เกี่ยวกับฉัน

รูปภาพของฉัน
เมือง, พิษณุโลก, Thailand

วันอังคารที่ 18 มีนาคม พ.ศ. 2568

EP.42 จิตเวชหัวข้อ 2 : โรควิตกกังวลทั่วไป (Generalized Anxiety Disorder) -F40 Generalized Anxiety Disorder

Psych. Topic 2 : Generalized Anxiety Disorder -F40 Generalized Anxiety Disorder 

เมื่อลมหายใจเต็มไปด้วยความกังวล เราจะรับมือกับมันได้อย่างไร?" ความเครียดและความกังวลเป็นเรื่องปกติของชีวิต แต่ถ้ามันมากเกินไปจนรบกวนการใช้ชีวิตประจำวัน อาจเป็นสัญญาณของ โรควิตกกังวลทั่วไป (GAD) ที่ต้องได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม

พยาธิสภาพ: ทำไมเราถึงกังวลตลอดเวลา?

โรควิตกกังวลทั่วไปเกิดจาก ความผิดปกติของสารเคมีในสมอง โดยเฉพาะสารสื่อประสาท เซโรโทนิน (Serotonin) และ นอร์อิพิเนฟริน (Norepinephrine) ซึ่งควบคุมอารมณ์และความเครียด เมื่อสมดุลของสารเหล่านี้เสียไป สมองจะอยู่ในโหมด "เตรียมพร้อมต่อภัย" ตลอดเวลา ทำให้เกิดความกังวลมากเกินไป แม้แต่เรื่องเล็กน้อย

🧠 อาการที่สังเกตได้:
คิดมาก วิตกกังวลแทบตลอดเวลา
กระสับกระส่าย หรือนอนไม่หลับ
อ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย
หงุดหงิด ใจสั่น ปวดหัว ตึงเครียด

ปัจจัย: อะไรเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดโรคนี้?

😞 ความเครียดสะสม: ปัญหาครอบครัว การงาน หรือการเงิน
🧬 กรรมพันธุ์: ถ้ามีคนในครอบครัวเป็นโรคนี้ คุณก็อาจมีความเสี่ยง
🧪 สารเคมีในสมองไม่สมดุล: ส่งผลต่อระบบประสาทอัตโนมัติ
🚫 สารกระตุ้นบางชนิด: คาเฟอีน แอลกอฮอล์ หรือการใช้ยาบางประเภท

การรักษา: ต้องทำอย่างไรให้ความกังวลลดลง?

💊 การใช้ยา: เช่น ยากลุ่ม SSRIs หรือ Benzodiazepines ภายใต้คำแนะนำของแพทย์
🧠 จิตบำบัด (CBT): ฝึกคิดบวกและควบคุมความวิตกกังวล
🏃‍♂️ ออกกำลังกาย: ช่วยปรับสมดุลสารเคมีในสมอง ลดความเครียด
🍎 ปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิต: หลีกเลี่ยงคาเฟอีน ฝึกสมาธิ และนอนหลับให้เพียงพอ

การดูแลพยาบาลและวิธีปฏิบัติตัวสำหรับผู้ป่วย

👩‍⚕ สำหรับพยาบาล
✔️ ประเมินระดับความเครียดและพฤติกรรมผู้ป่วย
✔️ ให้คำแนะนำเรื่องการจัดการอารมณ์ เช่น เทคนิคการหายใจลึกๆ
✔️ สนับสนุนให้ผู้ป่วยฝึกผ่อนคลาย ลดสิ่งกระตุ้นที่ทำให้เกิดความกังวล
✔️ สร้างบรรยากาศที่สงบและปลอดภัย

สำหรับบุคคลทั่วไป

ฝึก "Mindfulness" (สติอยู่กับปัจจุบัน) ช่วยลดความคิดฟุ้งซ่าน
ใช้ "4-7-8 Breathing" สูดหายใจเข้า 4 วินาที กลั้น 7 วินาที และหายใจออก   8 วินาที
หลีกเลี่ยงสิ่งที่กระตุ้นให้เกิดความเครียด เช่น โซเชียลมีเดียเกินพอดี
หากอาการรุนแรง อย่ากลัวที่จะขอความช่วยเหลือจากแพทย์

📌 "ความกังวลไม่ใช่จุดจบของชีวิต มันเป็นเพียงบททดสอบที่เราสามารถเรียนรู้และรับมือได้"
❤️หากคุณหรือคนใกล้ตัวกำลังเผชิญภาวะนี้ อย่าลืมว่า คุณไม่ได้อยู่คนเดียว

🎥 ฝากติดตามวิดีโอเกี่ยวกับการจัดการโรควิตกกังวลเพิ่มเติมในเพจของเรา!
💙 กดไลก์ กดแชร์ เพื่อส่งต่อพลังบวกให้กับคนที่คุณรัก

.................................................................

การวินิจฉัยการพยาบาลผู้ป่วยโรควิตกกังวลทั่วไป 

  1. F40F1: ผู้ป่วยมีความวิตกกังวลรุนแรง ส่งผลให้เกิดอาการทางกาย เช่น ใจสั่น หายใจไม่อิ่ม นอนไม่หลับ (The patient experiences severe anxiety, leading to physical symptoms such as palpitations, shortness of breath, and insomnia.)
  2. F40F2: ผู้ป่วยมีความคิดฟุ้งซ่านและวิตกกังวลเกินควบคุม กระทบต่อการตัดสินใจ (The patient has excessive and uncontrollable worrying, impairing decision-making.)
  3. F40F3: ผู้ป่วยมีอารมณ์หงุดหงิดและแปรปรวน กระทบต่อความสัมพันธ์กับผู้อื่น (The patient experiences irritability and mood swings, affecting interpersonal relationships.)
  4. F40F4: ผู้ป่วยหลีกเลี่ยงสถานการณ์ที่กระตุ้นความวิตกกังวล ส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวัน (The patient avoids anxiety-provoking situations, impacting daily activities.)
  5. F40F5: ผู้ป่วยนอนไม่หลับหรือหลับไม่สนิท ส่งผลต่อสุขภาพโดยรวม (The patient suffers from insomnia or poor sleep quality, affecting overall health.)
  6. F40F6: ผู้ป่วยมีอาการปวดศีรษะหรือปวดกล้ามเนื้อเรื้อรังจากความเครียดสะสม (The patient experiences chronic headaches or muscle tension due to accumulated stress.)
  7. F40F7: ผู้ป่วยอาจใช้สารกระตุ้น เช่น คาเฟอีน แอลกอฮอล์ หรือยาเพื่อลดความวิตกกังวล (The patient may rely on stimulants, alcohol, or medication to manage anxiety.)
  8. F40F8: ผู้ป่วยขาดความรู้เกี่ยวกับโรคและวิธีจัดการความวิตกกังวลด้วยตัวเอง (The patient lacks knowledge about the disorder and self-management strategies.)
  9. F40F9: ผู้ป่วยเสี่ยงต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น โรคซึมเศร้าหรือแพนิค (The patient is at risk for complications such as depression or panic disorder.)
  10. F40F10: การเตรียมความพร้อมก่อนจำหน่าย และการดูแลต่อเนื่องเพื่อป้องกันการกลับมาเป็นซ้ำ (The patient requires discharge planning and follow-up care to prevent relapse.)

(ตัวเลข F1, I-1, R-1 เป็นเพียงตัวเลขที่กำหนดขึ้นเพื่อให้การจัดลำดับวินิจฉัยการพยาบาลเป็นไปอย่างมีระบบ อาจปรับเปลี่ยนได้ตามความเหมาะสม)

.......................................................................................

F40F01: ผู้ป่วยมีความวิตกกังวลรุนแรง ส่งผลให้เกิดอาการทางกาย เช่น ใจสั่น หายใจไม่อิ่ม นอนไม่หลับ
Assessment (การประเมิน)

S:

  • ผู้ป่วยรายงานว่ามีความกังวลตลอดเวลา ควบคุมความคิดไม่ได้
  • รู้สึกใจสั่น หายใจไม่อิ่ม นอนไม่หลับ

O:

  • ผู้ป่วยมีอาการกระสับกระส่าย เหงื่อออกมาก มือสั่น
  • อัตราการเต้นของหัวใจเพิ่มขึ้น (>100 bpm)
  • อัตราการหายใจเร็ว (>20 ครั้ง/นาที)
  • ใบหน้าตึงเครียด กล้ามเนื้อเกร็ง

Goals (เป้าหมาย)

  • ผู้ป่วยสามารถควบคุมความวิตกกังวลได้ดีขึ้น
  • อาการทางกาย เช่น ใจสั่น หายใจไม่อิ่ม นอนไม่หลับ ลดลง
  • อัตราการเต้นของหัวใจและอัตราการหายใจอยู่ในเกณฑ์ปกติ
  • ผู้ป่วยมีคุณภาพการนอนหลับที่ดีขึ้น

Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)

  • ระดับความวิตกกังวลลดลงจากเดิม (ประเมินด้วย GAD-7 Score)
  • อัตราการเต้นของหัวใจ < 100 bpm อัตราการหายใจ < 20 ครั้ง/นาที
  • ผู้ป่วยรายงานว่านอนหลับได้ดีขึ้นอย่างน้อย 5-6 ชั่วโมงต่อคืน
  • ผู้ป่วยสามารถใช้เทคนิคการผ่อนคลายที่ได้รับการสอน

Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)

  • F40F1I-1: ประเมินระดับความวิตกกังวลของผู้ป่วยด้วยแบบประเมิน GAD-7 และสังเกตอาการทางกายอย่างสม่ำเสมอ
  • F40F1I-2: แนะนำเทคนิคการหายใจช้าและลึก (Deep Breathing) เพื่อลดอัตราการเต้นของหัวใจและช่วยให้ผ่อนคลาย
  • F40F1I-3: สอนเทคนิค Progressive Muscle Relaxation (PMR) เพื่อลดความตึงเครียดของกล้ามเนื้อ
  • F40F1I-4: จัดสภาพแวดล้อมให้เงียบ สงบ และลดสิ่งกระตุ้นความวิตกกังวล
  • F40F1I-5: แนะนำให้ผู้ป่วยจำกัดการบริโภคคาเฟอีนและสารกระตุ้นอื่นๆ ที่อาจเพิ่มอาการวิตกกังวล
  • F40F1I-6: กระตุ้นให้ผู้ป่วยทำกิจกรรมที่ช่วยผ่อนคลาย เช่น ฟังเพลง ฝึกสมาธิ หรือออกกำลังกายเบาๆ
  • F40F1I-7: ให้ข้อมูลเกี่ยวกับโรคและสอนเทคนิค Cognitive Behavioral Therapy (CBT) เบื้องต้น เพื่อช่วยให้ผู้ป่วยปรับความคิด
  • F40F1I-8: ส่งเสริมการสนับสนุนทางอารมณ์โดยให้ผู้ป่วยพูดคุยกับบุคคลที่ไว้ใจได้หรือเข้ากลุ่มสนับสนุน
  • F40F1I-9: ประสานงานกับแพทย์เพื่อพิจารณาการใช้ยาคลายกังวล หากอาการรุนแรง
  • F40F1I-10: ติดตามผลลัพธ์ของการดูแลและปรับแผนการพยาบาลตามความจำเป็น

Response (การตอบสนอง)

  • F40F1R-1: ระดับความวิตกกังวลของผู้ป่วยลดลงตาม GAD-7 Score
  • F40F1R-2: อัตราการเต้นของหัวใจและอัตราการหายใจกลับสู่ค่าปกติ
  • F40F1R-3: ผู้ป่วยสามารถใช้เทคนิคการหายใจและผ่อนคลายได้ด้วยตัวเอง
  • F40F1R-4: ผู้ป่วยมีอาการนอนหลับดีขึ้น หลับได้นานขึ้นโดยไม่ต้องพึ่งยานอนหลับ
  • F40F1R-5: ผู้ป่วยสามารถจัดการกับความวิตกกังวลได้ดีขึ้นและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

...................................................................................

F40F02: ผู้ป่วยมีความคิดฟุ้งซ่านและวิตกกังวลเกินควบคุม กระทบต่อการตัดสินใจ
Assessment (การประเมิน)

S:

  • ผู้ป่วยรู้สึกกังวลตลอดเวลา หยุดคิดเรื่องต่างๆ ไม่ได้
  • มีปัญหาในการตัดสินใจ รู้สึกลังเล ไม่มั่นใจ

O:

  • ผู้ป่วยพูดซ้ำๆ เกี่ยวกับความกังวลของตนเอง
  • แสดงอาการกระวนกระวาย หยุดนิ่งไม่ได้
  • ใช้เวลานานในการตัดสินใจเรื่องง่ายๆ
  • ขาดสมาธิในการสนทนา หรือทำกิจกรรม

Goals (เป้าหมาย)

  • ผู้ป่วยสามารถลดความคิดฟุ้งซ่านและควบคุมความวิตกกังวลได้ดีขึ้น
  • ผู้ป่วยสามารถตัดสินใจในเรื่องสำคัญได้โดยใช้เหตุผล
  • ผู้ป่วยมีสมาธิในการทำกิจกรรมประจำวัน
  • ผู้ป่วยเรียนรู้และใช้เทคนิคการจัดการความวิตกกังวลได้

Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)

  • ระดับความคิดฟุ้งซ่านลดลง (ประเมินด้วย GAD-7 Score)
  • ผู้ป่วยสามารถตัดสินใจเรื่องทั่วไปได้โดยใช้เวลาไม่นานเกินไป
  • ผู้ป่วยสามารถจดจ่อกับกิจกรรมอย่างน้อย 10-15 นาทีต่อครั้ง
  • ผู้ป่วยสามารถใช้เทคนิคการควบคุมความวิตกกังวลได้

Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)

  • F40F2I-1: ประเมินระดับความคิดฟุ้งซ่านและผลกระทบต่อการตัดสินใจของผู้ป่วยเป็นระยะ
  • F40F2I-2: สอนเทคนิคการหายใจลึก (Deep Breathing) และการทำสมาธิเพื่อช่วยให้จิตใจสงบ
  • F40F2I-3: กระตุ้นให้ผู้ป่วยเขียนบันทึกความคิด เพื่อช่วยจัดระเบียบความกังวล
  • F40F2I-4: แนะนำการใช้เทคนิค Mindfulness เพื่อเพิ่มสมาธิและลดความฟุ้งซ่าน
  • F40F2I-5: ส่งเสริมให้ผู้ป่วยฝึกการตัดสินใจ โดยเริ่มจากเรื่องง่ายๆ และเพิ่มระดับความซับซ้อนขึ้น
  • F40F2I-6: ลดสิ่งกระตุ้นที่อาจเพิ่มความวิตกกังวล เช่น ข่าวที่กระตุ้นความเครียด หรือการใช้โซเชียลมีเดียมากเกินไป
  • F40F2I-7: สนับสนุนให้ผู้ป่วยใช้กิจกรรมที่สร้างสรรค์ เช่น ศิลปะ ดนตรี หรือการออกกำลังกาย เพื่อช่วยเบี่ยงเบนความคิด
  • F40F2I-8: แนะนำให้ผู้ป่วยพูดคุยกับบุคคลที่ไว้ใจได้หรือเข้ากลุ่มสนับสนุนเพื่อแลกเปลี่ยนแนวทางการรับมือ
  • F40F2I-9: ประสานงานกับแพทย์เพื่อพิจารณาการใช้ยาควบคุมอาการ หากจำเป็น
  • F40F2I-10: ติดตามผลลัพธ์ของการดูแล และปรับแผนการพยาบาลตามอาการของผู้ป่วย

Response (การตอบสนอง)

  • F40F2R-1: ผู้ป่วยรายงานว่าความคิดฟุ้งซ่านลดลง
  • F40F2R-2: ผู้ป่วยสามารถตัดสินใจในเรื่องง่ายๆ ได้โดยไม่ลังเลมากเกินไป
  • F40F2R-3: ผู้ป่วยสามารถจดจ่อกับกิจกรรมได้ดีขึ้น
  • F40F2R-4: ผู้ป่วยสามารถใช้เทคนิคการจัดการความวิตกกังวลได้ด้วยตัวเอง
  • F40F2R-5: ผู้ป่วยมีความมั่นใจมากขึ้นในการตัดสินใจและใช้ชีวิตประจำวัน

.......................................................................................

F40F03: ผู้ป่วยมีอารมณ์หงุดหงิดและแปรปรวน กระทบต่อความสัมพันธ์กับผู้อื่น
Assessment (การประเมิน)

S:

  • ผู้ป่วยรู้สึกหงุดหงิดง่าย โกรธโดยไม่มีเหตุผล
  • มีปัญหาในการควบคุมอารมณ์ และมักรู้สึกผิดภายหลัง
  • รู้สึกแย่ที่ทำให้ความสัมพันธ์กับคนรอบข้างแย่ลง

O:

  • แสดงพฤติกรรมหงุดหงิด พูดจารุนแรง หรือมีอารมณ์แปรปรวน
  • แสดงท่าทีต่อต้านเมื่อถูกแนะนำหรือให้ความช่วยเหลือ
  • หลีกเลี่ยงการพูดคุยหรือมีปัญหาความสัมพันธ์กับครอบครัวและเพื่อน

Goals (เป้าหมาย)

  • ผู้ป่วยสามารถควบคุมอารมณ์หงุดหงิดและแปรปรวนได้ดีขึ้น
  • ผู้ป่วยสามารถใช้เทคนิคที่เหมาะสมในการจัดการความโกรธ
  • ผู้ป่วยสามารถปรับปรุงความสัมพันธ์กับคนรอบข้างได้
  • ผู้ป่วยรู้จักแสดงอารมณ์ในทางที่เหมาะสม

Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)

  • ผู้ป่วยรายงานว่าควบคุมอารมณ์หงุดหงิดได้ดีขึ้น
  • ผู้ป่วยสามารถตอบสนองต่อสถานการณ์ตึงเครียดได้อย่างเหมาะสม
  • ความสัมพันธ์กับครอบครัวและเพื่อนดีขึ้น
  • ผู้ป่วยสามารถใช้เทคนิคการจัดการอารมณ์ที่ได้รับการสอน

Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)

  • F40F3I-1: ประเมินระดับความหงุดหงิดและปัจจัยที่กระตุ้นอารมณ์ของผู้ป่วย
  • F40F3I-2: สอนเทคนิคการหายใจลึก (Deep Breathing) และการผ่อนคลายกล้ามเนื้อเพื่อลดความตึงเครียด
  • F40F3I-3: ส่งเสริมให้ผู้ป่วยสังเกตและบันทึกอารมณ์ของตนเองเพื่อเรียนรู้รูปแบบพฤติกรรม
  • F40F3I-4: กระตุ้นให้ผู้ป่วยใช้เทคนิคการจัดการความโกรธ เช่น นับ 1-10 ก่อนตอบสนอง
  • F40F3I-5: แนะนำให้ผู้ป่วยออกกำลังกายหรือทำกิจกรรมสร้างสรรค์เพื่อลดอารมณ์หงุดหงิด
  • F40F3I-6: ส่งเสริมให้ผู้ป่วยสื่อสารความรู้สึกของตนเองอย่างเหมาะสม โดยใช้ “I-Message” เช่น “ฉันรู้สึก…” แทนการกล่าวโทษผู้อื่น
  • F40F3I-7: แนะนำการใช้เทคนิค Mindfulness เพื่อช่วยให้ผู้ป่วยตระหนักรู้และควบคุมอารมณ์ตนเอง
  • F40F3I-8: ประเมินและให้คำปรึกษาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของผู้ป่วยกับคนรอบข้าง
  • F40F3I-9: หากอารมณ์แปรปรวนรุนแรงหรือส่งผลกระทบต่อชีวิตประจำวัน ประสานแพทย์เพื่อพิจารณาแนวทางการรักษาเพิ่มเติม
  • F40F3I-10: ติดตามและปรับแผนการพยาบาลตามการตอบสนองของผู้ป่วย

Response (การตอบสนอง)

  • F40F3R-1: ผู้ป่วยรายงานว่าสามารถควบคุมอารมณ์หงุดหงิดได้ดีขึ้น
  • F40F3R-2: ผู้ป่วยสามารถใช้เทคนิคการจัดการอารมณ์ได้เมื่อต้องเผชิญสถานการณ์เครียด
  • F40F3R-3: ผู้ป่วยมีพฤติกรรมสื่อสารที่เหมาะสมและลดการโต้เถียง
  • F40F3R-4: ผู้ป่วยรู้สึกว่าความสัมพันธ์กับคนรอบข้างดีขึ้น
  • F40F3R-5: ผู้ป่วยแสดงออกถึงอารมณ์ในทางที่เหมาะสมและสร้างสรรค์

............................................................

F40F04: ผู้ป่วยหลีกเลี่ยงสถานการณ์ที่กระตุ้นความวิตกกังวล ส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวัน

Assessment (การประเมิน)

S:

  • ผู้ป่วยหลีกเลี่ยงสถานการณ์ที่ทำให้รู้สึกวิตกกังวล เช่น การพบปะผู้คน การใช้ขนส่งสาธารณะ หรือการทำงานบางอย่าง
  • ผู้ป่วยรู้สึกว่าความวิตกกังวลส่งผลกระทบต่อชีวิตประจำวันและความสามารถในการทำงาน

O:

  • แสดงพฤติกรรมหลีกเลี่ยง เช่น ไม่ออกจากบ้าน หลีกเลี่ยงการพูดคุยกับผู้อื่น หรือปฏิเสธการทำกิจกรรมที่เคยทำ
  • มีอาการวิตกกังวลหรือกระสับกระส่ายเมื่อเผชิญกับสถานการณ์ที่กังวล
  • ประสิทธิภาพในการทำงานหรือใช้ชีวิตประจำวันลดลง

Goals (เป้าหมาย)

  • ผู้ป่วยสามารถเผชิญหน้ากับสถานการณ์ที่กระตุ้นความวิตกกังวลได้อย่างเหมาะสม
  • ผู้ป่วยเรียนรู้และใช้เทคนิคจัดการความวิตกกังวลอย่างมีประสิทธิภาพ
  • ผู้ป่วยสามารถกลับมาทำกิจกรรมที่สำคัญในชีวิตประจำวันได้
  • ลดการหลีกเลี่ยงสถานการณ์ที่จำเป็นต่อการดำเนินชีวิต

Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)

  • ผู้ป่วยสามารถเผชิญหน้ากับสถานการณ์ที่เคยหลีกเลี่ยงได้บางส่วนหรือทั้งหมด
  • ผู้ป่วยใช้เทคนิคจัดการความวิตกกังวลเมื่อเผชิญกับสถานการณ์ที่ตึงเครียด
  • การใช้ชีวิตประจำวันและการทำงานของผู้ป่วยดีขึ้น
  • ผู้ป่วยรู้สึกว่าสามารถควบคุมอารมณ์และความวิตกกังวลได้ดีขึ้น

Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)

  • F40F4I-1: ประเมินสถานการณ์ที่ผู้ป่วยมักหลีกเลี่ยงและระดับความวิตกกังวลที่เกิดขึ้น
  • F40F4I-2: สอนเทคนิคการผ่อนคลาย เช่น การหายใจลึก (Deep Breathing) และการฝึกสติ (Mindfulness) เพื่อช่วยลดความวิตกกังวล
  • F40F4I-3: ใช้เทคนิคการเผชิญหน้าแบบค่อยเป็นค่อยไป (Gradual Exposure Therapy) โดยเริ่มจากสถานการณ์ที่ผู้ป่วยวิตกกังวลน้อยที่สุด
  • F40F4I-4: กระตุ้นให้ผู้ป่วยบันทึกอารมณ์และปฏิกิริยาต่อสถานการณ์ที่เคยหลีกเลี่ยง
  • F40F4I-5: ส่งเสริมการสนับสนุนจากครอบครัวและเพื่อนเพื่อช่วยให้ผู้ป่วยเผชิญกับสถานการณ์ที่กังวลได้ดีขึ้น
  • F40F4I-6: ให้ผู้ป่วยฝึกการคิดเชิงบวก (Cognitive Restructuring) เพื่อลดความคิดวิตกกังวลเกินจริง
  • F40F4I-7: แนะนำกิจกรรมที่ช่วยเสริมสร้างความมั่นใจ เช่น การออกกำลังกาย การทำงานอดิเรก หรือการเข้าสังคม
  • F40F4I-8: ประเมินและปรับเป้าหมายให้เหมาะสมกับระดับความก้าวหน้าของผู้ป่วย
  • F40F4I-9: หากการหลีกเลี่ยงส่งผลกระทบรุนแรงต่อชีวิตประจำวัน ประสานแพทย์เพื่อพิจารณาการรักษาเพิ่มเติม เช่น การใช้ยา
  • F40F4I-10: ติดตามผลและปรับแผนการพยาบาลตามพฤติกรรมและความก้าวหน้าของผู้ป่วย

Response (การตอบสนอง)

  • F40F4R-1: ผู้ป่วยสามารถเผชิญกับสถานการณ์ที่เคยหลีกเลี่ยงได้โดยมีความวิตกกังวลลดลง
  • F40F4R-2: ผู้ป่วยใช้เทคนิคจัดการความวิตกกังวลได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • F40F4R-3: ผู้ป่วยกลับมาทำกิจกรรมในชีวิตประจำวันได้ดีขึ้น
  • F40F4R-4: ผู้ป่วยรายงานว่ารู้สึกมั่นใจขึ้นและสามารถควบคุมความวิตกกังวลได้ดีขึ้น
  • F40F4R-5: ผู้ป่วยมีปฏิสัมพันธ์ทางสังคมที่ดีขึ้นและสามารถทำงานหรือใช้ชีวิตได้ปกติ

...............................................................................

F40F05: ผู้ป่วยนอนไม่หลับหรือหลับไม่สนิท ส่งผลต่อสุขภาพโดยรวม

Assessment (การประเมิน)

S:

  • ผู้ป่วยบ่นว่านอนไม่หลับ หลับยาก หรือหลับไม่สนิท
  • มีอาการตื่นกลางดึก ฝันร้าย หรือวิตกกังวลขณะพยายามนอน
  • รู้สึกอ่อนเพลีย ไม่มีสมาธิในระหว่างวัน

O:

  • ผู้ป่วยมีอาการง่วงนอนแต่ไม่สามารถหลับได้
  • สีหน้าหม่นหมอง มีอาการอ่อนล้า และขอบตาคล้ำ
  • มีอัตราการเต้นของหัวใจสูงขึ้นเล็กน้อยจากภาวะเครียด

Goals (เป้าหมาย)

  • ผู้ป่วยสามารถนอนหลับได้อย่างเพียงพอและต่อเนื่อง ≥ 6 ชั่วโมง/คืน
  • ลดระดับความวิตกกังวลที่ส่งผลต่อการนอน
  • ส่งเสริมให้ผู้ป่วยมีพฤติกรรมการนอนที่เหมาะสม
  • ปรับปรุงสุขภาพโดยรวมให้ดีขึ้น

Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)

  • ผู้ป่วยสามารถนอนหลับได้ ≥ 6 ชั่วโมง/คืน
  • ลดจำนวนครั้งของการตื่นกลางดึก
  • ตื่นนอนแล้วรู้สึกสดชื่น ไม่ง่วงซึมหรืออ่อนเพลียมากเกินไป
  • สุขภาพโดยรวมดีขึ้นจากการนอนที่มีประสิทธิภาพ

Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)

  • F40F5I-1: ประเมินรูปแบบการนอน ปัจจัยที่ส่งผลต่อการนอนไม่หลับ และสภาวะทางอารมณ์ของผู้ป่วย
  • F40F5I-2: ให้คำแนะนำเรื่อง Sleep Hygiene เช่น กำหนดเวลานอน-ตื่นให้สม่ำเสมอ และสร้างบรรยากาศที่เหมาะสมกับการนอน
  • F40F5I-3: แนะนำให้หลีกเลี่ยงคาเฟอีน แอลกอฮอล์ และอาหารหนักก่อนนอนอย่างน้อย 4-6 ชั่วโมง
  • F40F5I-4: สนับสนุนการทำกิจกรรมผ่อนคลายก่อนนอน เช่น การอ่านหนังสือ ฟังเพลงเบาๆ หรือฝึกหายใจลึกๆ
  • F40F5I-5: กระตุ้นให้ผู้ป่วยออกกำลังกายเบาๆ ระหว่างวัน แต่หลีกเลี่ยงก่อนนอน
  • F40F5I-6: จัดสิ่งแวดล้อมให้เอื้อต่อการนอน เช่น ปรับแสง เสียง และอุณหภูมิห้องให้เหมาะสม
  • F40F5I-7: ฝึกเทคนิคการจัดการความเครียด เช่น การทำสมาธิหรือโยคะก่อนนอน
  • F40F5I-8: ประเมินผลข้างเคียงจากยาที่อาจรบกวนการนอน เช่น ยากลุ่มกระตุ้นประสาท
  • F40F5I-9: ให้คำปรึกษาเกี่ยวกับการใช้ยานอนหลับกรณีจำเป็น และติดตามอาการผลข้างเคียง
  • F40F5I-10: ส่งต่อจิตแพทย์หากผู้ป่วยมีอาการนอนไม่หลับเรื้อรังหรือรุนแรงขึ้น

Response (การตอบสนอง)

  • F40F5R-1: ผู้ป่วยสามารถหลับได้ ≥ 6 ชั่วโมง/คืน โดยไม่ตื่นกลางดึกบ่อย
  • F40F5R-2: ระดับความวิตกกังวลของผู้ป่วยลดลง ส่งผลให้คุณภาพการนอนดีขึ้น
  • F40F5R-3: ผู้ป่วยสามารถปฏิบัติตามคำแนะนำด้าน Sleep Hygiene ได้อย่างเหมาะสม
  • F40F5R-4: สุขภาพโดยรวมของผู้ป่วยดีขึ้น มีสมาธิและพลังงานเพียงพอในระหว่างวัน
  • F40F5R-5: ผู้ป่วยไม่ต้องพึ่งยานอนหลับเป็นประจำ หรือสามารถลดปริมาณยาลงได้

.................................................................................
F40F06: ผู้ป่วยมีอาการปวดศีรษะหรือปวดกล้ามเนื้อเรื้อรังจากความเครียดสะสม

Assessment (การประเมิน)

S:

  • ผู้ป่วยมีอาการปวดศีรษะหรือปวดกล้ามเนื้อเรื้อรัง
  • อาการปวดเกิดขึ้นบ่อยหลังจากการเผชิญกับความเครียด
  • รู้สึกปวดบริเวณคอ ไหล่ หลัง หรือขมับ พร้อมอาการตึงเครียด

O:

  • ผู้ป่วยมีอาการปวดเรื้อรังมากกว่า 3 วัน
  • การเคลื่อนไหวมีข้อจำกัด เช่น ขยับคอหรือไหล่ได้ยาก
  • ผู้ป่วยมีอาการปวดเพิ่มขึ้นในช่วงที่วิตกกังวลมาก
  • ตรวจพบกล้ามเนื้อหดตัวหรือแข็งตัวบริเวณคอ ไหล่

Goals (เป้าหมาย)

  • ลดอาการปวดศีรษะและปวดกล้ามเนื้อให้ดีขึ้น
  • ส่งเสริมให้ผู้ป่วยมีการจัดการความเครียดที่มีประสิทธิภาพ
  • ช่วยให้ผู้ป่วยสามารถเคลื่อนไหวได้โดยไม่มีอาการปวดหรือจำกัดการเคลื่อนไหว
  • ส่งเสริมคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยจากการจัดการอาการปวด
  • ลดความเครียดที่ทำให้เกิดอาการปวด

Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)

  • อาการปวดลดลง ≥ 50% จากเดิม
  • ผู้ป่วยสามารถเคลื่อนไหวได้อย่างปกติ
  • อาการปวดไม่ส่งผลกระทบต่อกิจกรรมในชีวิตประจำวัน
  • ผู้ป่วยสามารถรับมือกับความเครียดได้ดีขึ้น
  • ผู้ป่วยสามารถปรับพฤติกรรมการจัดการความเครียดได้

Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)

  • F40F6I-1: ประเมินอาการปวดและแหล่งที่มาของความเครียดที่กระตุ้นให้เกิดอาการปวด
  • F40F6I-2: แนะนำการใช้เทคนิคการคลายเครียด เช่น การทำสมาธิ การฝึกหายใจลึกๆ หรือการฟังเพลงเบาๆ
  • F40F6I-3: ใช้การประคบเย็นหรือร้อนเพื่อช่วยบรรเทาอาการปวดกล้ามเนื้อ
  • F40F6I-4: ส่งเสริมให้ผู้ป่วยออกกำลังกายเบาๆ เช่น การเดิน หรือการยืดกล้ามเนื้อ เพื่อบรรเทาความตึงเครียด
  • F40F6I-5: แนะนำการปรับท่าทางให้เหมาะสมในระหว่างการนั่งหรือยืน
  • F40F6I-6: แนะนำการทำท่านวดเพื่อคลายกล้ามเนื้อหรือการใช้น้ำมันหอมระเหย
  • F40F6I-7: ส่งเสริมการนอนหลับที่ดีเพื่อการฟื้นตัวจากความเครียด
  • F40F6I-8: แนะนำการหลีกเลี่ยงสารกระตุ้น เช่น คาเฟอีน หรือแอลกอฮอล์ที่อาจเพิ่มความเครียด
  • F40F6I-9: ส่งต่อผู้ป่วยไปยังผู้เชี่ยวชาญด้านการจัดการความเครียดหรือจิตแพทย์
  • F40F6I-10: ประเมินความต้องการการใช้ยาเพื่อบรรเทาอาการปวดและปรึกษากับแพทย์

Response (การตอบสนอง)

  • F40F6R-1: อาการปวดลดลง ≥ 50% และผู้ป่วยสามารถเคลื่อนไหวได้ตามปกติ
  • F40F6R-2: ผู้ป่วยใช้เทคนิคการคลายเครียดและปรับพฤติกรรมการจัดการความเครียดได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • F40F6R-3: อาการปวดไม่ส่งผลกระทบต่อการทำกิจกรรมประจำวัน
  • F40F6R-4: ผู้ป่วยสามารถจัดการกับความเครียดที่มีสาเหตุจากปัจจัยภายนอกได้ดีขึ้น
  • F40F6R-5: ผู้ป่วยสามารถนอนหลับได้เต็มที่และมีความสดชื่นเมื่อตื่นขึ้น

.........................................................................

F40F07: ผู้ป่วยอาจใช้สารกระตุ้น เช่น คาเฟอีน แอลกอฮอล์ หรือยาเพื่อลดความวิตกกังวล

Assessment (การประเมิน)

S:

  • ผู้ป่วยใช้สารกระตุ้น เช่น คาเฟอีน แอลกอฮอล์ หรือยาเพื่อลดความวิตกกังวล
  • ผู้ป่วยอาจบอกว่ารู้สึกสงบหรือผ่อนคลายชั่วคราวหลังจากใช้สารเหล่านี้
  • ผู้ป่วยมีอาการวิตกกังวลหรือเครียดเพิ่มขึ้นเมื่อไม่ได้ใช้สารกระตุ้น
  • อาจพบการใช้สารเหล่านี้ในปริมาณมากหรือต่อเนื่อง
  • ผู้ป่วยอาจมีอาการถอนตัวจากการหยุดใช้สารกระตุ้น (เช่น ปวดหัว นอนไม่หลับ)

O:

  • ตรวจพบผู้ป่วยมีปริมาณการใช้คาเฟอีนหรือแอลกอฮอล์ที่สูง
  • มีการใช้ยาหรือสารกระตุ้นอย่างต่อเนื่อง
  • สังเกตได้ว่าผู้ป่วยมีอาการหงุดหงิดหรือวิตกกังวลหากไม่ได้ใช้สารกระตุ้น
  • ผู้ป่วยมีอาการวิตกกังวลที่เพิ่มขึ้นหลังจากใช้สารกระตุ้น

Goals (เป้าหมาย)

  • ลดหรือหยุดการใช้สารกระตุ้นอย่างมีประสิทธิภาพ
  • ส่งเสริมการจัดการความวิตกกังวลโดยไม่พึ่งสารกระตุ้น
  • ลดอาการถอนตัวจากการหยุดใช้สารกระตุ้น
  • ส่งเสริมให้ผู้ป่วยใช้วิธีการที่ปลอดภัยในการลดความวิตกกังวล เช่น การฝึกการหายใจลึกๆ หรือการทำสมาธิ
  • ป้องกันการกลับมาใช้สารกระตุ้นใหม่

Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)

  • ผู้ป่วยลดการใช้สารกระตุ้นลงอย่างน้อย 50%
  • ผู้ป่วยใช้วิธีการจัดการความวิตกกังวลที่ไม่พึ่งสารกระตุ้น
  • อาการถอนตัวจากการหยุดใช้สารกระตุ้นลดลง
  • อาการวิตกกังวลลดลงโดยไม่ต้องพึ่งสารกระตุ้น
  • ผู้ป่วยแสดงความเต็มใจในการหยุดใช้สารกระตุ้นหรือยินยอมในการใช้วิธีการอื่น

Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)

  • F40F7I-1: ประเมินการใช้สารกระตุ้นและพฤติกรรมการใช้สารกระตุ้นของผู้ป่วย
  • F40F7I-2: ให้คำแนะนำในการลดการใช้สารกระตุ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป
  • F40F7I-3: แนะนำการใช้วิธีการจัดการความวิตกกังวลที่ปลอดภัย เช่น การหายใจลึกๆ หรือการฝึกสมาธิ
  • F40F7I-4: ส่งเสริมให้ผู้ป่วยรับการสนับสนุนจากกลุ่มช่วยเหลือหรือการปรึกษาจิตแพทย์
  • F40F7I-5: ให้คำแนะนำเกี่ยวกับผลกระทบของการใช้สารกระตุ้นและทางเลือกในการจัดการความวิตกกังวล
  • F40F7I-6: แนะนำการใช้ยาหรือสมุนไพรที่สามารถช่วยบรรเทาความวิตกกังวลโดยไม่พึ่งสารกระตุ้น
  • F40F7I-7: ตรวจสอบอาการถอนตัวจากการหยุดใช้สารกระตุ้นและให้การดูแลที่เหมาะสม
  • F40F7I-8: ส่งต่อผู้ป่วยไปยังจิตแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญในกรณีที่มีอาการถอนตัวอย่างรุนแรง
  • F40F7I-9: ส่งเสริมให้ผู้ป่วยฝึกการผ่อนคลายกล้ามเนื้อหรือการทำโยคะเพื่อลดความเครียด
  • F40F7I-10: จัดทำแผนการติดตามผลหลังการลดหรือหยุดใช้สารกระตุ้น

Response (การตอบสนอง)

  • F40F7R-1: การใช้สารกระตุ้นลดลง ≥ 50% หรือหยุดใช้สารกระตุ้น
  • F40F7R-2: ผู้ป่วยสามารถใช้วิธีการจัดการความวิตกกังวลที่ปลอดภัยได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • F40F7R-3: อาการถอนตัวจากการหยุดใช้สารกระตุ้นลดลง
  • F40F7R-4: ผู้ป่วยรายงานว่ามีการลดความวิตกกังวลและสามารถทำกิจกรรมประจำวันได้
  • F40F7R-5: ผู้ป่วยยินยอมในการลดหรือหยุดการใช้สารกระตุ้นและสามารถควบคุมพฤติกรรมได้

...........................................................................

F40F08: ผู้ป่วยขาดความรู้เกี่ยวกับโรคและวิธีจัดการความวิตกกังวลด้วยตัวเอง

Assessment (การประเมิน)

S:

  • ผู้ป่วยไม่เข้าใจถึงสาเหตุและอาการของโรควิตกกังวลทั่วไป
  • ผู้ป่วยไม่ทราบวิธีจัดการกับความวิตกกังวลด้วยตนเอง
  • ผู้ป่วยอาจถามคำถามเกี่ยวกับวิธีการควบคุมอาการวิตกกังวล
  • ผู้ป่วยอาจไม่สามารถบอกวิธีการลดความวิตกกังวลที่ใช้ได้ผลหรือปลอดภัย
  • ผู้ป่วยอาจรู้สึกสิ้นหวังหรือเครียดเมื่อไม่สามารถควบคุมอาการได้

O:

  • ผู้ป่วยไม่สามารถอธิบายเกี่ยวกับโรควิตกกังวลทั่วไปได้
  • ผู้ป่วยไม่สามารถบอกเทคนิคหรือวิธีการจัดการความวิตกกังวลที่เคยได้ยิน
  • พบว่าผู้ป่วยไม่เคยได้รับข้อมูลหรือการศึกษาเกี่ยวกับการดูแลตนเองในโรคนี้
  • ผู้ป่วยมีความรู้สึกไม่มั่นใจเกี่ยวกับการจัดการกับอาการวิตกกังวล

Goals (เป้าหมาย)

  • ผู้ป่วยจะสามารถอธิบายโรควิตกกังวลทั่วไปและอาการของตนได้
  • ผู้ป่วยจะเข้าใจวิธีการจัดการความวิตกกังวลด้วยตนเอง
  • ผู้ป่วยจะสามารถใช้เทคนิคการควบคุมความวิตกกังวลในชีวิตประจำวันได้
  • ผู้ป่วยจะรู้จักวิธีการผ่อนคลายและลดความเครียด
  • ผู้ป่วยจะสามารถระบุแหล่งข้อมูลเพื่อศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโรค

Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)

  • ผู้ป่วยสามารถอธิบายโรควิตกกังวลทั่วไปและสาเหตุของอาการได้
  • ผู้ป่วยสามารถระบุและใช้เทคนิคการจัดการความวิตกกังวลอย่างน้อย 2 วิธี
  • ผู้ป่วยรายงานว่าใช้เทคนิคการผ่อนคลายหรือการควบคุมความวิตกกังวลในชีวิตประจำวันได้
  • ผู้ป่วยแสดงความเข้าใจเกี่ยวกับวิธีการลดความเครียด
  • ผู้ป่วยสามารถอธิบายวิธีการเข้าถึงข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโรคได้

Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)

  • F40F8I-1: ประเมินความรู้ของผู้ป่วยเกี่ยวกับโรควิตกกังวลและวิธีการจัดการความวิตกกังวลด้วยตนเอง
  • F40F8I-2: อธิบายเกี่ยวกับโรควิตกกังวลทั่วไป สาเหตุ อาการ และผลกระทบจากโรค
  • F40F8I-3: แนะนำเทคนิคการควบคุมความวิตกกังวล เช่น การหายใจลึกๆ การฝึกสมาธิ หรือการทำโยคะ
  • F40F8I-4: แนะนำการใช้วิธีการผ่อนคลายเพื่อลดความเครียด เช่น การฟังเพลงหรือการเดินเล่น
  • F40F8I-5: ให้ข้อมูลเกี่ยวกับแหล่งข้อมูลการศึกษาหรือกลุ่มสนับสนุนที่เกี่ยวข้องกับโรค
  • F40F8I-6: สอนการบันทึกอาการและวิธีการจัดการความวิตกกังวลในแต่ละวัน
  • F40F8I-7: ส่งเสริมให้ผู้ป่วยฝึกฝนเทคนิคต่างๆ ที่ได้เรียนรู้เพื่อควบคุมความวิตกกังวล
  • F40F8I-8: ตรวจสอบการเข้าใจและการนำไปใช้จริงของผู้ป่วยเกี่ยวกับเทคนิคที่แนะนำ
  • F40F8I-9: สนับสนุนให้ผู้ป่วยมีการติดตามผลและปรับเทคนิคตามความเหมาะสม
  • F40F8I-10: จัดหาทรัพยากรเสริม เช่น แหล่งข้อมูลออนไลน์ หรือการปรึกษาผู้เชี่ยวชาญในกรณีที่จำเป็น

Response (การตอบสนอง)

  • F40F8R-1: ผู้ป่วยสามารถอธิบายโรควิตกกังวลและอาการของตนได้
  • F40F8R-2: ผู้ป่วยใช้เทคนิคการควบคุมความวิตกกังวลในชีวิตประจำวันได้อย่างน้อย 2 วิธี
  • F40F8R-3: ผู้ป่วยแสดงให้เห็นว่ามีความมั่นใจในการจัดการความวิตกกังวลด้วยตนเอง
  • F40F8R-4: ผู้ป่วยรายงานความรู้สึกผ่อนคลายและลดความเครียดได้จากการใช้วิธีการที่เรียนรู้
  • F40F8R-5: ผู้ป่วยสามารถเข้าถึงแหล่งข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโรคได้

...............................................................

F40F09: ผู้ป่วยเสี่ยงต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น โรคซึมเศร้าหรือแพนิค

Assessment (การประเมิน)

S:

  • ผู้ป่วยแสดงอาการวิตกกังวลเรื้อรังที่ยังไม่ได้รับการควบคุม
  • ผู้ป่วยมีความรู้สึกซึมเศร้าหรือไม่สนใจในกิจกรรมที่เคยทำ
  • ผู้ป่วยอาจแสดงอาการเครียดเกินไปเมื่อพูดถึงอนาคตหรือสถานการณ์ต่างๆ
  • ผู้ป่วยรู้สึกว่าตัวเองอ่อนแอหรือไร้ประโยชน์
  • ผู้ป่วยมีอาการซึมเศร้าร่วมกับความวิตกกังวล เช่น รู้สึกเศร้าหมอง รอยยิ้มยาก

O:

  • ผู้ป่วยมีความวิตกกังวลต่อสิ่งต่างๆ ตลอดเวลา
  • ผู้ป่วยอาจมีอาการซึมเศร้า เช่น รู้สึกไม่อยากทำกิจกรรมที่เคยชอบ
  • การตอบสนองทางอารมณ์แสดงถึงความเครียดหรือความวิตกกังวล
  • พบว่าอาการวิตกกังวลส่งผลต่อการนอนหลับและการทำงานประจำวัน
  • ผู้ป่วยแสดงท่าทีวิตกกังวลที่รุนแรงหรือเกินกว่าความจำเป็นในการตอบสนองต่อสถานการณ์

Goals (เป้าหมาย)

  • ผู้ป่วยสามารถระบุและเข้าใจความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น โรคซึมเศร้าและโรคแพนิค
  • ผู้ป่วยจะสามารถใช้กลยุทธ์ในการป้องกันและจัดการความวิตกกังวลได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • ผู้ป่วยจะสามารถพูดคุยเกี่ยวกับความวิตกกังวลและอารมณ์ของตนได้โดยไม่รู้สึกอับอาย
  • ผู้ป่วยจะสามารถบ่งชี้สัญญาณแรกของภาวะซึมเศร้าหรือโรคแพนิคได้
  • ผู้ป่วยจะรู้สึกมีกำลังใจและสามารถทำกิจกรรมประจำวันได้อย่างปกติ

Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)

  • ผู้ป่วยสามารถระบุความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับโรคซึมเศร้าและโรคแพนิค
  • ผู้ป่วยสามารถใช้เทคนิคในการจัดการความวิตกกังวล เช่น การหายใจลึกๆ การทำสมาธิ
  • ผู้ป่วยรายงานว่ามีการปรับปรุงในด้านอารมณ์และความวิตกกังวล
  • ผู้ป่วยแสดงการปรับตัวในการดำเนินชีวิตประจำวันได้ดีขึ้น
  • ผู้ป่วยแสดงให้เห็นถึงการเข้าใจวิธีการป้องกันภาวะแทรกซ้อนจากความวิตกกังวล

Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)

  • F40F9I-1: ประเมินอาการและความเสี่ยงของผู้ป่วยในการพัฒนาเป็นโรคซึมเศร้าหรือโรคแพนิค
  • F40F9I-2: ให้ข้อมูลเกี่ยวกับภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นจากโรควิตกกังวล เช่น โรคซึมเศร้าและโรคแพนิค
  • F40F9I-3: สอนเทคนิคการควบคุมความวิตกกังวล เช่น การหายใจลึกๆ การทำสมาธิ หรือการฝึกจิตใจให้สงบ
  • F40F9I-4: สนับสนุนให้ผู้ป่วยเข้ารับการบำบัดทางจิตวิทยาหรือการรักษาจากผู้เชี่ยวชาญหากจำเป็น
  • F40F9I-5: สอนให้ผู้ป่วยรับรู้สัญญาณแรกของภาวะซึมเศร้าหรืออาการของโรคแพนิค เช่น ความรู้สึกซึมเศร้าหรือการหลีกเลี่ยงสังคม
  • F40F9I-6: ช่วยส่งเสริมให้ผู้ป่วยสร้างกิจวัตรที่ดีในการดูแลสุขภาพจิต เช่น การออกกำลังกาย การตั้งเป้าหมายในชีวิต
  • F40F9I-7: จัดหาทรัพยากรเสริม เช่น กลุ่มสนับสนุน หรือการปรึกษาจิตแพทย์เพื่อช่วยดูแลสุขภาพจิต
  • F40F9I-8: ให้คำแนะนำในการจัดการกับความเครียดและการป้องกันภาวะแทรกซ้อนจากความวิตกกังวล
  • F40F9I-9: สนับสนุนให้ผู้ป่วยมีการติดตามผลอย่างต่อเนื่องเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดภาวะแทรกซ้อน
  • F40F9I-10: ประเมินอาการของผู้ป่วยในระยะเวลาต่างๆ เพื่อตรวจสอบว่าอาการของโรคไม่ได้รุนแรงขึ้น

Response (การตอบสนอง)

  • F40F9R-1: ผู้ป่วยสามารถระบุและเข้าใจภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นจากโรควิตกกังวล
  • F40F9R-2: ผู้ป่วยใช้เทคนิคการควบคุมความวิตกกังวลได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • F40F9R-3: ผู้ป่วยแสดงการปรับปรุงในด้านการควบคุมความวิตกกังวลและอารมณ์
  • F40F9R-4: ผู้ป่วยเริ่มบ่งชี้สัญญาณแรกของภาวะซึมเศร้าหรือโรคแพนิคได้
  • F40F9R-5: ผู้ป่วยสามารถดำเนินกิจกรรมประจำวันได้อย่างปกติและมีอารมณ์ที่ดีขึ้น

.................................................................

F40F10: การเตรียมความพร้อมก่อนจำหน่าย และการดูแลต่อเนื่องเพื่อป้องกันการกลับมาเป็นซ้ำ

Assessment (การประเมิน)

S:

  • ผู้ป่วยรู้สึกวิตกกังวลเกี่ยวกับการกลับไปสู่สภาพแวดล้อมเดิม
  • ผู้ป่วยอาจกลัวการไม่สามารถควบคุมอาการวิตกกังวลได้หลังการจำหน่าย
  • ผู้ป่วยมีความกังวลเกี่ยวกับการดูแลตนเองในระยะยาว
  • ผู้ป่วยต้องการข้อมูลเกี่ยวกับวิธีการป้องกันการกลับมาของอาการ
  • ผู้ป่วยอาจรู้สึกวิตกกังวลเกี่ยวกับการใช้ชีวิตในสังคมหลังการจำหน่าย

O:

  • ผู้ป่วยมีท่าทางวิตกกังวลก่อนจำหน่าย
  • ผู้ป่วยแสดงความต้องการที่จะรู้เกี่ยวกับการดูแลตนเองหลังจำหน่าย
  • ผู้ป่วยสนใจในข้อมูลการป้องกันการกลับมาของโรค
  • ผู้ป่วยมีการตั้งคำถามเกี่ยวกับการรักษาและการดูแลสุขภาพในระยะยาว
  • ผู้ป่วยแสดงท่าทีวิตกกังวลเกี่ยวกับการต้องกลับไปสู่สภาพแวดล้อมเดิม

Goals (เป้าหมาย)

  • ผู้ป่วยมีความเข้าใจในวิธีการดูแลตนเองและการป้องกันการกลับมาของอาการวิตกกังวล
  • ผู้ป่วยสามารถใช้ทักษะในการจัดการความวิตกกังวลเมื่อกลับสู่สภาพแวดล้อมเดิม
  • ผู้ป่วยรู้จักการใช้ทรัพยากรสนับสนุนเช่น การพบแพทย์หรือการเข้าร่วมกลุ่มสนับสนุน
  • ผู้ป่วยมีความมั่นใจในการรับมือกับสถานการณ์ที่อาจกระตุ้นความวิตกกังวลหลังการจำหน่าย
  • ผู้ป่วยสามารถตัดสินใจได้อย่างมีความรู้เกี่ยวกับการบำบัดหรือการรักษาต่อเนื่องหลังจำหน่าย

Evaluate Criteria (เกณฑ์การประเมิน)

  • ผู้ป่วยสามารถแสดงความเข้าใจในวิธีการดูแลตนเองหลังจำหน่าย
  • ผู้ป่วยสามารถใช้ทักษะการจัดการความวิตกกังวลในการดำเนินชีวิตประจำวัน
  • ผู้ป่วยสามารถเข้าถึงการดูแลต่อเนื่องได้ตามแผนการรักษา
  • ผู้ป่วยแสดงความมั่นใจในการจัดการกับอาการวิตกกังวล
  • ผู้ป่วยรายงานว่ารู้สึกสามารถรับมือกับสิ่งต่างๆ ได้ดีขึ้นหลังจำหน่าย

Intervention (การปฏิบัติการพยาบาล)

  • F40F10I-1: ประเมินความพร้อมของผู้ป่วยในการกลับสู่สภาพแวดล้อมเดิมและการจัดการความวิตกกังวล
  • F40F10I-2: ให้ข้อมูลเกี่ยวกับการป้องกันการกลับมาของอาการวิตกกังวล เช่น เทคนิคการผ่อนคลายหรือการฝึกสมาธิ
  • F40F10I-3: ให้คำแนะนำในการสร้างกิจวัตรประจำวันที่ช่วยลดความวิตกกังวล เช่น การออกกำลังกาย การนอนหลับที่เพียงพอ
  • F40F10I-4: แนะนำให้ผู้ป่วยเข้ารับการติดตามจากผู้เชี่ยวชาญ เช่น การพบแพทย์หรือการเข้ากลุ่มสนับสนุน
  • F40F10I-5: สนับสนุนให้ผู้ป่วยมีแผนการรักษาต่อเนื่องที่เหมาะสม เช่น การบำบัดด้วยจิตบำบัดหรือการใช้ยา
  • F40F10I-6: สอนทักษะในการเผชิญสถานการณ์ที่อาจกระตุ้นความวิตกกังวล เช่น การหายใจลึกๆ หรือการคิดในเชิงบวก
  • F40F10I-7: ให้คำแนะนำเกี่ยวกับการป้องกันภาวะแทรกซ้อนในระยะยาว เช่น การหลีกเลี่ยงสารกระตุ้น เช่น คาเฟอีนหรือแอลกอฮอล์
  • F40F10I-8: ให้ข้อมูลเกี่ยวกับการสังเกตสัญญาณของความวิตกกังวลที่เพิ่มขึ้นและวิธีการรับมือ
  • F40F10I-9: จัดทำแผนการติดตามผลการรักษาหลังการจำหน่าย
  • F40F10I-10: สนับสนุนให้ผู้ป่วยมีความมั่นใจในการกลับไปสู่การใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ

Response (การตอบสนอง)

  • F40F10R-1: ผู้ป่วยสามารถบอกวิธีการดูแลตนเองและการป้องกันการกลับมาของอาการวิตกกังวล
  • F40F10R-2: ผู้ป่วยแสดงการใช้ทักษะการจัดการความวิตกกังวลในสถานการณ์ต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • F40F10R-3: ผู้ป่วยสามารถเข้าถึงการดูแลต่อเนื่องตามแผนการรักษา
  • F40F10R-4: ผู้ป่วยแสดงความมั่นใจในการจัดการกับอาการวิตกกังวลในชีวิตประจำวัน
  • F40F10R-5: ผู้ป่วยสามารถรับมือกับสถานการณ์ที่อาจกระตุ้นความวิตกกังวลได้อย่างมีประสิทธิภาพ

................................................................

1."เครียดหนัก ใจสั่น นอนไม่หลับ! วิตกกังวลรุนแรงส่งผลต่อร่างกาย ต้องจัดการด่วน"

การดูแล

🩷 ตรวจเช็กความเครียด – ประเมินระดับความวิตกกังวลด้วย GAD-7 และสังเกตอาการทางกาย
💙 ฝึกใจให้สงบ – ใช้เทคนิคหายใจลึก (Deep Breathing) และผ่อนคลายกล้ามเนื้อ (PMR)
💜 ปรับไลฟ์สไตล์ให้ผ่อนคลาย – ลดคาเฟอีน ทำกิจกรรมสบายๆ เช่น ฟังเพลง นั่งสมาธิ ออกกำลังกายเบาๆ
💛 ปรับความคิด พิชิตความเครียด – เรียนรู้ CBT เบื้องต้น และพูดคุยกับคนที่ไว้ใจ
💚 ดูแลต่อเนื่องกับทีมแพทย์ – ติดตามอาการและปรึกษาแพทย์หากจำเป็น

ผลลัพธ์ที่คาดหวัง

 เครียดน้อยลง ใจสงบขึ้น
 หายใจโล่ง ไม่รู้สึกอึดอัด
 นอนหลับดีขึ้น ไม่ต้องพึ่งยา
 รับมือกับความวิตกกังวลได้ดีขึ้น
 ใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขมากขึ้น

 อย่าปล่อยให้ความเครียดทำร้ายคุณ ดูแลตัวเองวันนี้เพื่อใจที่แข็งแรงขึ้น! 💖

....................................................................................

2."คิดเยอะ ฟุ้งซ่าน วิตกจนตัดสินใจไม่ได้! ถึงเวลาควบคุมความคิดก่อนกระทบชีวิตประจำวัน"

การดูแล

🩷 ประเมินและติดตามอาการ – ตรวจระดับความฟุ้งซ่านและผลกระทบต่อการตัดสินใจเป็นระยะ
💙 ฝึกจิตใจให้สงบ – ใช้เทคนิคหายใจลึก (Deep Breathing), สมาธิ (Mindfulness) และการจดบันทึกความคิด
💜 เสริมสร้างสมาธิและการตัดสินใจ – ฝึกตัดสินใจจากเรื่องง่ายๆ และลดสิ่งรบกวน เช่น โซเชียลมีเดียและข่าวเครียด
💛 ใช้กิจกรรมช่วยผ่อนคลาย – ทำงานศิลปะ ฟังเพลง ออกกำลังกาย และพูดคุยกับคนที่ไว้ใจ
💚 ติดตามอาการและปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ – ประเมินอาการต่อเนื่องและพิจารณาการรักษาร่วมกับแพทย์หากจำเป็น

ผลลัพธ์ที่คาดหวัง

 ความคิดฟุ้งซ่านลดลง ควบคุมความกังวลได้ดีขึ้น
 ตัดสินใจเรื่องง่ายๆ ได้อย่างมั่นใจ
 มีสมาธิมากขึ้น จดจ่อกับสิ่งที่ทำได้ดี
 ใช้เทคนิคผ่อนคลายและรับมือกับความเครียดได้เอง
 มั่นใจขึ้น ใช้ชีวิตได้อย่างสมดุล

 เปลี่ยนความคิดฟุ้งซ่านให้เป็นความสงบ เริ่มดูแลตัวเองวันนี้! 💖

..............................................................................................

3."อารมณ์ขึ้นลง หงุดหงิดง่าย กระทบความสัมพันธ์ถึงเวลาควบคุมอารมณ์ก่อนเสียคนสำคัญไป!"

การดูแล

🩷 ประเมินอารมณ์และตัวกระตุ้น – ตรวจระดับอารมณ์หงุดหงิดและสาเหตุที่กระตุ้นความเครียด
💙 ฝึกเทคนิคสงบใจ – ใช้หายใจลึก (Deep Breathing), ผ่อนคลายกล้ามเนื้อ และเทคนิค Mindfulness
💜 ปรับพฤติกรรมลดอารมณ์ร้อน – จดบันทึกอารมณ์ นับ 1-10 ก่อนตอบสนอง และทำกิจกรรมผ่อนคลาย
💛 ฝึกสื่อสารอย่างสร้างสรรค์ – ใช้ “I-Message” บอกความรู้สึก ลดการโต้เถียง และสร้างความเข้าใจ
💚 ติดตามและให้คำปรึกษา – ประเมินความสัมพันธ์ หากอารมณ์แปรปรวนรุนแรง ประสานแพทย์เพื่อช่วยเหลือเพิ่มเติม

ผลลัพธ์ที่คาดหวัง

 ควบคุมอารมณ์ได้ดีขึ้น
 ลดความหงุดหงิด ตอบสนองอย่างมีสติ
 สื่อสารดีขึ้น ลดการโต้เถียง
 ความสัมพันธ์กับคนรอบข้างดีขึ้น
 แสดงอารมณ์ได้อย่างเหมาะสมและสร้างสรรค์

 อารมณ์ที่มั่นคง นำไปสู่ความสัมพันธ์ที่ดี เริ่มเปลี่ยนแปลงตัวเองวันนี้! 💖

.................................................................................................

4."หลีกเลี่ยงเพราะกลัว สุดท้ายกลายเป็นปัญหา! ถึงเวลาฝึกใจให้กล้าเผชิญ"

การดูแล

💙 ประเมินและเข้าใจความกลัว – วิเคราะห์สถานการณ์ที่หลีกเลี่ยงและระดับความวิตกกังวล
💜 ฝึกใจให้แข็งแกร่ง – ใช้หายใจลึก (Deep Breathing), ฝึกสติ (Mindfulness) และคิดเชิงบวกเพื่อลดความวิตกกังวล
💛 เผชิญหน้าแบบค่อยเป็นค่อยไป – ค่อยๆ ปรับตัวกับสถานการณ์ที่กังวล โดยเริ่มจากระดับที่รับมือได้
💚 เสริมพลังใจจากคนรอบข้าง – ส่งเสริมการสนับสนุนจากครอบครัวและเพื่อน
🩷 ติดตามและปรับแผน – ประเมินพฤติกรรม ปรับเป้าหมาย และหากจำเป็น ประสานแพทย์เพื่อแนวทางรักษาเพิ่มเติม

ผลลัพธ์ที่คาดหวัง

 กล้าเผชิญสถานการณ์ที่เคยหลีกเลี่ยง
 ใช้เทคนิคจัดการความกังวลได้ดีขึ้น
 กลับมาทำกิจกรรมในชีวิตประจำวันได้
 มั่นใจขึ้น ควบคุมความกลัวได้มากขึ้น
 มีปฏิสัมพันธ์ทางสังคมดีขึ้น ใช้ชีวิตอย่างอิสระ

 หยุดปล่อยให้ความกลัวควบคุมชีวิต ก้าวข้ามขีดจำกัดของตัวเองวันนี้! 💖

...................................................................................................

5😴 "นอนไม่หลับ...สุขภาพพัง! ปรับพฤติกรรมให้ถูกวิธี หลับง่าย ตื่นสบาย"

การดูแล

💙 สำรวจต้นตอปัญหา – วิเคราะห์รูปแบบการนอน ปัจจัยรบกวน และระดับความเครียด
💛 สร้างนิสัยการนอนที่ดี (Sleep Hygiene) – จัดเวลานอน-ตื่นให้สม่ำเสมอ ปรับสภาพแวดล้อมให้เหมาะสม
💜 เลี่ยงสิ่งกระตุ้น – งดคาเฟอีน แอลกอฮอล์ อาหารหนักก่อนนอน และออกกำลังกายแต่ไม่ใกล้เวลานอนเกินไป
💚 ผ่อนคลายก่อนนอน – ฟังเพลงเบาๆ อ่านหนังสือ ฝึกหายใจลึกๆ หรือทำสมาธิช่วยให้หลับง่ายขึ้น
🩷 ติดตามและปรับแนวทาง – ประเมินผลข้างเคียงจากยา แนะนำทางเลือกอื่น และส่งต่อผู้เชี่ยวชาญหากจำเป็น

ผลลัพธ์ที่คาดหวัง

 หลับได้ ≥ ชั่วโมง/คืน ไม่ตื่นบ่อยกลางดึก
 ความเครียดลดลง คุณภาพการนอนดีขึ้น
 ปรับพฤติกรรมตามแนวทาง Sleep Hygiene ได้
 รู้สึกสดชื่น มีพลังงานระหว่างวัน
 ลดการพึ่งยานอนหลับหรือสามารถเลิกใช้ยาได้

 อย่าปล่อยให้อาการนอนไม่หลับทำลายสุขภาพ! มาเริ่มต้นคืนที่หลับสบายไปด้วยกัน 💤💖

...........................................................................................

6.💢 "ปวดศีรษะ-ปวดกล้ามเนื้อจากเครียดเรื้อรัง…หยุดวงจรปวดก่อนสุขภาพพัง!"

การดูแล

💙 เช็กต้นเหตุ – ประเมินระดับความปวดและปัจจัยกระตุ้น เช่น ความเครียด ท่าทางไม่เหมาะสม
💛 คลายเครียด-ลดปวด – ฝึกหายใจลึก ทำสมาธิ ฟังเพลง ผ่อนคลายกล้ามเนื้อด้วยการประคบเย็น/ร้อน หรือการนวด
💜 ปรับพฤติกรรม – ยืดกล้ามเนื้อ เดินเบาๆ ปรับท่านั่ง-ยืนให้ถูกต้อง และนอนให้เพียงพอ
💚 เลี่ยงตัวกระตุ้น – ลดคาเฟอีน แอลกอฮอล์ และปรับไลฟ์สไตล์เพื่อลดความเครียด
🩷 ติดตาม-ปรับแผน – หากอาการปวดเรื้อรังไม่ดีขึ้น อาจต้องปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญ

ผลลัพธ์ที่คาดหวัง

 อาการปวดลดลง ≥ 50% เคลื่อนไหวได้ปกติ
 ผู้ป่วยจัดการความเครียดได้ดีขึ้น
 ปวดน้อยลง ไม่รบกวนชีวิตประจำวัน
 นอนหลับสนิท สดชื่นเมื่อตื่นขึ้น
 ไม่ต้องพึ่งยาแก้ปวดเป็นประจำ

 เริ่มดูแลตัวเองวันนี้…ลดปวด ผ่อนคลาย สบายกายสบายใจ! 💆💖

...........................................................................................

7.⚠️ "หยุดพึ่งสารกระตุ้น! ลดคาเฟอีน แอลกอฮอล์ ยาแก้เครียด…ก่อนสุขภาพพัง!"

การดูแล

💡 เช็กพฤติกรรม – ประเมินการใช้สารกระตุ้นและผลกระทบที่มีต่อร่างกายและจิตใจ
🛑 ลด ละ เลิก อย่างปลอดภัย – แนะนำการลดสารกระตุ้นแบบค่อยเป็นค่อยไป พร้อมติดตามอาการ
🧘 ทางเลือกที่ดีกว่า – สอนเทคนิคผ่อนคลาย เช่น ฝึกหายใจลึก สมาธิ หรือโยคะ
🤝 หากต้องการตัวช่วย – สนับสนุนให้เข้ากลุ่มบำบัด หรือปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ
📌 ติดตามผล – ประเมินอาการถอน ปรับแผนการดูแล และให้กำลังใจในการเปลี่ยนแปลง

ผลลัพธ์ที่คาดหวัง

 ลดหรือหยุดใช้สารกระตุ้นได้สำเร็จ
 ใช้วิธีผ่อนคลายที่ปลอดภัยแทนการพึ่งสารกระตุ้น
 อาการถอนตัวลดลง ไม่ทรมาน
 ความเครียดลดลง ใช้ชีวิตได้ปกติ
 มีแรงจูงใจในการเลิกและควบคุมพฤติกรรมได้

 ดูแลตัวเองวันนี้…เปลี่ยนชีวิตให้ดีขึ้นแบบไม่ต้องพึ่งสารกระตุ้น! 💪💙

.......................................................................................

8.💭 "ความกังวล...จัดการได้! เข้าใจโรค ใช้เทคนิคที่ถูกต้อง ลดความเครียดด้วยตัวเอง"

การดูแล

🔍 รู้จักโรคของตัวเอง – ประเมินและให้ความรู้เกี่ยวกับโรควิตกกังวล อาการ และผลกระทบ
🧘 เทคนิคคลายกังวล – แนะนำวิธีควบคุมความเครียด เช่น หายใจลึก สมาธิ โยคะ หรือฟังเพลง
📒 บันทึกอาการ – สอนให้ผู้ป่วยสังเกตและจดบันทึกความกังวลเพื่อวิเคราะห์และจัดการได้ดีขึ้น
🤝 หาตัวช่วยเมื่อจำเป็น – แนะนำแหล่งข้อมูล กลุ่มสนับสนุน หรือช่องทางปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ
 ติดตามผล & ปรับปรุง – ตรวจสอบการนำเทคนิคไปใช้ และปรับให้เหมาะสมกับผู้ป่วย

ผลลัพธ์ที่คาดหวัง

 ผู้ป่วยเข้าใจโรคและอาการของตนเอง
 สามารถใช้เทคนิคคลายความกังวลได้อย่างน้อย วิธี
 มีความมั่นใจในการจัดการความเครียดด้วยตัวเอง
 ลดความเครียดและรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น
 เข้าถึงข้อมูลหรือกลุ่มช่วยเหลือได้เมื่อต้องการ

 เปลี่ยนความวิตกกังวลให้เป็นพลัง... เริ่มต้นจากความเข้าใจ! 💙

.............................................................................................

9.⚠️ "ความกังวลเรื้อรัง อาจนำไปสู่ซึมเศร้าหรือแพนิค รู้ก่อน ป้องกันทัน!"

การดูแล

🔍 ประเมินก่อนสาย – ตรวจอาการและความเสี่ยงของภาวะแทรกซ้อน เช่น ซึมเศร้าและแพนิค
🧘 ฝึกเทคนิคคลายกังวล – สอนการหายใจลึกๆ ทำสมาธิ ฝึกจิตใจให้สงบ
💡 รู้ทันสัญญาณเตือน – ให้ความรู้เกี่ยวกับอาการเริ่มต้น เช่น หดหู่ เครียดจัด หลีกเลี่ยงสังคม
🤝 หาที่พึ่งเมื่อจำเป็น – ส่งเสริมให้เข้ากลุ่มช่วยเหลือ หรือปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ
📈 ติดตามสุขภาพจิต – กระตุ้นให้ผู้ป่วยดูแลตัวเอง สร้างกิจวัตรที่ดี และตรวจเช็กอาการสม่ำเสมอ

ผลลัพธ์ที่คาดหวัง

 ผู้ป่วยเข้าใจและระบุภาวะแทรกซ้อนได้
 ใช้เทคนิคควบคุมความวิตกกังวลได้ดีขึ้น
 มีแนวโน้มจัดการอารมณ์และความเครียดได้ดีขึ้น
 สังเกตสัญญาณเตือนของซึมเศร้าหรือแพนิคได้เร็ว
 ใช้ชีวิตประจำวันได้ปกติและอารมณ์ดีขึ้น

 สุขภาพจิตดี เริ่มที่เข้าใจตัวเอง 💙

....................................................................................

10.🔑 "เตรียมตัวให้พร้อมก่อนกลับบ้าน! ป้องกันการกลับมาของความวิตกกังวล"

การดูแล

✔️ ประเมินความพร้อม – ตรวจสอบความพร้อมของผู้ป่วยในการกลับสู่ชีวิตประจำวันและจัดการความวิตกกังวล
💡 ให้ความรู้และแนะนำ – สอนเทคนิคผ่อนคลาย การฝึกสมาธิ และการสร้างกิจวัตรที่ช่วยลดความเครียด
🗣️ แนะนำการติดตาม – ส่งเสริมให้เข้ารับการดูแลต่อเนื่องจากผู้เชี่ยวชาญ เช่น แพทย์หรือกลุ่มสนับสนุน
🌿 สร้างแผนรักษาต่อเนื่อง – สนับสนุนการบำบัดจิตหรือการใช้ยาเพื่อป้องกันการกลับมาของอาการ
⚠️ สอนทักษะการรับมือ – ฝึกการหายใจลึกๆ และการคิดบวกเพื่อรับมือกับสถานการณ์ที่อาจกระตุ้นความวิตกกังวล

ผลลัพธ์ที่คาดหวัง

 ผู้ป่วยสามารถดูแลตนเองและป้องกันการกลับมาของอาการวิตกกังวล
 ใช้ทักษะจัดการความวิตกกังวลได้อย่างมีประสิทธิภาพในชีวิตประจำวัน
 ผู้ป่วยสามารถเข้าถึงการดูแลต่อเนื่องตามแผนที่กำหนด
 แสดงความมั่นใจในการรับมือกับอาการวิตกกังวล
 รับมือกับสถานการณ์ที่กระตุ้นความวิตกกังวลได้อย่างมีประสิทธิภาพ

 กลับสู่ชีวิตประจำวันได้อย่างมั่นใจและไร้กังวล!

.........................................................