เกี่ยวกับฉัน

รูปภาพของฉัน
เมือง, พิษณุโลก, Thailand

วันเสาร์ที่ 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2568

EP.61 จิตเวชหัวข้อ 21 : โรคการแยกตัวออกจากความเป็นจริง (Dissociative Disorders) - F44


Psych. Topic 21 : Dissociative Disorders - F44

🧠 พยาธิสภาพ / สาเหตุ

  • โรคนี้เกิดจากการที่สมองพยายาม “ปกป้องจิตใจ” จากเหตุการณ์ที่กระทบกระเทือนรุนแรง เช่น
  • ความรุนแรงในวัยเด็ก
  • การถูกทำร้ายทางร่างกายหรือจิตใจ
  • ประสบเหตุการณ์สะเทือนใจ เช่น ภัยพิบัติ อุบัติเหตุ หรือการสูญเสียอย่างฉับพลัน

👥 กลุ่มอายุที่มักพบ

  • พบได้ในทุกช่วงวัย แต่ พบบ่อยในวัยผู้ใหญ่ตอนต้น และในผู้ที่มีประวัติถูกกระทำรุนแรงตั้งแต่วัยเด็ก โดยเฉพาะเพศหญิงจะมีความเสี่ยงสูงกว่าเพศชาย

⚠️ อาการที่พบบ่อย

  • รู้สึกเหมือนตัวเองแยกออกจากร่างกาย (Depersonalization)
  • รู้สึกว่าตัวเองอยู่ในโลกที่ไม่จริง หรือแปลกไปจากเดิม (Derealization)
  • ความจำขาดหายเป็นช่วง ๆ (Dissociative Amnesia)
  • มีหลายบุคลิก (Dissociative Identity Disorder)
  • เหมือนดูตัวเองใช้ชีวิตอยู่ห่าง ๆ” โดยไม่สามารถควบคุมได้

🔥ปัจจัยที่ทำให้เกิด

  • เคยเผชิญเหตุการณ์กระทบจิตใจรุนแรง
  • ความเครียดสะสมเรื้อรัง
  • ภาวะซึมเศร้าหรือวิตกกังวลร่วมด้วย
  • พื้นฐานบุคลิกภาพบางแบบอาจเสี่ยงมากขึ้น

💊การรักษา

  • จิตบำบัด (Psychotherapy) เป็นแนวทางหลัก
  • ใช้ยาในกรณีมีภาวะร่วม เช่น ซึมเศร้า วิตกกังวล
  • ต้องการความเข้าใจและการดูแลจากคนรอบข้างอย่างต่อเนื่อง

💉การพยาบาล

  • รับฟังอย่างไม่ตัดสิน ให้ผู้ป่วยรู้สึกปลอดภัย
  • สังเกตพฤติกรรมและอารมณ์ที่เปลี่ยนแปลง
  • ช่วยสร้างความมั่นคงทางอารมณ์ เช่น การใช้กิจกรรมผ่อนคลาย
  • ส่งเสริมให้ผู้ป่วยรู้จักตัวเองและเข้าใจอาการของตน

👨‍👩‍👧‍👦 การดูแลสำหรับบุคคลทั่วไป

  • ถ้ารู้สึก "หลุด" หรือเหมือนตัวเองไม่ใช่ตัวเอง อย่ากลัว
  • ลองหยุดพัก หายใจลึกๆ และอยู่กับปัจจุบัน เช่น การจับมือกัน กอดตัวเอง
  • หาคนที่ไว้ใจพูดคุย หรือปรึกษาผู้เชี่ยวชาญทางจิตเวช
  • หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์ หรือสารกระตุ้นที่อาจกระตุ้นอาการ
  • จำไว้ว่า: การขอความช่วยเหลือไม่ใช่ความอ่อนแอ แต่คือจุดเริ่มต้นของการรักษา

....................................................................

วินิจฉัยการพยาบาลโรค Dissociative Disorders – F44

  1. F44F1 มีพฤติกรรมเสี่ยงต่อการทำร้ายตนเองหรือฆ่าตัวตาย (Risk for self-harm or suicide)
  2. F44F2 มีภาวะซึมเศร้าและวิตกกังวลร่วม (Depressed and anxious mood)
  3. F44F3 รับรู้ตนเองผิดปกติ เช่น รู้สึกเหมือนไม่ใช่ตัวเอง หรือไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น (Disturbed self-perception)
  4. F44F4 การตอบสนองต่อความเครียดไม่เหมาะสม เช่น หลุดจากความเป็นจริงเมื่อเผชิญเหตุการณ์กระตุ้น (Ineffective coping response to stress)
  5. F44F5 มีความสับสนในการรับรู้สิ่งแวดล้อมหรือการเปลี่ยนบุคลิกภาพ (Altered sensory perception or identity confusion)
  6. F44F6 ขาดความเข้าใจเกี่ยวกับโรคและไม่ยอมรับการรักษา (Knowledge deficit about the illness and treatment refusal)
  7. F44F7 ขาดการสนับสนุนทางอารมณ์จากครอบครัวหรือคนรอบข้าง (Lack of emotional support from family/community)
  8. F44F8 เสี่ยงต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อนจากการรักษา เช่น ผลข้างเคียงจากยา (Risk for complications due to treatment)
  9. F44F9 มีภาวะความนับถือตนเองต่ำ (Low self-esteem)
  10. F44F10 ต้องการการดูแลต่อเนื่องและการวางแผนจำหน่ายเพื่อฟื้นฟูสุขภาพจิต (Need for continuity of care and discharge planning)

..............................................................

 🩺F44F1 – มีพฤติกรรมเสี่ยงต่อการทำร้ายตนเองหรือฆ่าตัวตาย (Risk for self-harm or suicide – F44)

🔍 Assessment (การประเมิน)

S :

  • รู้สึกไม่มีค่า อยากหายไปจากโลกนี้”
  • ไม่อยากอยู่แล้ว ไม่มีใครเข้าใจ”
  • เคยพูดหรือเขียนข้อความเกี่ยวกับการทำร้ายตนเอง

O :

  • สีหน้าเศร้า ไม่สบตา พูดน้อย
  • พฤติกรรมถอนตัว ไม่เข้าสังคม
  • มีรอยแผลที่ร่างกาย หรือพยายามทำร้ายตนเอง
  • ประวัติเคยพยายามฆ่าตัวตายหรือทำร้ายตนเอง

🎯 Goals (เป้าหมาย)

  • ผู้ป่วยปลอดภัยจากการทำร้ายตนเองหรือผู้อื่น
  • ผู้ป่วยแสดงพฤติกรรมที่ปลอดภัยต่อชีวิตตนเอง
  • ผู้ป่วยสามารถระบายความรู้สึกกับบุคลากรได้
  • ผู้ป่วยรับรู้ว่าตนมีคุณค่าและได้รับการสนับสนุน

✅ Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)

  • ไม่มีพฤติกรรมหรือความคิดฆ่าตัวตายเพิ่มเติม
  • ผู้ป่วยมีการสื่อสารทางอารมณ์ที่ดีขึ้น
  • ผู้ป่วยสามารถระบุบุคคลที่ไว้ใจได้
  • ผู้ป่วยเข้าร่วมกิจกรรมบำบัดหรือกลุ่มสนับสนุน
  • ไม่เกิดเหตุฉุกเฉินหรืออันตรายในระหว่างดูแล

🌀 Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)

  • F44F1I-1: ประเมินความเสี่ยงต่อการฆ่าตัวตายทันทีเมื่อรับตัว
  • F44F1I-2: ให้การดูแลแบบใกล้ชิด 24 ชั่วโมง ในช่วงที่มีความเสี่ยงสูง
  • F44F1I-3: เก็บของมีคม สิ่งของที่อาจใช้ทำร้ายตัวเองให้พ้นจากผู้ป่วย
  • F44F1I-4: พูดคุยอย่างเข้าใจ ไม่ตัดสิน สร้างความไว้วางใจให้ผู้ป่วยกล้าเปิดใจ
  • F44F1I-5: กระตุ้นให้ผู้ป่วยระบุคนที่ไว้ใจได้เพื่อเป็นแหล่งพึ่งพาทางใจ
  • F44F1I-6: ประสานจิตแพทย์และทีมสหวิชาชีพเพื่อช่วยวางแผนการรักษา
  • F44F1I-7: ส่งเสริมกิจกรรมทางบวก เช่น วาดภาพ ฟังเพลง หรือระบายความรู้สึก
  • F44F1I-8: ให้คำแนะนำครอบครัวในการเฝ้าระวังพฤติกรรมผู้ป่วยหลังจำหน่าย

🌿 Response (การตอบสนอง)

  • F44F1R-1: ผู้ป่วยไม่แสดงพฤติกรรมหรือความคิดฆ่าตัวตาย
  • F44F1R-2: ผู้ป่วยสามารถบอกชื่อบุคคลที่ไว้ใจได้ 1 คนขึ้นไป
  • F44F1R-3: ผู้ป่วยมีสีหน้าดีขึ้น เริ่มพูดคุยและเข้าร่วมกิจกรรม
  • F44F1R-4: ผู้ป่วยสามารถระบายความรู้สึกกับพยาบาลหรือเจ้าหน้าที่ได้
  • F44F1R-5: ผู้ป่วยรับรู้ว่าตนมีคุณค่าและมีคนคอยสนับสนุน

........................................................................

🧠 F44F2 – มีภาวะซึมเศร้าและวิตกกังวลร่วม (Depressed and anxious mood)

🔍 Assessment (การประเมิน)

S :

  • รู้สึกเศร้าทุกวัน เบื่อทุกอย่าง”
  • ใจเต้นแรง กังวลไปหมด ควบคุมตัวเองไม่ได้”
  • อยากอยู่คนเดียว ไม่อยากทำอะไรเลย”

O :

  • สีหน้าเศร้า น้ำตาคลอ บางครั้งร้องไห้
  • พูดช้า ตอบช้า ขาดสมาธิ
  • หงุดหงิดง่าย เดินวนหรือกัดเล็บ (อาการกระวนกระวาย)
  • นอนไม่หลับ หรือนอนมากผิดปกติ

🎯 Goals (เป้าหมาย)

  • ผู้ป่วยสามารถจัดการอารมณ์เศร้าและความวิตกกังวลได้ดีขึ้น
  • ผู้ป่วยนอนหลับพักผ่อนเพียงพอ
  • ผู้ป่วยเข้าร่วมกิจกรรมที่ช่วยให้รู้สึกดี
  • ผู้ป่วยสื่อสารความรู้สึกกับทีมดูแลได้

✅ Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)

  • อารมณ์เศร้าลดลง ความวิตกกังวลดีขึ้น
  • นอนหลับได้อย่างน้อย 5–6 ชั่วโมงต่อคืน
  • ผู้ป่วยมีส่วนร่วมในกิจกรรมหรือการพูดคุย
  • ไม่มีพฤติกรรมทำร้ายตัวเอง

🌀 Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)

  • F44F2I-1: ประเมินระดับความเศร้าและความวิตกกังวลทุกวัน
  • F44F2I-2: รับฟังความรู้สึกผู้ป่วยอย่างตั้งใจ ไม่ตัดสิน
  • F44F2I-3: กระตุ้นให้ผู้ป่วยแสดงความรู้สึกผ่านการพูด เขียน วาดภาพ
  • F44F2I-4: แนะนำเทคนิคผ่อนคลาย เช่น หายใจลึกๆ ฟังเพลง หรือนั่งสมาธิ
  • F44F2I-5: สนับสนุนให้ผู้ป่วยทำกิจกรรมเล็กๆ ที่เคยชอบหรือเคยสนุก
  • F44F2I-6: ให้ความมั่นใจว่าผู้ป่วยไม่ได้อยู่ลำพัง และมีคนคอยช่วยเหลือ
  • F44F2I-7: ประสานทีมจิตแพทย์เพื่อวางแผนการบำบัดและปรับยา (ถ้ามี)
  • F44F2I-8: ติดตามอาการนอนไม่หลับ เบื่ออาหาร หรืออาการทางกายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง

🌿 Response (การตอบสนอง)

  • F44F2R-1: ผู้ป่วยพูดคุยเรื่องความรู้สึกได้ดีขึ้น
  • F44F2R-2: อารมณ์เศร้าหรือวิตกกังวลลดลงอย่างเห็นได้ชัด
  • F44F2R-3: ผู้ป่วยเริ่มนอนหลับได้ดีขึ้นโดยไม่ต้องใช้ยาหรือใช้น้อยลง
  • F44F2R-4: ผู้ป่วยมีส่วนร่วมในกิจกรรมกลุ่มหรือกิจกรรมประจำวัน
  • F44F2R-5: ผู้ป่วยแสดงออกว่ายอมรับการรักษาและพร้อมร่วมมือ

........................................................................

🧠 F44F3 – มีความผิดปกติด้านการรับรู้ตัวตน ความจำ หรือสิ่งแวดล้อม (Disturbance in identity, memory, or perception)

🔍 Assessment (การประเมิน)

S :

  • จำไม่ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นเมื่อวาน”
  • รู้สึกเหมือนไม่ใช่ตัวเอง เหมือนเป็นอีกคน”
  • บางครั้งรู้สึกหลุดจากโลกความจริง ไม่แน่ใจว่าตัวเองอยู่ที่ไหน”

O :

  • ผู้ป่วยพูดถึงเหตุการณ์ขาดช่วง จำรายละเอียดไม่ได้
  • มีการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม บุคลิก หรืออารมณ์แบบกะทันหัน
  • สับสนเรื่องเวลา สถานที่ หรือบุคคล
  • ไม่สามารถทำกิจวัตรบางอย่างได้ เพราะจำไม่ได้หรือไม่มีสมาธิ

🎯 Goals (เป้าหมาย)

  • ผู้ป่วยสามารถรับรู้ตัวตนและสิ่งแวดล้อมได้ดีขึ้น
  • ความถี่ของอาการหลุดจากความเป็นจริงลดลง
  • ผู้ป่วยสามารถจัดการอารมณ์และความจำได้ดีขึ้น
  • มีการเชื่อมโยงกับตัวตนและความทรงจำปัจจุบัน

✅ Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)

  • อาการหลุดจากตัวตนหรือจำไม่ได้ลดลง
  • ผู้ป่วยสามารถบอกชื่อตนเอง วัน เวลา และสถานที่ได้
  • ผู้ป่วยสามารถทำกิจวัตรได้สม่ำเสมอ
  • บุคลิกภาพหรืออารมณ์มีความคงที่มากขึ้น

🌀 Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)

  • F44F3I-1: ประเมินความถี่และลักษณะของอาการเปลี่ยนตัวตนหรือหลุดจากความจริง
  • F44F3I-2: สื่อสารอย่างชัดเจน เรียกชื่อผู้ป่วยและระบุวัน เวลา สถานที่ซ้ำๆ เพื่อช่วยยึดโยง
  • F44F3I-3: ใช้เทคนิค grounding เช่น ให้ผู้ป่วยสัมผัสวัตถุ ฟังเสียงรอบตัว เพื่อดึงกลับสู่ปัจจุบัน
  • F44F3I-4: ให้ผู้ป่วยเขียนบันทึกหรือพูดถึงสิ่งที่เกิดขึ้น เพื่อช่วยสร้างความต่อเนื่องของความจำ
  • F44F3I-5: ให้ผู้ป่วยมีกิจวัตรประจำวันคงที่ เพื่อสร้างความมั่นคง
  • F44F3I-6: สังเกตอาการเปลี่ยนบุคลิก/ตัวตนที่ต่างออกไป เพื่อวางแผนการดูแล
  • F44F3I-7: ประสานทีมจิตแพทย์ นักจิตวิทยา เพื่อบำบัดเชิงลึกหากมีอาการ dissociative identity disorder (DID)
  • F44F3I-8: ให้ข้อมูลครอบครัวเรื่องโรค เพื่อเพิ่มความเข้าใจและสนับสนุนผู้ป่วยได้เหมาะสม

🌿 Response (การตอบสนอง)

  • F44F3R-1: ผู้ป่วยสามารถบอกชื่อ วัน เวลา และสถานที่ได้ถูกต้อง
  • F44F3R-2: ความถี่ของอาการหลุดจากตัวตนลดลงอย่างชัดเจน
  • F44F3R-3: ผู้ป่วยเริ่มเล่าประสบการณ์หรือความรู้สึกที่เกี่ยวกับตนเองได้
  • F44F3R-4: พฤติกรรม บุคลิกภาพ และอารมณ์ของผู้ป่วยมีเสถียรภาพมากขึ้น
  • F44F3R-5: ผู้ป่วยเข้าร่วมกิจกรรมหรือการบำบัดด้วยความร่วมมือ

.......................................................................

🧠 F44F4 – มีความผิดปกติด้านความสัมพันธ์กับผู้อื่น (Disturbed interpersonal relationships)

🔍 Assessment (การประเมิน)

S :

  • รู้สึกไม่มีใครเข้าใจฉันเลย”
  • คนรอบข้างมักจะหาว่าฉันแปลกหรือโกหก”
  • ไม่อยากคุยกับใครอีกแล้ว เหมือนฉันอยู่คนละโลกกับเขา”

O :

  • ผู้ป่วยมีพฤติกรรมหลีกเลี่ยงหรือปฏิเสธการสื่อสารกับผู้อื่น
  • เกิดความขัดแย้งกับครอบครัว/เพื่อนร่วมงาน
  • แสดงออกทางสีหน้าและพฤติกรรมไม่เหมาะสมในสถานการณ์ทางสังคม
  • ไม่สามารถรักษาความสัมพันธ์ที่มั่นคงได้

🎯 Goals (เป้าหมาย)

  • ผู้ป่วยสามารถสื่อสารกับผู้อื่นได้อย่างเหมาะสม
  • ผู้ป่วยมีความสัมพันธ์ที่ดีขึ้นกับบุคคลรอบตัว
  • ลดพฤติกรรมก้าวร้าว หลีกเลี่ยง หรือถอนตัวทางสังคม
  • มีความรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มหรือครอบครัว

✅ Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)

  • ผู้ป่วยสามารถโต้ตอบกับทีมรักษาและครอบครัวได้อย่างเหมาะสม
  • ผู้ป่วยสามารถระบุบุคคลที่ตนไว้ใจได้
  • มีพฤติกรรมทางสังคมที่เหมาะสมมากขึ้น
  • ความขัดแย้งกับผู้อื่นลดลง

🌀 Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)

  • F44F4I-1: ประเมินคุณภาพความสัมพันธ์ในครอบครัวและบุคคลใกล้ชิด
  • F44F4I-2: ส่งเสริมการพูดคุยที่ปลอดภัยและไม่ตัดสินใจแทน
  • F44F4I-3: กระตุ้นให้ผู้ป่วยระบุบุคคลที่สามารถให้การสนับสนุนได้
  • F44F4I-4: ฝึกทักษะการสื่อสาร เช่น การฟังและตอบสนองอย่างเคารพ
  • F44F4I-5: จัดกิจกรรมกลุ่มเพื่อสร้างโอกาสในการปฏิสัมพันธ์
  • F44F4I-6: ให้คำปรึกษาด้านครอบครัวร่วมกับนักจิตวิทยา/นักสังคมสงเคราะห์
  • F44F4I-7: สอนเทคนิคจัดการความโกรธและอารมณ์เพื่อลดการขัดแย้ง
  • F44F4I-8: สังเกตพฤติกรรมการถอนตัวหรือพฤติกรรมต่อต้านสังคมที่รุนแรง

🌿 Response (การตอบสนอง)

  • F44F4R-1: ผู้ป่วยสามารถพูดคุยกับทีมดูแลหรือครอบครัวโดยไม่โต้เถียง
  • F44F4R-2: ความสัมพันธ์ระหว่างผู้ป่วยกับบุคคลรอบตัวดีขึ้น
  • F44F4R-3: ผู้ป่วยมีทักษะการฟังและการสื่อสารเชิงบวกมากขึ้น
  • F44F4R-4: ผู้ป่วยมีส่วนร่วมในกิจกรรมกลุ่มโดยไม่หลีกเลี่ยง
  • F44F4R-5: ผู้ป่วยสามารถควบคุมอารมณ์เมื่อต้องเผชิญความขัดแย้ง

.....................................................................

🧠 F44F5 – มีความบกพร่องในการรับรู้ตนเองและบทบาทในชีวิต (Impaired personal identity and role performance)

🔍 Assessment (การประเมิน)

S :

  • ฉันไม่รู้ว่าฉันคือใคร หรือควรเป็นอะไรในชีวิตนี้”
  • รู้สึกเหมือนฉันเปลี่ยนไปเป็นคนอื่นโดยไม่รู้ตัว”
  • ฉันไม่แน่ใจว่าหน้าที่ของฉันในครอบครัวคืออะไร”

O :

  • ผู้ป่วยสับสนเกี่ยวกับชื่อ, เพศ, อายุ, สถานะ หรือบทบาทของตนเอง
  • เปลี่ยนลักษณะการพูด การแต่งตัว หรือบุคลิกภาพโดยไม่มีเหตุผลชัดเจน
  • หลีกเลี่ยงภาระหน้าที่หรือกิจกรรมที่เคยรับผิดชอบ
  • ปฏิเสธหรือลังเลต่อบทบาทของตนในครอบครัว/สังคม

🎯 Goals (เป้าหมาย)

  • ผู้ป่วยสามารถอธิบายเกี่ยวกับตนเองได้อย่างมั่นคง
  • ผู้ป่วยสามารถทำหน้าที่หรือบทบาทตามปกติได้
  • ลดความสับสนเกี่ยวกับอัตลักษณ์ของตนเอง
  • เพิ่มความมั่นใจในบทบาทและคุณค่าในชีวิต

✅ Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)

  • ผู้ป่วยสามารถแสดงบทบาทในครอบครัว/สังคมได้อย่างเหมาะสม
  • ผู้ป่วยสามารถระบุอัตลักษณ์พื้นฐาน เช่น ชื่อ เพศ อายุ ได้อย่างมั่นคง
  • ไม่มีพฤติกรรมสับสนบทบาท หรือเปลี่ยนบุคลิกกะทันหัน
  • ผู้ป่วยมีความมั่นใจและแสดงความภาคภูมิใจในตนเองมากขึ้น

🌀 Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)

  • F44F5I-1: ประเมินระดับความสับสนเกี่ยวกับอัตลักษณ์และบทบาทของผู้ป่วย
  • F44F5I-2: สื่อสารกับผู้ป่วยด้วยความเข้าใจ ไม่ตัดสิน พูดคุยเกี่ยวกับความรู้สึกของ “ตัวตน”
  • F44F5I-3: สนับสนุนให้ผู้ป่วยระบุข้อมูลพื้นฐานของตน เช่น ชื่อ วันเกิด บทบาทในครอบครัว
  • F44F5I-4: ใช้ภาพถ่าย, บันทึกส่วนตัว, หรือสิ่งที่เชื่อมโยงกับความทรงจำเพื่อยึดโยงตัวตน
  • F44F5I-5: ส่งเสริมให้ผู้ป่วยมีส่วนร่วมในกิจกรรมที่สะท้อนบทบาทที่เคยทำ
  • F44F5I-6: ฝึกทักษะการตัดสินใจและการรับผิดชอบ เพื่อเพิ่มความมั่นใจในบทบาท
  • F44F5I-7: ประสานจิตแพทย์/นักจิตวิทยาเพื่อบำบัดฟื้นฟูภาพลักษณ์ตนเองและอัตลักษณ์
  • F44F5I-8: ให้ครอบครัวมีส่วนร่วมในการให้ข้อมูล เสริมสร้างภาพตัวตนของผู้ป่วยให้มั่นคง

🌿 Response (การตอบสนอง)

  • F44F5R-1: ผู้ป่วยสามารถระบุอัตลักษณ์ตนเองได้ชัดเจนขึ้น
  • F44F5R-2: ผู้ป่วยทำกิจกรรมที่เคยทำได้โดยไม่ลังเลหรือสับสน
  • F44F5R-3: พฤติกรรมหรือบุคลิกภาพมีเสถียรภาพมากขึ้น
  • F44F5R-4: ผู้ป่วยแสดงความมั่นใจในบทบาทของตนเอง
  • F44F5R-5: ความสับสนเรื่องตนเองและบทบาทลดลงอย่างเห็นได้ชัด

.......................................................................

🧠 F44F6 – มีความบกพร่องในการตัดสินใจและรับรู้ความเป็นจริง (Impaired judgment and reality perception)

🔍 Assessment (การประเมิน)

S :

  • ฉันไม่แน่ใจว่าสิ่งที่เกิดขึ้นมันจริงหรือเปล่า”
  • บางครั้งฉันได้ยินเสียงคนพูดทั้งที่ไม่มีใครอยู่”
  • ฉันไม่รู้ว่าควรเชื่อความรู้สึกตัวเองหรือไม่”

O :

  • ผู้ป่วยแยกแยะระหว่างความจริงกับความคิดไม่ได้
  • ตอบสนองต่อสิ่งเร้าที่ไม่มีอยู่จริง เช่น พูดคนเดียว ตอบสนองเสียงในหัว
  • ตัดสินใจในเรื่องสำคัญผิดพลาด เช่น เดินออกจากบ้านโดยไม่มีจุดหมาย
  • เสี่ยงต่อพฤติกรรมอันตราย เช่น ขับรถโดยไม่รู้ตัว หลงทาง

🎯 Goals (เป้าหมาย)

  • ผู้ป่วยสามารถแยกแยะความเป็นจริงจากความคิด/ภาพหลอนได้
  • ลดพฤติกรรมตัดสินใจผิดพลาดที่เป็นอันตรายต่อตนเองหรือผู้อื่น
  • ผู้ป่วยมีพฤติกรรมที่เหมาะสมต่อสถานการณ์
  • เพิ่มความตระหนักรู้ตนเอง

✅ Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)

  • ผู้ป่วยสามารถบอกความจริงและจินตนาการได้ชัดเจน
  • ไม่มีพฤติกรรมเสี่ยงหรืออันตรายจากการตัดสินใจผิดพลาด
  • ลดการตอบสนองต่อสิ่งที่ไม่มีอยู่จริง
  • มีความร่วมมือในการรักษาและเฝ้าระวังอาการ

🌀 Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)

  • F44F6I-1: ประเมินพฤติกรรม การพูด และการรับรู้ความจริงของผู้ป่วย
  • F44F6I-2: เฝ้าระวังอาการประสาทหลอน ความเชื่อผิด หรือพฤติกรรมแปลก
  • F44F6I-3: พูดกับผู้ป่วยด้วยภาษาที่ชัดเจน เน้นความเป็นจริง และย้ำความปลอดภัย
  • F44F6I-4: สร้างสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัย ลดสิ่งกระตุ้นที่ก่อให้เกิดภาพหลอน
  • F44F6I-5: ส่งเสริมการมีส่วนร่วมในกิจกรรมง่าย ๆ ที่สอดคล้องกับความเป็นจริง
  • F44F6I-6: ประสานแพทย์เพื่อประเมินการใช้ยา/ปรับยาอย่างเหมาะสม
  • F44F6I-7: ให้คำแนะนำครอบครัวเกี่ยวกับวิธีตอบสนองต่อพฤติกรรมที่ไม่สมเหตุสมผล
  • F44F6I-8: บันทึกความถี่และรูปแบบของอาการที่เกิดขึ้นเพื่อประเมินแนวโน้ม

🌿 Response (การตอบสนอง)

  • F44F6R-1: ผู้ป่วยสามารถบอกสิ่งที่เป็นจริงและไม่จริงได้ชัดเจน
  • F44F6R-2: ไม่มีอาการประสาทหลอนหรือพฤติกรรมผิดปกติรุนแรง
  • F44F6R-3: ผู้ป่วยแสดงพฤติกรรมสอดคล้องกับสถานการณ์จริง
  • F44F6R-4: ครอบครัวและผู้ดูแลสามารถดูแลผู้ป่วยอย่างเหมาะสม
  • F44F6R-5: การรับรู้และการตัดสินใจของผู้ป่วยดีขึ้นภายในระยะเวลาเฝ้าระวัง

.................................................................................

🧠 F44F7 – มีภาวะวิตกกังวลและความกลัวที่ไม่สมเหตุสมผล (Anxiety and irrational fear)

🔍 Assessment (การประเมิน)

S :

  • ฉันรู้สึกกลัวโดยไม่มีเหตุผล”
  • ฉันนอนไม่หลับ คิดอะไรไม่หยุด”
  • ฉันไม่กล้าอยู่คนเดียว กลัวว่าจะควบคุมตัวเองไม่ได้”

O :

  • สีหน้าตึงเครียด กระสับกระส่าย
  • หลีกเลี่ยงสถานการณ์หรือบุคคลที่ไม่ก่ออันตรายจริง
  • พฤติกรรมป้องกันตัว เช่น ซ่อนตัว ร้องไห้ หายใจเร็ว
  • ความดันโลหิตและชีพจรเพิ่มสูงขึ้นในบางช่วง

🎯 Goals (เป้าหมาย)

  • ผู้ป่วยสามารถควบคุมความวิตกกังวลของตนได้
  • แสดงพฤติกรรมที่สงบลงในสถานการณ์ที่เคยกระตุ้นความกลัว
  • เข้าใจว่าอารมณ์วิตกกังวลที่เกิดขึ้นไม่มีอันตรายจริง
  • มีความร่วมมือในการบำบัดทางจิตใจ

✅ Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)

  • ผู้ป่วยสามารถพูดคุยเกี่ยวกับความรู้สึกกลัวได้
  • ลดพฤติกรรมที่เป็นผลจากความวิตกกังวล
  • ไม่แสดงพฤติกรรมตื่นตระหนกหรือหลีกเลี่ยง
  • มีพฤติกรรมผ่อนคลาย เช่น หายใจลึก พูดจาสงบ

🌀 Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)

  • F44F7I-1: ประเมินระดับความวิตกกังวลและสิ่งกระตุ้นที่ทำให้เกิดความกลัว
  • F44F7I-2: อยู่ใกล้ผู้ป่วยในช่วงที่มีอาการวิตกกังวลรุนแรง เพื่อให้รู้สึกปลอดภัย
  • F44F7I-3: สื่อสารด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล ให้ข้อมูลที่ตรงไปตรงมา
  • F44F7I-4: สอนเทคนิคการหายใจลึกและผ่อนคลายกล้ามเนื้อ
  • F44F7I-5: สนับสนุนให้แสดงความรู้สึกอย่างเปิดเผยและไม่ตัดสิน
  • F44F7I-6: แนะนำกิจกรรมเบา ๆ เช่น ระบายสี ฟังเพลง เพื่อเบี่ยงเบนความกลัว
  • F44F7I-7: ประเมินการใช้ยาคลายเครียดตามคำสั่งแพทย์และผลข้างเคียง
  • F44F7I-8: แนะนำให้พบจิตแพทย์/นักจิตวิทยาเพื่อจัดการกับต้นตอของความกลัว

🌿 Response (การตอบสนอง)

  • F44F7R-1: ผู้ป่วยแสดงพฤติกรรมสงบในสถานการณ์ที่เคยทำให้วิตก
  • F44F7R-2: รายงานว่าความวิตกกังวลลดลงหลังใช้เทคนิคผ่อนคลาย
  • F44F7R-3: มีส่วนร่วมในกิจกรรมโดยไม่หลีกเลี่ยง
  • F44F7R-4: ผู้ป่วยสามารถระบุสาเหตุของความกลัวและพูดถึงได้ชัดเจน
  • F44F7R-5: ไม่มีพฤติกรรมหลบหนี ตื่นตระหนก หรือร้องไห้บ่อยเหมือนก่อน

..............................................................................

🧠 F44F8 – พฤติกรรมหลีกเลี่ยงและการแยกตัวจากสังคม (Avoidance and social withdrawal behaviors)

🔍 Assessment (การประเมิน)

S :

  • ฉันไม่อยากเจอใครเลย ทุกคนดูเหมือนจะไม่เข้าใจฉัน”
  • ฉันรู้สึกเหนื่อยเกินกว่าจะพูดคุยกับคนอื่น”
  • ฉันกลัวว่าถ้าฉันไปที่ไหน จะทำให้เกิดปัญหามากขึ้น”

O :

  • หลีกเลี่ยงการมีปฏิสัมพันธ์กับคนอื่น หรือไม่ออกจากบ้าน
  • นั่งอยู่คนเดียว หลีกเลี่ยงการเข้าร่วมกิจกรรมสังคม
  • พูดน้อยหรือไม่พูดเลยในสถานการณ์ที่จำเป็นต้องพูดคุย
  • แยกตัวออกจากครอบครัวและเพื่อนฝูง

🎯 Goals (เป้าหมาย)

  • ผู้ป่วยสามารถมีปฏิสัมพันธ์กับคนอื่นได้โดยไม่รู้สึกเครียดหรือวิตกกังวล
  • ผู้ป่วยแสดงความต้องการที่จะเชื่อมต่อกับผู้อื่น และเข้าร่วมกิจกรรมสังคม
  • ลดพฤติกรรมแยกตัวและหลีกเลี่ยงสถานการณ์ทางสังคม
  • ผู้ป่วยสามารถแสดงอารมณ์และความรู้สึกได้อย่างเปิดเผย

✅ Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)

  • ผู้ป่วยมีส่วนร่วมในกิจกรรมสังคมบางอย่าง เช่น การพูดคุยกับคนในครอบครัวหรือการไปที่ทำงาน
  • ไม่มีพฤติกรรมหลีกเลี่ยงหรือแยกตัวออกจากกลุ่ม
  • ความสามารถในการแสดงอารมณ์ในที่สาธารณะเพิ่มขึ้น
  • ผู้ป่วยสามารถพูดถึงความรู้สึกเกี่ยวกับการติดต่อกับผู้อื่นได้โดยไม่รู้สึกตึงเครียด

🌀 Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)

  • F44F8I-1: ประเมินการหลีกเลี่ยงสถานการณ์ทางสังคมและเหตุผลที่ผู้ป่วยแยกตัวออกจากกลุ่ม
  • F44F8I-2: สร้างสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยและสนับสนุนให้ผู้ป่วยมีส่วนร่วมกับคนรอบข้าง
  • F44F8I-3: ใช้การบำบัดด้วยการพูดคุยเพื่อช่วยให้ผู้ป่วยเปิดใจและพูดถึงความรู้สึก
  • F44F8I-4: สนับสนุนการมีส่วนร่วมในกิจกรรมสังคมขนาดเล็ก เช่น การทานอาหารร่วมกับครอบครัว
  • F44F8I-5: ส่งเสริมให้ผู้ป่วยตั้งเป้าหมายเล็ก ๆ ในการมีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น
  • F44F8I-6: สอนวิธีจัดการกับความเครียดและการรับมือกับสถานการณ์ทางสังคม
  • F44F8I-7: ส่งเสริมการฝึกทักษะในการแสดงออกและการฟังที่ดีในการสนทนา
  • F44F8I-8: ประสานจิตแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญเพื่อการบำบัดในกลุ่ม

🌿 Response (การตอบสนอง)

  • F44F8R-1: ผู้ป่วยสามารถมีปฏิสัมพันธ์กับคนอื่นได้โดยไม่รู้สึกกดดัน
  • F44F8R-2: ผู้ป่วยเริ่มเข้าร่วมกิจกรรมสังคมบ้าง เช่น การไปงานเลี้ยงเล็ก ๆ หรือทานข้าวกับครอบครัว
  • F44F8R-3: พฤติกรรมการหลีกเลี่ยงและแยกตัวลดลงอย่างเห็นได้ชัด
  • F44F8R-4: ผู้ป่วยสามารถพูดถึงความรู้สึกและความกลัวเกี่ยวกับการติดต่อกับผู้อื่นได้
  • F44F8R-5: ความวิตกกังวลในสถานการณ์ทางสังคมลดลง ผู้ป่วยแสดงความเชื่อมั่นมากขึ้นในสังคม

.......................................................................

🧠 F44F9 – การควบคุมความคิดและอารมณ์ที่ไม่ดี (Poor control over thoughts and emotions)

🔍 Assessment (การประเมิน)

S :

  • ฉันไม่สามารถควบคุมความคิดของตัวเองได้ มันวิ่งไปเร็วมาก”
  • ฉันรู้สึกเหมือนตัวเองไม่ใช่ตัวจริงในบางครั้ง”
  • อารมณ์ของฉันเปลี่ยนแปลงเร็วมาก บางครั้งก็โกรธเกินไป”

O :

  • พูดเร็วหรือพูดไม่ค่อยรู้เรื่อง
  • อารมณ์เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เช่น จากความเศร้าเป็นความโกรธ
  • การแสดงออกทางอารมณ์ไม่สอดคล้องกับสถานการณ์
  • บางครั้งอาจมีความรู้สึกว่า “หลุดจากร่างกาย” หรือไม่สามารถควบคุมความคิดได้

🎯 Goals (เป้าหมาย)

  • ผู้ป่วยสามารถควบคุมอารมณ์และความคิดได้ดีขึ้น
  • ผู้ป่วยแสดงออกในอารมณ์ที่สอดคล้องกับสถานการณ์
  • ลดความรู้สึกหลุดจากตัวเองหรือแยกตัวออกจากสภาพแวดล้อม
  • สามารถจัดการกับความคิดและอารมณ์ที่เกิดขึ้นได้อย่างมีสติ

✅ Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)

  • ผู้ป่วยสามารถจัดการอารมณ์ในสถานการณ์ที่ตึงเครียดได้
  • ความคิดของผู้ป่วยเริ่มชัดเจนและมีการควบคุม
  • ผู้ป่วยไม่แสดงอารมณ์ที่ไม่เหมาะสมหรือไม่สมเหตุสมผล
  • ผู้ป่วยสามารถแยกแยะความคิดของตัวเองจากสิ่งรอบข้างได้

🌀 Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)

  • F44F9I-1: สอนให้ผู้ป่วยรู้จักสังเกตและควบคุมอารมณ์ตัวเองโดยการฝึกสติ
  • F44F9I-2: ส่งเสริมการหายใจลึกและการฝึกผ่อนคลายเพื่อลดความเครียดและความวิตกกังวล
  • F44F9I-3: ใช้การพูดคุยเพื่อช่วยให้ผู้ป่วยระบุความคิดและอารมณ์ที่เกิดขึ้น
  • F44F9I-4: สอนเทคนิคในการควบคุมการตอบสนองทางอารมณ์ เช่น การหยุดคิดก่อนแสดงออก
  • F44F9I-5: สนับสนุนการมีส่วนร่วมในกิจกรรมที่ช่วยให้ความคิดและอารมณ์คลี่คลาย เช่น การทำสมาธิ หรือการเขียนบันทึก
  • F44F9I-6: แนะนำให้พบผู้เชี่ยวชาญในการบำบัดทางจิตใจเพื่อจัดการกับความคิดและอารมณ์
  • F44F9I-7: ตรวจสอบสภาวะจิตใจของผู้ป่วยอย่างต่อเนื่องเพื่อลดความเสี่ยงของการตัดสินใจผิดพลาดในสถานการณ์ต่าง ๆ
  • F44F9I-8: ใช้การฝึกการตระหนักรู้ในปัจจุบัน (Mindfulness) เพื่อลดความคิดลบและเสริมสร้างสมาธิ

🌿 Response (การตอบสนอง)

  • F44F9R-1: ผู้ป่วยสามารถระบุความคิดและอารมณ์ของตัวเองได้ชัดเจน
  • F44F9R-2: อารมณ์ของผู้ป่วยมีความคงที่มากขึ้นและเหมาะสมกับสถานการณ์
  • F44F9R-3: ผู้ป่วยสามารถควบคุมอารมณ์ได้โดยไม่แสดงพฤติกรรมที่ผิดปกติหรือเกินเหตุ
  • F44F9R-4: การตอบสนองทางอารมณ์และความคิดลดลงจากอาการที่รุนแรง
  • F44F9R-5: ผู้ป่วยสามารถจัดการกับความคิดและอารมณ์ที่เกิดขึ้นในสถานการณ์ที่ตึงเครียดได้ดีขึ้น

...............................................................................

🧠 F44F10 – ขาดการรับรู้เกี่ยวกับตัวตน (Identity confusion or lack of self-awareness)

🔍 Assessment (การประเมิน)

S :

  • ฉันไม่แน่ใจว่าตัวเองเป็นใคร บางครั้งรู้สึกเหมือนคนอื่น”
  • บางครั้งฉันรู้สึกว่าฉันเป็นคนอื่น หรือเป็นตัวละครในหนัง”
  • ฉันสับสนเกี่ยวกับสิ่งที่ต้องการทำหรือสิ่งที่เป็นตัวเอง”

O :

  • พูดถึงตัวเองในบุคคลที่สามหรือไม่แน่ใจในสิ่งที่ตัวเองทำ
  • การแสดงออกทางอารมณ์และการกระทำไม่ตรงกับการรับรู้ตัวตน
  • หลงลืมรายละเอียดเกี่ยวกับตัวเอง เช่น ชื่อหรือเหตุการณ์ในชีวิต
  • สับสนในบทบาทของตนเองในสังคม เช่น ความสัมพันธ์หรือหน้าที่การงาน

🎯 Goals (เป้าหมาย)

  • ผู้ป่วยสามารถระบุและรับรู้ตัวตนของตัวเองได้อย่างชัดเจน
  • ลดการสับสนเกี่ยวกับบทบาทในสังคมและชีวิตประจำวัน
  • ผู้ป่วยสามารถยอมรับและเข้าใจความรู้สึกของตัวเองในแต่ละช่วงเวลา
  • ผู้ป่วยสามารถพูดถึงตัวตนและความรู้สึกได้อย่างมั่นใจและไม่สับสน

✅ Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)

  • ผู้ป่วยสามารถบอกชื่อและสถานะของตัวเองได้
  • ผู้ป่วยมีการแสดงออกทางอารมณ์และการกระทำที่สอดคล้องกับความเข้าใจตัวตน
  • ผู้ป่วยสามารถจัดการกับสถานการณ์ที่สับสนเกี่ยวกับตัวตนได้โดยไม่เกิดความเครียด
  • ผู้ป่วยสามารถตัดสินใจในชีวิตประจำวันได้ดีขึ้น เช่น การตัดสินใจเกี่ยวกับงานหรือความสัมพันธ์

🌀 Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)

  • F44F10I-1: สอนผู้ป่วยให้รับรู้และยอมรับตัวตนของตัวเองผ่านการทำความเข้าใจความรู้สึกและประสบการณ์ในปัจจุบัน
  • F44F10I-2: ใช้เทคนิคการบำบัดเพื่อช่วยให้ผู้ป่วยสามารถเชื่อมโยงตัวเองกับสิ่งแวดล้อมและคนอื่น ๆ ได้
  • F44F10I-3: สนับสนุนให้ผู้ป่วยสะท้อนความรู้สึกเกี่ยวกับตัวตนในสถานการณ์ที่แตกต่างกัน
  • F44F10I-4: ส่งเสริมการใช้กิจกรรมที่ช่วยสร้างความเชื่อมโยงกับตัวเอง เช่น การเขียนบันทึก, การฝึกสมาธิ
  • F44F10I-5: ช่วยผู้ป่วยสร้างความมั่นใจในตัวเองโดยให้คำแนะนำที่เหมาะสมในการเผชิญหน้ากับความกลัวหรือความสับสนเกี่ยวกับตัวตน
  • F44F10I-6: สนับสนุนให้ผู้ป่วยทำกิจกรรมที่ช่วยเพิ่มการตระหนักรู้ในตนเอง เช่น การแสดงออกทางศิลปะหรือการพูดคุยกับผู้อื่น
  • F44F10I-7: ใช้เทคนิคในการจัดการกับความคิดและอารมณ์ที่อาจนำไปสู่การขาดการรับรู้ตัวตน
  • F44F10I-8: ประสานงานกับจิตแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญในการบำบัดทางจิตใจเพื่อช่วยผู้ป่วยในการปรับตัวและการยอมรับตัวตน

🌿 Response (การตอบสนอง)

  • F44F10R-1: ผู้ป่วยสามารถระบุตัวตนและบทบาทในชีวิตได้อย่างชัดเจน
  • F44F10R-2: การแสดงออกทางอารมณ์และการกระทำเริ่มมีความสอดคล้องกับความเข้าใจตัวตน
  • F44F10R-3: ผู้ป่วยสามารถตัดสินใจได้อย่างมีสติและเชื่อมั่นในตัวเองมากขึ้น
  • F44F10R-4: ผู้ป่วยเริ่มรับรู้และยอมรับตัวตนของตนในสถานการณ์ต่าง ๆ ได้ดีขึ้น
  • F44F10R-5: ความสับสนเกี่ยวกับบทบาทในสังคมและชีวิตประจำวันลดลงอย่างเห็นได้ชัด

...........................................................................

เอกสารอ้างอิง

  • กระทรวงสาธารณสุข. (2562). คู่มือการดูแลผู้ป่วยที่มีภาวะทางจิตใจ. กรุงเทพมหานคร: สำนักพิมพ์กระทรวงสาธารณสุข.
  • อารีรัตน์ บุญญามณี. (2561). แนวทางการดูแลผู้ป่วยทางจิตวิทยาในโรงพยาบาล. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์.
  • American Psychiatric Association. (2013). Diagnostic and Statistical Manual of Mental Disorders (DSM-5). Arlington, VA: American Psychiatric Association.
  • Spitzer, R. L., & Williams, J. B. W. (1985). Structured Clinical Interviews for DSM-III-R: The Research Diagnostic Criteria. Archives of General Psychiatry, 42(7), 628–635. https://doi.org/10.1001/archpsyc.1985.01790210044007

..................................................................Bottom of Form