Psych. Topic 3: Schizophrenia -F20
1. พยาธิสภาพ
(เกิดอะไรขึ้นกับสมอง?)
โรคจิตเภทเป็นความผิดปกติของสมองที่ทำให้
ความคิด อารมณ์ และการรับรู้ผิดปกติ ส่งผลให้ผู้ป่วยอาจหูแว่ว
เห็นภาพหลอน หรือมีความคิดแปลกๆ ที่คนอื่นเข้าใจไม่ได้
🧩 เปรียบเหมือน “สมองทำงานผิดจังหวะ”
ส่งสัญญาณผิดพลาด ทำให้แยกแยะสิ่งที่เกิดขึ้นจริงและจินตนาการได้ยากขึ้น
2. ปัจจัยที่ทำให้เกิดโรค
📌 พันธุกรรม – ถ้ามีคนในครอบครัวเป็น
ความเสี่ยงเพิ่มขึ้น
📌 สารเคมีในสมองผิดปกติ – โดยเฉพาะสารโดพามีน (Dopamine)
📌 ความเครียดและสิ่งแวดล้อม – เหตุการณ์สะเทือนใจ การใช้สารเสพติด
3. การรักษา
(ควบคุมอาการได้ ถ้ารักษาต่อเนื่อง!)
💊 ยา – ยาต้านโรคจิตช่วยควบคุมอาการ
ห้ามหยุดยาเอง
🧠 จิตบำบัด – ฝึกจัดการอารมณ์
ความคิด และพฤติกรรม
🏥 การดูแลระยะยาว – อาจต้องมีทีมแพทย์ช่วยเหลืออย่างต่อเนื่อง
4. การพยาบาล
(ดูแลผู้ป่วยอย่างไร?)
👂 รับฟังด้วยความเข้าใจ – ไม่ขัดแย้งหรือหักล้างความคิดของผู้ป่วยทันที
💊 กระตุ้นให้กินยาอย่างสม่ำเสมอ – อาการจะดีขึ้นเมื่อได้รับยา
💙 ลดสิ่งกระตุ้น – หลีกเลี่ยงความเครียดหรือสถานการณ์ที่อาจกระตุ้นอาการ
5. การดูแลสำหรับบุคคลทั่วไป
(ถ้าเจออาการ ควรทำยังไง?)
✅ หากสงสัยว่ามีอาการ ให้พบแพทย์เร็วที่สุด
✅ ไม่ตัดสินหรือต่อว่า
แต่ให้ความเข้าใจและช่วยเหลือ
✅ ช่วยดูแลสภาพแวดล้อมให้อบอุ่น ลดความเครียด
✅ ถ้าผู้ป่วยมีพฤติกรรมรุนแรง
ควรขอความช่วยเหลือจากแพทย์ทันที
........................................................
🧠 เข้าใจง่าย ดูแลได้ ไม่ต้องกลัว
🧠 "โรคจิตเภท... ไม่ใช่ความบ้า รักษาได้
💙เริ่มต้นจาก "ความเข้าใจ"
และ "การช่วยเหลือที่ถูกต้อง"
📌 คลิกอ่านเลย! https://ampaiindee.blogspot.com/2025/03/ep44-4-schizophrenia-f20.html
📢 แชร์ไว้ เพื่อเข้าใจและช่วยกันดูแลคนรอบตัว! 💙
#เข้าใจโรคจิตเภท #Schizophrenia
#ดูแลใจให้กัน #MentalHealthMatters #ให้ความเข้าใจแทนการตัดสิน
#ดูแลใจไม่ตัดสิน
...................................................................
2. วินิจฉัยการพยาบาลผู้ป่วยโรคจิตเภท (Schizophrenia - F20)
- F20F1 มีความเสี่ยงต่ออันตรายต่อตนเองและผู้อื่น (Risk for violence: self-directed or other-directed)
- F20F2 มีภาวะหลงผิด (Disturbed thought processes: Delusions)
- F20F3 มีภาวะประสาทหลอน (Disturbed sensory perception: Hallucinations)
- F20F4 มีความวิตกกังวลและกลัว (Severe anxiety and fear)
- F20F5 มีพฤติกรรมผิดปกติ/ไม่เหมาะสม (Impaired social interaction and inappropriate behavior)
- F20F6 ไม่สามารถดูแลตนเองได้ (Self-care deficit: dressing, eating, hygiene)
- F20F7 ขาดความร่วมมือในการใช้ยา (Ineffective adherence to medication regimen)
- F20F8 มีความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนจากยารักษาโรคจิต (Risk for adverse effects of antipsychotic medications)
- F20F9 ขาดทักษะในการใช้ชีวิตในสังคม (Impaired social functioning and role performance)
- F20F10 มีความเสี่ยงต่อการกำเริบของโรค (Risk for relapse)
- F20F11 ครอบครัวขาดความเข้าใจในการดูแลผู้ป่วย (Knowledge deficit: Family coping and care for schizophrenia patients)
...................................................................
F20F1 มีความเสี่ยงต่ออันตรายต่อตนเองและผู้อื่น
(Risk for violence: self-directed or other-directed)
Assessment (การประเมิน)
S:
- ผู้ป่วยพูดว่า "มีคนจะทำร้ายฉัน" หรือ "ฉันอยากหายไปจากโลกนี้"
- ครอบครัวแจ้งว่าผู้ป่วยมีพฤติกรรมก้าวร้าวหรือทำร้ายตนเอง
O:
- ผู้ป่วยมีท่าทางระแวง หันมองรอบตัวบ่อย
- พูดคนเดียว หรือเถียงกับสิ่งที่ไม่มีอยู่จริง
- แสดงพฤติกรรมก้าวร้าว เช่น กำมือแน่น กัดฟัน หรือลุกลี้ลุกลน
- พยายามทำร้ายตนเอง เช่น ข่วนแขน กระแทกศีรษะ
- ปฏิเสธการดูแล หรือไม่ยอมรับประทานอาหาร/ยา
Goals (เป้าหมาย)
- ผู้ป่วยปลอดภัยจากการทำร้ายตนเองและผู้อื่น
- ลดความวิตกกังวลและพฤติกรรมก้าวร้าว
- สามารถสื่อสารความต้องการได้โดยไม่ใช้ความรุนแรง
- มีการตอบสนองต่อการดูแลทางการแพทย์
Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมินผล)
- ผู้ป่วยไม่มีพฤติกรรมทำร้ายตนเองหรือผู้อื่น
- ระดับความวิตกกังวลลดลง สงบลงมากขึ้น
- สามารถสื่อสารความต้องการได้โดยไม่ใช้ความรุนแรง
- ให้ความร่วมมือในการรักษาและรับประทานยา
Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)
- F20F1I-1: ประเมินพฤติกรรมผู้ป่วยทุก 15-30 นาที โดยสังเกตท่าทาง สีหน้า และการตอบสนอง
- F20F1I-2: จัดสภาพแวดล้อมให้ปลอดภัย (ไม่มีของมีคม/ของหนัก/สิ่งที่อาจใช้ทำร้ายตัวเอง)
- F20F1I-3: อยู่ใกล้ชิดผู้ป่วยและพูดคุยด้วยน้ำเสียงสงบ มั่นคง (เพื่อสร้างความไว้วางใจและลดความวิตกกังวล)
- F20F1I-4: หากผู้ป่วยเริ่มมีพฤติกรรมก้าวร้าว ให้ใช้เทคนิคเบี่ยงเบนความสนใจ (พูดคุยเรื่องอื่น หรือชวนทำกิจกรรมที่สงบ เช่น วาดภาพ ฟังเพลง)
- F20F1I-5: หลีกเลี่ยงการเถียงหรือขัดแย้งกับความคิดหลงผิดของผู้ป่วย (เช่น "ฉันเข้าใจว่าคุณรู้สึกแบบนี้" แทนการปฏิเสธสิ่งที่เขาเชื่อ)
- F20F1I-6: ให้ผู้ป่วยได้รับยาอย่างต่อเนื่อง และติดตามอาการข้างเคียงจากยา
- F20F1I-7: หากผู้ป่วยเริ่มมีพฤติกรรมรุนแรง ให้ใช้การจำกัดพื้นที่ (Seclusion) หรือการจำกัดการเคลื่อนไหว (Restraint) ตามมาตรฐาน
- F20F1I-8: ให้การสนับสนุนครอบครัว โดยให้คำแนะนำเกี่ยวกับการรับมือกับพฤติกรรมผู้ป่วย
Response (การตอบสนอง)
- F20F1R-1: ผู้ป่วยไม่มีพฤติกรรมทำร้ายตนเองหรือผู้อื่น ภายใน 24 ชั่วโมงแรกของการดูแล
- F20F1R-2: ผู้ป่วยสามารถสงบลงหลังได้รับการดูแลโดยไม่ต้องใช้วิธีจำกัดการเคลื่อนไหว
- F20F1R-3: ผู้ป่วยให้ความร่วมมือในการรับประทานยาและเข้าร่วมกิจกรรมบำบัด
- F20F1R-4: ครอบครัวเข้าใจแนวทางการดูแลและสามารถจัดการกับพฤติกรรมของผู้ป่วยได้
..............................................................
F20F2 มีภาวะหลงผิด (Disturbed
thought processes: Delusions)
Assessment (การประเมิน)
S:
- ผู้ป่วยพูดว่า "มีคนแอบติดตามฉัน" หรือ "ฉันเป็นพระเจ้า"
- ปฏิเสธข้อมูลที่ขัดแย้งกับความเชื่อของตนเอง
- ครอบครัวแจ้งว่าผู้ป่วยแสดงพฤติกรรมหวาดระแวง
O:
- มีอารมณ์ตื่นกลัว หวาดระแวง หรือโกรธง่าย
- แยกตัว ไม่ยอมพูดคุยกับผู้อื่น
- แสดงพฤติกรรมป้องกันตัว เช่น ตรวจสอบรอบตัวบ่อยๆ
- ปฏิเสธการรับประทานอาหารหรือยาเพราะคิดว่ามีคนวางยา
Goals (เป้าหมาย)
- ผู้ป่วยสามารถควบคุมและลดความรุนแรงของความหลงผิดได้
- สามารถแยกแยะความคิดที่ผิดปกติออกจากความเป็นจริง
- มีปฏิสัมพันธ์กับบุคคลรอบข้างมากขึ้น
- ให้ความร่วมมือในการรักษาและรับประทานยา
Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมินผล)
- ผู้ป่วยมีพฤติกรรมสงบลงและตอบสนองต่อสภาพแวดล้อมได้ดีขึ้น
- ลดการพูดถึงความเชื่อหลงผิดลงอย่างเห็นได้ชัด
- ให้ความร่วมมือในการรักษาและรับประทานยา
- มีปฏิสัมพันธ์กับบุคคลรอบข้างและสามารถทำกิจวัตรประจำวันได้
Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)
- F20F2I-1: ประเมินระดับความรุนแรงของภาวะหลงผิดและผลกระทบต่อพฤติกรรมของผู้ป่วย
- F20F2I-2: หลีกเลี่ยงการโต้แย้งหรือพยายามเปลี่ยนแปลงความเชื่อของผู้ป่วยโดยตรง (เพื่อป้องกันความขัดแย้งและลดความวิตกกังวล)
- F20F2I-3: ใช้วิธีตอบกลับที่เป็นกลาง เช่น "ฉันเข้าใจว่าคุณรู้สึกแบบนั้น" แทนการปฏิเสธสิ่งที่ผู้ป่วยเชื่อ
- F20F2I-4: สนับสนุนให้ผู้ป่วยพูดคุยเกี่ยวกับความเป็นจริงและให้ข้อมูลที่ถูกต้องในเวลาที่เหมาะสม
- F20F2I-5: ส่งเสริมการทำกิจกรรมที่ช่วยเบี่ยงเบนความสนใจจากความคิดหลงผิด (เช่น งานอดิเรก การออกกำลังกาย กิจกรรมกลุ่ม)
- F20F2I-6: ติดตามและให้ยาตามแผนการรักษา (ยากลุ่มต้านโรคจิต เช่น Antipsychotics) พร้อมสังเกตอาการข้างเคียง
- F20F2I-7: ให้การสนับสนุนทางอารมณ์แก่ครอบครัว โดยให้ความรู้เกี่ยวกับภาวะหลงผิดและแนวทางการดูแลที่เหมาะสม
- F20F2I-8: ประเมินระดับความเครียดและภาวะซึมเศร้าของผู้ป่วย เพื่อลดความเสี่ยงต่อการทำร้ายตนเอง
Response (การตอบสนอง)
- F20F2R-1: ผู้ป่วยพูดถึงความหลงผิดลดลง และสามารถอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้ดีขึ้น
- F20F2R-2: ผู้ป่วยสามารถแยกแยะระหว่างความคิดที่ผิดปกติและความเป็นจริงได้ในบางสถานการณ์
- F20F2R-3: ให้ความร่วมมือในการรักษาและรับประทานยาอย่างสม่ำเสมอ
- F20F2R-4: ครอบครัวเข้าใจแนวทางการดูแลและสามารถช่วยลดภาวะเครียดของผู้ป่วยได้
..........................................................................
F20F3 มีภาวะประสาทหลอน
(Disturbed sensory perception: Hallucinations)
Assessment (การประเมิน)
S:
- ผู้ป่วยพูดว่า "ฉันได้ยินเสียงคนคุยกันเกี่ยวกับฉัน" หรือ "มีใครบางคนกำลังสั่งให้ฉันทำอะไรบางอย่าง"
- แสดงความกลัว วิตกกังวล หรือปฏิเสธว่ามีสิ่งที่มองไม่เห็น
- บางครั้งพูดคนเดียวหรือขานรับสิ่งที่ไม่มีอยู่จริง
O:
- มีพฤติกรรมหวาดระแวง มองซ้าย-ขวา เหมือนมองหาอะไรบางอย่าง
- ขาดสมาธิ ไม่สามารถโฟกัสที่บทสนทนาหรือกิจกรรมตรงหน้า
- อารมณ์แปรปรวน ตอบสนองต่อสิ่งที่ไม่มีอยู่จริง เช่น หัวเราะหรือโกรธโดยไม่มีเหตุผล
- มีแนวโน้มแยกตัว ไม่พูดคุยหรือให้ความร่วมมือในการรักษา
Goals (เป้าหมาย)
ผู้ป่วยสามารถแยกแยะระหว่างภาพหลอนและความเป็นจริงได้ดีขึ้น
- ลดความถี่และความรุนแรงของอาการประสาทหลอน
- ผู้ป่วยสามารถจัดการกับอาการได้อย่างเหมาะสมโดยไม่เป็นอันตรายต่อตนเองและผู้อื่น
- ให้ความร่วมมือในการรักษาและสามารถทำกิจวัตรประจำวันได้
Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมินผล)
- ผู้ป่วยพูดถึงอาการประสาทหลอนลดลง และสามารถเพิกเฉยได้บางครั้ง
- ลดพฤติกรรมตอบสนองต่อสิ่งเร้าที่ไม่มีอยู่จริง
- มีสมาธิและสามารถเข้าร่วมกิจกรรมได้มากขึ้น
- ให้ความร่วมมือในการรับประทานยาและการรักษา
Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)
- F20F3I-1: ประเมินลักษณะของประสาทหลอน (เช่น เสียง ภาพ หรือสัมผัส) ความถี่ ความรุนแรง และผลกระทบต่อพฤติกรรมของผู้ป่วย
- F20F3I-2: หลีกเลี่ยงการโต้แย้งหรือสนับสนุนความเชื่อของผู้ป่วยเกี่ยวกับประสาทหลอน (เพื่อป้องกันความสับสนและเสริมสร้างความเป็นจริง)
- F20F3I-3: ใช้วิธีตอบสนองที่เป็นกลาง เช่น "ฉันเข้าใจว่าคุณรู้สึกแบบนั้น แต่ฉันไม่ได้ยินเสียงอะไรเลย"
- F20F3I-4: ส่งเสริมให้ผู้ป่วยใช้กลยุทธ์เบี่ยงเบนความสนใจ (เช่น ฟังเพลง ออกกำลังกาย หรือเข้าร่วมกิจกรรมกลุ่ม)
- F20F3I-5: กระตุ้นให้ผู้ป่วยแยกแยะระหว่างภาพหลอนกับความเป็นจริง โดยให้พูดคุยกับบุคคลจริงรอบตัวมากขึ้น
- F20F3I-6: ติดตามและให้ยาตามแผนการรักษา (เช่น ยากลุ่ม Antipsychotics) พร้อมเฝ้าระวังผลข้างเคียงของยา
- F20F3I-7: สร้างสภาพแวดล้อมที่สงบ ลดสิ่งเร้าที่อาจกระตุ้นอาการประสาทหลอน เช่น เสียงดังหรือแสงไฟที่รบกวน
- F20F3I-8: ให้การสนับสนุนทางอารมณ์แก่ครอบครัว โดยให้ความรู้เกี่ยวกับภาวะประสาทหลอนและแนวทางการดูแล
Response (การตอบสนอง)
- F20F3R-1: ผู้ป่วยสามารถบอกได้ว่าอาการประสาทหลอนเป็นเพียงอาการของโรค และเริ่มเพิกเฉยได้บ้าง
- F20F3R-2: ลดพฤติกรรมตอบสนองต่อภาพหลอน และสามารถเข้าร่วมกิจกรรมในชีวิตประจำวันได้มากขึ้น
- F20F3R-3: มีสมาธิเพิ่มขึ้น และสามารถโต้ตอบกับบุคคลรอบข้างได้ดีขึ้น
- F20F3R-4: ให้ความร่วมมือในการรับประทานยาและติดตามการรักษาอย่างต่อเนื่อง
............................................................
F20F4 มีความวิตกกังวลและกลัว
(Severe anxiety and fear)
Assessment (การประเมิน)
S:
- ผู้ป่วยรู้สึกกังวล กลัว หรือหวาดระแวงมากผิดปกติ
- บ่นว่า "รู้สึกเหมือนมีคนจะทำร้าย" หรือ "ไม่ปลอดภัย"
- มีอาการทางร่างกาย เช่น ใจสั่น เหงื่อออก หายใจเร็ว
O:
- แสดงสีหน้าหวาดกลัว หลีกเลี่ยงการสบตา
- พฤติกรรมกระสับกระส่าย เดินไปมา หรือเกร็งตัว
- ตอบสนองไวต่อสิ่งแวดล้อม เช่น สะดุ้งง่าย
Goals (เป้าหมาย)
- ลดความวิตกกังวลและความกลัวของผู้ป่วย
- ช่วยให้ผู้ป่วยสามารถควบคุมอารมณ์และใช้เทคนิคผ่อนคลายได้
- สนับสนุนให้ผู้ป่วยรู้สึกปลอดภัยและมั่นใจในการดูแลตนเอง
Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)
- ผู้ป่วยสามารถลดความวิตกกังวลได้
- มีอารมณ์และพฤติกรรมสงบขึ้น
- สามารถสื่อสารความต้องการได้ชัดเจน
Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)
- F20F4I-1: ประเมินระดับความวิตกกังวลและปัจจัยกระตุ้น
- F20F4I-2: จัดสภาพแวดล้อมให้สงบ ลดเสียงดังและสิ่งเร้าที่กระตุ้นความกลัว
- F20F4I-3: ใช้น้ำเสียงนุ่มนวล ให้การสัมผัสที่อ่อนโยน เพื่อสร้างความมั่นใจ
- F20F4I-4: สอนเทคนิคผ่อนคลาย เช่น การหายใจลึก ๆ หรือการใช้จินตภาพเชิงบวก
- F20F4I-5: อยู่กับผู้ป่วยเมื่อลดความวิตกกังวล เพื่อให้รู้สึกปลอดภัย
- F20F4I-6: หลีกเลี่ยงการบังคับหรือเร่งรัดให้ผู้ป่วยพูดถึงความกลัวทันที
- F20F4I-7: กระตุ้นให้ทำกิจกรรมเบา ๆ เช่น วาดภาพ ฟังเพลง
- F20F4I-8: ให้ยาตามแผนการรักษา และติดตามผลข้างเคียงของยา
Response (การตอบสนอง)
- F20F4R-1: ผู้ป่วยลดพฤติกรรมหวาดกลัว กระสับกระส่าย
- F20F4R-2: แสดงออกถึงความรู้สึกปลอดภัยมากขึ้น
- F20F4R-3: ใช้เทคนิคผ่อนคลายได้ด้วยตัวเอง
- F20F4R-4: ให้ความร่วมมือในการดูแลและติดตามอาการ
............................................................
F20F5 มีพฤติกรรมผิดปกติ/ไม่เหมาะสม
(Impaired social interaction and inappropriate behavior)
Assessment (การประเมิน)
S:
- ผู้ป่วยมีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม เช่น พูดจาไม่เข้ากับสถานการณ์ แสดงออกก้าวร้าว หรือไม่คำนึงถึงความเหมาะสม
- บ่นว่า "ไม่มีใครเข้าใจฉัน" หรือ "ฉันไม่รู้จะคุยกับคนอื่นอย่างไร"
- มีอาการทางอารมณ์ไม่คงที่ เช่น หัวเราะหรือร้องไห้โดยไม่มีเหตุผล
O:
- พูดคนเดียว หรือโต้ตอบกับสิ่งที่ไม่มีอยู่จริง
- แสดงพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมต่อสังคม เช่น ตะโกนเสียงดังในที่สาธารณะ หรือแสดงท่าทางแปลก ๆ
- มีปัญหาในการสร้างความสัมพันธ์กับผู้อื่น
Goals (เป้าหมาย)
- ผู้ป่วยสามารถควบคุมพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมได้
- ส่งเสริมการสื่อสารและปฏิสัมพันธ์ทางสังคมที่ดีขึ้น
- ลดความกังวลและเพิ่มความมั่นใจในการเข้าสังคม
Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)
- ผู้ป่วยสามารถลดพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมลงได้
- สามารถสื่อสารกับผู้อื่นได้ดีขึ้น
- มีความมั่นใจในการเข้าสังคมมากขึ้น
Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)
- F20F5I-1: ประเมินพฤติกรรมของผู้ป่วยและปัจจัยที่กระตุ้นให้เกิดพฤติกรรมไม่เหมาะสม
- F20F5I-2: จัดสภาพแวดล้อมให้สงบ ลดสิ่งเร้าที่อาจกระตุ้นพฤติกรรมผิดปกติ
- F20F5I-3: ใช้การสื่อสารที่ชัดเจนและมั่นคง เมื่อพูดคุยกับผู้ป่วย
- F20F5I-4: แนะนำเทคนิคควบคุมอารมณ์ เช่น หายใจลึก ๆ หรือฝึกสมาธิ
- F20F5I-5: สนับสนุนให้ผู้ป่วยเข้าร่วมกิจกรรมกลุ่ม เพื่อฝึกการปฏิสัมพันธ์ทางสังคม
- F20F5I-6: ให้คำแนะนำเกี่ยวกับพฤติกรรมที่เหมาะสมในการอยู่ร่วมกับผู้อื่น
- F20F5I-7: หลีกเลี่ยงการตำหนิ แต่ให้คำแนะนำด้วยท่าทีที่เข้าใจและให้กำลังใจ
- F20F5I-8: ประเมินผลข้างเคียงของยาที่อาจส่งผลต่อพฤติกรรม และรายงานแพทย์หากจำเป็น
Response (การตอบสนอง)
- F20F5R-1: ผู้ป่วยลดพฤติกรรมไม่เหมาะสมลงอย่างเห็นได้ชัด
- F20F5R-2: สามารถโต้ตอบและสื่อสารกับผู้อื่นได้ดีขึ้น
- F20F5R-3: มีความมั่นใจและเข้าร่วมกิจกรรมสังคมมากขึ้น
- F20F5R-4: สามารถควบคุมอารมณ์ได้ดีขึ้นเมื่อเผชิญกับสถานการณ์ที่ตึงเครียด
.....................................................................
F20F6 ไม่สามารถดูแลตนเองได้
(Self-care deficit: dressing, eating, hygiene)
Assessment (การประเมิน)
S:
- ผู้ป่วยมีปัญหาในการทำกิจกรรมประจำวัน เช่น การแต่งตัว, การกิน, การอาบน้ำ
- พูดว่า "ไม่มีแรงทำเอง" หรือ "ไม่รู้สึกอยากทำตัวเอง"
- ปฏิเสธที่จะทำกิจวัตรประจำวัน เช่น ไม่อาบน้ำหรือไม่แต่งตัว
O:
- เสื้อผ้าไม่เรียบร้อยหรือสกปรก
- ผู้ป่วยมีกลิ่นตัวไม่พึงประสงค์
- อาการเหนื่อยล้าและขาดความสนใจในการดูแลตัวเอง
Goals (เป้าหมาย)
- ผู้ป่วยสามารถดูแลตัวเองได้มากขึ้น เช่น การแต่งตัวและการกิน
- เพิ่มความสนใจในการทำกิจกรรมประจำวันและการดูแลสุขอนามัย
- ลดความพึ่งพาผู้อื่นในการดูแลตนเอง
Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)
- ผู้ป่วยสามารถทำกิจกรรมประจำวันด้วยตนเองได้
- ผู้ป่วยมีสุขอนามัยที่ดีและแต่งตัวเรียบร้อย
- ผู้ป่วยสามารถทานอาหารได้อย่างอิสระมากขึ้น
Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)
- F20F6I-1: ประเมินความสามารถในการทำกิจกรรมประจำวัน เช่น การแต่งตัว, การกิน, และการอาบน้ำ
- F20F6I-2: สนับสนุนให้ผู้ป่วยทำกิจกรรมเหล่านี้ทีละขั้นตอน เช่น แนะนำให้แต่งตัวเป็นชุดที่ง่ายต่อการสวมใส่
- F20F6I-3: จัดให้มีสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมเพื่อช่วยเหลือในการดูแลตัวเอง เช่น การจัดเตรียมอุปกรณ์สำหรับการอาบน้ำ
- F20F6I-4: แนะนำให้มีเวลาที่เหมาะสมในการทำกิจวัตรประจำวัน เช่น กำหนดเวลาในการทานอาหารและอาบน้ำ
- F20F6I-5: สอนและให้คำแนะนำในการดูแลสุขอนามัยพื้นฐาน เช่น การล้างมือ การแปรงฟัน
- F20F6I-6: สนับสนุนให้ผู้ป่วยทำกิจกรรมโดยตัวเองให้มากที่สุด แม้จะต้องการความช่วยเหลือเล็กน้อย
- F20F6I-7: ให้กำลังใจผู้ป่วยเมื่อสามารถทำกิจกรรมได้สำเร็จ เช่น การแต่งตัวเองหรือทานอาหาร
- F20F6I-8: ประเมินผลข้างเคียงของยาและผลกระทบต่อความสามารถในการดูแลตัวเอง
Response (การตอบสนอง)
- F20F6R-1: ผู้ป่วยสามารถทำกิจกรรมพื้นฐานเช่นการแต่งตัวและทานอาหารได้เองมากขึ้น
- F20F6R-2: สุขอนามัยของผู้ป่วยดีขึ้น และผู้ป่วยมีสุขภาพที่ดีขึ้นจากการดูแลตัวเอง
- F20F6R-3: ผู้ป่วยรู้สึกภูมิใจในตัวเองเมื่อสามารถดูแลตัวเองได้
- F20F6R-4: ผู้ป่วยสามารถทานอาหารและอาบน้ำได้โดยไม่มีความช่วยเหลือมากนัก
..........................................................................
F20F7 ขาดความร่วมมือในการใช้ยา
(Ineffective adherence to medication regimen)
Assessment (การประเมิน)
S:
- ผู้ป่วยบอกว่า "ไม่เห็นความสำคัญในการทานยา" หรือ "ยามีผลข้างเคียงที่ไม่ดี"
- ผู้ป่วยลืมทานยาเป็นประจำ
- ผู้ป่วยมีอาการแย่ลงเมื่อไม่ได้ทานยา
O:
- ผู้ป่วยมีอาการโรคจิตเพิ่มขึ้น เช่น มีความคิดหลงผิดหรือประสาทหลอน
- ตรวจสอบประวัติการทานยาและพบว่าผู้ป่วยไม่ได้ทานยาอย่างสม่ำเสมอ
- อาการทางจิตใจแย่ลงเมื่อไม่ได้รับยาตามกำหนด
Goals (เป้าหมาย)
- ผู้ป่วยรับรู้ความสำคัญของการทานยาอย่างสม่ำเสมอ
- ผู้ป่วยมีความร่วมมือในการใช้ยาตามแผนการรักษา
- ลดการเกิดอาการทางจิตที่เกิดจากการไม่ทานยา
Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)
- ผู้ป่วยทานยาตามคำแนะนำอย่างสม่ำเสมอ
- ผู้ป่วยสามารถอธิบายถึงความสำคัญของการทานยา
- ผู้ป่วยมีอาการทางจิตลดลงจากการทานยา
Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)
- F20F7I-1: สอบถามและประเมินปัญหาที่ผู้ป่วยพบเกี่ยวกับการทานยา เช่น ผลข้างเคียงหรือความไม่สะดวกในการทานยา
- F20F7I-2: อธิบายให้ผู้ป่วยเข้าใจถึงผลดีของการทานยาและความเสี่ยงจากการไม่ทานยาอย่างสม่ำเสมอ
- F20F7I-3: จัดตารางการทานยาให้ผู้ป่วยและครอบครัว เพื่อเพิ่มความสะดวกในการทานยา
- F20F7I-4: ให้การสนับสนุนเพิ่มเติม เช่น การเตือนการทานยา หรือการใช้แอพพลิเคชันเพื่อติดตามการทานยา
- F20F7I-5: สร้างแรงจูงใจให้ผู้ป่วยทานยาผ่านการเสริมพลังจิตใจ เช่น การให้รางวัลเมื่อทานยา
- F20F7I-6: ตรวจสอบประสิทธิภาพของการทานยา และปรับแผนการรักษาเมื่อจำเป็น
- F20F7I-7: พูดคุยกับครอบครัวเพื่อเพิ่มการสนับสนุนในการใช้ยา
- F20F7I-8: จัดให้มีการติดตามผลการใช้ยาอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีการหยุดทานยาโดยไม่ได้รับการแจ้ง
Response (การตอบสนอง)
- F20F7R-1: ผู้ป่วยเริ่มทานยาอย่างสม่ำเสมอและไม่มีปัญหาจากการลืมทานยา
- F20F7R-2: ผู้ป่วยสามารถอธิบายถึงผลดีของการทานยาและการไม่ทานยา
- F20F7R-3: ผู้ป่วยมีอาการทางจิตลดลงอย่างเห็นได้ชัดจากการทานยา
- F20F7R-4: ครอบครัวให้การสนับสนุนและช่วยติดตามการทานยา
..........................................................
F20F8 ความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนจากยารักษาโรคจิต
(Risk for adverse effects of antipsychotic medications)
Assessment (การประเมิน)
S:
- ผู้ป่วยรายงานอาการเช่น เวียนศีรษะหรือมึนงงหลังจากทานยา
- ผู้ป่วยมีอาการอ่อนเพลีย หรือเคลื่อนไหวช้ากว่าปกติ
- ผู้ป่วยมีปัญหาทางการมองเห็นหรือการพูดหลังจากทานยา
O:
- ผู้ป่วยแสดงอาการที่เกี่ยวข้องกับยาประเภทยาแอนติโพไซโคติก เช่น กล้ามเนื้อแข็ง, เคลื่อนไหวช้า, ความดันโลหิตต่ำ
- ผลการตรวจพบการเพิ่มน้ำหนักหรืออาการทางเดินอาหารผิดปกติ
Goals (เป้าหมาย)
- ลดความเสี่ยงจากภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดจากการใช้ยา
- ป้องกันอาการข้างเคียงจากยารักษาโรคจิต
- ผู้ป่วยสามารถเข้าใจและรับมือกับภาวะแทรกซ้อนจากยาที่ใช้รักษาโรคจิต
Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)
- ผู้ป่วยไม่มีอาการข้างเคียงรุนแรงจากการใช้ยา
- ผลการตรวจเลือดหรือการตรวจสุขภาพอื่น ๆ แสดงการทำงานปกติของอวัยวะ
- ผู้ป่วยสามารถบอกอาการข้างเคียงที่เกิดจากยาได้อย่างชัดเจน
Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)
- F20F8I-1: สังเกตและบันทึกอาการข้างเคียงของยาอย่างสม่ำเสมอ เช่น กล้ามเนื้อแข็ง, เวียนศีรษะ, น้ำหนักเพิ่ม
- F20F8I-2: ให้คำแนะนำผู้ป่วยเกี่ยวกับการลดความเสี่ยงจากภาวะแทรกซ้อนของยา เช่น การหลีกเลี่ยงการขับขี่หรือลดการทำกิจกรรมที่มีความเสี่ยง
- F20F8I-3: สอนผู้ป่วยเกี่ยวกับการปฏิบัติตัวเมื่อเกิดอาการข้างเคียง เช่น การหยุดใช้ยาและติดต่อแพทย์ทันที
- F20F8I-4: ตรวจสอบน้ำหนักตัวและค่าเลือดเป็นประจำ เช่น การตรวจระดับน้ำตาลในเลือดและไขมันในเลือด
- F20F8I-5: จัดให้มีการตรวจสุขภาพอย่างสม่ำเสมอเพื่อติดตามผลกระทบจากการใช้ยา เช่น การตรวจประสิทธิภาพของตับและไต
- F20F8I-6: แจ้งให้ผู้ป่วยทราบถึงอาการข้างเคียงที่พบบ่อย และวิธีการดูแลเมื่อเกิดอาการดังกล่าว
- F20F8I-7: ประสานงานกับทีมแพทย์เพื่อปรับเปลี่ยนยาหรือกำหนดการใช้ยาให้เหมาะสมหากพบภาวะแทรกซ้อน
- F20F8I-8: สนับสนุนผู้ป่วยให้มีการพูดคุยเกี่ยวกับผลข้างเคียงจากยาและยินดีรับคำแนะนำจากแพทย์
Response (การตอบสนอง)
- F20F8R-1: ผู้ป่วยรายงานอาการข้างเคียงลดลงหรือไม่เกิดอาการข้างเคียงจากยา
- F20F8R-2: ผลการตรวจสุขภาพแสดงว่าผู้ป่วยไม่มีภาวะแทรกซ้อนจากยาหรือมีการปรับระดับการใช้ยา
- F20F8R-3: ผู้ป่วยสามารถรายงานอาการข้างเคียงที่เกิดขึ้นและให้ข้อมูลที่ถูกต้องแก่พยาบาลและแพทย์
- F20F8R-4: ผู้ป่วยสามารถปฏิบัติตามคำแนะนำในการลดความเสี่ยงจากภาวะแทรกซ้อนจากยารักษาโรคจิต
.....................................................................
F20F9 ขาดทักษะในการใช้ชีวิตในสังคม
(Impaired social functioning and role performance)
Assessment (การประเมิน)
S:
- ผู้ป่วยมีความยากลำบากในการมีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น
- ผู้ป่วยแสดงพฤติกรรมหลีกเลี่ยงการพูดคุยหรือการมีส่วนร่วมในกิจกรรมสังคม
- ผู้ป่วยรายงานรู้สึกโดดเดี่ยวหรือไม่สามารถสร้างความสัมพันธ์กับผู้อื่น
O:
- ผู้ป่วยไม่สามารถทำงานหรือเรียนได้ตามปกติ
- ผู้ป่วยมีพฤติกรรมหลีกเลี่ยงการติดต่อกับครอบครัวหรือเพื่อนร่วมงาน
- ผู้ป่วยไม่สามารถทำกิจกรรมที่ต้องใช้ทักษะการสื่อสารหรือร่วมงานกับผู้อื่นได้
Goals (เป้าหมาย)
- ผู้ป่วยสามารถสร้างและรักษาความสัมพันธ์ทางสังคมได้ดีขึ้น
- ผู้ป่วยมีทักษะในการทำกิจกรรมร่วมกับผู้อื่นในชีวิตประจำวัน
- ผู้ป่วยสามารถปรับปรุงการทำงานหรือการเรียนในสภาพแวดล้อมสังคม
Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)
- ผู้ป่วยมีการมีส่วนร่วมในกิจกรรมสังคมมากขึ้น เช่น การพูดคุยกับคนอื่นหรือเข้าร่วมกิจกรรมกลุ่ม
- ผู้ป่วยสามารถปรับปรุงทักษะในการทำงานหรือการเรียน
- ผู้ป่วยมีการทำงานร่วมกับครอบครัวหรือเพื่อนร่วมงานได้ดีขึ้น
Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)
- F20F9I-1: ส่งเสริมให้ผู้ป่วยเข้าร่วมกิจกรรมสังคมที่ไม่ต้องใช้ความซับซ้อนในการติดต่อ เช่น การพูดคุยกับเพื่อนหรือการเข้าร่วมกลุ่มสนทนา
- F20F9I-2: ให้การสนับสนุนในเรื่องการฝึกทักษะการสื่อสารเพื่อพัฒนาความสามารถในการสร้างความสัมพันธ์
- F20F9I-3: ช่วยแนะนำผู้ป่วยเกี่ยวกับการตั้งเป้าหมายในการพัฒนาทักษะทางสังคม เช่น การมีการพูดคุยหรือเข้าร่วมกิจกรรมที่ต้องใช้ทักษะการทำงานเป็นกลุ่ม
- F20F9I-4: ส่งเสริมให้ผู้ป่วยมีส่วนร่วมในกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาอาชีพหรือการศึกษา เช่น การเข้าร่วมการสัมมนา
- F20F9I-5: ใช้การสนทนาแบบโค้ชชิ่งเพื่อช่วยให้ผู้ป่วยค้นหาทักษะทางสังคมที่สามารถปรับปรุงได้
- F20F9I-6: แนะนำผู้ป่วยให้มีการฝึกทักษะการจัดการเวลาในการทำกิจกรรมร่วมกับผู้อื่น
- F20F9I-7: จัดการประชุมกลุ่มสนับสนุนสำหรับผู้ป่วยที่มีความยากลำบากในการมีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น
- F20F9I-8: ประเมินและปรับการวางแผนการฝึกทักษะทางสังคมให้เหมาะสมตามความสามารถของผู้ป่วย
Response (การตอบสนอง)
- F20F9R-1: ผู้ป่วยเริ่มมีการพูดคุยหรือมีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่นในกิจกรรมทางสังคม
- F20F9R-2: ผู้ป่วยมีทักษะการสื่อสารที่ดีขึ้น เช่น การแสดงความคิดเห็นหรือการตอบสนองในกิจกรรมร่วมกลุ่ม
- F20F9R-3: ผู้ป่วยมีส่วนร่วมในกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการทำงานหรือการศึกษา
- F20F9R-4: ผู้ป่วยสามารถสร้างและรักษาความสัมพันธ์กับครอบครัวหรือเพื่อนร่วมงานได้ดีขึ้น
- ............................................................
F20F10 มีความเสี่ยงต่อการกำเริบของโรค
(Risk for relapse)
Assessment (การประเมิน)
S:
- ผู้ป่วยแสดงอาการซึมเศร้า, เครียด, หรือวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ต่าง ๆ
- ผู้ป่วยมีประวัติการขาดการติดตามการรักษา หรือหยุดยาด้วยตนเอง
- ผู้ป่วยมีอาการที่มักทวีความรุนแรงขึ้นเมื่อเผชิญกับความเครียด
- ผู้ป่วยไม่ปฏิบัติตามคำแนะนำในการใช้ยาอย่างถูกต้อง
O:
- ผู้ป่วยแสดงพฤติกรรมผิดปกติ เช่น พูดไม่ชัด, ทำกิจกรรมไม่ต่อเนื่อง
- ผู้ป่วยมีสัญญาณของการขาดการดูแลตนเอง เช่น การนอนไม่พอ, การทานอาหารไม่เพียงพอ
- ผู้ป่วยมีอาการของโรคซ้ำหรือแย่ลงเมื่อไม่มีการรักษาต่อเนื่อง
Goals (เป้าหมาย)
- ผู้ป่วยสามารถปฏิบัติตามแผนการรักษาได้อย่างต่อเนื่อง
- ผู้ป่วยสามารถรับประทานยาและเข้ารับการติดตามรักษาตามคำแนะนำ
- ผู้ป่วยลดความเครียดและความวิตกกังวลที่สามารถกระตุ้นการกำเริบของโรค
- ผู้ป่วยไม่แสดงอาการของการกำเริบของโรคในช่วงเวลาที่กำหนด
Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)
- ผู้ป่วยปฏิบัติตามคำแนะนำในการใช้ยาอย่างถูกต้อง
- ผู้ป่วยสามารถรับมือกับสถานการณ์เครียดได้ดีกว่าเดิม
- ผู้ป่วยไม่มีอาการของการกำเริบของโรคในระยะเวลาที่กำหนด
- ผู้ป่วยไม่มีพฤติกรรมที่แสดงถึงการขาดการดูแลตนเองหรือการหยุดยา
Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)
- F20F10I-1: ประเมินการใช้ยาของผู้ป่วยทุกครั้งเพื่อให้มั่นใจว่าได้รับยาตามแผนการรักษา
- F20F10I-2: สอนผู้ป่วยและครอบครัวเกี่ยวกับความสำคัญของการใช้ยาตามคำแนะนำและการติดตามรักษา
- F20F10I-3: ช่วยจัดการกับความเครียดของผู้ป่วยด้วยเทคนิคการผ่อนคลาย เช่น การหายใจลึก ๆ หรือการฝึกสมาธิ
- F20F10I-4: จัดการการติดตามการรักษาให้ต่อเนื่อง โดยการนัดหมายให้ผู้ป่วยกลับมาตรวจหรือพบแพทย์ตามกำหนด
- F20F10I-5: ให้การสนับสนุนทางสังคมแก่ผู้ป่วย เช่น การเข้าร่วมกลุ่มสนับสนุนสำหรับผู้ป่วยโรคจิตเภท
- F20F10I-6: กระตุ้นให้ผู้ป่วยมีส่วนร่วมในกิจกรรมที่ช่วยเสริมสร้างสุขภาพจิต เช่น การออกกำลังกาย
- F20F10I-7: แจ้งเตือนผู้ป่วยเกี่ยวกับสัญญาณที่อาจทำให้โรคกำเริบ เช่น การนอนหลับไม่เพียงพอหรือการขาดอาหาร
- F20F10I-8: ส่งเสริมให้ผู้ป่วยรักษาตารางเวลาการทานอาหารและการพักผ่อนให้เหมาะสม
Response (การตอบสนอง)
- F20F10R-1: ผู้ป่วยปฏิบัติตามแผนการรักษาและการใช้ยาตามคำแนะนำ
- F20F10R-2: ผู้ป่วยสามารถลดระดับความเครียดและจัดการกับความวิตกกังวลได้ดีขึ้น
- F20F10R-3: ผู้ป่วยไม่แสดงอาการของการกำเริบของโรคในช่วงระยะเวลาที่กำหนด
- F20F10R-4: ผู้ป่วยมีการติดตามการรักษาอย่างต่อเนื่องและไม่หยุดยาเอง
- F20F10R-5: ผู้ป่วยแสดงการพัฒนาในทักษะการดูแลตนเองและมีสุขภาพจิตที่ดีขึ้น
....................................................................
F20F11 ครอบครัวขาดความเข้าใจในการดูแลผู้ป่วย
(Knowledge deficit: Family coping and care for schizophrenia patients)
Assessment (การประเมิน)
S:
- ครอบครัวแสดงความกังวลเกี่ยวกับการดูแลผู้ป่วยและไม่มั่นใจในการจัดการกับอาการของผู้ป่วย
- ครอบครัวมีความรู้เกี่ยวกับโรคจิตเภทและการดูแลผู้ป่วยไม่เพียงพอ
- ครอบครัวอาจไม่ทราบวิธีจัดการกับสถานการณ์ที่ผู้ป่วยมีอาการกำเริบหรือประสบปัญหา
- ครอบครัวแสดงอาการเครียดหรือวิตกกังวลในการดูแลผู้ป่วย
O:
- ครอบครัวไม่สามารถให้การสนับสนุนผู้ป่วยได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- ครอบครัวไม่สามารถแยกแยะอาการที่ต้องการการดูแลพิเศษจากอาการปกติของโรค
- ครอบครัวแสดงอาการวิตกกังวลเมื่อผู้ป่วยมีอาการเปลี่ยนแปลง
Goals (เป้าหมาย)
- ครอบครัวมีความรู้และความเข้าใจในการดูแลผู้ป่วยโรคจิตเภท
- ครอบครัวสามารถจัดการกับอาการของผู้ป่วยได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- ครอบครัวสามารถลดความเครียดและความวิตกกังวลในการดูแลผู้ป่วย
- ครอบครัวสามารถใช้เทคนิคในการดูแลและให้การสนับสนุนผู้ป่วยได้อย่างเหมาะสม
Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)
- ครอบครัวสามารถให้การดูแลและสนับสนุนผู้ป่วยได้ตามแผนการรักษา
- ครอบครัวสามารถจัดการกับอาการของผู้ป่วยในสถานการณ์ต่าง ๆ ได้อย่างเหมาะสม
- ครอบครัวสามารถแยกแยะอาการปกติจากอาการที่ต้องการการดูแลพิเศษ
- ครอบครัวลดความเครียดในการดูแลผู้ป่วย
Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)
- F20F11I-1: จัดการประชุมให้ความรู้เกี่ยวกับโรคจิตเภทและการดูแลผู้ป่วยให้กับครอบครัว
- F20F11I-2: สอนครอบครัวเกี่ยวกับอาการและสัญญาณที่ต้องระวังในผู้ป่วย
- F20F11I-3: ให้คำแนะนำเกี่ยวกับการรับมือกับความเครียดและการจัดการกับอารมณ์ของผู้ป่วย
- F20F11I-4: ให้ข้อมูลเกี่ยวกับการใช้ยาและการติดตามการรักษาของผู้ป่วย
- F20F11I-5: ช่วยพัฒนาทักษะในการสื่อสารและการตอบสนองต่อพฤติกรรมของผู้ป่วย
- F20F11I-6: แนะนำกลุ่มสนับสนุนสำหรับครอบครัวของผู้ป่วยโรคจิตเภท
- F20F11I-7: สอนเทคนิคการดูแลในสถานการณ์ฉุกเฉิน เช่น การจัดการกับความเครียดที่เกิดจากการกำเริบของโรค
- F20F11I-8: ให้คำแนะนำเกี่ยวกับการสร้างความเข้าใจระหว่างสมาชิกในครอบครัว
Response (การตอบสนอง)
- F20F11R-1: ครอบครัวสามารถให้การดูแลและสนับสนุนผู้ป่วยได้ดีขึ้น
- F20F11R-2: ครอบครัวสามารถจัดการกับอาการและความเครียดของผู้ป่วยได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- F20F11R-3: ครอบครัวเข้าใจและสามารถแยกแยะอาการของผู้ป่วยได้ถูกต้อง
- F20F11R-4: ครอบครัวลดความวิตกกังวลในการดูแลผู้ป่วย
- F20F11R-5: ครอบครัวแสดงความมั่นใจในการดูแลและให้การสนับสนุนผู้ป่วย
..............................................................................