พยาธิสภาพของทารกแรกเกิดที่มีภาวะขาดออกซิเจนจากการคลอด
ภาวะขาดออกซิเจนจากการคลอดเกิดจากการขาดออกซิเจนหรือการไหลเวียนเลือดที่เพียงพอต่ออวัยวะสำคัญในร่างกายทารกระหว่างการคลอดหรือหลังคลอดทันที ซึ่งอาจนำไปสู่ความเสียหายต่อสมองและอวัยวะสำคัญอื่น ๆ เช่น หัวใจ ปอด และไต หากขาดการแก้ไขอย่างทันท่วงที อาจส่งผลให้เกิดภาวะทางระบบประสาทถาวรหรือการเสียชีวิตได้ โดยพยาธิสภาพที่สำคัญคือการขาดออกซิเจนในเลือด (hypoxemia) และภาวะกรดในเลือด (metabolic
acidosis) ซึ่งรบกวนการทำงานของเซลล์ทั่วร่างกาย
การรักษาทารกแรกเกิดที่มีภาวะขาดออกซิเจนจากการคลอด
การรักษาเน้นการฟื้นฟูการหายใจและการไหลเวียนโลหิตอย่างเร่งด่วนโดยการช่วยหายใจ เช่น การใช้ถุงลมและหน้ากาก (bag-mask
ventilation) หรือใส่ท่อช่วยหายใจในกรณีที่จำเป็น ควบคู่กับการให้การดูแลภาวะวิกฤต เช่น การควบคุมอุณหภูมิร่างกาย (therapeutic
hypothermia) เพื่อลดการบาดเจ็บของสมอง การให้สารน้ำและยาที่เหมาะสมเพื่อรักษาสมดุลของเลือดและป้องกันภาวะแทรกซ้อน เช่น ภาวะช็อกหรือการติดเชื้อ
การพยาบาลทารกแรกเกิดที่มีภาวะขาดออกซิเจนจากการคลอด
การพยาบาลมุ่งเน้นการดูแลแบบองค์รวม โดยเน้นการช่วยฟื้นฟูการหายใจและติดตามสัญญาณชีพอย่างใกล้ชิด พยาบาลต้องประเมินการตอบสนองของระบบประสาท เช่น การรับรู้และการตอบสนองของทารก พร้อมทั้งดูแลให้ทารกอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่เหมาะสม เช่น การควบคุมอุณหภูมิและแสงในห้อง NICU รวมถึงสนับสนุนครอบครัวด้วยการให้ข้อมูลที่ถูกต้องและให้กำลังใจอย่างต่อเนื่องเพื่อเสริมสร้างความมั่นใจในการดูแลลูกน้อยของตนเอง
วินิจฉัยการพยาบาลทารกแรกเกิดที่มีภาวะขาดออกซิเจนจากการคลอด
- P07.0F1 - ภาวะการหายใจล้มเหลว (Respiratory failure) (เนื่องจากทารกไม่สามารถหายใจได้เองหรือไม่สามารถได้รับออกซิเจนเพียงพอ ทำให้ต้องมีการจัดการทางเดินหายใจและการช่วยหายใจอย่างเร่งด่วนเพื่อป้องกันการขาดออกซิเจนที่รุนแรง)
- P07.0F2 - ภาวะการขาดออกซิเจนในเลือด (Hypoxia) (ภาวะขาดออกซิเจนที่เกิดจากการคลอดที่ยาวนานหรือการขาดการหายใจหลังคลอด ส่งผลให้ระดับออกซิเจนในเลือดต่ำ และต้องการการให้ออกซิเจนเพื่อรักษาสมดุลของออกซิเจนในเลือด)
- P07.0F3 - ภาวะความดันโลหิตต่ำ (Hypotension) (การขาดออกซิเจนอาจทำให้เกิดความดันโลหิตต่ำ ซึ่งสามารถส่งผลกระทบต่อการไหลเวียนเลือดและอวัยวะต่างๆ จึงจำเป็นต้องได้รับการฟื้นฟูความดันโลหิตอย่างรวดเร็ว)
- P07.0F4 - ภาวะการปฏิกิริยาตอบสนองช้า (Delayed response) (การขาดออกซิเจนอาจทำให้ทารกตอบสนองต่อการกระตุ้นช้าหรือไม่มีการตอบสนอง ทำให้ต้องมีการกระตุ้นและประเมินการตอบสนองอย่างใกล้ชิด)
- P07.0F5 - ภาวะเลือดออกในสมอง (Intracranial hemorrhage) (การขาดออกซิเจนหรือภาวะหายใจล้มเหลวอาจทำให้เกิดการเลือดออกในสมอง ซึ่งต้องมีการตรวจเช็คเพื่อการวินิจฉัยและรักษาอย่างทันท่วงที)
- P07.0F6 - การรักษาอุณหภูมิร่างกาย (Hypothermia) (ทารกที่มีภาวะขาดออกซิเจนอาจมีปัญหาในการรักษาอุณหภูมิร่างกายให้อยู่ในระดับปกติ จึงจำเป็นต้องควบคุมอุณหภูมิร่างกายอย่างใกล้ชิด)
- P07.0F7 - การสนับสนุนทางโภชนาการ (Nutritional support) (ทารกที่เกิดภาวะขาดออกซิเจนอาจมีปัญหาการดูดนมหรือการย่อยอาหาร ซึ่งต้องการการสนับสนุนทางโภชนาการเพื่อการเจริญเติบโตที่เหมาะสม)
- P07.0F8 - การเฝ้าระวังภาวะแทรกซ้อนระยะยาว (Long-term complication monitoring) (ภาวะขาดออกซิเจนอาจส่งผลต่อการพัฒนาการทางร่างกายและจิตใจของทารกในระยะยาว จึงจำเป็นต้องเฝ้าระวังภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้น)
- P07.0F9 - การวางแผนจำหน่าย (Discharge planning) (การเตรียมตัวสำหรับการจำหน่ายช่วยให้พ่อแม่หรือผู้ดูแลสามารถจัดการดูแลทารกที่บ้านได้อย่างถูกต้องและปลอดภัย)
- P07.0F10 - การจำหน่าย (Discharge) (การจำหน่ายทารกต้องมั่นใจว่าทารกมีการฟื้นตัวดีและไม่เสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนในระยะยาว และการติดตามผลหลังการจำหน่ายเป็นสิ่งสำคัญในการรักษาผลการรักษา)
..............................
P07.0F1
- ภาวะการหายใจล้มเหลว (Respiratory
failure)
Assessment
(การประเมิน)
S:
- ผู้ดูแลรายงานว่าทารกไม่ร้องหรือร้องเบาเมื่อคลอด
- รายงานว่าทารกมีการหายใจเฮือกหรือหยุดหายใจ
O:
- คะแนน Apgar score < 7 ภายใน 1 และ 5 นาทีแรกหลังคลอด
- การหายใจผิดปกติ: หายใจช้าหรือหยุดหายใจ
- ผิวซีดหรือเขียวคล้ำ (cyanosis)
- ระดับออกซิเจนในเลือด (SpO₂) ต่ำกว่า 90%
- ฟังเสียงปอดพบการหายใจลดลงหรือไม่มีเสียงหายใจ
Goals
(เป้าหมาย)
- ทารกมีการหายใจปกติและค่า SpO₂ ≥ 95%
- ไม่มีภาวะแทรกซ้อนจากการขาดออกซิเจน เช่น ภาวะเลือดเป็นกรด
- การไหลเวียนโลหิตและสัญญาณชีพคงที่
Evaluate
Criteria (เกณฑ์การประเมิน)
- ทารกหายใจด้วยตัวเองได้ปกติ โดยไม่มีการหยุดหายใจ
- ค่า SpO₂ ≥ 95% และไม่มีอาการเขียวคล้ำ
- สัญญาณชีพคงที่: HR 120-160 bpm, RR 30-60 ครั้ง/นาที
- คะแนน Apgar score ≥ 8 ที่ 10 นาทีหลังคลอด
Intervention
(การปฏิบัติการพยาบาล)
- P07.0F1I-1: ประเมินทางเดินหายใจและเคลียร์สิ่งอุดตัน เช่น การดูดเสมหะ (suctioning)
- P07.0F1I-2: ให้การช่วยหายใจด้วยถุงลมและหน้ากาก (bag-mask ventilation) ทันทีหากพบการหยุดหายใจ
- P07.0F1I-3: วางท่อช่วยหายใจ (endotracheal intubation) ในกรณีที่การช่วยหายใจด้วยถุงลมไม่เพียงพอ
- P07.0F1I-4: ให้เสริมออกซิเจนผ่าน High Flow Nasal Cannula หรือ CPAP ตามความจำเป็น
- P07.0F1I-5: ควบคุมอุณหภูมิร่างกายให้เหมาะสมโดยใช้เครื่องวอร์มมิ่ง (warming device)
- P07.0F1I-6: เฝ้าระวังและบันทึกระดับออกซิเจนในเลือด (SpO₂) ทุก 5-15 นาทีในช่วงวิกฤต
- P07.0F1I-7: ให้การดูแลระบบประสาท เช่น การใช้ therapeutic hypothermia หากแพทย์สั่ง
- P07.0F1I-8: สื่อสารกับครอบครัวให้เข้าใจถึงสภาพของทารกและกระบวนการรักษา
Response
(การตอบสนอง)
- P07.0F1R-1: ทารกเริ่มหายใจเองได้อย่างสม่ำเสมอและไม่มีการหยุดหายใจ
- P07.0F1R-2: ค่า SpO₂ ≥ 95% โดยไม่มีการเขียวคล้ำ
- P07.0F1R-3: คะแนน Apgar score ≥ 8 ภายใน 10 นาที
- P07.0F1R-4: ทารกไม่มีอาการแทรกซ้อน เช่น ชักหรือเลือดเป็นกรด
- P07.0F1R-5: ครอบครัวเข้าใจสภาพของทารกและแผนการรักษา
………………………………..
P07.0F2
- ภาวะการขาดออกซิเจนในเลือด (Hypoxia)
Assessment
(การประเมิน)
S:
- ผู้ดูแลรายงานว่าทารกหยุดหายใจชั่วคราวหรือมีการหายใจลำบาก
- ผู้ดูแลระบุว่าการคลอดใช้เวลานานหรือมีภาวะแทรกซ้อนระหว่างคลอด
O:
- การหายใจผิดปกติ เช่น หายใจเร็ว (>60 ครั้ง/นาที) หรือหยุดหายใจ
- ค่า SpO₂ ต่ำกว่า 90% ในขณะได้รับออกซิเจน
- ผิวหนังเขียวคล้ำ (cyanosis) โดยเฉพาะบริเวณปากและปลายมือเท้า
- การตรวจระดับก๊าซในเลือด (ABG) พบ PaO₂ ต่ำ (<50 mmHg)
- อัตราการเต้นของหัวใจผิดปกติ (ต่ำกว่า 100 bpm หรือเร็วเกินไป)
Goals
(เป้าหมาย)
- ทารกมีระดับออกซิเจนในเลือด (SpO₂) ≥ 95%
- ลดอาการเขียวคล้ำและการหายใจลำบาก
- ระบบการไหลเวียนโลหิตและการหายใจทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
Evaluate
Criteria (เกณฑ์การประเมิน)
- ค่า SpO₂ ≥ 95% และไม่มีอาการเขียวคล้ำ
- ทารกหายใจสม่ำเสมอโดยไม่มีการหยุดหายใจ
- ระดับก๊าซในเลือดกลับเข้าสู่เกณฑ์ปกติ (PaO₂ 50-80 mmHg)
- สัญญาณชีพคงที่: HR 120-160 bpm, RR 30-60 ครั้ง/นาที
Intervention
(การปฏิบัติการพยาบาล)
- P07.0F2I-1: ประเมินระดับออกซิเจนในเลือด (SpO₂) และการหายใจของทารกทุก 5-15 นาทีในช่วงวิกฤต
- P07.0F2I-2: ให้การช่วยหายใจด้วยถุงลมและหน้ากาก (bag-mask ventilation) ในกรณีที่ SpO₂ ต่ำกว่า 90%
- P07.0F2I-3: ให้ออกซิเจนเสริมผ่าน High Flow Nasal Cannula หรือ CPAP เพื่อเพิ่มความเข้มข้นของออกซิเจน
- P07.0F2I-4: จัดท่านอนศีรษะสูง (High Fowler’s position) เพื่อช่วยให้หายใจสะดวก
- P07.0F2I-5: ตรวจระดับก๊าซในเลือด (ABG) เพื่อประเมินภาวะออกซิเจนและความเป็นกรด-ด่าง
- P07.0F2I-6: เฝ้าระวังการเปลี่ยนแปลงของสัญญาณชีพ เช่น HR และ RR อย่างใกล้ชิด
- P07.0F2I-7: ให้การดูแลเพื่อลดการใช้พลังงาน เช่น การลดการเคลื่อนไหวที่ไม่จำเป็น
- P07.0F2I-8: สื่อสารกับครอบครัวถึงกระบวนการรักษาและอาการของทารก
Response
(การตอบสนอง)
- P07.0F2R-1: ค่า SpO₂ ≥ 95% โดยไม่มีการเขียวคล้ำ
- P07.0F2R-2: ทารกหายใจเองได้สม่ำเสมอโดยไม่ต้องการการช่วยหายใจเพิ่มเติม
- P07.0F2R-3: ค่า ABG ปกติ: PaO₂ 50-80 mmHg, pH 7.35-7.45
- P07.0F2R-4: สัญญาณชีพคงที่: HR 120-160 bpm, RR 30-60 ครั้ง/นาที
- P07.0F2R-5: ครอบครัวรับทราบข้อมูลและให้ความร่วมมือในการดูแล
……………………………………..
P07.0F3
- ภาวะความดันโลหิตต่ำ (Hypotension)
Assessment
(การประเมิน)
S:
- ผู้ดูแลรายงานว่าทารกตัวซีด อ่อนแรง หรือไม่มีแรงดูดนม
- ระบุว่าทารกตอบสนองต่อสิ่งกระตุ้นได้น้อย
O:
- ความดันโลหิต (BP) ต่ำกว่า 40/20 mmHg
- อัตราการเต้นของหัวใจ (HR) ต่ำกว่า 100 ครั้ง/นาที
- การไหลเวียนเลือดส่วนปลายลดลง: ปลายมือและเท้าเย็นซีด
- ระยะเวลาเติมเลือดกลับ (capillary refill time) > 3 วินาที
- ปัสสาวะออกน้อย (< 1 mL/kg/ชั่วโมง)
- ระดับแลคเตทในเลือดสูงกว่าปกติ (> 2 mmol/L)
Goals
(เป้าหมาย)
- ทารกมีความดันโลหิตอยู่ในเกณฑ์ปกติสำหรับวัยแรกเกิด (≥ 50/30 mmHg)
- การไหลเวียนเลือดกลับมาเป็นปกติ และอวัยวะสำคัญได้รับเลือดเพียงพอ
- ลดความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อนจากความดันโลหิตต่ำ
Evaluate
Criteria (เกณฑ์การประเมิน)
- ความดันโลหิต ≥ 50/30 mmHg โดยไม่มีการใช้ยากระตุ้นเป็นประจำ
- อัตราการเต้นของหัวใจ (HR) อยู่ในช่วงปกติ (120-160 ครั้ง/นาที)
- การไหลเวียนเลือดส่วนปลายดีขึ้น: ปลายมือและเท้าอุ่น และ capillary refill time ≤ 2 วินาที
- ปัสสาวะออก ≥ 1 mL/kg/ชั่วโมง
- ระดับแลคเตทในเลือดลดลงอยู่ในเกณฑ์ปกติ
Intervention
(การปฏิบัติการพยาบาล)
- P07.0F3I-1: ประเมินความดันโลหิตทุก 5-15 นาทีในช่วงวิกฤต เพื่อเฝ้าระวังการเปลี่ยนแปลง
- P07.0F3I-2: ให้น้ำเกลือหรือสารละลายคอลลอยด์ (เช่น albumin) ทางหลอดเลือดเพื่อฟื้นฟูปริมาตรเลือด
- P07.0F3I-3: ให้ยากระตุ้นหัวใจหรือยาขยายหลอดเลือด (เช่น dopamine หรือ dobutamine) ตามแผนการรักษาของแพทย์
- P07.0F3I-4: เฝ้าระวังอาการข้างเคียงจากยากระตุ้นหัวใจ เช่น อัตราการเต้นหัวใจผิดปกติ
- P07.0F3I-5: บันทึกปริมาณน้ำเข้าและออก (I&O) ทุกชั่วโมง เพื่อประเมินประสิทธิภาพของการรักษา
- P07.0F3I-6: ดูแลทารกให้อยู่ในสภาวะอุ่น เพื่อหลีกเลี่ยงการสูญเสียความร้อนที่อาจทำให้ความดันโลหิตลดลง
- P07.0F3I-7: ตรวจระดับแลคเตทและค่าก๊าซในเลือด (ABG) เพื่อประเมินภาวะออกซิเจนและการเผาผลาญ
- P07.0F3I-8: แจ้งแพทย์ทันทีหากความดันโลหิตยังต่ำแม้ได้รับการรักษาเบื้องต้น
Response
(การตอบสนอง)
- P07.0F3R-1: ความดันโลหิต ≥ 50/30 mmHg โดยไม่ต้องใช้ยากระตุ้น
- P07.0F3R-2: อัตราการเต้นของหัวใจกลับเข้าสู่ช่วงปกติ (120-160 ครั้ง/นาที)
- P07.0F3R-3: การไหลเวียนเลือดส่วนปลายดีขึ้น: ปลายมือและเท้าอุ่น, capillary refill time ≤ 2 วินาที
- P07.0F3R-4: ทารกมีปัสสาวะออก ≥ 1 mL/kg/ชั่วโมง
- P07.0F3R-5: ระดับแลคเตทในเลือดลดลงอยู่ในเกณฑ์ปกติ
……………………………………….
P07.0F4
- ภาวะการตอบสนองช้า (Delayed response)
Assessment
(การประเมิน)
S:
- ผู้ดูแลรายงานว่าทารกไม่ตอบสนองต่อเสียงหรือการสัมผัส
- ระบุว่าทารกไม่ร้องหรือดูดนมได้ทันทีหลังคลอด
O:
- ทารกมีคะแนน Apgar ต่ำใน 1 และ 5 นาที (< 7 คะแนน)
- ไม่ตอบสนองต่อการกระตุ้น เช่น การตบก้นเบาๆ หรือการลูบหลัง
- กล้ามเนื้ออ่อนแรง (hypotonia) หรือไม่มีการเคลื่อนไหวอย่างมีพลัง
- การสะท้อนกลับ (reflexes) เช่น Moro reflex หรือ sucking reflex อ่อนหรือไม่มี
- ระดับออกซิเจนในเลือดต่ำ (SpO2 < 90% ในช่วงหลังคลอดทันที)
Goals
(เป้าหมาย)
- ทารกแสดงการตอบสนองต่อการกระตุ้นอย่างเหมาะสมตามพัฒนาการ
- ทารกมีคะแนน Apgar ≥ 7 ใน 5 นาที
- การสะท้อนกลับ (reflexes) กลับมาในระดับปกติ
- เพิ่มความสามารถของทารกในการปรับตัวต่อสิ่งแวดล้อมภายนอก
Evaluate
Criteria (เกณฑ์การประเมิน)
- ทารกตอบสนองต่อการกระตุ้น เช่น การร้องหรือเคลื่อนไหวได้ทันที
- คะแนน Apgar ≥ 7 ใน 1 และ 5 นาที
- การสะท้อนกลับ เช่น Moro และ sucking reflex กลับมาในระดับปกติ
- อัตราการหายใจและ SpO2 อยู่ในเกณฑ์ปกติ
Intervention
(การปฏิบัติการพยาบาล)
- P07.0F4I-1: ประเมินคะแนน Apgar ใน 1, 5 และ 10 นาทีหลังคลอดเพื่อประเมินการปรับตัวของทารก
- P07.0F4I-2: กระตุ้นทารกโดยการลูบหลัง หรือตบก้นเบาๆ หากไม่มีการตอบสนอง
- P07.0F4I-3: จัดทารกในท่าศีรษะต่ำเล็กน้อยเพื่อช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเลือดไปยังสมอง
- P07.0F4I-4: ให้การช่วยหายใจโดยใช้เครื่องช่วยหายใจแรงดันบวก (Positive Pressure Ventilation, PPV) หากทารกไม่หายใจเอง
- P07.0F4I-5: เฝ้าระวังการตอบสนองของทารกต่อการกระตุ้นทุก 5 นาทีจนกว่าจะมีการตอบสนองที่เหมาะสม
- P07.0F4I-6: วัดระดับออกซิเจนในเลือด (SpO2) อย่างต่อเนื่อง และปรับออกซิเจนให้เหมาะสม
- P07.0F4I-7: ประเมินการสะท้อนกลับ (reflexes) เช่น Moro, sucking, grasping reflex เป็นระยะ
- P07.0F4I-8: ให้การดูแลด้านอุณหภูมิ โดยวางทารกใน warm cot หรือ radiant warmer เพื่อป้องกันภาวะตัวเย็น
Response
(การตอบสนอง)
- P07.0F4R-1: ทารกมีคะแนน Apgar ≥ 7 ใน 5 นาที
- P07.0F4R-2: ทารกตอบสนองต่อการกระตุ้น เช่น การร้องและการเคลื่อนไหวอย่างเหมาะสม
- P07.0F4R-3: การสะท้อนกลับ (reflexes) เช่น Moro และ sucking reflex กลับมาในระดับปกติ
- P07.0F4R-4: ทารกมี SpO2 ≥ 90% โดยไม่ต้องใช้ออกซิเจนเสริม
……………………………………..
P07.0F5
- ภาวะเลือดออกในสมอง (Intracranial
hemorrhage)
Assessment
(การประเมิน)
S:
- ผู้ดูแลรายงานว่าทารกมีอาการง่วงซึม ไม่กระปรี้กระเปร่า
- สังเกตเห็นว่าทารกไม่ร้องหรือดูดนมเหมือนปกติ
O:
- พบอาการชัก (Seizures) หรือการกระตุกของกล้ามเนื้อที่ผิดปกติ
- ทารกมีลักษณะง่วงซึม ไม่ตอบสนองต่อการกระตุ้น
- สังเกตศีรษะมีขนาดใหญ่ขึ้น หรือรอยบวมในบริเวณ fontanelle (กระหม่อม)
- การตรวจ CT scan หรืออัลตราซาวด์พบเลือดออกในสมอง
- ระดับออกซิเจนในเลือดต่ำ (SpO2 < 90%)
- มีอาการแสดงของความดันในกะโหลกศีรษะเพิ่มขึ้น เช่น การหายใจผิดปกติ
Goals
(เป้าหมาย)
- ลดอาการเลือดออกในสมองและควบคุมความดันในกะโหลกศีรษะให้อยู่ในระดับปกติ
- ทารกไม่มีอาการชักหรือกระตุกที่ผิดปกติ
- ป้องกันภาวะแทรกซ้อนระยะยาว เช่น การพัฒนาการล่าช้า
- ฟื้นฟูการไหลเวียนโลหิตและออกซิเจนไปยังสมอง
Evaluate
Criteria (เกณฑ์การประเมิน)
- ทารกไม่มีอาการชักหรือตอบสนองผิดปกติ
- ระดับ SpO2 ≥ 90% โดยไม่ต้องใช้ออกซิเจนเสริม
- การตรวจ CT scan หรืออัลตราซาวด์แสดงว่าไม่มีเลือดออกใหม่ในสมอง
- ทารกมีพฤติกรรมและการตอบสนองตามวัยที่เหมาะสม
Intervention
(การปฏิบัติการพยาบาล)
- P07.0F5I-1: ประเมินการตอบสนองของทารกต่อการกระตุ้นทุก 15-30 นาที
- P07.0F5I-2: เฝ้าระวังและบันทึกอาการชักหรือการกระตุกของกล้ามเนื้ออย่างละเอียด
- P07.0F5I-3: ตรวจวัดความดันในกะโหลกศีรษะ หากมีอาการบ่งชี้ถึงความดันสูง
- P07.0F5I-4: ให้การช่วยหายใจด้วยออกซิเจนแรงดันบวก (Positive Pressure Ventilation) หากระดับ SpO2 ต่ำกว่าเกณฑ์ปกติ
- P07.0F5I-5: ให้ยาควบคุมอาการชัก เช่น Phenobarbital ตามคำสั่งแพทย์
- P07.0F5I-6: ดูแลจัดท่านอนศีรษะสูงเล็กน้อยเพื่อช่วยลดความดันในกะโหลกศีรษะ
- P07.0F5I-7: ส่งตรวจ CT scan หรืออัลตราซาวด์เพื่อติดตามผลของการรักษา
- P07.0F5I-8: ดูแลเรื่องโภชนาการให้เหมาะสม โดยอาจใช้การให้อาหารทางสายยางหากทารกไม่สามารถดูดนมได้
- P07.0F5I-9: ให้ข้อมูลและคำแนะนำแก่ผู้ปกครองเกี่ยวกับการดูแลและสังเกตอาการของทารก
Response
(การตอบสนอง)
- P07.0F5R-1: ทารกไม่มีอาการชักหรือกระตุกผิดปกติ
- P07.0F5R-2: SpO2 อยู่ในเกณฑ์ปกติ (≥ 90%)
- P07.0F5R-3: การตรวจ CT scan หรืออัลตราซาวด์แสดงว่าภาวะเลือดออกในสมองลดลง
- P07.0F5R-4: ทารกแสดงการตอบสนองต่อการกระตุ้นตามวัยที่เหมาะสม
………………………………..
P07.0F6
- การรักษาอุณหภูมิร่างกาย (Hypothermia)
Assessment
(การประเมิน)
S:
- ผู้ดูแลรายงานว่าทารกรู้สึกตัวช้าและผิวสัมผัสเย็น
- ผู้ดูแลสังเกตเห็นว่าทารกไม่ดูดนม
O:
- วัดอุณหภูมิร่างกายพบต่ำกว่า 36.5°C (Hypothermia)
- ผิวหนังของทารกซีดหรือมีลักษณะเย็น
- มือและเท้าเย็นจัด (Peripheral Cyanosis)
- อัตราการหายใจต่ำ (Respiratory Rate < 40 ครั้ง/นาที)
- ตรวจระดับน้ำตาลในเลือด (Blood Glucose) ต่ำกว่าเกณฑ์
- มีอาการสั่น (Shivering) หรือไม่มีการเคลื่อนไหวมาก
Goals
(เป้าหมาย)
- ควบคุมอุณหภูมิร่างกายให้อยู่ในช่วงปกติ (36.5–37.5°C)
- ลดอาการและภาวะแทรกซ้อนจาก Hypothermia
- ป้องกันการสูญเสียความร้อนเพิ่มเติม
- ฟื้นฟูการทำงานของระบบการหายใจและการไหลเวียนโลหิต
Evaluate
Criteria (เกณฑ์การประเมิน)
- อุณหภูมิร่างกายของทารกคงที่ในช่วง 36.5–37.5°C
- ทารกไม่มีอาการ Peripheral Cyanosis หรือผิวซีด
- อัตราการหายใจกลับมาในช่วงปกติ (40–60 ครั้ง/นาที)
- ระดับน้ำตาลในเลือดอยู่ในช่วงปกติ
Intervention
(การปฏิบัติการพยาบาล)
- P07.0F6I-1: วัดอุณหภูมิร่างกายทุก 30 นาทีจนกว่าอุณหภูมิจะคงที่ จากนั้นวัดทุก 4 ชั่วโมง
- P07.0F6I-2: ใช้เครื่อง Warmer หรือ Incubator ที่ปรับอุณหภูมิได้ เพื่อรักษาอุณหภูมิของทารกให้อยู่ในช่วงปกติ
- P07.0F6I-3: ห่อตัวทารกด้วยผ้าห่มอุ่น หรือใช้ Skin-to-Skin Contact (Kangaroo Care) เพื่อเพิ่มความอบอุ่น
- P07.0F6I-4: ปิดกั้นการสูญเสียความร้อนโดยการสวมหมวก ผ้าห่อตัว และถุงมือให้ทารก
- P07.0F6I-5: ให้อาหารตามเกณฑ์หรือให้สารน้ำและสารอาหารทางหลอดเลือด (IV Fluids) เพื่อป้องกันภาวะ Hypoglycemia
- P07.0F6I-6: ประเมินอาการของการสูญเสียความร้อน เช่น การสั่น หายใจช้า หรือ Peripheral Cyanosis
- P07.0F6I-7: ให้ข้อมูลแก่ผู้ดูแลเกี่ยวกับการดูแลอุณหภูมิของทารก และการเฝ้าระวังอาการผิดปกติ
- P07.0F6I-8: เตรียมพร้อมทีมแพทย์เพื่อจัดการหากพบว่ามีภาวะแทรกซ้อนรุนแรง
Response
(การตอบสนอง)
- P07.0F6R-1: อุณหภูมิร่างกายของทารกอยู่ในช่วง 36.5–37.5°C อย่างต่อเนื่อง
- P07.0F6R-2: ทารกไม่มีอาการ Peripheral Cyanosis หรือผิวสัมผัสเย็น
- P07.0F6R-3: ทารกมีการหายใจในช่วงปกติและไม่มีอาการหายใจลำบาก
- P07.0F6R-4: ผู้ปกครองสามารถดูแลทารกให้รักษาอุณหภูมิได้อย่างเหมาะสม
……………………………………….
P07.0F7
- การสนับสนุนทางโภชนาการ (Nutritional
Support)
Assessment
(การประเมิน)
S:
- ผู้ปกครองรายงานว่าทารกดูดนมได้น้อยหรือไม่สามารถดูดนมได้
- ผู้ปกครองกังวลเกี่ยวกับน้ำหนักตัวของทารกที่ลดลง
O:
- น้ำหนักตัวทารกลดลงเกิน 10% ของน้ำหนักแรกเกิด
- สังเกตว่าทารกมีปัญหาในการดูดนมหรือกลืน
- ระดับน้ำตาลในเลือดต่ำกว่าเกณฑ์ปกติ (Hypoglycemia)
- การเจริญเติบโตช้ากว่าเกณฑ์อายุ (Failure to Thrive)
- ทารกมีการขับถ่ายลดลง (Diuresis หรือ Stool Frequency ต่ำกว่าปกติ)
Goals
(เป้าหมาย)
- ทารกได้รับโภชนาการที่เหมาะสมและเพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย
- น้ำหนักตัวของทารกเพิ่มขึ้นตามเกณฑ์
- ทารกไม่มีภาวะแทรกซ้อนจากการขาดโภชนาการ เช่น Hypoglycemia
- ผู้ปกครองสามารถให้โภชนาการที่เหมาะสมกับทารกได้อย่างถูกต้อง
Evaluate
Criteria (เกณฑ์การประเมิน)
- น้ำหนักตัวของทารกเพิ่มขึ้น ≥ 20-30 กรัม/วัน (ในช่วงแรกเกิด)
- ระดับน้ำตาลในเลือดอยู่ในเกณฑ์ปกติ (≥ 50 mg/dL)
- ทารกสามารถดูดนมได้ดี หรือได้รับสารอาหารทางสายให้อาหารอย่างเพียงพอ
- ผู้ปกครองมีความเข้าใจและสามารถจัดเตรียมโภชนาการที่เหมาะสม
Intervention
(การปฏิบัติการพยาบาล)
- P07.0F7I-1: ประเมินน้ำหนักตัวของทารกทุกวันในเวลาเดียวกัน เพื่อเฝ้าระวังการเปลี่ยนแปลงของน้ำหนัก
- P07.0F7I-2: วัดระดับน้ำตาลในเลือดทุก 6 ชั่วโมงในระยะแรกเพื่อป้องกันภาวะ Hypoglycemia
- P07.0F7I-3: จัดให้นมแม่โดยการใช้วิธีป้อนนมด้วยช้อนหรือสายให้อาหารหากทารกไม่สามารถดูดนมได้เอง
- P07.0F7I-4: ให้สารอาหารทางหลอดเลือดดำ (Parenteral Nutrition) ในกรณีที่ทารกไม่สามารถรับประทานทางปากได้
- P07.0F7I-5: ฝึกทารกให้มีการดูดนมอย่างเหมาะสม โดยใช้นักกายภาพบำบัดหรือผู้เชี่ยวชาญด้านการดูดกลืน
- P07.0F7I-6: ให้คำแนะนำแก่ผู้ปกครองเกี่ยวกับการให้นมอย่างเหมาะสม รวมถึงการสังเกตอาการที่อาจเกิดขึ้น
- P07.0F7I-7: ประสานงานกับทีมโภชนาการเพื่อประเมินความต้องการพลังงานและสารอาหารของทารก
Response
(การตอบสนอง)
- P07.0F7R-1: น้ำหนักตัวของทารกเพิ่มขึ้น ≥ 20-30 กรัม/วัน
- P07.0F7R-2: ทารกไม่มีอาการ Hypoglycemia และระดับน้ำตาลในเลือดอยู่ในเกณฑ์ปกติ
- P07.0F7R-3: ทารกสามารถดูดนมได้ดีหรือได้รับโภชนาการทางสายอาหารครบถ้วน
- P07.0F7R-4: ผู้ปกครองสามารถปฏิบัติตามคำแนะนำเรื่องโภชนาการได้อย่างเหมาะสม
………………………………………
P07.0F8
- การเฝ้าระวังภาวะแทรกซ้อนระยะยาว (Long-term
complication monitoring)
Assessment
(การประเมิน)
S:
- ผู้ปกครองรายงานว่า ทารกแรกเกิดมีอาการหายใจลำบากทันทีหลังคลอด, มีสีผิวคล้ำ หรือสัญญาณชัก
O:
- สัญญาณชีพไม่คงที่ เช่น อัตราการหายใจต่ำกว่า 30 ครั้ง/นาที
- การหายใจมีเสียงเหมือนหอบเหนื่อย (grunting) หรือหายใจเร็ว
- การตอบสนองช้าหรือไม่ตอบสนองต่อการกระตุ้น
- ทารกมีอาการซึม อ่อนแรง หรือลำบากในการกิน
Goals
(เป้าหมาย)
- ทารกมีการหายใจที่เพียงพอและมีการพัฒนาออกซิเจนในเลือดที่ปกติ
- ไม่มีภาวะแทรกซ้อนจากการขาดออกซิเจนในระยะยาวที่เกิดขึ้น
- พัฒนาการทางร่างกายและจิตใจของทารกจะไม่มีความผิดปกติที่สามารถตรวจพบได้ในระยะยาว
Evaluate
Criteria (เกณฑ์การประเมิน)
- การหายใจที่ดีขึ้น, อัตราการหายใจในช่วง 30 นาทีหลังการให้การรักษาต้องเพิ่มขึ้น
- ค่าระดับออกซิเจนในเลือดต้องคงที่ที่ระดับ 90% ขึ้นไป
- การตอบสนองที่ดีขึ้นเมื่อกระตุ้น
Intervention
(การปฏิบัติการพยาบาล)
- P07.0F8I-1: ติดตามสัญญาณชีพอย่างใกล้ชิด (ทุก 30 นาที) เพื่อประเมินการฟื้นตัวจากภาวะขาดออกซิเจน
- P07.0F8I-2: จัดท่านอนศีรษะสูง (High Fowler's position) เพื่อส่งเสริมการหายใจที่สะดวก
- P07.0F8I-3: ให้การให้พ่นออกซิเจนผ่านหน้ากากหรือท่อช่วยหายใจหากจำเป็น
- P07.0F8I-4: เฝ้าระวังการเปลี่ยนแปลงระดับน้ำตาลในเลือดและดำเนินการตรวจเช็คทุก 6 ชั่วโมง
- P07.0F8I-5: ดูแลการรับประทานอาหารและตรวจสอบให้ทารกได้รับสารอาหารที่เพียงพอเพื่อสนับสนุนการเติบโต
Response
(การตอบสนอง)
- P07.0F8R-1: การหายใจมีความคงที่และไม่แสดงอาการหอบเหนื่อยภายใน 1-2 ชั่วโมงหลังการรักษา
- P07.0F8R-2: ค่าระดับออกซิเจนในเลือดเกิน 90% ภายใน 1 ชั่วโมง
- P07.0F8R-3: ทารกเริ่มมีการตอบสนองดีขึ้น เช่น การขยับมือหรือขาและทำการดูดนมได้ดีขึ้น
- P07.0F8R-4: ไม่มีภาวะแทรกซ้อนระยะยาวที่เกิดขึ้น เช่น การชักหรือพัฒนาการช้า
…………………………………………………
P07.0F9
- การวางแผนจำหน่าย (Discharge
planning)
Assessment
(การประเมิน)
S:
- พ่อแม่หรือผู้ดูแลทารกแจ้งว่าเป็นกังวลเกี่ยวกับการดูแลทารกที่บ้านหลังจากการจำหน่าย
O:
- ทารกไม่มีภาวะหายใจลำบาก หรือภาวะแทรกซ้อนที่จำเป็นต้องรักษาต่อ
- พ่อแม่หรือผู้ดูแลแสดงความเข้าใจในการดูแลทารกที่บ้าน แต่ยังขาดความมั่นใจในการปฏิบัติ
- การเฝ้าระวังภาวะสุขภาพของทารกจากภาวะขาดออกซิเจนก่อนหน้านี้เป็นสิ่งที่ต้องให้ความสำคัญ
Goals
(เป้าหมาย)
- พ่อแม่หรือผู้ดูแลสามารถดูแลทารกที่บ้านได้อย่างถูกต้องและปลอดภัย
- ทารกได้รับการดูแลทางการแพทย์ต่อเนื่องที่บ้านในด้านการเฝ้าระวังภาวะแทรกซ้อนจากภาวะขาดออกซิเจน
- ทารกและผู้ดูแลมีความเข้าใจและสามารถปฏิบัติตามแผนการดูแลที่กำหนด
Evaluate
Criteria (เกณฑ์การประเมิน)
- พ่อแม่หรือผู้ดูแลสามารถอธิบายวิธีการดูแลทารกที่บ้านและแสดงการเตรียมความพร้อมในการรับมือกับสถานการณ์ฉุกเฉิน
- ทารกได้รับการเฝ้าระวังสัญญาณของภาวะแทรกซ้อน (เช่น อาการหายใจผิดปกติ หรืออาการชัก) ที่อาจเกิดขึ้น
- มีการจัดหาทรัพยากรหรือการสนับสนุนเพิ่มเติม เช่น หมอที่สามารถติดต่อได้ในกรณีฉุกเฉิน
Intervention
(การปฏิบัติการพยาบาล)
- P07.0F9I-1: ให้ข้อมูลเกี่ยวกับการดูแลทารกที่บ้าน เช่น วิธีการดูแลการหายใจ, การสังเกตอาการผิดปกติ, และการจัดท่านอนที่เหมาะสม
- P07.0F9I-2: สอนวิธีการใช้เครื่องมือทางการแพทย์ที่จำเป็น เช่น เครื่องวัดออกซิเจนในเลือดหรืออุปกรณ์ช่วยหายใจ
- P07.0F9I-3: สอนวิธีการเฝ้าระวังและการบันทึกข้อมูลเกี่ยวกับน้ำหนักตัว, การหายใจ, และการกินของทารก
- P07.0F9I-4: แนะนำวิธีการสังเกตและจัดการเมื่อทารกมีอาการผิดปกติ เช่น การหายใจเร็วเกินไป หรือชัก
- P07.0F9I-5: วางแผนการติดตามผลการดูแลอย่างต่อเนื่อง โดยการนัดหมายการเยี่ยมบ้านหรือการตรวจสุขภาพต่อเนื่อง
Response
(การตอบสนอง)
- P07.0F9R-1: ผู้ดูแลสามารถสาธิตการดูแลทารกที่บ้านได้ถูกต้องและมั่นใจ
- P07.0F9R-2: ทารกไม่มีอาการผิดปกติที่จำเป็นต้องกลับไปโรงพยาบาลภายใน 2 สัปดาห์หลังการจำหน่าย
- P07.0F9R-3: พ่อแม่หรือผู้ดูแลมีการติดตามและรายงานผลการดูแลตามแผนที่กำหนด
- P07.0F9R-4: มีการติดต่อผู้ดูแลสาธารณสุขหรือแพทย์เมื่อทารกมีอาการผิดปกติทันที
……………………………………………………….
P07.0F10
- การจำหน่าย (Discharge)
Assessment
(การประเมิน)
S:
- ผู้ปกครองหรือผู้ดูแลแสดงความกังวลเกี่ยวกับความสามารถในการดูแลทารกที่บ้านหลังจากการจำหน่าย
- ผู้ปกครองหรือผู้ดูแลยังไม่แน่ใจเกี่ยวกับการสังเกตสัญญาณที่บ่งชี้ว่าทารกอาจมีภาวะแทรกซ้อนในระยะยาว
O:
- ทารกมีการหายใจที่คงที่และอัตราการหายใจปกติ
- ทารกมีการตอบสนองที่ดีต่อการกระตุ้น และไม่มีอาการผิดปกติหลังจากการดูแลและรักษา
- ทารกมีการดูดนมได้ดีและไม่มีการแสดงอาการท้องอืดหรือปัญหาทางระบบทางเดินหายใจ
- ทารกมีการเติบโตที่ดีและไม่มีภาวะแทรกซ้อนจากภาวะขาดออกซิเจน
Goals
(เป้าหมาย)
- ทารกสามารถฟื้นตัวจากภาวะขาดออกซิเจนได้ดีและพร้อมสำหรับการจำหน่าย
- ทารกจะได้รับการติดตามผลการรักษาหลังการจำหน่ายอย่างต่อเนื่องและมีการดูแลที่บ้านได้อย่างถูกต้องและปลอดภัย
- ไม่มีภาวะแทรกซ้อนจากการขาดออกซิเจนในระยะยาวที่เกิดขึ้นในระหว่างการฟื้นตัว
Evaluate
Criteria (เกณฑ์การประเมิน)
- ทารกสามารถรักษาค่าระดับออกซิเจนในเลือดได้ปกติ โดยไม่ต้องใช้การช่วยหายใจเพิ่มเติม
- ทารกมีการตอบสนองที่ดีขึ้นหลังจากการกระตุ้น เช่น การเคลื่อนไหวของมือและขา การดูดนม และการหายใจ
- ผู้ปกครองหรือผู้ดูแลสามารถแสดงความเข้าใจในวิธีการดูแลทารกที่บ้านและแผนการติดตามผลการรักษาหลังการจำหน่าย
Intervention
(การปฏิบัติการพยาบาล)
- P07.0F10I-1: ประเมินอาการและสัญญาณของทารกทุกวัน เช่น การหายใจ, การดูดนม, การเคลื่อนไหว และการตอบสนองของทารก
- P07.0F10I-2: สอนผู้ปกครองหรือผู้ดูแลเกี่ยวกับวิธีการดูแลทารกที่บ้าน เช่น การสังเกตอาการผิดปกติ, วิธีการให้อาหาร, และการรักษาความสะอาดของทารก
- P07.0F10I-3: จัดเตรียมข้อมูลเกี่ยวกับการติดตามผลการรักษาหลังการจำหน่าย เช่น การนัดหมายเยี่ยมบ้าน หรือการตรวจสุขภาพทารกในระยะยาว
- P07.0F10I-4: ให้คำแนะนำเกี่ยวกับวิธีการเฝ้าระวังการเกิดภาวะแทรกซ้อนระยะยาวที่อาจเกิดขึ้นจากการขาดออกซิเจน เช่น การพัฒนาการทางสมองหรือการเคลื่อนไหว
- P07.0F10I-5: ติดตามความพร้อมของผู้ปกครองหรือผู้ดูแลในการจัดการการดูแลที่บ้าน เช่น ความรู้เกี่ยวกับการปฐมพยาบาลในกรณีฉุกเฉิน
Response
(การตอบสนอง)
- P07.0F10R-1: ทารกมีอาการหายใจปกติและไม่มีสัญญาณของการขาดออกซิเจนภายใน 24 ชั่วโมงหลังการจำหน่าย
- P07.0F10R-2: ผู้ปกครองสามารถสาธิตวิธีการดูแลทารกที่บ้านได้ถูกต้อง เช่น การป้อนนมและการสังเกตอาการผิดปกติ
- P07.0F10R-3: ไม่มีภาวะแทรกซ้อนระยะยาวที่เกิดขึ้นในช่วง 2 สัปดาห์หลังการจำหน่าย
- P07.0F10R-4: การติดตามผลการรักษาของทารกหลังการจำหน่ายเป็นไปตามแผนที่กำหนดและผู้ปกครองรายงานผลได้ดี
…………………………………….
อำภัย อินดี