เกี่ยวกับฉัน

รูปภาพของฉัน
เมือง, พิษณุโลก, Thailand

วันจันทร์ที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2568

EP.46 จิตเวชหัวข้อ 6: ผู้ป่วยติดกัญชา (Cannabis Use Disorder)- F12

Psych. Topic 6: Cannabis Use Disorder- F12

🚨 รู้ทัน! ภาวะติดกัญชา (Cannabis Use Disorder - F12) 🚨

💭 “กัญชา” ใช้ไปนานๆ เสี่ยงติด! ไม่ใช่แค่เรื่องสนุก แต่ส่งผลต่อสมอง อารมณ์ และชีวิตประจำวัน

1. พยาธิสภาพ

     กัญชามีสาร THC ที่ออกฤทธิ์ต่อสมองโดยตรง ทำให้รู้สึกผ่อนคลาย แต่ถ้าใช้บ่อย สมองจะปรับตัวและต้องการมากขึ้น เกิดภาวะติด (Cannabis Use Disorder - F12) ซึ่งอาจทำให้มีอาการทางจิต เช่น หลอน หวาดระแวง สมาธิสั้น อารมณ์แปรปรวน 🌀

2. ปัจจัยที่ทำให้ติดกัญชา

📌 ใช้บ่อยและใช้ต่อเนื่องยิ่งใช้มาก ยิ่งเสี่ยง
📌 เริ่มใช้ตั้งแต่อายุน้อยสมองยังพัฒนาไม่เต็มที่
📌 มีปัญหาทางอารมณ์หรือจิตใจเช่น เครียด วิตกกังวล ซึมเศร้า
📌 สภาพแวดล้อมและเพื่อนถ้าคนรอบข้างใช้ มีโอกาสสูงที่จะใช้ตาม

3. การรักษา

🛑 หยุดใช้ ค่อยๆ ลด ไม่เลิกกะทันหัน
👨‍⚕️ พบแพทย์หรือจิตแพทย์ เพื่อรับคำปรึกษา
💊 อาจได้รับยาช่วยบรรเทาอาการขาดยา (เช่น นอนไม่หลับ หงุดหงิด)
🧠 ทำจิตบำบัด เพื่อปรับพฤติกรรมและควบคุมอารมณ์

4. การพยาบาล

ประเมินอาการทางร่างกายและจิตใจเช่น อารมณ์แปรปรวน กระสับกระส่าย
ให้คำปรึกษาลดความอยากและสร้างกำลังใจ
แนะนำเทคนิคเลิกใช้เช่น การเบี่ยงเบนความสนใจ ฝึกสมาธิ
ดูแลเรื่องโภชนาการและการนอนเพื่อฟื้นฟูสมองและร่างกาย

5. การดูแลสำหรับบุคคลทั่วไป

🚫 หลีกเลี่ยงกัญชา โดยเฉพาะถ้ามีประวัติสุขภาพจิต
👂 พูดคุยและให้กำลังใจ หากมีคนใกล้ตัวใช้
🏃‍♂️ หากิจกรรมทดแทน เช่น ออกกำลังกาย เล่นดนตรี
📞 ขอความช่วยเหลือ จากผู้เชี่ยวชาญหากหยุดใช้เองไม่ได้

🌿 “กัญชา.. ใช้เพลิน อาจติดไม่รู้ตัว! 🌀สมองรวน อารมณ์แปรปรวน หยุดก่อนสาย!” 🚨

😵‍💫 เสี่ยงติด! หวาดระแวง ซึมเศร้า สมาธิสั้น
🛑 เลิกได้ ฟื้นตัวได้ แค่ขอความช่วยเหลือ

📌 แชร์ไว้เตือนตัวเองและคนที่คุณรัก! 💙
📞 ต้องการเลิก? ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญได้เลย!

#หยุดก่อนสาย #กัญชาใช้มากติดจริง #สุขภาพจิตสำคัญ #รู้ทันกัญชา #เลิกกัญชาเริ่มวันนี้ #แชร์ให้เพื่อนดู 

....................................................................

วินิจฉัยการพยาบาลภาวะติดกัญชา (Cannabis Use Disorder - F12)

  1. F12F1 มีภาวะซึมเศร้าและเสี่ยงทำร้ายตนเองหรือผู้อื่น (Depressed mood with risk of self-harm or harm to others)
  2. F12F2 มีอาการถอนกัญชา เช่น หงุดหงิด นอนไม่หลับ กระวนกระวาย (Cannabis withdrawal symptoms: irritability, insomnia, restlessness)
  3. F12F3 มีความเสี่ยงต่อภาวะจิตเวช เช่น หวาดระแวง ประสาทหลอน (Risk of psychiatric complications: paranoia, hallucinations)
  4. F12F4 มีภาวะขาดสารอาหารและน้ำเนื่องจากพฤติกรรมการใช้สารเสพติด (Malnutrition and dehydration due to substance use behavior)
  5. F12F5 มีความเสี่ยงต่ออุบัติเหตุหรือพฤติกรรมไม่ปลอดภัยจากผลของกัญชา (Risk of accidents or unsafe behaviors due to cannabis effects)
  6. F12F6 มีความต้องการในการบำบัดและฟื้นฟูสุขภาพจิต (Need for psychological therapy and rehabilitation)
  7. F12F7 ขาดแรงจูงใจในการเลิกใช้กัญชา และเสี่ยงต่อการกลับไปใช้ซ้ำ (Lack of motivation to quit and risk of relapse)
  8. F12F8 ขาดความรู้เกี่ยวกับผลกระทบของกัญชาและแนวทางเลิกใช้ (Knowledge deficit regarding cannabis effects and cessation strategies)
  9. F12F9 มีความต้องการการสนับสนุนจากครอบครัวและสังคม (Need for family and social support for long-term recovery)
  10. F12F10 เสี่ยงต่อการกลับไปใช้สารเสพติดเมื่อกลับสู่สังคม (Risk of relapse upon reintegration into society)

................................................................................

F12F1 มีภาวะซึมเศร้าและเสี่ยงทำร้ายตนเองหรือผู้อื่น (Depressed mood with risk of self-harm or harm to others)

Assessment (การประเมิน)

S:

  • รู้สึกเศร้า เบื่อหน่าย ไม่อยากทำอะไร
  • ไม่มีคุณค่าในตัวเอง คิดว่าไม่มีทางออก
  • มีความคิดทำร้ายตัวเอง หรือผู้อื่น

O:

  • สีหน้าเศร้า พูดน้อย ไม่สนใจสิ่งรอบข้าง
  • มีบาดแผลที่ร่างกาย (หากมีการทำร้ายตัวเอง)
  • คะแนนประเมินภาวะซึมเศร้าสูง (เช่น PHQ-9 ≥ 10)
  • มีประวัติพยายามทำร้ายตัวเอง

Goals (เป้าหมาย)

  • ลดภาวะซึมเศร้าและควบคุมความคิดทำร้ายตัวเองหรือผู้อื่น
  • ผู้ป่วยสามารถควบคุมอารมณ์ได้ดีขึ้น
  • ป้องกันการทำร้ายตนเองหรือผู้อื่น
  • ฟื้นฟูสุขภาพจิตและส่งเสริมแรงจูงใจในการเลิกใช้กัญชา

Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)

  • ผู้ป่วยไม่มีพฤติกรรมหรือความคิดทำร้ายตนเองหรือผู้อื่น
  • คะแนน PHQ-9 ลดลง (< 10)
  • มีการตอบสนองต่อการบำบัดทางจิตใจ
  • อารมณ์ดีขึ้น พูดคุยกับผู้อื่นได้มากขึ้น

Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)

  • F12F1I-1 เฝ้าระวังผู้ป่วยอย่างใกล้ชิด โดยจัดให้อยู่ในพื้นที่ปลอดภัย ไม่มีสิ่งของที่ใช้ทำร้ายตัวเองหรือผู้อื่น
  • F12F1I-2 ประเมินระดับความเสี่ยงต่อการทำร้ายตนเองหรือผู้อื่นเป็นระยะ โดยใช้แบบประเมินมาตรฐาน (เช่น SAD PERSONS Scale, PHQ-9)
  • F12F1I-3 ให้กำลังใจ รับฟังอย่างไม่ตัดสิน และกระตุ้นให้ผู้ป่วยระบายความรู้สึก
  • F12F1I-4 แจ้งแพทย์ทันทีหากพบว่าผู้ป่วยมีความคิดหรือพฤติกรรมเสี่ยงสูง
  • F12F1I-5 ให้การบำบัดทางจิตใจ เช่น Cognitive Behavioral Therapy (CBT) หรือ การให้คำปรึกษาทางจิตเวช
  • F12F1I-6 สนับสนุนให้ผู้ป่วยทำกิจกรรมที่ช่วยผ่อนคลายและลดความเครียด เช่น วาดภาพ ดนตรีบำบัด สมาธิบำบัด
  • F12F1I-7 กระตุ้นให้ครอบครัวและคนใกล้ชิดมีส่วนร่วมในการดูแล ให้ความเข้าใจ และหลีกเลี่ยงการตำหนิ
  • F12F1I-8 ติดตามและประเมินผลการรักษาทางจิตเวช พร้อมวางแผนดูแลต่อเนื่องเมื่อจำหน่าย

Response (การตอบสนอง)

  • F12F1R-1 ผู้ป่วยไม่มีความคิดหรือพฤติกรรมทำร้ายตนเองหรือผู้อื่น
  • F12F1R-2 ผู้ป่วยแสดงออกถึงความผ่อนคลายมากขึ้น และสามารถระบายความรู้สึกได้
  • F12F1R-3 คะแนนประเมินภาวะซึมเศร้าลดลงอย่างมีนัยสำคัญ
  • F12F1R-4 ครอบครัวสามารถให้การสนับสนุนและดูแลผู้ป่วยได้อย่างเหมาะสม

............................................................................

F12F2 มีอาการถอนกัญชา เช่น หงุดหงิด นอนไม่หลับ กระวนกระวาย (Cannabis withdrawal symptoms: irritability, insomnia, restlessness)

Assessment (การประเมิน)

S:

  • รู้สึกหงุดหงิดง่ายและควบคุมอารมณ์ได้ยาก
  • นอนไม่หลับหรือหลับๆ ตื่นๆ
  • กระวนกระวาย ไม่สามารถอยู่นิ่งได้

O:

  • มีอาการกระสับกระส่าย มือไม้สั่น หรือแสดงออกถึงความหงุดหงิด
  • พูดเร็วขึ้น แสดงอารมณ์ฉุนเฉียวกว่าปกติ
  • มีอาการอ่อนเพลียจากการนอนไม่พอ
  • อัตราการเต้นของหัวใจและความดันโลหิตอาจสูงขึ้น

Goals (เป้าหมาย)

  • ลดอาการถอนกัญชาและช่วยให้ผู้ป่วยควบคุมอารมณ์ได้ดีขึ้น
  • ส่งเสริมให้ผู้ป่วยนอนหลับได้ตามปกติ
  • ลดความกระวนกระวายและทำให้ผู้ป่วยรู้สึกสงบ
  • ป้องกันภาวะแทรกซ้อนจากการถอนสาร เช่น วิตกกังวลรุนแรงหรือภาวะซึมเศร้า

Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)

  • ผู้ป่วยมีอารมณ์สงบขึ้นและสามารถควบคุมตนเองได้
  • ผู้ป่วยสามารถนอนหลับได้ ≥ 6 ชั่วโมงต่อคืน
  • อาการกระวนกระวายลดลง และสามารถนั่งหรือนอนพักได้อย่างสบาย
  • สัญญาณชีพกลับมาอยู่ในเกณฑ์ปกติ

Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)

  • F12F2I-1 ประเมินระดับความรุนแรงของอาการถอนกัญชาโดยใช้แบบประเมินมาตรฐาน เช่น Cannabis Withdrawal Scale (CWS)
  • F12F2I-2 จัดสภาพแวดล้อมให้สงบ ลดสิ่งกระตุ้น เช่น เสียงดังหรือแสงจ้า เพื่อช่วยให้ผู้ป่วยรู้สึกผ่อนคลาย
  • F12F2I-3 แนะนำเทคนิคการผ่อนคลาย เช่น การหายใจลึกๆ หรือการฟังดนตรีเบาๆ เพื่อช่วยลดความเครียดและกระวนกระวาย
  • F12F2I-4 กระตุ้นให้ผู้ป่วยทำกิจกรรมเบาๆ เช่น การเดินเล่น หรือยืดกล้ามเนื้อ เพื่อช่วยลดอาการกระวนกระวาย
  • F12F2I-5 ให้ของเหลวและอาหารที่มีประโยชน์เพื่อป้องกันภาวะขาดน้ำและลดความไม่สบายตัว
  • F12F2I-6 ประเมินและติดตามคุณภาพการนอนหลับของผู้ป่วยทุกคืน พร้อมส่งเสริมการสร้างกิจวัตรก่อนนอนที่ช่วยให้หลับง่ายขึ้น
  • F12F2I-7 ให้ยาตามแผนการรักษาของแพทย์ เช่น ยาคลายกังวลหรือยาช่วยให้นอนหลับ หากอาการถอนรุนแรง
  • F12F2I-8 ให้การสนับสนุนทางอารมณ์ รับฟังปัญหา และสร้างแรงจูงใจให้ผู้ป่วยสามารถผ่านพ้นช่วงถอนสารได้

Response (การตอบสนอง)

  • F12F2R-1 ผู้ป่วยมีอารมณ์สงบลง หงุดหงิดลดลง และสามารถควบคุมอารมณ์ได้ดีขึ้น
  • F12F2R-2 ผู้ป่วยสามารถนอนหลับได้อย่างต่อเนื่อง ≥ 6 ชั่วโมงต่อคืน
  • F12F2R-3 อาการกระวนกระวายลดลง ผู้ป่วยสามารถอยู่นิ่งและผ่อนคลายได้มากขึ้น
  • F12F2R-4 ผู้ป่วยสามารถใช้เทคนิคการผ่อนคลายและจัดการกับความเครียดได้ด้วยตนเอง

..............................................................................

F12F3 มีความเสี่ยงต่อภาวะจิตเวช เช่น หวาดระแวง ประสาทหลอน (Risk of psychiatric complications: paranoia, hallucinations)

Assessment (การประเมิน)

S:

  • รู้สึกหวาดระแวง คิดว่ามีคนจะทำร้าย
  • ได้ยินเสียงหรือเห็นสิ่งที่ไม่มีอยู่จริง
  • มีอาการวิตกกังวลมากผิดปกติ

O:

  • แสดงพฤติกรรมป้องกันตัว เช่น มองไปรอบๆ ตลอดเวลา หรือแสดงอาการตื่นตระหนก
  • พูดคุยกับสิ่งที่ไม่มีอยู่จริง หรือมีพฤติกรรมไม่สอดคล้องกับความเป็นจริง
  • มีสีหน้าหวาดกลัว หรือมีอารมณ์แปรปรวนอย่างรวดเร็ว

Goals (เป้าหมาย)

  • ลดความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะจิตเวชรุนแรง เช่น โรคจิตจากกัญชา
  • ให้ผู้ป่วยรู้สึกปลอดภัยและลดอาการหวาดระแวง
  • ป้องกันการทำร้ายตนเองหรือผู้อื่นจากอาการประสาทหลอน
  • ให้ผู้ป่วยสามารถรับรู้ความเป็นจริงได้ดีขึ้น

Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)

  • ผู้ป่วยสามารถรับรู้ความเป็นจริงได้ดีขึ้น อาการหวาดระแวงลดลง
  • ไม่มีพฤติกรรมทำร้ายตนเองหรือผู้อื่น
  • มีสีหน้าและอารมณ์สงบขึ้น สามารถโต้ตอบได้อย่างเหมาะสม
  • สามารถอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้โดยไม่มีความกังวลมากเกินไป

Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)

  • F12F3I-1 ประเมินอาการทางจิตอย่างต่อเนื่อง โดยใช้แบบประเมินอาการโรคจิตเช่น Brief Psychiatric Rating Scale (BPRS)
  • F12F3I-2 จัดสภาพแวดล้อมให้ปลอดภัย ลดสิ่งกระตุ้นที่อาจทำให้เกิดอาการหวาดระแวง เช่น ลดแสงจ้าและเสียงรบกวน
  • F12F3I-3 ให้การสื่อสารด้วยน้ำเสียงสงบ ชัดเจน และไม่ขัดแย้งกับความคิดของผู้ป่วยโดยตรง เพื่อลดความวิตกกังวล
  • F12F3I-4 กระตุ้นให้ผู้ป่วยแสดงออกถึงความรู้สึกของตนเอง เพื่อช่วยระบายความเครียดและลดอาการหวาดระแวง
  • F12F3I-5 ให้ผู้ป่วยทำกิจกรรมที่ช่วยลดอาการวิตกกังวล เช่น การวาดภาพ ฟังเพลง หรือออกกำลังกายเบาๆ
  • F12F3I-6 เฝ้าระวังอาการทางจิตเวชที่รุนแรงขึ้น เช่น อาการหวาดระแวงรุนแรงขึ้นหรือเริ่มมีความคิดฆ่าตัวตาย
  • F12F3I-7 ให้ยาตามแผนการรักษาของแพทย์ เช่น ยาระงับอาการทางจิต หากมีอาการรุนแรง
  • F12F3I-8 ประสานงานกับทีมสหสาขาวิชาชีพ เช่น จิตแพทย์และนักจิตวิทยา เพื่อวางแผนการดูแลระยะยาว

Response (การตอบสนอง)

  • F12F3R-1 ผู้ป่วยมีอาการหวาดระแวงลดลง สามารถรับรู้ความเป็นจริงได้ดีขึ้น
  • F12F3R-2 ผู้ป่วยไม่มีพฤติกรรมก้าวร้าวหรือทำร้ายตนเองและผู้อื่น
  • F12F3R-3 ผู้ป่วยสามารถทำกิจกรรมเพื่อผ่อนคลายความวิตกกังวลได้
  • F12F3R-4 ผู้ป่วยสามารถพูดคุยกับบุคคลรอบข้างได้อย่างปกติและมีอารมณ์สงบขึ้น

......................................................................................

F12F4 มีภาวะขาดสารอาหารและน้ำเนื่องจากพฤติกรรมการใช้สารเสพติด  (Malnutrition and dehydration due to substance use behavior)

Assessment (การประเมิน)

S:

  • รู้สึกอ่อนเพลีย ไม่มีแรง รับประทานอาหารและดื่มน้ำน้อยลง
  • ไม่มีความอยากอาหาร น้ำหนักลดลงอย่างรวดเร็ว
  • ปากแห้ง วิงเวียนศีรษะ

O:

  • ผิวแห้ง ขาดความชุ่มชื้น ริมฝีปากแห้งแตก
  • น้ำหนักตัวลดลงมากกว่า 5% ภายใน 1 เดือน
  • ผลตรวจทางห้องปฏิบัติการพบภาวะขาดสารอาหาร เช่น อัลบูมินต่ำ หรือภาวะขาดอิเล็กโทรไลต์
  • ความดันโลหิตต่ำ อัตราการเต้นของหัวใจเร็วขึ้น

Goals (เป้าหมาย)

  • ฟื้นฟูภาวะโภชนาการและภาวะสมดุลของน้ำในร่างกาย
  • ให้ผู้ป่วยได้รับสารอาหารและน้ำในปริมาณที่เพียงพอ
  • ลดภาวะอ่อนเพลียและเพิ่มพลังงานให้แก่ร่างกาย
  • ป้องกันภาวะแทรกซ้อนจากการขาดสารอาหารและน้ำ

Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)

  • น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นหรือนิ่ง ไม่ลดลงมากกว่า 5% ภายใน 1 เดือน
  • มีระดับอิเล็กโทรไลต์และสารอาหารในเลือดอยู่ในเกณฑ์ปกติ
  • ผิวหนังและเยื่อบุปากชุ่มชื้นขึ้น อาการอ่อนเพลียลดลง
  • รับประทานอาหารและดื่มน้ำได้มากขึ้น

Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)

  • F12F4I-1 ประเมินภาวะโภชนาการของผู้ป่วยโดยใช้เกณฑ์ BMI และผลตรวจทางห้องปฏิบัติการ
  • F12F4I-2 ให้สารน้ำทางหลอดเลือดดำตามแผนการรักษาเพื่อแก้ไขภาวะขาดน้ำและอิเล็กโทรไลต์
  • F12F4I-3 กระตุ้นให้ผู้ป่วยรับประทานอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูงและย่อยง่าย เช่น อาหารอ่อนที่มีโปรตีนสูง
  • F12F4I-4 ให้ผู้ป่วยดื่มน้ำอย่างเพียงพอ อย่างน้อยวันละ 1.5-2 ลิตร เว้นแต่มีข้อจำกัดทางการแพทย์
  • F12F4I-5 เฝ้าระวังภาวะแทรกซ้อนจากการขาดสารอาหาร เช่น ภาวะโปรตีนต่ำและภาวะขาดวิตามิน
  • F12F4I-6 สังเกตอาการผิดปกติ เช่น หน้ามืด วิงเวียน คลื่นไส้ หรืออาการขาดน้ำรุนแรง เช่น ชีพจรเบาเร็ว
  • F12F4I-7 ประสานงานกับนักโภชนาการเพื่อจัดอาหารที่เหมาะสมสำหรับการฟื้นฟูโภชนาการของผู้ป่วย
  • F12F4I-8 ให้คำแนะนำเรื่องการรับประทานอาหารและการดื่มน้ำที่ถูกต้องเพื่อลดความเสี่ยงของภาวะขาดสารอาหารในระยะยาว

Response (การตอบสนอง)

  • F12F4R-1 น้ำหนักตัวของผู้ป่วยคงที่หรือเพิ่มขึ้นตามเกณฑ์ที่กำหนด
  • F12F4R-2 ผู้ป่วยไม่มีอาการอ่อนเพลียหรือวิงเวียนศีรษะจากภาวะขาดสารอาหาร
  • F12F4R-3 อาการขาดน้ำลดลง ปากและผิวหนังชุ่มชื้นขึ้น
  • F12F4R-4 ผู้ป่วยสามารถรับประทานอาหารและดื่มน้ำได้อย่างเพียงพอและต่อเนื่อง

...........................................................................

F12F5 มีความเสี่ยงต่ออุบัติเหตุหรือพฤติกรรมไม่ปลอดภัยจากผลของกัญชา (Risk of accidents or unsafe behaviors due to cannabis effects)

Assessment (การประเมิน)

S:

  • มีอาการมึนงง สับสน เคลื่อนไหวช้า หรือการตอบสนองลดลง
  • เคยมีประวัติเกี่ยวข้องกับอุบัติเหตุจากการใช้กัญชา เช่น การขับขี่รถโดยประมาท
  • มีพฤติกรรมเสี่ยง เช่น ปีนป่ายที่สูง ใช้ของมีคมหรือเครื่องจักรขณะมึนเมา

O:

  • การทรงตัวไม่ดี เดินเซหรือมีภาวะกล้ามเนื้ออ่อนแรง
  • ตอบสนองต่อสิ่งเร้าช้าลงหรือแสดงพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม
  • สังเกตพบวัตถุอันตรายรอบตัวผู้ป่วยที่อาจเพิ่มความเสี่ยงต่ออุบัติเหตุ

Goals (เป้าหมาย)

  • ลดความเสี่ยงต่ออุบัติเหตุและพฤติกรรมไม่ปลอดภัยของผู้ป่วย
  • ให้ผู้ป่วยมีความตระหนักถึงผลกระทบของกัญชาต่อการควบคุมร่างกายและจิตใจ
  • ป้องกันภาวะแทรกซ้อนจากอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้น

Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)

  • ผู้ป่วยไม่มีอุบัติเหตุหรือบาดเจ็บระหว่างอยู่ในสถานพยาบาล
  • ผู้ป่วยมีการรับรู้ที่ดีขึ้นเกี่ยวกับความเสี่ยงของพฤติกรรมที่ไม่ปลอดภัย
  • ผู้ป่วยสามารถปฏิบัติตามคำแนะนำด้านความปลอดภัยได้

Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)

  • F12F5I-1 ประเมินระดับสติสัมปชัญญะและการรับรู้ของผู้ป่วยอย่างสม่ำเสมอ
  • F12F5I-2 เฝ้าระวังและป้องกันอุบัติเหตุ เช่น การหกล้ม การบาดเจ็บจากวัตถุอันตราย หรืออุบัติเหตุทางถนน
  • F12F5I-3 จัดสภาพแวดล้อมให้ปลอดภัย เช่น เก็บของมีคมและของหนักให้พ้นมือผู้ป่วย ปิดกั้นพื้นที่เสี่ยงต่อการพลัดตก
  • F12F5I-4 ให้คำแนะนำเกี่ยวกับอันตรายจากการใช้กัญชาก่อนทำกิจกรรมที่ต้องการการควบคุม เช่น การขับขี่ยานพาหนะหรือทำงานกับเครื่องจักร
  • F12F5I-5 กระตุ้นให้ผู้ป่วยหลีกเลี่ยงสถานการณ์เสี่ยง เช่น การดื่มสุราหรือใช้สารเสพติดร่วมกับกัญชา
  • F12F5I-6 ให้การดูแลแบบใกล้ชิดในกรณีที่ผู้ป่วยมีพฤติกรรมเสี่ยงรุนแรง
  • F12F5I-7 ประสานงานกับญาติหรือผู้ดูแลในการกำกับดูแลผู้ป่วย เพื่อลดโอกาสเกิดอุบัติเหตุในชีวิตประจำวัน
  • F12F5I-8 สอนเทคนิคการควบคุมตนเองและเพิ่มทักษะในการตัดสินใจที่เหมาะสมเพื่อป้องกันพฤติกรรมไม่ปลอดภัย

Response (การตอบสนอง)

  • F12F5R-1 ผู้ป่วยไม่มีอุบัติเหตุหรือบาดเจ็บขณะอยู่ในการดูแลของพยาบาล
  • F12F5R-2 ผู้ป่วยสามารถตระหนักถึงความเสี่ยงและปฏิบัติตามคำแนะนำด้านความปลอดภัยได้
  • F12F5R-3 พฤติกรรมเสี่ยงลดลง ไม่ขับขี่หรือทำงานกับเครื่องจักรหลังใช้กัญชา
  • F12F5R-4 ญาติหรือผู้ดูแลสามารถให้การช่วยเหลือและป้องกันอุบัติเหตุได้อย่างเหมาะสม

...............................................................................

F12F6 มีความต้องการในการบำบัดและฟื้นฟูสุขภาพจิต (Need for psychological therapy and rehabilitation)

Assessment (การประเมิน)

S:

  • ผู้ป่วยแสดงความต้องการหรือยินยอมเข้ารับการบำบัด
  • ผู้ป่วยรู้สึกเครียด วิตกกังวล หรือมีอารมณ์เศร้าหลังจากหยุดใช้กัญชา
  • มีปัญหาความสัมพันธ์กับครอบครัวหรือสังคมจากการใช้กัญชา

O:

  • ผู้ป่วยมีอารมณ์แปรปรวนหรือควบคุมอารมณ์ตนเองไม่ได้
  • แสดงพฤติกรรมก้าวร้าว วิตกกังวล หรือมีภาวะซึมเศร้า
  • ไม่สามารถจัดการกับความเครียดหรือแรงกดดันในชีวิตได้
  • มีอาการถอนยา เช่น หงุดหงิด กระวนกระวาย หรือซึมเศร้า

Goals (เป้าหมาย)

  • ผู้ป่วยได้รับการบำบัดและฟื้นฟูสภาพจิตใจอย่างเหมาะสม
  • ผู้ป่วยสามารถควบคุมอารมณ์และจัดการกับความเครียดได้
  • ผู้ป่วยมีความสามารถในการปรับตัวและใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างเหมาะสม
  • ลดโอกาสกลับไปใช้กัญชาอีกครั้ง

Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)

  • ผู้ป่วยเข้าร่วมโปรแกรมบำบัดจิตใจและการฟื้นฟูตามแผน
  • ผู้ป่วยสามารถจัดการกับอารมณ์และภาวะเครียดได้ดีขึ้น
  • ผู้ป่วยมีแรงจูงใจในการเลิกใช้กัญชาและลดความเสี่ยงต่อการกลับไปใช้ซ้ำ
  • ครอบครัวหรือผู้ดูแลมีส่วนร่วมในการสนับสนุนการบำบัดของผู้ป่วย

Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)

  • F12F6I-1 ประเมินภาวะสุขภาพจิตและระดับแรงจูงใจของผู้ป่วยในการเข้ารับการบำบัด
  • F12F6I-2 ให้คำแนะนำเกี่ยวกับกระบวนการบำบัด ฟื้นฟูสุขภาพจิต และผลดีของการเข้ารับการรักษา
  • F12F6I-3 สนับสนุนให้ผู้ป่วยเข้าร่วมการบำบัดทางจิต เช่น พฤติกรรมบำบัด (CBT) หรือการให้คำปรึกษาทางจิตวิทยา
  • F12F6I-4 สอนเทคนิคการจัดการความเครียด เช่น การฝึกหายใจลึกๆ การทำสมาธิ หรือการออกกำลังกายเพื่อลดความวิตกกังวล
  • F12F6I-5 สนับสนุนให้ผู้ป่วยเข้าร่วมกลุ่มบำบัด เช่น กลุ่มสนับสนุนผู้เลิกใช้สารเสพติด (NA: Narcotics Anonymous)
  • F12F6I-6 ประสานงานกับจิตแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจิต เพื่อประเมินและให้การรักษาต่อเนื่อง
  • F12F6I-7 กระตุ้นให้ครอบครัวหรือผู้ดูแลมีส่วนร่วมในการให้กำลังใจและสนับสนุนผู้ป่วย
  • F12F6I-8 ติดตามผลการบำบัดและฟื้นฟูเป็นระยะ พร้อมปรับแผนการดูแลให้เหมาะสม

Response (การตอบสนอง)

  • F12F6R-1 ผู้ป่วยสามารถจัดการกับอารมณ์และความเครียดได้ดีขึ้น
  • F12F6R-2 ผู้ป่วยเข้าร่วมการบำบัดและฟื้นฟูอย่างต่อเนื่อง
  • F12F6R-3 ผู้ป่วยมีแรงจูงใจในการเลิกใช้กัญชาและปรับตัวเข้าสู่สังคมได้ดีขึ้น
  • F12F6R-4 ครอบครัวหรือผู้ดูแลมีส่วนร่วมในการสนับสนุนการฟื้นฟูของผู้ป่วย

................................................................................

F12F7 ขาดแรงจูงใจในการเลิกใช้กัญชา และเสี่ยงต่อการกลับไปใช้ซ้ำ (Lack of motivation to quit and risk of relapse)

Assessment (การประเมิน)

S:

  • ผู้ป่วยแสดงท่าทีไม่สนใจหรือปฏิเสธความจำเป็นในการเลิกใช้กัญชา
  • ผู้ป่วยมีทัศนคติที่ไม่ดีต่อการบำบัดหรือการรักษา
  • ผู้ป่วยแสดงความรู้สึกผิดหวังหรือความกังวลเกี่ยวกับการเลิกใช้กัญชา

O:

  • ผู้ป่วยไม่ปฏิบัติตามแผนการรักษาหรือการบำบัดอย่างสม่ำเสมอ
  • ผู้ป่วยแสดงพฤติกรรมที่มีความเสี่ยงต่อการกลับไปใช้กัญชา เช่น ติดต่อกลุ่มเพื่อนที่ใช้กัญชา
  • ไม่มีแรงจูงใจในการทำกิจกรรมที่เป็นประโยชน์หรือสนับสนุนการเลิกใช้กัญชา

Goals (เป้าหมาย)

  • ผู้ป่วยมีแรงจูงใจในการเลิกใช้กัญชาและทำตามแผนการรักษา
  • ลดความเสี่ยงในการกลับไปใช้กัญชาอีกครั้ง
  • ผู้ป่วยสามารถปรับเปลี่ยนทัศนคติและพฤติกรรมในการใช้ชีวิตประจำวันได้
  • ผู้ป่วยมีส่วนร่วมในโปรแกรมบำบัดและการฟื้นฟูอย่างต่อเนื่อง

Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)

  • ผู้ป่วยแสดงความสนใจและร่วมมือในการทำตามแผนการรักษา
  • ผู้ป่วยสามารถจัดการกับความเครียดและความกังวลได้ดีขึ้น
  • ผู้ป่วยสามารถตัดสินใจได้ดีในการเลือกกิจกรรมที่ส่งเสริมการเลิกใช้กัญชา
  • ผู้ป่วยมีการติดตามการบำบัดอย่างต่อเนื่องและลดพฤติกรรมเสี่ยง
  • ครอบครัวหรือผู้ดูแลสนับสนุนการรักษาอย่างเต็มที่

Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)

  • F12F7I-1 สนับสนุนให้ผู้ป่วยพูดถึงความรู้สึกและประสบการณ์ในการเลิกใช้กัญชา เพื่อช่วยให้เข้าใจแรงจูงใจภายใน
  • F12F7I-2 ใช้เทคนิคการเสริมสร้างแรงจูงใจ เช่น การสนับสนุนทางบวกและการตั้งเป้าหมายเล็กๆ ในการเลิกใช้กัญชา
  • F12F7I-3 ส่งเสริมให้ผู้ป่วยมีส่วนร่วมในกลุ่มสนับสนุน เช่น กลุ่มบำบัดผู้เลิกใช้สารเสพติด หรือการให้คำปรึกษา
  • F12F7I-4 ให้ข้อมูลเกี่ยวกับผลดีของการเลิกใช้กัญชา และการปรับทัศนคติในการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม
  • F12F7I-5 ช่วยตั้งเป้าหมายในการเลิกใช้กัญชาโดยการแบ่งออกเป็นขั้นตอนเล็กๆ และทำให้สามารถติดตามความสำเร็จได้
  • F12F7I-6 สอนเทคนิคการจัดการกับความเครียดและการตัดสินใจเพื่อหลีกเลี่ยงสถานการณ์ที่อาจทำให้กลับไปใช้กัญชา
  • F12F7I-7 กระตุ้นให้ผู้ป่วยมีแรงจูงใจในการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมที่เกี่ยวข้องกับการใช้สารเสพติด
  • F12F7I-8 ประสานงานกับครอบครัวหรือผู้ดูแลในการสนับสนุนการรักษาและการบำบัดของผู้ป่วย

Response (การตอบสนอง)

  • F12F7R-1 ผู้ป่วยเริ่มแสดงความสนใจและยินยอมเข้าร่วมในการบำบัดและการรักษา
  • F12F7R-2 ผู้ป่วยสามารถกำหนดเป้าหมายในการเลิกใช้กัญชาได้ และทำตามแผนอย่างสม่ำเสมอ
  • F12F7R-3 ผู้ป่วยสามารถจัดการกับแรงกดดันและความเครียดได้ดีขึ้นโดยไม่กลับไปใช้กัญชา
  • F12F7R-4 ผู้ป่วยสามารถปรับเปลี่ยนพฤติกรรมได้ และลดการเสี่ยงต่อการกลับไปใช้กัญชาอีกครั้ง

........................................................................................

F12F8 ขาดความรู้เกี่ยวกับผลกระทบของกัญชาและแนวทางเลิกใช้ (Knowledge deficit regarding cannabis effects and cessation strategies)

Assessment (การประเมิน)

S:

  • ผู้ป่วยไม่เข้าใจถึงผลกระทบของการใช้กัญชาในระยะยาว
  • ผู้ป่วยไม่มีความรู้เกี่ยวกับวิธีการเลิกใช้กัญชา
  • ผู้ป่วยแสดงความลังเลในการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมและเลิกใช้กัญชา

O:

  • ผู้ป่วยไม่สามารถอธิบายผลกระทบของกัญชาต่อร่างกายและจิตใจได้
  • ผู้ป่วยไม่เคยเข้าร่วมกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการเลิกใช้กัญชา
  • ไม่มีการวางแผนหรือการเตรียมตัวในการเลิกใช้กัญชา

Goals (เป้าหมาย)

  • ผู้ป่วยสามารถเข้าใจผลกระทบของกัญชาต่อสุขภาพในระยะยาว
  • ผู้ป่วยรู้จักวิธีการเลิกใช้กัญชาและสามารถนำไปปฏิบัติได้
  • ผู้ป่วยแสดงความเต็มใจในการเรียนรู้เกี่ยวกับวิธีการเลิกใช้กัญชาและผลดีของการเลิก
  • ผู้ป่วยสามารถสร้างแผนการเลิกใช้กัญชาและเริ่มปฏิบัติได้จริง

Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)

  • ผู้ป่วยสามารถอธิบายผลกระทบของการใช้กัญชาต่อสุขภาพได้
  • ผู้ป่วยมีความเข้าใจในการเลือกใช้วิธีการเลิกใช้กัญชาที่เหมาะสมกับตัวเอง
  • ผู้ป่วยเริ่มมีส่วนร่วมในกิจกรรมหรือโปรแกรมการบำบัดเพื่อเลิกใช้กัญชา
  • ผู้ป่วยมีการติดตามผลการเลิกใช้กัญชาและสามารถแสดงความรู้ความเข้าใจในการรักษา
  • ครอบครัวหรือผู้ดูแลสนับสนุนและส่งเสริมการเลิกใช้กัญชา

Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)

  • F12F8I-1 อธิบายผลกระทบของการใช้กัญชาต่อสุขภาพทั้งทางร่างกายและจิตใจให้ผู้ป่วยเข้าใจ
  • F12F8I-2 ให้ข้อมูลเกี่ยวกับวิธีการเลิกใช้กัญชา เช่น เทคนิคการเสริมสร้างแรงจูงใจและการบำบัด
  • F12F8I-3 ให้คำแนะนำเกี่ยวกับกลุ่มสนับสนุนและโปรแกรมบำบัดการเลิกใช้กัญชา
  • F12F8I-4 ส่งเสริมให้ผู้ป่วยตั้งเป้าหมายในการเลิกใช้กัญชาและสร้างแผนการเลิกที่เหมาะสม
  • F12F8I-5 ใช้เทคนิคการเสริมสร้างแรงจูงใจ เช่น การกระตุ้นให้ผู้ป่วยเห็นผลดีของการเลิกใช้กัญชา
  • F12F8I-6 สอนทักษะการจัดการกับความเครียดและสถานการณ์ที่เสี่ยงต่อการกลับไปใช้กัญชา
  • F12F8I-7 กระตุ้นให้ผู้ป่วยมีส่วนร่วมในการเรียนรู้จากประสบการณ์ของผู้ที่เคยเลิกใช้กัญชา
  • F12F8I-8 กระตุ้นให้ครอบครัวหรือผู้ดูแลมีบทบาทในการสนับสนุนและช่วยเสริมสร้างความรู้เกี่ยวกับผลกระทบของกัญชา

Response (การตอบสนอง)

  • F12F8R-1 ผู้ป่วยสามารถอธิบายผลกระทบของกัญชาต่อสุขภาพได้อย่างชัดเจน
  • F12F8R-2 ผู้ป่วยสามารถสร้างแผนการเลิกใช้กัญชาและเริ่มปฏิบัติตามแผนได้
  • F12F8R-3 ผู้ป่วยแสดงความเต็มใจในการเรียนรู้เกี่ยวกับวิธีการเลิกใช้กัญชาและมีความรู้ในการจัดการกับความเครียด
  • F12F8R-4 ผู้ป่วยสามารถเข้าร่วมกิจกรรมหรือโปรแกรมการบำบัดเพื่อการเลิกใช้กัญชาได้อย่างสม่ำเสมอ

.........................................................................

F12F9 ความต้องการการสนับสนุนจากครอบครัวและสังคม (Need for family and social support for long-term recovery)

Assessment (การประเมิน)

S:

  • ผู้ป่วยแสดงความต้องการการสนับสนุนจากครอบครัวและสังคมในการฟื้นฟู
  • ผู้ป่วยอาจรู้สึกโดดเดี่ยวหรือขาดแรงสนับสนุนจากคนใกล้ชิด
  • ผู้ป่วยไม่เคยมีประสบการณ์ในการขอรับการช่วยเหลือจากครอบครัวหรือสังคม

O:

  • ผู้ป่วยไม่มีสมาชิกในครอบครัวที่สามารถให้การสนับสนุนในกระบวนการฟื้นฟู
  • ผู้ป่วยไม่ค่อยแสดงออกหรือขอการสนับสนุนจากคนรอบข้าง
  • ผู้ป่วยอาจไม่มีความรู้เกี่ยวกับแหล่งช่วยเหลือในชุมชนหรือกลุ่มสนับสนุน

Goals (เป้าหมาย)

  • ผู้ป่วยสามารถระบุแหล่งการสนับสนุนจากครอบครัวและสังคมได้
  • ผู้ป่วยมีการติดต่อและสร้างเครือข่ายการสนับสนุนในระยะยาว
  • ผู้ป่วยรับการสนับสนุนจากครอบครัวและเพื่อนในกระบวนการฟื้นฟู
  • ผู้ป่วยสามารถเข้าร่วมกลุ่มสนับสนุนหรือการบำบัดที่ช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงในการฟื้นฟู

Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)

  • ผู้ป่วยแสดงการติดต่อกับครอบครัวหรือสมาชิกในชุมชนเพื่อขอการสนับสนุน
  • ผู้ป่วยมีการเข้าร่วมกิจกรรมหรือกลุ่มสนับสนุนการฟื้นฟูในระดับที่เหมาะสม
  • ครอบครัวหรือผู้ดูแลแสดงความสนใจและมีบทบาทในการสนับสนุนกระบวนการฟื้นฟู
  • ผู้ป่วยแสดงทักษะในการขอรับการสนับสนุนจากคนรอบข้างและการเข้าร่วมกิจกรรม

Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)

  • F12F9I-1 แนะนำให้ผู้ป่วยระบุและสร้างแหล่งการสนับสนุนจากครอบครัวและเพื่อน
  • F12F9I-2 กระตุ้นให้ผู้ป่วยติดต่อกับสมาชิกในครอบครัวที่พร้อมให้การสนับสนุน
  • F12F9I-3 แนะนำกลุ่มสนับสนุนที่มีผู้ที่เคยมีประสบการณ์ในการเลิกใช้กัญชา
  • F12F9I-4 ช่วยเหลือผู้ป่วยในการติดต่อกับองค์กรสังคมและกลุ่มช่วยเหลือในชุมชน
  • F12F9I-5 ส่งเสริมการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างผู้ป่วยและครอบครัวเพื่อสนับสนุนการฟื้นฟู
  • F12F9I-6 จัดให้มีการประชุมหรือการสื่อสารระหว่างผู้ป่วยกับครอบครัวเพื่อสร้างความเข้าใจและสนับสนุนกัน
  • F12F9I-7 จัดกิจกรรมที่ส่งเสริมความสัมพันธ์ภายในครอบครัวและช่วยให้ผู้ป่วยรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของชุมชน
  • F12F9I-8 ติดตามความคืบหน้าในการสนับสนุนจากครอบครัวและเครือข่ายสังคมเพื่อช่วยในการฟื้นฟู

Response (การตอบสนอง)

  • F12F9R-1 ผู้ป่วยสามารถระบุแหล่งการสนับสนุนจากครอบครัวและสังคมได้
  • F12F9R-2 ผู้ป่วยเริ่มแสดงความเต็มใจในการขอรับการสนับสนุนจากครอบครัวและเพื่อน
  • F12F9R-3 ผู้ป่วยเข้าร่วมกลุ่มหรือกิจกรรมที่ช่วยเสริมสร้างการฟื้นฟูในระยะยาว
  • F12F9R-4 ครอบครัวหรือผู้ดูแลมีบทบาทในการสนับสนุนการฟื้นฟูของผู้ป่วย
  • F12F9R-5 ผู้ป่วยสามารถพัฒนาทักษะในการสร้างเครือข่ายการสนับสนุนในระยะยาวได้

............................................................................

F12F10 เสี่ยงต่อการกลับไปใช้สารเสพติดเมื่อกลับสู่สังคม (Risk of relapse upon reintegration into society)

Assessment (การประเมิน)

S:

  • ผู้ป่วยกังวลเกี่ยวกับการกลับไปใช้สารเสพติดหลังออกจากการรักษา
  • ผู้ป่วยมีความวิตกเกี่ยวกับแรงกดดันจากสังคมและสิ่งแวดล้อมที่อาจกระตุ้นให้กลับไปใช้กัญชา
  • ผู้ป่วยยังคงมีความสัมพันธ์กับบุคคลหรือสถานการณ์ที่มีการใช้สารเสพติด
  • ผู้ป่วยอาจรู้สึกว่าไม่มีทางเลือกอื่นในการจัดการกับความเครียดหรือปัญหาชีวิต

O:

  • ผู้ป่วยแสดงอาการวิตกกังวลเกี่ยวกับการใช้สารเสพติดหลังกลับสู่สังคม
  • ผู้ป่วยยังไม่สามารถสร้างกลยุทธ์ในการป้องกันการกลับไปใช้สารเสพติดในสังคมภายนอก
  • สังคมและสิ่งแวดล้อมอาจมีการกระตุ้นให้ผู้ป่วยกลับไปใช้สารเสพติด

Goals (เป้าหมาย)

  • ผู้ป่วยสามารถระบุสัญญาณเตือนของการกลับไปใช้สารเสพติดและเรียนรู้วิธีป้องกัน
  • ผู้ป่วยสามารถสร้างกลยุทธ์ในการป้องกันการกลับไปใช้สารเสพติดเมื่อกลับสู่สังคม
  • ผู้ป่วยได้รับการสนับสนุนจากครอบครัวหรือกลุ่มสังคมในการรักษาความสะอาดจากสารเสพติด
  • ผู้ป่วยมีทักษะในการจัดการกับสถานการณ์ที่อาจกระตุ้นให้กลับไปใช้สารเสพติด
  • ผู้ป่วยสามารถเข้าร่วมกลุ่มสนับสนุนและบำบัดเพื่อเสริมสร้างการฟื้นฟูในระยะยาว

Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)

  • ผู้ป่วยสามารถอธิบายกลยุทธ์ในการหลีกเลี่ยงการกลับไปใช้สารเสพติดในสถานการณ์ต่างๆ
  • ผู้ป่วยแสดงความพร้อมในการยึดติดกับแผนการฟื้นฟูระยะยาวและมีทักษะในการรับมือกับสถานการณ์ที่ท้าทาย
  • ผู้ป่วยมีการติดตามหรือเข้าร่วมกลุ่มสนับสนุนหรือการบำบัดอย่างต่อเนื่อง
  • ผู้ป่วยสามารถรับรู้สัญญาณเตือนการกลับไปใช้สารเสพติดและรายงานสภาพจิตใจอย่างตรงไปตรงมา

Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)

  • F12F10I-1: สอนและสนับสนุนผู้ป่วยให้ระบุสถานการณ์หรือสิ่งแวดล้อมที่อาจกระตุ้นให้กลับไปใช้สารเสพติด
  • F12F10I-2: ช่วยผู้ป่วยวางแผนและพัฒนากลยุทธ์ในการหลีกเลี่ยงการกลับไปใช้สารเสพติดเมื่อกลับสู่สังคม
  • F12F10I-3: แนะนำให้ผู้ป่วยเข้าร่วมกลุ่มสนับสนุนหรือโปรแกรมบำบัดเพื่อการฟื้นฟูระยะยาว
  • F12F10I-4: ให้การสนับสนุนทางจิตใจในการจัดการกับแรงกดดันจากสังคมและปัญหาชีวิต
  • F12F10I-5: ส่งเสริมให้ผู้ป่วยสร้างเครือข่ายการสนับสนุนจากครอบครัวและเพื่อนที่ไม่เกี่ยวข้องกับสารเสพติด
  • F12F10I-6: จัดการเรียนรู้ทักษะการจัดการความเครียดและอารมณ์ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก
  • F12F10I-7: กระตุ้นให้ผู้ป่วยติดตามผลและทบทวนแผนการฟื้นฟูอย่างสม่ำเสมอ
  • F12F10I-8: สอนทักษะในการรับมือกับความกดดันจากสังคมและสัญญาณกระตุ้นต่างๆ

Response (การตอบสนอง)

  • F12F10R-1: ผู้ป่วยสามารถระบุสัญญาณเตือนการกลับไปใช้สารเสพติดได้
  • F12F10R-2: ผู้ป่วยเริ่มใช้กลยุทธ์ในการหลีกเลี่ยงการใช้สารเสพติดในสังคม
  • F12F10R-3: ผู้ป่วยมีการเข้าร่วมกลุ่มสนับสนุนหรือโปรแกรมบำบัดอย่างต่อเนื่อง
  • F12F10R-4: ผู้ป่วยสามารถรับมือกับสถานการณ์ที่กระตุ้นให้กลับไปใช้สารเสพติดได้
  • F12F10R-5: ผู้ป่วยแสดงความมั่นใจในการฟื้นฟูและไม่กลับไปใช้สารเสพติดในระยะยาว

.................................................................................