่วยสามารถทำกิจวัตรประจำวันในโรงพยาบาลได้ด้วยตนเอง
🛡️ Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)
- F70F2I-1: ประเมินระดับความวิตกกังวลและพฤติกรรมที่แสดงออกทุก 4 ชั่วโมง
- F70F2I-2: แนะนำตนเองอย่างชัดเจน พร้อมบอกชื่อ-หน้าที่ เพื่อให้ผู้ป่วยรู้สึกคุ้นเคย
- F70F2I-3: พาผู้ป่วยเยี่ยมชมพื้นที่รอบๆ เช่น ห้องพัก ห้องน้ำ เพื่อให้รู้จักสิ่งแวดล้อม
- F70F2I-4: ใช้คำพูดที่ง่าย ชัดเจน และอธิบายสิ่งที่จะเกิดขึ้นล่วงหน้าเสมอ
- F70F2I-5: ให้ผู้ป่วยเก็บสิ่งของส่วนตัวหรือของเล่นที่คุ้นเคยไว้ใกล้ตัว เช่น ตุ๊กตา
- F70F2I-6: จัดให้มีผู้ดูแลหรือคนในครอบครัวอยู่ด้วยในช่วงเริ่มแรก (หากเป็นไปได้)
- F70F2I-7: จัดสภาพแวดล้อมให้เงียบสงบ ลดสิ่งเร้าหรือเสียงดังรบกวน
- F70F2I-8: ชวนผู้ป่วยทำกิจกรรมง่ายๆ เช่น วาดภาพ เล่นบล็อก เพื่อผ่อนคลาย
- F70F2I-9: พูดให้กำลังใจ และชมเมื่อผู้ป่วยสามารถปรับตัวได้ดีขึ้น
- F70F2I-10: ประสานนักจิตวิทยาเด็กหรือทีมสุขภาพจิตเพื่อช่วยดูแลร่วมกรณีมีอาการรุนแรง
🪷 Response (การตอบสนอง)
- F70F2R-1: ผู้ป่วยสงบลง และสามารถพูดคุยกับพยาบาลได้โดยไม่หลบสายตา
- F70F2R-2: ผู้ป่วยสามารถอยู่ในห้องพักคนเดียวได้อย่างปลอดภัย
- F70F2R-3: ผู้ป่วยลดพฤติกรรมร้องไห้ ซักถามซ้ำ หรือเดินวน
- F70F2R-4: ผู้ป่วยเข้าร่วมกิจกรรมกับพยาบาลหรือบุคคลอื่นโดยไม่ปฏิเสธ
- F70F2R-5: ผู้ป่วยบอกว่ารู้สึก “สบายใจ” หรือ “ไม่กลัวแล้ว” เมื่ออยู่ในโรงพยาบาล
……………………………………………………………….
🗣️F70F3 – ภาวะการสื่อสารบกพร่อง Impaired
verbal communication in Mild Intellectual Disabilities)
🩺 Assessment (การประเมิน)
S:
- ผู้ป่วยพูดน้อย ตอบคำถามช้า หรือใช้คำไม่ชัด
- ผู้ป่วยแสดงท่าทีหงุดหงิดเมื่อพยายามจะพูดแล้วคนอื่นไม่เข้าใจ
O:
- ผู้ป่วยไม่สบตา หลีกเลี่ยงการตอบคำถาม
- ใช้ภาษากาย เช่น ชี้นิ้ว พยักหน้า หรือส่ายหน้า แทนการพูด
- ใช้คำศัพท์ซ้ำ หรือมีพฤติกรรมพูดวนในเรื่องเดิม
🎯 Goals (เป้าหมาย)
- ผู้ป่วยสามารถสื่อสารความต้องการพื้นฐานได้อย่างเข้าใจ
- ผู้ป่วยมีความร่วมมือในการโต้ตอบหรือใช้ภาษาทางเลือก
- ผู้ป่วยมีพฤติกรรมลดความหงุดหงิดจากการสื่อสาร
✅ Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)
- ผู้ป่วยสามารถสื่อสารด้วยคำง่าย ๆ หรือภาษากายได้ชัดเจนขึ้น
- ผู้ป่วยแสดงความพยายามพูดหรือสื่อสารโดยไม่หงุดหงิด
- ผู้ป่วยตอบสนองต่อคำถามอย่างเหมาะสมแม้จะพูดไม่ชัด
🛡️ Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)
- F70F3I-1: ประเมินระดับความสามารถด้านการสื่อสาร ทั้งการพูด ฟัง เข้าใจ และตอบสนอง
- F70F3I-2: ใช้ภาษาง่าย ชัดเจน พูดช้า และเน้นน้ำเสียงที่อบอุ่น
- F70F3I-3: พูดกับผู้ป่วยทีละประโยค หลีกเลี่ยงคำซับซ้อนหรือคำสั่งที่มีหลายขั้นตอน
- F70F3I-4: ใช้ภาพประกอบ ท่าทาง หรือบัตรคำ เพื่อช่วยการสื่อสาร
- F70F3I-5: ให้เวลาผู้ป่วยในการตอบสนอง ไม่เร่งรีบ
- F70F3I-6: สนับสนุนการใช้ภาษาทางเลือก เช่น การชี้ภาพ บัตรสัญลักษณ์ หรือแอปช่วยพูด
- F70F3I-7: กระตุ้นการสื่อสารเชิงบวก โดยการชมเชยเมื่อผู้ป่วยพยายามพูด
- F70F3I-8: สอนบุคลากรและผู้ดูแลใกล้ชิดให้ใช้รูปแบบการสื่อสารเดียวกัน
- F70F3I-9: ประสานนักกิจกรรมบำบัดหรือนักบำบัดการพูดกรณีสื่อสารได้จำกัดมาก
- F70F3I-10: บันทึกคำที่ผู้ป่วยใช้บ่อยหรือสื่อสารเข้าใจง่าย เพื่อให้บุคคลากรใช้ร่วมกัน
🪷 Response (การตอบสนอง)
- F70F3R-1: ผู้ป่วยสามารถสื่อสารความต้องการพื้นฐานได้ เช่น “หิวน้ำ” “ปวดท้อง”
- F70F3R-2: ผู้ป่วยมีสีหน้าสงบ และร่วมมือมากขึ้นเมื่อต้องสื่อสาร
- F70F3R-3: ผู้ป่วยใช้ภาพหรือภาษากายช่วยสื่อสารอย่างสม่ำเสมอ
- F70F3R-4: ผู้ป่วยพยายามพูดหรือมีการโต้ตอบในบทสนทนา
- F70F3R-5: ผู้ป่วยแสดงความพึงพอใจเมื่อตนเองสื่อสารแล้วคนอื่นเข้าใจ
…………………………………………………………………….
🧼F70F4 – ความบกพร่องในการดูแลตนเอง (Self-care
deficit in Mild Intellectual Disabilities)
🩺 Assessment (การประเมิน)
S:
- ผู้ป่วยพูดว่า “ทำไม่เป็น” หรือ “ต้องให้แม่ช่วย”
- แสดงความกังวลเมื่อถูกขอให้ทำสิ่งต่างๆ ด้วยตนเอง
O:
- ผู้ป่วยต้องได้รับการช่วยเหลือในการอาบน้ำ แปรงฟัน แต่งตัว หรือรับประทานอาหาร
- สังเกตเห็นเสื้อผ้าไม่เรียบร้อย ฟันสกปรก ผิวหนังแห้ง หรือมีกลิ่นตัว
- ขาดทักษะการใช้ช้อนส้อม หรือไม่สามารถดูแลสุขอนามัยตนเองได้ต่อเนื่อง
🎯 Goals (เป้าหมาย)
- ผู้ป่วยสามารถทำกิจวัตรประจำวันพื้นฐานได้ด้วยตนเองตามศักยภาพ
- ผู้ป่วยมีความมั่นใจในการช่วยเหลือตนเอง
- ผู้ป่วยได้รับการดูแลด้านสุขอนามัยอย่างเหมาะสม
✅ Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)
- ผู้ป่วยสามารถแปรงฟัน อาบน้ำ หรือแต่งตัวได้บางส่วน
- ผู้ป่วยพยายามทำกิจกรรมด้วยตนเองก่อนขอความช่วยเหลือ
- สุขภาพกายของผู้ป่วยดีขึ้น เช่น ผิวสะอาด ฟันสะอาด เสื้อผ้าเรียบร้อย
🛡️ Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)
- F70F4I-1: ประเมินความสามารถของผู้ป่วยในการดูแลตนเองแต่ละด้าน เช่น การกิน การอาบน้ำ การแต่งตัว
- F70F4I-2: แบ่งกิจกรรมออกเป็นขั้นตอนย่อย และแนะนำให้ทำทีละขั้นตอน
- F70F4I-3: ใช้คำพูดง่าย ๆ และแสดงตัวอย่างการปฏิบัติจริง เช่น การแปรงฟัน หรือใส่เสื้อผ้า
- F70F4I-4: ส่งเสริมให้ผู้ป่วยทำกิจกรรมด้วยตนเองก่อน ถ้าทำไม่ได้จึงช่วยเหลือบางส่วน
- F70F4I-5: ให้คำชมและกำลังใจทุกครั้งที่ผู้ป่วยพยายามหรือทำได้เอง
- F70F4I-6: จัดกิจวัตรประจำวันให้มีความสม่ำเสมอ เพื่อสร้างความคุ้นเคยและลดความสับสน
- F70F4I-7: ประสานนักกิจกรรมบำบัดเพื่อพัฒนาทักษะการดูแลตนเองของผู้ป่วย
- F70F4I-8: สอนญาติหรือผู้ดูแลให้ใช้แนวทางเดียวกันในการส่งเสริมการดูแลตนเอง
🪷 Response (การตอบสนอง)
- F70F4R-1: ผู้ป่วยสามารถอาบน้ำ แปรงฟัน หรือแต่งตัวได้อย่างน้อย 1 กิจกรรมด้วยตนเอง
- F70F4R-2: ผู้ป่วยแสดงความพยายามและไม่ปฏิเสธการดูแลตนเอง
- F70F4R-3: ผู้ป่วยมีสุขอนามัยดีขึ้นและสม่ำเสมอ
- F70F4R-4: ผู้ป่วยมีความมั่นใจมากขึ้นเมื่อต้องทำสิ่งต่างๆ ด้วยตนเอง
- F70F4R-5: ผู้ป่วยลดพฤติกรรมพึ่งพาผู้อื่นในกิจวัตรประจำวัน
...........................................................................
🧠F70F5 – พฤติกรรมทางสังคมไม่เหมาะสม (Impaired
social interaction in Mild Intellectual Disabilities)
🩺 Assessment (การประเมิน)
S:
- ผู้ป่วยพูดว่า “ไม่มีใครคุยกับเรา” หรือ “หนูไม่อยากอยู่กับใคร”
- ผู้ป่วยแสดงความไม่เข้าใจเมื่อมีคนตำหนิพฤติกรรมของตน
O:
- ผู้ป่วยมีพฤติกรรมไม่เหมาะสมในที่สาธารณะ เช่น ตะโกนเสียงดัง ดึงเสื้อผู้อื่น หรือแสดงความก้าวร้าว
- ผู้ป่วยแสดงพฤติกรรมแยกตัว ไม่ร่วมกิจกรรม
- ขาดการสบตา พูดแทรก หรือใช้ภาษากายไม่เหมาะสม
🎯 Goals (เป้าหมาย)
- ผู้ป่วยสามารถแสดงพฤติกรรมทางสังคมอย่างเหมาะสมตามสถานการณ์
- ผู้ป่วยสามารถมีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่นอย่างเหมาะสม
- ผู้ป่วยเรียนรู้และปรับตัวเมื่อมีคนแนะนำพฤติกรรมที่เหมาะสม
✅ Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)
- ผู้ป่วยลดพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมในสถานการณ์ทางสังคม
- ผู้ป่วยแสดงออกทางสังคมได้อย่างเหมาะสม เช่น การทักทาย ฟังผู้อื่น ไม่พูดแทรก
- ผู้ป่วยสามารถเข้าร่วมกิจกรรมกลุ่มได้โดยไม่ถูกรบกวนจากพฤติกรรมตนเอง
🛡️ Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)
- F70F5I-1: ประเมินลักษณะพฤติกรรมทางสังคมที่ไม่เหมาะสม และสถานการณ์ที่กระตุ้นให้เกิดพฤติกรรม
- F70F5I-2: สร้างบรรยากาศปลอดภัยและไม่ตัดสิน เพื่อให้ผู้ป่วยรู้สึกยอมรับ
- F70F5I-3: ใช้บทบาทสมมุติหรือสถานการณ์จำลอง เพื่อสอนพฤติกรรมทางสังคมที่เหมาะสม
- F70F5I-4: ให้คำชี้แนะทันทีอย่างสุภาพเมื่อมีพฤติกรรมไม่เหมาะสม พร้อมบอกวิธีที่ควรทำแทน
- F70F5I-5: เสริมแรงเชิงบวก เช่น ชมเชย หรือให้รางวัลเมื่อผู้ป่วยแสดงพฤติกรรมเหมาะสม
- F70F5I-6: สังเกตและบันทึกความก้าวหน้าในการปรับพฤติกรรมของผู้ป่วย
- F70F5I-7: สนับสนุนให้ผู้ป่วยเข้าร่วมกิจกรรมกลุ่มอย่างเหมาะสมตามระดับความสามารถ
- F70F5I-8: สอนผู้ดูแลหรือครอบครัวให้เสริมแรงในแนวทางเดียวกัน เพื่อส่งเสริมพฤติกรรมที่ดี
🌱 Response (การตอบสนอง)
- F70F5R-1: ผู้ป่วยลดพฤติกรรมไม่เหมาะสมลงอย่างเห็นได้ชัด
- F70F5R-2: ผู้ป่วยเริ่มทักทาย หรือร่วมกิจกรรมกลุ่มด้วยพฤติกรรมที่เหมาะสม
- F70F5R-3: ผู้ป่วยสามารถฟังผู้อื่น และไม่พูดแทรกบ่อยครั้ง
- F70F5R-4: ผู้ป่วยยอมรับคำแนะนำโดยไม่โต้เถียงหรือโกรธ
- F70F5R-5: ผู้ป่วยได้รับการยอมรับมากขึ้นจากคนรอบข้าง
..............................................................................
🧠F70F6 – ขาดความรู้เกี่ยวกับภาวะของตนเองและการดูแลต่อเนื่อง
(Deficient knowledge about condition and self-care in Mild Intellectual
Disabilities)
🩺 Assessment (การประเมิน)
S:
- ผู้ป่วยหรือญาติกล่าวว่า “ไม่รู้ว่าโรคนี้คืออะไร”
- ญาติถามว่า “ต้องดูแลเขายังไงให้ปลอดภัย”
O:
- ผู้ป่วยมีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมต่อการดูแลตนเอง เช่น ไม่ล้างมือ ไม่แปรงฟัน
- ญาติไม่สามารถอธิบายเกี่ยวกับภาวะโรค หรือสิทธิในการรับบริการสุขภาพ
- ไม่มีเอกสารความรู้เกี่ยวกับโรคหรือการดูแลติดตัวผู้ป่วย
🎯 Goals (เป้าหมาย)
- ผู้ป่วยและญาติได้รับความรู้เกี่ยวกับภาวะปัญญาอ่อนระดับเล็กน้อย
- ผู้ป่วยและญาติเข้าใจวิธีดูแลตนเองและเข้าถึงบริการที่เหมาะสม
- ผู้ป่วยสามารถปฏิบัติตนตามคำแนะนำได้ตามศักยภาพ
✅ Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)
- ญาติสามารถอธิบายเกี่ยวกับภาวะโรคและแนวทางดูแลต่อเนื่องได้ถูกต้อง
- ผู้ป่วยปฏิบัติตามคำแนะนำได้บางส่วนตามความสามารถ
- ผู้ป่วยและญาติรู้สิทธิการเข้ารับบริการและใช้สิทธิเหมาะสม
🛡️ Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)
- F70F6I-1: ประเมินระดับความรู้ของผู้ป่วยและญาติก่อนให้ข้อมูล
- F70F6I-2: ให้ความรู้เกี่ยวกับภาวะปัญญาอ่อนระดับเล็กน้อย โดยใช้ภาษาที่เข้าใจง่าย และภาพประกอบ
- F70F6I-3: สอนวิธีดูแลผู้ป่วยในชีวิตประจำวัน เช่น การรับประทานยา สุขอนามัย การเฝ้าระวังอารมณ์
- F70F6I-4: ให้ข้อมูลสิทธิการรักษาพยาบาลและการเข้าถึงบริการ เช่น บัตรทอง, สิทธิผู้พิการ
- F70F6I-5: จัดทำใบแนะนำหรือเอกสารประกอบที่อ่านง่าย สำหรับผู้ป่วยและครอบครัว
- F70F6I-6: เชิญนักสังคมสงเคราะห์หรือทีมสหวิชาชีพร่วมให้ข้อมูลเพิ่มเติมกรณีซับซ้อน
- F70F6I-7: ติดตามความเข้าใจของผู้ป่วยและญาติหลังการให้ข้อมูลโดยใช้คำถามสั้นๆ
- F70F6I-8: สนับสนุนให้ญาติพูดคุย แนะนำ และทบทวนความรู้ให้กับผู้ป่วยเป็นประจำ
🌱 Response (การตอบสนอง)
- F70F6R-1: ญาติสามารถอธิบายโรคและการดูแลเบื้องต้นได้ถูกต้อง
- F70F6R-2: ผู้ป่วยเริ่มดูแลตนเองบางอย่างได้ เช่น ล้างมือ, เปลี่ยนเสื้อผ้า
- F70F6R-3: ผู้ป่วยและญาติแสดงท่าทีพร้อมเข้าร่วมกิจกรรมความรู้หรือรับบริการต่อเนื่อง
- F70F6R-4: ญาติสามารถใช้สิทธิการรักษาพยาบาลและเข้าถึงบริการสาธารณสุข
- F70F6R-5: ผู้ป่วยได้รับการดูแลที่เหมาะสมจากครอบครัวต่อเนื่องที่บ้าน
.................................................................................
🧠F70F7 – ความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนจากพฤติกรรมซ้ำซาก
เช่น กัดเล็บ ดึงผม (Risk for complications from repetitive behaviors in
Mild Intellectual Disabilities)
🩺 Assessment (การประเมิน)
S:
- ผู้ป่วยมีพฤติกรรมกัดเล็บ ดึงผม หรือทำซ้ำๆ ในสถานการณ์เครียด
- ญาติหรือผู้ดูแลบ่นเกี่ยวกับการที่ผู้ป่วยไม่สามารถควบคุมพฤติกรรมได้
O:
- ผู้ป่วยมีแผลที่เล็บหรือหนังศีรษะจากพฤติกรรมซ้ำซาก
- พฤติกรรมทำให้ผู้ป่วยมีอาการเจ็บปวดหรือบาดเจ็บที่ผิวหนัง
- พฤติกรรมไม่เหมาะสมเกิดขึ้นซ้ำๆ ในทุกสถานการณ์ที่มีความเครียดหรือวิตกกังวล
🎯 Goals (เป้าหมาย)
- ลดพฤติกรรมกัดเล็บ ดึงผม และพฤติกรรมซ้ำซากอื่นๆ
- ป้องกันการเกิดแผลหรือการติดเชื้อจากพฤติกรรมซ้ำซาก
- สอนและสนับสนุนให้ผู้ป่วยสามารถเบี่ยงเบนพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมได้
- ผู้ป่วยสามารถจัดการกับความเครียดได้โดยไม่ต้องพึ่งพาพฤติกรรมซ้ำซาก
✅ Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)
- พฤติกรรมกัดเล็บหรือดึงผมลดลงอย่างชัดเจน
- ไม่มีแผลหรือการติดเชื้อจากพฤติกรรมซ้ำซาก
- ผู้ป่วยสามารถแสดงพฤติกรรมเบี่ยงเบนที่เหมาะสมเมื่อรู้สึกเครียด
- ครอบครัวสามารถใช้เทคนิคในการควบคุมพฤติกรรมซ้ำซากได้
🛡️ Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)
- F70F7I-1: ประเมินพฤติกรรมซ้ำซากและปัจจัยที่ทำให้เกิดพฤติกรรมนั้นๆ เช่น สถานการณ์เครียด
- F70F7I-2: สอนเทคนิคการเบี่ยงเบนพฤติกรรม เช่น การใช้มือหรือนิ้วจับของเล่น หรือสิ่งที่ทำให้สนใจ
- F70F7I-3: ให้คำแนะนำในการใช้เทคนิคผ่อนคลาย เช่น การหายใจลึกๆ หรือการทำสมาธิเพื่อลดความเครียด
- F70F7I-4: จัดการสิ่งแวดล้อมให้เหมาะสม เช่น ลดปัจจัยกระตุ้นความเครียด และทำให้ผู้ป่วยรู้สึกปลอดภัย
- F70F7I-5: ควบคุมและดูแลแผลจากพฤติกรรมซ้ำซาก เช่น การรักษาแผลหรือการให้ยาปฏิชีวนะป้องกันการติดเชื้อ
- F70F7I-6: สนับสนุนให้ครอบครัวมีบทบาทในการฝึกและควบคุมพฤติกรรมซ้ำซากที่บ้าน
🌱 Response (การตอบสนอง)
- F70F7R-1: พฤติกรรมกัดเล็บ ดึงผมลดลงอย่างชัดเจน
- F70F7R-2: ผู้ป่วยไม่แสดงพฤติกรรมซ้ำซากเมื่อเผชิญกับสถานการณ์เครียด
- F70F7R-3: ไม่มีแผลหรือการติดเชื้อที่เกิดจากพฤติกรรมซ้ำซาก
- F70F7R-4: ผู้ป่วยสามารถใช้เทคนิคเบี่ยงเบนพฤติกรรมได้ดี เช่น จับของเล่นหรือหายใจลึก
- F70F7R-5: ครอบครัวมีความมั่นใจในการควบคุมพฤติกรรมซ้ำซากของผู้ป่วยที่บ้าน
..................................................................................
🧠F70F8 – ครอบครัวมีความเครียดจากภาระในการดูแล (Caregiver
role strain in Mild Intellectual Disabilities)
🩺 Assessment (การประเมิน)
S:
- ผู้ดูแลรู้สึกเหนื่อยล้าและเครียดจากการดูแลผู้ป่วย
- ผู้ดูแลรายงานว่าขาดเวลาในการพักผ่อนและกิจกรรมส่วนตัว
- ผู้ดูแลรู้สึกว่าไม่มีการสนับสนุนหรือความช่วยเหลือจากภายนอก
O:
- ผู้ดูแลมีสัญญาณของความเครียด เช่น การนอนไม่หลับหรืออารมณ์แปรปรวน
- ผู้ดูแลแสดงความกังวลเกี่ยวกับภาระที่ต้องดูแลผู้ป่วยในระยะยาว
- ผู้ดูแลขาดทักษะในการจัดการกับความเครียด
🎯 Goals (เป้าหมาย)
- ลดความเครียดจากภาระการดูแล
- ส่งเสริมการพักผ่อนและสนับสนุนผู้ดูแลในการดูแลตนเอง
- เพิ่มความรู้และทักษะในการจัดการความเครียดของผู้ดูแล
- จัดหาการสนับสนุนจากหน่วยงานช่วยเหลือหรือกลุ่มสนับสนุน
- ให้ผู้ดูแลมีเวลาพักผ่อนและมีการสื่อสารกับบุคคลภายนอกเพื่อลดภาระทางอารมณ์
✅ Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)
- ผู้ดูแลมีการลดความเครียดจากการดูแล
- ผู้ดูแลสามารถพักผ่อนและมีเวลาส่วนตัวมากขึ้น
- ผู้ดูแลสามารถใช้กลยุทธ์การจัดการความเครียดได้ดีขึ้น
- ผู้ดูแลได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานช่วยเหลือหรือกลุ่มสนับสนุน
- ผู้ดูแลรู้สึกมั่นใจและได้รับกำลังใจในการดำเนินการดูแลต่อไป
🛡️ Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)
- F70F8I-1: ประเมินระดับความเครียดของผู้ดูแลโดยใช้แบบสอบถามหรือสัมภาษณ์
- F70F8I-2: ให้คำแนะนำเกี่ยวกับการจัดการความเครียด เช่น เทคนิคการหายใจลึกๆ หรือการทำสมาธิ
- F70F8I-3: แนะนำผู้ดูแลให้มีเวลาพักผ่อนและแบ่งเวลาในการดูแลตนเอง
- F70F8I-4: เชื่อมโยงผู้ดูแลกับกลุ่มสนับสนุนหรือหน่วยงานที่ให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ดูแล
- F70F8I-5: สนับสนุนให้ผู้ดูแลมีการพูดคุยหรือพบปะกับบุคคลภายนอกเพื่อบรรเทาความเครียด
- F70F8I-6: ให้ความรู้เกี่ยวกับวิธีการดูแลผู้ป่วยในรูปแบบที่ไม่ทำให้ผู้ดูแลรู้สึกเหนื่อยล้าจนเกินไป
🌱 Response (การตอบสนอง)
- F70F8R-1: ผู้ดูแลรู้สึกเครียดลดลงหลังได้รับคำแนะนำและการสนับสนุน
- F70F8R-2: ผู้ดูแลมีเวลาพักผ่อนมากขึ้นและไม่รู้สึกเหนื่อยล้าเกินไป
- F70F8R-3: ผู้ดูแลสามารถใช้เทคนิคการจัดการความเครียดได้ดีขึ้น
- F70F8R-4: ผู้ดูแลได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานช่วยเหลือหรือกลุ่มสนับสนุนอย่างต่อเนื่อง
- F70F8R-5: ผู้ดูแลรู้สึกมั่นใจมากขึ้นในการดูแลผู้ป่วยและสามารถจัดการกับภาระได้ดีขึ้น
………………………………………………………………………………….
🧠 F70F9 – ขาดการวางแผนเพื่อพัฒนาทักษะชีวิตหลังจำหน่าย
(Ineffective discharge planning for life skills development in Mild
Intellectual Disabilities)
🩺 Assessment (การประเมิน)
S:
- ผู้ป่วยหรือครอบครัวไม่แน่ใจว่าจะพัฒนาทักษะชีวิตอย่างไรหลังออกจากโรงพยาบาล
- ผู้ป่วยยังขาดทักษะการดูแลตนเองในด้านการทำกิจวัตรประจำวัน เช่น การทำอาหารหรือการจัดการการเงิน
- ผู้ดูแลไม่ทราบวิธีการฝึกทักษะชีวิตให้กับผู้ป่วย
O:
- ผู้ป่วยสามารถทำกิจกรรมบางอย่างได้ แต่ยังต้องการความช่วยเหลือมากในหลายๆ ด้าน
- ผู้ดูแลอาจขาดความเข้าใจเกี่ยวกับการฝึกทักษะชีวิต
- ไม่มีแผนการฝึกทักษะชีวิตที่ชัดเจนและสามารถทำได้ในชีวิตประจำวัน
🎯 Goals (เป้าหมาย)
- สร้างแผนการพัฒนาทักษะชีวิตสำหรับผู้ป่วยหลังออกจากโรงพยาบาล
- ส่งเสริมให้ผู้ป่วยสามารถพัฒนาทักษะการดูแลตนเองได้ตามศักยภาพ
- ให้ความรู้และการฝึกทักษะแก่ครอบครัวในการช่วยเหลือผู้ป่วย
- จัดเตรียมแผนการฝึกทักษะชีวิตที่สามารถนำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้จริง
- ติดตามความก้าวหน้าในการพัฒนาทักษะชีวิตของผู้ป่วยและปรับปรุงแผนตามความจำเป็น
✅ Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)
- ผู้ป่วยสามารถฝึกทักษะชีวิตพื้นฐานได้ เช่น การทำอาหาร การทำความสะอาด
- ครอบครัวมีความเข้าใจเกี่ยวกับการฝึกทักษะชีวิตและสามารถสนับสนุนผู้ป่วยได้
- ผู้ป่วยสามารถทำกิจวัตรประจำวันได้ด้วยตนเองหรือได้รับการช่วยเหลือจากครอบครัวในระดับที่เหมาะสม
- แผนการฝึกทักษะชีวิตได้รับการปรับปรุงตามความต้องการของผู้ป่วย
- ผู้ป่วยมีความพึงพอใจในกระบวนการพัฒนาทักษะชีวิตหลังจำหน่าย
🛡️ Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)
- F70F9I-1: ประเมินทักษะชีวิตพื้นฐานที่ผู้ป่วยสามารถทำได้และพื้นที่ที่ต้องการการพัฒนา
- F70F9I-2: ร่วมกับทีมพยาบาลและครอบครัวในการพัฒนาแผนการฝึกทักษะชีวิตที่เหมาะสมสำหรับผู้ป่วย
- F70F9I-3: ฝึกทักษะการทำกิจกรรมในชีวิตประจำวัน เช่น การเตรียมอาหาร การทำความสะอาดบ้าน หรือการจัดการการเงิน
- F70F9I-4: ให้คำแนะนำและข้อมูลเกี่ยวกับการสนับสนุนทางสังคมและบริการที่สามารถช่วยเหลือผู้ป่วยหลังออกจากโรงพยาบาล
- F70F9I-5: สอนและสนับสนุนครอบครัวในการช่วยฝึกทักษะชีวิตให้กับผู้ป่วยอย่างมีประสิทธิภาพ
- F70F9I-6: กำหนดการติดตามผลและปรับแผนการฝึกทักษะชีวิตตามผลการประเมิน
🌱 Response (การตอบสนอง)
- F70F9R-1: ผู้ป่วยมีทักษะในการทำกิจกรรมประจำวันเพิ่มขึ้นตามแผนการฝึก
- F70F9R-2: ครอบครัวสามารถช่วยเหลือและฝึกทักษะชีวิตให้กับผู้ป่วยได้ดียิ่งขึ้น
- F70F9R-3: ผู้ป่วยและครอบครัวมีความมั่นใจในการจัดการกับชีวิตหลังออกจากโรงพยาบาล
- F70F9R-4: แผนการฝึกทักษะชีวิตได้รับการปรับปรุงเพื่อให้เหมาะสมกับความสามารถและความต้องการของผู้ป่วย
- F70F9R-5: ผู้ป่วยมีความพึงพอใจและมีความก้าวหน้าในการพัฒนาทักษะชีวิตหลังจำหน่าย
………………………………………………………………………
🧠F70F10 – ความเสี่ยงต่อการขาดการติดตามดูแลภายหลังจำหน่าย (Risk for ineffective
follow-up care in Mild Intellectual Disabilities)
🩺 Assessment (การประเมิน)
S:
- ผู้ป่วยไม่มีแผนการติดตามดูแลหลังออกจากโรงพยาบาล
- ครอบครัวหรือผู้ดูแลไม่รู้ว่าจะต้องติดตามหรือให้การดูแลอย่างไรหลังการจำหน่าย
- ผู้ป่วยอาจมีความเสี่ยงที่จะกลับมาอาการแย่ลงหากไม่ได้รับการดูแลอย่างต่อเนื่อง
- ไม่มีแหล่งสนับสนุนหรือการเชื่อมโยงกับบริการสุขภาพในชุมชน
O:
- ผู้ป่วยจำเป็นต้องมีการติดตามผลอย่างต่อเนื่องเพื่อป้องกันอาการแย่ลง
- ผู้ป่วยอาจขาดการสนับสนุนจากบริการสุขภาพภายนอก
- ครอบครัวต้องการการช่วยเหลือในการดูแลผู้ป่วยหลังจากออกจากโรงพยาบาล
🎯 Goals (เป้าหมาย)
- สร้างแผนการติดตามดูแลที่ชัดเจนร่วมกับครอบครัวและหน่วยบริการในชุมชน
- ให้ข้อมูลเกี่ยวกับวิธีการติดตามและการดูแลหลังออกจากโรงพยาบาลแก่ผู้ป่วยและครอบครัว
- เชื่อมโยงผู้ป่วยกับบริการสนับสนุนในชุมชน เช่น บริการสุขภาพชุมชน หรือหน่วยงานช่วยเหลือที่เกี่ยวข้อง
- ตรวจสอบและประเมินผลการติดตามดูแลหลังการจำหน่าย
- ส่งเสริมให้ผู้ป่วยและครอบครัวมีส่วนร่วมในการตัดสินใจเรื่องการติดตามดูแล
✅ Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)
- ผู้ป่วยได้รับการติดตามดูแลจากหน่วยบริการในชุมชน
- ครอบครัวมีความเข้าใจในการติดตามดูแลผู้ป่วยหลังออกจากโรงพยาบาล
- แผนการติดตามดูแลได้รับการจัดเตรียมและนำไปปฏิบัติ
- ผู้ป่วยได้รับการดูแลที่เหมาะสมและไม่แย่ลงหลังการจำหน่าย
- ครอบครัวสามารถให้การสนับสนุนในการติดตามดูแลอย่างต่อเนื่อง
🛡️ Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)
- F70F10I-1: จัดทำแผนการติดตามดูแลร่วมกับครอบครัวและหน่วยบริการในชุมชน
- F70F10I-2: ให้ข้อมูลเกี่ยวกับการติดตามผลหลังออกจากโรงพยาบาล เช่น การนัดหมายเพื่อพบแพทย์หรือการใช้บริการในชุมชน
- F70F10I-3: ประสานงานกับหน่วยบริการในชุมชนเพื่อให้แน่ใจว่าแผนการติดตามดูแลได้รับการดำเนินการ
- F70F10I-4: สนับสนุนให้ครอบครัวมีส่วนร่วมในการติดตามผลและการดูแลผู้ป่วย
- F70F10I-5: ติดตามผลการดำเนินการแผนติดตามดูแลหลังการจำหน่าย และประเมินการดำเนินการเป็นระยะ
- F70F10I-6: จัดเตรียมแหล่งข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการดูแลผู้ป่วยหลังออกจากโรงพยาบาล เช่น เบอร์ติดต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
🌱 Response (การตอบสนอง)
- F70F10R-1: ผู้ป่วยได้รับการติดตามดูแลตามแผนที่กำหนดและสถานะสุขภาพไม่แย่ลง
- F70F10R-2: ครอบครัวมีความเข้าใจในกระบวนการติดตามและสามารถดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- F70F10R-3: แผนการติดตามดูแลได้รับการปรับปรุงให้เหมาะสมตามความต้องการของผู้ป่วย
- F70F10R-4: การเชื่อมโยงกับหน่วยบริการในชุมชนได้ผลดีและผู้ป่วยได้รับการสนับสนุนที่จำเป็น
- F70F10R-5: ผู้ป่วยและครอบครัวรู้สึกมั่นใจและได้รับการสนับสนุนในการดูแลภายหลังจำหน่าย
………………………………………………………………………
เอกสารอ้างอิง
- กระทรวงสาธารณสุข. (2559). แนวทางการพัฒนาทักษะชีวิตสำหรับผู้ที่มีภาวะปัญญาอ่อน. กรุงเทพมหานคร: สำนักพัฒนาสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข.
- สุทธิรัตน์ สนิทวงศ์. (2562). การดูแลผู้ป่วยภาวะปัญญาอ่อนในสังคมไทย. วารสารการพยาบาล, 37(4), 34-40.
- World Health Organization (WHO). (2019). International Classification of Diseases 10th Revision (ICD-10). World Health Organization. Available at: https://www.who.int/classifications/icd/en/
- Hassiotis, A., & Hall, I. (2018). Intellectual Disabilities and Clinical Nursing Practice. Oxford University Press.