Psych. Topic 26 : Dementia in Alzheimer's disease with early onset- F00
🧠พยาธิสภาพ
- 👉 โรคนี้เกิดจากเซลล์สมองเสื่อมและตายเร็วกว่าปกติ ทำให้ความคิด ความจำ และพฤติกรรมเปลี่ยนไป
- 👉 มักเริ่มมีอาการ ก่อนอายุ 65 ปี หรือในวัยทำงานตอนปลาย
📌อาการที่ควรสังเกต
- ✅ขี้ลืมผิดปกติ เช่น ลืมเรื่องสำคัญหรือทางกลับบ้าน
- ✅สับสนในเวลา/สถานที่
- ✅อารมณ์แปรปรวน หงุดหงิดง่าย
- ✅เริ่มทำงานหรือกิจวัตรประจำวันได้ไม่เหมือนเดิม
⚠️ปัจจัยเสี่ยง
- 🌀พันธุกรรม (ประวัติคนในครอบครัว)
- 🌀ความผิดปกติของยีนบางชนิด
- 🌀โรคหลอดเลือดหัวใจ ความดันสูง เบาหวาน
- 🌀การสูบบุหรี่ ดื่มแอลกอฮอล์
💊การรักษา
- 💡ไม่มีวิธีรักษาให้หายขาด แต่สามารถชะลอการเสื่อมได้
- 💡ใช้ยาเพื่อบรรเทาอาการความจำและพฤติกรรม
- 💡ฝึกสมองและทำกิจกรรมกระตุ้นความจำ
- 💡การดูแลร่วมกันในครอบครัวเป็นหัวใจสำคัญ
🩺แนวทางการพยาบาล
- 🔷 ประเมินความจำและพฤติกรรมอย่างต่อเนื่อง
- 🔷 สื่อสารอย่างชัดเจนและให้กำลังใจ
- 🔷 จัดสภาพแวดล้อมให้ปลอดภัย เช่น ติดป้ายบอกทาง/ของใช้
- 🔷 ส่งเสริมกิจกรรมที่ผู้ป่วยยังทำได้ เพื่อคงสมรรถภาพไว้ให้นานที่สุด
🧡การดูแลที่บุคคลทั่วไปทำได้
- ✅ อย่ามองข้ามอาการ “ขี้ลืม” ที่ผิดปกติ
- ✅ ฝึกสมองเป็นประจำ เช่น เล่นเกมต่อคำ อ่านหนังสือ
- ✅ ออกกำลังกายและนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ
- ✅ พบแพทย์เมื่อมีอาการน่าสงสัย อย่ารอให้สายเกินไป
............................................................................................
🔷 วินิจฉัยการพยาบาล 10 ข้อ
(F00 – Alzheimer's Dementia Nursing Diagnoses)
- F00F1 สับสนรุนแรง เสี่ยงต่อการเป็นอันตรายต่อตนเองและผู้อื่น (Acute confusion with risk of harm to self or others) ผู้ป่วยอาจสับสนเวลา สถานที่ บุคคล มีพฤติกรรมหลงทางหรือกระทำโดยไม่ยั้งคิด ต้องจัดสภาพแวดล้อมให้ปลอดภัยทันที
- F00F2 การรับรู้ผิดปกติ เสี่ยงต่อการบาดเจ็บ (Impaired perception with risk for injury) มีโอกาสมองเห็นสิ่งที่ไม่มีอยู่จริง (หลอน) หรือแปลความหมายสิ่งต่าง ๆ ผิดเพี้ยน ต้องดูแลไม่ให้ลื่นล้มหรือใช้ของมีคม
- F00F3 มีพฤติกรรมเปลี่ยนแปลง เช่น ก้าวร้าว หงุดหงิด (Altered behavior such as aggression or irritability)ควรสังเกตสิ่งกระตุ้นและลดสิ่งรบกวน เช่น เสียงดัง แสงจ้า เพื่อป้องกันการแสดงพฤติกรรมไม่เหมาะสม
- F00F4 มีภาวะหลงลืม ทำกิจวัตรประจำวันได้ลดลง (Impaired memory affecting daily living activities) ควรให้การดูแลแบบมีโครงสร้าง ช่วยจำด้วยภาพหรือป้าย และทำกิจวัตรประจำวันร่วมกันอย่างสม่ำเสมอ
- F00F5 มีภาวะซึมเศร้า (Depressed mood) ผู้ป่วยอาจมีอารมณ์เศร้า สิ้นหวัง ถอนตัวจากสังคม ควรให้การสนับสนุนทางอารมณ์และกระตุ้นให้มีปฏิสัมพันธ์
- F00F6 เสี่ยงต่อภาวะทุพโภชนาการ จากลืมกิน/เบื่ออาหาร (Risk for malnutrition related to poor intake or forgetting to eat)ต้องวางแผนการกินอาหารตามเวลา เลือกอาหารเคี้ยวง่าย และดูแลไม่ให้ลืมมื้ออาหาร
- F00F7 การสื่อสารบกพร่อง (Impaired verbal communication) ควรใช้ภาษาที่ง่าย ช้า ชัดเจน พร้อมท่าทางประกอบ และให้เวลาผู้ป่วยในการตอบสนอง
- F00F8 ครอบครัวมีภาวะเครียดจากบทบาทการดูแล (Caregiver role strain in family members) ต้องให้ข้อมูลเกี่ยวกับโรค สนับสนุนให้พักผ่อน และหาแหล่งช่วยเหลือ เช่น กลุ่มสนับสนุนหรือบริการผู้ดูแล
- F00F9 ขาดความรู้เกี่ยวกับโรคและการดูแลตนเอง (Deficient knowledge related to disease and self-care) ควรให้ความรู้เรื่องอาการ แนวทางการดูแล และการป้องกันภาวะแทรกซ้อนแก่ผู้ป่วยและครอบครัวอย่างต่อเนื่อง
- F00F10 วางแผนจำหน่ายและดูแลต่อเนื่องที่บ้าน (Readiness for discharge with continuing care needs) เตรียมครอบครัวให้สามารถดูแลที่บ้านได้ จัดการส่งต่อไปยังบริการดูแลผู้ป่วยเรื้อรัง หรือเยี่ยมบ้านตามแผน
……………………………………………………………………
🧠 F00F1 สับสนรุนแรง
เสี่ยงต่อการเป็นอันตรายต่อตนเองและผู้อื่น (Acute confusion with risk of
harm to self or others)
🔍 Assessment (การประเมิน)
S:
- "ผมไม่รู้ว่าที่นี่ที่ไหน"
- "คุณเป็นใคร ผมไม่รู้จัก"
O:
- ผู้ป่วยเดินออกนอกห้องโดยไม่รู้ทิศทาง
- ไม่รู้วัน เวลา สถานที่
- พยายามดึงสายให้ออก เช่น สายน้ำเกลือ
- แสดงพฤติกรรมก้าวร้าวเมื่อถูกขัดขวาง
- มีประวัติหลงทางหรือออกจากบ้านตอนกลางคืน
🎯 Goals (เป้าหมาย)
- ผู้ป่วยปลอดภัย ไม่ได้รับอันตรายจากตนเองหรือผู้อื่น
- ลดความสับสนลงภายใน 3 วัน
- ผู้ดูแลสามารถจัดสภาพแวดล้อมให้ปลอดภัยได้
📏 Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)
- ไม่มีพฤติกรรมเสี่ยงทำร้ายตนเองหรือผู้อื่น
- ผู้ป่วยอยู่ในพื้นที่ปลอดภัยตลอดเวลา
- สื่อสารกับบุคคลรอบข้างได้บ้างแม้ยังสับสน
- ครอบครัวให้ความร่วมมือในการดูแล
🩺 Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)
- F00F1I-1: ประเมินระดับความรู้สึกตัวและการสับสนทุก 4 ชั่วโมง เพื่อเฝ้าระวังความเปลี่ยนแปลงทางพฤติกรรม
- F00F1I-2: จัดห้องผู้ป่วยให้มีแสงเพียงพอ ไม่มืดหรือสว่างจ้าเกินไป เพื่อป้องกันการหลงทางและลดความวิตก
- F00F1I-3: จัดเตียงผู้ป่วยให้อยู่ใกล้สถานีพยาบาล พร้อมติดตั้งราวเตียงให้ครบ 2 ข้าง เพื่อป้องกันการพลัดตก
- F00F1I-4: สื่อสารด้วยน้ำเสียงสุภาพ ช้า ชัดเจน ไม่เร่งรีบ เพื่อให้ผู้ป่วยรู้สึกมั่นคงและลดความก้าวร้าว
- F00F1I-5: ติดป้ายบอกวัน เวลา และชื่อผู้ดูแลไว้ชัดเจนในห้อง เพื่อช่วยผู้ป่วยรับรู้สิ่งแวดล้อม
- F00F1I-6: ให้ผู้ดูแลอยู่กับผู้ป่วยตลอดเวลา โดยเฉพาะช่วงมีอาการสับสนมาก
- F00F1I-7: ประเมินพฤติกรรมเสี่ยง เช่น การเดินหลง ลุกจากเตียงบ่อย และบันทึกไว้ทุกครั้ง
- F00F1I-8: แจ้งทีมสหวิชาชีพ เช่น จิตแพทย์ หรือนักกิจกรรมบำบัด หากผู้ป่วยมีพฤติกรรมอันตรายบ่อย
- F00F1I-9: ให้การดูแลแบบประคับประคอง ไม่บังคับ ให้ความรู้แก่ครอบครัวเรื่องพฤติกรรมของผู้ป่วย
- F00F1I-10: ประเมินความเครียดของครอบครัว พร้อมแนะนำวิธีดูแลที่บ้านและช่องทางขอความช่วยเหลือ
✅ Response (การตอบสนอง)
- F00F1R-1: ผู้ป่วยไม่มีพฤติกรรมทำร้ายตนเองหรือผู้อื่นตลอดวัน
- F00F1R-2: ผู้ป่วยอยู่ในห้องหรือพื้นที่ที่จัดไว้โดยไม่พยายามออกนอกเขตปลอดภัย
- F00F1R-3: ผู้ป่วยตอบสนองต่อเสียงพูดและคำชี้แนะได้แม้ยังมีอาการสับสน
- F00F1R-4: ครอบครัวเข้าใจวิธีดูแล และมีความมั่นใจในการอยู่กับผู้ป่วย
- F00F1R-5: ผู้ป่วยมีความสงบลง พฤติกรรมก้าวร้าวลดลงอย่างเห็นได้ชัด
………………………………………………………..
🧠 F00F2 การรับรู้ผิดปกติ เสี่ยงต่อการบาดเจ็บ (Impaired
perception with risk for injury)
🔍 Assessment (การประเมิน)
S:
- "มีคนเดินอยู่ตรงนั้น!"
- "ได้ยินเสียงคนเรียก แต่ไม่มีใคร"
O:
- ผู้ป่วยมองสิ่งที่ไม่มีอยู่จริง (visual hallucination)
- ผู้ป่วยมีท่าทีหวาดกลัว วิตก หลีกเลี่ยงพื้นที่บางจุด
- พฤติกรรมสับสน ตอบสนองต่อสิ่งแวดล้อมผิดปกติ เช่น หลบเงา/วัตถุ
- พบว่าผู้ป่วยเดินชนสิ่งของ ล้มง่าย มีแผลฟกช้ำตามร่างกาย
🎯 Goals (เป้าหมาย)
- ผู้ป่วยปลอดภัย ไม่ได้รับบาดเจ็บ
- ลดอาการหลอนหรือรับรู้ผิดเพี้ยน
- ผู้ดูแลสามารถดูแลผู้ป่วยอย่างถูกต้องได้
📏 Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)
- ผู้ป่วยไม่มีบาดแผลใหม่หรือพฤติกรรมเสี่ยงบาดเจ็บ
- ผู้ป่วยตอบสนองต่อสิ่งแวดล้อมได้ดีขึ้น
- ครอบครัวมีความเข้าใจในการดูแล
🩺 Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)
- F00F2I-1: ประเมินสภาพแวดล้อมรอบตัวผู้ป่วยให้ปลอดภัย เช่น เก็บของมีคม วัตถุแหลม และสิ่งลื่น
- F00F2I-2: ลดสิ่งเร้าทางสายตา เช่น เงาสะท้อน ม่านลายซับซ้อน หรือแสงจ้าเกินไป
- F00F2I-3: พูดคุยกับผู้ป่วยด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล ช้า ชัดเจน เพื่อสร้างความมั่นใจ
- F00F2I-4: ติดตั้งไฟกลางคืนในห้องน้ำหรือทางเดิน เพื่อให้ผู้ป่วยมองเห็นชัดเจน
- F00F2I-5: หลีกเลี่ยงการปล่อยผู้ป่วยอยู่ลำพังนาน ๆ โดยเฉพาะเวลากลางคืน
- F00F2I-6: ประเมินและบันทึกอาการหลอนทุกครั้งที่เกิด เพื่อแจ้งแพทย์
- F00F2I-7: ให้ยาอย่างต่อเนื่องตามแผนการรักษา เช่น ยาต้านหลอน (ถ้ามีแพทย์สั่ง)
- F00F2I-8: สื่อสารกับครอบครัวเรื่องอาการหลอน เพื่อให้เข้าใจและไม่ตอบโต้รุนแรง
- F00F2I-9: ส่งเสริมให้ผู้ป่วยอยู่ในกิจกรรมที่คุ้นเคยเพื่อลดอาการหลงผิด
- F00F2I-10: หากอาการไม่ดีขึ้น แจ้งแพทย์เพื่อปรับแผนการรักษาอย่างเหมาะสม
✅ Response (การตอบสนอง)
- F00F2R-1: ผู้ป่วยไม่มีบาดเจ็บใหม่ เช่น ฟกช้ำหรือแผล
- F00F2R-2: ผู้ป่วยตอบสนองต่อสิ่งแวดล้อมได้ดีขึ้น เช่น ไม่ตื่นตกใจสิ่งรอบตัว
- F00F2R-3: อาการหลอนลดลง ครอบครัวรับมือได้ดี
- F00F2R-4: ผู้ป่วยพักผ่อนได้โดยไม่ต้องใช้ยาเพิ่มเติม (หากไม่มีอาการกำเริบ)
- F00F2R-5: ครอบครัวร่วมมือในการจัดสิ่งแวดล้อมบ้านอย่างปลอดภัย
………………………………………………………………………..
🧠 F00F3 มีพฤติกรรมเปลี่ยนแปลง เช่น ก้าวร้าว
หงุดหงิด (Altered behavior such as aggression or irritability)
🔍 Assessment (การประเมิน)
S:
- “เขาโมโหง่ายมากเวลาเปลี่ยนกิจกรรม”
- “พอห้องเสียงดัง เขาจะเริ่มตะโกน”
O:
- ผู้ป่วยแสดงพฤติกรรมก้าวร้าว เช่น ขว้างของ ตะโกน
- ผู้ป่วยหงุดหงิดเมื่อต้องเปลี่ยนกิจกรรมหรือเมื่อถูกเร่ง
- พฤติกรรมแสดงออกต่อเจ้าหน้าที่/ผู้ดูแลด้วยความไม่พอใจ
- มีการต่อต้านการดูแล เช่น ปฏิเสธอาบน้ำ หรือทานอาหาร
🎯 Goals (เป้าหมาย)
- ลดพฤติกรรมก้าวร้าว หงุดหงิด
- ผู้ป่วยแสดงพฤติกรรมสงบมากขึ้น
- ผู้ดูแลสามารถจัดการสถานการณ์ได้อย่างเหมาะสม
📏 Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)
- ผู้ป่วยลดพฤติกรรมก้าวร้าวลงภายใน 3 วัน
- ผู้ป่วยมีช่วงเวลาที่สงบมากขึ้นในแต่ละวัน
- ครอบครัว/ผู้ดูแลรู้วิธีหลีกเลี่ยงสิ่งกระตุ้นอารมณ์
🩺 Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)
- F00F3I-1: ประเมินสิ่งกระตุ้นพฤติกรรม เช่น เสียงดัง แสงจ้า หรือกิจกรรมที่เร่งรีบ
- F00F3I-2: ลดสิ่งรบกวนทางประสาทสัมผัส เช่น ปิดทีวี ปรับแสงให้พอดี
- F00F3I-3: สื่อสารกับผู้ป่วยด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล หลีกเลี่ยงการโต้เถียง
- F00F3I-4: วางกิจวัตรประจำวันให้คงที่ สม่ำเสมอ เพื่อความคุ้นเคย
- F00F3I-5: ให้ผู้ป่วยมีเวลาทำกิจกรรมอย่างเพียงพอ ไม่เร่งหรือขัดจังหวะ
- F00F3I-6: หากมีพฤติกรรมก้าวร้าว ให้เว้นระยะห่างและแจ้งเจ้าหน้าที่หรือผู้ดูแลทันที
- F00F3I-7: พิจารณาให้ผู้ป่วยพักในพื้นที่สงบ หรือเปิดเพลงเบา ๆ ที่ผู้ป่วยชอบ
- F00F3I-8: จัดเตรียมพื้นที่ให้ปลอดภัย ไม่มีสิ่งของที่ผู้ป่วยสามารถใช้ทำร้ายตัวเองหรือผู้อื่น
- F00F3I-9: บันทึกพฤติกรรมที่เกิดขึ้น พร้อมระบุสาเหตุและเวลาที่ชัดเจน
- F00F3I-10: ประสานแพทย์เพื่อปรับยาหากพฤติกรรมรุนแรงและต่อเนื่อง
✅ Response (การตอบสนอง)
- F00F3R-1: ผู้ป่วยมีพฤติกรรมสงบมากขึ้น
- F00F3R-2: ไม่มีพฤติกรรมรุนแรงต่อบุคคลรอบข้างภายใน 72 ชั่วโมง
- F00F3R-3: ผู้ป่วยมีสีหน้าและท่าทีผ่อนคลายเมื่ออยู่ในสิ่งแวดล้อมที่เหมาะสม
- F00F3R-4: ครอบครัวสามารถจัดการสถานการณ์ที่ยากลำบากได้ดีขึ้น
- F00F3R-5: ลดจำนวนเหตุการณ์ความรุนแรงลงจากสัปดาห์ก่อนหน้า
…………………………………………………………………
🧠 F00F4 มีภาวะหลงลืม ทำกิจวัตรประจำวันได้ลดลง (Impaired
memory affecting daily living activities)
🔍 Assessment (การประเมิน)
S:
- “เขาลืมว่ากินข้าวหรือยังบ่อยมาก”
- “บางทีลืมแม้แต่จะล้างหน้า แปรงฟัน”
O:
- ผู้ป่วยไม่สามารถทำกิจวัตรประจำวันเองได้ เช่น ลืมเปิดน้ำ ลืมใส่เสื้อผ้า
- ต้องมีผู้ช่วยเตือนหรือช่วยเหลือในทุกขั้นตอน
- สับสนว่าเวลาไหนควรทำกิจกรรมใด
- ลืมสถานที่จัดเก็บของหรือวัตถุในบ้าน
🎯 Goals (เป้าหมาย)
- ผู้ป่วยสามารถทำกิจวัตรประจำวันได้บางส่วนด้วยตนเอง
- ลดความสับสนจากการหลงลืม
- ผู้ป่วยรู้สึกมีส่วนร่วมและมีคุณค่าในชีวิตประจำวัน
📏 Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)
- ผู้ป่วยสามารถทำกิจวัตรประจำวันอย่างน้อย 1–2 กิจกรรมได้เอง
- มีการใช้สื่อช่วยจำ เช่น ป้าย, รูปภาพ, ปฏิทิน
- ครอบครัวช่วยส่งเสริมการทำกิจวัตรอย่างต่อเนื่อง
🩺 Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)
- F00F4I-1: ประเมินระดับความสามารถของผู้ป่วยในการทำกิจวัตรประจำวัน เช่น อาบน้ำ, กินยา
- F00F4I-2: จัดตารางกิจกรรมประจำวันแบบมีโครงสร้าง สม่ำเสมอทุกวัน
- F00F4I-3: ใช้ภาพหรือป้ายช่วยจำ เช่น ป้าย "แปรงฟัน", รูปแปรงสีฟันติดในห้องน้ำ
- F00F4I-4: พาผู้ป่วยทำกิจกรรมร่วมกัน เช่น อาบน้ำพร้อมแนะนำทีละขั้นตอน
- F00F4I-5: วางสิ่งของประจำที่เดิมเสมอ เช่น แปรงฟัน ผ้าเช็ดตัว ยา
- F00F4I-6: ส่งเสริมการใช้สมุดบันทึกหรือปฏิทินช่วยเตือนความจำ
- F00F4I-7: ให้กำลังใจเมื่อผู้ป่วยสามารถทำสิ่งใดได้สำเร็จ
- F00F4I-8: หลีกเลี่ยงคำตำหนิเมื่อผู้ป่วยลืมหรือทำผิด
- F00F4I-9: ประเมินผลทุกสัปดาห์ร่วมกับครอบครัวหรือทีมดูแล
- F00F4I-10: ประสานนักกิจกรรมบำบัดหรือนักจิตวิทยาในกรณีต้องการเทคนิคเพิ่มเติม
✅ Response (การตอบสนอง)
- F00F4R-1: ผู้ป่วยสามารถทำกิจวัตรประจำวันบางอย่างได้ด้วยตนเอง
- F00F4R-2: ผู้ป่วยใช้สื่อช่วยจำได้อย่างต่อเนื่อง
- F00F4R-3: ลดพฤติกรรมสับสนในเวลาและสถานที่ลง
- F00F4R-4: ผู้ป่วยมีสีหน้าและอารมณ์ดีขึ้นเมื่อได้มีส่วนร่วมในกิจกรรม
- F00F4R-5: ครอบครัวรู้วิธีสนับสนุนให้ผู้ป่วยทำกิจวัตรอย่างปลอดภัย
……………………………………………………………………….
🧠F00F5 ภาวะซึมเศร้า (Depressed mood)
🔍 Assessment (การประเมิน)
S:
- “ผู้ป่วยรู้สึกเหนื่อยหน่ายและไม่มีความสุข”
- “บางครั้งผู้ป่วยบอกว่าไม่อยากทำอะไรเลย”
- “ผู้ป่วยหลีกเลี่ยงการพบปะกับคนอื่น”
O:
- ผู้ป่วยมีการแสดงอารมณ์เศร้า เช่น การมองหน้านิ่ง หรือไม่ยิ้ม
- ผู้ป่วยมีอาการถอนตัวจากกิจกรรมที่เคยทำ
- การตอบสนองในกิจกรรมทางสังคมลดลง
🎯 Goals (เป้าหมาย)
- ผู้ป่วยจะเริ่มมีการตอบสนองต่อกิจกรรมทางสังคมและการสนทนา
- ผู้ป่วยจะมีอารมณ์ที่ดีขึ้นหรือมีความสุขขึ้นในระหว่างการสนทนาหรือการทำกิจกรรม
- ผู้ป่วยจะมีพฤติกรรมที่เปิดเผยอารมณ์มากขึ้น เช่น การพูดคุยหรือแสดงความสนใจ
📏 Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)
- ผู้ป่วยแสดงอารมณ์ที่ดีขึ้น เช่น ยิ้ม หรือมีการตอบสนองในการสนทนา
- ผู้ป่วยเริ่มมีปฏิสัมพันธ์กับผู้ดูแลและคนอื่น ๆ
- ลดการแสดงพฤติกรรมถอนตัวจากสังคมหรือกิจกรรม
🩺 Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)
- F00F5I-1: สังเกตและบันทึกอารมณ์และพฤติกรรมของผู้ป่วยเพื่อประเมินการเปลี่ยนแปลง
- F00F5I-2: กระตุ้นให้ผู้ป่วยมีการปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น โดยเริ่มจากกิจกรรมง่าย ๆ เช่น การพูดคุยสั้น ๆ หรือฟังเพลงที่ชอบ
- F00F5I-3: ให้กำลังใจและการสนับสนุนทางอารมณ์ให้กับผู้ป่วยโดยการแสดงความเห็นใจและไม่ตัดสิน
- F00F5I-4: ส่งเสริมให้ผู้ป่วยทำกิจกรรมที่กระตุ้นความสนใจและความสุข เช่น การดูภาพถ่ายหรือการพูดคุยเกี่ยวกับประสบการณ์ในอดีต
- F00F5I-5: จัดให้มีการพบปะกับเพื่อนหรือครอบครัวในสภาพแวดล้อมที่สะดวกสบายและปลอดภัย
- F00F5I-6: ส่งเสริมการออกกำลังกายเบา ๆ เช่น การเดินเล่น หรือการทำกิจกรรมกลุ่มเล็ก ๆ ที่ช่วยให้ผู้ป่วยรู้สึกมีส่วนร่วม
- F00F5I-7: สนับสนุนการเข้าร่วมกิจกรรมที่เป็นที่สนใจของผู้ป่วย เช่น งานอดิเรกหรือความชอบเฉพาะตัว
- F00F5I-8: ใช้การฝึกสมอง เช่น การเล่นเกมหรือกิจกรรมที่กระตุ้นความคิด เพื่อช่วยปรับอารมณ์และลดความเครียด
- F00F5I-9: พิจารณาใช้การบำบัดด้วยการพูดคุยหรือการรักษาทางจิตเวชหากผู้ป่วยมีอาการซึมเศร้าเรื้อรัง
✅ Response (การตอบสนอง)
- F00F5R-1: ผู้ป่วยเริ่มแสดงอารมณ์ที่ดีขึ้น เช่น ยิ้ม หรือตอบสนองในการสนทนา
- F00F5R-2: ผู้ป่วยเริ่มเข้าร่วมกิจกรรมทางสังคมบ่อยขึ้น
- F00F5R-3: ผู้ป่วยมีความสนใจในกิจกรรมที่เคยทำหรือความสนใจในสิ่งรอบข้าง
- F00F5R-4: ผู้ป่วยมีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมจากการถอนตัวและมีการสนทนาหรือปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น
- F00F5R-5: ผู้ป่วยสามารถพูดคุยเกี่ยวกับความรู้สึกหรือแสดงอารมณ์ได้มากขึ้น
…………………………………………………………………….
🧠F00F6 เสี่ยงต่อภาวะทุพโภชนาการจากการลืมกินหรือเบื่ออาหาร (Risk for malnutrition related to poor intake or forgetting to eat)
🔍 Assessment (การประเมิน)
S:
- “ผู้ป่วยมักบอกว่าไม่หิว หรือไม่อยากทานอาหาร”
- “บางครั้งผู้ป่วยลืมทานมื้ออาหารหรือทานแค่บางอย่าง”
- “ผู้ป่วยไม่สนใจหรือไม่ชอบอาหารที่เตรียมไว้”
O:
- ผู้ป่วยทานอาหารไม่ครบถ้วนหรือทานอาหารน้อยเกินไป
- น้ำหนักตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง
- บันทึกการทานอาหารพบว่าผู้ป่วยไม่ทานมื้ออาหารในบางครั้ง
- มีอาการเบื่ออาหารหรือหิวน้อย
🎯 Goals (เป้าหมาย)
- ผู้ป่วยทานอาหารครบทุกมื้อหรือทานอาหารได้มากขึ้นในแต่ละวัน
- ผู้ป่วยมีน้ำหนักตัวคงที่หรือเพิ่มขึ้นจากก่อนหน้า
- ผู้ป่วยสามารถระบุได้ว่าได้ทานอาหารครบทุกมื้อในแต่ละวัน
- ผู้ป่วยแสดงอาการมีความสุขหรือมีความอยากทานอาหารมากขึ้น
📏 Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)
- ผู้ป่วยทานอาหารทุกมื้อในแต่ละวันโดยไม่ลืม
- น้ำหนักตัวคงที่หรือเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน
- ผู้ป่วยไม่มีอาการเบื่ออาหารหรือทานน้อยลง
- ผู้ป่วยสามารถแสดงความต้องการอาหารได้โดยไม่ต้องกระตุ้น
🩺 Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)
- F00F6I-1: วางแผนการทานอาหารตามเวลาเพื่อช่วยให้ผู้ป่วยทานอาหารครบทุกมื้อ
- F00F6I-2: เตรียมอาหารที่ง่ายต่อการเคี้ยวและย่อย เช่น อาหารที่ปรุงเป็นชิ้นเล็ก ๆ หรืออาหารบด
- F00F6I-3: เตือนผู้ป่วยให้ทานอาหารทุกมื้อในเวลาที่กำหนด
- F00F6I-4: จัดเตรียมอาหารในลักษณะที่ดึงดูดและมีรสชาติที่ถูกใจผู้ป่วย
- F00F6I-5: กระตุ้นให้ผู้ป่วยดื่มน้ำให้เพียงพอในระหว่างมื้ออาหาร
- F00F6I-6: ตรวจสอบน้ำหนักตัวของผู้ป่วยอย่างสม่ำเสมอ เพื่อประเมินการรับประทานอาหาร
- F00F6I-7: สนับสนุนให้ผู้ป่วยมีส่วนร่วมในการเตรียมอาหาร หรือเลือกอาหารที่ชอบเพื่อเพิ่มความสนใจในการทาน
- F00F6I-8: จัดให้มีการสนทนาหรือมีการตั้งโต๊ะทานอาหารร่วมกับครอบครัวหรือบุคคลอื่นเพื่อกระตุ้นการทานอาหาร
✅ Response (การตอบสนอง)
- F00F6R-1: ผู้ป่วยเริ่มทานอาหารครบทุกมื้อในแต่ละวัน
- F00F6R-2: น้ำหนักตัวของผู้ป่วยคงที่หรือเพิ่มขึ้นจากก่อนหน้า
- F00F6R-3: ผู้ป่วยมีอาการทานอาหารได้ดีขึ้นและไม่เบื่ออาหาร
- F00F6R-4: ผู้ป่วยสามารถรับรู้ความหิวและแสดงความต้องการอาหารได้โดยไม่ต้องกระตุ้น
- F00F6R-5: ผู้ป่วยเริ่มมีความสุขกับการทานอาหารและร่วมกิจกรรมทานอาหารร่วมกับผู้อื่น
……………………………………………………………………………:
🧠F00F7 การสื่อสารบกพร่อง (Impaired
verbal communication)
🔍 Assessment (การประเมิน)
S:
- “ผู้ป่วยพูดไม่ชัด หรือไม่สามารถสื่อสารได้ตามที่ต้องการ”
- “ผู้ป่วยไม่สามารถแสดงอารมณ์หรือความต้องการอย่างชัดเจน”
- “ผู้ป่วยมีอาการพูดสั้น ๆ หรือใช้คำไม่ครบประโยค”
O:
- การพูดของผู้ป่วยไม่ชัดเจน หรือผู้ป่วยใช้คำที่ไม่สามารถเข้าใจได้
- ผู้ป่วยไม่สามารถสื่อสารข้อมูลที่ซับซ้อนได้
- ผู้ป่วยใช้ท่าทางหรือการแสดงออกอื่น ๆ เพื่อสื่อสารแทนคำพูด
- ผู้ป่วยแสดงอาการหงุดหงิดเมื่อพยายามสื่อสารกับคนอื่น
🎯 Goals (เป้าหมาย)
- ผู้ป่วยสามารถสื่อสารความต้องการพื้นฐาน เช่น อาหารและความช่วยเหลือได้ด้วยคำพูดหรือท่าทาง
- ผู้ป่วยสามารถแสดงอารมณ์หรือความรู้สึกได้ด้วยการใช้คำพูดง่าย ๆ หรือท่าทาง
- ผู้ป่วยสามารถเข้าใจคำถามง่าย ๆ หรือการสื่อสารที่ชัดเจน
- ผู้ป่วยมีความพึงพอใจในการสื่อสารกับบุคคลอื่นมากขึ้น
📏 Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)
- ผู้ป่วยสามารถใช้คำพูดง่าย ๆ เพื่อสื่อสารความต้องการได้
- การสื่อสารของผู้ป่วยมีความชัดเจนมากขึ้น
- ผู้ป่วยสามารถตอบคำถามง่าย ๆ หรือเข้าใจสิ่งที่ถูกถาม
- ผู้ป่วยแสดงอารมณ์หรือความรู้สึกได้ด้วยคำพูดหรือท่าทาง
🩺 Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)
- F00F7I-1: ใช้ภาษาที่ง่าย ช้า ชัดเจน และให้เวลาในการตอบสนอง
- F00F7I-2: สื่อสารโดยใช้ท่าทางหรือการแสดงออกทางร่างกายเพื่อเสริมคำพูด
- F00F7I-3: ใช้ภาพหรือสัญลักษณ์เพื่อช่วยให้ผู้ป่วยเข้าใจง่ายขึ้น
- F00F7I-4: ทำให้การสื่อสารเป็นมิตรและไม่เร่งรีบ โดยให้ผู้ป่วยรู้สึกสบายใจ
- F00F7I-5: ตั้งคำถามสั้น ๆ และชัดเจน เช่น "ทานข้าวไหม?" หรือ "อยากดื่มน้ำไหม?"
- F00F7I-6: ใช้เทคนิคการสื่อสารที่ไม่เป็นการคุกคาม เช่น การแสดงความสนใจในสิ่งที่ผู้ป่วยพูดแม้จะไม่ชัดเจน
- F00F7I-7: กระตุ้นให้ผู้ป่วยใช้ท่าทางหรือการแสดงออกอื่น ๆ ในการสื่อสารเพิ่มเติม
✅ Response (การตอบสนอง)
- F00F7R-1: ผู้ป่วยเริ่มใช้คำพูดง่าย ๆ และสามารถสื่อสารความต้องการได้
- F00F7R-2: ผู้ป่วยสามารถใช้ท่าทางในการสื่อสารได้อย่างเหมาะสม
- F00F7R-3: ผู้ป่วยมีอาการไม่หงุดหงิดและสามารถตอบสนองต่อการสื่อสารได้ดีขึ้น
- F00F7R-4: ผู้ป่วยเข้าใจคำถามง่าย ๆ หรือคำแนะนำและตอบสนองตามคำแนะนำ
- F00F7R-5: ผู้ป่วยแสดงความพึงพอใจในการสื่อสารกับบุคคลอื่นและมีการตอบสนองมากขึ้น
……………………………………………………………..
🧠F00F8 ครอบครัวมีภาวะเครียดจากบทบาทการดูแล (Caregiver
role strain in family members)
S:
- “สมาชิกในครอบครัวรู้สึกเหนื่อยล้าและเครียดจากการดูแลผู้ป่วย”
- “สมาชิกในครอบครัวกล่าวว่ารู้สึกหมดแรง และมีปัญหากับการจัดการเวลาในแต่ละวัน”
- “สมาชิกในครอบครัวแสดงความวิตกกังวลเกี่ยวกับอนาคตและการดูแลผู้ป่วย”
O:
- สมาชิกในครอบครัวแสดงอาการเครียด เช่น หน้าตาหม่นหมอง หรือขาดการสนใจในกิจกรรมที่เคยทำ
- สมาชิกในครอบครัวมีการนอนหลับที่ไม่เพียงพอ หรือดูเหนื่อยล้า
- ผู้ดูแลไม่สามารถหาความช่วยเหลือจากแหล่งที่เหมาะสมหรือไม่ทราบแหล่งสนับสนุน
🎯 Goals (เป้าหมาย)
- สมาชิกในครอบครัวมีความเข้าใจเกี่ยวกับโรคอัลไซเมอร์และวิธีการดูแลผู้ป่วย
- สมาชิกในครอบครัวสามารถหาความช่วยเหลือจากกลุ่มสนับสนุนหรือบริการดูแลได้
- สมาชิกในครอบครัวรู้สึกมีการสนับสนุนจากสังคมและสามารถจัดการความเครียดได้ดีขึ้น
- สมาชิกในครอบครัวมีเวลาพักผ่อนและดูแลตัวเองมากขึ้น
📏 Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)
- สมาชิกในครอบครัวมีความเข้าใจเกี่ยวกับโรคและวิธีการดูแลผู้ป่วย
- สมาชิกในครอบครัวเริ่มเข้าร่วมกลุ่มสนับสนุนหรือขอความช่วยเหลือจากบริการที่มี
- สมาชิกในครอบครัวแสดงให้เห็นถึงการจัดการความเครียดที่ดีขึ้น เช่น การพักผ่อนมากขึ้น
- สมาชิกในครอบครัวสามารถมีเวลาให้กับตัวเองมากขึ้น
🩺 Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)
- F00F8I-1: ให้ข้อมูลที่ชัดเจนเกี่ยวกับโรคอัลไซเมอร์และวิธีการดูแลผู้ป่วยที่เหมาะสม
- F00F8I-2: แนะนำแหล่งช่วยเหลือ เช่น กลุ่มสนับสนุนสำหรับผู้ดูแลหรือบริการดูแลระยะยาว
- F00F8I-3: กระตุ้นให้สมาชิกในครอบครัวใช้เวลาในการพักผ่อนและดูแลตัวเองเพื่อป้องกันความเครียดสะสม
- F00F8I-4: ส่งเสริมให้สมาชิกในครอบครัวจัดตารางเวลาการดูแลและพักผ่อนอย่างสมดุล
- F00F8I-5: สนับสนุนการมีการพูดคุยและแลกเปลี่ยนประสบการณ์กับผู้ดูแลคนอื่น ๆ
- F00F8I-6: แนะนำวิธีการจัดการกับความเครียด เช่น การทำกิจกรรมที่ผ่อนคลายหรือการพบปะกับคนในครอบครัว
✅ Response (การตอบสนอง)
- F00F8R-1: สมาชิกในครอบครัวมีความเข้าใจเกี่ยวกับโรคอัลไซเมอร์และรู้วิธีการดูแลที่เหมาะสม
- F00F8R-2: สมาชิกในครอบครัวเริ่มใช้บริการช่วยเหลือจากกลุ่มสนับสนุนหรือการให้คำปรึกษา
- F00F8R-3: สมาชิกในครอบครัวสามารถแบ่งเวลาเพื่อพักผ่อนและฟื้นฟูสุขภาพได้ดีขึ้น
- F00F8R-4: สมาชิกในครอบครัวแสดงท่าทีผ่อนคลายขึ้นและมีพลังในการดูแลผู้ป่วยมากขึ้น
- F00F8R-5: สมาชิกในครอบครัวมีการติดต่อและแลกเปลี่ยนกับผู้ดูแลคนอื่น ๆ หรือกลุ่มสนับสนุนเป็นระยะ
………………………………………………………….
🧠F00F9 ขาดความรู้เกี่ยวกับโรคและการดูแลตนเอง (Deficient
knowledge related to disease and self-care)
🔍 Assessment (การประเมิน)
S:
- “ผู้ป่วยหรือครอบครัวรู้สึกไม่แน่ใจเกี่ยวกับอาการและการดูแลผู้ป่วย”
- “สมาชิกในครอบครัวกล่าวว่ารู้สึกกังวลเกี่ยวกับการดูแลผู้ป่วยในอนาคต”
- “ผู้ป่วยหรือครอบครัวบ่นว่ามีข้อมูลที่จำกัดเกี่ยวกับโรคและการดูแลสุขภาพ”
O:
- ผู้ป่วยหรือครอบครัวแสดงท่าทางสับสนเกี่ยวกับอาการของโรค
- การดูแลผู้ป่วยไม่ได้ตามมาตรฐาน หรือการป้องกันภาวะแทรกซ้อนยังไม่ถูกต้อง
- การสอบถามข้อมูลจากผู้ป่วยหรือครอบครัวพบว่าไม่มีการเตรียมตัวเกี่ยวกับการดูแลในระยะยาว
🎯 Goals (เป้าหมาย)
- ผู้ป่วยและครอบครัวมีความรู้เกี่ยวกับโรคอัลไซเมอร์และอาการต่าง ๆ
- ผู้ป่วยและครอบครัวสามารถดูแลตัวเองและผู้ป่วยได้อย่างเหมาะสม
- ผู้ป่วยและครอบครัวรู้จักการป้องกันภาวะแทรกซ้อนจากโรคได้
- ผู้ป่วยและครอบครัวสามารถปฏิบัติตามแนวทางการดูแลและการรักษาได้อย่างมีประสิทธิภาพ
📏 Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)
- ผู้ป่วยและครอบครัวสามารถระบุอาการหลักของโรคอัลไซเมอร์ได้
- ผู้ป่วยและครอบครัวสามารถอธิบายวิธีการดูแลที่เหมาะสม เช่น การรักษา การป้องกันภาวะแทรกซ้อน
- ผู้ป่วยและครอบครัวสามารถปฏิบัติตามคำแนะนำในการดูแลและป้องกันภาวะแทรกซ้อน
- ผู้ป่วยและครอบครัวรู้สึกมั่นใจและเข้าใจในการดูแลผู้ป่วยในระยะยาว
🩺 Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)
- F00F9I-1: ให้ข้อมูลเกี่ยวกับโรคอัลไซเมอร์ และอาการต่าง ๆ เพื่อให้ผู้ป่วยและครอบครัวเข้าใจ
- F00F9I-2: อธิบายเกี่ยวกับการดูแลผู้ป่วยในระยะยาว เช่น การจัดการพฤติกรรม การใช้ยาที่เหมาะสม
- F00F9I-3: ให้คำแนะนำในการป้องกันภาวะแทรกซ้อนจากโรค เช่น การป้องกันแผลกดทับ การป้องกันการติดเชื้อ
- F00F9I-4: ส่งเสริมการใช้เครื่องมือช่วยจำ เช่น ป้ายบอกเวลา กำหนดกิจวัตรประจำวัน
- F00F9I-5: ให้ข้อมูลเกี่ยวกับแหล่งสนับสนุน เช่น กลุ่มสนับสนุนสำหรับผู้ดูแล หรือแหล่งข้อมูลออนไลน์
- F00F9I-6: ส่งเสริมให้ผู้ป่วยและครอบครัวมีการติดตามผลการรักษาอย่างสม่ำเสมอ
✅ Response (การตอบสนอง)
- F00F9R-1: ผู้ป่วยและครอบครัวสามารถอธิบายอาการของโรคและวิธีการดูแลที่เหมาะสมได้
- F00F9R-2: ผู้ป่วยและครอบครัวสามารถทำตามคำแนะนำในการดูแลและป้องกันภาวะแทรกซ้อนได้
- F00F9R-3: ผู้ป่วยและครอบครัวมีการปรับเปลี่ยนกิจวัตรประจำวันตามคำแนะนำ
- F00F9R-4: ผู้ป่วยและครอบครัวสามารถใช้เครื่องมือช่วยจำในการดูแลผู้ป่วยได้
- F00F9R-5: ผู้ป่วยและครอบครัวรู้สึกมั่นใจในการดูแลผู้ป่วยและป้องกันภาวะแทรกซ้อน
…………………………………………………………….
🧠F00F10 วางแผนจำหน่ายและดูแลต่อเนื่องที่บ้าน (Readiness
for discharge with continuing care needs)
🔍 Assessment (การประเมิน)
S:
- “ครอบครัวกังวลเกี่ยวกับการดูแลผู้ป่วยที่บ้าน”
- “ครอบครัวบอกว่ามีความเครียดจากการดูแลผู้ป่วย”
- “ผู้ป่วยแสดงสัญญาณของความต้องการการดูแลต่อเนื่อง”
O:
- ผู้ป่วยมีความสามารถในการดูแลตัวเองในระดับที่จำกัด
- ครอบครัวไม่มีประสบการณ์ในการดูแลผู้ป่วยสมองเสื่อมในระยะยาว
- การจัดการดูแลที่บ้านยังขาดแผนการที่ชัดเจน
🎯 Goals (เป้าหมาย)
- ครอบครัวสามารถดูแลผู้ป่วยที่บ้านได้อย่างเหมาะสม
- ครอบครัวได้รับข้อมูลและการฝึกฝนในการดูแลผู้ป่วยอย่างถูกต้อง
- ผู้ป่วยได้รับการดูแลต่อเนื่องที่บ้านหรือได้รับบริการจากผู้ดูแลที่เชี่ยวชาญ
- ครอบครัวสามารถรับรู้แหล่งสนับสนุนและบริการดูแลต่อเนื่องที่จำเป็น
📏 Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)
- ครอบครัวสามารถปฏิบัติตามแผนการดูแลที่ได้รับการฝึกฝน
- ผู้ป่วยได้รับการดูแลอย่างเหมาะสมและไม่มีการเปลี่ยนแปลงในอาการที่เกิดขึ้น
- ครอบครัวสามารถติดต่อแหล่งบริการช่วยเหลือได้เมื่อมีความต้องการ
- ผู้ป่วยได้รับการดูแลต่อเนื่องจากบริการที่ถูกต้อง
🩺 Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)
- F00F10I-1: ประเมินสถานการณ์และความสามารถของครอบครัวในการดูแลผู้ป่วยที่บ้าน
- F00F10I-2: ให้ข้อมูลและฝึกฝนการดูแลผู้ป่วยที่บ้าน รวมถึงวิธีการสังเกตอาการที่เปลี่ยนแปลงและการตอบสนองที่เหมาะสม
- F00F10I-3: แนะนำแผนการดูแลที่บ้าน เช่น การเตรียมอาหาร การดูแลความสะอาด และการป้องกันภาวะแทรกซ้อน
- F00F10I-4: จัดการส่งต่อไปยังบริการดูแลผู้ป่วยเรื้อรัง หรือแนะนำแหล่งบริการช่วยเหลือที่ครอบครัวสามารถเข้าถึงได้
- F00F10I-5: ส่งเสริมการเยี่ยมบ้านเพื่อประเมินการดูแลต่อเนื่อง และให้คำแนะนำเพิ่มเติมในการปรับปรุงการดูแล
- F00F10I-6: สนับสนุนการพักผ่อนและลดความเครียดของครอบครัว โดยแนะนำให้เข้าร่วมกลุ่มสนับสนุนหรือขอความช่วยเหลือจากแหล่งบริการ
✅ Response (การตอบสนอง)
- F00F10R-1: ครอบครัวสามารถทำตามแผนการดูแลที่บ้านได้อย่างถูกต้อง
- F00F10R-2: ผู้ป่วยได้รับการดูแลที่บ้านตามมาตรฐานและไม่แสดงอาการที่แย่ลง
- F00F10R-3: ครอบครัวสามารถติดต่อแหล่งบริการช่วยเหลือได้เมื่อมีความจำเป็น
- F00F10R-4: ครอบครัวรู้สึกมั่นใจและลดความเครียดในการดูแลผู้ป่วย
- F00F10R-5: ผู้ป่วยได้รับการดูแลต่อเนื่องจากบริการดูแลที่เหมาะสม
……………………………………………………………….
เอกสารอ้างอิง
- กระทรวงสาธารณสุข. (2560). การดูแลผู้ป่วยสมองเสื่อม. กรุงเทพมหานคร: สำนักพิมพ์สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ
(สสส.).
- ชัยวัฒน์ วงศ์สวัสดิ์. (2563). แนวทางการดูแลผู้ป่วยภาวะสมองเสื่อมและการบริหารการดูแลผู้ป่วย. วารสารการพยาบาลและการดูแลสุขภาพ, 35(2), 123-130.
- Alzheimer's Association. (2021). 2021 Alzheimer's disease facts and figures. Alzheimer's & Dementia, 17(3), 327-406. https://doi.org/10.1002/alz.12311
- American Psychiatric Association. (2013). Diagnostic and statistical manual of mental disorders (5th ed.). Washington, DC: American Psychiatric Association.
…………………………………………………………………………………..