Psych.
Topic 21 : Dissociative Disorders - F44
🧠 พยาธิสภาพ / สาเหตุ
- โรคนี้เกิดจากการที่สมองพยายาม “ปกป้องจิตใจ” จากเหตุการณ์ที่กระทบกระเทือนรุนแรง เช่น
- ความรุนแรงในวัยเด็ก
- การถูกทำร้ายทางร่างกายหรือจิตใจ
- ประสบเหตุการณ์สะเทือนใจ เช่น ภัยพิบัติ อุบัติเหตุ หรือการสูญเสียอย่างฉับพลัน
👥 กลุ่มอายุที่มักพบ
- พบได้ในทุกช่วงวัย แต่ พบบ่อยในวัยผู้ใหญ่ตอนต้น และในผู้ที่มีประวัติถูกกระทำรุนแรงตั้งแต่วัยเด็ก โดยเฉพาะเพศหญิงจะมีความเสี่ยงสูงกว่าเพศชาย
⚠️ อาการที่พบบ่อย
- รู้สึกเหมือนตัวเองแยกออกจากร่างกาย (Depersonalization)
- รู้สึกว่าตัวเองอยู่ในโลกที่ไม่จริง หรือแปลกไปจากเดิม (Derealization)
- ความจำขาดหายเป็นช่วง ๆ (Dissociative Amnesia)
- มีหลายบุคลิก (Dissociative Identity Disorder)
- “เหมือนดูตัวเองใช้ชีวิตอยู่ห่าง ๆ” โดยไม่สามารถควบคุมได้
🔥ปัจจัยที่ทำให้เกิด
- เคยเผชิญเหตุการณ์กระทบจิตใจรุนแรง
- ความเครียดสะสมเรื้อรัง
- ภาวะซึมเศร้าหรือวิตกกังวลร่วมด้วย
- พื้นฐานบุคลิกภาพบางแบบอาจเสี่ยงมากขึ้น
💊การรักษา
- จิตบำบัด (Psychotherapy) เป็นแนวทางหลัก
- ใช้ยาในกรณีมีภาวะร่วม เช่น ซึมเศร้า วิตกกังวล
- ต้องการความเข้าใจและการดูแลจากคนรอบข้างอย่างต่อเนื่อง
💉การพยาบาล
- รับฟังอย่างไม่ตัดสิน ให้ผู้ป่วยรู้สึกปลอดภัย
- สังเกตพฤติกรรมและอารมณ์ที่เปลี่ยนแปลง
- ช่วยสร้างความมั่นคงทางอารมณ์ เช่น การใช้กิจกรรมผ่อนคลาย
- ส่งเสริมให้ผู้ป่วยรู้จักตัวเองและเข้าใจอาการของตน
👨👩👧👦 การดูแลสำหรับบุคคลทั่วไป
- ถ้ารู้สึก "หลุด" หรือเหมือนตัวเองไม่ใช่ตัวเอง อย่ากลัว
- ลองหยุดพัก หายใจลึกๆ และอยู่กับปัจจุบัน เช่น การจับมือกัน กอดตัวเอง
- หาคนที่ไว้ใจพูดคุย หรือปรึกษาผู้เชี่ยวชาญทางจิตเวช
- หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์ หรือสารกระตุ้นที่อาจกระตุ้นอาการ
- จำไว้ว่า: การขอความช่วยเหลือไม่ใช่ความอ่อนแอ แต่คือจุดเริ่มต้นของการรักษา
....................................................................
✅ วินิจฉัยการพยาบาลโรค Dissociative
Disorders – F44
- F44F1 มีพฤติกรรมเสี่ยงต่อการทำร้ายตนเองหรือฆ่าตัวตาย (Risk for self-harm or suicide)
- F44F2 มีภาวะซึมเศร้าและวิตกกังวลร่วม (Depressed and anxious mood)
- F44F3 รับรู้ตนเองผิดปกติ เช่น รู้สึกเหมือนไม่ใช่ตัวเอง หรือไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น (Disturbed self-perception)
- F44F4 การตอบสนองต่อความเครียดไม่เหมาะสม เช่น หลุดจากความเป็นจริงเมื่อเผชิญเหตุการณ์กระตุ้น (Ineffective coping response to stress)
- F44F5 มีความสับสนในการรับรู้สิ่งแวดล้อมหรือการเปลี่ยนบุคลิกภาพ (Altered sensory perception or identity confusion)
- F44F6 ขาดความเข้าใจเกี่ยวกับโรคและไม่ยอมรับการรักษา (Knowledge deficit about the illness and treatment refusal)
- F44F7 ขาดการสนับสนุนทางอารมณ์จากครอบครัวหรือคนรอบข้าง (Lack of emotional support from family/community)
- F44F8 เสี่ยงต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อนจากการรักษา เช่น ผลข้างเคียงจากยา (Risk for complications due to treatment)
- F44F9 มีภาวะความนับถือตนเองต่ำ (Low self-esteem)
- F44F10 ต้องการการดูแลต่อเนื่องและการวางแผนจำหน่ายเพื่อฟื้นฟูสุขภาพจิต (Need for continuity of care and discharge planning)
..............................................................
🔍 Assessment (การประเมิน)
S :
- “รู้สึกไม่มีค่า อยากหายไปจากโลกนี้”
- “ไม่อยากอยู่แล้ว ไม่มีใครเข้าใจ”
- เคยพูดหรือเขียนข้อความเกี่ยวกับการทำร้ายตนเอง
- สีหน้าเศร้า ไม่สบตา พูดน้อย
- พฤติกรรมถอนตัว ไม่เข้าสังคม
- มีรอยแผลที่ร่างกาย หรือพยายามทำร้ายตนเอง
- ประวัติเคยพยายามฆ่าตัวตายหรือทำร้ายตนเอง
🎯 Goals (เป้าหมาย)
- ผู้ป่วยปลอดภัยจากการทำร้ายตนเองหรือผู้อื่น
- ผู้ป่วยแสดงพฤติกรรมที่ปลอดภัยต่อชีวิตตนเอง
- ผู้ป่วยสามารถระบายความรู้สึกกับบุคลากรได้
- ผู้ป่วยรับรู้ว่าตนมีคุณค่าและได้รับการสนับสนุน
✅ Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)
- ไม่มีพฤติกรรมหรือความคิดฆ่าตัวตายเพิ่มเติม
- ผู้ป่วยมีการสื่อสารทางอารมณ์ที่ดีขึ้น
- ผู้ป่วยสามารถระบุบุคคลที่ไว้ใจได้
- ผู้ป่วยเข้าร่วมกิจกรรมบำบัดหรือกลุ่มสนับสนุน
- ไม่เกิดเหตุฉุกเฉินหรืออันตรายในระหว่างดูแล
🌀 Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)
- F44F1I-1: ประเมินความเสี่ยงต่อการฆ่าตัวตายทันทีเมื่อรับตัว
- F44F1I-2: ให้การดูแลแบบใกล้ชิด 24 ชั่วโมง ในช่วงที่มีความเสี่ยงสูง
- F44F1I-3: เก็บของมีคม สิ่งของที่อาจใช้ทำร้ายตัวเองให้พ้นจากผู้ป่วย
- F44F1I-4: พูดคุยอย่างเข้าใจ ไม่ตัดสิน สร้างความไว้วางใจให้ผู้ป่วยกล้าเปิดใจ
- F44F1I-5: กระตุ้นให้ผู้ป่วยระบุคนที่ไว้ใจได้เพื่อเป็นแหล่งพึ่งพาทางใจ
- F44F1I-6: ประสานจิตแพทย์และทีมสหวิชาชีพเพื่อช่วยวางแผนการรักษา
- F44F1I-7: ส่งเสริมกิจกรรมทางบวก เช่น วาดภาพ ฟังเพลง หรือระบายความรู้สึก
- F44F1I-8: ให้คำแนะนำครอบครัวในการเฝ้าระวังพฤติกรรมผู้ป่วยหลังจำหน่าย
🌿 Response (การตอบสนอง)
- F44F1R-1: ผู้ป่วยไม่แสดงพฤติกรรมหรือความคิดฆ่าตัวตาย
- F44F1R-2: ผู้ป่วยสามารถบอกชื่อบุคคลที่ไว้ใจได้ 1 คนขึ้นไป
- F44F1R-3: ผู้ป่วยมีสีหน้าดีขึ้น เริ่มพูดคุยและเข้าร่วมกิจกรรม
- F44F1R-4: ผู้ป่วยสามารถระบายความรู้สึกกับพยาบาลหรือเจ้าหน้าที่ได้
- F44F1R-5: ผู้ป่วยรับรู้ว่าตนมีคุณค่าและมีคนคอยสนับสนุน
........................................................................
🧠 F44F2 – มีภาวะซึมเศร้าและวิตกกังวลร่วม (Depressed
and anxious mood)
🔍 Assessment (การประเมิน)
S :
- “รู้สึกเศร้าทุกวัน เบื่อทุกอย่าง”
- “ใจเต้นแรง กังวลไปหมด ควบคุมตัวเองไม่ได้”
- “อยากอยู่คนเดียว ไม่อยากทำอะไรเลย”
O :
- สีหน้าเศร้า น้ำตาคลอ บางครั้งร้องไห้
- พูดช้า ตอบช้า ขาดสมาธิ
- หงุดหงิดง่าย เดินวนหรือกัดเล็บ (อาการกระวนกระวาย)
- นอนไม่หลับ หรือนอนมากผิดปกติ
🎯 Goals (เป้าหมาย)
- ผู้ป่วยสามารถจัดการอารมณ์เศร้าและความวิตกกังวลได้ดีขึ้น
- ผู้ป่วยนอนหลับพักผ่อนเพียงพอ
- ผู้ป่วยเข้าร่วมกิจกรรมที่ช่วยให้รู้สึกดี
- ผู้ป่วยสื่อสารความรู้สึกกับทีมดูแลได้
✅ Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)
- อารมณ์เศร้าลดลง ความวิตกกังวลดีขึ้น
- นอนหลับได้อย่างน้อย 5–6 ชั่วโมงต่อคืน
- ผู้ป่วยมีส่วนร่วมในกิจกรรมหรือการพูดคุย
- ไม่มีพฤติกรรมทำร้ายตัวเอง
🌀 Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)
- F44F2I-1: ประเมินระดับความเศร้าและความวิตกกังวลทุกวัน
- F44F2I-2: รับฟังความรู้สึกผู้ป่วยอย่างตั้งใจ ไม่ตัดสิน
- F44F2I-3: กระตุ้นให้ผู้ป่วยแสดงความรู้สึกผ่านการพูด เขียน วาดภาพ
- F44F2I-4: แนะนำเทคนิคผ่อนคลาย เช่น หายใจลึกๆ ฟังเพลง หรือนั่งสมาธิ
- F44F2I-5: สนับสนุนให้ผู้ป่วยทำกิจกรรมเล็กๆ ที่เคยชอบหรือเคยสนุก
- F44F2I-6: ให้ความมั่นใจว่าผู้ป่วยไม่ได้อยู่ลำพัง และมีคนคอยช่วยเหลือ
- F44F2I-7: ประสานทีมจิตแพทย์เพื่อวางแผนการบำบัดและปรับยา (ถ้ามี)
- F44F2I-8: ติดตามอาการนอนไม่หลับ เบื่ออาหาร หรืออาการทางกายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง
🌿 Response (การตอบสนอง)
- F44F2R-1: ผู้ป่วยพูดคุยเรื่องความรู้สึกได้ดีขึ้น
- F44F2R-2: อารมณ์เศร้าหรือวิตกกังวลลดลงอย่างเห็นได้ชัด
- F44F2R-3: ผู้ป่วยเริ่มนอนหลับได้ดีขึ้นโดยไม่ต้องใช้ยาหรือใช้น้อยลง
- F44F2R-4: ผู้ป่วยมีส่วนร่วมในกิจกรรมกลุ่มหรือกิจกรรมประจำวัน
- F44F2R-5: ผู้ป่วยแสดงออกว่ายอมรับการรักษาและพร้อมร่วมมือ
........................................................................
🧠 F44F3 – มีความผิดปกติด้านการรับรู้ตัวตน
ความจำ หรือสิ่งแวดล้อม (Disturbance in identity, memory, or perception)
🔍 Assessment (การประเมิน)
S :
- “จำไม่ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นเมื่อวาน”
- “รู้สึกเหมือนไม่ใช่ตัวเอง เหมือนเป็นอีกคน”
- “บางครั้งรู้สึกหลุดจากโลกความจริง ไม่แน่ใจว่าตัวเองอยู่ที่ไหน”
O :
- ผู้ป่วยพูดถึงเหตุการณ์ขาดช่วง จำรายละเอียดไม่ได้
- มีการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม บุคลิก หรืออารมณ์แบบกะทันหัน
- สับสนเรื่องเวลา สถานที่ หรือบุคคล
- ไม่สามารถทำกิจวัตรบางอย่างได้ เพราะจำไม่ได้หรือไม่มีสมาธิ
🎯 Goals (เป้าหมาย)
- ผู้ป่วยสามารถรับรู้ตัวตนและสิ่งแวดล้อมได้ดีขึ้น
- ความถี่ของอาการหลุดจากความเป็นจริงลดลง
- ผู้ป่วยสามารถจัดการอารมณ์และความจำได้ดีขึ้น
- มีการเชื่อมโยงกับตัวตนและความทรงจำปัจจุบัน
✅ Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)
- อาการหลุดจากตัวตนหรือจำไม่ได้ลดลง
- ผู้ป่วยสามารถบอกชื่อตนเอง วัน เวลา และสถานที่ได้
- ผู้ป่วยสามารถทำกิจวัตรได้สม่ำเสมอ
- บุคลิกภาพหรืออารมณ์มีความคงที่มากขึ้น
🌀 Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)
- F44F3I-1: ประเมินความถี่และลักษณะของอาการเปลี่ยนตัวตนหรือหลุดจากความจริง
- F44F3I-2: สื่อสารอย่างชัดเจน เรียกชื่อผู้ป่วยและระบุวัน เวลา สถานที่ซ้ำๆ เพื่อช่วยยึดโยง
- F44F3I-3: ใช้เทคนิค grounding เช่น ให้ผู้ป่วยสัมผัสวัตถุ ฟังเสียงรอบตัว เพื่อดึงกลับสู่ปัจจุบัน
- F44F3I-4: ให้ผู้ป่วยเขียนบันทึกหรือพูดถึงสิ่งที่เกิดขึ้น เพื่อช่วยสร้างความต่อเนื่องของความจำ
- F44F3I-5: ให้ผู้ป่วยมีกิจวัตรประจำวันคงที่ เพื่อสร้างความมั่นคง
- F44F3I-6: สังเกตอาการเปลี่ยนบุคลิก/ตัวตนที่ต่างออกไป เพื่อวางแผนการดูแล
- F44F3I-7: ประสานทีมจิตแพทย์ นักจิตวิทยา เพื่อบำบัดเชิงลึกหากมีอาการ dissociative identity disorder (DID)
- F44F3I-8: ให้ข้อมูลครอบครัวเรื่องโรค เพื่อเพิ่มความเข้าใจและสนับสนุนผู้ป่วยได้เหมาะสม
🌿 Response (การตอบสนอง)
- F44F3R-1: ผู้ป่วยสามารถบอกชื่อ วัน เวลา และสถานที่ได้ถูกต้อง
- F44F3R-2: ความถี่ของอาการหลุดจากตัวตนลดลงอย่างชัดเจน
- F44F3R-3: ผู้ป่วยเริ่มเล่าประสบการณ์หรือความรู้สึกที่เกี่ยวกับตนเองได้
- F44F3R-4: พฤติกรรม บุคลิกภาพ และอารมณ์ของผู้ป่วยมีเสถียรภาพมากขึ้น
- F44F3R-5: ผู้ป่วยเข้าร่วมกิจกรรมหรือการบำบัดด้วยความร่วมมือ
.......................................................................
🧠 F44F4 – มีความผิดปกติด้านความสัมพันธ์กับผู้อื่น
(Disturbed interpersonal relationships)
🔍 Assessment (การประเมิน)
S :
- “รู้สึกไม่มีใครเข้าใจฉันเลย”
- “คนรอบข้างมักจะหาว่าฉันแปลกหรือโกหก”
- “ไม่อยากคุยกับใครอีกแล้ว เหมือนฉันอยู่คนละโลกกับเขา”
O :
- ผู้ป่วยมีพฤติกรรมหลีกเลี่ยงหรือปฏิเสธการสื่อสารกับผู้อื่น
- เกิดความขัดแย้งกับครอบครัว/เพื่อนร่วมงาน
- แสดงออกทางสีหน้าและพฤติกรรมไม่เหมาะสมในสถานการณ์ทางสังคม
- ไม่สามารถรักษาความสัมพันธ์ที่มั่นคงได้
🎯 Goals (เป้าหมาย)
- ผู้ป่วยสามารถสื่อสารกับผู้อื่นได้อย่างเหมาะสม
- ผู้ป่วยมีความสัมพันธ์ที่ดีขึ้นกับบุคคลรอบตัว
- ลดพฤติกรรมก้าวร้าว หลีกเลี่ยง หรือถอนตัวทางสังคม
- มีความรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มหรือครอบครัว
✅ Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)
- ผู้ป่วยสามารถโต้ตอบกับทีมรักษาและครอบครัวได้อย่างเหมาะสม
- ผู้ป่วยสามารถระบุบุคคลที่ตนไว้ใจได้
- มีพฤติกรรมทางสังคมที่เหมาะสมมากขึ้น
- ความขัดแย้งกับผู้อื่นลดลง
🌀 Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)
- F44F4I-1: ประเมินคุณภาพความสัมพันธ์ในครอบครัวและบุคคลใกล้ชิด
- F44F4I-2: ส่งเสริมการพูดคุยที่ปลอดภัยและไม่ตัดสินใจแทน
- F44F4I-3: กระตุ้นให้ผู้ป่วยระบุบุคคลที่สามารถให้การสนับสนุนได้
- F44F4I-4: ฝึกทักษะการสื่อสาร เช่น การฟังและตอบสนองอย่างเคารพ
- F44F4I-5: จัดกิจกรรมกลุ่มเพื่อสร้างโอกาสในการปฏิสัมพันธ์
- F44F4I-6: ให้คำปรึกษาด้านครอบครัวร่วมกับนักจิตวิทยา/นักสังคมสงเคราะห์
- F44F4I-7: สอนเทคนิคจัดการความโกรธและอารมณ์เพื่อลดการขัดแย้ง
- F44F4I-8: สังเกตพฤติกรรมการถอนตัวหรือพฤติกรรมต่อต้านสังคมที่รุนแรง
🌿 Response (การตอบสนอง)
- F44F4R-1: ผู้ป่วยสามารถพูดคุยกับทีมดูแลหรือครอบครัวโดยไม่โต้เถียง
- F44F4R-2: ความสัมพันธ์ระหว่างผู้ป่วยกับบุคคลรอบตัวดีขึ้น
- F44F4R-3: ผู้ป่วยมีทักษะการฟังและการสื่อสารเชิงบวกมากขึ้น
- F44F4R-4: ผู้ป่วยมีส่วนร่วมในกิจกรรมกลุ่มโดยไม่หลีกเลี่ยง
- F44F4R-5: ผู้ป่วยสามารถควบคุมอารมณ์เมื่อต้องเผชิญความขัดแย้ง
.....................................................................
🧠 F44F5 – มีความบกพร่องในการรับรู้ตนเองและบทบาทในชีวิต
(Impaired personal identity and role performance)
🔍 Assessment (การประเมิน)
S :
- “ฉันไม่รู้ว่าฉันคือใคร หรือควรเป็นอะไรในชีวิตนี้”
- “รู้สึกเหมือนฉันเปลี่ยนไปเป็นคนอื่นโดยไม่รู้ตัว”
- “ฉันไม่แน่ใจว่าหน้าที่ของฉันในครอบครัวคืออะไร”
O :
- ผู้ป่วยสับสนเกี่ยวกับชื่อ, เพศ, อายุ, สถานะ หรือบทบาทของตนเอง
- เปลี่ยนลักษณะการพูด การแต่งตัว หรือบุคลิกภาพโดยไม่มีเหตุผลชัดเจน
- หลีกเลี่ยงภาระหน้าที่หรือกิจกรรมที่เคยรับผิดชอบ
- ปฏิเสธหรือลังเลต่อบทบาทของตนในครอบครัว/สังคม
🎯 Goals (เป้าหมาย)
- ผู้ป่วยสามารถอธิบายเกี่ยวกับตนเองได้อย่างมั่นคง
- ผู้ป่วยสามารถทำหน้าที่หรือบทบาทตามปกติได้
- ลดความสับสนเกี่ยวกับอัตลักษณ์ของตนเอง
- เพิ่มความมั่นใจในบทบาทและคุณค่าในชีวิต
✅ Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)
- ผู้ป่วยสามารถแสดงบทบาทในครอบครัว/สังคมได้อย่างเหมาะสม
- ผู้ป่วยสามารถระบุอัตลักษณ์พื้นฐาน เช่น ชื่อ เพศ อายุ ได้อย่างมั่นคง
- ไม่มีพฤติกรรมสับสนบทบาท หรือเปลี่ยนบุคลิกกะทันหัน
- ผู้ป่วยมีความมั่นใจและแสดงความภาคภูมิใจในตนเองมากขึ้น
🌀 Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)
- F44F5I-1: ประเมินระดับความสับสนเกี่ยวกับอัตลักษณ์และบทบาทของผู้ป่วย
- F44F5I-2: สื่อสารกับผู้ป่วยด้วยความเข้าใจ ไม่ตัดสิน พูดคุยเกี่ยวกับความรู้สึกของ “ตัวตน”
- F44F5I-3: สนับสนุนให้ผู้ป่วยระบุข้อมูลพื้นฐานของตน เช่น ชื่อ วันเกิด บทบาทในครอบครัว
- F44F5I-4: ใช้ภาพถ่าย, บันทึกส่วนตัว, หรือสิ่งที่เชื่อมโยงกับความทรงจำเพื่อยึดโยงตัวตน
- F44F5I-5: ส่งเสริมให้ผู้ป่วยมีส่วนร่วมในกิจกรรมที่สะท้อนบทบาทที่เคยทำ
- F44F5I-6: ฝึกทักษะการตัดสินใจและการรับผิดชอบ เพื่อเพิ่มความมั่นใจในบทบาท
- F44F5I-7: ประสานจิตแพทย์/นักจิตวิทยาเพื่อบำบัดฟื้นฟูภาพลักษณ์ตนเองและอัตลักษณ์
- F44F5I-8: ให้ครอบครัวมีส่วนร่วมในการให้ข้อมูล เสริมสร้างภาพตัวตนของผู้ป่วยให้มั่นคง
🌿 Response (การตอบสนอง)
- F44F5R-1: ผู้ป่วยสามารถระบุอัตลักษณ์ตนเองได้ชัดเจนขึ้น
- F44F5R-2: ผู้ป่วยทำกิจกรรมที่เคยทำได้โดยไม่ลังเลหรือสับสน
- F44F5R-3: พฤติกรรมหรือบุคลิกภาพมีเสถียรภาพมากขึ้น
- F44F5R-4: ผู้ป่วยแสดงความมั่นใจในบทบาทของตนเอง
- F44F5R-5: ความสับสนเรื่องตนเองและบทบาทลดลงอย่างเห็นได้ชัด
.......................................................................
🧠 F44F6 – มีความบกพร่องในการตัดสินใจและรับรู้ความเป็นจริง
(Impaired judgment and reality perception)
🔍 Assessment (การประเมิน)
S :
- “ฉันไม่แน่ใจว่าสิ่งที่เกิดขึ้นมันจริงหรือเปล่า”
- “บางครั้งฉันได้ยินเสียงคนพูดทั้งที่ไม่มีใครอยู่”
- “ฉันไม่รู้ว่าควรเชื่อความรู้สึกตัวเองหรือไม่”
O :
- ผู้ป่วยแยกแยะระหว่างความจริงกับความคิดไม่ได้
- ตอบสนองต่อสิ่งเร้าที่ไม่มีอยู่จริง เช่น พูดคนเดียว ตอบสนองเสียงในหัว
- ตัดสินใจในเรื่องสำคัญผิดพลาด เช่น เดินออกจากบ้านโดยไม่มีจุดหมาย
- เสี่ยงต่อพฤติกรรมอันตราย เช่น ขับรถโดยไม่รู้ตัว หลงทาง
🎯 Goals (เป้าหมาย)
- ผู้ป่วยสามารถแยกแยะความเป็นจริงจากความคิด/ภาพหลอนได้
- ลดพฤติกรรมตัดสินใจผิดพลาดที่เป็นอันตรายต่อตนเองหรือผู้อื่น
- ผู้ป่วยมีพฤติกรรมที่เหมาะสมต่อสถานการณ์
- เพิ่มความตระหนักรู้ตนเอง
✅ Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)
- ผู้ป่วยสามารถบอกความจริงและจินตนาการได้ชัดเจน
- ไม่มีพฤติกรรมเสี่ยงหรืออันตรายจากการตัดสินใจผิดพลาด
- ลดการตอบสนองต่อสิ่งที่ไม่มีอยู่จริง
- มีความร่วมมือในการรักษาและเฝ้าระวังอาการ
🌀 Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)
- F44F6I-1: ประเมินพฤติกรรม การพูด และการรับรู้ความจริงของผู้ป่วย
- F44F6I-2: เฝ้าระวังอาการประสาทหลอน ความเชื่อผิด หรือพฤติกรรมแปลก
- F44F6I-3: พูดกับผู้ป่วยด้วยภาษาที่ชัดเจน เน้นความเป็นจริง และย้ำความปลอดภัย
- F44F6I-4: สร้างสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัย ลดสิ่งกระตุ้นที่ก่อให้เกิดภาพหลอน
- F44F6I-5: ส่งเสริมการมีส่วนร่วมในกิจกรรมง่าย ๆ ที่สอดคล้องกับความเป็นจริง
- F44F6I-6: ประสานแพทย์เพื่อประเมินการใช้ยา/ปรับยาอย่างเหมาะสม
- F44F6I-7: ให้คำแนะนำครอบครัวเกี่ยวกับวิธีตอบสนองต่อพฤติกรรมที่ไม่สมเหตุสมผล
- F44F6I-8: บันทึกความถี่และรูปแบบของอาการที่เกิดขึ้นเพื่อประเมินแนวโน้ม
🌿 Response (การตอบสนอง)
- F44F6R-1: ผู้ป่วยสามารถบอกสิ่งที่เป็นจริงและไม่จริงได้ชัดเจน
- F44F6R-2: ไม่มีอาการประสาทหลอนหรือพฤติกรรมผิดปกติรุนแรง
- F44F6R-3: ผู้ป่วยแสดงพฤติกรรมสอดคล้องกับสถานการณ์จริง
- F44F6R-4: ครอบครัวและผู้ดูแลสามารถดูแลผู้ป่วยอย่างเหมาะสม
- F44F6R-5: การรับรู้และการตัดสินใจของผู้ป่วยดีขึ้นภายในระยะเวลาเฝ้าระวัง
.................................................................................
🧠 F44F7 – มีภาวะวิตกกังวลและความกลัวที่ไม่สมเหตุสมผล
(Anxiety and irrational fear)
🔍 Assessment (การประเมิน)
S :
- “ฉันรู้สึกกลัวโดยไม่มีเหตุผล”
- “ฉันนอนไม่หลับ คิดอะไรไม่หยุด”
- “ฉันไม่กล้าอยู่คนเดียว กลัวว่าจะควบคุมตัวเองไม่ได้”
O :
- สีหน้าตึงเครียด กระสับกระส่าย
- หลีกเลี่ยงสถานการณ์หรือบุคคลที่ไม่ก่ออันตรายจริง
- พฤติกรรมป้องกันตัว เช่น ซ่อนตัว ร้องไห้ หายใจเร็ว
- ความดันโลหิตและชีพจรเพิ่มสูงขึ้นในบางช่วง
🎯 Goals (เป้าหมาย)
- ผู้ป่วยสามารถควบคุมความวิตกกังวลของตนได้
- แสดงพฤติกรรมที่สงบลงในสถานการณ์ที่เคยกระตุ้นความกลัว
- เข้าใจว่าอารมณ์วิตกกังวลที่เกิดขึ้นไม่มีอันตรายจริง
- มีความร่วมมือในการบำบัดทางจิตใจ
✅ Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)
- ผู้ป่วยสามารถพูดคุยเกี่ยวกับความรู้สึกกลัวได้
- ลดพฤติกรรมที่เป็นผลจากความวิตกกังวล
- ไม่แสดงพฤติกรรมตื่นตระหนกหรือหลีกเลี่ยง
- มีพฤติกรรมผ่อนคลาย เช่น หายใจลึก พูดจาสงบ
🌀 Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)
- F44F7I-1: ประเมินระดับความวิตกกังวลและสิ่งกระตุ้นที่ทำให้เกิดความกลัว
- F44F7I-2: อยู่ใกล้ผู้ป่วยในช่วงที่มีอาการวิตกกังวลรุนแรง เพื่อให้รู้สึกปลอดภัย
- F44F7I-3: สื่อสารด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล ให้ข้อมูลที่ตรงไปตรงมา
- F44F7I-4: สอนเทคนิคการหายใจลึกและผ่อนคลายกล้ามเนื้อ
- F44F7I-5: สนับสนุนให้แสดงความรู้สึกอย่างเปิดเผยและไม่ตัดสิน
- F44F7I-6: แนะนำกิจกรรมเบา ๆ เช่น ระบายสี ฟังเพลง เพื่อเบี่ยงเบนความกลัว
- F44F7I-7: ประเมินการใช้ยาคลายเครียดตามคำสั่งแพทย์และผลข้างเคียง
- F44F7I-8: แนะนำให้พบจิตแพทย์/นักจิตวิทยาเพื่อจัดการกับต้นตอของความกลัว
🌿 Response (การตอบสนอง)
- F44F7R-1: ผู้ป่วยแสดงพฤติกรรมสงบในสถานการณ์ที่เคยทำให้วิตก
- F44F7R-2: รายงานว่าความวิตกกังวลลดลงหลังใช้เทคนิคผ่อนคลาย
- F44F7R-3: มีส่วนร่วมในกิจกรรมโดยไม่หลีกเลี่ยง
- F44F7R-4: ผู้ป่วยสามารถระบุสาเหตุของความกลัวและพูดถึงได้ชัดเจน
- F44F7R-5: ไม่มีพฤติกรรมหลบหนี ตื่นตระหนก หรือร้องไห้บ่อยเหมือนก่อน
..............................................................................
🧠 F44F8 – พฤติกรรมหลีกเลี่ยงและการแยกตัวจากสังคม
(Avoidance and social withdrawal behaviors)
🔍 Assessment (การประเมิน)
S :
- “ฉันไม่อยากเจอใครเลย ทุกคนดูเหมือนจะไม่เข้าใจฉัน”
- “ฉันรู้สึกเหนื่อยเกินกว่าจะพูดคุยกับคนอื่น”
- “ฉันกลัวว่าถ้าฉันไปที่ไหน จะทำให้เกิดปัญหามากขึ้น”
O :
- หลีกเลี่ยงการมีปฏิสัมพันธ์กับคนอื่น หรือไม่ออกจากบ้าน
- นั่งอยู่คนเดียว หลีกเลี่ยงการเข้าร่วมกิจกรรมสังคม
- พูดน้อยหรือไม่พูดเลยในสถานการณ์ที่จำเป็นต้องพูดคุย
- แยกตัวออกจากครอบครัวและเพื่อนฝูง
🎯 Goals (เป้าหมาย)
- ผู้ป่วยสามารถมีปฏิสัมพันธ์กับคนอื่นได้โดยไม่รู้สึกเครียดหรือวิตกกังวล
- ผู้ป่วยแสดงความต้องการที่จะเชื่อมต่อกับผู้อื่น และเข้าร่วมกิจกรรมสังคม
- ลดพฤติกรรมแยกตัวและหลีกเลี่ยงสถานการณ์ทางสังคม
- ผู้ป่วยสามารถแสดงอารมณ์และความรู้สึกได้อย่างเปิดเผย
✅ Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)
- ผู้ป่วยมีส่วนร่วมในกิจกรรมสังคมบางอย่าง เช่น การพูดคุยกับคนในครอบครัวหรือการไปที่ทำงาน
- ไม่มีพฤติกรรมหลีกเลี่ยงหรือแยกตัวออกจากกลุ่ม
- ความสามารถในการแสดงอารมณ์ในที่สาธารณะเพิ่มขึ้น
- ผู้ป่วยสามารถพูดถึงความรู้สึกเกี่ยวกับการติดต่อกับผู้อื่นได้โดยไม่รู้สึกตึงเครียด
🌀 Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)
- F44F8I-1: ประเมินการหลีกเลี่ยงสถานการณ์ทางสังคมและเหตุผลที่ผู้ป่วยแยกตัวออกจากกลุ่ม
- F44F8I-2: สร้างสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยและสนับสนุนให้ผู้ป่วยมีส่วนร่วมกับคนรอบข้าง
- F44F8I-3: ใช้การบำบัดด้วยการพูดคุยเพื่อช่วยให้ผู้ป่วยเปิดใจและพูดถึงความรู้สึก
- F44F8I-4: สนับสนุนการมีส่วนร่วมในกิจกรรมสังคมขนาดเล็ก เช่น การทานอาหารร่วมกับครอบครัว
- F44F8I-5: ส่งเสริมให้ผู้ป่วยตั้งเป้าหมายเล็ก ๆ ในการมีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น
- F44F8I-6: สอนวิธีจัดการกับความเครียดและการรับมือกับสถานการณ์ทางสังคม
- F44F8I-7: ส่งเสริมการฝึกทักษะในการแสดงออกและการฟังที่ดีในการสนทนา
- F44F8I-8: ประสานจิตแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญเพื่อการบำบัดในกลุ่ม
🌿 Response (การตอบสนอง)
- F44F8R-1: ผู้ป่วยสามารถมีปฏิสัมพันธ์กับคนอื่นได้โดยไม่รู้สึกกดดัน
- F44F8R-2: ผู้ป่วยเริ่มเข้าร่วมกิจกรรมสังคมบ้าง เช่น การไปงานเลี้ยงเล็ก ๆ หรือทานข้าวกับครอบครัว
- F44F8R-3: พฤติกรรมการหลีกเลี่ยงและแยกตัวลดลงอย่างเห็นได้ชัด
- F44F8R-4: ผู้ป่วยสามารถพูดถึงความรู้สึกและความกลัวเกี่ยวกับการติดต่อกับผู้อื่นได้
- F44F8R-5: ความวิตกกังวลในสถานการณ์ทางสังคมลดลง ผู้ป่วยแสดงความเชื่อมั่นมากขึ้นในสังคม
.......................................................................
🧠 F44F9 – การควบคุมความคิดและอารมณ์ที่ไม่ดี (Poor
control over thoughts and emotions)
🔍 Assessment (การประเมิน)
S :
- “ฉันไม่สามารถควบคุมความคิดของตัวเองได้ มันวิ่งไปเร็วมาก”
- “ฉันรู้สึกเหมือนตัวเองไม่ใช่ตัวจริงในบางครั้ง”
- “อารมณ์ของฉันเปลี่ยนแปลงเร็วมาก บางครั้งก็โกรธเกินไป”
O :
- พูดเร็วหรือพูดไม่ค่อยรู้เรื่อง
- อารมณ์เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เช่น จากความเศร้าเป็นความโกรธ
- การแสดงออกทางอารมณ์ไม่สอดคล้องกับสถานการณ์
- บางครั้งอาจมีความรู้สึกว่า “หลุดจากร่างกาย” หรือไม่สามารถควบคุมความคิดได้
🎯 Goals (เป้าหมาย)
- ผู้ป่วยสามารถควบคุมอารมณ์และความคิดได้ดีขึ้น
- ผู้ป่วยแสดงออกในอารมณ์ที่สอดคล้องกับสถานการณ์
- ลดความรู้สึกหลุดจากตัวเองหรือแยกตัวออกจากสภาพแวดล้อม
- สามารถจัดการกับความคิดและอารมณ์ที่เกิดขึ้นได้อย่างมีสติ
✅ Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)
- ผู้ป่วยสามารถจัดการอารมณ์ในสถานการณ์ที่ตึงเครียดได้
- ความคิดของผู้ป่วยเริ่มชัดเจนและมีการควบคุม
- ผู้ป่วยไม่แสดงอารมณ์ที่ไม่เหมาะสมหรือไม่สมเหตุสมผล
- ผู้ป่วยสามารถแยกแยะความคิดของตัวเองจากสิ่งรอบข้างได้
🌀 Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)
- F44F9I-1: สอนให้ผู้ป่วยรู้จักสังเกตและควบคุมอารมณ์ตัวเองโดยการฝึกสติ
- F44F9I-2: ส่งเสริมการหายใจลึกและการฝึกผ่อนคลายเพื่อลดความเครียดและความวิตกกังวล
- F44F9I-3: ใช้การพูดคุยเพื่อช่วยให้ผู้ป่วยระบุความคิดและอารมณ์ที่เกิดขึ้น
- F44F9I-4: สอนเทคนิคในการควบคุมการตอบสนองทางอารมณ์ เช่น การหยุดคิดก่อนแสดงออก
- F44F9I-5: สนับสนุนการมีส่วนร่วมในกิจกรรมที่ช่วยให้ความคิดและอารมณ์คลี่คลาย เช่น การทำสมาธิ หรือการเขียนบันทึก
- F44F9I-6: แนะนำให้พบผู้เชี่ยวชาญในการบำบัดทางจิตใจเพื่อจัดการกับความคิดและอารมณ์
- F44F9I-7: ตรวจสอบสภาวะจิตใจของผู้ป่วยอย่างต่อเนื่องเพื่อลดความเสี่ยงของการตัดสินใจผิดพลาดในสถานการณ์ต่าง ๆ
- F44F9I-8: ใช้การฝึกการตระหนักรู้ในปัจจุบัน (Mindfulness) เพื่อลดความคิดลบและเสริมสร้างสมาธิ
🌿 Response (การตอบสนอง)
- F44F9R-1: ผู้ป่วยสามารถระบุความคิดและอารมณ์ของตัวเองได้ชัดเจน
- F44F9R-2: อารมณ์ของผู้ป่วยมีความคงที่มากขึ้นและเหมาะสมกับสถานการณ์
- F44F9R-3: ผู้ป่วยสามารถควบคุมอารมณ์ได้โดยไม่แสดงพฤติกรรมที่ผิดปกติหรือเกินเหตุ
- F44F9R-4: การตอบสนองทางอารมณ์และความคิดลดลงจากอาการที่รุนแรง
- F44F9R-5: ผู้ป่วยสามารถจัดการกับความคิดและอารมณ์ที่เกิดขึ้นในสถานการณ์ที่ตึงเครียดได้ดีขึ้น
...............................................................................
🧠 F44F10 – ขาดการรับรู้เกี่ยวกับตัวตน (Identity
confusion or lack of self-awareness)
🔍 Assessment (การประเมิน)
S :
- “ฉันไม่แน่ใจว่าตัวเองเป็นใคร บางครั้งรู้สึกเหมือนคนอื่น”
- “บางครั้งฉันรู้สึกว่าฉันเป็นคนอื่น หรือเป็นตัวละครในหนัง”
- “ฉันสับสนเกี่ยวกับสิ่งที่ต้องการทำหรือสิ่งที่เป็นตัวเอง”
O :
- พูดถึงตัวเองในบุคคลที่สามหรือไม่แน่ใจในสิ่งที่ตัวเองทำ
- การแสดงออกทางอารมณ์และการกระทำไม่ตรงกับการรับรู้ตัวตน
- หลงลืมรายละเอียดเกี่ยวกับตัวเอง เช่น ชื่อหรือเหตุการณ์ในชีวิต
- สับสนในบทบาทของตนเองในสังคม เช่น ความสัมพันธ์หรือหน้าที่การงาน
🎯 Goals (เป้าหมาย)
- ผู้ป่วยสามารถระบุและรับรู้ตัวตนของตัวเองได้อย่างชัดเจน
- ลดการสับสนเกี่ยวกับบทบาทในสังคมและชีวิตประจำวัน
- ผู้ป่วยสามารถยอมรับและเข้าใจความรู้สึกของตัวเองในแต่ละช่วงเวลา
- ผู้ป่วยสามารถพูดถึงตัวตนและความรู้สึกได้อย่างมั่นใจและไม่สับสน
✅ Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)
- ผู้ป่วยสามารถบอกชื่อและสถานะของตัวเองได้
- ผู้ป่วยมีการแสดงออกทางอารมณ์และการกระทำที่สอดคล้องกับความเข้าใจตัวตน
- ผู้ป่วยสามารถจัดการกับสถานการณ์ที่สับสนเกี่ยวกับตัวตนได้โดยไม่เกิดความเครียด
- ผู้ป่วยสามารถตัดสินใจในชีวิตประจำวันได้ดีขึ้น เช่น การตัดสินใจเกี่ยวกับงานหรือความสัมพันธ์
🌀 Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)
- F44F10I-1: สอนผู้ป่วยให้รับรู้และยอมรับตัวตนของตัวเองผ่านการทำความเข้าใจความรู้สึกและประสบการณ์ในปัจจุบัน
- F44F10I-2: ใช้เทคนิคการบำบัดเพื่อช่วยให้ผู้ป่วยสามารถเชื่อมโยงตัวเองกับสิ่งแวดล้อมและคนอื่น ๆ ได้
- F44F10I-3: สนับสนุนให้ผู้ป่วยสะท้อนความรู้สึกเกี่ยวกับตัวตนในสถานการณ์ที่แตกต่างกัน
- F44F10I-4: ส่งเสริมการใช้กิจกรรมที่ช่วยสร้างความเชื่อมโยงกับตัวเอง เช่น การเขียนบันทึก, การฝึกสมาธิ
- F44F10I-5: ช่วยผู้ป่วยสร้างความมั่นใจในตัวเองโดยให้คำแนะนำที่เหมาะสมในการเผชิญหน้ากับความกลัวหรือความสับสนเกี่ยวกับตัวตน
- F44F10I-6: สนับสนุนให้ผู้ป่วยทำกิจกรรมที่ช่วยเพิ่มการตระหนักรู้ในตนเอง เช่น การแสดงออกทางศิลปะหรือการพูดคุยกับผู้อื่น
- F44F10I-7: ใช้เทคนิคในการจัดการกับความคิดและอารมณ์ที่อาจนำไปสู่การขาดการรับรู้ตัวตน
- F44F10I-8: ประสานงานกับจิตแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญในการบำบัดทางจิตใจเพื่อช่วยผู้ป่วยในการปรับตัวและการยอมรับตัวตน
🌿 Response (การตอบสนอง)
- F44F10R-1: ผู้ป่วยสามารถระบุตัวตนและบทบาทในชีวิตได้อย่างชัดเจน
- F44F10R-2: การแสดงออกทางอารมณ์และการกระทำเริ่มมีความสอดคล้องกับความเข้าใจตัวตน
- F44F10R-3: ผู้ป่วยสามารถตัดสินใจได้อย่างมีสติและเชื่อมั่นในตัวเองมากขึ้น
- F44F10R-4: ผู้ป่วยเริ่มรับรู้และยอมรับตัวตนของตนในสถานการณ์ต่าง ๆ ได้ดีขึ้น
- F44F10R-5: ความสับสนเกี่ยวกับบทบาทในสังคมและชีวิตประจำวันลดลงอย่างเห็นได้ชัด
...........................................................................
เอกสารอ้างอิง
- กระทรวงสาธารณสุข. (2562). คู่มือการดูแลผู้ป่วยที่มีภาวะทางจิตใจ. กรุงเทพมหานคร: สำนักพิมพ์กระทรวงสาธารณสุข.
- อารีรัตน์ บุญญามณี. (2561). แนวทางการดูแลผู้ป่วยทางจิตวิทยาในโรงพยาบาล. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์.
- American Psychiatric Association. (2013). Diagnostic and Statistical Manual of Mental Disorders (DSM-5). Arlington, VA: American Psychiatric Association.
- Spitzer, R. L., & Williams, J. B. W. (1985). Structured Clinical Interviews for DSM-III-R: The Research Diagnostic Criteria. Archives of General Psychiatry, 42(7), 628–635. https://doi.org/10.1001/archpsyc.1985.01790210044007
..................................................................