🧠พยาธิสภาพ
- ✨SAD คือภาวะซึมเศร้าที่เกิดซ้ำๆ ในช่วงฤดูกาลใดฤดูกาลหนึ่ง โดยเฉพาะฤดูหนาวที่แสงแดดน้อย ✨มักพบในวัยผู้ใหญ่ตอนต้นถึงกลาง (อายุ 18–40 ปี)
😔อาการที่ควรรู้
- 🎯 เบื่อ เหงา อยากอยู่คนเดียว
- 🎯 ง่วงมาก นอนเยอะ
- 🎯 อยากกินแป้งหรือของหวาน
- 🎯 น้ำหนักขึ้น
- 🎯 ขาดแรงจูงใจในการใช้ชีวิต
🌧️ปัจจัยเสี่ยง
- 🌈 แสงแดดน้อยในช่วงฤดูหนาว
- 🌈 เคยมีประวัติเป็นโรคซึมเศร้า
- 🌈 มีคนในครอบครัวเป็นโรคอารมณ์
- 🌈 ความเครียดสะสม
💊แนวทางการรักษา
- ✨การบำบัดด้วยแสง (Light Therapy)
- ✨การพูดคุยกับนักจิตวิทยา
- ✨ยาต้านเศร้า (เฉพาะบางราย)
👨👩👧👦แนวทางการพยาบาล
- 💙 สังเกตอารมณ์และพฤติกรรมที่เปลี่ยนไป
- 💙 กระตุ้นให้ผู้ป่วยมีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น
- 💙 สนับสนุนการทำกิจกรรมที่เคยชอบ
- 💙 ให้คำแนะนำเรื่องการปฏิบัติตัวและการพบแพทย์
🌞การดูแลตัวเองสำหรับบุคคลทั่วไป
- ❤️ออกไปรับแสงแดดตอนเช้าอย่างน้อย 20 นาที
- ❤️ออกกำลังกายสม่ำเสมอ
- ❤️นอนให้พอ พักให้เพียงพอ
- ❤️หากรู้สึกซึมเศร้านานเกิน 2 สัปดาห์ ควรพบแพทย์
✨ แค่รู้เท่าทัน…ก็ป้องกันใจไม่ให้เศร้าได้ในทุกฤดู แชร์ให้คนที่คุณรักได้ดู และรู้ทันอารมณ์ตัวเองนะคะ
🩺 วินิจฉัยการพยาบาลผู้ป่วย SAD (F33.1)
- F33.1F1 มีภาวะซึมเศร้า (Depressed mood) ผู้ป่วยมีอารมณ์เศร้า หดหู่ หมดความสนใจต่อสิ่งรอบตัว
- F33.1F2 มีความเสี่ยงต่อการทำร้ายตนเองหรือฆ่าตัวตาย (Risk for self-harm or suicide) ควรประเมินพฤติกรรม เสียงพูด หรือข้อความที่แสดงถึงความคิดอยากตาย
- F33.1F3 นอนไม่หลับหรือนอนมากผิดปกติ (Disturbed sleep pattern)มีการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการนอน เช่น นอนมากเกินไป หรือนอนไม่หลับ
- F33.1F4 มีการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการกิน (Altered eating pattern) กินมากกว่าปกติ โดยเฉพาะของหวาน หรือไม่อยากอาหาร
- F33.1F5 มีพฤติกรรมแยกตัว ไม่เข้าสังคม (Social withdrawal) หลีกเลี่ยงการพบปะผู้คน ขาดปฏิสัมพันธ์กับคนรอบข้าง
- F33.1F6 ขาดแรงจูงใจในการทำกิจกรรม (Lack of motivation for activities) ไม่สนใจกิจกรรมที่เคยชอบ ทำสิ่งต่างๆ ด้วยความรู้สึกฝืน
- F33.1F7 ขาดความรู้เกี่ยวกับโรคและการดูแลตนเอง (Deficient knowledge about SAD and self-care) ไม่เข้าใจสาเหตุ อาการ หรือแนวทางการจัดการกับโรค
- F33.1F8 มีความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนจากโรคซึมเศร้า (Risk for complications related to depression) เสี่ยงต่อภาวะโรคซึมเศร้าเรื้อรัง หรือพฤติกรรมทำร้ายตนเอง
- F33.1F9 ต้องการการวางแผนดูแลต่อเนื่องหลังออกจากโรงพยาบาล (Need for continuity of care planning) จำเป็นต้องมีแผนส่งต่อ ดูแลต่อเนื่อง เช่น นัดพบจิตแพทย์หรือพยาบาลเยี่ยมบ้าน
- F33.1F10 พร้อมจำหน่ายโดยมีครอบครัวร่วมดูแล (Ready for discharge with family support) ผู้ป่วยมีอาการดีขึ้น เข้าใจโรค และมีผู้ดูแลใกล้ชิดเมื่อกลับบ้าน
……………………………………………………………….
🩺F33.1F1 มีภาวะซึมเศร้า (Depressed mood)
🔍 Assessment (การประเมิน)
S:
- "รู้สึกไม่มีค่า"
- "ไม่อยากทำอะไรเลย"
- "ไม่มีแรงแม้แต่จะตื่นนอน"
O:
- สีหน้าเศร้า น้ำเสียงเบา
- ไม่สนใจสิ่งรอบตัวหรือไม่พูดคุยกับผู้อื่น
- นอนมากกว่าปกติหรือไม่อยากลุกจากเตียง
- ไม่ดูแลตนเอง เช่น ไม่อาบน้ำ ไม่กินข้าว
🎯 Goals (เป้าหมาย)
- ผู้ป่วยสามารถแสดงออกถึงอารมณ์ในทางบวกได้มากขึ้นภายใน 7 วัน
- ผู้ป่วยสนใจทำกิจกรรมง่ายๆ อย่างน้อย 1 อย่างต่อวัน
- ผู้ป่วยสามารถมีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่นในระดับพื้นฐาน
- ผู้ป่วยรู้จักวิธีรับมือเมื่อรู้สึกเศร้าหรือหดหู่
📏 Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)
- ผู้ป่วยพูดถึงอารมณ์ตนเองได้
- ผู้ป่วยเข้าร่วมกิจกรรมที่พยาบาลแนะนำ
- ผู้ป่วยมีการดูแลตนเองได้ดีขึ้น
- ผู้ป่วยแสดงอารมณ์เศร้าลดลงอย่างเห็นได้ชัด
✅ Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)
- F33.1F1I-1: ประเมินอารมณ์และความคิดของผู้ป่วยทุกวัน เช่น ความรู้สึกเศร้า ท้อแท้ หรือคิดอยากตาย
- F33.1F1I-2: สร้างความสัมพันธ์ที่ไว้วางใจ ให้กำลังใจ ไม่ตัดสินความรู้สึกของผู้ป่วย
- F33.1F1I-3: กระตุ้นให้ผู้ป่วยเล่าเรื่องหรือเขียนระบายความรู้สึก เพื่อระบายอารมณ์
- F33.1F1I-4: ส่งเสริมกิจกรรมง่ายๆ เช่น เดินเล่น พับกระดาษ หรือวาดรูปตามความสนใจ
- F33.1F1I-5: ให้ข้อมูลเรื่องโรค SAD และวิธีดูแลตนเอง เช่น การรับแสงแดดตอนเช้า
- F33.1F1I-6: ประสานทีมสหวิชาชีพ เช่น นักจิตวิทยา หรือจิตแพทย์ เพื่อประเมินภาวะซึมเศร้าและติดตามอาการ
- F33.1F1I-7: ติดตามผลการใช้ยา (ถ้ามี) และประเมินผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น
- F33.1F1I-8: สนับสนุนให้ครอบครัวมีส่วนร่วมดูแล ให้คำแนะนำในการพูดคุยเชิงบวก
💬 Response (การตอบสนอง)
- F33.1F1R-1: ผู้ป่วยสามารถพูดถึงอารมณ์ของตนเองได้ชัดเจนมากขึ้น
- F33.1F1R-2: ผู้ป่วยเริ่มแสดงพฤติกรรมเชิงบวก เช่น ลุกจากเตียงเอง หรือพูดคุยกับผู้อื่น
- F33.1F1R-3: ผู้ป่วยมีส่วนร่วมในกิจกรรมง่ายๆ อย่างน้อยวันละ 1 ครั้ง
- F33.1F1R-4: อาการเศร้าลดลง และผู้ป่วยเริ่มดูแลตนเองดีขึ้น
- F33.1F1R-5: ผู้ป่วยแสดงออกถึงแรงจูงใจในการฟื้นฟูตนเอง
…………………………………………………………
F33.1F2 มีความเสี่ยงต่อการทำร้ายตนเองหรือฆ่าตัวตาย
🔍 Assessment (การประเมิน)
S:
- "อยากตาย ไม่อยากอยู่แล้ว"
- "รู้สึกว่าไม่มีใครต้องการ"
- "ถ้าหายไปทุกคนคงสบายใจ"
O:
- สีหน้าเศร้าหรือว่างเปล่า
- มีบาดแผลเก่า/ใหม่ที่อาจเกิดจากการทำร้ายตนเอง
- แยกตัว ไม่สนใจสิ่งแวดล้อม
- มีการพูดหรือโพสต์สื่อสังคมถึงความตาย
🎯 Goals (เป้าหมาย)
- ผู้ป่วยปลอดภัย ไม่มีการทำร้ายตนเองหรือพยายามฆ่าตัวตาย
- ผู้ป่วยสามารถพูดถึงความรู้สึกของตนเองได้อย่างเปิดเผย
- ผู้ป่วยเรียนรู้วิธีรับมือเมื่อรู้สึกท้อแท้หรือสิ้นหวัง
- ครอบครัวหรือผู้ดูแลมีส่วนร่วมในการดูแลเพื่อป้องกันอันตราย
📏 Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)
- ผู้ป่วยไม่แสดงพฤติกรรมหรือคำพูดที่สื่อถึงความคิดอยากตาย
- ผู้ป่วยขอความช่วยเหลือเมื่อรู้สึกแย่
- มีคนดูแลหรืออยู่ใกล้ชิดกับผู้ป่วยตลอดเวลาในช่วงเสี่ยง
- ไม่มีบาดแผลใหม่จากการทำร้ายตนเอง
✅ Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)
- F33.1F2I-1: ประเมินความคิดฆ่าตัวตายโดยตรง (เช่น "คิดจะฆ่าตัวตายไหม") อย่างนุ่มนวลแต่ชัดเจน
- F33.1F2I-2: อยู่กับผู้ป่วยอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะช่วงที่มีความเสี่ยงสูง เช่น ตอนกลางคืนหรือหลังมีข่าวร้าย
- F33.1F2I-3: เก็บของมีคม ยา หรือสิ่งของที่อาจใช้ทำร้ายตนเองให้พ้นมือ
- F33.1F2I-4: สร้างบรรยากาศไว้วางใจ ให้ผู้ป่วยกล้าระบายความรู้สึก
- F33.1F2I-5: ประเมินซ้ำเป็นระยะ ว่าความเสี่ยงเปลี่ยนแปลงหรือไม่
- F33.1F2I-6: ให้ข้อมูลวิธีรับมืออารมณ์ลบ เช่น เขียนระบาย พูดคุยกับคนที่ไว้ใจ
- F33.1F2I-7: ประสานจิตแพทย์เพื่อประเมินและให้การรักษาอย่างเหมาะสม
- F33.1F2I-8: แนะนำครอบครัวให้ร่วมดูแลผู้ป่วยในเชิงบวก และสังเกตสัญญาณเตือน
- F33.1F2I-9: ให้ผู้ป่วยเซ็นสัญญาว่าจะไม่ทำร้ายตนเองในระหว่างที่อยู่ในการดูแล (Safety contract) หากเหมาะสม
- F33.1F2I-10: สังเกตและจดบันทึกพฤติกรรมผิดปกติหรือคำพูดที่เปลี่ยนแปลง เพื่อส่งต่อทีมสหวิชาชีพ
💬 Response (การตอบสนอง)
- F33.1F2R-1: ผู้ป่วยไม่แสดงพฤติกรรมหรือความคิดเกี่ยวกับการทำร้ายตนเอง
- F33.1F2R-2: ผู้ป่วยสามารถขอความช่วยเหลือเมื่อรู้สึกท้อแท้หรือเครียด
- F33.1F2R-3: ไม่มีการบาดเจ็บหรือพยายามทำร้ายตนเองในระยะเวลาที่ดูแล
- F33.1F2R-4: ผู้ป่วยมีปฏิสัมพันธ์กับพยาบาลหรือคนใกล้ชิดได้ดีขึ้น
- F33.1F2R-5: ครอบครัวมีบทบาทในการดูแลและสามารถสังเกตความเสี่ยงได้
……………………………………………………………………..
🛌 F33.1F3 นอนไม่หลับหรือนอนมากผิดปกติ (Disturbed
sleep pattern)
🔍 Assessment (การประเมิน)
S:
- “ช่วงนี้นอนไม่ค่อยหลับ ตื่นกลางดึกบ่อย”
- “รู้สึกอยากนอนทั้งวัน ตื่นมาก็ยังเหนื่อย”
- “ไม่อยากลุกจากเตียงเลย เหมือนหลับเท่าไรก็ไม่พอ”
O:
- ผู้ป่วยมีถุงใต้ตา สีหน้าอิดโรย
- หลับกลางวันหลายชั่วโมง
- พฤติกรรมเซื่องซึม ง่วงซึมระหว่างวัน
- มีบันทึกเวลานอน/ตื่นที่ผิดปกติ
🎯 Goals (เป้าหมาย)
- ผู้ป่วยมีคุณภาพการนอนดีขึ้น ภายใน 3-5 วัน
- ผู้ป่วยนอนหลับต่อเนื่องได้อย่างน้อย 5-6 ชั่วโมงต่อคืน
- ผู้ป่วยรับรู้ถึงปัจจัยที่รบกวนการนอน และร่วมมือในการดูแล
- พฤติกรรมการนอนกลับมาใกล้เคียงปกติ
📏 Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)
- ผู้ป่วยสามารถนอนหลับได้อย่างต่อเนื่อง
- ผู้ป่วยไม่ง่วงซึมหรือหลับระหว่างวัน
- ไม่มีการบ่นเรื่องหลับไม่สนิท หรือตื่นกลางดึกบ่อย
- ผู้ป่วยมีพลังงานและความตื่นตัวมากขึ้นในตอนเช้า
✅ Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)
- F33.1F3I-1: ประเมินรูปแบบการนอนและปัจจัยรบกวนการนอน เช่น ความเครียด สภาพแวดล้อม
- F33.1F3I-2: จัดสิ่งแวดล้อมให้น่าอยู่ สงบ อุณหภูมิพอเหมาะก่อนนอน
- F33.1F3I-3: แนะนำให้นอนและตื่นในเวลาเดียวกันทุกวัน แม้วันหยุด
- F33.1F3I-4: งดเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนหลังบ่ายสองโมง และอาหารมื้อหนักก่อนนอน
- F33.1F3I-5: กระตุ้นกิจกรรมเบา ๆ ช่วงกลางวัน เช่น เดิน สูดอากาศ เพื่อช่วยกระตุ้นนาฬิกาชีวภาพ
- F33.1F3I-6: ใช้แสงแดดธรรมชาติหรือ Light therapy ในตอนเช้า เพื่อปรับสมดุลการหลั่งฮอร์โมน
- F33.1F3I-7: แนะนำกิจกรรมผ่อนคลายก่อนนอน เช่น ฟังเพลงเบา ๆ หายใจลึก ๆ
- F33.1F3I-8: ประเมินการใช้ยานอนหลับหรือยาต้านซึมเศร้าที่มีผลต่อการนอน
- F33.1F3I-9: ปรึกษาแพทย์กรณีมีอาการนอนไม่หลับหรือนอนมากเกิน 1 สัปดาห์ติดต่อกัน
- F33.1F3I-10: ส่งเสริมการจดบันทึกการนอน (Sleep log) เพื่อใช้ติดตามและวางแผนการรักษา
💬 Response (การตอบสนอง)
- F33.1F3R-1: ผู้ป่วยสามารถนอนหลับได้อย่างต่อเนื่อง 5-6 ชั่วโมงขึ้นไป
- F33.1F3R-2: ไม่มีอาการง่วงหรือซึมมากในระหว่างวัน
- F33.1F3R-3: ผู้ป่วยมีความกระตือรือร้นและมีพลังมากขึ้นหลังตื่นนอน
- F33.1F3R-4: ผู้ป่วยรับรู้และหลีกเลี่ยงปัจจัยที่รบกวนการนอน
- F33.1F3R-5: ผู้ป่วยมีความร่วมมือในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการนอน
…………………………………………………………….
🍽️F33.1F4 มีการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการกิน (Altered
eating pattern)
🔍 Assessment (การประเมิน)
S:
- “ช่วงนี้กินจุกจิกทั้งวัน โดยเฉพาะพวกขนมหวาน”
- “ไม่มีแรง ไม่อยากกินข้าวเลย กินแค่นิดเดียว”
- “กินแล้วรู้สึกดีขึ้น แต่อดไม่ได้ต้องกินบ่อยมาก”
O:
- น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นหรือลดลงผิดปกติ
- มีพฤติกรรมกินตอนกลางคืน (night eating)
- รับประทานอาหารไม่เป็นเวลา
- มีอาการหงุดหงิด/ซึมเศร้าหลังการกิน
🎯 Goals (เป้าหมาย)
- ผู้ป่วยสามารถรับประทานอาหารได้สม่ำเสมอ และครบ 3 มื้อ
- น้ำหนักตัวอยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสมภายใน 2 สัปดาห์
- ลดพฤติกรรมกินของหวานหรือกินตอนกลางคืน
- ผู้ป่วยเข้าใจและร่วมมือในการวางแผนการกินที่ดีต่อสุขภาพ
📏 Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)
- น้ำหนักคงที่ภายใน ±2 กิโลกรัมใน 2 สัปดาห์
- ไม่มีพฤติกรรมกินจุกจิกหรือกินมากผิดปกติ
- ผู้ป่วยสามารถอธิบายหลักการกินอาหารที่เหมาะสมได้
- ผู้ป่วยมีพฤติกรรมการกินที่สมดุลและสม่ำเสมอ
✅ Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)
- F33.1F4I-1: ประเมินน้ำหนักตัวทุก 3 วัน พร้อมจดบันทึกพฤติกรรมการกินแต่ละมื้อ
- F33.1F4I-2: สังเกตและบันทึกพฤติกรรมกินอาหารช่วงกลางคืนหรือกินของหวานผิดปกติ
- F33.1F4I-3: ส่งเสริมให้รับประทานอาหารหลักให้ครบ 3 มื้อ เน้นผัก ผลไม้ และโปรตีน
- F33.1F4I-4: ให้ความรู้เรื่องผลกระทบของการกินมาก/น้อยเกินไปต่อสุขภาพและอารมณ์
- F33.1F4I-5: จัดตารางเวลาการกินที่แน่นอนในแต่ละวันและหลีกเลี่ยงขนมหวานระหว่างมื้อ
- F33.1F4I-6: แนะนำกิจกรรมทดแทนการกิน เช่น ออกกำลังกายเบา ๆ หรือทำงานอดิเรก
- F33.1F4I-7: ร่วมกับนักโภชนาการในการวางแผนเมนูอาหารที่เหมาะสมรายบุคคล
- F33.1F4I-8: สังเกตอารมณ์ก่อนและหลังรับประทานอาหาร เพื่อประเมินความสัมพันธ์
- F33.1F4I-9: ติดตามภาวะโภชนาการ และผลเลือดที่เกี่ยวข้อง เช่น น้ำตาล ไขมัน
- F33.1F4I-10: สนับสนุนครอบครัวให้มีบทบาทช่วยดูแลพฤติกรรมการกินของผู้ป่วย
💬 Response (การตอบสนอง)
- F33.1F4R-1: น้ำหนักตัวอยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม
- F33.1F4R-2: ผู้ป่วยกินอาหารได้ครบ 3 มื้อ และลดการกินของหวานลง
- F33.1F4R-3: ไม่มีพฤติกรรมกินกลางคืนหรือกินผิดเวลา
- F33.1F4R-4: ผู้ป่วยรับรู้ผลเสียของการกินผิดปกติและปรับพฤติกรรมได้
- F33.1F4R-5: อารมณ์โดยรวมของผู้ป่วยมีความคงที่มากขึ้นหลังจัดการพฤติกรรมการกิน
………………………………………………………………………
🚷 F33.1F5: มีพฤติกรรมแยกตัว ไม่เข้าสังคม (Social
withdrawal)
🔍 Assessment (การประเมิน)
S:
- “ไม่อยากเจอใครเลย รู้สึกเหนื่อยกับการคุยกับคนอื่น”
- “อยู่คนเดียวสบายใจกว่า ไม่อยากออกจากห้อง”
- “ไม่มีอารมณ์จะเข้าสังคม รำคาญเสียงคนเยอะ ๆ”
O:
- ผู้ป่วยไม่เข้าร่วมกิจกรรมกลุ่ม
- ไม่สนใจหรือปฏิเสธการพูดคุยกับผู้อื่น
- ใช้เวลาอยู่ลำพังมากกว่าปกติ
- สีหน้าเฉยเมย ขาดความสนใจต่อสิ่งรอบข้าง
🎯 Goals (เป้าหมาย)
- ผู้ป่วยเริ่มมีปฏิสัมพันธ์กับบุคคลอื่นอย่างน้อย 1-2 คน
- ผู้ป่วยสามารถเข้าร่วมกิจกรรมกลุ่มได้ตามแผน
- ลดพฤติกรรมแยกตัวให้อยู่ในระดับที่ไม่กระทบการดำเนินชีวิต
- เพิ่มความมั่นใจและแรงจูงใจในการเข้าสังคม
📏 Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)
- ผู้ป่วยพูดคุยกับบุคลากรหรือเพื่อนผู้ป่วยอย่างน้อยวันละ 1 ครั้ง
- ผู้ป่วยเข้าร่วมกิจกรรมกลุ่มภายใน 3–5 วัน
- แสดงออกถึงความสนใจเมื่อมีการชวนพูดคุยหรือร่วมกิจกรรม
- ผู้ป่วยรายงานว่ารู้สึกดีขึ้นหลังการเข้าสังคม
✅ Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)
- F33.1F5I-1: สังเกตและบันทึกพฤติกรรมการแยกตัว/ปฏิเสธการสื่อสารในแต่ละวัน
- F33.1F5I-2: สร้างความไว้วางใจผ่านการพูดคุยสั้น ๆ อย่างเป็นกันเองทุกวัน
- F33.1F5I-3: ส่งเสริมกิจกรรมที่เหมาะสมกับความสนใจ เช่น วาดภาพ เล่นดนตรี
- F33.1F5I-4: ชักชวนให้เข้าร่วมกิจกรรมกลุ่มเล็ก ๆ ก่อน ค่อยเพิ่มความถี่
- F33.1F5I-5: ประเมินระดับความวิตกกังวลหรือกลัวต่อการเข้าสังคม
- F33.1F5I-6: แนะนำการฝึกทักษะสื่อสาร เช่น การเริ่มต้นสนทนา
- F33.1F5I-7: สนับสนุนครอบครัว/เพื่อนร่วมดูแลให้มีบทบาทร่วมกระตุ้น
- F33.1F5I-8: ใช้เทคนิคบำบัดพฤติกรรม เช่น เสริมแรงเมื่อผู้ป่วยร่วมกิจกรรม
- F33.1F5I-9: ให้ข้อมูลเพื่อเสริมแรงจูงใจเกี่ยวกับประโยชน์ของการเข้าสังคม
- F33.1F5I-10: ปรึกษาร่วมกับนักจิตวิทยาหรือทีมสหวิชาชีพหากพฤติกรรมแยกตัวรุนแรง
💬 Response (การตอบสนอง)
- F33.1F5R-1: ผู้ป่วยสามารถพูดคุยกับเจ้าหน้าที่หรือผู้ป่วยอื่นได้อย่างน้อยวันละ 1 ครั้ง
- F33.1F5R-2: เข้าร่วมกิจกรรมกลุ่มอย่างน้อย 2 ครั้ง/สัปดาห์
- F33.1F5R-3: แสดงสีหน้าสนใจหรือรู้สึกดีขึ้นหลังเข้าร่วมกิจกรรม
- F33.1F5R-4: รายงานว่ารู้สึกมีคุณค่าและกล้าเข้าสังคมมากขึ้น
- F33.1F5R-5: ลดการแยกตัวอย่างชัดเจนภายใน 1–2 สัปดาห์
………………………………………………………….
🧠F33.1F6 ขาดแรงจูงใจในการทำกิจกรรม (Lack
of motivation for activities)
🔍 Assessment (การประเมิน)
S:
- “ไม่อยากทำอะไรเลย ทุกอย่างดูน่าเบื่อ”
- “กิจกรรมที่เคยชอบ ตอนนี้ก็ไม่สนุกแล้ว”
- “รู้สึกเหนื่อย ไม่มีแรงจะเริ่มทำอะไร”
O:
- ผู้ป่วยนอนอยู่บนเตียงตลอดวัน
- ปฏิเสธการเข้าร่วมกิจกรรมต่าง ๆ แม้จะได้รับการชักชวน
- สีหน้าเฉยเมย ขาดการตอบสนองต่อสิ่งเร้า
- ขาดความกระตือรือร้นในการทำสิ่งที่เคยทำได้
🎯 Goals (เป้าหมาย)
- ผู้ป่วยแสดงความสนใจในการทำกิจกรรมอย่างน้อย 1 อย่าง
- เพิ่มแรงจูงใจในการเริ่มหรือทำกิจกรรมที่เหมาะสม
- ลดพฤติกรรมเฉื่อยชาและการปฏิเสธกิจกรรม
- ส่งเสริมพลังใจและความพึงพอใจในการใช้ชีวิตประจำวัน
📏 Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)
- ผู้ป่วยสามารถเริ่มทำกิจกรรมโดยไม่ถูกกระตุ้นมากเกินไป
- ผู้ป่วยร่วมกิจกรรมอย่างน้อย 1–2 ครั้ง/สัปดาห์
- มีสีหน้าและท่าทางที่แสดงถึงความสนใจหรือพึงพอใจ
- ผู้ป่วยรายงานว่ารู้สึกดีขึ้นหรือมีกำลังใจมากขึ้น
✅ Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)
- F33.1F6I-1: ประเมินความสนใจและสิ่งที่ผู้ป่วยเคยชอบทำเป็นรายบุคคล
- F33.1F6I-2: กระตุ้นด้วยการพูดคุยเชิงบวก เสริมแรงหากเริ่มทำกิจกรรมเล็ก ๆ
- F33.1F6I-3: วางแผนกิจกรรมร่วมกับผู้ป่วย โดยเริ่มจากสิ่งง่าย ๆ และใช้เวลาสั้น
- F33.1F6I-4: ชักชวนให้ทำกิจกรรมกับผู้อื่นเพื่อเพิ่มแรงจูงใจ
- F33.1F6I-5: ใช้บันทึกหรือสมุดกิจกรรมรายวัน เพื่อจดสิ่งที่ทำได้ในแต่ละวัน
- F33.1F6I-6: จัดสภาพแวดล้อมให้เอื้อต่อการทำกิจกรรม เช่น แสงแดด เสียงเพลงเบา
- F33.1F6I-7: สนับสนุนครอบครัวหรือผู้ดูแลให้มีบทบาทในการกระตุ้น
- F33.1F6I-8: หลีกเลี่ยงการบังคับผู้ป่วย แทนที่ด้วยการให้ทางเลือก
- F33.1F6I-9: ติดตามประเมินแรงจูงใจและอารมณ์อย่างสม่ำเสมอ
- F33.1F6I-10: ปรึกษาร่วมทีมจิตเวช หากไม่มีการตอบสนองต่อการกระตุ้น
💬 Response (การตอบสนอง)
- F33.1F6R-1: ผู้ป่วยสามารถทำกิจกรรมเล็ก ๆ ได้ด้วยตนเองโดยไม่ต้องกระตุ้น
- F33.1F6R-2: เข้าร่วมกิจกรรมกลุ่มอย่างน้อย 1–2 ครั้ง/สัปดาห์
- F33.1F6R-3: รายงานว่าเริ่มรู้สึกสนุกหรือผ่อนคลายหลังทำกิจกรรม
- F33.1F6R-4: แสดงสีหน้าและท่าทางที่มีพลังมากขึ้น
- F33.1F6R-5: ลดเวลานอนเฉย ๆ และเพิ่มกิจกรรมในแต่ละวัน
…………………………………………………………………
🧠F33.1F7 ขาดความรู้เกี่ยวกับโรคและการดูแลตนเอง
(Deficient knowledge about SAD and self-care)
🔍 Assessment (การประเมิน)
S:
- “ไม่รู้จักโรคนี้มาก่อน ไม่เข้าใจว่ามันเกิดจากอะไร”
- “ไม่ทราบวิธีการจัดการกับอารมณ์เศร้าหรืออาการของโรค”
- “ไม่เคยได้ยินถึงการรักษาหรือการดูแลตัวเองสำหรับโรคนี้”
O:
- ผู้ป่วยไม่สามารถอธิบายอาการหรือสาเหตุของโรคได้
- ขาดความเข้าใจเกี่ยวกับวิธีการจัดการอารมณ์หรือการดูแลตนเองในช่วงที่อาการกำเริบ
- ไม่มีข้อมูลพื้นฐานเกี่ยวกับการดูแลตัวเองในระยะยาว
🎯 Goals (เป้าหมาย)
- ผู้ป่วยเข้าใจเกี่ยวกับสาเหตุ อาการ และการดูแลตัวเองจากโรค SAD
- ผู้ป่วยสามารถอธิบายวิธีการจัดการกับอารมณ์และอาการของโรคได้
- ผู้ป่วยสามารถใช้แนวทางการดูแลตนเองเพื่อลดอาการและปรับตัวได้ดีขึ้น
- ผู้ป่วยมีความมั่นใจในการดูแลสุขภาพตนเองและรู้ถึงการป้องกันอาการกำเริบ
📏 Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)
- ผู้ป่วยสามารถอธิบายสาเหตุและอาการของโรค SAD ได้อย่างถูกต้อง
- ผู้ป่วยสามารถใช้กลยุทธ์ในการจัดการกับอารมณ์และอาการได้
- ผู้ป่วยสามารถระบุแนวทางการดูแลตนเองเช่น การรับแสงแดดหรือการพักผ่อน
- ผู้ป่วยแสดงความเข้าใจในข้อมูลที่ได้รับและมีการนำไปปฏิบัติ
✅ Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)
- F33.1F7I-1: ให้ข้อมูลเกี่ยวกับโรค SAD รวมถึงสาเหตุ อาการ และแนวทางการรักษา
- F33.1F7I-2: อธิบายให้ผู้ป่วยเข้าใจถึงการจัดการกับอารมณ์ เช่น การรับแสงแดด หรือการออกกำลังกาย
- F33.1F7I-3: ส่งเสริมให้ผู้ป่วยเข้าใจวิธีการรักษาและการดูแลตัวเองในช่วงที่อาการกำเริบ
- F33.1F7I-4: จัดให้มีการสอนหรือให้เอกสารเกี่ยวกับการดูแลตัวเองและการรับมือกับอาการของโรค
- F33.1F7I-5: เชิญชวนผู้ป่วยเข้าร่วมกลุ่มหรือสนับสนุนการได้รับการศึกษาจากแหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้
- F33.1F7I-6: ส่งเสริมให้ผู้ป่วยถามคำถามหรือขอคำปรึกษาเกี่ยวกับการดูแลตนเอง
- F33.1F7I-7: ติดตามผลการปฏิบัติการดูแลตัวเองและให้คำแนะนำเพิ่มเติมหากจำเป็น
- F33.1F7I-8: ให้ข้อมูลเกี่ยวกับการสนับสนุนทางจิตใจ เช่น การบำบัดหรือการพูดคุยกับผู้เชี่ยวชาญ
- F33.1F7I-9: ประเมินระดับความเข้าใจของผู้ป่วยเกี่ยวกับโรคและวิธีการดูแลตนเองอย่างสม่ำเสมอ
💬 Response (การตอบสนอง)
- F33.1F7R-1: ผู้ป่วยสามารถอธิบายสาเหตุและอาการของโรค SAD ได้อย่างถูกต้อง
- F33.1F7R-2: ผู้ป่วยสามารถใช้วิธีการดูแลตัวเอง เช่น การรับแสงแดด หรือการออกกำลังกาย
- F33.1F7R-3: ผู้ป่วยแสดงความเข้าใจในการจัดการอารมณ์และอาการของโรค
- F33.1F7R-4: ผู้ป่วยแสดงความมั่นใจในการใช้แนวทางการดูแลตนเองเพื่อป้องกันอาการกำเริบ
- F33.1F7R-5: ผู้ป่วยแสดงพฤติกรรมที่สะท้อนถึงความรู้ที่ได้รับ เช่น การวางแผนกิจกรรมในวันนั้น ๆ
……………………………………………………………………….
🧠F33.1F8 มีความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนจากโรคซึมเศร้า
(Risk for complications related to depression)
🔍 Assessment (การประเมิน)
S:
- “รู้สึกหมดหวัง ไม่มีความหวังในชีวิต”
- “เคยมีความคิดทำร้ายตัวเอง หรือรู้สึกอยากตาย”
- “อารมณ์เศร้าตลอดเวลา แม้จะมีเหตุการณ์ที่ดีในชีวิต”
- “ไม่สามารถดำเนินชีวิตประจำวันตามปกติได้”
O:
- พฤติกรรมการทำร้ายตัวเองหรือคิดฆ่าตัวตายมีการพูดถึงหรือแสดงออก
- อารมณ์เศร้าหรือขาดความสนใจต่อกิจกรรมที่เคยชอบ
- การนอนผิดปกติ (นอนไม่หลับหรือนอนมากเกินไป)
- น้ำหนักลดหรือเพิ่มผิดปกติจากการไม่กินหรือกินมากเกินไป
🎯 Goals (เป้าหมาย)
- ลดความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนจากโรคซึมเศร้า เช่น การทำร้ายตัวเอง
- ส่งเสริมให้ผู้ป่วยสามารถจัดการกับอารมณ์เศร้าได้โดยไม่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิต
- ช่วยให้ผู้ป่วยสามารถกลับไปทำกิจกรรมประจำวันได้อย่างปกติ
- ลดความคิดในเชิงลบและพฤติกรรมที่เสี่ยงต่อการทำร้ายตัวเอง
📏 Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)
- ไม่มีการแสดงออกหรือพูดถึงความคิดทำร้ายตัวเองหรือฆ่าตัวตาย
- ผู้ป่วยสามารถทำกิจกรรมประจำวันได้ตามปกติ
- ผู้ป่วยสามารถอธิบายวิธีการจัดการกับความเศร้าหรืออารมณ์
- ผู้ป่วยมีอาการอารมณ์ดีขึ้นและไม่แสดงพฤติกรรมเสี่ยง
- น้ำหนักตัวคงที่และการนอนกลับสู่สภาวะปกติ
✅ Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)
- F33.1F8I-1: ประเมินความเสี่ยงต่อการทำร้ายตัวเองหรือความคิดฆ่าตัวตายของผู้ป่วยอย่างต่อเนื่อง
- F33.1F8I-2: สนับสนุนให้ผู้ป่วยมีการพูดคุยเกี่ยวกับอารมณ์และความรู้สึกเพื่อเปิดโอกาสในการระบายความเครียด
- F33.1F8I-3: ให้คำแนะนำเกี่ยวกับการรับการบำบัดทางจิตวิทยาหรือการสนับสนุนทางจิตใจจากผู้เชี่ยวชาญ
- F33.1F8I-4: ส่งเสริมการใช้เทคนิคผ่อนคลาย เช่น การทำสมาธิ การออกกำลังกาย เพื่อปรับปรุงอารมณ์
- F33.1F8I-5: ตรวจสอบและประเมินพฤติกรรมการนอนของผู้ป่วยอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้แน่ใจว่าผู้ป่วยได้รับการนอนหลับที่เพียงพอ
- F33.1F8I-6: ให้ข้อมูลเกี่ยวกับภาวะแทรกซ้อนจากโรคซึมเศร้าและการป้องกัน
- F33.1F8I-7: สนับสนุนให้ผู้ป่วยใช้กลยุทธ์การจัดการกับอารมณ์เชิงบวก เช่น การพบปะสังคม การทำกิจกรรมที่ชอบ
- F33.1F8I-8: ส่งเสริมให้ผู้ป่วยพัฒนาความสัมพันธ์ที่ดีและมีการสนับสนุนจากครอบครัวและเพื่อนฝูง
- F33.1F8I-9: ประสานงานกับทีมสุขภาพเพื่อให้การดูแลอย่างครบวงจร และติดตามอาการอย่างใกล้ชิด
💬 Response (การตอบสนอง)
- F33.1F8R-1: ผู้ป่วยแสดงพฤติกรรมที่ปลอดภัยและไม่มีการพูดถึงความคิดทำร้ายตัวเอง
- F33.1F8R-2: อารมณ์ของผู้ป่วยเริ่มดีขึ้นและสามารถทำกิจกรรมประจำวันได้ตามปกติ
- F33.1F8R-3: ผู้ป่วยมีการพูดคุยและเปิดเผยความรู้สึกในทางบวกมากขึ้น
- F33.1F8R-4: ผู้ป่วยมีอาการที่ดีขึ้นจากการได้รับการสนับสนุนจากทีมสุขภาพและครอบครัว
- F33.1F8R-5: การนอนและน้ำหนักตัวของผู้ป่วยกลับสู่สภาวะปกติ
…………………………………………………………………..
🧠F33.1F9 ต้องการการวางแผนดูแลต่อเนื่องหลังออกจากโรงพยาบาล
(Need for continuity of care planning)
🔍 Assessment (การประเมิน)
S:
- “ต้องการการสนับสนุนต่อเนื่องหลังจากออกจากโรงพยาบาล”
- “รู้สึกกังวลเกี่ยวกับการกลับไปใช้ชีวิตตามปกติหลังออกจากโรงพยาบาล”
- “กังวลเกี่ยวกับการขาดการดูแลจากทีมสุขภาพหลังออกจากโรงพยาบาล”
O:
- ผู้ป่วยมีความรู้สึกวิตกกังวลเกี่ยวกับการดูแลต่อเนื่อง
- ผู้ป่วยไม่มีแผนการดูแลต่อเนื่องหรือแผนการนัดพบกับผู้เชี่ยวชาญ
- ผู้ป่วยต้องการความช่วยเหลือในการจัดการกับการติดตามการรักษาหลังจากออกจากโรงพยาบาล
🎯 Goals (เป้าหมาย)
- สร้างแผนการดูแลต่อเนื่องเพื่อให้ผู้ป่วยได้รับการดูแลที่เหมาะสมหลังออกจากโรงพยาบาล
- สนับสนุนให้ผู้ป่วยมีการติดตามการรักษาอย่างต่อเนื่อง เช่น การนัดพบจิตแพทย์หรือพยาบาลเยี่ยมบ้าน
- ลดความวิตกกังวลเกี่ยวกับการขาดการดูแลหลังออกจากโรงพยาบาล
- ส่งเสริมให้ผู้ป่วยสามารถปฏิบัติตามแผนการรักษาและการติดตามอย่างมีประสิทธิภาพ
📏 Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)
- ผู้ป่วยมีแผนการดูแลต่อเนื่องที่ชัดเจน
- ผู้ป่วยมีการติดตามการรักษาอย่างต่อเนื่อง เช่น การพบจิตแพทย์หรือการเยี่ยมบ้าน
- ความวิตกกังวลของผู้ป่วยลดลงและมีความมั่นใจในการดูแลหลังออกจากโรงพยาบาล
- ผู้ป่วยสามารถดำเนินชีวิตประจำวันได้ตามปกติหลังออกจากโรงพยาบาล
✅ Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)
- F33.1F9I-1: สร้างแผนการดูแลต่อเนื่องร่วมกับทีมสุขภาพ เช่น นัดพบจิตแพทย์หรือพยาบาลเยี่ยมบ้าน
- F33.1F9I-2: ให้ข้อมูลเกี่ยวกับการดูแลตัวเองและวิธีการติดตามผลการรักษา
- F33.1F9I-3: จัดเตรียมการนัดหมายติดตามผลการรักษาและดูแลผู้ป่วยหลังออกจากโรงพยาบาล
- F33.1F9I-4: สนับสนุนให้ผู้ป่วยติดต่อกับผู้เชี่ยวชาญเพื่อขอคำแนะนำเพิ่มเติมเมื่อจำเป็น
- F33.1F9I-5: จัดทำแผนการดูแลที่มีรายละเอียดเกี่ยวกับการติดตามอาการและการปรับการรักษา
- F33.1F9I-6: ส่งเสริมการมีการสนับสนุนจากครอบครัวและเพื่อนฝูงในการดูแลต่อเนื่อง
- F33.1F9I-7: ตรวจสอบและประเมินการปฏิบัติตามแผนการดูแลอย่างสม่ำเสมอ
💬 Response (การตอบสนอง)
- F33.1F9R-1: ผู้ป่วยมีแผนการดูแลต่อเนื่องที่ชัดเจนและสามารถเข้าใจได้
- F33.1F9R-2: ผู้ป่วยติดต่อกับผู้เชี่ยวชาญหรือรับการเยี่ยมบ้านตามที่กำหนด
- F33.1F9R-3: ความวิตกกังวลของผู้ป่วยลดลงและมีความมั่นใจในการดูแลตนเอง
- F33.1F9R-4: ผู้ป่วยสามารถปฏิบัติตามแผนการรักษาและการติดตามได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- F33.1F9R-5: ผู้ป่วยมีการติดตามอาการและการรักษาตามแผนที่กำหนด
……………………………………………………………..
🧠F33.1F10 พร้อมจำหน่ายโดยมีครอบครัวร่วมดูแล (Ready
for discharge with family support)
🔍 Assessment (การประเมิน)
S:
- ผู้ป่วยเข้าใจเกี่ยวกับโรคอารมณ์แปรปรวนตามฤดูกาล (SAD) และวิธีการจัดการกับอาการ
- ผู้ป่วยรู้สึกว่าอาการดีขึ้นและมีความมั่นใจในการดูแลตัวเองที่บ้าน
- ผู้ป่วยยินยอมให้ครอบครัวร่วมดูแลและให้การสนับสนุนหลังออกจากโรงพยาบาล
O:
- ผู้ป่วยแสดงความรู้เกี่ยวกับอาการและการรักษาของโรค
- ผู้ป่วยสามารถอธิบายแผนการดูแลตนเองที่บ้านได้
- ครอบครัวมีการเตรียมตัวในการดูแลผู้ป่วยอย่างใกล้ชิดหลังออกจากโรงพยาบาล
🎯 Goals (เป้าหมาย)
- ผู้ป่วยมีความเข้าใจเกี่ยวกับโรคและการดูแลตนเอง
- ครอบครัวพร้อมให้การสนับสนุนและดูแลผู้ป่วยที่บ้าน
- ผู้ป่วยสามารถปฏิบัติตามแผนการรักษาและป้องกันการกลับมาเป็นโรค
- ผู้ป่วยสามารถกลับไปใช้ชีวิตตามปกติได้หลังออกจากโรงพยาบาล
📏 Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)
- ผู้ป่วยสามารถอธิบายการดูแลตนเองและแผนการรักษาหลังออกจากโรงพยาบาลได้
- ครอบครัวเข้าใจบทบาทในการดูแลผู้ป่วย
- ผู้ป่วยมีความมั่นใจในการดูแลตัวเองและกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ
- ผู้ป่วยมีการติดตามผลการรักษาและอาการไม่มีการกลับมาเป็นโรค
✅ Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)
- F33.1F10I-1: สอนผู้ป่วยและครอบครัวเกี่ยวกับการดูแลตนเองที่บ้าน เช่น การรักษาโรค, การติดตามผล, และการใช้ยา
- F33.1F10I-2: แนะนำการวางแผนการนัดหมายติดตามผลการรักษาหลังออกจากโรงพยาบาล
- F33.1F10I-3: ประสานงานกับทีมสุขภาพในการให้การสนับสนุนการรักษาหลังออกจากโรงพยาบาล
- F33.1F10I-4: ให้คำแนะนำเกี่ยวกับการดูแลอารมณ์และวิธีการจัดการกับอาการในชีวิตประจำวัน
- F33.1F10I-5: สนับสนุนการดูแลร่วมกับครอบครัวและการจัดสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมที่บ้าน
- F33.1F10I-6: ตรวจสอบการติดตามผลและให้ข้อมูลเพิ่มเติมเมื่อจำเป็น
💬 Response (การตอบสนอง)
- F33.1F10R-1: ผู้ป่วยมีความเข้าใจเกี่ยวกับโรคและการดูแลตนเองที่บ้าน
- F33.1F10R-2: ครอบครัวสามารถดูแลและสนับสนุนผู้ป่วยได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- F33.1F10R-3: ผู้ป่วยสามารถปฏิบัติตามแผนการรักษาและการดูแลตนเองได้
- F33.1F10R-4: ผู้ป่วยมีความมั่นใจในการจัดการกับอาการที่บ้านและกลับไปใช้ชีวิตตามปกติ
- F33.1F10R-5: ผู้ป่วยมีการติดตามผลการรักษาและไม่แสดงอาการของโรค
…………………………………………………………………
เอกสารอ้างอิง
- กรมสุขภาพจิต. (2558). โรคซึมเศร้าและโรคอารมณ์แปรปรวนตามฤดูกาล
(SAD). สำนักพิมพ์กรมสุขภาพจิต.
- วิเชียร แสงสุวรรณ. (2560). การพยาบาลจิตเวช: หลักการและการปฏิบัติ.
สำนักพิมพ์สุขภาพ.
- American Psychiatric Association. (2013). Diagnostic and Statistical Manual of Mental Disorders (5th ed.). Arlington, VA: American Psychiatric Publishing.
- Rohan, K. J., & Stokes, P. E. (2009). Seasonal affective disorder: An overview of assessment and treatment approaches. The Journal of Clinical Psychiatry, 70(2), 40-47.
………………………………………………………………………