เกี่ยวกับฉัน

รูปภาพของฉัน
เมือง, พิษณุโลก, Thailand

วันอาทิตย์ที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2568

EP.45 จิตเวชหัวข้อ 5: โรคไบโพลาร์ หรือโรคสองขั้ว (Bipolar Disorder) - F31



Psych. Topic 5: Bipolar Disorder -F31

 อารมณ์แปรปรวนรุนแรง ควบคุมไม่ได้ ต้องรีบดูแล!

         โรคสองขั้ว หรือ ไบโพลาร์ (Bipolar Disorder) เป็นโรคทางอารมณ์ที่ทำให้ผู้ป่วยมีอารมณ์แปรปรวนอย่างรุนแรง ระหว่าง ภาวะซึมเศร้า (Depressive Episode)(เศร้ามาก หมดกำลังใจ)และภาวะแมเนียหรือไฮโปแมเนีย (Manic/Hypomanic Episode)(กระฉับกระเฉง พูดมาก อารมณ์ดีผิดปกติ)ซึ่งส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตประจำวัน ความสัมพันธ์ และการทำงานของผู้ป่วย

ลักษณะอาการของโรคไบโพลาร์

  1. ภาวะแมเนีย (Manic Episode) หรือ ไฮโปแมเนีย (Hypomanic Episode)

    • มีพลังงานสูงมาก อารมณ์ดีเกินปกติ หรือหงุดหงิดง่าย

    • พูดเร็ว คิดเร็ว หัวข้อเปลี่ยนไปมาอย่างรวดเร็ว

    • มีความมั่นใจสูงมาก บางครั้งหลงตัวเอง

    • นอนน้อยแต่ไม่รู้สึกง่วง

    • มีพฤติกรรมหุนหันพลันแล่น เช่น ใช้จ่ายเงินเกินตัว หรือมีความเสี่ยงทางเพศ

  2. ภาวะซึมเศร้า (Depressive Episode)

    • รู้สึกเศร้า สิ้นหวัง หรือหมดกำลังใจ

    • ขาดความสนใจในกิจกรรมที่เคยชอบ

    • อ่อนเพลีย นอนไม่หลับหรือนอนมากเกินไป

    • มีปัญหาด้านสมาธิและการตัดสินใจ

    • อาจมีความคิดเกี่ยวกับการทำร้ายตัวเองหรือฆ่าตัวตาย

สาเหตุของโรคไบโพลาร์

  • พันธุกรรม มีแนวโน้มเกิดในครอบครัวที่มีประวัติโรคทางอารมณ์

  • ความผิดปกติของสารเคมีในสมอง เช่น สารเซโรโทนิน โดปามีน และนอร์เอพิเนฟริน

  • ความเครียดและปัจจัยทางสิ่งแวดล้อม เช่น การเผชิญกับเหตุการณ์กระทบกระเทือนใจ

ปัจจัยที่ทำให้เกิด

  • พันธุกรรม (หากมีคนในครอบครัวเป็น โอกาสเกิดสูงขึ้น)
  • ความเครียดสะสม หรือเหตุการณ์กระทบจิตใจรุนแรง
  • การเปลี่ยนแปลงของสารเคมีในสมอง เช่น โดพามีนและเซโรโทนิน

การรักษาโรคไบโพลาร์

  1. การใช้ยา เช่น ยาควบคุมอารมณ์ (Mood Stabilizers) ยารักษาโรคซึมเศร้า และยาระงับอาการทางจิต

  2. จิตบำบัด เช่น การบำบัดพฤติกรรมและความคิด (CBT) เพื่อช่วยจัดการอารมณ์และพฤติกรรม

  3. การปรับเปลี่ยนพฤติกรรม เช่น การนอนให้เพียงพอ ออกกำลังกาย และหลีกเลี่ยงสารเสพติด

  4. การสนับสนุนจากครอบครัวและสังคม การทำความเข้าใจโรคจะช่วยให้ผู้ป่วยได้รับการดูแลที่เหมาะสม

ข้อควรระวัง

  • ไม่ควรหยุดยาเอง เพราะอาจทำให้อาการกำเริบหรือรุนแรงขึ้น

  • หากมีความคิดฆ่าตัวตาย ควรรีบพบแพทย์หรือติดต่อหน่วยงานช่วยเหลือทันที

การพยาบาล

  • ดูแลให้ผู้ป่วยได้รับยาสม่ำเสมอ
  • ประเมินอารมณ์และพฤติกรรม ป้องกันการทำร้ายตนเองหรือผู้อื่น
  • สนับสนุนให้มีความมั่นคงทางอารมณ์และลดสิ่งกระตุ้น

การดูแลสำหรับบุคคลทั่วไป

  •  หากมีอาการ พบแพทย์ ไม่หยุดยาเอง
  •  หลีกเลี่ยงความเครียด ฝึกสมาธิ ออกกำลังกาย
  •  สังเกตอารมณ์ตัวเอง บันทึกอารมณ์ ปรึกษาคนใกล้ชิด
  •  มีคนใกล้ตัวเป็นโรคนี้ ให้กำลังใจ หลีกเลี่ยงการตำหนิ

................................................

วินิจฉัยการพยาบาลผู้ป่วยโรคสองขั้ว (Bipolar Disorder) - F31

  1. F31F1 มีภาวะซึมเศร้า (Depressed mood) ผู้ป่วยมีอารมณ์เศร้ารุนแรง หมดหวัง อาจมีแนวโน้มทำร้ายตัวเองหรือฆ่าตัวตาย
  2. F31F2 มีภาวะแมเนีย (Manic episode) ผู้ป่วยมีอารมณ์ร่าเริงผิดปกติ พูดเร็ว คิดไว มั่นใจเกินเหตุ ใช้จ่ายฟุ่มเฟือย นอนน้อยแต่ไม่ง่วง และขาดการยับยั้งชั่งใจ อาจตัดสินใจเสี่ยงโดยไม่คำนึงถึงผลเสีย  
  3. F31F3 มีความเสี่ยงต่อการทำร้ายตนเองหรือผู้อื่น  (Risk for self-harm or harm to others) อารมณ์แปรปรวนรุนแรงอาจนำไปสู่พฤติกรรมรุนแรง หรือการทำร้ายตนเอง
  4. F31F4 มีความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนจากการใช้ยา (Risk for medication side effects) ผู้ป่วยอาจเกิดผลข้างเคียงจากยา เช่น ง่วงซึม น้ำหนักขึ้น มือสั่น
  5. F31F5 การรับรู้ความเป็นจริงบกพร่อง (Impaired reality perception) ผู้ป่วยอาจมีอาการหลงผิด หูแว่ว คิดว่าตนมีพลังวิเศษ หรือถูกปองร้าย
  6. F31F6 การปฏิสัมพันธ์ทางสังคมบกพร่อง (Impaired social interaction) ผู้ป่วยอาจมีปัญหาความสัมพันธ์กับครอบครัวและสังคมจากพฤติกรรมผิดปกติ
  7. F31F7 ขาดความรู้เกี่ยวกับโรคและการดูแลตนเอง (Knowledge deficit regarding disease and self-care) ผู้ป่วยและครอบครัวอาจไม่เข้าใจเกี่ยวกับโรค การใช้ยา และการจัดการอารมณ์
  8. F31F8 การจัดการสุขภาพบกพร่อง (Ineffective health management) ผู้ป่วยอาจหยุดยาเอง ไม่มาติดตามผล ทำให้โรคกำเริบ
  9. F31F9 มีความเสี่ยงต่อการกลับมาเป็นซ้ำ (Risk for relapse) ปัจจัยกระตุ้น เช่น ความเครียด การหยุดยา อาจทำให้อาการกลับมา
  10. F31F10 ครอบครัวมีภาระในการดูแลผู้ป่วยสูง (Caregiver role strain) ครอบครัวอาจเครียดจากการดูแลผู้ป่วยอย่างต่อเนื่อง

………………………………………………………………………

F31F1 มีภาวะซึมเศร้า (Depressed mood) ผู้ป่วยมีอารมณ์เศร้ารุนแรง หมดหวัง อาจมีแนวโน้มทำร้ายตัวเองหรือฆ่าตัวตาย

Assessment (การประเมิน)

S:

  • "รู้สึกหมดหวัง อยากหายไปจากโลกนี้"
  • "ไม่อยากทำอะไรเลย ไม่มีแรงจะลุกจากเตียง"
  • "ไม่มีใครเข้าใจฉัน ฉันไม่มีค่าพอที่จะอยู่ต่อ"

O:

  • สีหน้าเศร้าหมอง น้ำเสียงเบื่อหน่าย ไม่สบตา
  • เคลื่อนไหวช้า พูดน้อย นั่งนิ่งเป็นเวลานาน
  • ไม่ดูแลตนเอง น้ำหนักลดหรือเพิ่มผิดปกติ
  • มีรอยแผลบนร่างกาย หรือมีประวัติพยายามทำร้ายตัวเอง

Goals (เป้าหมาย)

  •  ผู้ป่วยมีความรู้สึกหวังและมีกำลังใจมากขึ้น
  •  ลดความเสี่ยงต่อการทำร้ายตัวเองหรือฆ่าตัวตาย
  •  ผู้ป่วยสามารถดูแลตนเองในชีวิตประจำวันได้
  •  อารมณ์และพฤติกรรมของผู้ป่วยดีขึ้น

Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)

  •  ผู้ป่วยสามารถพูดถึงความรู้สึกของตนเองได้
  •  ไม่มีพฤติกรรมทำร้ายตัวเอง หรือความคิดฆ่าตัวตายลดลง
  •  แสดงออกถึงความสนใจในกิจกรรมที่เคยชอบ
  •  รับประทานอาหารและนอนหลับได้ดีขึ้น

Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)

  •  F31F1I-1: ประเมินระดับอารมณ์และแนวโน้มการทำร้ายตัวเองทุก 2-4 ชั่วโมง โดยใช้แบบประเมินภาวะซึมเศร้า
  •  F31F1I-2: เฝ้าระวังผู้ป่วยอย่างใกล้ชิด โดยไม่ปล่อยให้อยู่คนเดียวในช่วงที่เสี่ยงต่อการทำร้ายตัวเอง
  •  F31F1I-3: พูดคุยให้กำลังใจ ใช้คำพูดเชิงบวก สนับสนุนให้ผู้ป่วยระบายความรู้สึก
  •  F31F1I-4: ชวนผู้ป่วยทำกิจกรรมเล็ก ๆ ที่ช่วยสร้างความรู้สึกสำเร็จ เช่น พับผ้า จัดโต๊ะอาหาร
  •  F31F1I-5: กระตุ้นให้รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ และติดตามพฤติกรรมการกิน
  •  F31F1I-6: จัดสภาพแวดล้อมให้อบอุ่น สงบ ปลอดภัย ลดสิ่งเร้าที่อาจกระตุ้นความเครียด
  •  F31F1I-7: ให้ผู้ป่วยรับประทานยาต้านซึมเศร้าตามแพทย์สั่ง และเฝ้าระวังผลข้างเคียง
  •  F31F1I-8: วางแผนให้ผู้ป่วยได้รับการบำบัด เช่น จิตบำบัดหรือกลุ่มสนับสนุนทางสังคม

Response (การตอบสนอง)

  •  F31F1R-1: ผู้ป่วยพูดถึงความรู้สึกของตนเองได้มากขึ้นและเปิดใจรับฟังคำแนะนำ
  •  F31F1R-2: ไม่มีพฤติกรรมหรือความคิดฆ่าตัวตายเพิ่มขึ้น
  •  F31F1R-3: ผู้ป่วยเข้าร่วมกิจกรรมที่สนับสนุนอารมณ์เชิงบวกได้
  •  F31F1R-4: รับประทานอาหารและพักผ่อนได้ดีขึ้น

…………………………………………………

F31F2 มีภาวะแมเนีย (Manic episode) ผู้ป่วยมีอารมณ์ร่าเริงผิดปกติ พูดเร็ว คิดไว มั่นใจเกินเหตุ ใช้จ่ายฟุ่มเฟือย นอนน้อยแต่ไม่ง่วง และขาดการยับยั้งชั่งใจ อาจตัดสินใจเสี่ยงโดยไม่คำนึงถึงผลเสีย

Assessment (การประเมิน)

S:

  • "ฉันรู้สึกยอดเยี่ยม ไม่ต้องนอนก็ไม่เป็นไร"
  • "ฉันมีไอเดียดีๆ มากมาย ทุกคนควรฟังฉัน"
  • "ฉันอยากลงทุนทั้งหมด เพราะฉันมั่นใจว่ามันต้องสำเร็จ"

O:

  • พูดเร็ว พูดไม่หยุด เปลี่ยนเรื่องเร็ว
  • กระวนกระวาย เคลื่อนไหวตลอดเวลา
  • มั่นใจเกินเหตุ ขาดการยับยั้งชั่งใจ
  • ใช้จ่ายเงินเกินตัว ลงทุนเสี่ยงโดยไม่คิดหน้าคิดหลัง

Goals (เป้าหมาย)

  •  ลดระดับความกระตือรือร้นที่มากเกินไปให้กลับมาอยู่ในระดับปกติ
  •  ลดพฤติกรรมเสี่ยงที่อาจส่งผลเสียต่อตนเองและผู้อื่น
  •  ปรับรูปแบบการนอนหลับและพักผ่อนให้เหมาะสม
  •  ให้ผู้ป่วยสามารถควบคุมพฤติกรรมและการตัดสินใจได้ดีขึ้น

Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)

  •  พฤติกรรมกระวนกระวายน้อยลง สามารถนั่งนิ่งได้นานขึ้น
  •  พูดช้าลง สามารถโต้ตอบได้อย่างเหมาะสม
  •  ไม่มีการใช้จ่ายหรือการตัดสินใจเสี่ยงโดยไม่ไตร่ตรอง
  •  นอนหลับได้อย่างน้อย 4-6 ชั่วโมงต่อคืน

Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)

  •  F31F2I-1: เฝ้าระวังพฤติกรรมผู้ป่วยอย่างใกล้ชิด ป้องกันการทำร้ายตนเองหรือผู้อื่น
  •  F31F2I-2: จำกัดสิ่งเร้าที่อาจกระตุ้นอารมณ์ เช่น แสงจ้า เสียงดัง หรือสถานการณ์ตึงเครียด
  •  F31F2I-3: พูดคุยกับผู้ป่วยด้วยน้ำเสียงสงบ ใช้ประโยคสั้น กระชับ และชัดเจน
  •  F31F2I-4: หลีกเลี่ยงการโต้เถียงหรือขัดแย้งกับผู้ป่วยเพื่อลดความตึงเครียด
  •  F31F2I-5: กระตุ้นให้ผู้ป่วยรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ เนื่องจากอาจละเลยการกิน
  •  F31F2I-6: จัดตารางเวลาการนอนอย่างเป็นระบบ และลดกิจกรรมที่กระตุ้นให้ตื่นตัว
  •  F31F2I-7: ให้ยาควบคุมอารมณ์ตามแผนการรักษาของแพทย์ และเฝ้าระวังอาการข้างเคียง
  •  F31F2I-8: สนับสนุนให้ผู้ป่วยเข้าร่วมโปรแกรมบำบัด เช่น การบำบัดทางจิตวิทยาหรือกลุ่มสนับสนุน

Response (การตอบสนอง)

  •  F31F2R-1: ผู้ป่วยสามารถควบคุมพฤติกรรมตนเองได้ดีขึ้น
  •  F31F2R-2: การพูดและการเคลื่อนไหวช้าลงและอยู่ในเกณฑ์ปกติ
  •  F31F2R-3: พฤติกรรมใช้จ่ายเกินตัวหรือการตัดสินใจเสี่ยงลดลง
  •  F31F2R-4: ผู้ป่วยสามารถพักผ่อนได้อย่างเหมาะสม

…………………………………………………:

F31F3 มีความเสี่ยงต่อการทำร้ายตนเองหรือผู้อื่น (Risk for self-harm or harm to others) ผู้ป่วยมีอารมณ์แปรปรวนรุนแรง อาจแสดงพฤติกรรมก้าวร้าว หุนหันพลันแล่น หรือทำร้ายตนเองและผู้อื่น

Assessment (การประเมิน)

S:

  • "ฉันรู้สึกหมดหวัง ไม่มีใครเข้าใจฉัน"
  • "ฉันไม่อยากอยู่บนโลกนี้อีกแล้ว"
  • "ทุกคนพยายามทำร้ายฉัน ฉันต้องปกป้องตัวเอง"

O:

  • แสดงอารมณ์โกรธ ก้าวร้าว หรือหงุดหงิดง่าย
  • มีพฤติกรรมเสี่ยง เช่น ขว้างปาสิ่งของ หรือทำร้ายร่างกายตนเอง
  • แสดงท่าทีระแวง หรือเชื่อว่าผู้อื่นเป็นภัยคุกคาม
  • พูดถึงหรือวางแผนฆ่าตัวตาย

Goals (เป้าหมาย)

  •  ลดความเสี่ยงต่อการทำร้ายตนเองและผู้อื่น
  •  ให้ผู้ป่วยรู้สึกปลอดภัยและได้รับการดูแลที่เหมาะสม
  •  ลดพฤติกรรมก้าวร้าวและเสริมสร้างวิธีการจัดการอารมณ์ที่เหมาะสม
  •  ให้ผู้ป่วยสามารถสื่อสารอารมณ์และความต้องการได้อย่างปลอดภัย

Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)

  •  ผู้ป่วยไม่มีพฤติกรรมหรือความคิดเกี่ยวกับการทำร้ายตนเองหรือผู้อื่น
  •  สามารถควบคุมอารมณ์และพฤติกรรมได้ดีขึ้น
  •  สื่อสารความรู้สึกและความต้องการได้โดยไม่ใช้ความรุนแรง
  •  สามารถเข้าร่วมกิจกรรมทางสังคมได้โดยไม่มีอาการก้าวร้าว

Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)

  •  F31F3I-1: เฝ้าระวังผู้ป่วยอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะในช่วงที่มีอารมณ์รุนแรง
  •  F31F3I-2: จัดสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัย กำจัดสิ่งของที่อาจใช้ทำร้ายตนเองหรือผู้อื่น
  •  F31F3I-3: ใช้มาตรการจำกัดพฤติกรรมก้าวร้าว เช่น การใช้ห้องเงียบหรือข้อจำกัดทางกายภาพ หากจำเป็น
  •  F31F3I-4: ใช้น้ำเสียงสงบ อ่อนโยน และหลีกเลี่ยงการโต้เถียงกับผู้ป่วย
  •  F31F3I-5: กระตุ้นให้ผู้ป่วยใช้เทคนิคผ่อนคลาย เช่น การหายใจลึก หรือการทำสมาธิ
  •  F31F3I-6: ให้การสนับสนุนทางอารมณ์ และช่วยผู้ป่วยแสดงความรู้สึกผ่านการพูดคุย
  •  F31F3I-7: ให้ยาเพื่อควบคุมอารมณ์ตามแผนการรักษาของแพทย์ พร้อมติดตามผลข้างเคียง
  •  F31F3I-8: ส่งเสริมการเข้าร่วมโปรแกรมจิตบำบัดเพื่อฝึกทักษะการควบคุมอารมณ์

Response (การตอบสนอง)

  •  F31F3R-1: ผู้ป่วยไม่มีพฤติกรรมหรือแนวโน้มทำร้ายตนเองหรือผู้อื่น
  •  F31F3R-2: สามารถควบคุมอารมณ์ได้ดีขึ้น ลดพฤติกรรมก้าวร้าว
  •  F31F3R-3: ผู้ป่วยสามารถใช้เทคนิคผ่อนคลายและสื่อสารความรู้สึกอย่างปลอดภัย
  •  F31F3R-4: มีส่วนร่วมในกิจกรรมที่ช่วยเสริมสร้างพฤติกรรมเชิงบวก

……………………………………….

F31F4 มีความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนจากการใช้ยา (Risk for medication side effects)  ผู้ป่วยที่ได้รับยารักษาโรคสองขั้ว อาจมีผลข้างเคียง เช่น ง่วงซึม น้ำหนักขึ้น มือสั่น หรืออาการอื่น ๆ ที่ส่งผลต่อคุณภาพชีวิต

Assessment (การประเมิน)

S:

  • "ฉันรู้สึกง่วงตลอดเวลา ไม่อยากทำอะไรเลย"
  • "ฉันรู้สึกมือสั่น จับของไม่ถนัด"
  • "ฉันน้ำหนักขึ้นเร็วมากหลังเริ่มยา"

O:

  • ผู้ป่วยมีอาการง่วงซึมมากผิดปกติ
  • น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นรวดเร็วภายในระยะเวลาสั้น
  • มือสั่นขณะถือของหรือทำกิจกรรมประจำวัน
  • มีอาการเวียนศีรษะหรือความดันโลหิตเปลี่ยนแปลง

Goals (เป้าหมาย)

  •  ลดความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนจากการใช้ยา
  •  ผู้ป่วยสามารถรับประทานยาได้อย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ
  •  ลดผลข้างเคียงของยาให้น้อยที่สุด
  •  ผู้ป่วยมีความรู้และสามารถดูแลตนเองเกี่ยวกับการใช้ยา

Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)

  •  ผู้ป่วยไม่มีภาวะแทรกซ้อนรุนแรงจากการใช้ยา
  •  สามารถรับประทานยาได้ต่อเนื่องโดยไม่หยุดยาเอง
  •  อาการข้างเคียงลดลงหรืออยู่ในระดับที่จัดการได้
  •  มีความเข้าใจเกี่ยวกับยาและวิธีการลดผลข้างเคียง

Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)

  •  F31F4I-1: ประเมินผลข้างเคียงของยาทุกวัน เช่น ง่วงซึม น้ำหนักเพิ่ม มือสั่น
  •  F31F4I-2: ชั่งน้ำหนักตัวผู้ป่วยเป็นประจำเพื่อติดตามแนวโน้มการเปลี่ยนแปลง
  •  F31F4I-3: ให้ข้อมูลผู้ป่วยเกี่ยวกับผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นและแนวทางการจัดการ
  •  F31F4I-4: แนะนำให้ผู้ป่วยรับประทานยาในช่วงเวลาที่เหมาะสม เช่น ตอนเย็น เพื่อลดอาการง่วง
  •  F31F4I-5: แนะนำการรับประทานอาหารที่เหมาะสม เพื่อลดความเสี่ยงต่อน้ำหนักขึ้น
  •  F31F4I-6: ส่งเสริมให้ผู้ป่วยออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอเพื่อลดผลข้างเคียงจากยา
  •  F31F4I-7: แจ้งแพทย์หากพบผลข้างเคียงที่รุนแรงหรือผู้ป่วยไม่สามารถทนผลข้างเคียงได้
  •  F31F4I-8: ติดตามและปรับแผนการรักษาร่วมกับทีมสหวิชาชีพ

Response (การตอบสนอง)

  •  F31F4R-1: ผู้ป่วยไม่มีภาวะแทรกซ้อนรุนแรงจากการใช้ยา
  •  F31F4R-2: อาการข้างเคียง เช่น ง่วงซึม มือสั่น น้ำหนักขึ้น ลดลงหรืออยู่ในระดับที่จัดการได้
  •  F31F4R-3: ผู้ป่วยสามารถรับประทานยาได้ต่อเนื่องโดยไม่หยุดยาเอง
  •  F31F4R-4: ผู้ป่วยมีความเข้าใจเกี่ยวกับยาและสามารถจัดการผลข้างเคียงเบื้องต้นได้

…………………………………………..

F31F5 การรับรู้ความเป็นจริงบกพร่อง (Impaired reality perception) ผู้ป่วยอาจมีอาการหลงผิด (Delusions) หูแว่ว (Auditory hallucinations) หรือเชื่อว่าตนเองมีพลังพิเศษ หรือถูกปองร้าย ซึ่งอาจส่งผลต่อพฤติกรรมและความปลอดภัย

Assessment (การประเมิน)

S:

  • "ฉันได้ยินเสียงคนคุยกันทั้งที่ไม่มีใครอยู่"
  • "ฉันมั่นใจว่าฉันสามารถควบคุมพลังงานจักรวาลได้"
  • "มีคนกำลังสะกดรอยตามฉันอยู่ พวกเขาต้องการทำร้ายฉัน"

O:

  • ผู้ป่วยพูดคุยกับตนเอง หรือมีพฤติกรรมตอบสนองต่อสิ่งที่ไม่มีอยู่จริง
  • มีอารมณ์หวาดระแวง หงุดหงิด หรือกระวนกระวาย
  • ปฏิเสธความเป็นจริงและมีความเชื่อที่ผิดไปจากข้อเท็จจริง
  • ไม่สามารถแยกแยะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงจากสิ่งที่ตนคิดไปเอง

Goals (เป้าหมาย)

  •  ผู้ป่วยสามารถแยกแยะความเป็นจริงกับอาการหลงผิดหรือหูแว่วได้ดีขึ้น
  •  ลดพฤติกรรมและความเชื่อที่เป็นอันตรายต่อตนเองและผู้อื่น
  •  ลดระดับความหวาดระแวงและกระวนกระวายของผู้ป่วย
  •  ผู้ป่วยสามารถดูแลตนเองและใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างปลอดภัย

Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)

  •  ผู้ป่วยสามารถตอบสนองต่อสิ่งเร้าในความเป็นจริงได้ดีขึ้น
  •  อาการหลงผิดและหูแว่วลดลงหรืออยู่ในระดับที่ควบคุมได้
  •  ไม่มีพฤติกรรมก้าวร้าวหรือเป็นอันตรายต่อตนเองและผู้อื่น
  •  ผู้ป่วยสามารถรับฟังคำแนะนำและร่วมมือในการรักษาได้ดีขึ้น

Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)

  •  F31F5I-1: ประเมินระดับความรุนแรงของอาการหลงผิดและหูแว่วเป็นระยะ
  •  F31F5I-2: จัดสภาพแวดล้อมให้สงบ ลดสิ่งเร้าที่อาจกระตุ้นอาการ
  •  F31F5I-3: ใช้คำพูดที่สงบ ชัดเจน และไม่โต้แย้งกับอาการของผู้ป่วย
  •  F31F5I-4: กระตุ้นให้ผู้ป่วยพูดคุยถึงสิ่งที่ตนรับรู้ เพื่อช่วยประเมินความเข้าใจของผู้ป่วย
  •  F31F5I-5: สนับสนุนให้ผู้ป่วยใช้เทคนิคการเบี่ยงเบนความสนใจเมื่อมีอาการ เช่น ฟังเพลง หรือทำกิจกรรมที่ชอบ
  •  F31F5I-6: ส่งเสริมให้ผู้ป่วยตั้งคำถามกับสิ่งที่ตนรับรู้เพื่อพัฒนาการรับรู้ที่ถูกต้อง
  •  F31F5I-7: ติดตามผลของยาต้านโรคจิตและรายงานแพทย์หากมีอาการข้างเคียงที่รุนแรง
  •  F31F5I-8: ประสานงานกับจิตแพทย์และทีมสุขภาพจิตเพื่อวางแผนการรักษาระยะยาว

Response (การตอบสนอง)

  •  F31F5R-1: ผู้ป่วยสามารถแยกแยะระหว่างความจริงกับอาการหลงผิดหรือหูแว่วได้ดีขึ้น
  •  F31F5R-2: พฤติกรรมหวาดระแวงหรือกระวนกระวายลดลง
  •  F31F5R-3: ผู้ป่วยไม่มีพฤติกรรมก้าวร้าวหรือเป็นอันตรายต่อตนเองและผู้อื่น
  •  F31F5R-4: ผู้ป่วยสามารถปฏิบัติกิจวัตรประจำวันได้อย่างปลอดภัย

…………………………………………………

F31F6 การปฏิสัมพันธ์ทางสังคมบกพร่อง (Impaired social interaction) ผู้ป่วยอาจมีปัญหาความสัมพันธ์กับครอบครัวและสังคมจากพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม อาจส่งผลต่อความสามารถในการสร้างและรักษาความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้อื่น

Assessment (การประเมิน)

S:

  • "ฉันรู้สึกโดดเดี่ยว และไม่มีใครเข้าใจฉันเลย"
  • "ครอบครัวของฉันไม่สามารถรับมือกับพฤติกรรมของฉันได้"
  • "เพื่อนๆ หายไปเมื่อฉันมีอารมณ์แปรปรวน"

O:

  • ผู้ป่วยมีปฏิสัมพันธ์ที่จำกัดกับคนรอบข้าง
  • มีการหลีกเลี่ยงการติดต่อสื่อสาร หรือพูดคุยอย่างสั้นและไม่เปิดเผย
  • ผู้ป่วยแสดงอาการก้าวร้าวหรือหวาดระแวงเมื่อมีการพูดถึงหรือถามเรื่องสัมพันธ์
  • ครอบครัวและเพื่อนอาจแสดงอาการไม่สบายใจหรือระแวงในความสัมพันธ์กับผู้ป่วย

Goals (เป้าหมาย)

  •  ผู้ป่วยสามารถสร้างและรักษาความสัมพันธ์ทางสังคมที่ดีขึ้น
  •  ลดพฤติกรรมที่กีดกันหรือขัดขวางการมีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น
  •  ส่งเสริมให้ผู้ป่วยมีทักษะในการสื่อสารและปรับตัวในสังคม
  •  ลดความรู้สึกโดดเดี่ยวและส่งเสริมให้ผู้ป่วยมีการสนับสนุนจากครอบครัวและเพื่อน

Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)

  •  ผู้ป่วยสามารถสื่อสารและมีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่นได้อย่างเหมาะสม
  •  พฤติกรรมที่กีดกันหรือขัดขวางการสื่อสารลดลง
  •  ผู้ป่วยเริ่มมีการเชื่อมต่อกับครอบครัวและเพื่อน
  •  มีการสนับสนุนจากคนรอบข้างที่ช่วยให้ผู้ป่วยปรับตัวในสังคมได้ดีขึ้น

Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)

  •  F31F6I-1: ส่งเสริมให้ผู้ป่วยฝึกทักษะการฟังและการพูดเพื่อสร้างความสัมพันธ์ที่ดี
  •  F31F6I-2: ใช้บทสนทนาแบบเปิด (open-ended questions) เพื่อให้ผู้ป่วยสามารถแสดงความคิดเห็นได้มากขึ้น
  •  F31F6I-3: สอนเทคนิคการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งในความสัมพันธ์ เช่น การขอโทษหรือการขอโอกาส
  •  F31F6I-4: แนะนำให้ครอบครัวและเพื่อนร่วมมือในการสร้างสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยและสนับสนุน
  •  F31F6I-5: จัดกิจกรรมร่วมกันเพื่อเพิ่มการมีส่วนร่วมและการสื่อสารระหว่างผู้ป่วยและคนรอบข้าง
  •  F31F6I-6: กระตุ้นให้ผู้ป่วยเข้าร่วมกิจกรรมทางสังคม หรือกิจกรรมกลุ่มที่เหมาะสม เช่น การฝึกงานหรือการร่วมชมรม
  •  F31F6I-7: สนับสนุนให้ผู้ป่วยพบปะเพื่อนหรือเข้าร่วมกิจกรรมที่เพิ่มความมั่นใจในตนเอง

Response (การตอบสนอง)

  •  F31F6R-1: ผู้ป่วยสามารถมีการปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่นได้มากขึ้นและมีความสัมพันธ์ที่ดีขึ้น
  •  F31F6R-2: พฤติกรรมที่กีดกันหรือขัดขวางการสื่อสารลดลง
  •  F31F6R-3: ผู้ป่วยสามารถร่วมกิจกรรมสังคมได้และเปิดใจรับคำแนะนำจากผู้อื่น
  •  F31F6R-4: ครอบครัวและเพื่อนแสดงความสนับสนุนต่อผู้ป่วยในการรักษาความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้ป่วย

……………………………………………………

F31F7 ขาดความรู้เกี่ยวกับโรคและการดูแลตนเอง (Knowledge deficit regarding disease and self-care) ผู้ป่วยและครอบครัวอาจไม่เข้าใจเกี่ยวกับโรค การใช้ยา และการจัดการอารมณ์ ซึ่งอาจส่งผลต่อการดูแลและการรักษาผู้ป่วยได้อย่างมีประสิทธิภาพ

Assessment (การประเมิน)

S:

  • "ฉันไม่เข้าใจว่าทำไมฉันต้องทานยานี้ทุกวัน"
  • "ครอบครัวของฉันไม่รู้ว่าควรจะช่วยอย่างไรเมื่อฉันมีอารมณ์แปรปรวน"
  • "ฉันไม่แน่ใจว่าจะรับมือกับความรู้สึกของตัวเองได้อย่างไรในแต่ละวัน"

O:

  • ผู้ป่วยไม่สามารถอธิบายโรคของตัวเองได้อย่างชัดเจน
  • ครอบครัวไม่สามารถอธิบายหรือให้การสนับสนุนในการดูแลผู้ป่วยได้
  • ผู้ป่วยมีการขาดความรู้เรื่องการใช้ยาและผลข้างเคียงจากยา
  • ผู้ป่วยไม่ทราบวิธีการจัดการอารมณ์ในช่วงที่มีอารมณ์แปรปรวน

Goals (เป้าหมาย)

  • ผู้ป่วยและครอบครัวเข้าใจโรคสองขั้วและการดูแลตนเอง
  • ผู้ป่วยสามารถอธิบายเกี่ยวกับยาและวิธีการจัดการกับอารมณ์ได้
  • ครอบครัวสามารถช่วยผู้ป่วยในการจัดการอารมณ์และรู้วิธีให้การสนับสนุน
  • ผู้ป่วยมีความมั่นใจในการดูแลตนเองและมีทักษะในการจัดการอารมณ์

Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)

  • ผู้ป่วยสามารถอธิบายลักษณะของโรคสองขั้วและผลของยาได้
  • ครอบครัวสามารถอธิบายวิธีการช่วยเหลือผู้ป่วยได้อย่างเหมาะสม
  • ผู้ป่วยและครอบครัวสามารถแยกแยะอารมณ์ของผู้ป่วยได้และทราบวิธีการจัดการ
  • ผู้ป่วยสามารถบอกวิธีดูแลตนเองได้อย่างเหมาะสมเมื่อมีอารมณ์แปรปรวน

Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)

  • F31F7I-1: สอนผู้ป่วยและครอบครัวเกี่ยวกับลักษณะของโรคสองขั้วและการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์
  • F31F7I-2: อธิบายเกี่ยวกับยาและวิธีการใช้ยาอย่างถูกต้อง รวมถึงผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น
  • F31F7I-3: สอนวิธีการจัดการอารมณ์ เช่น การฝึกหายใจลึกๆ การบันทึกอารมณ์ หรือการพูดคุยกับบุคคลที่ไว้ใจได้
  • F31F7I-4: แนะนำให้ผู้ป่วยฝึกการรู้ตัว (self-awareness) เมื่ออารมณ์เริ่มแปรปรวน และหาวิธีรับมือเชิงบวก
  • F31F7I-5: สนับสนุนให้ผู้ป่วยมีการนัดพบแพทย์เพื่อตรวจติดตามอาการและการใช้ยา
  • F31F7I-6: ส่งเสริมให้ผู้ป่วยและครอบครัวเข้าร่วมกลุ่มสนับสนุนเพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์และข้อมูล
  • F31F7I-7: จัดกิจกรรมการศึกษาให้กับผู้ป่วยและครอบครัวเกี่ยวกับการรับมือกับอาการและการปฏิบัติตัวในชีวิตประจำวัน

Response (การตอบสนอง)

  • F31F7R-1: ผู้ป่วยสามารถอธิบายเกี่ยวกับโรคสองขั้วและการใช้ยาได้
  • F31F7R-2: ครอบครัวสามารถอธิบายวิธีการช่วยเหลือผู้ป่วยเมื่ออารมณ์แปรปรวน
  • F31F7R-3: ผู้ป่วยเริ่มใช้วิธีการจัดการอารมณ์ที่เหมาะสม เช่น การหายใจลึกๆ หรือการจดบันทึกอารมณ์
  • F31F7R-4: ผู้ป่วยและครอบครัวสามารถติดตามการใช้ยาและผลข้างเคียงได้อย่างถูกต้อง

…………………………………………………

F31F8 การจัดการสุขภาพบกพร่อง (Ineffective health management) ผู้ป่วยอาจหยุดยาเอง ไม่มาติดตามผล หรือไม่ดูแลตัวเองตามคำแนะนำทางการแพทย์ ซึ่งอาจทำให้โรคกำเริบหรือมีปัญหาสุขภาพอื่นๆ เกิดขึ้น

Assessment (การประเมิน)

S:

  • "ฉันลืมทานยาเป็นบางครั้งเพราะรู้สึกดีขึ้นแล้ว"
  • "ไม่อยากไปพบแพทย์ เพราะรู้สึกไม่ต้องการการรักษาแล้ว"
  • "ไม่เข้าใจทำไมต้องทานยาต่อไปแม้ว่าฉันจะรู้สึกปกติ"

O:

  • ผู้ป่วยไม่สามารถปฏิบัติตามแผนการรักษาหรือการทานยา
  • ผู้ป่วยขาดการติดตามผลจากการพบแพทย์หรือการประเมินอาการ
  • พฤติกรรมการจัดการสุขภาพของผู้ป่วยไม่เหมาะสม เช่น หยุดยาหรือไม่ทำตามคำแนะนำ

Goals (เป้าหมาย)

  • ผู้ป่วยปฏิบัติตามแผนการรักษาและทานยาอย่างสม่ำเสมอ
  • ผู้ป่วยเข้าใจความสำคัญของการติดตามผลและการพบแพทย์อย่างสม่ำเสมอ
  • ผู้ป่วยสามารถแสดงความเข้าใจในโรคและการจัดการสุขภาพของตัวเอง
  • ผู้ป่วยมีการตัดสินใจในการดูแลสุขภาพที่ดีขึ้นและสม่ำเสมอ

Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)

  • ผู้ป่วยทานยาตามคำแนะนำทุกวัน
  • ผู้ป่วยมีการติดตามผลการรักษาตามที่แพทย์แนะนำ
  • ผู้ป่วยสามารถอธิบายความสำคัญของการรักษาตัวเองอย่างถูกต้อง
  • ผู้ป่วยมีการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมในการดูแลสุขภาพให้ดีขึ้น

Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)

  • F31F8I-1: อธิบายให้ผู้ป่วยและครอบครัวเข้าใจถึงความสำคัญของการทานยาอย่างสม่ำเสมอและผลกระทบจากการข้ามยา
  • F31F8I-2: สอนวิธีการติดตามผลการรักษา เช่น การนัดหมายตรวจสุขภาพและการรายงานอาการให้แพทย์ทราบ
  • F31F8I-3: ให้ข้อมูลเกี่ยวกับผลกระทบที่อาจเกิดจากการหยุดยาหรือไม่ทำตามแผนการรักษา
  • F31F8I-4: จัดทำแผนการทานยาให้ชัดเจน และแนะนำให้ตั้งการเตือนผ่านแอปพลิเคชันหรือปฏิทินการทานยา
  • F31F8I-5: สนับสนุนให้ผู้ป่วยเข้าร่วมกิจกรรมกลุ่มสนับสนุนหรือการให้คำปรึกษาเพื่อเพิ่มความเข้าใจและการปฏิบัติตามแผนการรักษา
  • F31F8I-6: ติดตามอาการของผู้ป่วยและให้การสนับสนุนในการตัดสินใจเรื่องการรักษา
  • F31F8I-7: กระตุ้นให้ผู้ป่วยออกกำลังกายและปรับพฤติกรรมการทานอาหารเพื่อเสริมสร้างสุขภาพที่ดี

Response (การตอบสนอง)

  • F31F8R-1: ผู้ป่วยทานยาอย่างสม่ำเสมอและไม่ข้ามยา
  • F31F8R-2: ผู้ป่วยมีการติดตามผลการรักษาอย่างต่อเนื่อง
  • F31F8R-3: ผู้ป่วยสามารถอธิบายความสำคัญของการทานยาและการติดตามผลได้
  • F31F8R-4: ผู้ป่วยมีพฤติกรรมการดูแลสุขภาพที่ดีขึ้น เช่น การออกกำลังกาย หรือการปรับเปลี่ยนอาหาร

………………………………………….

F31F9 ความเสี่ยงต่อการกลับมาเป็นซ้ำ (Risk for relapse) ปัจจัยกระตุ้น เช่น ความเครียด การหยุดยา อาจทำให้อาการกลับมา

Assessment (การประเมิน)

S:

  • "ฉันรู้สึกเครียดมากในช่วงนี้ และเริ่มรู้สึกว่าอาการกลับมาแล้ว"
  • "ฉันอยากหยุดยาบางตัวเพราะรู้สึกว่ามันทำให้ฉันรู้สึกไม่ดี"
  • "ไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรเมื่อรู้สึกอาการแย่ลง"

O:

  • ผู้ป่วยมีอาการเครียดและวิตกกังวลมากขึ้น
  • ผู้ป่วยมีการหยุดยาหรือไม่ทานยาอย่างสม่ำเสมอ
  • มีพฤติกรรมที่บ่งชี้ถึงการกลับมาของอาการ เช่น การพูดเร็วเกินไป หรือพฤติกรรมก้าวร้าว

Goals (เป้าหมาย)

  • ลดความเสี่ยงในการกลับมาของอาการโดยการปฏิบัติตามแผนการรักษาและจัดการความเครียด
  • ผู้ป่วยสามารถจัดการอารมณ์และความเครียดได้ดีขึ้น
  • ผู้ป่วยทานยาอย่างสม่ำเสมอและไม่หยุดยาด้วยตนเอง
  • ผู้ป่วยได้รับการสนับสนุนจากครอบครัวและบุคลากรทางการแพทย์ในการเฝ้าระวังและป้องกันการกลับมาเป็นซ้ำ

Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)

  • ผู้ป่วยทานยาอย่างสม่ำเสมอและไม่หยุดยา
  • ผู้ป่วยสามารถจัดการกับความเครียดได้ดีขึ้น
  • ผู้ป่วยสามารถบอกได้ว่าความเครียดหรือปัจจัยกระตุ้นมีผลต่ออาการของตน
  • ผู้ป่วยได้รับการสนับสนุนจากครอบครัวในการป้องกันการกลับมาเป็นซ้ำ

Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)

  • F31F9I-1: อธิบายถึงความเสี่ยงของการกลับมาเป็นซ้ำเมื่อหยุดยาและการจัดการความเครียด
  • F31F9I-2: แนะนำการใช้เทคนิคการผ่อนคลาย เช่น การหายใจลึกๆ การทำสมาธิ เพื่อช่วยลดความเครียด
  • F31F9I-3: สนับสนุนให้ผู้ป่วยและครอบครัวร่วมกันวางแผนการดูแลสุขภาพระยะยาว
  • F31F9I-4: ติดตามการทานยาและสนับสนุนให้ผู้ป่วยมีการทบทวนแผนการรักษากับแพทย์อย่างสม่ำเสมอ
  • F31F9I-5: จัดการกับปัจจัยกระตุ้นภายนอก เช่น ความเครียด หรือเหตุการณ์ชีวิตที่อาจทำให้โรคกำเริบ
  • F31F9I-6: สนับสนุนให้ผู้ป่วยเข้าร่วมกลุ่มสนับสนุนหรือการให้คำปรึกษา
  • F31F9I-7: ส่งเสริมให้ผู้ป่วยมีความหวังและเห็นคุณค่าของตัวเองในการรักษาและดูแลตนเอง

Response (การตอบสนอง)

  • F31F9R-1: ผู้ป่วยทานยาอย่างสม่ำเสมอและไม่หยุดยา
  • F31F9R-2: ผู้ป่วยสามารถลดความเครียดและจัดการกับความเครียดได้ดีขึ้น
  • F31F9R-3: ผู้ป่วยมีการสนับสนุนจากครอบครัวในการป้องกันการกลับมาเป็นซ้ำ
  • F31F9R-4: ผู้ป่วยสามารถบอกได้ว่าความเครียดหรือปัจจัยกระตุ้นมีผลต่ออาการของตนและสามารถควบคุมได้

………………………………………..

F31F10 ครอบครัวมีภาระในการดูแลผู้ป่วยสูง (Caregiver role strain) ครอบครัวอาจเครียดจากการดูแลผู้ป่วยอย่างต่อเนื่อง

Assessment (การประเมิน)

S:

  • "การดูแลเขาเหนื่อยมากค่ะ มันยากที่ต้องอยู่ในทุกสถานการณ์ทั้งดีและแย่"
  • "ฉันรู้สึกเครียดและไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี"
  • "มีอาการของโรคที่แย่ลงซึ่งทำให้ฉันรู้สึกท้อแท้"

O:

  • ครอบครัวมีความเครียดหรือเหนื่อยล้าจากการดูแลผู้ป่วย
  • การดูแลผู้ป่วยส่งผลให้เกิดภาวะสุขภาพจิตที่ไม่ดี เช่น ความวิตกกังวลหรือซึมเศร้าในผู้ดูแล
  • ผู้ดูแลแสดงอาการเหนื่อยล้า เช่น พูดหรือแสดงอาการเครียด

Goals (เป้าหมาย)

  • ลดความเครียดและความเหนื่อยล้าของผู้ดูแล
  • ให้ข้อมูลและสนับสนุนครอบครัวในการดูแลผู้ป่วย
  • ส่งเสริมการใช้เทคนิคการดูแลตนเองและการแบ่งเบาภาระการดูแล
  • ปรับปรุงการสื่อสารและการทำงานร่วมกันระหว่างผู้ป่วยและครอบครัว

Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)

  • ผู้ดูแลสามารถจัดการกับความเครียดและภาระการดูแลได้ดีขึ้น
  • ครอบครัวสามารถใช้เทคนิคการผ่อนคลายและดูแลตนเองได้
  • การดูแลผู้ป่วยไม่ส่งผลเสียต่อสุขภาพจิตของผู้ดูแล
  • ผู้ดูแลได้รับการสนับสนุนจากทีมสุขภาพและครอบครัวในการดูแลผู้ป่วย

Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)

  • F31F10I-1: อธิบายถึงภาระการดูแลผู้ป่วยและวิธีการจัดการกับความเครียด
  • F31F10I-2: แนะนำวิธีการดูแลตนเอง เช่น การหาความช่วยเหลือจากครอบครัวและกลุ่มสนับสนุน
  • F31F10I-3: ส่งเสริมให้ผู้ดูแลมีเวลาพักผ่อนและมีเวลาส่วนตัวเพื่อบรรเทาความเครียด
  • F31F10I-4: แนะนำการหากลุ่มสนับสนุนสำหรับผู้ดูแล เช่น กลุ่มผู้ดูแลผู้ป่วยโรคจิต
  • F31F10I-5: สนับสนุนให้ผู้ดูแลสามารถพูดคุยและระบายความรู้สึกเกี่ยวกับภาระการดูแล
  • F31F10I-6: ส่งเสริมให้ผู้ดูแลเข้าใจถึงความสำคัญของการมีจิตใจที่แข็งแกร่งในการดูแลผู้ป่วย
  • F31F10I-7: เชิญผู้ดูแลเข้าร่วมการพูดคุยกับทีมสุขภาพเพื่อหารือเกี่ยวกับการดูแลและแผนการรักษา

Response (การตอบสนอง)

  • F31F10R-1: ผู้ดูแลสามารถรับมือกับความเครียดและจัดการภาระได้ดีขึ้น
  • F31F10R-2: ผู้ดูแลสามารถใช้เทคนิคการผ่อนคลายเพื่อบรรเทาความเครียด
  • F31F10R-3: ผู้ดูแลรู้สึกว่าได้รับการสนับสนุนจากครอบครัวและทีมสุขภาพ
  • F31F10R-4: ผู้ดูแลมีความรู้สึกว่าได้พักผ่อนและฟื้นฟูร่างกายและจิตใจดีขึ้น

………………………………………………………………..

🧠 โรคไบโพลาร์ (Bipolar Disorder) – โรคอารมณ์สองขั้วที่ต้องเข้าใจ!

"บางวันเศร้าสุดใจ บางวันไฮเกินเบอร์" เป็นสัญญาณของ โรคไบโพลาร์

มีอารมณ์แปรปรวนสุดขั้วระหว่าง ภาวะซึมเศร้า และ ภาวะแมเนีย

 😞 ภาวะซึมเศร้า: เศร้า หมดกำลังใจ ไม่อยากทำอะไร อ่อนเพลีย นอนไม่หลับ อยากนอนทั้งวัน

🚀 ภาวะแมเนีย: อารมณ์ดีผิดปกติ พลังงานสูง คิดเร็ว พูดเร็ว นอนน้อยแต่ไม่ง่วง ตัดสินใจเสี่ยงๆ

…………………………………..

⚠️ อะไรทำให้เกิดโรคนี้?

🧬 พันธุกรรมถ้ามีคนในครอบครัวเป็น เสี่ยงมากขึ้น
🧠 สารเคมีในสมองผิดปกติ เช่น โดพามีน เซโรโทนิน
😞 ความเครียดรุนแรง หรือประสบการณ์กระทบจิตใจ

………………………….

🏥 รักษาได้ไหม?

ยาควบคุมอารมณ์ ลดซึมเศร้า ลดอาการทางจิต
จิตบำบัด (CBT)ฝึกปรับพฤติกรรม ควบคุมอารมณ์
ดูแลตัวเองนอนให้พอ ออกกำลังกาย หลีกเลี่ยงสารเสพติด
กำลังใจจากคนรอบข้างความเข้าใจช่วยให้ผู้ป่วยใช้ชีวิตได้ดีขึ้น

ข้อควรระวัง

🚨 ห้ามหยุดยาเองอาการอาจกำเริบรุนแรง 🚨 หากมีความคิดฆ่าตัวตายรีบพบแพทย์ทันที

……………………

💙 ดูแลผู้ป่วยอย่างไร?

👩‍⚕️ พยาบาล: ดูแลให้กินยาสม่ำเสมอ ประเมินอารมณ์ ป้องกันอันตราย
🏡 คนใกล้ตัว: อย่าตำหนิ ให้กำลังใจ สังเกตอาการ

📝 ถ้าคุณหรือคนที่คุณรักมีอาการ พบแพทย์ เร็วเท่าไหร่ ยิ่งช่วยได้มากเท่านั้น!

...............................................................

🩺ภาวะซึมเศร้า : อารมณ์เศร้าหนัก หมดหวัง เสี่ยงทำร้ายตัวเอง

F31F1 ผู้ป่วยมีอารมณ์เศร้ารุนแรง หมดหวัง อาจมีแนวโน้มทำร้ายตัวเองหรือฆ่าตัวตาย

การดูแลพยาบาล (Intervention)
❤️เฝ้าระวังใกล้ชิดประเมินอารมณ์และแนวโน้มฆ่าตัวตายทุก 2-4 ชม. หลีกเลี่ยงการปล่อยให้อยู่ลำพัง
❤️สร้างความมั่นคงทางอารมณ์พูดคุยให้กำลังใจ ใช้คำพูดเชิงบวก สนับสนุนให้ระบายความรู้สึก
❤️กระตุ้นการใช้ชีวิตประจำวันชวนทำกิจกรรมเล็ก ๆ ที่ช่วยสร้างความสำเร็จ เช่น พับผ้า จัดโต๊ะอาหาร
❤️ดูแลสุขภาพกายและยากระตุ้นให้รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ดูแลการใช้ยาต้านซึมเศร้าและผลข้างเคียง
❤️สภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยจัดห้องให้สงบ อบอุ่น ลดสิ่งกระตุ้นความเครียด พร้อมส่งต่อจิตบำบัดหรือกลุ่มสนับสนุน

🎯 ผลลัพธ์ที่คาดหวัง (Response)
ผู้ป่วยกล้าเปิดใจ พูดถึงความรู้สึกมากขึ้น
ความคิดหรือพฤติกรรมฆ่าตัวตายลดลง
สามารถเข้าร่วมกิจกรรมที่ช่วยสร้างอารมณ์เชิงบวก

2.🧠 ภาวะแมเนีย :อารมณ์พุ่งแรง คิดเร็ว พูดไว เสี่ยงตัดสินใจผิด

F31F2 ผู้ป่วยมีอารมณ์ร่าเริงผิดปกติ พูดเร็ว คิดไว ใช้จ่ายฟุ่มเฟือย นอนน้อย ขาดการยับยั้งชั่งใจ

การดูแลพยาบาล (Intervention)

❤️ เฝ้าระวังพฤติกรรมป้องกันอันตรายต่อผู้ป่วยและผู้อื่น ควบคุมสิ่งเร้าที่กระตุ้นอารมณ์ เช่น เสียงดังหรือแสงจ้า
❤️สื่อสารด้วยความสงบใช้คำพูดสั้น กระชับ หลีกเลี่ยงการโต้เถียงเพื่อลดความตึงเครียด
❤️ดูแลสุขภาพพื้นฐานกระตุ้นให้รับประทานอาหารเพียงพอ และจัดตารางเวลานอนให้เป็นระบบ
❤️ให้ยาตามแผนการรักษาควบคุมอารมณ์และเฝ้าระวังผลข้างเคียงของยา
❤️สนับสนุนการบำบัดส่งเสริมให้เข้าร่วมจิตบำบัดหรือกลุ่มสนับสนุนเพื่อช่วยควบคุมพฤติกรรม

🎯 ผลลัพธ์ที่คาดหวัง (Response)

ผู้ป่วยควบคุมพฤติกรรมและอารมณ์ได้ดีขึ้น
พูดและเคลื่อนไหวช้าลง อยู่ในเกณฑ์ปกติ
ลดพฤติกรรมเสี่ยง ใช้จ่ายอย่างมีสติ
นอนหลับและพักผ่อนได้ดีขึ้น

3.🚨 เสี่ยงต่อการทำร้ายตนเองหรือผู้อื่น : อารมณ์รุนแรง พฤติกรรมหุนหัน

F31F3 มีความเสี่ยงต่อการทำร้ายตนเองหรือผู้อื่น 

การดูแลพยาบาล (Intervention)

❤️เฝ้าระวังใกล้ชิดโดยเฉพาะช่วงอารมณ์รุนแรง จัดสภาพแวดล้อมให้ปลอดภัย กำจัดสิ่งของที่อาจใช้ทำร้าย
❤️ควบคุมพฤติกรรมก้าวร้าวใช้ห้องเงียบหรือข้อจำกัดทางกายภาพเมื่อจำเป็น ลดสิ่งเร้าที่กระตุ้นอารมณ์
❤️สื่อสารด้วยความสงบพูดคุยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน หลีกเลี่ยงการโต้เถียง ลดความตึงเครียด
❤️ส่งเสริมการผ่อนคลายฝึกหายใจลึก ทำสมาธิ ช่วยผู้ป่วยแสดงความรู้สึกผ่านการพูดคุย
❤️ให้ยาตามแผนการรักษาควบคุมอารมณ์ พร้อมติดตามผลข้างเคียง และสนับสนุนการบำบัดทางจิตใจ

🎯 ผลลัพธ์ที่คาดหวัง (Response)

ไม่มีพฤติกรรมหรือแนวโน้มทำร้ายตนเองหรือผู้อื่น
อารมณ์สงบขึ้น ลดพฤติกรรมก้าวร้าว
ใช้เทคนิคผ่อนคลายและสื่อสารความรู้สึกได้ดีขึ้น
มีส่วนร่วมในกิจกรรมที่ช่วยปรับพฤติกรรมเชิงบวก

4.💊 เสี่ยงต่อผลข้างเคียงจากยา : ง่วงซึม น้ำหนักขึ้น มือสั่น

F31F4 มีความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนจากการใช้ยา

การดูแลพยาบาล (Intervention)

❤️เฝ้าระวังผลข้างเคียงประเมินอาการทุกวัน เช่น ง่วงซึม น้ำหนักขึ้น มือสั่น แจ้งแพทย์หากรุนแรง
❤️ติดตามน้ำหนักและสุขภาพโดยรวมแนะนำโภชนาการที่เหมาะสมและออกกำลังกายเพื่อลดความเสี่ยง
❤️ให้ความรู้เรื่องยาอธิบายผลข้างเคียง แนวทางรับมือ และส่งเสริมให้รับประทานยาอย่างถูกต้อง
❤️ปรับเวลาการใช้ยาแนะนำให้กินยาตอนเย็นหรือตามแพทย์สั่ง เพื่อลดอาการง่วง
❤️ร่วมมือกับทีมสหวิชาชีพติดตามอาการและปรับแผนการรักษาให้เหมาะสม

🎯 ผลลัพธ์ที่คาดหวัง (Response)

ไม่มีภาวะแทรกซ้อนรุนแรงจากยา
อาการข้างเคียงลดลงหรือจัดการได้
ผู้ป่วยกินยาได้ต่อเนื่อง ไม่หยุดยาเอง
เข้าใจวิธีรับมือกับผลข้างเคียง

5.🧠 การรับรู้ผิดปกติ – หูแว่ว หลงผิด ต้องรับมือให้ถูก!

F31F5 การรับรู้ความเป็นจริงบกพร่อง
การดูแลพยาบาล (Intervention)

❤️ประเมินอาการสม่ำเสมอหลงผิด? หูแว่ว? ติดตามระดับความรุนแรงอย่างใกล้ชิด
❤️สร้างสภาพแวดล้อมสงบลดเสียงรบกวนและสิ่งกระตุ้นที่อาจทำให้อาการแย่ลง
❤️สื่อสารอย่างอ่อนโยนไม่โต้แย้งสิ่งที่ผู้ป่วยเชื่อ แต่ช่วยให้เขาตั้งคำถามกับความคิดของตน
❤️ฝึกเทคนิคเบี่ยงเบนความสนใจให้ผู้ป่วยทำกิจกรรมที่ชอบ เช่น ฟังเพลง วาดภาพ หรือออกกำลังกาย
❤️ติดตามผลยาและทำงานร่วมกับทีมสุขภาพจิตเฝ้าระวังผลข้างเคียงของยาและปรับแนวทางรักษาให้เหมาะสม

🎯 ผลลัพธ์ที่คาดหวัง (Response)

ผู้ป่วยเริ่มแยกแยะความจริงจากอาการหลงผิดหรือหูแว่วได้
ลดพฤติกรรมหวาดระแวง กังวล หรือกระวนกระวาย
ไม่มีพฤติกรรมรุนแรงหรือเสี่ยงเป็นอันตรายต่อตนเองและผู้อื่น
ใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างปลอดภัย

6.🤝 ฟื้นฟูความสัมพันธ์…ให้กลับมาแข็งแรงอีกครั้ง!

F31F6 การปฏิสัมพันธ์ทางสังคมบกพร่อง

การดูแลพยาบาล (Intervention)

❤️ฝึกทักษะสื่อสารสอนเทคนิคการฟัง-พูดอย่างเข้าใจ เปิดโอกาสให้ผู้ป่วยแสดงความคิดเห็น
❤️สร้างสังคมที่สนับสนุนกระตุ้นให้ครอบครัวและเพื่อนช่วยสร้างบรรยากาศที่อบอุ่น ปลอดภัย
❤️เสริมทักษะการแก้ไขความขัดแย้งฝึกการขอโทษ ยอมรับความคิดเห็น และสื่อสารอย่างสร้างสรรค์
❤️ชวนเข้าร่วมกิจกรรมสังคมสนับสนุนการร่วมกิจกรรมกลุ่ม งานอาสา หรือชมรมที่ช่วยเสริมสร้างความมั่นใจ
❤️ติดตามและให้กำลังใจสนับสนุนให้ผู้ป่วยกล้าเปิดใจ รับฟัง และปรับตัวในความสัมพันธ์

🎯 ผลลัพธ์ที่คาดหวัง (Response)

ผู้ป่วยมีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่นมากขึ้น ความสัมพันธ์ดีขึ้น
พฤติกรรมกีดกันตัวเองหรือสื่อสารไม่เหมาะสมลดลง
กล้าเข้าร่วมกิจกรรมสังคม และเปิดใจรับฟังความคิดเห็น
ครอบครัวและเพื่อนให้การสนับสนุน ฟื้นฟูความสัมพันธ์อย่างเข้าใจ

7.🧠 เข้าใจโรค รู้จักดูแลตัวเอง…ชีวิตดีขึ้น!

F31F7 ขาดความรู้เกี่ยวกับโรคและการดูแลตนเอง

การดูแลพยาบาล (Intervention)

❤️ให้ความรู้เรื่องโรคอธิบายลักษณะอาการ การเปลี่ยนแปลงอารมณ์ และแนวทางการดูแลตนเอง
❤️แนะนำการใช้ยาสอนการใช้ยาให้ถูกต้อง พร้อมอธิบายผลข้างเคียงที่ควรสังเกต
❤️ฝึกจัดการอารมณ์สอนเทคนิคการควบคุมอารมณ์ เช่น การหายใจลึกๆ บันทึกอารมณ์ หรือพูดคุยกับคนที่ไว้ใจ
❤️ส่งเสริมการเฝ้าระวังอาการให้ผู้ป่วยรู้จักสังเกตสัญญาณเตือนของอารมณ์ที่เปลี่ยนแปลงและแนวทางรับมือ
❤️สนับสนุนการมีส่วนร่วมของครอบครัวแนะนำให้เข้าร่วมกลุ่มสนับสนุนและช่วยกันดูแลเรื่องยาและพฤติกรรม

🎯 ผลลัพธ์ที่คาดหวัง (Response)

ผู้ป่วยเข้าใจโรคและสามารถดูแลตนเองได้ดีขึ้น
ครอบครัวมีความรู้และสามารถช่วยเหลือผู้ป่วยได้เมื่ออารมณ์แปรปรวน
ผู้ป่วยใช้เทคนิคจัดการอารมณ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
การใช้ยาและติดตามผลข้างเคียงเป็นไปอย่างถูกต้อง

8.🚨 ดูแลสุขภาพให้ถูกต้อง…ลดเสี่ยงโรคกำเริบ!

F31F8 การจัดการสุขภาพบกพร่อง

การดูแลพยาบาล (Intervention)

❤️สร้างความเข้าใจเรื่องยาอธิบายความสำคัญของการทานยาต่อเนื่อง และผลกระทบจากการหยุดยาเอง
❤️ติดตามแผนการรักษาสอนการนัดหมายตรวจสุขภาพ และการรายงานอาการให้แพทย์
❤️กระตุ้นวินัยการใช้ยาแนะนำการตั้งเตือนเวลาทานยา และจัดทำตารางช่วยจำ
❤️เสริมแรงจูงใจสนับสนุนให้เข้าร่วมกลุ่มช่วยเหลือ หรือพูดคุยกับผู้เชี่ยวชาญ
❤️ส่งเสริมสุขภาพองค์รวมกระตุ้นให้ออกกำลังกาย และปรับพฤติกรรมการกินเพื่อสุขภาพที่ดีขึ้น

🎯 ผลลัพธ์ที่คาดหวัง (Response)

ผู้ป่วยทานยาอย่างสม่ำเสมอ ไม่ข้ามหรือหยุดยาเอง
ติดตามผลการรักษาต่อเนื่อง ไม่ขาดนัด
เข้าใจและอธิบายความสำคัญของแผนการรักษาได้
มีพฤติกรรมดูแลสุขภาพดีขึ้น เช่น ออกกำลังกาย และปรับพฤติกรรมการกิน

9.🚨 หยุดโรคไม่ให้กลับมา! ป้องกันการเป็นซ้ำง่ายๆ

F31F9 มีความเสี่ยงต่อการกลับมาเป็นซ้ำ

การดูแลพยาบาล (Intervention)

❤️ให้ความรู้เรื่องความเสี่ยงอธิบายผลกระทบของการหยุดยาและวิธีจัดการความเครียด
❤️สอนเทคนิคผ่อนคลายฝึกหายใจลึกๆ ทำสมาธิ หรือหากิจกรรมลดความเครียด
❤️ติดตามแผนการรักษากระตุ้นให้ทานยาและพบแพทย์อย่างสม่ำเสมอ
❤️วางแผนรับมือปัจจัยกระตุ้นระบุสิ่งที่ทำให้อาการแย่ลง และหาแนวทางจัดการ
❤️สร้างเครือข่ายสนับสนุนส่งเสริมการเข้าร่วมกลุ่มช่วยเหลือ และเสริมสร้างกำลังใจ

🎯 ผลลัพธ์ที่คาดหวัง (Response)

ผู้ป่วยทานยาต่อเนื่อง ไม่หยุดยาเอง
สามารถลดและจัดการความเครียดได้ดีขึ้น
ครอบครัวช่วยสนับสนุนและป้องกันการกลับมาเป็นซ้ำ
ผู้ป่วยตระหนักถึงปัจจัยกระตุ้น และรู้วิธีรับมือ

10 🚨 ภาระของผู้ดูแลผู้ป่วย: เครียดแค่ไหนก็ยังต้องดูแล

F31F10 ครอบครัวมีภาระในการดูแลผู้ป่วยสูง

การดูแลพยาบาล (Intervention)

❤️อธิบายภาระการดูแลช่วยให้ผู้ดูแลเข้าใจภาระและวิธีจัดการความเครียด
❤️ส่งเสริมการดูแลตัวเองแนะนำการขอความช่วยเหลือจากครอบครัวและกลุ่มสนับสนุน
❤️จัดเวลาให้พักผ่อนสนับสนุนให้ผู้ดูแลมีเวลาพักผ่อนและฟื้นฟูตัวเอง
❤️เข้าร่วมกลุ่มสนับสนุนแนะนำกลุ่มช่วยเหลือผู้ดูแล เช่น กลุ่มสำหรับผู้ดูแลผู้ป่วยโรคจิต
❤️ให้การสนับสนุนทางจิตใจส่งเสริมให้ผู้ดูแลพูดคุยระบายความเครียดและมีจิตใจที่แข็งแกร่ง

🎯 ผลลัพธ์ที่คาดหวัง (Response)

ผู้ดูแลจัดการความเครียดได้ดีขึ้น
ใช้เทคนิคผ่อนคลายเพื่อบรรเทาความเครียด
ผู้ดูแลรู้สึกได้รับการสนับสนุนจากครอบครัวและทีมสุขภาพ
ผู้ดูแลสามารถพักผ่อนและฟื้นฟูจิตใจและร่างกายได้ดีขึ้น

...........................

❤️"ไบโพลาร์ ไม่ใช่แค่เรื่องอารมณ์ แต่คือโรคที่ต้องเข้าใจ" ❤️
ใส่ใจตัวเอง 🔹 ดูแลคนรอบข้าง

📍เข้าใจ ไม่ตัดสิน 📍ให้กำลังใจ 📍สร้างสังคมแห่งความเข้าใจ

🎯 คลิกอ่านเลย https://ampaiindee.blogspot.com/2025/03/ep45-5-bipolar-disorder-f31.html

#โรคสองขั้ว #BipolarDisorder #MentalHealthMatters #สุขภาพจิตสำคัญ #ดูแลใจให้แข็งแรง #ให้กำลังใจ #เราไปด้วยกัน

โพสต์นี้ช่วยให้ใครเข้าใจโรคนี้มากขึ้นไหม? แชร์ต่อให้คนที่คุณห่วงใยกันนะ!

..............................