เกี่ยวกับฉัน

รูปภาพของฉัน
เมือง, พิษณุโลก, Thailand

วันพุธที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2568

EP.65 จิตเวชหัวข้อ 25 : โรคอารมณ์แปรปรวนตามฤดูกาล (Seasonal Affective Disorder - SAD) - F33.1

 

🎥 โรคอารมณ์แปรปรวนตามฤดูกาล (SAD) – F33.1
แค่ฤดูเปลี่ยน ใจก็เปลี่ยน...หรืออาจเป็นโรคนี้!

🧠พยาธิสภาพ

  • ✨SAD คือภาวะซึมเศร้าที่เกิดซ้ำๆ ในช่วงฤดูกาลใดฤดูกาลหนึ่ง โดยเฉพาะฤดูหนาวที่แสงแดดน้อย มักพบในวัยผู้ใหญ่ตอนต้นถึงกลาง (อายุ 18–40 ปี)

😔อาการที่ควรรู้

  • 🎯 เบื่อ เหงา อยากอยู่คนเดียว
  • 🎯 ง่วงมาก นอนเยอะ
  • 🎯 อยากกินแป้งหรือของหวาน
  • 🎯 น้ำหนักขึ้น
  • 🎯 ขาดแรงจูงใจในการใช้ชีวิต

🌧️ปัจจัยเสี่ยง

  • 🌈 แสงแดดน้อยในช่วงฤดูหนาว
  • 🌈 เคยมีประวัติเป็นโรคซึมเศร้า
  • 🌈 มีคนในครอบครัวเป็นโรคอารมณ์
  • 🌈 ความเครียดสะสม

💊แนวทางการรักษา

  • การบำบัดด้วยแสง (Light Therapy)
  • การพูดคุยกับนักจิตวิทยา
  • ยาต้านเศร้า (เฉพาะบางราย)

👨‍👩‍👧‍👦แนวทางการพยาบาล

  • 💙 สังเกตอารมณ์และพฤติกรรมที่เปลี่ยนไป
  • 💙 กระตุ้นให้ผู้ป่วยมีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น
  • 💙 สนับสนุนการทำกิจกรรมที่เคยชอบ
  • 💙 ให้คำแนะนำเรื่องการปฏิบัติตัวและการพบแพทย์

🌞การดูแลตัวเองสำหรับบุคคลทั่วไป

  • ❤️ออกไปรับแสงแดดตอนเช้าอย่างน้อย 20 นาที
  • ❤️ออกกำลังกายสม่ำเสมอ
  • ❤️นอนให้พอ พักให้เพียงพอ
  • ❤️หากรู้สึกซึมเศร้านานเกิน 2 สัปดาห์ ควรพบแพทย์

แค่รู้เท่าทัน…ก็ป้องกันใจไม่ให้เศร้าได้ในทุกฤดู แชร์ให้คนที่คุณรักได้ดู และรู้ทันอารมณ์ตัวเองนะคะ

🩺 วินิจฉัยการพยาบาลผู้ป่วย SAD (F33.1)

  1. F33.1F1 มีภาวะซึมเศร้า (Depressed mood) ผู้ป่วยมีอารมณ์เศร้า หดหู่ หมดความสนใจต่อสิ่งรอบตัว
  2. F33.1F2 มีความเสี่ยงต่อการทำร้ายตนเองหรือฆ่าตัวตาย (Risk for self-harm or suicide) ควรประเมินพฤติกรรม เสียงพูด หรือข้อความที่แสดงถึงความคิดอยากตาย
  3. F33.1F3 นอนไม่หลับหรือนอนมากผิดปกติ (Disturbed sleep pattern)มีการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการนอน เช่น นอนมากเกินไป หรือนอนไม่หลับ
  4. F33.1F4 มีการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการกิน (Altered eating pattern) กินมากกว่าปกติ โดยเฉพาะของหวาน หรือไม่อยากอาหาร
  5. F33.1F5 มีพฤติกรรมแยกตัว ไม่เข้าสังคม (Social withdrawal) หลีกเลี่ยงการพบปะผู้คน ขาดปฏิสัมพันธ์กับคนรอบข้าง
  6. F33.1F6 ขาดแรงจูงใจในการทำกิจกรรม (Lack of motivation for activities) ไม่สนใจกิจกรรมที่เคยชอบ ทำสิ่งต่างๆ ด้วยความรู้สึกฝืน
  7. F33.1F7 ขาดความรู้เกี่ยวกับโรคและการดูแลตนเอง (Deficient knowledge about SAD and self-care) ไม่เข้าใจสาเหตุ อาการ หรือแนวทางการจัดการกับโรค
  8. F33.1F8 มีความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนจากโรคซึมเศร้า (Risk for complications related to depression) เสี่ยงต่อภาวะโรคซึมเศร้าเรื้อรัง หรือพฤติกรรมทำร้ายตนเอง
  9. F33.1F9 ต้องการการวางแผนดูแลต่อเนื่องหลังออกจากโรงพยาบาล (Need for continuity of care planning) จำเป็นต้องมีแผนส่งต่อ ดูแลต่อเนื่อง เช่น นัดพบจิตแพทย์หรือพยาบาลเยี่ยมบ้าน
  10. F33.1F10 พร้อมจำหน่ายโดยมีครอบครัวร่วมดูแล (Ready for discharge with family support) ผู้ป่วยมีอาการดีขึ้น เข้าใจโรค และมีผู้ดูแลใกล้ชิดเมื่อกลับบ้าน

……………………………………………………………….

🩺F33.1F1 มีภาวะซึมเศร้า (Depressed mood)

🔍 Assessment (การประเมิน)

S:

  • "รู้สึกไม่มีค่า"
  • "ไม่อยากทำอะไรเลย"
  • "ไม่มีแรงแม้แต่จะตื่นนอน"

O:

  • สีหน้าเศร้า น้ำเสียงเบา
  • ไม่สนใจสิ่งรอบตัวหรือไม่พูดคุยกับผู้อื่น
  • นอนมากกว่าปกติหรือไม่อยากลุกจากเตียง
  • ไม่ดูแลตนเอง เช่น ไม่อาบน้ำ ไม่กินข้าว

🎯 Goals (เป้าหมาย)

  • ผู้ป่วยสามารถแสดงออกถึงอารมณ์ในทางบวกได้มากขึ้นภายใน 7 วัน
  • ผู้ป่วยสนใจทำกิจกรรมง่ายๆ อย่างน้อย 1 อย่างต่อวัน
  • ผู้ป่วยสามารถมีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่นในระดับพื้นฐาน
  • ผู้ป่วยรู้จักวิธีรับมือเมื่อรู้สึกเศร้าหรือหดหู่

📏 Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)

  • ผู้ป่วยพูดถึงอารมณ์ตนเองได้
  • ผู้ป่วยเข้าร่วมกิจกรรมที่พยาบาลแนะนำ
  • ผู้ป่วยมีการดูแลตนเองได้ดีขึ้น
  • ผู้ป่วยแสดงอารมณ์เศร้าลดลงอย่างเห็นได้ชัด

✅ Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)

  • F33.1F1I-1: ประเมินอารมณ์และความคิดของผู้ป่วยทุกวัน เช่น ความรู้สึกเศร้า ท้อแท้ หรือคิดอยากตาย
  • F33.1F1I-2: สร้างความสัมพันธ์ที่ไว้วางใจ ให้กำลังใจ ไม่ตัดสินความรู้สึกของผู้ป่วย
  • F33.1F1I-3: กระตุ้นให้ผู้ป่วยเล่าเรื่องหรือเขียนระบายความรู้สึก เพื่อระบายอารมณ์
  • F33.1F1I-4: ส่งเสริมกิจกรรมง่ายๆ เช่น เดินเล่น พับกระดาษ หรือวาดรูปตามความสนใจ
  • F33.1F1I-5: ให้ข้อมูลเรื่องโรค SAD และวิธีดูแลตนเอง เช่น การรับแสงแดดตอนเช้า
  • F33.1F1I-6: ประสานทีมสหวิชาชีพ เช่น นักจิตวิทยา หรือจิตแพทย์ เพื่อประเมินภาวะซึมเศร้าและติดตามอาการ
  • F33.1F1I-7: ติดตามผลการใช้ยา (ถ้ามี) และประเมินผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น
  • F33.1F1I-8: สนับสนุนให้ครอบครัวมีส่วนร่วมดูแล ให้คำแนะนำในการพูดคุยเชิงบวก

💬 Response (การตอบสนอง)

  • F33.1F1R-1: ผู้ป่วยสามารถพูดถึงอารมณ์ของตนเองได้ชัดเจนมากขึ้น
  • F33.1F1R-2: ผู้ป่วยเริ่มแสดงพฤติกรรมเชิงบวก เช่น ลุกจากเตียงเอง หรือพูดคุยกับผู้อื่น
  • F33.1F1R-3: ผู้ป่วยมีส่วนร่วมในกิจกรรมง่ายๆ อย่างน้อยวันละ 1 ครั้ง
  • F33.1F1R-4: อาการเศร้าลดลง และผู้ป่วยเริ่มดูแลตนเองดีขึ้น
  • F33.1F1R-5: ผู้ป่วยแสดงออกถึงแรงจูงใจในการฟื้นฟูตนเอง

…………………………………………………………

F33.1F2 มีความเสี่ยงต่อการทำร้ายตนเองหรือฆ่าตัวตาย

🔍 Assessment (การประเมิน)

S:

  • "อยากตาย ไม่อยากอยู่แล้ว"
  • "รู้สึกว่าไม่มีใครต้องการ"
  • "ถ้าหายไปทุกคนคงสบายใจ"

O:

  • สีหน้าเศร้าหรือว่างเปล่า
  • มีบาดแผลเก่า/ใหม่ที่อาจเกิดจากการทำร้ายตนเอง
  • แยกตัว ไม่สนใจสิ่งแวดล้อม
  • มีการพูดหรือโพสต์สื่อสังคมถึงความตาย

🎯 Goals (เป้าหมาย)

  • ผู้ป่วยปลอดภัย ไม่มีการทำร้ายตนเองหรือพยายามฆ่าตัวตาย
  • ผู้ป่วยสามารถพูดถึงความรู้สึกของตนเองได้อย่างเปิดเผย
  • ผู้ป่วยเรียนรู้วิธีรับมือเมื่อรู้สึกท้อแท้หรือสิ้นหวัง
  • ครอบครัวหรือผู้ดูแลมีส่วนร่วมในการดูแลเพื่อป้องกันอันตราย

📏 Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)

  • ผู้ป่วยไม่แสดงพฤติกรรมหรือคำพูดที่สื่อถึงความคิดอยากตาย
  • ผู้ป่วยขอความช่วยเหลือเมื่อรู้สึกแย่
  • มีคนดูแลหรืออยู่ใกล้ชิดกับผู้ป่วยตลอดเวลาในช่วงเสี่ยง
  • ไม่มีบาดแผลใหม่จากการทำร้ายตนเอง

✅ Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)

  • F33.1F2I-1: ประเมินความคิดฆ่าตัวตายโดยตรง (เช่น "คิดจะฆ่าตัวตายไหม") อย่างนุ่มนวลแต่ชัดเจน
  • F33.1F2I-2: อยู่กับผู้ป่วยอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะช่วงที่มีความเสี่ยงสูง เช่น ตอนกลางคืนหรือหลังมีข่าวร้าย
  • F33.1F2I-3: เก็บของมีคม ยา หรือสิ่งของที่อาจใช้ทำร้ายตนเองให้พ้นมือ
  • F33.1F2I-4: สร้างบรรยากาศไว้วางใจ ให้ผู้ป่วยกล้าระบายความรู้สึก
  • F33.1F2I-5: ประเมินซ้ำเป็นระยะ ว่าความเสี่ยงเปลี่ยนแปลงหรือไม่
  • F33.1F2I-6: ให้ข้อมูลวิธีรับมืออารมณ์ลบ เช่น เขียนระบาย พูดคุยกับคนที่ไว้ใจ
  • F33.1F2I-7: ประสานจิตแพทย์เพื่อประเมินและให้การรักษาอย่างเหมาะสม
  • F33.1F2I-8: แนะนำครอบครัวให้ร่วมดูแลผู้ป่วยในเชิงบวก และสังเกตสัญญาณเตือน
  • F33.1F2I-9: ให้ผู้ป่วยเซ็นสัญญาว่าจะไม่ทำร้ายตนเองในระหว่างที่อยู่ในการดูแล (Safety contract) หากเหมาะสม
  • F33.1F2I-10: สังเกตและจดบันทึกพฤติกรรมผิดปกติหรือคำพูดที่เปลี่ยนแปลง เพื่อส่งต่อทีมสหวิชาชีพ

💬 Response (การตอบสนอง)

  • F33.1F2R-1: ผู้ป่วยไม่แสดงพฤติกรรมหรือความคิดเกี่ยวกับการทำร้ายตนเอง
  • F33.1F2R-2: ผู้ป่วยสามารถขอความช่วยเหลือเมื่อรู้สึกท้อแท้หรือเครียด
  • F33.1F2R-3: ไม่มีการบาดเจ็บหรือพยายามทำร้ายตนเองในระยะเวลาที่ดูแล
  • F33.1F2R-4: ผู้ป่วยมีปฏิสัมพันธ์กับพยาบาลหรือคนใกล้ชิดได้ดีขึ้น
  • F33.1F2R-5: ครอบครัวมีบทบาทในการดูแลและสามารถสังเกตความเสี่ยงได้

……………………………………………………………………..

🛌 F33.1F3 นอนไม่หลับหรือนอนมากผิดปกติ (Disturbed sleep pattern)

🔍 Assessment (การประเมิน)

S:

  • ช่วงนี้นอนไม่ค่อยหลับ ตื่นกลางดึกบ่อย”
  • รู้สึกอยากนอนทั้งวัน ตื่นมาก็ยังเหนื่อย”
  • ไม่อยากลุกจากเตียงเลย เหมือนหลับเท่าไรก็ไม่พอ”

O:

  • ผู้ป่วยมีถุงใต้ตา สีหน้าอิดโรย
  • หลับกลางวันหลายชั่วโมง
  • พฤติกรรมเซื่องซึม ง่วงซึมระหว่างวัน
  • มีบันทึกเวลานอน/ตื่นที่ผิดปกติ

🎯 Goals (เป้าหมาย)

  • ผู้ป่วยมีคุณภาพการนอนดีขึ้น ภายใน 3-5 วัน
  • ผู้ป่วยนอนหลับต่อเนื่องได้อย่างน้อย 5-6 ชั่วโมงต่อคืน
  • ผู้ป่วยรับรู้ถึงปัจจัยที่รบกวนการนอน และร่วมมือในการดูแล
  • พฤติกรรมการนอนกลับมาใกล้เคียงปกติ

📏 Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)

  • ผู้ป่วยสามารถนอนหลับได้อย่างต่อเนื่อง
  • ผู้ป่วยไม่ง่วงซึมหรือหลับระหว่างวัน
  • ไม่มีการบ่นเรื่องหลับไม่สนิท หรือตื่นกลางดึกบ่อย
  • ผู้ป่วยมีพลังงานและความตื่นตัวมากขึ้นในตอนเช้า

✅ Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)

  • F33.1F3I-1: ประเมินรูปแบบการนอนและปัจจัยรบกวนการนอน เช่น ความเครียด สภาพแวดล้อม
  • F33.1F3I-2: จัดสิ่งแวดล้อมให้น่าอยู่ สงบ อุณหภูมิพอเหมาะก่อนนอน
  • F33.1F3I-3: แนะนำให้นอนและตื่นในเวลาเดียวกันทุกวัน แม้วันหยุด
  • F33.1F3I-4: งดเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนหลังบ่ายสองโมง และอาหารมื้อหนักก่อนนอน
  • F33.1F3I-5: กระตุ้นกิจกรรมเบา ๆ ช่วงกลางวัน เช่น เดิน สูดอากาศ เพื่อช่วยกระตุ้นนาฬิกาชีวภาพ
  • F33.1F3I-6: ใช้แสงแดดธรรมชาติหรือ Light therapy ในตอนเช้า เพื่อปรับสมดุลการหลั่งฮอร์โมน
  • F33.1F3I-7: แนะนำกิจกรรมผ่อนคลายก่อนนอน เช่น ฟังเพลงเบา ๆ หายใจลึก ๆ
  • F33.1F3I-8: ประเมินการใช้ยานอนหลับหรือยาต้านซึมเศร้าที่มีผลต่อการนอน
  • F33.1F3I-9: ปรึกษาแพทย์กรณีมีอาการนอนไม่หลับหรือนอนมากเกิน 1 สัปดาห์ติดต่อกัน
  • F33.1F3I-10: ส่งเสริมการจดบันทึกการนอน (Sleep log) เพื่อใช้ติดตามและวางแผนการรักษา

💬 Response (การตอบสนอง)

  • F33.1F3R-1: ผู้ป่วยสามารถนอนหลับได้อย่างต่อเนื่อง 5-6 ชั่วโมงขึ้นไป
  • F33.1F3R-2: ไม่มีอาการง่วงหรือซึมมากในระหว่างวัน
  • F33.1F3R-3: ผู้ป่วยมีความกระตือรือร้นและมีพลังมากขึ้นหลังตื่นนอน
  • F33.1F3R-4: ผู้ป่วยรับรู้และหลีกเลี่ยงปัจจัยที่รบกวนการนอน
  • F33.1F3R-5: ผู้ป่วยมีความร่วมมือในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการนอน

…………………………………………………………….

🍽️F33.1F4 มีการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการกิน (Altered eating pattern)

🔍 Assessment (การประเมิน)

S:

  • ช่วงนี้กินจุกจิกทั้งวัน โดยเฉพาะพวกขนมหวาน”
  • ไม่มีแรง ไม่อยากกินข้าวเลย กินแค่นิดเดียว”
  • กินแล้วรู้สึกดีขึ้น แต่อดไม่ได้ต้องกินบ่อยมาก”

O:

  • น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นหรือลดลงผิดปกติ
  • มีพฤติกรรมกินตอนกลางคืน (night eating)
  • รับประทานอาหารไม่เป็นเวลา
  • มีอาการหงุดหงิด/ซึมเศร้าหลังการกิน

🎯 Goals (เป้าหมาย)

  • ผู้ป่วยสามารถรับประทานอาหารได้สม่ำเสมอ และครบ 3 มื้อ
  • น้ำหนักตัวอยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสมภายใน 2 สัปดาห์
  • ลดพฤติกรรมกินของหวานหรือกินตอนกลางคืน
  • ผู้ป่วยเข้าใจและร่วมมือในการวางแผนการกินที่ดีต่อสุขภาพ

📏 Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)

  • น้ำหนักคงที่ภายใน ±2 กิโลกรัมใน 2 สัปดาห์
  • ไม่มีพฤติกรรมกินจุกจิกหรือกินมากผิดปกติ
  • ผู้ป่วยสามารถอธิบายหลักการกินอาหารที่เหมาะสมได้
  • ผู้ป่วยมีพฤติกรรมการกินที่สมดุลและสม่ำเสมอ

✅ Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)

  • F33.1F4I-1: ประเมินน้ำหนักตัวทุก 3 วัน พร้อมจดบันทึกพฤติกรรมการกินแต่ละมื้อ
  • F33.1F4I-2: สังเกตและบันทึกพฤติกรรมกินอาหารช่วงกลางคืนหรือกินของหวานผิดปกติ
  • F33.1F4I-3: ส่งเสริมให้รับประทานอาหารหลักให้ครบ 3 มื้อ เน้นผัก ผลไม้ และโปรตีน
  • F33.1F4I-4: ให้ความรู้เรื่องผลกระทบของการกินมาก/น้อยเกินไปต่อสุขภาพและอารมณ์
  • F33.1F4I-5: จัดตารางเวลาการกินที่แน่นอนในแต่ละวันและหลีกเลี่ยงขนมหวานระหว่างมื้อ
  • F33.1F4I-6: แนะนำกิจกรรมทดแทนการกิน เช่น ออกกำลังกายเบา ๆ หรือทำงานอดิเรก
  • F33.1F4I-7: ร่วมกับนักโภชนาการในการวางแผนเมนูอาหารที่เหมาะสมรายบุคคล
  • F33.1F4I-8: สังเกตอารมณ์ก่อนและหลังรับประทานอาหาร เพื่อประเมินความสัมพันธ์
  • F33.1F4I-9: ติดตามภาวะโภชนาการ และผลเลือดที่เกี่ยวข้อง เช่น น้ำตาล ไขมัน
  • F33.1F4I-10: สนับสนุนครอบครัวให้มีบทบาทช่วยดูแลพฤติกรรมการกินของผู้ป่วย

💬 Response (การตอบสนอง)

  • F33.1F4R-1: น้ำหนักตัวอยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม
  • F33.1F4R-2: ผู้ป่วยกินอาหารได้ครบ 3 มื้อ และลดการกินของหวานลง
  • F33.1F4R-3: ไม่มีพฤติกรรมกินกลางคืนหรือกินผิดเวลา
  • F33.1F4R-4: ผู้ป่วยรับรู้ผลเสียของการกินผิดปกติและปรับพฤติกรรมได้
  • F33.1F4R-5: อารมณ์โดยรวมของผู้ป่วยมีความคงที่มากขึ้นหลังจัดการพฤติกรรมการกิน

………………………………………………………………………

🚷 F33.1F5: มีพฤติกรรมแยกตัว ไม่เข้าสังคม (Social withdrawal)

🔍 Assessment (การประเมิน)

S:

  • ไม่อยากเจอใครเลย รู้สึกเหนื่อยกับการคุยกับคนอื่น”
  • อยู่คนเดียวสบายใจกว่า ไม่อยากออกจากห้อง”
  • ไม่มีอารมณ์จะเข้าสังคม รำคาญเสียงคนเยอะ ๆ”

O:

  • ผู้ป่วยไม่เข้าร่วมกิจกรรมกลุ่ม
  • ไม่สนใจหรือปฏิเสธการพูดคุยกับผู้อื่น
  • ใช้เวลาอยู่ลำพังมากกว่าปกติ
  • สีหน้าเฉยเมย ขาดความสนใจต่อสิ่งรอบข้าง

🎯 Goals (เป้าหมาย)

  • ผู้ป่วยเริ่มมีปฏิสัมพันธ์กับบุคคลอื่นอย่างน้อย 1-2 คน
  • ผู้ป่วยสามารถเข้าร่วมกิจกรรมกลุ่มได้ตามแผน
  • ลดพฤติกรรมแยกตัวให้อยู่ในระดับที่ไม่กระทบการดำเนินชีวิต
  • เพิ่มความมั่นใจและแรงจูงใจในการเข้าสังคม

📏 Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)

  • ผู้ป่วยพูดคุยกับบุคลากรหรือเพื่อนผู้ป่วยอย่างน้อยวันละ 1 ครั้ง
  • ผู้ป่วยเข้าร่วมกิจกรรมกลุ่มภายใน 3–5 วัน
  • แสดงออกถึงความสนใจเมื่อมีการชวนพูดคุยหรือร่วมกิจกรรม
  • ผู้ป่วยรายงานว่ารู้สึกดีขึ้นหลังการเข้าสังคม

✅ Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)

  • F33.1F5I-1: สังเกตและบันทึกพฤติกรรมการแยกตัว/ปฏิเสธการสื่อสารในแต่ละวัน
  • F33.1F5I-2: สร้างความไว้วางใจผ่านการพูดคุยสั้น ๆ อย่างเป็นกันเองทุกวัน
  • F33.1F5I-3: ส่งเสริมกิจกรรมที่เหมาะสมกับความสนใจ เช่น วาดภาพ เล่นดนตรี
  • F33.1F5I-4: ชักชวนให้เข้าร่วมกิจกรรมกลุ่มเล็ก ๆ ก่อน ค่อยเพิ่มความถี่
  • F33.1F5I-5: ประเมินระดับความวิตกกังวลหรือกลัวต่อการเข้าสังคม
  • F33.1F5I-6: แนะนำการฝึกทักษะสื่อสาร เช่น การเริ่มต้นสนทนา
  • F33.1F5I-7: สนับสนุนครอบครัว/เพื่อนร่วมดูแลให้มีบทบาทร่วมกระตุ้น
  • F33.1F5I-8: ใช้เทคนิคบำบัดพฤติกรรม เช่น เสริมแรงเมื่อผู้ป่วยร่วมกิจกรรม
  • F33.1F5I-9: ให้ข้อมูลเพื่อเสริมแรงจูงใจเกี่ยวกับประโยชน์ของการเข้าสังคม
  • F33.1F5I-10: ปรึกษาร่วมกับนักจิตวิทยาหรือทีมสหวิชาชีพหากพฤติกรรมแยกตัวรุนแรง

💬 Response (การตอบสนอง)

  • F33.1F5R-1: ผู้ป่วยสามารถพูดคุยกับเจ้าหน้าที่หรือผู้ป่วยอื่นได้อย่างน้อยวันละ 1 ครั้ง
  • F33.1F5R-2: เข้าร่วมกิจกรรมกลุ่มอย่างน้อย 2 ครั้ง/สัปดาห์
  • F33.1F5R-3: แสดงสีหน้าสนใจหรือรู้สึกดีขึ้นหลังเข้าร่วมกิจกรรม
  • F33.1F5R-4: รายงานว่ารู้สึกมีคุณค่าและกล้าเข้าสังคมมากขึ้น
  • F33.1F5R-5: ลดการแยกตัวอย่างชัดเจนภายใน 1–2 สัปดาห์

………………………………………………………….

🧠F33.1F6 ขาดแรงจูงใจในการทำกิจกรรม (Lack of motivation for activities)

🔍 Assessment (การประเมิน)

S:

  • ไม่อยากทำอะไรเลย ทุกอย่างดูน่าเบื่อ”
  • กิจกรรมที่เคยชอบ ตอนนี้ก็ไม่สนุกแล้ว”
  • รู้สึกเหนื่อย ไม่มีแรงจะเริ่มทำอะไร”

O:

  • ผู้ป่วยนอนอยู่บนเตียงตลอดวัน
  • ปฏิเสธการเข้าร่วมกิจกรรมต่าง ๆ แม้จะได้รับการชักชวน
  • สีหน้าเฉยเมย ขาดการตอบสนองต่อสิ่งเร้า
  • ขาดความกระตือรือร้นในการทำสิ่งที่เคยทำได้

🎯 Goals (เป้าหมาย)

  • ผู้ป่วยแสดงความสนใจในการทำกิจกรรมอย่างน้อย 1 อย่าง
  • เพิ่มแรงจูงใจในการเริ่มหรือทำกิจกรรมที่เหมาะสม
  • ลดพฤติกรรมเฉื่อยชาและการปฏิเสธกิจกรรม
  • ส่งเสริมพลังใจและความพึงพอใจในการใช้ชีวิตประจำวัน

📏 Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)

  • ผู้ป่วยสามารถเริ่มทำกิจกรรมโดยไม่ถูกกระตุ้นมากเกินไป
  • ผู้ป่วยร่วมกิจกรรมอย่างน้อย 1–2 ครั้ง/สัปดาห์
  • มีสีหน้าและท่าทางที่แสดงถึงความสนใจหรือพึงพอใจ
  • ผู้ป่วยรายงานว่ารู้สึกดีขึ้นหรือมีกำลังใจมากขึ้น

✅ Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)

  • F33.1F6I-1: ประเมินความสนใจและสิ่งที่ผู้ป่วยเคยชอบทำเป็นรายบุคคล
  • F33.1F6I-2: กระตุ้นด้วยการพูดคุยเชิงบวก เสริมแรงหากเริ่มทำกิจกรรมเล็ก ๆ
  • F33.1F6I-3: วางแผนกิจกรรมร่วมกับผู้ป่วย โดยเริ่มจากสิ่งง่าย ๆ และใช้เวลาสั้น
  • F33.1F6I-4: ชักชวนให้ทำกิจกรรมกับผู้อื่นเพื่อเพิ่มแรงจูงใจ
  • F33.1F6I-5: ใช้บันทึกหรือสมุดกิจกรรมรายวัน เพื่อจดสิ่งที่ทำได้ในแต่ละวัน
  • F33.1F6I-6: จัดสภาพแวดล้อมให้เอื้อต่อการทำกิจกรรม เช่น แสงแดด เสียงเพลงเบา
  • F33.1F6I-7: สนับสนุนครอบครัวหรือผู้ดูแลให้มีบทบาทในการกระตุ้น
  • F33.1F6I-8: หลีกเลี่ยงการบังคับผู้ป่วย แทนที่ด้วยการให้ทางเลือก
  • F33.1F6I-9: ติดตามประเมินแรงจูงใจและอารมณ์อย่างสม่ำเสมอ
  • F33.1F6I-10: ปรึกษาร่วมทีมจิตเวช หากไม่มีการตอบสนองต่อการกระตุ้น

💬 Response (การตอบสนอง)

  • F33.1F6R-1: ผู้ป่วยสามารถทำกิจกรรมเล็ก ๆ ได้ด้วยตนเองโดยไม่ต้องกระตุ้น
  • F33.1F6R-2: เข้าร่วมกิจกรรมกลุ่มอย่างน้อย 1–2 ครั้ง/สัปดาห์
  • F33.1F6R-3: รายงานว่าเริ่มรู้สึกสนุกหรือผ่อนคลายหลังทำกิจกรรม
  • F33.1F6R-4: แสดงสีหน้าและท่าทางที่มีพลังมากขึ้น
  • F33.1F6R-5: ลดเวลานอนเฉย ๆ และเพิ่มกิจกรรมในแต่ละวัน

…………………………………………………………………

🧠F33.1F7 ขาดความรู้เกี่ยวกับโรคและการดูแลตนเอง (Deficient knowledge about SAD and self-care)

🔍 Assessment (การประเมิน)

S:

  • ไม่รู้จักโรคนี้มาก่อน ไม่เข้าใจว่ามันเกิดจากอะไร”
  • ไม่ทราบวิธีการจัดการกับอารมณ์เศร้าหรืออาการของโรค”
  • ไม่เคยได้ยินถึงการรักษาหรือการดูแลตัวเองสำหรับโรคนี้”

O:

  • ผู้ป่วยไม่สามารถอธิบายอาการหรือสาเหตุของโรคได้
  • ขาดความเข้าใจเกี่ยวกับวิธีการจัดการอารมณ์หรือการดูแลตนเองในช่วงที่อาการกำเริบ
  • ไม่มีข้อมูลพื้นฐานเกี่ยวกับการดูแลตัวเองในระยะยาว

🎯 Goals (เป้าหมาย)

  • ผู้ป่วยเข้าใจเกี่ยวกับสาเหตุ อาการ และการดูแลตัวเองจากโรค SAD
  • ผู้ป่วยสามารถอธิบายวิธีการจัดการกับอารมณ์และอาการของโรคได้
  • ผู้ป่วยสามารถใช้แนวทางการดูแลตนเองเพื่อลดอาการและปรับตัวได้ดีขึ้น
  • ผู้ป่วยมีความมั่นใจในการดูแลสุขภาพตนเองและรู้ถึงการป้องกันอาการกำเริบ

📏 Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)

  • ผู้ป่วยสามารถอธิบายสาเหตุและอาการของโรค SAD ได้อย่างถูกต้อง
  • ผู้ป่วยสามารถใช้กลยุทธ์ในการจัดการกับอารมณ์และอาการได้
  • ผู้ป่วยสามารถระบุแนวทางการดูแลตนเองเช่น การรับแสงแดดหรือการพักผ่อน
  • ผู้ป่วยแสดงความเข้าใจในข้อมูลที่ได้รับและมีการนำไปปฏิบัติ

✅ Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)

  • F33.1F7I-1: ให้ข้อมูลเกี่ยวกับโรค SAD รวมถึงสาเหตุ อาการ และแนวทางการรักษา
  • F33.1F7I-2: อธิบายให้ผู้ป่วยเข้าใจถึงการจัดการกับอารมณ์ เช่น การรับแสงแดด หรือการออกกำลังกาย
  • F33.1F7I-3: ส่งเสริมให้ผู้ป่วยเข้าใจวิธีการรักษาและการดูแลตัวเองในช่วงที่อาการกำเริบ
  • F33.1F7I-4: จัดให้มีการสอนหรือให้เอกสารเกี่ยวกับการดูแลตัวเองและการรับมือกับอาการของโรค
  • F33.1F7I-5: เชิญชวนผู้ป่วยเข้าร่วมกลุ่มหรือสนับสนุนการได้รับการศึกษาจากแหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้
  • F33.1F7I-6: ส่งเสริมให้ผู้ป่วยถามคำถามหรือขอคำปรึกษาเกี่ยวกับการดูแลตนเอง
  • F33.1F7I-7: ติดตามผลการปฏิบัติการดูแลตัวเองและให้คำแนะนำเพิ่มเติมหากจำเป็น
  • F33.1F7I-8: ให้ข้อมูลเกี่ยวกับการสนับสนุนทางจิตใจ เช่น การบำบัดหรือการพูดคุยกับผู้เชี่ยวชาญ
  • F33.1F7I-9: ประเมินระดับความเข้าใจของผู้ป่วยเกี่ยวกับโรคและวิธีการดูแลตนเองอย่างสม่ำเสมอ

💬 Response (การตอบสนอง)

  • F33.1F7R-1: ผู้ป่วยสามารถอธิบายสาเหตุและอาการของโรค SAD ได้อย่างถูกต้อง
  • F33.1F7R-2: ผู้ป่วยสามารถใช้วิธีการดูแลตัวเอง เช่น การรับแสงแดด หรือการออกกำลังกาย
  • F33.1F7R-3: ผู้ป่วยแสดงความเข้าใจในการจัดการอารมณ์และอาการของโรค
  • F33.1F7R-4: ผู้ป่วยแสดงความมั่นใจในการใช้แนวทางการดูแลตนเองเพื่อป้องกันอาการกำเริบ
  • F33.1F7R-5: ผู้ป่วยแสดงพฤติกรรมที่สะท้อนถึงความรู้ที่ได้รับ เช่น การวางแผนกิจกรรมในวันนั้น ๆ

……………………………………………………………………….

🧠F33.1F8 มีความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนจากโรคซึมเศร้า (Risk for complications related to depression)

🔍 Assessment (การประเมิน)

S:

  • รู้สึกหมดหวัง ไม่มีความหวังในชีวิต”
  • เคยมีความคิดทำร้ายตัวเอง หรือรู้สึกอยากตาย”
  • อารมณ์เศร้าตลอดเวลา แม้จะมีเหตุการณ์ที่ดีในชีวิต”
  • ไม่สามารถดำเนินชีวิตประจำวันตามปกติได้”

O:

  • พฤติกรรมการทำร้ายตัวเองหรือคิดฆ่าตัวตายมีการพูดถึงหรือแสดงออก
  • อารมณ์เศร้าหรือขาดความสนใจต่อกิจกรรมที่เคยชอบ
  • การนอนผิดปกติ (นอนไม่หลับหรือนอนมากเกินไป)
  • น้ำหนักลดหรือเพิ่มผิดปกติจากการไม่กินหรือกินมากเกินไป

🎯 Goals (เป้าหมาย)

  • ลดความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนจากโรคซึมเศร้า เช่น การทำร้ายตัวเอง
  • ส่งเสริมให้ผู้ป่วยสามารถจัดการกับอารมณ์เศร้าได้โดยไม่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิต
  • ช่วยให้ผู้ป่วยสามารถกลับไปทำกิจกรรมประจำวันได้อย่างปกติ
  • ลดความคิดในเชิงลบและพฤติกรรมที่เสี่ยงต่อการทำร้ายตัวเอง

📏 Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)

  • ไม่มีการแสดงออกหรือพูดถึงความคิดทำร้ายตัวเองหรือฆ่าตัวตาย
  • ผู้ป่วยสามารถทำกิจกรรมประจำวันได้ตามปกติ
  • ผู้ป่วยสามารถอธิบายวิธีการจัดการกับความเศร้าหรืออารมณ์
  • ผู้ป่วยมีอาการอารมณ์ดีขึ้นและไม่แสดงพฤติกรรมเสี่ยง
  • น้ำหนักตัวคงที่และการนอนกลับสู่สภาวะปกติ

✅ Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)

  • F33.1F8I-1: ประเมินความเสี่ยงต่อการทำร้ายตัวเองหรือความคิดฆ่าตัวตายของผู้ป่วยอย่างต่อเนื่อง
  • F33.1F8I-2: สนับสนุนให้ผู้ป่วยมีการพูดคุยเกี่ยวกับอารมณ์และความรู้สึกเพื่อเปิดโอกาสในการระบายความเครียด
  • F33.1F8I-3: ให้คำแนะนำเกี่ยวกับการรับการบำบัดทางจิตวิทยาหรือการสนับสนุนทางจิตใจจากผู้เชี่ยวชาญ
  • F33.1F8I-4: ส่งเสริมการใช้เทคนิคผ่อนคลาย เช่น การทำสมาธิ การออกกำลังกาย เพื่อปรับปรุงอารมณ์
  • F33.1F8I-5: ตรวจสอบและประเมินพฤติกรรมการนอนของผู้ป่วยอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้แน่ใจว่าผู้ป่วยได้รับการนอนหลับที่เพียงพอ
  • F33.1F8I-6: ให้ข้อมูลเกี่ยวกับภาวะแทรกซ้อนจากโรคซึมเศร้าและการป้องกัน
  • F33.1F8I-7: สนับสนุนให้ผู้ป่วยใช้กลยุทธ์การจัดการกับอารมณ์เชิงบวก เช่น การพบปะสังคม การทำกิจกรรมที่ชอบ
  • F33.1F8I-8: ส่งเสริมให้ผู้ป่วยพัฒนาความสัมพันธ์ที่ดีและมีการสนับสนุนจากครอบครัวและเพื่อนฝูง
  • F33.1F8I-9: ประสานงานกับทีมสุขภาพเพื่อให้การดูแลอย่างครบวงจร และติดตามอาการอย่างใกล้ชิด

💬 Response (การตอบสนอง)

  • F33.1F8R-1: ผู้ป่วยแสดงพฤติกรรมที่ปลอดภัยและไม่มีการพูดถึงความคิดทำร้ายตัวเอง
  • F33.1F8R-2: อารมณ์ของผู้ป่วยเริ่มดีขึ้นและสามารถทำกิจกรรมประจำวันได้ตามปกติ
  • F33.1F8R-3: ผู้ป่วยมีการพูดคุยและเปิดเผยความรู้สึกในทางบวกมากขึ้น
  • F33.1F8R-4: ผู้ป่วยมีอาการที่ดีขึ้นจากการได้รับการสนับสนุนจากทีมสุขภาพและครอบครัว
  • F33.1F8R-5: การนอนและน้ำหนักตัวของผู้ป่วยกลับสู่สภาวะปกติ

…………………………………………………………………..

🧠F33.1F9 ต้องการการวางแผนดูแลต่อเนื่องหลังออกจากโรงพยาบาล (Need for continuity of care planning)

🔍 Assessment (การประเมิน)

S:

  • ต้องการการสนับสนุนต่อเนื่องหลังจากออกจากโรงพยาบาล”
  • รู้สึกกังวลเกี่ยวกับการกลับไปใช้ชีวิตตามปกติหลังออกจากโรงพยาบาล”
  • กังวลเกี่ยวกับการขาดการดูแลจากทีมสุขภาพหลังออกจากโรงพยาบาล”

O:

  • ผู้ป่วยมีความรู้สึกวิตกกังวลเกี่ยวกับการดูแลต่อเนื่อง
  • ผู้ป่วยไม่มีแผนการดูแลต่อเนื่องหรือแผนการนัดพบกับผู้เชี่ยวชาญ
  • ผู้ป่วยต้องการความช่วยเหลือในการจัดการกับการติดตามการรักษาหลังจากออกจากโรงพยาบาล

🎯 Goals (เป้าหมาย)

  • สร้างแผนการดูแลต่อเนื่องเพื่อให้ผู้ป่วยได้รับการดูแลที่เหมาะสมหลังออกจากโรงพยาบาล
  • สนับสนุนให้ผู้ป่วยมีการติดตามการรักษาอย่างต่อเนื่อง เช่น การนัดพบจิตแพทย์หรือพยาบาลเยี่ยมบ้าน
  • ลดความวิตกกังวลเกี่ยวกับการขาดการดูแลหลังออกจากโรงพยาบาล
  • ส่งเสริมให้ผู้ป่วยสามารถปฏิบัติตามแผนการรักษาและการติดตามอย่างมีประสิทธิภาพ

📏 Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)

  • ผู้ป่วยมีแผนการดูแลต่อเนื่องที่ชัดเจน
  • ผู้ป่วยมีการติดตามการรักษาอย่างต่อเนื่อง เช่น การพบจิตแพทย์หรือการเยี่ยมบ้าน
  • ความวิตกกังวลของผู้ป่วยลดลงและมีความมั่นใจในการดูแลหลังออกจากโรงพยาบาล
  • ผู้ป่วยสามารถดำเนินชีวิตประจำวันได้ตามปกติหลังออกจากโรงพยาบาล

✅ Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)

  • F33.1F9I-1: สร้างแผนการดูแลต่อเนื่องร่วมกับทีมสุขภาพ เช่น นัดพบจิตแพทย์หรือพยาบาลเยี่ยมบ้าน
  • F33.1F9I-2: ให้ข้อมูลเกี่ยวกับการดูแลตัวเองและวิธีการติดตามผลการรักษา
  • F33.1F9I-3: จัดเตรียมการนัดหมายติดตามผลการรักษาและดูแลผู้ป่วยหลังออกจากโรงพยาบาล
  • F33.1F9I-4: สนับสนุนให้ผู้ป่วยติดต่อกับผู้เชี่ยวชาญเพื่อขอคำแนะนำเพิ่มเติมเมื่อจำเป็น
  • F33.1F9I-5: จัดทำแผนการดูแลที่มีรายละเอียดเกี่ยวกับการติดตามอาการและการปรับการรักษา
  • F33.1F9I-6: ส่งเสริมการมีการสนับสนุนจากครอบครัวและเพื่อนฝูงในการดูแลต่อเนื่อง
  • F33.1F9I-7: ตรวจสอบและประเมินการปฏิบัติตามแผนการดูแลอย่างสม่ำเสมอ

💬 Response (การตอบสนอง)

  • F33.1F9R-1: ผู้ป่วยมีแผนการดูแลต่อเนื่องที่ชัดเจนและสามารถเข้าใจได้
  • F33.1F9R-2: ผู้ป่วยติดต่อกับผู้เชี่ยวชาญหรือรับการเยี่ยมบ้านตามที่กำหนด
  • F33.1F9R-3: ความวิตกกังวลของผู้ป่วยลดลงและมีความมั่นใจในการดูแลตนเอง
  • F33.1F9R-4: ผู้ป่วยสามารถปฏิบัติตามแผนการรักษาและการติดตามได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • F33.1F9R-5: ผู้ป่วยมีการติดตามอาการและการรักษาตามแผนที่กำหนด

……………………………………………………………..

🧠F33.1F10 พร้อมจำหน่ายโดยมีครอบครัวร่วมดูแล (Ready for discharge with family support)

🔍 Assessment (การประเมิน)

S:

  • ผู้ป่วยเข้าใจเกี่ยวกับโรคอารมณ์แปรปรวนตามฤดูกาล (SAD) และวิธีการจัดการกับอาการ
  • ผู้ป่วยรู้สึกว่าอาการดีขึ้นและมีความมั่นใจในการดูแลตัวเองที่บ้าน
  • ผู้ป่วยยินยอมให้ครอบครัวร่วมดูแลและให้การสนับสนุนหลังออกจากโรงพยาบาล

O:

  • ผู้ป่วยแสดงความรู้เกี่ยวกับอาการและการรักษาของโรค
  • ผู้ป่วยสามารถอธิบายแผนการดูแลตนเองที่บ้านได้
  • ครอบครัวมีการเตรียมตัวในการดูแลผู้ป่วยอย่างใกล้ชิดหลังออกจากโรงพยาบาล

🎯 Goals (เป้าหมาย)

  • ผู้ป่วยมีความเข้าใจเกี่ยวกับโรคและการดูแลตนเอง
  • ครอบครัวพร้อมให้การสนับสนุนและดูแลผู้ป่วยที่บ้าน
  • ผู้ป่วยสามารถปฏิบัติตามแผนการรักษาและป้องกันการกลับมาเป็นโรค
  • ผู้ป่วยสามารถกลับไปใช้ชีวิตตามปกติได้หลังออกจากโรงพยาบาล

📏 Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)

  • ผู้ป่วยสามารถอธิบายการดูแลตนเองและแผนการรักษาหลังออกจากโรงพยาบาลได้
  • ครอบครัวเข้าใจบทบาทในการดูแลผู้ป่วย
  • ผู้ป่วยมีความมั่นใจในการดูแลตัวเองและกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ
  • ผู้ป่วยมีการติดตามผลการรักษาและอาการไม่มีการกลับมาเป็นโรค

✅ Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)

  • F33.1F10I-1: สอนผู้ป่วยและครอบครัวเกี่ยวกับการดูแลตนเองที่บ้าน เช่น การรักษาโรค, การติดตามผล, และการใช้ยา
  • F33.1F10I-2: แนะนำการวางแผนการนัดหมายติดตามผลการรักษาหลังออกจากโรงพยาบาล
  • F33.1F10I-3: ประสานงานกับทีมสุขภาพในการให้การสนับสนุนการรักษาหลังออกจากโรงพยาบาล
  • F33.1F10I-4: ให้คำแนะนำเกี่ยวกับการดูแลอารมณ์และวิธีการจัดการกับอาการในชีวิตประจำวัน
  • F33.1F10I-5: สนับสนุนการดูแลร่วมกับครอบครัวและการจัดสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมที่บ้าน
  • F33.1F10I-6: ตรวจสอบการติดตามผลและให้ข้อมูลเพิ่มเติมเมื่อจำเป็น

💬 Response (การตอบสนอง)

  • F33.1F10R-1: ผู้ป่วยมีความเข้าใจเกี่ยวกับโรคและการดูแลตนเองที่บ้าน
  • F33.1F10R-2: ครอบครัวสามารถดูแลและสนับสนุนผู้ป่วยได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • F33.1F10R-3: ผู้ป่วยสามารถปฏิบัติตามแผนการรักษาและการดูแลตนเองได้
  • F33.1F10R-4: ผู้ป่วยมีความมั่นใจในการจัดการกับอาการที่บ้านและกลับไปใช้ชีวิตตามปกติ
  • F33.1F10R-5: ผู้ป่วยมีการติดตามผลการรักษาและไม่แสดงอาการของโรค

…………………………………………………………………

เอกสารอ้างอิง

  • กรมสุขภาพจิต. (2558). โรคซึมเศร้าและโรคอารมณ์แปรปรวนตามฤดูกาล (SAD). สำนักพิมพ์กรมสุขภาพจิต.
  • วิเชียร แสงสุวรรณ. (2560). การพยาบาลจิตเวช: หลักการและการปฏิบัติ. สำนักพิมพ์สุขภาพ.
  • American Psychiatric Association. (2013). Diagnostic and Statistical Manual of Mental Disorders (5th ed.). Arlington, VA: American Psychiatric Publishing.
  • Rohan, K. J., & Stokes, P. E. (2009). Seasonal affective disorder: An overview of assessment and treatment approaches. The Journal of Clinical Psychiatry, 70(2), 40-47.

………………………………………………………………………