พัฒนาระบบบันทึกทางการพยาบาลบนกระดาษ เป็นการบันทึกทางการพยาบาลอิเล็กทรอนิกส์ [BH-PL.NR] ผ่านโปรแกรมเวชระเบียนอิเล็กทรอนิกส์พุทธชินราช [EMRs Budhos-HIS paperless : EMRs BH-PL]
วันศุกร์ที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2568
EP.66 จิตเวชหัวข้อ 26 : ภาวะสมองเสื่อมจากโรคอัลไซเมอร์ (Dementia in Alzheimer's disease with early onset) - F00
Psych. Topic 26 : Dementia in Alzheimer's disease with early onset- F00
🧠พยาธิสภาพ
- 👉 โรคนี้เกิดจากเซลล์สมองเสื่อมและตายเร็วกว่าปกติ ทำให้ความคิด ความจำ และพฤติกรรมเปลี่ยนไป
- 👉 มักเริ่มมีอาการ ก่อนอายุ 65 ปี หรือในวัยทำงานตอนปลาย
📌อาการที่ควรสังเกต
- ✅ขี้ลืมผิดปกติ เช่น ลืมเรื่องสำคัญหรือทางกลับบ้าน
- ✅สับสนในเวลา/สถานที่
- ✅อารมณ์แปรปรวน หงุดหงิดง่าย
- ✅เริ่มทำงานหรือกิจวัตรประจำวันได้ไม่เหมือนเดิม
⚠️ปัจจัยเสี่ยง
- 🌀พันธุกรรม (ประวัติคนในครอบครัว)
- 🌀ความผิดปกติของยีนบางชนิด
- 🌀โรคหลอดเลือดหัวใจ ความดันสูง เบาหวาน
- 🌀การสูบบุหรี่ ดื่มแอลกอฮอล์
💊การรักษา
- 💡ไม่มีวิธีรักษาให้หายขาด แต่สามารถชะลอการเสื่อมได้
- 💡ใช้ยาเพื่อบรรเทาอาการความจำและพฤติกรรม
- 💡ฝึกสมองและทำกิจกรรมกระตุ้นความจำ
- 💡การดูแลร่วมกันในครอบครัวเป็นหัวใจสำคัญ
🩺แนวทางการพยาบาล
- 🔷 ประเมินความจำและพฤติกรรมอย่างต่อเนื่อง
- 🔷 สื่อสารอย่างชัดเจนและให้กำลังใจ
- 🔷 จัดสภาพแวดล้อมให้ปลอดภัย เช่น ติดป้ายบอกทาง/ของใช้
- 🔷 ส่งเสริมกิจกรรมที่ผู้ป่วยยังทำได้ เพื่อคงสมรรถภาพไว้ให้นานที่สุด
🧡การดูแลที่บุคคลทั่วไปทำได้
- ✅ อย่ามองข้ามอาการ “ขี้ลืม” ที่ผิดปกติ
- ✅ ฝึกสมองเป็นประจำ เช่น เล่นเกมต่อคำ อ่านหนังสือ
- ✅ ออกกำลังกายและนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ
- ✅ พบแพทย์เมื่อมีอาการน่าสงสัย อย่ารอให้สายเกินไป
............................................................................................
🔷 วินิจฉัยการพยาบาล 10 ข้อ
(F00 – Alzheimer's Dementia Nursing Diagnoses)
- F00F1 สับสนรุนแรง เสี่ยงต่อการเป็นอันตรายต่อตนเองและผู้อื่น (Acute confusion with risk of harm to self or others) ผู้ป่วยอาจสับสนเวลา สถานที่ บุคคล มีพฤติกรรมหลงทางหรือกระทำโดยไม่ยั้งคิด ต้องจัดสภาพแวดล้อมให้ปลอดภัยทันที
- F00F2 การรับรู้ผิดปกติ เสี่ยงต่อการบาดเจ็บ (Impaired perception with risk for injury) มีโอกาสมองเห็นสิ่งที่ไม่มีอยู่จริง (หลอน) หรือแปลความหมายสิ่งต่าง ๆ ผิดเพี้ยน ต้องดูแลไม่ให้ลื่นล้มหรือใช้ของมีคม
- F00F3 มีพฤติกรรมเปลี่ยนแปลง เช่น ก้าวร้าว หงุดหงิด (Altered behavior such as aggression or irritability)ควรสังเกตสิ่งกระตุ้นและลดสิ่งรบกวน เช่น เสียงดัง แสงจ้า เพื่อป้องกันการแสดงพฤติกรรมไม่เหมาะสม
- F00F4 มีภาวะหลงลืม ทำกิจวัตรประจำวันได้ลดลง (Impaired memory affecting daily living activities) ควรให้การดูแลแบบมีโครงสร้าง ช่วยจำด้วยภาพหรือป้าย และทำกิจวัตรประจำวันร่วมกันอย่างสม่ำเสมอ
- F00F5 มีภาวะซึมเศร้า (Depressed mood) ผู้ป่วยอาจมีอารมณ์เศร้า สิ้นหวัง ถอนตัวจากสังคม ควรให้การสนับสนุนทางอารมณ์และกระตุ้นให้มีปฏิสัมพันธ์
- F00F6 เสี่ยงต่อภาวะทุพโภชนาการ จากลืมกิน/เบื่ออาหาร (Risk for malnutrition related to poor intake or forgetting to eat)ต้องวางแผนการกินอาหารตามเวลา เลือกอาหารเคี้ยวง่าย และดูแลไม่ให้ลืมมื้ออาหาร
- F00F7 การสื่อสารบกพร่อง (Impaired verbal communication) ควรใช้ภาษาที่ง่าย ช้า ชัดเจน พร้อมท่าทางประกอบ และให้เวลาผู้ป่วยในการตอบสนอง
- F00F8 ครอบครัวมีภาวะเครียดจากบทบาทการดูแล (Caregiver role strain in family members) ต้องให้ข้อมูลเกี่ยวกับโรค สนับสนุนให้พักผ่อน และหาแหล่งช่วยเหลือ เช่น กลุ่มสนับสนุนหรือบริการผู้ดูแล
- F00F9 ขาดความรู้เกี่ยวกับโรคและการดูแลตนเอง (Deficient knowledge related to disease and self-care) ควรให้ความรู้เรื่องอาการ แนวทางการดูแล และการป้องกันภาวะแทรกซ้อนแก่ผู้ป่วยและครอบครัวอย่างต่อเนื่อง
- F00F10 วางแผนจำหน่ายและดูแลต่อเนื่องที่บ้าน (Readiness for discharge with continuing care needs) เตรียมครอบครัวให้สามารถดูแลที่บ้านได้ จัดการส่งต่อไปยังบริการดูแลผู้ป่วยเรื้อรัง หรือเยี่ยมบ้านตามแผน
……………………………………………………………………Bottom of Form
🧠 F00F1 สับสนรุนแรง
เสี่ยงต่อการเป็นอันตรายต่อตนเองและผู้อื่น (Acute confusion with risk of
harm to self or others)
🔍 Assessment (การประเมิน)
S:
- "ผมไม่รู้ว่าที่นี่ที่ไหน"
- "คุณเป็นใคร ผมไม่รู้จัก"
O:
- ผู้ป่วยเดินออกนอกห้องโดยไม่รู้ทิศทาง
- ไม่รู้วัน เวลา สถานที่
- พยายามดึงสายให้ออก เช่น สายน้ำเกลือ
- แสดงพฤติกรรมก้าวร้าวเมื่อถูกขัดขวาง
- มีประวัติหลงทางหรือออกจากบ้านตอนกลางคืน
🎯 Goals (เป้าหมาย)
- ผู้ป่วยปลอดภัย ไม่ได้รับอันตรายจากตนเองหรือผู้อื่น
- ลดความสับสนลงภายใน 3 วัน
- ผู้ดูแลสามารถจัดสภาพแวดล้อมให้ปลอดภัยได้
📏 Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)
- ไม่มีพฤติกรรมเสี่ยงทำร้ายตนเองหรือผู้อื่น
- ผู้ป่วยอยู่ในพื้นที่ปลอดภัยตลอดเวลา
- สื่อสารกับบุคคลรอบข้างได้บ้างแม้ยังสับสน
- ครอบครัวให้ความร่วมมือในการดูแล
🩺 Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)
- F00F1I-1: ประเมินระดับความรู้สึกตัวและการสับสนทุก 4 ชั่วโมง เพื่อเฝ้าระวังความเปลี่ยนแปลงทางพฤติกรรม
- F00F1I-2: จัดห้องผู้ป่วยให้มีแสงเพียงพอ ไม่มืดหรือสว่างจ้าเกินไป เพื่อป้องกันการหลงทางและลดความวิตก
- F00F1I-3: จัดเตียงผู้ป่วยให้อยู่ใกล้สถานีพยาบาล พร้อมติดตั้งราวเตียงให้ครบ 2 ข้าง เพื่อป้องกันการพลัดตก
- F00F1I-4: สื่อสารด้วยน้ำเสียงสุภาพ ช้า ชัดเจน ไม่เร่งรีบ เพื่อให้ผู้ป่วยรู้สึกมั่นคงและลดความก้าวร้าว
- F00F1I-5: ติดป้ายบอกวัน เวลา และชื่อผู้ดูแลไว้ชัดเจนในห้อง เพื่อช่วยผู้ป่วยรับรู้สิ่งแวดล้อม
- F00F1I-6: ให้ผู้ดูแลอยู่กับผู้ป่วยตลอดเวลา โดยเฉพาะช่วงมีอาการสับสนมาก
- F00F1I-7: ประเมินพฤติกรรมเสี่ยง เช่น การเดินหลง ลุกจากเตียงบ่อย และบันทึกไว้ทุกครั้ง
- F00F1I-8: แจ้งทีมสหวิชาชีพ เช่น จิตแพทย์ หรือนักกิจกรรมบำบัด หากผู้ป่วยมีพฤติกรรมอันตรายบ่อย
- F00F1I-9: ให้การดูแลแบบประคับประคอง ไม่บังคับ ให้ความรู้แก่ครอบครัวเรื่องพฤติกรรมของผู้ป่วย
- F00F1I-10: ประเมินความเครียดของครอบครัว พร้อมแนะนำวิธีดูแลที่บ้านและช่องทางขอความช่วยเหลือ
✅ Response (การตอบสนอง)
- F00F1R-1: ผู้ป่วยไม่มีพฤติกรรมทำร้ายตนเองหรือผู้อื่นตลอดวัน
- F00F1R-2: ผู้ป่วยอยู่ในห้องหรือพื้นที่ที่จัดไว้โดยไม่พยายามออกนอกเขตปลอดภัย
- F00F1R-3: ผู้ป่วยตอบสนองต่อเสียงพูดและคำชี้แนะได้แม้ยังมีอาการสับสน
- F00F1R-4: ครอบครัวเข้าใจวิธีดูแล และมีความมั่นใจในการอยู่กับผู้ป่วย
- F00F1R-5: ผู้ป่วยมีความสงบลง พฤติกรรมก้าวร้าวลดลงอย่างเห็นได้ชัด
………………………………………………………..
🧠 F00F2 การรับรู้ผิดปกติ เสี่ยงต่อการบาดเจ็บ (Impaired
perception with risk for injury)
🔍 Assessment (การประเมิน)
S:
- "มีคนเดินอยู่ตรงนั้น!"
- "ได้ยินเสียงคนเรียก แต่ไม่มีใคร"
O:
- ผู้ป่วยมองสิ่งที่ไม่มีอยู่จริง (visual hallucination)
- ผู้ป่วยมีท่าทีหวาดกลัว วิตก หลีกเลี่ยงพื้นที่บางจุด
- พฤติกรรมสับสน ตอบสนองต่อสิ่งแวดล้อมผิดปกติ เช่น หลบเงา/วัตถุ
- พบว่าผู้ป่วยเดินชนสิ่งของ ล้มง่าย มีแผลฟกช้ำตามร่างกาย
🎯 Goals (เป้าหมาย)
- ผู้ป่วยปลอดภัย ไม่ได้รับบาดเจ็บ
- ลดอาการหลอนหรือรับรู้ผิดเพี้ยน
- ผู้ดูแลสามารถดูแลผู้ป่วยอย่างถูกต้องได้
📏 Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)
- ผู้ป่วยไม่มีบาดแผลใหม่หรือพฤติกรรมเสี่ยงบาดเจ็บ
- ผู้ป่วยตอบสนองต่อสิ่งแวดล้อมได้ดีขึ้น
- ครอบครัวมีความเข้าใจในการดูแล
🩺 Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)
- F00F2I-1: ประเมินสภาพแวดล้อมรอบตัวผู้ป่วยให้ปลอดภัย เช่น เก็บของมีคม วัตถุแหลม และสิ่งลื่น
- F00F2I-2: ลดสิ่งเร้าทางสายตา เช่น เงาสะท้อน ม่านลายซับซ้อน หรือแสงจ้าเกินไป
- F00F2I-3: พูดคุยกับผู้ป่วยด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล ช้า ชัดเจน เพื่อสร้างความมั่นใจ
- F00F2I-4: ติดตั้งไฟกลางคืนในห้องน้ำหรือทางเดิน เพื่อให้ผู้ป่วยมองเห็นชัดเจน
- F00F2I-5: หลีกเลี่ยงการปล่อยผู้ป่วยอยู่ลำพังนาน ๆ โดยเฉพาะเวลากลางคืน
- F00F2I-6: ประเมินและบันทึกอาการหลอนทุกครั้งที่เกิด เพื่อแจ้งแพทย์
- F00F2I-7: ให้ยาอย่างต่อเนื่องตามแผนการรักษา เช่น ยาต้านหลอน (ถ้ามีแพทย์สั่ง)
- F00F2I-8: สื่อสารกับครอบครัวเรื่องอาการหลอน เพื่อให้เข้าใจและไม่ตอบโต้รุนแรง
- F00F2I-9: ส่งเสริมให้ผู้ป่วยอยู่ในกิจกรรมที่คุ้นเคยเพื่อลดอาการหลงผิด
- F00F2I-10: หากอาการไม่ดีขึ้น แจ้งแพทย์เพื่อปรับแผนการรักษาอย่างเหมาะสม
✅ Response (การตอบสนอง)
- F00F2R-1: ผู้ป่วยไม่มีบาดเจ็บใหม่ เช่น ฟกช้ำหรือแผล
- F00F2R-2: ผู้ป่วยตอบสนองต่อสิ่งแวดล้อมได้ดีขึ้น เช่น ไม่ตื่นตกใจสิ่งรอบตัว
- F00F2R-3: อาการหลอนลดลง ครอบครัวรับมือได้ดี
- F00F2R-4: ผู้ป่วยพักผ่อนได้โดยไม่ต้องใช้ยาเพิ่มเติม (หากไม่มีอาการกำเริบ)
- F00F2R-5: ครอบครัวร่วมมือในการจัดสิ่งแวดล้อมบ้านอย่างปลอดภัย
………………………………………………………………………..
🧠 F00F3 มีพฤติกรรมเปลี่ยนแปลง เช่น ก้าวร้าว
หงุดหงิด (Altered behavior such as aggression or irritability)
🔍 Assessment (การประเมิน)
S:
- “เขาโมโหง่ายมากเวลาเปลี่ยนกิจกรรม”
- “พอห้องเสียงดัง เขาจะเริ่มตะโกน”
O:
- ผู้ป่วยแสดงพฤติกรรมก้าวร้าว เช่น ขว้างของ ตะโกน
- ผู้ป่วยหงุดหงิดเมื่อต้องเปลี่ยนกิจกรรมหรือเมื่อถูกเร่ง
- พฤติกรรมแสดงออกต่อเจ้าหน้าที่/ผู้ดูแลด้วยความไม่พอใจ
- มีการต่อต้านการดูแล เช่น ปฏิเสธอาบน้ำ หรือทานอาหาร
🎯 Goals (เป้าหมาย)
- ลดพฤติกรรมก้าวร้าว หงุดหงิด
- ผู้ป่วยแสดงพฤติกรรมสงบมากขึ้น
- ผู้ดูแลสามารถจัดการสถานการณ์ได้อย่างเหมาะสม
📏 Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)
- ผู้ป่วยลดพฤติกรรมก้าวร้าวลงภายใน 3 วัน
- ผู้ป่วยมีช่วงเวลาที่สงบมากขึ้นในแต่ละวัน
- ครอบครัว/ผู้ดูแลรู้วิธีหลีกเลี่ยงสิ่งกระตุ้นอารมณ์
🩺 Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)
- F00F3I-1: ประเมินสิ่งกระตุ้นพฤติกรรม เช่น เสียงดัง แสงจ้า หรือกิจกรรมที่เร่งรีบ
- F00F3I-2: ลดสิ่งรบกวนทางประสาทสัมผัส เช่น ปิดทีวี ปรับแสงให้พอดี
- F00F3I-3: สื่อสารกับผู้ป่วยด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล หลีกเลี่ยงการโต้เถียง
- F00F3I-4: วางกิจวัตรประจำวันให้คงที่ สม่ำเสมอ เพื่อความคุ้นเคย
- F00F3I-5: ให้ผู้ป่วยมีเวลาทำกิจกรรมอย่างเพียงพอ ไม่เร่งหรือขัดจังหวะ
- F00F3I-6: หากมีพฤติกรรมก้าวร้าว ให้เว้นระยะห่างและแจ้งเจ้าหน้าที่หรือผู้ดูแลทันที
- F00F3I-7: พิจารณาให้ผู้ป่วยพักในพื้นที่สงบ หรือเปิดเพลงเบา ๆ ที่ผู้ป่วยชอบ
- F00F3I-8: จัดเตรียมพื้นที่ให้ปลอดภัย ไม่มีสิ่งของที่ผู้ป่วยสามารถใช้ทำร้ายตัวเองหรือผู้อื่น
- F00F3I-9: บันทึกพฤติกรรมที่เกิดขึ้น พร้อมระบุสาเหตุและเวลาที่ชัดเจน
- F00F3I-10: ประสานแพทย์เพื่อปรับยาหากพฤติกรรมรุนแรงและต่อเนื่อง
✅ Response (การตอบสนอง)
- F00F3R-1: ผู้ป่วยมีพฤติกรรมสงบมากขึ้น
- F00F3R-2: ไม่มีพฤติกรรมรุนแรงต่อบุคคลรอบข้างภายใน 72 ชั่วโมง
- F00F3R-3: ผู้ป่วยมีสีหน้าและท่าทีผ่อนคลายเมื่ออยู่ในสิ่งแวดล้อมที่เหมาะสม
- F00F3R-4: ครอบครัวสามารถจัดการสถานการณ์ที่ยากลำบากได้ดีขึ้น
- F00F3R-5: ลดจำนวนเหตุการณ์ความรุนแรงลงจากสัปดาห์ก่อนหน้า
…………………………………………………………………
🧠 F00F4 มีภาวะหลงลืม ทำกิจวัตรประจำวันได้ลดลง (Impaired
memory affecting daily living activities)
🔍 Assessment (การประเมิน)
S:
- “เขาลืมว่ากินข้าวหรือยังบ่อยมาก”
- “บางทีลืมแม้แต่จะล้างหน้า แปรงฟัน”
O:
- ผู้ป่วยไม่สามารถทำกิจวัตรประจำวันเองได้ เช่น ลืมเปิดน้ำ ลืมใส่เสื้อผ้า
- ต้องมีผู้ช่วยเตือนหรือช่วยเหลือในทุกขั้นตอน
- สับสนว่าเวลาไหนควรทำกิจกรรมใด
- ลืมสถานที่จัดเก็บของหรือวัตถุในบ้าน
🎯 Goals (เป้าหมาย)
- ผู้ป่วยสามารถทำกิจวัตรประจำวันได้บางส่วนด้วยตนเอง
- ลดความสับสนจากการหลงลืม
- ผู้ป่วยรู้สึกมีส่วนร่วมและมีคุณค่าในชีวิตประจำวัน
📏 Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)
- ผู้ป่วยสามารถทำกิจวัตรประจำวันอย่างน้อย 1–2 กิจกรรมได้เอง
- มีการใช้สื่อช่วยจำ เช่น ป้าย, รูปภาพ, ปฏิทิน
- ครอบครัวช่วยส่งเสริมการทำกิจวัตรอย่างต่อเนื่อง
🩺 Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)
- F00F4I-1: ประเมินระดับความสามารถของผู้ป่วยในการทำกิจวัตรประจำวัน เช่น อาบน้ำ, กินยา
- F00F4I-2: จัดตารางกิจกรรมประจำวันแบบมีโครงสร้าง สม่ำเสมอทุกวัน
- F00F4I-3: ใช้ภาพหรือป้ายช่วยจำ เช่น ป้าย "แปรงฟัน", รูปแปรงสีฟันติดในห้องน้ำ
- F00F4I-4: พาผู้ป่วยทำกิจกรรมร่วมกัน เช่น อาบน้ำพร้อมแนะนำทีละขั้นตอน
- F00F4I-5: วางสิ่งของประจำที่เดิมเสมอ เช่น แปรงฟัน ผ้าเช็ดตัว ยา
- F00F4I-6: ส่งเสริมการใช้สมุดบันทึกหรือปฏิทินช่วยเตือนความจำ
- F00F4I-7: ให้กำลังใจเมื่อผู้ป่วยสามารถทำสิ่งใดได้สำเร็จ
- F00F4I-8: หลีกเลี่ยงคำตำหนิเมื่อผู้ป่วยลืมหรือทำผิด
- F00F4I-9: ประเมินผลทุกสัปดาห์ร่วมกับครอบครัวหรือทีมดูแล
- F00F4I-10: ประสานนักกิจกรรมบำบัดหรือนักจิตวิทยาในกรณีต้องการเทคนิคเพิ่มเติม
✅ Response (การตอบสนอง)
- F00F4R-1: ผู้ป่วยสามารถทำกิจวัตรประจำวันบางอย่างได้ด้วยตนเอง
- F00F4R-2: ผู้ป่วยใช้สื่อช่วยจำได้อย่างต่อเนื่อง
- F00F4R-3: ลดพฤติกรรมสับสนในเวลาและสถานที่ลง
- F00F4R-4: ผู้ป่วยมีสีหน้าและอารมณ์ดีขึ้นเมื่อได้มีส่วนร่วมในกิจกรรม
- F00F4R-5: ครอบครัวรู้วิธีสนับสนุนให้ผู้ป่วยทำกิจวัตรอย่างปลอดภัย
……………………………………………………………………….
🧠F00F5 ภาวะซึมเศร้า (Depressed mood)
🔍 Assessment (การประเมิน)
S:
- “ผู้ป่วยรู้สึกเหนื่อยหน่ายและไม่มีความสุข”
- “บางครั้งผู้ป่วยบอกว่าไม่อยากทำอะไรเลย”
- “ผู้ป่วยหลีกเลี่ยงการพบปะกับคนอื่น”
O:
- ผู้ป่วยมีการแสดงอารมณ์เศร้า เช่น การมองหน้านิ่ง หรือไม่ยิ้ม
- ผู้ป่วยมีอาการถอนตัวจากกิจกรรมที่เคยทำ
- การตอบสนองในกิจกรรมทางสังคมลดลง
🎯 Goals (เป้าหมาย)
- ผู้ป่วยจะเริ่มมีการตอบสนองต่อกิจกรรมทางสังคมและการสนทนา
- ผู้ป่วยจะมีอารมณ์ที่ดีขึ้นหรือมีความสุขขึ้นในระหว่างการสนทนาหรือการทำกิจกรรม
- ผู้ป่วยจะมีพฤติกรรมที่เปิดเผยอารมณ์มากขึ้น เช่น การพูดคุยหรือแสดงความสนใจ
📏 Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)
- ผู้ป่วยแสดงอารมณ์ที่ดีขึ้น เช่น ยิ้ม หรือมีการตอบสนองในการสนทนา
- ผู้ป่วยเริ่มมีปฏิสัมพันธ์กับผู้ดูแลและคนอื่น ๆ
- ลดการแสดงพฤติกรรมถอนตัวจากสังคมหรือกิจกรรม
🩺 Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)
- F00F5I-1: สังเกตและบันทึกอารมณ์และพฤติกรรมของผู้ป่วยเพื่อประเมินการเปลี่ยนแปลง
- F00F5I-2: กระตุ้นให้ผู้ป่วยมีการปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น โดยเริ่มจากกิจกรรมง่าย ๆ เช่น การพูดคุยสั้น ๆ หรือฟังเพลงที่ชอบ
- F00F5I-3: ให้กำลังใจและการสนับสนุนทางอารมณ์ให้กับผู้ป่วยโดยการแสดงความเห็นใจและไม่ตัดสิน
- F00F5I-4: ส่งเสริมให้ผู้ป่วยทำกิจกรรมที่กระตุ้นความสนใจและความสุข เช่น การดูภาพถ่ายหรือการพูดคุยเกี่ยวกับประสบการณ์ในอดีต
- F00F5I-5: จัดให้มีการพบปะกับเพื่อนหรือครอบครัวในสภาพแวดล้อมที่สะดวกสบายและปลอดภัย
- F00F5I-6: ส่งเสริมการออกกำลังกายเบา ๆ เช่น การเดินเล่น หรือการทำกิจกรรมกลุ่มเล็ก ๆ ที่ช่วยให้ผู้ป่วยรู้สึกมีส่วนร่วม
- F00F5I-7: สนับสนุนการเข้าร่วมกิจกรรมที่เป็นที่สนใจของผู้ป่วย เช่น งานอดิเรกหรือความชอบเฉพาะตัว
- F00F5I-8: ใช้การฝึกสมอง เช่น การเล่นเกมหรือกิจกรรมที่กระตุ้นความคิด เพื่อช่วยปรับอารมณ์และลดความเครียด
- F00F5I-9: พิจารณาใช้การบำบัดด้วยการพูดคุยหรือการรักษาทางจิตเวชหากผู้ป่วยมีอาการซึมเศร้าเรื้อรัง
✅ Response (การตอบสนอง)
- F00F5R-1: ผู้ป่วยเริ่มแสดงอารมณ์ที่ดีขึ้น เช่น ยิ้ม หรือตอบสนองในการสนทนา
- F00F5R-2: ผู้ป่วยเริ่มเข้าร่วมกิจกรรมทางสังคมบ่อยขึ้น
- F00F5R-3: ผู้ป่วยมีความสนใจในกิจกรรมที่เคยทำหรือความสนใจในสิ่งรอบข้าง
- F00F5R-4: ผู้ป่วยมีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมจากการถอนตัวและมีการสนทนาหรือปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น
- F00F5R-5: ผู้ป่วยสามารถพูดคุยเกี่ยวกับความรู้สึกหรือแสดงอารมณ์ได้มากขึ้น
…………………………………………………………………….
🧠F00F6 เสี่ยงต่อภาวะทุพโภชนาการจากการลืมกินหรือเบื่ออาหาร (Risk for malnutrition related to poor intake or forgetting to eat)
🔍 Assessment (การประเมิน)
S:
- “ผู้ป่วยมักบอกว่าไม่หิว หรือไม่อยากทานอาหาร”
- “บางครั้งผู้ป่วยลืมทานมื้ออาหารหรือทานแค่บางอย่าง”
- “ผู้ป่วยไม่สนใจหรือไม่ชอบอาหารที่เตรียมไว้”
O:
- ผู้ป่วยทานอาหารไม่ครบถ้วนหรือทานอาหารน้อยเกินไป
- น้ำหนักตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง
- บันทึกการทานอาหารพบว่าผู้ป่วยไม่ทานมื้ออาหารในบางครั้ง
- มีอาการเบื่ออาหารหรือหิวน้อย
🎯 Goals (เป้าหมาย)
- ผู้ป่วยทานอาหารครบทุกมื้อหรือทานอาหารได้มากขึ้นในแต่ละวัน
- ผู้ป่วยมีน้ำหนักตัวคงที่หรือเพิ่มขึ้นจากก่อนหน้า
- ผู้ป่วยสามารถระบุได้ว่าได้ทานอาหารครบทุกมื้อในแต่ละวัน
- ผู้ป่วยแสดงอาการมีความสุขหรือมีความอยากทานอาหารมากขึ้น
📏 Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)
- ผู้ป่วยทานอาหารทุกมื้อในแต่ละวันโดยไม่ลืม
- น้ำหนักตัวคงที่หรือเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน
- ผู้ป่วยไม่มีอาการเบื่ออาหารหรือทานน้อยลง
- ผู้ป่วยสามารถแสดงความต้องการอาหารได้โดยไม่ต้องกระตุ้น
🩺 Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)
- F00F6I-1: วางแผนการทานอาหารตามเวลาเพื่อช่วยให้ผู้ป่วยทานอาหารครบทุกมื้อ
- F00F6I-2: เตรียมอาหารที่ง่ายต่อการเคี้ยวและย่อย เช่น อาหารที่ปรุงเป็นชิ้นเล็ก ๆ หรืออาหารบด
- F00F6I-3: เตือนผู้ป่วยให้ทานอาหารทุกมื้อในเวลาที่กำหนด
- F00F6I-4: จัดเตรียมอาหารในลักษณะที่ดึงดูดและมีรสชาติที่ถูกใจผู้ป่วย
- F00F6I-5: กระตุ้นให้ผู้ป่วยดื่มน้ำให้เพียงพอในระหว่างมื้ออาหาร
- F00F6I-6: ตรวจสอบน้ำหนักตัวของผู้ป่วยอย่างสม่ำเสมอ เพื่อประเมินการรับประทานอาหาร
- F00F6I-7: สนับสนุนให้ผู้ป่วยมีส่วนร่วมในการเตรียมอาหาร หรือเลือกอาหารที่ชอบเพื่อเพิ่มความสนใจในการทาน
- F00F6I-8: จัดให้มีการสนทนาหรือมีการตั้งโต๊ะทานอาหารร่วมกับครอบครัวหรือบุคคลอื่นเพื่อกระตุ้นการทานอาหาร
✅ Response (การตอบสนอง)
- F00F6R-1: ผู้ป่วยเริ่มทานอาหารครบทุกมื้อในแต่ละวัน
- F00F6R-2: น้ำหนักตัวของผู้ป่วยคงที่หรือเพิ่มขึ้นจากก่อนหน้า
- F00F6R-3: ผู้ป่วยมีอาการทานอาหารได้ดีขึ้นและไม่เบื่ออาหาร
- F00F6R-4: ผู้ป่วยสามารถรับรู้ความหิวและแสดงความต้องการอาหารได้โดยไม่ต้องกระตุ้น
- F00F6R-5: ผู้ป่วยเริ่มมีความสุขกับการทานอาหารและร่วมกิจกรรมทานอาหารร่วมกับผู้อื่น
……………………………………………………………………………:
🧠F00F7 การสื่อสารบกพร่อง (Impaired
verbal communication)
🔍 Assessment (การประเมิน)
S:
- “ผู้ป่วยพูดไม่ชัด หรือไม่สามารถสื่อสารได้ตามที่ต้องการ”
- “ผู้ป่วยไม่สามารถแสดงอารมณ์หรือความต้องการอย่างชัดเจน”
- “ผู้ป่วยมีอาการพูดสั้น ๆ หรือใช้คำไม่ครบประโยค”
O:
- การพูดของผู้ป่วยไม่ชัดเจน หรือผู้ป่วยใช้คำที่ไม่สามารถเข้าใจได้
- ผู้ป่วยไม่สามารถสื่อสารข้อมูลที่ซับซ้อนได้
- ผู้ป่วยใช้ท่าทางหรือการแสดงออกอื่น ๆ เพื่อสื่อสารแทนคำพูด
- ผู้ป่วยแสดงอาการหงุดหงิดเมื่อพยายามสื่อสารกับคนอื่น
🎯 Goals (เป้าหมาย)
- ผู้ป่วยสามารถสื่อสารความต้องการพื้นฐาน เช่น อาหารและความช่วยเหลือได้ด้วยคำพูดหรือท่าทาง
- ผู้ป่วยสามารถแสดงอารมณ์หรือความรู้สึกได้ด้วยการใช้คำพูดง่าย ๆ หรือท่าทาง
- ผู้ป่วยสามารถเข้าใจคำถามง่าย ๆ หรือการสื่อสารที่ชัดเจน
- ผู้ป่วยมีความพึงพอใจในการสื่อสารกับบุคคลอื่นมากขึ้น
📏 Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)
- ผู้ป่วยสามารถใช้คำพูดง่าย ๆ เพื่อสื่อสารความต้องการได้
- การสื่อสารของผู้ป่วยมีความชัดเจนมากขึ้น
- ผู้ป่วยสามารถตอบคำถามง่าย ๆ หรือเข้าใจสิ่งที่ถูกถาม
- ผู้ป่วยแสดงอารมณ์หรือความรู้สึกได้ด้วยคำพูดหรือท่าทาง
🩺 Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)
- F00F7I-1: ใช้ภาษาที่ง่าย ช้า ชัดเจน และให้เวลาในการตอบสนอง
- F00F7I-2: สื่อสารโดยใช้ท่าทางหรือการแสดงออกทางร่างกายเพื่อเสริมคำพูด
- F00F7I-3: ใช้ภาพหรือสัญลักษณ์เพื่อช่วยให้ผู้ป่วยเข้าใจง่ายขึ้น
- F00F7I-4: ทำให้การสื่อสารเป็นมิตรและไม่เร่งรีบ โดยให้ผู้ป่วยรู้สึกสบายใจ
- F00F7I-5: ตั้งคำถามสั้น ๆ และชัดเจน เช่น "ทานข้าวไหม?" หรือ "อยากดื่มน้ำไหม?"
- F00F7I-6: ใช้เทคนิคการสื่อสารที่ไม่เป็นการคุกคาม เช่น การแสดงความสนใจในสิ่งที่ผู้ป่วยพูดแม้จะไม่ชัดเจน
- F00F7I-7: กระตุ้นให้ผู้ป่วยใช้ท่าทางหรือการแสดงออกอื่น ๆ ในการสื่อสารเพิ่มเติม
✅ Response (การตอบสนอง)
- F00F7R-1: ผู้ป่วยเริ่มใช้คำพูดง่าย ๆ และสามารถสื่อสารความต้องการได้
- F00F7R-2: ผู้ป่วยสามารถใช้ท่าทางในการสื่อสารได้อย่างเหมาะสม
- F00F7R-3: ผู้ป่วยมีอาการไม่หงุดหงิดและสามารถตอบสนองต่อการสื่อสารได้ดีขึ้น
- F00F7R-4: ผู้ป่วยเข้าใจคำถามง่าย ๆ หรือคำแนะนำและตอบสนองตามคำแนะนำ
- F00F7R-5: ผู้ป่วยแสดงความพึงพอใจในการสื่อสารกับบุคคลอื่นและมีการตอบสนองมากขึ้น
……………………………………………………………..
🧠F00F8 ครอบครัวมีภาวะเครียดจากบทบาทการดูแล (Caregiver
role strain in family members)
S:
- “สมาชิกในครอบครัวรู้สึกเหนื่อยล้าและเครียดจากการดูแลผู้ป่วย”
- “สมาชิกในครอบครัวกล่าวว่ารู้สึกหมดแรง และมีปัญหากับการจัดการเวลาในแต่ละวัน”
- “สมาชิกในครอบครัวแสดงความวิตกกังวลเกี่ยวกับอนาคตและการดูแลผู้ป่วย”
O:
- สมาชิกในครอบครัวแสดงอาการเครียด เช่น หน้าตาหม่นหมอง หรือขาดการสนใจในกิจกรรมที่เคยทำ
- สมาชิกในครอบครัวมีการนอนหลับที่ไม่เพียงพอ หรือดูเหนื่อยล้า
- ผู้ดูแลไม่สามารถหาความช่วยเหลือจากแหล่งที่เหมาะสมหรือไม่ทราบแหล่งสนับสนุน
🎯 Goals (เป้าหมาย)
- สมาชิกในครอบครัวมีความเข้าใจเกี่ยวกับโรคอัลไซเมอร์และวิธีการดูแลผู้ป่วย
- สมาชิกในครอบครัวสามารถหาความช่วยเหลือจากกลุ่มสนับสนุนหรือบริการดูแลได้
- สมาชิกในครอบครัวรู้สึกมีการสนับสนุนจากสังคมและสามารถจัดการความเครียดได้ดีขึ้น
- สมาชิกในครอบครัวมีเวลาพักผ่อนและดูแลตัวเองมากขึ้น
📏 Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)
- สมาชิกในครอบครัวมีความเข้าใจเกี่ยวกับโรคและวิธีการดูแลผู้ป่วย
- สมาชิกในครอบครัวเริ่มเข้าร่วมกลุ่มสนับสนุนหรือขอความช่วยเหลือจากบริการที่มี
- สมาชิกในครอบครัวแสดงให้เห็นถึงการจัดการความเครียดที่ดีขึ้น เช่น การพักผ่อนมากขึ้น
- สมาชิกในครอบครัวสามารถมีเวลาให้กับตัวเองมากขึ้น
🩺 Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)
- F00F8I-1: ให้ข้อมูลที่ชัดเจนเกี่ยวกับโรคอัลไซเมอร์และวิธีการดูแลผู้ป่วยที่เหมาะสม
- F00F8I-2: แนะนำแหล่งช่วยเหลือ เช่น กลุ่มสนับสนุนสำหรับผู้ดูแลหรือบริการดูแลระยะยาว
- F00F8I-3: กระตุ้นให้สมาชิกในครอบครัวใช้เวลาในการพักผ่อนและดูแลตัวเองเพื่อป้องกันความเครียดสะสม
- F00F8I-4: ส่งเสริมให้สมาชิกในครอบครัวจัดตารางเวลาการดูแลและพักผ่อนอย่างสมดุล
- F00F8I-5: สนับสนุนการมีการพูดคุยและแลกเปลี่ยนประสบการณ์กับผู้ดูแลคนอื่น ๆ
- F00F8I-6: แนะนำวิธีการจัดการกับความเครียด เช่น การทำกิจกรรมที่ผ่อนคลายหรือการพบปะกับคนในครอบครัว
✅ Response (การตอบสนอง)
- F00F8R-1: สมาชิกในครอบครัวมีความเข้าใจเกี่ยวกับโรคอัลไซเมอร์และรู้วิธีการดูแลที่เหมาะสม
- F00F8R-2: สมาชิกในครอบครัวเริ่มใช้บริการช่วยเหลือจากกลุ่มสนับสนุนหรือการให้คำปรึกษา
- F00F8R-3: สมาชิกในครอบครัวสามารถแบ่งเวลาเพื่อพักผ่อนและฟื้นฟูสุขภาพได้ดีขึ้น
- F00F8R-4: สมาชิกในครอบครัวแสดงท่าทีผ่อนคลายขึ้นและมีพลังในการดูแลผู้ป่วยมากขึ้น
- F00F8R-5: สมาชิกในครอบครัวมีการติดต่อและแลกเปลี่ยนกับผู้ดูแลคนอื่น ๆ หรือกลุ่มสนับสนุนเป็นระยะ
………………………………………………………….
🧠F00F9 ขาดความรู้เกี่ยวกับโรคและการดูแลตนเอง (Deficient
knowledge related to disease and self-care)
🔍 Assessment (การประเมิน)
S:
- “ผู้ป่วยหรือครอบครัวรู้สึกไม่แน่ใจเกี่ยวกับอาการและการดูแลผู้ป่วย”
- “สมาชิกในครอบครัวกล่าวว่ารู้สึกกังวลเกี่ยวกับการดูแลผู้ป่วยในอนาคต”
- “ผู้ป่วยหรือครอบครัวบ่นว่ามีข้อมูลที่จำกัดเกี่ยวกับโรคและการดูแลสุขภาพ”
O:
- ผู้ป่วยหรือครอบครัวแสดงท่าทางสับสนเกี่ยวกับอาการของโรค
- การดูแลผู้ป่วยไม่ได้ตามมาตรฐาน หรือการป้องกันภาวะแทรกซ้อนยังไม่ถูกต้อง
- การสอบถามข้อมูลจากผู้ป่วยหรือครอบครัวพบว่าไม่มีการเตรียมตัวเกี่ยวกับการดูแลในระยะยาว
🎯 Goals (เป้าหมาย)
- ผู้ป่วยและครอบครัวมีความรู้เกี่ยวกับโรคอัลไซเมอร์และอาการต่าง ๆ
- ผู้ป่วยและครอบครัวสามารถดูแลตัวเองและผู้ป่วยได้อย่างเหมาะสม
- ผู้ป่วยและครอบครัวรู้จักการป้องกันภาวะแทรกซ้อนจากโรคได้
- ผู้ป่วยและครอบครัวสามารถปฏิบัติตามแนวทางการดูแลและการรักษาได้อย่างมีประสิทธิภาพ
📏 Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)
- ผู้ป่วยและครอบครัวสามารถระบุอาการหลักของโรคอัลไซเมอร์ได้
- ผู้ป่วยและครอบครัวสามารถอธิบายวิธีการดูแลที่เหมาะสม เช่น การรักษา การป้องกันภาวะแทรกซ้อน
- ผู้ป่วยและครอบครัวสามารถปฏิบัติตามคำแนะนำในการดูแลและป้องกันภาวะแทรกซ้อน
- ผู้ป่วยและครอบครัวรู้สึกมั่นใจและเข้าใจในการดูแลผู้ป่วยในระยะยาว
🩺 Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)
- F00F9I-1: ให้ข้อมูลเกี่ยวกับโรคอัลไซเมอร์ และอาการต่าง ๆ เพื่อให้ผู้ป่วยและครอบครัวเข้าใจ
- F00F9I-2: อธิบายเกี่ยวกับการดูแลผู้ป่วยในระยะยาว เช่น การจัดการพฤติกรรม การใช้ยาที่เหมาะสม
- F00F9I-3: ให้คำแนะนำในการป้องกันภาวะแทรกซ้อนจากโรค เช่น การป้องกันแผลกดทับ การป้องกันการติดเชื้อ
- F00F9I-4: ส่งเสริมการใช้เครื่องมือช่วยจำ เช่น ป้ายบอกเวลา กำหนดกิจวัตรประจำวัน
- F00F9I-5: ให้ข้อมูลเกี่ยวกับแหล่งสนับสนุน เช่น กลุ่มสนับสนุนสำหรับผู้ดูแล หรือแหล่งข้อมูลออนไลน์
- F00F9I-6: ส่งเสริมให้ผู้ป่วยและครอบครัวมีการติดตามผลการรักษาอย่างสม่ำเสมอ
✅ Response (การตอบสนอง)
- F00F9R-1: ผู้ป่วยและครอบครัวสามารถอธิบายอาการของโรคและวิธีการดูแลที่เหมาะสมได้
- F00F9R-2: ผู้ป่วยและครอบครัวสามารถทำตามคำแนะนำในการดูแลและป้องกันภาวะแทรกซ้อนได้
- F00F9R-3: ผู้ป่วยและครอบครัวมีการปรับเปลี่ยนกิจวัตรประจำวันตามคำแนะนำ
- F00F9R-4: ผู้ป่วยและครอบครัวสามารถใช้เครื่องมือช่วยจำในการดูแลผู้ป่วยได้
- F00F9R-5: ผู้ป่วยและครอบครัวรู้สึกมั่นใจในการดูแลผู้ป่วยและป้องกันภาวะแทรกซ้อน
…………………………………………………………….
🧠F00F10 วางแผนจำหน่ายและดูแลต่อเนื่องที่บ้าน (Readiness
for discharge with continuing care needs)
🔍 Assessment (การประเมิน)
S:
- “ครอบครัวกังวลเกี่ยวกับการดูแลผู้ป่วยที่บ้าน”
- “ครอบครัวบอกว่ามีความเครียดจากการดูแลผู้ป่วย”
- “ผู้ป่วยแสดงสัญญาณของความต้องการการดูแลต่อเนื่อง”
O:
- ผู้ป่วยมีความสามารถในการดูแลตัวเองในระดับที่จำกัด
- ครอบครัวไม่มีประสบการณ์ในการดูแลผู้ป่วยสมองเสื่อมในระยะยาว
- การจัดการดูแลที่บ้านยังขาดแผนการที่ชัดเจน
🎯 Goals (เป้าหมาย)
- ครอบครัวสามารถดูแลผู้ป่วยที่บ้านได้อย่างเหมาะสม
- ครอบครัวได้รับข้อมูลและการฝึกฝนในการดูแลผู้ป่วยอย่างถูกต้อง
- ผู้ป่วยได้รับการดูแลต่อเนื่องที่บ้านหรือได้รับบริการจากผู้ดูแลที่เชี่ยวชาญ
- ครอบครัวสามารถรับรู้แหล่งสนับสนุนและบริการดูแลต่อเนื่องที่จำเป็น
📏 Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)
- ครอบครัวสามารถปฏิบัติตามแผนการดูแลที่ได้รับการฝึกฝน
- ผู้ป่วยได้รับการดูแลอย่างเหมาะสมและไม่มีการเปลี่ยนแปลงในอาการที่เกิดขึ้น
- ครอบครัวสามารถติดต่อแหล่งบริการช่วยเหลือได้เมื่อมีความต้องการ
- ผู้ป่วยได้รับการดูแลต่อเนื่องจากบริการที่ถูกต้อง
🩺 Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)
- F00F10I-1: ประเมินสถานการณ์และความสามารถของครอบครัวในการดูแลผู้ป่วยที่บ้าน
- F00F10I-2: ให้ข้อมูลและฝึกฝนการดูแลผู้ป่วยที่บ้าน รวมถึงวิธีการสังเกตอาการที่เปลี่ยนแปลงและการตอบสนองที่เหมาะสม
- F00F10I-3: แนะนำแผนการดูแลที่บ้าน เช่น การเตรียมอาหาร การดูแลความสะอาด และการป้องกันภาวะแทรกซ้อน
- F00F10I-4: จัดการส่งต่อไปยังบริการดูแลผู้ป่วยเรื้อรัง หรือแนะนำแหล่งบริการช่วยเหลือที่ครอบครัวสามารถเข้าถึงได้
- F00F10I-5: ส่งเสริมการเยี่ยมบ้านเพื่อประเมินการดูแลต่อเนื่อง และให้คำแนะนำเพิ่มเติมในการปรับปรุงการดูแล
- F00F10I-6: สนับสนุนการพักผ่อนและลดความเครียดของครอบครัว โดยแนะนำให้เข้าร่วมกลุ่มสนับสนุนหรือขอความช่วยเหลือจากแหล่งบริการ
✅ Response (การตอบสนอง)
- F00F10R-1: ครอบครัวสามารถทำตามแผนการดูแลที่บ้านได้อย่างถูกต้อง
- F00F10R-2: ผู้ป่วยได้รับการดูแลที่บ้านตามมาตรฐานและไม่แสดงอาการที่แย่ลง
- F00F10R-3: ครอบครัวสามารถติดต่อแหล่งบริการช่วยเหลือได้เมื่อมีความจำเป็น
- F00F10R-4: ครอบครัวรู้สึกมั่นใจและลดความเครียดในการดูแลผู้ป่วย
- F00F10R-5: ผู้ป่วยได้รับการดูแลต่อเนื่องจากบริการดูแลที่เหมาะสม
……………………………………………………………….
เอกสารอ้างอิง
- กระทรวงสาธารณสุข. (2560). การดูแลผู้ป่วยสมองเสื่อม. กรุงเทพมหานคร: สำนักพิมพ์สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ
(สสส.).
- ชัยวัฒน์ วงศ์สวัสดิ์. (2563). แนวทางการดูแลผู้ป่วยภาวะสมองเสื่อมและการบริหารการดูแลผู้ป่วย. วารสารการพยาบาลและการดูแลสุขภาพ, 35(2), 123-130.
- Alzheimer's Association. (2021). 2021 Alzheimer's disease facts and figures. Alzheimer's & Dementia, 17(3), 327-406. https://doi.org/10.1002/alz.12311
- American Psychiatric Association. (2013). Diagnostic and statistical manual of mental disorders (5th ed.). Washington, DC: American Psychiatric Association.
…………………………………………………………………………………..
วันพุธที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2568
EP.65 จิตเวชหัวข้อ 25 : โรคอารมณ์แปรปรวนตามฤดูกาล (Seasonal Affective Disorder - SAD) - F33.1
🧠พยาธิสภาพ
- ✨SAD คือภาวะซึมเศร้าที่เกิดซ้ำๆ ในช่วงฤดูกาลใดฤดูกาลหนึ่ง โดยเฉพาะฤดูหนาวที่แสงแดดน้อย ✨มักพบในวัยผู้ใหญ่ตอนต้นถึงกลาง (อายุ 18–40 ปี)
😔อาการที่ควรรู้
- 🎯 เบื่อ เหงา อยากอยู่คนเดียว
- 🎯 ง่วงมาก นอนเยอะ
- 🎯 อยากกินแป้งหรือของหวาน
- 🎯 น้ำหนักขึ้น
- 🎯 ขาดแรงจูงใจในการใช้ชีวิต
🌧️ปัจจัยเสี่ยง
- 🌈 แสงแดดน้อยในช่วงฤดูหนาว
- 🌈 เคยมีประวัติเป็นโรคซึมเศร้า
- 🌈 มีคนในครอบครัวเป็นโรคอารมณ์
- 🌈 ความเครียดสะสม
💊แนวทางการรักษา
- ✨การบำบัดด้วยแสง (Light Therapy)
- ✨การพูดคุยกับนักจิตวิทยา
- ✨ยาต้านเศร้า (เฉพาะบางราย)
👨👩👧👦แนวทางการพยาบาล
- 💙 สังเกตอารมณ์และพฤติกรรมที่เปลี่ยนไป
- 💙 กระตุ้นให้ผู้ป่วยมีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น
- 💙 สนับสนุนการทำกิจกรรมที่เคยชอบ
- 💙 ให้คำแนะนำเรื่องการปฏิบัติตัวและการพบแพทย์
🌞การดูแลตัวเองสำหรับบุคคลทั่วไป
- ❤️ออกไปรับแสงแดดตอนเช้าอย่างน้อย 20 นาที
- ❤️ออกกำลังกายสม่ำเสมอ
- ❤️นอนให้พอ พักให้เพียงพอ
- ❤️หากรู้สึกซึมเศร้านานเกิน 2 สัปดาห์ ควรพบแพทย์
✨ แค่รู้เท่าทัน…ก็ป้องกันใจไม่ให้เศร้าได้ในทุกฤดู แชร์ให้คนที่คุณรักได้ดู และรู้ทันอารมณ์ตัวเองนะคะ
🩺 วินิจฉัยการพยาบาลผู้ป่วย SAD (F33.1)
- F33.1F1 มีภาวะซึมเศร้า (Depressed mood) ผู้ป่วยมีอารมณ์เศร้า หดหู่ หมดความสนใจต่อสิ่งรอบตัว
- F33.1F2 มีความเสี่ยงต่อการทำร้ายตนเองหรือฆ่าตัวตาย (Risk for self-harm or suicide) ควรประเมินพฤติกรรม เสียงพูด หรือข้อความที่แสดงถึงความคิดอยากตาย
- F33.1F3 นอนไม่หลับหรือนอนมากผิดปกติ (Disturbed sleep pattern)มีการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการนอน เช่น นอนมากเกินไป หรือนอนไม่หลับ
- F33.1F4 มีการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการกิน (Altered eating pattern) กินมากกว่าปกติ โดยเฉพาะของหวาน หรือไม่อยากอาหาร
- F33.1F5 มีพฤติกรรมแยกตัว ไม่เข้าสังคม (Social withdrawal) หลีกเลี่ยงการพบปะผู้คน ขาดปฏิสัมพันธ์กับคนรอบข้าง
- F33.1F6 ขาดแรงจูงใจในการทำกิจกรรม (Lack of motivation for activities) ไม่สนใจกิจกรรมที่เคยชอบ ทำสิ่งต่างๆ ด้วยความรู้สึกฝืน
- F33.1F7 ขาดความรู้เกี่ยวกับโรคและการดูแลตนเอง (Deficient knowledge about SAD and self-care) ไม่เข้าใจสาเหตุ อาการ หรือแนวทางการจัดการกับโรค
- F33.1F8 มีความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนจากโรคซึมเศร้า (Risk for complications related to depression) เสี่ยงต่อภาวะโรคซึมเศร้าเรื้อรัง หรือพฤติกรรมทำร้ายตนเอง
- F33.1F9 ต้องการการวางแผนดูแลต่อเนื่องหลังออกจากโรงพยาบาล (Need for continuity of care planning) จำเป็นต้องมีแผนส่งต่อ ดูแลต่อเนื่อง เช่น นัดพบจิตแพทย์หรือพยาบาลเยี่ยมบ้าน
- F33.1F10 พร้อมจำหน่ายโดยมีครอบครัวร่วมดูแล (Ready for discharge with family support) ผู้ป่วยมีอาการดีขึ้น เข้าใจโรค และมีผู้ดูแลใกล้ชิดเมื่อกลับบ้าน
……………………………………………………………….
🩺F33.1F1 มีภาวะซึมเศร้า (Depressed mood)
🔍 Assessment (การประเมิน)
S:
- "รู้สึกไม่มีค่า"
- "ไม่อยากทำอะไรเลย"
- "ไม่มีแรงแม้แต่จะตื่นนอน"
O:
- สีหน้าเศร้า น้ำเสียงเบา
- ไม่สนใจสิ่งรอบตัวหรือไม่พูดคุยกับผู้อื่น
- นอนมากกว่าปกติหรือไม่อยากลุกจากเตียง
- ไม่ดูแลตนเอง เช่น ไม่อาบน้ำ ไม่กินข้าว
🎯 Goals (เป้าหมาย)
- ผู้ป่วยสามารถแสดงออกถึงอารมณ์ในทางบวกได้มากขึ้นภายใน 7 วัน
- ผู้ป่วยสนใจทำกิจกรรมง่ายๆ อย่างน้อย 1 อย่างต่อวัน
- ผู้ป่วยสามารถมีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่นในระดับพื้นฐาน
- ผู้ป่วยรู้จักวิธีรับมือเมื่อรู้สึกเศร้าหรือหดหู่
📏 Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)
- ผู้ป่วยพูดถึงอารมณ์ตนเองได้
- ผู้ป่วยเข้าร่วมกิจกรรมที่พยาบาลแนะนำ
- ผู้ป่วยมีการดูแลตนเองได้ดีขึ้น
- ผู้ป่วยแสดงอารมณ์เศร้าลดลงอย่างเห็นได้ชัด
✅ Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)
- F33.1F1I-1: ประเมินอารมณ์และความคิดของผู้ป่วยทุกวัน เช่น ความรู้สึกเศร้า ท้อแท้ หรือคิดอยากตาย
- F33.1F1I-2: สร้างความสัมพันธ์ที่ไว้วางใจ ให้กำลังใจ ไม่ตัดสินความรู้สึกของผู้ป่วย
- F33.1F1I-3: กระตุ้นให้ผู้ป่วยเล่าเรื่องหรือเขียนระบายความรู้สึก เพื่อระบายอารมณ์
- F33.1F1I-4: ส่งเสริมกิจกรรมง่ายๆ เช่น เดินเล่น พับกระดาษ หรือวาดรูปตามความสนใจ
- F33.1F1I-5: ให้ข้อมูลเรื่องโรค SAD และวิธีดูแลตนเอง เช่น การรับแสงแดดตอนเช้า
- F33.1F1I-6: ประสานทีมสหวิชาชีพ เช่น นักจิตวิทยา หรือจิตแพทย์ เพื่อประเมินภาวะซึมเศร้าและติดตามอาการ
- F33.1F1I-7: ติดตามผลการใช้ยา (ถ้ามี) และประเมินผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น
- F33.1F1I-8: สนับสนุนให้ครอบครัวมีส่วนร่วมดูแล ให้คำแนะนำในการพูดคุยเชิงบวก
💬 Response (การตอบสนอง)
- F33.1F1R-1: ผู้ป่วยสามารถพูดถึงอารมณ์ของตนเองได้ชัดเจนมากขึ้น
- F33.1F1R-2: ผู้ป่วยเริ่มแสดงพฤติกรรมเชิงบวก เช่น ลุกจากเตียงเอง หรือพูดคุยกับผู้อื่น
- F33.1F1R-3: ผู้ป่วยมีส่วนร่วมในกิจกรรมง่ายๆ อย่างน้อยวันละ 1 ครั้ง
- F33.1F1R-4: อาการเศร้าลดลง และผู้ป่วยเริ่มดูแลตนเองดีขึ้น
- F33.1F1R-5: ผู้ป่วยแสดงออกถึงแรงจูงใจในการฟื้นฟูตนเอง
…………………………………………………………
F33.1F2 มีความเสี่ยงต่อการทำร้ายตนเองหรือฆ่าตัวตาย
🔍 Assessment (การประเมิน)
S:
- "อยากตาย ไม่อยากอยู่แล้ว"
- "รู้สึกว่าไม่มีใครต้องการ"
- "ถ้าหายไปทุกคนคงสบายใจ"
O:
- สีหน้าเศร้าหรือว่างเปล่า
- มีบาดแผลเก่า/ใหม่ที่อาจเกิดจากการทำร้ายตนเอง
- แยกตัว ไม่สนใจสิ่งแวดล้อม
- มีการพูดหรือโพสต์สื่อสังคมถึงความตาย
🎯 Goals (เป้าหมาย)
- ผู้ป่วยปลอดภัย ไม่มีการทำร้ายตนเองหรือพยายามฆ่าตัวตาย
- ผู้ป่วยสามารถพูดถึงความรู้สึกของตนเองได้อย่างเปิดเผย
- ผู้ป่วยเรียนรู้วิธีรับมือเมื่อรู้สึกท้อแท้หรือสิ้นหวัง
- ครอบครัวหรือผู้ดูแลมีส่วนร่วมในการดูแลเพื่อป้องกันอันตราย
📏 Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)
- ผู้ป่วยไม่แสดงพฤติกรรมหรือคำพูดที่สื่อถึงความคิดอยากตาย
- ผู้ป่วยขอความช่วยเหลือเมื่อรู้สึกแย่
- มีคนดูแลหรืออยู่ใกล้ชิดกับผู้ป่วยตลอดเวลาในช่วงเสี่ยง
- ไม่มีบาดแผลใหม่จากการทำร้ายตนเอง
✅ Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)
- F33.1F2I-1: ประเมินความคิดฆ่าตัวตายโดยตรง (เช่น "คิดจะฆ่าตัวตายไหม") อย่างนุ่มนวลแต่ชัดเจน
- F33.1F2I-2: อยู่กับผู้ป่วยอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะช่วงที่มีความเสี่ยงสูง เช่น ตอนกลางคืนหรือหลังมีข่าวร้าย
- F33.1F2I-3: เก็บของมีคม ยา หรือสิ่งของที่อาจใช้ทำร้ายตนเองให้พ้นมือ
- F33.1F2I-4: สร้างบรรยากาศไว้วางใจ ให้ผู้ป่วยกล้าระบายความรู้สึก
- F33.1F2I-5: ประเมินซ้ำเป็นระยะ ว่าความเสี่ยงเปลี่ยนแปลงหรือไม่
- F33.1F2I-6: ให้ข้อมูลวิธีรับมืออารมณ์ลบ เช่น เขียนระบาย พูดคุยกับคนที่ไว้ใจ
- F33.1F2I-7: ประสานจิตแพทย์เพื่อประเมินและให้การรักษาอย่างเหมาะสม
- F33.1F2I-8: แนะนำครอบครัวให้ร่วมดูแลผู้ป่วยในเชิงบวก และสังเกตสัญญาณเตือน
- F33.1F2I-9: ให้ผู้ป่วยเซ็นสัญญาว่าจะไม่ทำร้ายตนเองในระหว่างที่อยู่ในการดูแล (Safety contract) หากเหมาะสม
- F33.1F2I-10: สังเกตและจดบันทึกพฤติกรรมผิดปกติหรือคำพูดที่เปลี่ยนแปลง เพื่อส่งต่อทีมสหวิชาชีพ
💬 Response (การตอบสนอง)
- F33.1F2R-1: ผู้ป่วยไม่แสดงพฤติกรรมหรือความคิดเกี่ยวกับการทำร้ายตนเอง
- F33.1F2R-2: ผู้ป่วยสามารถขอความช่วยเหลือเมื่อรู้สึกท้อแท้หรือเครียด
- F33.1F2R-3: ไม่มีการบาดเจ็บหรือพยายามทำร้ายตนเองในระยะเวลาที่ดูแล
- F33.1F2R-4: ผู้ป่วยมีปฏิสัมพันธ์กับพยาบาลหรือคนใกล้ชิดได้ดีขึ้น
- F33.1F2R-5: ครอบครัวมีบทบาทในการดูแลและสามารถสังเกตความเสี่ยงได้
……………………………………………………………………..
🛌 F33.1F3 นอนไม่หลับหรือนอนมากผิดปกติ (Disturbed
sleep pattern)
🔍 Assessment (การประเมิน)
S:
- “ช่วงนี้นอนไม่ค่อยหลับ ตื่นกลางดึกบ่อย”
- “รู้สึกอยากนอนทั้งวัน ตื่นมาก็ยังเหนื่อย”
- “ไม่อยากลุกจากเตียงเลย เหมือนหลับเท่าไรก็ไม่พอ”
O:
- ผู้ป่วยมีถุงใต้ตา สีหน้าอิดโรย
- หลับกลางวันหลายชั่วโมง
- พฤติกรรมเซื่องซึม ง่วงซึมระหว่างวัน
- มีบันทึกเวลานอน/ตื่นที่ผิดปกติ
🎯 Goals (เป้าหมาย)
- ผู้ป่วยมีคุณภาพการนอนดีขึ้น ภายใน 3-5 วัน
- ผู้ป่วยนอนหลับต่อเนื่องได้อย่างน้อย 5-6 ชั่วโมงต่อคืน
- ผู้ป่วยรับรู้ถึงปัจจัยที่รบกวนการนอน และร่วมมือในการดูแล
- พฤติกรรมการนอนกลับมาใกล้เคียงปกติ
📏 Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)
- ผู้ป่วยสามารถนอนหลับได้อย่างต่อเนื่อง
- ผู้ป่วยไม่ง่วงซึมหรือหลับระหว่างวัน
- ไม่มีการบ่นเรื่องหลับไม่สนิท หรือตื่นกลางดึกบ่อย
- ผู้ป่วยมีพลังงานและความตื่นตัวมากขึ้นในตอนเช้า
✅ Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)
- F33.1F3I-1: ประเมินรูปแบบการนอนและปัจจัยรบกวนการนอน เช่น ความเครียด สภาพแวดล้อม
- F33.1F3I-2: จัดสิ่งแวดล้อมให้น่าอยู่ สงบ อุณหภูมิพอเหมาะก่อนนอน
- F33.1F3I-3: แนะนำให้นอนและตื่นในเวลาเดียวกันทุกวัน แม้วันหยุด
- F33.1F3I-4: งดเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนหลังบ่ายสองโมง และอาหารมื้อหนักก่อนนอน
- F33.1F3I-5: กระตุ้นกิจกรรมเบา ๆ ช่วงกลางวัน เช่น เดิน สูดอากาศ เพื่อช่วยกระตุ้นนาฬิกาชีวภาพ
- F33.1F3I-6: ใช้แสงแดดธรรมชาติหรือ Light therapy ในตอนเช้า เพื่อปรับสมดุลการหลั่งฮอร์โมน
- F33.1F3I-7: แนะนำกิจกรรมผ่อนคลายก่อนนอน เช่น ฟังเพลงเบา ๆ หายใจลึก ๆ
- F33.1F3I-8: ประเมินการใช้ยานอนหลับหรือยาต้านซึมเศร้าที่มีผลต่อการนอน
- F33.1F3I-9: ปรึกษาแพทย์กรณีมีอาการนอนไม่หลับหรือนอนมากเกิน 1 สัปดาห์ติดต่อกัน
- F33.1F3I-10: ส่งเสริมการจดบันทึกการนอน (Sleep log) เพื่อใช้ติดตามและวางแผนการรักษา
💬 Response (การตอบสนอง)
- F33.1F3R-1: ผู้ป่วยสามารถนอนหลับได้อย่างต่อเนื่อง 5-6 ชั่วโมงขึ้นไป
- F33.1F3R-2: ไม่มีอาการง่วงหรือซึมมากในระหว่างวัน
- F33.1F3R-3: ผู้ป่วยมีความกระตือรือร้นและมีพลังมากขึ้นหลังตื่นนอน
- F33.1F3R-4: ผู้ป่วยรับรู้และหลีกเลี่ยงปัจจัยที่รบกวนการนอน
- F33.1F3R-5: ผู้ป่วยมีความร่วมมือในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการนอน
…………………………………………………………….
🍽️F33.1F4 มีการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการกิน (Altered
eating pattern)
🔍 Assessment (การประเมิน)
S:
- “ช่วงนี้กินจุกจิกทั้งวัน โดยเฉพาะพวกขนมหวาน”
- “ไม่มีแรง ไม่อยากกินข้าวเลย กินแค่นิดเดียว”
- “กินแล้วรู้สึกดีขึ้น แต่อดไม่ได้ต้องกินบ่อยมาก”
O:
- น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นหรือลดลงผิดปกติ
- มีพฤติกรรมกินตอนกลางคืน (night eating)
- รับประทานอาหารไม่เป็นเวลา
- มีอาการหงุดหงิด/ซึมเศร้าหลังการกิน
🎯 Goals (เป้าหมาย)
- ผู้ป่วยสามารถรับประทานอาหารได้สม่ำเสมอ และครบ 3 มื้อ
- น้ำหนักตัวอยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสมภายใน 2 สัปดาห์
- ลดพฤติกรรมกินของหวานหรือกินตอนกลางคืน
- ผู้ป่วยเข้าใจและร่วมมือในการวางแผนการกินที่ดีต่อสุขภาพ
📏 Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)
- น้ำหนักคงที่ภายใน ±2 กิโลกรัมใน 2 สัปดาห์
- ไม่มีพฤติกรรมกินจุกจิกหรือกินมากผิดปกติ
- ผู้ป่วยสามารถอธิบายหลักการกินอาหารที่เหมาะสมได้
- ผู้ป่วยมีพฤติกรรมการกินที่สมดุลและสม่ำเสมอ
✅ Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)
- F33.1F4I-1: ประเมินน้ำหนักตัวทุก 3 วัน พร้อมจดบันทึกพฤติกรรมการกินแต่ละมื้อ
- F33.1F4I-2: สังเกตและบันทึกพฤติกรรมกินอาหารช่วงกลางคืนหรือกินของหวานผิดปกติ
- F33.1F4I-3: ส่งเสริมให้รับประทานอาหารหลักให้ครบ 3 มื้อ เน้นผัก ผลไม้ และโปรตีน
- F33.1F4I-4: ให้ความรู้เรื่องผลกระทบของการกินมาก/น้อยเกินไปต่อสุขภาพและอารมณ์
- F33.1F4I-5: จัดตารางเวลาการกินที่แน่นอนในแต่ละวันและหลีกเลี่ยงขนมหวานระหว่างมื้อ
- F33.1F4I-6: แนะนำกิจกรรมทดแทนการกิน เช่น ออกกำลังกายเบา ๆ หรือทำงานอดิเรก
- F33.1F4I-7: ร่วมกับนักโภชนาการในการวางแผนเมนูอาหารที่เหมาะสมรายบุคคล
- F33.1F4I-8: สังเกตอารมณ์ก่อนและหลังรับประทานอาหาร เพื่อประเมินความสัมพันธ์
- F33.1F4I-9: ติดตามภาวะโภชนาการ และผลเลือดที่เกี่ยวข้อง เช่น น้ำตาล ไขมัน
- F33.1F4I-10: สนับสนุนครอบครัวให้มีบทบาทช่วยดูแลพฤติกรรมการกินของผู้ป่วย
💬 Response (การตอบสนอง)
- F33.1F4R-1: น้ำหนักตัวอยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม
- F33.1F4R-2: ผู้ป่วยกินอาหารได้ครบ 3 มื้อ และลดการกินของหวานลง
- F33.1F4R-3: ไม่มีพฤติกรรมกินกลางคืนหรือกินผิดเวลา
- F33.1F4R-4: ผู้ป่วยรับรู้ผลเสียของการกินผิดปกติและปรับพฤติกรรมได้
- F33.1F4R-5: อารมณ์โดยรวมของผู้ป่วยมีความคงที่มากขึ้นหลังจัดการพฤติกรรมการกิน
………………………………………………………………………
🚷 F33.1F5: มีพฤติกรรมแยกตัว ไม่เข้าสังคม (Social
withdrawal)
🔍 Assessment (การประเมิน)
S:
- “ไม่อยากเจอใครเลย รู้สึกเหนื่อยกับการคุยกับคนอื่น”
- “อยู่คนเดียวสบายใจกว่า ไม่อยากออกจากห้อง”
- “ไม่มีอารมณ์จะเข้าสังคม รำคาญเสียงคนเยอะ ๆ”
O:
- ผู้ป่วยไม่เข้าร่วมกิจกรรมกลุ่ม
- ไม่สนใจหรือปฏิเสธการพูดคุยกับผู้อื่น
- ใช้เวลาอยู่ลำพังมากกว่าปกติ
- สีหน้าเฉยเมย ขาดความสนใจต่อสิ่งรอบข้าง
🎯 Goals (เป้าหมาย)
- ผู้ป่วยเริ่มมีปฏิสัมพันธ์กับบุคคลอื่นอย่างน้อย 1-2 คน
- ผู้ป่วยสามารถเข้าร่วมกิจกรรมกลุ่มได้ตามแผน
- ลดพฤติกรรมแยกตัวให้อยู่ในระดับที่ไม่กระทบการดำเนินชีวิต
- เพิ่มความมั่นใจและแรงจูงใจในการเข้าสังคม
📏 Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)
- ผู้ป่วยพูดคุยกับบุคลากรหรือเพื่อนผู้ป่วยอย่างน้อยวันละ 1 ครั้ง
- ผู้ป่วยเข้าร่วมกิจกรรมกลุ่มภายใน 3–5 วัน
- แสดงออกถึงความสนใจเมื่อมีการชวนพูดคุยหรือร่วมกิจกรรม
- ผู้ป่วยรายงานว่ารู้สึกดีขึ้นหลังการเข้าสังคม
✅ Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)
- F33.1F5I-1: สังเกตและบันทึกพฤติกรรมการแยกตัว/ปฏิเสธการสื่อสารในแต่ละวัน
- F33.1F5I-2: สร้างความไว้วางใจผ่านการพูดคุยสั้น ๆ อย่างเป็นกันเองทุกวัน
- F33.1F5I-3: ส่งเสริมกิจกรรมที่เหมาะสมกับความสนใจ เช่น วาดภาพ เล่นดนตรี
- F33.1F5I-4: ชักชวนให้เข้าร่วมกิจกรรมกลุ่มเล็ก ๆ ก่อน ค่อยเพิ่มความถี่
- F33.1F5I-5: ประเมินระดับความวิตกกังวลหรือกลัวต่อการเข้าสังคม
- F33.1F5I-6: แนะนำการฝึกทักษะสื่อสาร เช่น การเริ่มต้นสนทนา
- F33.1F5I-7: สนับสนุนครอบครัว/เพื่อนร่วมดูแลให้มีบทบาทร่วมกระตุ้น
- F33.1F5I-8: ใช้เทคนิคบำบัดพฤติกรรม เช่น เสริมแรงเมื่อผู้ป่วยร่วมกิจกรรม
- F33.1F5I-9: ให้ข้อมูลเพื่อเสริมแรงจูงใจเกี่ยวกับประโยชน์ของการเข้าสังคม
- F33.1F5I-10: ปรึกษาร่วมกับนักจิตวิทยาหรือทีมสหวิชาชีพหากพฤติกรรมแยกตัวรุนแรง
💬 Response (การตอบสนอง)
- F33.1F5R-1: ผู้ป่วยสามารถพูดคุยกับเจ้าหน้าที่หรือผู้ป่วยอื่นได้อย่างน้อยวันละ 1 ครั้ง
- F33.1F5R-2: เข้าร่วมกิจกรรมกลุ่มอย่างน้อย 2 ครั้ง/สัปดาห์
- F33.1F5R-3: แสดงสีหน้าสนใจหรือรู้สึกดีขึ้นหลังเข้าร่วมกิจกรรม
- F33.1F5R-4: รายงานว่ารู้สึกมีคุณค่าและกล้าเข้าสังคมมากขึ้น
- F33.1F5R-5: ลดการแยกตัวอย่างชัดเจนภายใน 1–2 สัปดาห์
………………………………………………………….
🧠F33.1F6 ขาดแรงจูงใจในการทำกิจกรรม (Lack
of motivation for activities)
🔍 Assessment (การประเมิน)
S:
- “ไม่อยากทำอะไรเลย ทุกอย่างดูน่าเบื่อ”
- “กิจกรรมที่เคยชอบ ตอนนี้ก็ไม่สนุกแล้ว”
- “รู้สึกเหนื่อย ไม่มีแรงจะเริ่มทำอะไร”
O:
- ผู้ป่วยนอนอยู่บนเตียงตลอดวัน
- ปฏิเสธการเข้าร่วมกิจกรรมต่าง ๆ แม้จะได้รับการชักชวน
- สีหน้าเฉยเมย ขาดการตอบสนองต่อสิ่งเร้า
- ขาดความกระตือรือร้นในการทำสิ่งที่เคยทำได้
🎯 Goals (เป้าหมาย)
- ผู้ป่วยแสดงความสนใจในการทำกิจกรรมอย่างน้อย 1 อย่าง
- เพิ่มแรงจูงใจในการเริ่มหรือทำกิจกรรมที่เหมาะสม
- ลดพฤติกรรมเฉื่อยชาและการปฏิเสธกิจกรรม
- ส่งเสริมพลังใจและความพึงพอใจในการใช้ชีวิตประจำวัน
📏 Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)
- ผู้ป่วยสามารถเริ่มทำกิจกรรมโดยไม่ถูกกระตุ้นมากเกินไป
- ผู้ป่วยร่วมกิจกรรมอย่างน้อย 1–2 ครั้ง/สัปดาห์
- มีสีหน้าและท่าทางที่แสดงถึงความสนใจหรือพึงพอใจ
- ผู้ป่วยรายงานว่ารู้สึกดีขึ้นหรือมีกำลังใจมากขึ้น
✅ Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)
- F33.1F6I-1: ประเมินความสนใจและสิ่งที่ผู้ป่วยเคยชอบทำเป็นรายบุคคล
- F33.1F6I-2: กระตุ้นด้วยการพูดคุยเชิงบวก เสริมแรงหากเริ่มทำกิจกรรมเล็ก ๆ
- F33.1F6I-3: วางแผนกิจกรรมร่วมกับผู้ป่วย โดยเริ่มจากสิ่งง่าย ๆ และใช้เวลาสั้น
- F33.1F6I-4: ชักชวนให้ทำกิจกรรมกับผู้อื่นเพื่อเพิ่มแรงจูงใจ
- F33.1F6I-5: ใช้บันทึกหรือสมุดกิจกรรมรายวัน เพื่อจดสิ่งที่ทำได้ในแต่ละวัน
- F33.1F6I-6: จัดสภาพแวดล้อมให้เอื้อต่อการทำกิจกรรม เช่น แสงแดด เสียงเพลงเบา
- F33.1F6I-7: สนับสนุนครอบครัวหรือผู้ดูแลให้มีบทบาทในการกระตุ้น
- F33.1F6I-8: หลีกเลี่ยงการบังคับผู้ป่วย แทนที่ด้วยการให้ทางเลือก
- F33.1F6I-9: ติดตามประเมินแรงจูงใจและอารมณ์อย่างสม่ำเสมอ
- F33.1F6I-10: ปรึกษาร่วมทีมจิตเวช หากไม่มีการตอบสนองต่อการกระตุ้น
💬 Response (การตอบสนอง)
- F33.1F6R-1: ผู้ป่วยสามารถทำกิจกรรมเล็ก ๆ ได้ด้วยตนเองโดยไม่ต้องกระตุ้น
- F33.1F6R-2: เข้าร่วมกิจกรรมกลุ่มอย่างน้อย 1–2 ครั้ง/สัปดาห์
- F33.1F6R-3: รายงานว่าเริ่มรู้สึกสนุกหรือผ่อนคลายหลังทำกิจกรรม
- F33.1F6R-4: แสดงสีหน้าและท่าทางที่มีพลังมากขึ้น
- F33.1F6R-5: ลดเวลานอนเฉย ๆ และเพิ่มกิจกรรมในแต่ละวัน
…………………………………………………………………
🧠F33.1F7 ขาดความรู้เกี่ยวกับโรคและการดูแลตนเอง
(Deficient knowledge about SAD and self-care)
🔍 Assessment (การประเมิน)
S:
- “ไม่รู้จักโรคนี้มาก่อน ไม่เข้าใจว่ามันเกิดจากอะไร”
- “ไม่ทราบวิธีการจัดการกับอารมณ์เศร้าหรืออาการของโรค”
- “ไม่เคยได้ยินถึงการรักษาหรือการดูแลตัวเองสำหรับโรคนี้”
O:
- ผู้ป่วยไม่สามารถอธิบายอาการหรือสาเหตุของโรคได้
- ขาดความเข้าใจเกี่ยวกับวิธีการจัดการอารมณ์หรือการดูแลตนเองในช่วงที่อาการกำเริบ
- ไม่มีข้อมูลพื้นฐานเกี่ยวกับการดูแลตัวเองในระยะยาว
🎯 Goals (เป้าหมาย)
- ผู้ป่วยเข้าใจเกี่ยวกับสาเหตุ อาการ และการดูแลตัวเองจากโรค SAD
- ผู้ป่วยสามารถอธิบายวิธีการจัดการกับอารมณ์และอาการของโรคได้
- ผู้ป่วยสามารถใช้แนวทางการดูแลตนเองเพื่อลดอาการและปรับตัวได้ดีขึ้น
- ผู้ป่วยมีความมั่นใจในการดูแลสุขภาพตนเองและรู้ถึงการป้องกันอาการกำเริบ
📏 Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)
- ผู้ป่วยสามารถอธิบายสาเหตุและอาการของโรค SAD ได้อย่างถูกต้อง
- ผู้ป่วยสามารถใช้กลยุทธ์ในการจัดการกับอารมณ์และอาการได้
- ผู้ป่วยสามารถระบุแนวทางการดูแลตนเองเช่น การรับแสงแดดหรือการพักผ่อน
- ผู้ป่วยแสดงความเข้าใจในข้อมูลที่ได้รับและมีการนำไปปฏิบัติ
✅ Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)
- F33.1F7I-1: ให้ข้อมูลเกี่ยวกับโรค SAD รวมถึงสาเหตุ อาการ และแนวทางการรักษา
- F33.1F7I-2: อธิบายให้ผู้ป่วยเข้าใจถึงการจัดการกับอารมณ์ เช่น การรับแสงแดด หรือการออกกำลังกาย
- F33.1F7I-3: ส่งเสริมให้ผู้ป่วยเข้าใจวิธีการรักษาและการดูแลตัวเองในช่วงที่อาการกำเริบ
- F33.1F7I-4: จัดให้มีการสอนหรือให้เอกสารเกี่ยวกับการดูแลตัวเองและการรับมือกับอาการของโรค
- F33.1F7I-5: เชิญชวนผู้ป่วยเข้าร่วมกลุ่มหรือสนับสนุนการได้รับการศึกษาจากแหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้
- F33.1F7I-6: ส่งเสริมให้ผู้ป่วยถามคำถามหรือขอคำปรึกษาเกี่ยวกับการดูแลตนเอง
- F33.1F7I-7: ติดตามผลการปฏิบัติการดูแลตัวเองและให้คำแนะนำเพิ่มเติมหากจำเป็น
- F33.1F7I-8: ให้ข้อมูลเกี่ยวกับการสนับสนุนทางจิตใจ เช่น การบำบัดหรือการพูดคุยกับผู้เชี่ยวชาญ
- F33.1F7I-9: ประเมินระดับความเข้าใจของผู้ป่วยเกี่ยวกับโรคและวิธีการดูแลตนเองอย่างสม่ำเสมอ
💬 Response (การตอบสนอง)
- F33.1F7R-1: ผู้ป่วยสามารถอธิบายสาเหตุและอาการของโรค SAD ได้อย่างถูกต้อง
- F33.1F7R-2: ผู้ป่วยสามารถใช้วิธีการดูแลตัวเอง เช่น การรับแสงแดด หรือการออกกำลังกาย
- F33.1F7R-3: ผู้ป่วยแสดงความเข้าใจในการจัดการอารมณ์และอาการของโรค
- F33.1F7R-4: ผู้ป่วยแสดงความมั่นใจในการใช้แนวทางการดูแลตนเองเพื่อป้องกันอาการกำเริบ
- F33.1F7R-5: ผู้ป่วยแสดงพฤติกรรมที่สะท้อนถึงความรู้ที่ได้รับ เช่น การวางแผนกิจกรรมในวันนั้น ๆ
……………………………………………………………………….
🧠F33.1F8 มีความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนจากโรคซึมเศร้า
(Risk for complications related to depression)
🔍 Assessment (การประเมิน)
S:
- “รู้สึกหมดหวัง ไม่มีความหวังในชีวิต”
- “เคยมีความคิดทำร้ายตัวเอง หรือรู้สึกอยากตาย”
- “อารมณ์เศร้าตลอดเวลา แม้จะมีเหตุการณ์ที่ดีในชีวิต”
- “ไม่สามารถดำเนินชีวิตประจำวันตามปกติได้”
O:
- พฤติกรรมการทำร้ายตัวเองหรือคิดฆ่าตัวตายมีการพูดถึงหรือแสดงออก
- อารมณ์เศร้าหรือขาดความสนใจต่อกิจกรรมที่เคยชอบ
- การนอนผิดปกติ (นอนไม่หลับหรือนอนมากเกินไป)
- น้ำหนักลดหรือเพิ่มผิดปกติจากการไม่กินหรือกินมากเกินไป
🎯 Goals (เป้าหมาย)
- ลดความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนจากโรคซึมเศร้า เช่น การทำร้ายตัวเอง
- ส่งเสริมให้ผู้ป่วยสามารถจัดการกับอารมณ์เศร้าได้โดยไม่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิต
- ช่วยให้ผู้ป่วยสามารถกลับไปทำกิจกรรมประจำวันได้อย่างปกติ
- ลดความคิดในเชิงลบและพฤติกรรมที่เสี่ยงต่อการทำร้ายตัวเอง
📏 Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)
- ไม่มีการแสดงออกหรือพูดถึงความคิดทำร้ายตัวเองหรือฆ่าตัวตาย
- ผู้ป่วยสามารถทำกิจกรรมประจำวันได้ตามปกติ
- ผู้ป่วยสามารถอธิบายวิธีการจัดการกับความเศร้าหรืออารมณ์
- ผู้ป่วยมีอาการอารมณ์ดีขึ้นและไม่แสดงพฤติกรรมเสี่ยง
- น้ำหนักตัวคงที่และการนอนกลับสู่สภาวะปกติ
✅ Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)
- F33.1F8I-1: ประเมินความเสี่ยงต่อการทำร้ายตัวเองหรือความคิดฆ่าตัวตายของผู้ป่วยอย่างต่อเนื่อง
- F33.1F8I-2: สนับสนุนให้ผู้ป่วยมีการพูดคุยเกี่ยวกับอารมณ์และความรู้สึกเพื่อเปิดโอกาสในการระบายความเครียด
- F33.1F8I-3: ให้คำแนะนำเกี่ยวกับการรับการบำบัดทางจิตวิทยาหรือการสนับสนุนทางจิตใจจากผู้เชี่ยวชาญ
- F33.1F8I-4: ส่งเสริมการใช้เทคนิคผ่อนคลาย เช่น การทำสมาธิ การออกกำลังกาย เพื่อปรับปรุงอารมณ์
- F33.1F8I-5: ตรวจสอบและประเมินพฤติกรรมการนอนของผู้ป่วยอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้แน่ใจว่าผู้ป่วยได้รับการนอนหลับที่เพียงพอ
- F33.1F8I-6: ให้ข้อมูลเกี่ยวกับภาวะแทรกซ้อนจากโรคซึมเศร้าและการป้องกัน
- F33.1F8I-7: สนับสนุนให้ผู้ป่วยใช้กลยุทธ์การจัดการกับอารมณ์เชิงบวก เช่น การพบปะสังคม การทำกิจกรรมที่ชอบ
- F33.1F8I-8: ส่งเสริมให้ผู้ป่วยพัฒนาความสัมพันธ์ที่ดีและมีการสนับสนุนจากครอบครัวและเพื่อนฝูง
- F33.1F8I-9: ประสานงานกับทีมสุขภาพเพื่อให้การดูแลอย่างครบวงจร และติดตามอาการอย่างใกล้ชิด
💬 Response (การตอบสนอง)
- F33.1F8R-1: ผู้ป่วยแสดงพฤติกรรมที่ปลอดภัยและไม่มีการพูดถึงความคิดทำร้ายตัวเอง
- F33.1F8R-2: อารมณ์ของผู้ป่วยเริ่มดีขึ้นและสามารถทำกิจกรรมประจำวันได้ตามปกติ
- F33.1F8R-3: ผู้ป่วยมีการพูดคุยและเปิดเผยความรู้สึกในทางบวกมากขึ้น
- F33.1F8R-4: ผู้ป่วยมีอาการที่ดีขึ้นจากการได้รับการสนับสนุนจากทีมสุขภาพและครอบครัว
- F33.1F8R-5: การนอนและน้ำหนักตัวของผู้ป่วยกลับสู่สภาวะปกติ
…………………………………………………………………..
🧠F33.1F9 ต้องการการวางแผนดูแลต่อเนื่องหลังออกจากโรงพยาบาล
(Need for continuity of care planning)
🔍 Assessment (การประเมิน)
S:
- “ต้องการการสนับสนุนต่อเนื่องหลังจากออกจากโรงพยาบาล”
- “รู้สึกกังวลเกี่ยวกับการกลับไปใช้ชีวิตตามปกติหลังออกจากโรงพยาบาล”
- “กังวลเกี่ยวกับการขาดการดูแลจากทีมสุขภาพหลังออกจากโรงพยาบาล”
O:
- ผู้ป่วยมีความรู้สึกวิตกกังวลเกี่ยวกับการดูแลต่อเนื่อง
- ผู้ป่วยไม่มีแผนการดูแลต่อเนื่องหรือแผนการนัดพบกับผู้เชี่ยวชาญ
- ผู้ป่วยต้องการความช่วยเหลือในการจัดการกับการติดตามการรักษาหลังจากออกจากโรงพยาบาล
🎯 Goals (เป้าหมาย)
- สร้างแผนการดูแลต่อเนื่องเพื่อให้ผู้ป่วยได้รับการดูแลที่เหมาะสมหลังออกจากโรงพยาบาล
- สนับสนุนให้ผู้ป่วยมีการติดตามการรักษาอย่างต่อเนื่อง เช่น การนัดพบจิตแพทย์หรือพยาบาลเยี่ยมบ้าน
- ลดความวิตกกังวลเกี่ยวกับการขาดการดูแลหลังออกจากโรงพยาบาล
- ส่งเสริมให้ผู้ป่วยสามารถปฏิบัติตามแผนการรักษาและการติดตามอย่างมีประสิทธิภาพ
📏 Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)
- ผู้ป่วยมีแผนการดูแลต่อเนื่องที่ชัดเจน
- ผู้ป่วยมีการติดตามการรักษาอย่างต่อเนื่อง เช่น การพบจิตแพทย์หรือการเยี่ยมบ้าน
- ความวิตกกังวลของผู้ป่วยลดลงและมีความมั่นใจในการดูแลหลังออกจากโรงพยาบาล
- ผู้ป่วยสามารถดำเนินชีวิตประจำวันได้ตามปกติหลังออกจากโรงพยาบาล
✅ Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)
- F33.1F9I-1: สร้างแผนการดูแลต่อเนื่องร่วมกับทีมสุขภาพ เช่น นัดพบจิตแพทย์หรือพยาบาลเยี่ยมบ้าน
- F33.1F9I-2: ให้ข้อมูลเกี่ยวกับการดูแลตัวเองและวิธีการติดตามผลการรักษา
- F33.1F9I-3: จัดเตรียมการนัดหมายติดตามผลการรักษาและดูแลผู้ป่วยหลังออกจากโรงพยาบาล
- F33.1F9I-4: สนับสนุนให้ผู้ป่วยติดต่อกับผู้เชี่ยวชาญเพื่อขอคำแนะนำเพิ่มเติมเมื่อจำเป็น
- F33.1F9I-5: จัดทำแผนการดูแลที่มีรายละเอียดเกี่ยวกับการติดตามอาการและการปรับการรักษา
- F33.1F9I-6: ส่งเสริมการมีการสนับสนุนจากครอบครัวและเพื่อนฝูงในการดูแลต่อเนื่อง
- F33.1F9I-7: ตรวจสอบและประเมินการปฏิบัติตามแผนการดูแลอย่างสม่ำเสมอ
💬 Response (การตอบสนอง)
- F33.1F9R-1: ผู้ป่วยมีแผนการดูแลต่อเนื่องที่ชัดเจนและสามารถเข้าใจได้
- F33.1F9R-2: ผู้ป่วยติดต่อกับผู้เชี่ยวชาญหรือรับการเยี่ยมบ้านตามที่กำหนด
- F33.1F9R-3: ความวิตกกังวลของผู้ป่วยลดลงและมีความมั่นใจในการดูแลตนเอง
- F33.1F9R-4: ผู้ป่วยสามารถปฏิบัติตามแผนการรักษาและการติดตามได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- F33.1F9R-5: ผู้ป่วยมีการติดตามอาการและการรักษาตามแผนที่กำหนด
……………………………………………………………..
🧠F33.1F10 พร้อมจำหน่ายโดยมีครอบครัวร่วมดูแล (Ready
for discharge with family support)
🔍 Assessment (การประเมิน)
S:
- ผู้ป่วยเข้าใจเกี่ยวกับโรคอารมณ์แปรปรวนตามฤดูกาล (SAD) และวิธีการจัดการกับอาการ
- ผู้ป่วยรู้สึกว่าอาการดีขึ้นและมีความมั่นใจในการดูแลตัวเองที่บ้าน
- ผู้ป่วยยินยอมให้ครอบครัวร่วมดูแลและให้การสนับสนุนหลังออกจากโรงพยาบาล
O:
- ผู้ป่วยแสดงความรู้เกี่ยวกับอาการและการรักษาของโรค
- ผู้ป่วยสามารถอธิบายแผนการดูแลตนเองที่บ้านได้
- ครอบครัวมีการเตรียมตัวในการดูแลผู้ป่วยอย่างใกล้ชิดหลังออกจากโรงพยาบาล
🎯 Goals (เป้าหมาย)
- ผู้ป่วยมีความเข้าใจเกี่ยวกับโรคและการดูแลตนเอง
- ครอบครัวพร้อมให้การสนับสนุนและดูแลผู้ป่วยที่บ้าน
- ผู้ป่วยสามารถปฏิบัติตามแผนการรักษาและป้องกันการกลับมาเป็นโรค
- ผู้ป่วยสามารถกลับไปใช้ชีวิตตามปกติได้หลังออกจากโรงพยาบาล
📏 Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)
- ผู้ป่วยสามารถอธิบายการดูแลตนเองและแผนการรักษาหลังออกจากโรงพยาบาลได้
- ครอบครัวเข้าใจบทบาทในการดูแลผู้ป่วย
- ผู้ป่วยมีความมั่นใจในการดูแลตัวเองและกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ
- ผู้ป่วยมีการติดตามผลการรักษาและอาการไม่มีการกลับมาเป็นโรค
✅ Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)
- F33.1F10I-1: สอนผู้ป่วยและครอบครัวเกี่ยวกับการดูแลตนเองที่บ้าน เช่น การรักษาโรค, การติดตามผล, และการใช้ยา
- F33.1F10I-2: แนะนำการวางแผนการนัดหมายติดตามผลการรักษาหลังออกจากโรงพยาบาล
- F33.1F10I-3: ประสานงานกับทีมสุขภาพในการให้การสนับสนุนการรักษาหลังออกจากโรงพยาบาล
- F33.1F10I-4: ให้คำแนะนำเกี่ยวกับการดูแลอารมณ์และวิธีการจัดการกับอาการในชีวิตประจำวัน
- F33.1F10I-5: สนับสนุนการดูแลร่วมกับครอบครัวและการจัดสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมที่บ้าน
- F33.1F10I-6: ตรวจสอบการติดตามผลและให้ข้อมูลเพิ่มเติมเมื่อจำเป็น
💬 Response (การตอบสนอง)
- F33.1F10R-1: ผู้ป่วยมีความเข้าใจเกี่ยวกับโรคและการดูแลตนเองที่บ้าน
- F33.1F10R-2: ครอบครัวสามารถดูแลและสนับสนุนผู้ป่วยได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- F33.1F10R-3: ผู้ป่วยสามารถปฏิบัติตามแผนการรักษาและการดูแลตนเองได้
- F33.1F10R-4: ผู้ป่วยมีความมั่นใจในการจัดการกับอาการที่บ้านและกลับไปใช้ชีวิตตามปกติ
- F33.1F10R-5: ผู้ป่วยมีการติดตามผลการรักษาและไม่แสดงอาการของโรค
…………………………………………………………………
เอกสารอ้างอิง
- กรมสุขภาพจิต. (2558). โรคซึมเศร้าและโรคอารมณ์แปรปรวนตามฤดูกาล
(SAD). สำนักพิมพ์กรมสุขภาพจิต.
- วิเชียร แสงสุวรรณ. (2560). การพยาบาลจิตเวช: หลักการและการปฏิบัติ.
สำนักพิมพ์สุขภาพ.
- American Psychiatric Association. (2013). Diagnostic and Statistical Manual of Mental Disorders (5th ed.). Arlington, VA: American Psychiatric Publishing.
- Rohan, K. J., & Stokes, P. E. (2009). Seasonal affective disorder: An overview of assessment and treatment approaches. The Journal of Clinical Psychiatry, 70(2), 40-47.
………………………………………………………………………